00:00:00 → 00:00:03 This Is tha PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world vi The
00:00:05 → 00:00:08 Voice จริงๆแล้วครับสิ่งมีชีวิตมันจะมี
00:00:08 → 00:00:11 เรื่องของการแข่งขันการต่อสู้การชิงพื้น
00:00:11 → 00:00:13 ที่บางทีสิ่งเอาจจะเป็นสัตตยาของสิ่งมี
00:00:13 → 00:00:16 ชีวิตอยู่แล้วเราอาจจะคิดไปว่าเฮ้ยมนุษย์
00:00:16 → 00:00:18 เป็นเผาพันธุ์ที่เจริญแล้วผมว่าจริงๆแล้ว
00:00:18 → 00:00:20 แม้กระทั่งพวกเราอ่ะครับก็ยังมีสันตยาของ
00:00:20 → 00:00:23 ความดุร้ายอยู่เราอยากเป็นจ่าฝูงเราอาจจะ
00:00:23 → 00:00:25 ถูกผลักดันจากเรื่องฮอร์โมนเรื่องเกี่ยว
00:00:25 → 00:00:27 กับสันญาณดิบในฐานะสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ
00:00:27 → 00:00:29 นึงที่มันเป็นพื้นฐานอยู่แล้วทีเนี้ยหาก
00:00:29 → 00:00:32 การก้าว้าที่ลดลงอาจจะหมายถึงความเจริญ
00:00:32 → 00:00:34 ทางสมองก็ได้หรืออาจจะหมายถึงวิวัฒนาการ
00:00:34 → 00:00:37 บางอย่างเชิงสังคมที่ทำให้ความก้าวเร้า
00:00:37 → 00:00:40 นั้นไม่มีความจำเป็นอเพราะผมว่าบางทีความ
00:00:40 → 00:00:41 ก้าวร้าวครับเราอาจจะรู้สึกว่ามันเป็น
00:00:41 → 00:00:44 เรื่องร้ายแรงแต่บางทีการมีอยู่ของมันอาจ
00:00:44 → 00:00:45 จะหมายถึงความจำเป็นบางอย่างในเรื่องของ
00:00:45 → 00:00:47 เผ่าพันก็
00:00:47 → 00:00:51 ได้ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัยฟัง
00:00:51 → 00:00:57 รายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวร
00:00:57 → 00:01:01 ค่ะมาค่ะคุณผู้ฟังตามกันในวันนี้นะคะก็
00:01:01 → 00:01:04 เป็นอีกเรื่องที่อยากจะให้ทุกคนเนี่ยได้
00:01:04 → 00:01:06 ตั้งใจฟังแล้วก็เรียนรู้ไปพร้อมๆกันนะคะ
00:01:06 → 00:01:09 ว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นเนี่ยมันมีจาก
00:01:09 → 00:01:11 ปัจจัยอะไรหรือว่าเอ๊ะเราจะทำยังไงกันได้
00:01:11 → 00:01:15 บ้างเมื่อเด็กเริ่มใช้ความรุนแรงต่อกัน
00:01:15 → 00:01:17 ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นใน
00:01:17 → 00:01:20 สังคมหรือในโรงเรียนก็แล้วแต่ที่เราจะ
00:01:20 → 00:01:22 เห็นว่าโอ้โหทุกวันนี้ข่าวคราวเกี่ยวกับ
00:01:22 → 00:01:25 เรื่องของเด็กที่กระทำรุนแรงเนี่ยมันมี
00:01:25 → 00:01:28 ค่อนข้างมากนะคะเดี๋ยวมาฟังกันกับดร
00:01:28 → 00:01:31 สุววุฒิวงทางสวัสดิ์นักจิตวิทยาการปรึกษา
00:01:31 → 00:01:33 ค่ะสวัสดีค่ะคุณเอิ้นคะครับสวัสดีครับคุณ
00:01:33 → 00:01:35 รีสวัสดีครับคุณผู้ฟังได้ดูข่าวดูอะไรกัน
00:01:35 → 00:01:39 บ้างเปล่าโอ้โหครับเห็นกันประจำนะฮะคือ
00:01:39 → 00:01:41 แบบว่าแล้วมันดูถีขึ้นด้วยนะผมว่าใช่ๆ
00:01:41 → 00:01:43 แล้วก็รู้สึกว่าเอ๊ะทำไมมันเริ่มมีความ
00:01:43 → 00:01:48 รุนแรงมากขึ้นไม่ว่าจะไปกระทำต่อบุคคล
00:01:48 → 00:01:50 อื่นที่ด้อยกว่าหรือที่อะไรก็แล้วแต่หรือ
00:01:50 → 00:01:55 แม้กระทั่งกับในโรงเรียนอือมันมีข่าวบ่อย
00:01:55 → 00:01:58 มากจากเมื่อก่อนน่ะเออโอเคว่าในยุคตอนที่
00:01:58 → 00:02:03 ยังสมัยเป็นนักเรียนโอ้โหย้อนไปนานมากนะ
00:02:03 → 00:02:06 ตาต่อตาฟันต่อฟันแต่ไม่มีโซเชียลไงออืเออ
00:02:06 → 00:02:09 ยุคยุคนั้นเราเป็นไงฮะเราแรงมั้ยไม่ๆเป็น
00:02:09 → 00:02:12 คนปกติมากเลยแต่จะเห็นก็มีนะที่แบบครู
00:02:12 → 00:02:16 ฝ่ายปกครองอจะต้องมีการทำธงทำโทษกันว่าไป
00:02:16 → 00:02:18 แต่มันไม่ได้มีในโซเชียลไงแต่ทุกวันเนี้ย
00:02:19 → 00:02:22 เรากลายเป็นว่าเราเห็นพวกนี้มากขึ้นผ่าน
00:02:22 → 00:02:24 ทางโซเชียลหรืออะไรเงี้ยเฮ้ยทำไมมันกลาย
00:02:24 → 00:02:26 เป็นว่าทุกวันนี้มันมีความรุนแรงเกิดขึ้น
00:02:27 → 00:02:30 มากมันมันมีอะไรเป็นปัจจัยเป็นสาเหตุยยัง
00:02:30 → 00:02:33 ไงมยเท่าที่เอิ้นมองอ่าครับผมผมว่าจริงๆ
00:02:33 → 00:02:36 ความรุนแรงเนี่ยเอ่อผมพูดในเชิงสัจจญาณ
00:02:36 → 00:02:38 ก่อนเนาะสมมุติถ้าเราไม่ต้องนับว่าเรา
00:02:38 → 00:02:41 เป็นมนุษย์เงี้ยฮะเราเป็นสิ่งมีชีวิตเผ่า
00:02:41 → 00:02:43 พันธุ์นึงจริงๆแล้วครับสิ่งมีชีวิตเอ่อ
00:02:43 → 00:02:46 มันจะมีเรื่องของการแข่งขันการต่อสู้การ
00:02:46 → 00:02:49 ชิงพื้นที่บางทีสิ่งเยอาจจะเป็นสัตตยาของ
00:02:49 → 00:02:52 สิ่งมีชีวิตอยู่แล้วก็ได้ลองนึกภาพเหมือน
00:02:52 → 00:02:56 อะไรดีเอ่อฝูงฝูงหมาป่าอือหรืออาจจะเป็น
00:02:56 → 00:02:59 อากกวางก็ได้สัตว์กินพืชแต่สุดท้ายตัวผู้
00:02:59 → 00:03:01 ก็ต้องสู้กันค่ะเพื่ออาจจะแย่งตัวเมีย
00:03:01 → 00:03:03 หรืออาจจะขยายเผ่าพันธุ์แล้วแต่ผมว่าจริง
00:03:03 → 00:03:05 ๆแล้วแม้กระทั่งมนุษย์เราอ่ะครับถ้าเอา
00:03:05 → 00:03:09 ใกล้เคียงกับเป็นลิงก็ได้ิลิงมันยังมีแบบ
00:03:09 → 00:03:11 ความก้าวร้าวในฝูงลิงเลยครับค่ะเพราะงั้น
00:03:11 → 00:03:13 แม้กระทั่งเราเองเป็นมนุษย์นะครับเราอาจ
00:03:13 → 00:03:15 เราอาจจะคิดไปว่าเฮ้ยมนุษย์เป็นเผาพันธุ์
00:03:15 → 00:03:18 ที่เจริญแล้วผมว่าจริงๆแล้วแม้กระทั่งพวก
00:03:18 → 00:03:20 เราอ่ะครับก็ยังมีสันธยาของความดุร้าย
00:03:20 → 00:03:22 อยู่เราอยากเป็นจ่าฝูงอย่าเงี้เราอยาก
00:03:22 → 00:03:24 เป็นจ่าฝูงเราอาจจะถูกผลักดันจากเรื่อง
00:03:25 → 00:03:27 ฮอร์โมนเรื่องเกี่ยวกับสันตยาดิบในฐานะ
00:03:27 → 00:03:29 สิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุนึงที่มันเป็นพื้น
00:03:29 → 00:03:31 ฐานอยู่แล้วออืทีเนี้ยหากการก้าวร้าวที่
00:03:31 → 00:03:34 ลดลงอาจจะหมายถึงเอ่อความเจริญทางสมองก็
00:03:34 → 00:03:37 ได้หรืออาจจะหมายถึงวิวัฒนาการบางอย่าง
00:03:37 → 00:03:39 เชิงสังคมที่ทำให้ความก้าวเร้านั้นไม่มี
00:03:39 → 00:03:42 ความจำเป็นออือเพราะผมว่าบางทีความก้าว
00:03:42 → 00:03:43 ร้าวอ่ะครับเราอาจจะรู้สึกว่ามันเป็น
00:03:43 → 00:03:46 เรื่องร้ายแรงแต่บางทีการมีอยู่ของมันอาจ
00:03:46 → 00:03:47 จะหมายถึงความจำเป็นบางอย่างในเรื่องของ
00:03:47 → 00:03:50 เผ่าพันธุ์ก็ได้อืการดำมันเป็นเรื่องของ
00:03:50 → 00:03:52 การที่แบบความดำการดำรงอยู่หรือการเอาชนะ
00:03:52 → 00:03:54 หรือการรู้สึกว่าตัวเองอยู่รอดได้เพราะ
00:03:55 → 00:03:57 งั้นสิ่งพวกเนี้ยมันเป็นสันตตินาณพื้นฐาน
00:03:57 → 00:04:00 ที่มนุษย์พวกเรามีอยู่แล้วเพราะงั้นอัน
00:04:00 → 00:04:02 นี้คือปัจจัยแรกเลยครับปัจจัยแรกคือเป็น
00:04:02 → 00:04:04 เรื่องสัญชาตญาณอืออ่าแต่ทีเนี้ยพอเรา
00:04:04 → 00:04:06 เป็นสังคมเจริญขึ้นเหมือนที่ผมบอกตะกี้
00:04:06 → 00:04:09 มันเป็นเรื่องสภาพแวดล้อมเชิงสังคมด้วย
00:04:09 → 00:04:11 ค่ะบางทีอ่ะครับเด็กๆอาจจะเติบโตมากับ
00:04:11 → 00:04:13 สภาพแวดล้อมของครอบครัวที่แบบมีความรุน
00:04:13 → 00:04:17 แรงก็ได้ที่แบบพ่อแม่อาจจะไม่ค่อยได้ใส่
00:04:17 → 00:04:21 ใจไม่ค่อยมีเวลาเราก็ต้องบอกว่าพ่อแม่ก็
00:04:21 → 00:04:23 เป็นคนที่แบบต้องใช้ชีวิตภายใต้ความกดดัน
00:04:23 → 00:04:26 เหมือนกันอือต้องหาเงินเลี้ยงลูกหรือบาง
00:04:26 → 00:04:30 ทีอาจจะเจอเรื่องความกดดันในที่ทำงานหรือ
00:04:30 → 00:04:32 อาจจะเจอความเครียดหลายๆอย่างหรือแม้
00:04:32 → 00:04:35 กระทั่งปัญหาในระหว่างคู่ฝั่งมีภรรยาบาง
00:04:35 → 00:04:38 ทีพวกเนี้ยก็ทำให้เกิดอารมณ์ร้อนเกิดความ
00:04:38 → 00:04:40 หงุดหงิดแล้วก็เลยเกิดการใช้ความรุนแรงใน
00:04:40 → 00:04:42 บ้านค่ะความอบอุ่นในบ้านหายไปบางทีเด็กก็
00:04:42 → 00:04:46 จะรู้สึกไม่ปลอดภัยในตัวเองหรือบางทีเด็ก
00:04:46 → 00:04:48 อาจจะจดจำและเก็บความกรดแคนไว้ในใจก็ได้
00:04:48 → 00:04:51 เป็นเหมือนคล้ายๆดินระเบิดที่รอวันนึงที่
00:04:51 → 00:04:53 จะระเบิดออกทางใดทางหนึ่งอือือก็เป็นไป
00:04:54 → 00:04:56 ได้เพราะงั้นยุคนี้เราจะเห็นข่าวที่แบบ
00:04:56 → 00:04:58 พ่อแม่เรียกว่าต้องไปทำงานแล้วก็เริ่ม
00:04:58 → 00:05:01 ทิ้งลูกเริ่มแบบอะไรอย่างเงี้ยเยอะๆมาก
00:05:01 → 00:05:03 ขึ้นการหย่าร้างก็สูงขึ้นถ้าเราเห็นเนาะ
00:05:03 → 00:05:06 นั่นแสดงว่าความกดดันมันเกิดขึ้นตั้งแต่
00:05:06 → 00:05:08 ภายในครอบครัวแล้วครับแล้วบางทีเด็กๆ
00:05:08 → 00:05:11 กลุ่มเนี้ยเขาก็อาจจะแบบไปใช้ความรุนแรง
00:05:11 → 00:05:13 ที่โรงเรียนก็ได้เพราะรู้สึกว่ากดดันจาก
00:05:13 → 00:05:16 ที่บ้านแล้วต่อยพ่อต่อยแม่ไม่ได้นึกออก
00:05:16 → 00:05:19 มั้ยเอ้ยไม่พอใจเค้าก็เลยแบบไปรังแกใคร
00:05:19 → 00:05:21 สักคนที่อ่อนแอกว่าที่โรงเรียนก็มีหรือ
00:05:21 → 00:05:24 เขาคอาจจะพยายามไปใช้อำนาจที่โรงเรียน
00:05:24 → 00:05:26 เพื่อให้ตัวเองรู้สึกว่ามีพาวเวอรก็ได้
00:05:26 → 00:05:30 ค่ะก็มีอืมันเหมือนกับว่ามันมันมีมุมเล็ก
00:05:30 → 00:05:33 ๆอยู่มุมนึงนะที่ปิดบังความอ่อนแอของตัว
00:05:33 → 00:05:35 เองอ่ะอ่าได้เหมือนกันเนาะใช่ครับแบบว่า
00:05:35 → 00:05:38 เอก็เลยไปชดเชยชดเชยที่อื่นว่าตัวเองรู้
00:05:38 → 00:05:41 สึกเหนือกว่าก็มีเพราะไม่สามารถควบคุมที่
00:05:41 → 00:05:45 บ้านได้ก็เลยไปควบคุมข้างนอกชดเชยเอาอือื
00:05:45 → 00:05:47 อย่างเงี้ยครับหรือจริงๆต้องบอกว่าพอพอ
00:05:47 → 00:05:49 เราลองนึกภาพว่าแบบเราเป็นเด็กก้าวร้าว
00:05:49 → 00:05:50 ที่ติดมาจากที่บ้านแล้วไปที่โรงเรียนค่ะ
00:05:50 → 00:05:53 เราอาจจะไปรังแกคนอื่นเราเลยอาจจะส่งต่อ
00:05:53 → 00:05:55 ความรุนแรงให้คนอื่นด้วยเพราะคนอื่นอาจจะ
00:05:55 → 00:05:57 ต้องปกป้องตัวเอง
00:05:57 → 00:06:01 อ๋อเออถ้าแกแรงมาฉันต้องปกป้องตัวเองฉัน
00:06:01 → 00:06:03 ก็เลยต้องแรงกลับค่ะก็เลยกลายเป็นต่อยตี
00:06:03 → 00:06:05 กันก็ทำฉันก่อนฉันยอมไม่ได้ทำฉันก่อนต่อย
00:06:05 → 00:06:07 กันแล้วก็อาจจะมีเรื่องศักดิ์ศรีเข้ามา
00:06:07 → 00:06:09 เกี่ยวข้องก็ได้เออศักดิ์ศรีแบบยอมได้หรอ
00:06:10 → 00:06:12 วะยามไม่ได้อะไรอย่าเงี้ยเอออืก็เลยกลาย
00:06:12 → 00:06:14 เป็นว่ายิ่งไปกันใหญ่เลยครับค่ะเป็นค่า
00:06:15 → 00:06:17 นิยมเพราะว่าผมมองว่าเรื่องเกี่ยวกับ
00:06:17 → 00:06:20 พัฒนาการของวัยรุ่นก็มีผลนะเอ่อผมค่อน
00:06:20 → 00:06:23 ข้างมั่นใจว่าเอ่อเด็กๆจะเป็นวัยเลือด
00:06:23 → 00:06:25 ร้อนผมว่าเรื่องฮอร์โมนนะครับเรื่อง
00:06:25 → 00:06:28 เกี่ยวกับพัฒนาการทางสมองจะมีผลต่อการที่
00:06:28 → 00:06:30 เขาไม่ได้มองอะไรไกลมากอ่ะค่ะเขาอาจจะมอง
00:06:30 → 00:06:33 แค่ว่าในยุคนี้เขาอยากรู้สึกสร้างตัวตน
00:06:33 → 00:06:35 ที่ตัวเองรู้สึกดีรู้สึกเก่งรู้สึกมี
00:06:35 → 00:06:38 อำนาจอือะไรเงี้ยฮะแต่พอลองนึกภาพว่าบาง
00:06:38 → 00:06:41 ทีแก่ๆไปอ่ะเขาอาจจะรู้สึกว่าโอ้โหสมัย
00:06:41 → 00:06:44 นั้นวัยรุ่นไร้สาระจังเราเราถึงบางทีจะ
00:06:44 → 00:06:46 ไม่ได้เข้าใจวัยรุ่นนะครับเพราะว่าวัย
00:06:46 → 00:06:49 รุ่นเขาจะมีโลกทของเขาเขาจะมีความพร้อม
00:06:49 → 00:06:52 ทางสมองของเขาเพราะงั้นเขาอาจจะไม่ได้มี
00:06:52 → 00:06:54 ความพร้อมที่เขาจะเข้าใจวิธีคิดแบบผู้
00:06:54 → 00:06:59 ใหญ่ค่ะในขณะที่บางคนนะนักเลงบางคนสมัย
00:06:59 → 00:07:02 แบบวัยรุ่นพอเป็นวันเนี้ยผมว่าบางคนเค้า
00:07:02 → 00:07:04 ก็ไม่ได้ร้อนแบบสมัยก่อนแล้วนะค่ะเาอาจจะ
00:07:04 → 00:07:06 เริ่มมาสนใจว่าเอ้ยเรื่องต่อยตีมันเรื่อง
00:07:06 → 00:07:10 เด็กๆอืไอ้ตอนทำมาหากินนี่สิของจริงหรือ
00:07:10 → 00:07:13 ไม่ใช่แค่ทำมาหากินเนาะมีลูกมีเมียแต่ง
00:07:13 → 00:07:16 งานการการใส่ใจกับลูกเมียต่างหากที่สำคัญ
00:07:16 → 00:07:19 อืไอ้การไปนั่งต่อยการเข้ารวมกลุ่มไม่ใช่
00:07:19 → 00:07:22 สาระแล้วค่ะแต่ในขณะที่ยุคนั้นนะครับเด็ก
00:07:22 → 00:07:24 ๆอาจจะยังไม่ได้สนใจเรื่องทำมาค้าขายหรือ
00:07:24 → 00:07:26 ทำอาชีพอืเขาอาจจะยังไม่ได้คิดว่าจะต้อง
00:07:26 → 00:07:28 มีลูกมีเมียหรือยังไม่ได้เจอสิ่งที่สำคัญ
00:07:28 → 00:07:31 ในชีวิตคือปัจจุบันตอนนั้นปัจจุบันตอน
00:07:31 → 00:07:33 นั้นเค้าก็คิดแค่ว่าศักดิ์ศรีสำคัญที่สุด
00:07:33 → 00:07:36 อือศักดิ์ศรีหรือการยอมรับจากเพื่อนหรือ
00:07:36 → 00:07:38 การรู้สึกว่าตัวเองเหนือนั่นแหละสำคัญที่
00:07:38 → 00:07:40 สุดค่ะเพราะงั้นมันถึงเกิดการตั้งกลุ่ม
00:07:40 → 00:07:43 รวมแก๊งต้องการขยายอิทธิพลต้องการขยาย
00:07:43 → 00:07:46 ความยิ่งใหญ่ของกลุ่มตัวเองอ้าแต่เด็กบาง
00:07:46 → 00:07:48 คนไม่เป็นนะเด็กบางคนไม่เป็นอันนี้ก็ต้อง
00:07:48 → 00:07:50 บอกว่าเป็นเรื่องของความแตกต่างระหว่าง
00:07:50 → 00:07:53 เด็กแต่ละคนแต่เด็กบางคนอาจจะไปหมกมุด
00:07:53 → 00:07:55 เรื่องเกี่ยวกับการมีความรักก็ได้นะเพราะ
00:07:55 → 00:07:57 ว่าเด็กแต่ละคนมันก็จะหมกมุ่นนะครับแต่ละ
00:07:57 → 00:07:59 เรื่องไม่เหมือนกันจุดโฟกัสจุดโฟกัส
00:08:00 → 00:08:01 เด็กบางคนก็หมกมุ่นเรืื่องการแบบต้องมี
00:08:01 → 00:08:04 อำนาจฉันจะต้องใหญ่อืเด็กบางคนอาจจะมุ่ง
00:08:04 → 00:08:07 มั่นกับการเรียนอยากมีอนาคตที่ดีอ่าเด็ก
00:08:07 → 00:08:10 บางคนอาจจะมุ่งมั่นกับเรื่องความรักฉัน
00:08:10 → 00:08:12 อยากมีแฟนฉันอยากแต่งงานมีลูกตอนนี้เลย
00:08:12 → 00:08:15 ได้มั้ยเอออะไรเงี้ยฮะนี่ใครใส่ชุดความ
00:08:15 → 00:08:17 คิดไปที่แบค่อนข้างมีความแตกต่างอยู่เนาะ
00:08:17 → 00:08:20 ออ่าใช่ครับแตกต่างแตกต่างอนะครับหรือบาง
00:08:20 → 00:08:22 ทีตัวเด็กเองเนาะอาจจะมีเรื่องของบิ
00:08:22 → 00:08:24 บุคลิกภาพส่วนตัวของเขาที่นิยมความรุนแรง
00:08:25 → 00:08:27 ก็ได้อาจจะจากในครอบครัวได้เหมือนกันนะ
00:08:28 → 00:08:30 อ่าใช่ครับมีแต่ความรุนแรงจนเมองเป็น
00:08:30 → 00:08:33 เรื่องปกติอ่ะปกติทำแบบเนี้ยแล้วถึงจะ
00:08:33 → 00:08:35 อย่างงี้อะไรอย่างเงี้ยเนาะหรือบางคนชอบ
00:08:35 → 00:08:37 ต้องบอกว่าไม่ใช่แค่เห็นความรุนแรงเป็น
00:08:37 → 00:08:40 เรื่องปกตินะแต่เขาชอบเสพความรุนแรงโอมัน
00:08:40 → 00:08:42 ก็อีกขั้นนึงเเป็นอีกเรื่องนึงมันจะเป็น
00:08:43 → 00:08:45 บุคลิกของคนที่ชอบเสพชอบได้ทำร้ายคนอื่น
00:08:45 → 00:08:48 มันเกี่ยวกับเรื่องของอ่าสมองสมองอาจจะ
00:08:48 → 00:08:51 ด้วยครับฮอร์โมนเกี่ยวกับสารเคมีในสื่อ
00:08:51 → 00:08:53 ประสาทหรือหรือถ้าถ้าเชื่อเรื่องปัชญาอาจ
00:08:53 → 00:08:56 จะไปเกี่ยวกับจิตที่มาเกิดจิตที่มาเกิด
00:08:56 → 00:09:01 ดวงนั้นนิยมความรุนแรงเออืๆๆอือือก็มัน
00:09:01 → 00:09:04 ค่อนข้างหลากหลายนะคืออันในทางของกายภาพ
00:09:04 → 00:09:08 ในทางกายกายภาคศาสตร์กายภากาาอะไรประมาณ
00:09:08 → 00:09:10 นี้จริงๆมีเรื่องสารเสพติดด้วยนะครับอ่า
00:09:10 → 00:09:13 ใช่ไงอ่าสารเสพติดเพราะว่าผมเองก็เคยได้
00:09:13 → 00:09:16 ยินหลายๆเคสอ่ะครับที่เด็กๆมีความรุนแรง
00:09:16 → 00:09:18 เป็นเพราะว่าเหมือนได้เสียบยาเสพติดบาง
00:09:18 → 00:09:21 ตัวแล้วมันก็คล้ายๆค่อยๆทำทำลายสมองทำลาย
00:09:21 → 00:09:25 การควบคุมตัวเองของเขาไปผมผมได้ยินเคส
00:09:25 → 00:09:27 หรือว่าที่แบบผมได้เจอเองกับตัวก็มีนะ
00:09:27 → 00:09:29 เป็นที่มาปรึกษาอย่าเงี้ยครับอืคือเป็น
00:09:29 → 00:09:32 ช่วงชีวิตหลังจากที่เขาเสพยาหนักๆมาช่วง
00:09:32 → 00:09:34 นึงอือมันกลายเป็นว่าเขาไม่สามารถกลับไป
00:09:34 → 00:09:37 ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้เมีสมาธิที่น้อยลง
00:09:37 → 00:09:40 แล้วเขามีความอดทนต่ำมากค่ะพร้อมที่จะ
00:09:40 → 00:09:43 น็อตหลุดได้ตลอดบางคนก็แบบโอ้โหถึงขั้น
00:09:43 → 00:09:46 ต้องมีอาวุธติดมือบางคนก็บีบคอแฟนบางคนก็
00:09:46 → 00:09:48 ทำร้ายคนอื่นอย่าเงี้ยมันเป็นผลจากยาเสพ
00:09:48 → 00:09:51 ติดอซึ่งซึเดี๋ยวนี้ก็เห็นเยอะมากนะไอ้
00:09:51 → 00:09:53 เรื่องยาเสพติดแล้วอยามันเข้าถึงง่ายครับ
00:09:53 → 00:09:54 ยุคนี้
00:09:54 → 00:09:58 เฮ้ยเราจะเห็นข่าวประจำเนาว่าคนซื้อยาขาย
00:09:58 → 00:10:01 ยาเด็กเสพยาคุ้มคลั่งเราได้ยินเรื่อง
00:10:01 → 00:10:04 เนี้ยตามข่าวสารเต็มไปหมดนะครับค่ะเออ
00:10:04 → 00:10:06 แล้วบางทีสิ่งพวกนี้ก็เป็นพฤติกรรมเลียน
00:10:06 → 00:10:08 แบบเหมือนกันนะพอเด็กๆเห็นว่าเฮ้ยเห็นคน
00:10:08 → 00:10:12 ก็เสียบยามันเท่หรือยาซื้อง่ายเฮ้ยอยาก
00:10:12 → 00:10:14 ลองอย่างเงี้ยครับมันก็กลายเป็นว่าเอ่อ
00:10:14 → 00:10:16 การลองเป็นเรื่มปกติเพราะเห็นในสื่อใครๆ
00:10:16 → 00:10:19 ก็ทำกันค่ะหรือแม้กระทั่งการการต่อยตีกัน
00:10:19 → 00:10:21 เป็นเรื่องที่เห็นได้ตามสื่อทั่วๆไปเป็น
00:10:21 → 00:10:24 เรื่องปกติเออเออเราก็ชินกับการใช้ความ
00:10:24 → 00:10:26 รุนแรงนั้นน่ะครับเป็นพฤติกรรมเลียนแบบใน
00:10:26 → 00:10:29 สังคมอคือเลือกเสพแต่เรื่องพวกนี้เนาะไป
00:10:29 → 00:10:31 เห็นแต่เรื่องพวกนี้เนาะใช่ครับแล้วผมว่า
00:10:31 → 00:10:35 สื่อสื่อเอ่อใช้คำนี้แล้วะกันบางทีสื่อ
00:10:35 → 00:10:38 อาจจะไม่ได้มีหน้าที่แค่เล่าข่าวแต่บาง
00:10:38 → 00:10:40 ครั้งสื่อก็เป็นเรื่องของธุรกิจเหมือนกัน
00:10:40 → 00:10:43 ที่ว่าจะนำเสนอข่าวยังไงนะให้คนเข้ามาดู
00:10:43 → 00:10:45 ให้คนเข้ามาสนใจให้เยอะที่สุดแล้วถ้าเกิด
00:10:46 → 00:10:48 ข่าวดีๆคนไม่ค่อยได้สนใจหรอกอ่าใช่ก็แบบ
00:10:48 → 00:10:50 อ้าคนนี้เก็บกระเป๋าตังคคืนอ่ะโอเคก็ดี
00:10:50 → 00:10:52 แล้วก็ผ่านไปผ่านไปแต่มันไม่ได้สร้าง
00:10:52 → 00:10:55 อารมณ์ร่วมอครับแต่ไอ้เรื่องข่าวลบๆข่าว
00:10:55 → 00:10:57 ต่อยตีข่าวที่มันค่อนข้างดราม่าจะค่อน
00:10:57 → 00:11:00 ข้างสร้างอารมณ์ให้กับคนดให้เติดกับข่าว
00:11:00 → 00:11:02 นั้นอืบางทีตรงเนี้ยสื่อก็มีอิทธิพล
00:11:02 → 00:11:04 เหมือนกันนะอย่างช่องเราไย pps อย่าง
00:11:04 → 00:11:07 เงี้ยครับเนาะเราก็พยายามจะสร้างสื่อที่
00:11:07 → 00:11:09 แบบค่อนข้างปลอดภัยกับสังคมสื่อสร้าง
00:11:09 → 00:11:11 สรรค์แต่บางทีสื่อเจ้าอื่นเเป็นเรื่อง
00:11:11 → 00:11:14 เกี่ยวกับมุมมองธุรกิจที่ต้องแข่งขันทำ
00:11:14 → 00:11:16 สื่อเพื่อให้คนสนใจต้องเรียกยอดให้ได้คือ
00:11:16 → 00:11:19 จะบอกว่ามุมมองในการทำสื่อหรือการนำเสนอ
00:11:19 → 00:11:23 อาจจะมีมีเปลี่ยนไปบ้างตามยุคตามสมัยความ
00:11:23 → 00:11:26 อยากเห็นของสังคมอยากรู้ของสังคมอะไร
00:11:26 → 00:11:28 อย่างเงี้ยเนาะใช่คก็ต้องตอบสนองผู้ที่
00:11:28 → 00:11:31 อยากรู้เพะมันจะได้ขายได้ใช่เออผมว่ายุค
00:11:31 → 00:11:33 นี้มันมีผลมากๆเลยนะครับทำให้จรรยาบรรณ
00:11:33 → 00:11:36 สื่อบางครั้งมันก็ลดลดน้อยลงไปก็มีบางที
00:11:36 → 00:11:39 ข่าวเนี่ยความรุนแรงเนี่ยซ้ำแล้วซ้ำเล่า
00:11:39 → 00:11:41 ฉายวนอยู่นั่นแหละแต่เรื่องเดิมนะพูดเป็น
00:11:41 → 00:11:43 ชั่วโมพูดเป็นชั่วโมงเลยนะรูปก็วนไป
00:11:43 → 00:11:47 เรื่องราวก็วนไปอย่างเงี้ยแล้วก็เออเฮ้ย
00:11:47 → 00:11:51 มันสามารถขยายขยี้กันได้ขนาดนี้เลยหรอวน
00:11:51 → 00:11:53 เวียนวนเวียนจนรู้สึกว่าถ้าเราเห็นอย่าง
00:11:53 → 00:11:56 เงี้ยบ่อยๆอ่ะจนเกิดความเคยชินมันจะเป็น
00:11:56 → 00:11:58 ผลกระทบในอนาคตมั้ยที่ว่าความรุนแรงพวก
00:11:58 → 00:12:02 เนี้ยเอ้าเป็นเรื่มปกติก็มีข่าวทุกวันเลย
00:12:02 → 00:12:04 อใช่ใช่แล้วก็กลายเป็นมาตรฐานของสังคมไป
00:12:04 → 00:12:07 ว่ารุนแรงปกติเห็นทุกวันออืไม่เหนือความ
00:12:07 → 00:12:10 คาดหมายหรือบางทีตัวเราเองก็มีอารมณ์ร่วม
00:12:10 → 00:12:12 ว่าโอ๋สะใจจังที่มีคนโดนความรุนแรงนั้น
00:12:12 → 00:12:15 โอ้ใช่อ่ะมันกลายเป็นว่าไม่ใช่แค่เราทำ
00:12:15 → 00:12:18 ทำลายกันทางกายภาพเนาะทางจิตใจมันก็เริ่ม
00:12:18 → 00:12:20 มีความรุนแรงสะสมจนเป็นความเคยชินเหมือน
00:12:20 → 00:12:22 กันออมันไม่อยากจะให้มันกลายเป็นแบบนั้น
00:12:22 → 00:12:24 ในอนาคตเลยใช่ครับเพราะงั้นเรื่องนี้แนว
00:12:24 → 00:12:26 ทางการป้องกันมันเลยเป็นเรื่องของแบบที่
00:12:26 → 00:12:28 ทุกส่วนน่ะผมว่าทุกส่วนเลยนะที่มันจะต้อง
00:12:28 → 00:12:30 มีส่วนร่วมกันแล้วกันนะครับออย่างเรื่อง
00:12:30 → 00:12:33 แม้กระทั่งครอบครัวพ่อแม่จะทำไงน้าให้ตัว
00:12:33 → 00:12:37 เองแบบเรียกว่าได้มีชีวิตที่แบบเอ่อ
00:12:37 → 00:12:40 สมมุติถ้าถ้าพื้นฐานครอบครัวดีสามีภรรยา
00:12:40 → 00:12:42 เข้ากันได้ดีมีความรักต่อกันมีความสุข
00:12:42 → 00:12:44 อย่างเงี้ยครับการทะเลาะทะเลาะเบาะแวงใน
00:12:44 → 00:12:46 บ้านมันก็จะไม่ค่อยเกิดและเราก็อาจจะมี
00:12:46 → 00:12:48 ความพร้อมในการจะเป็นพื้นที่ปลอดภัยหรือ
00:12:48 → 00:12:51 เป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับลูกแต่จะบอก
00:12:51 → 00:12:52 ว่าให้คาดหวังกับพ่อแม่อย่างเดียวก็ไม่
00:12:52 → 00:12:55 ใช่เพราะพ่อแม่ก็ยังต้องใช้ชีวิตภายใต้
00:12:55 → 00:12:59 ระบบสังคมซึ่งระบบสังคมนั้นอาจจะหมายถึง
00:12:59 → 00:13:03 ญาติผู้ใหญ่ค่ะถูกเอ่ออบรมถูกสั่งสอนถูก
00:13:03 → 00:13:05 ปลูกฝังความคิดมายังไงญาติผู้ใหญ่กดดัน
00:13:05 → 00:13:08 พ่อแม่ยังไงหรือเป็นเรื่องเกี่ยวกับเอ่อ
00:13:08 → 00:13:12 สังคมเราภาพใหญ่ว่าคนในสังคมอยู่กันยังไง
00:13:12 → 00:13:15 อืระบบการศึกษาให้คนสังคมคนในสังคมเป็น
00:13:15 → 00:13:18 ยังไงบริษัทห้างร้านองค์กรที่พ่อแม่ต้อง
00:13:18 → 00:13:21 ไปทำงานด้วยเาสาดความกดดันมาให้พ่อแม่
00:13:21 → 00:13:24 หรือเปล่าอืเพราะว่าบางทีพ่อแม่ครับเขาค
00:13:24 → 00:13:26 ก็ไม่ได้แบบจู่ๆนึกจะมีความสุขด้วยตัวเอง
00:13:26 → 00:13:28 ก็ได้อบางทีเค้าก็จำเป็นต้องอาศัยเอ่อ
00:13:28 → 00:13:31 ความสุขจากบริบทอื่นเช่นที่ทำงานเาดี
00:13:31 → 00:13:34 เพื่อนเดีเอ่อรัฐบาลเอื้อเฟื้อหรือมีระบบ
00:13:34 → 00:13:37 อะไรที่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยกับชีวิต
00:13:37 → 00:13:40 เข้าก็จะมีความกดดันต่ำอมีความสุขในตัว
00:13:40 → 00:13:42 เองหรืออาจจะแบบระบบการศึกษาที่ทำให้พ่อ
00:13:42 → 00:13:44 แม่รู้จักตัวเองแล้วก็จัดการชีวิตได้ดี
00:13:44 → 00:13:46 ค่ะอย่างเงี้ยครับตรงเก็จะเป็นปัจจัยที่
00:13:46 → 00:13:48 เอื้อให้พ่อแม่เป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีให้
00:13:48 → 00:13:51 กับโลกต่อไปได้ด้วยออือ่าการเลี้ยงดูเด็ก
00:13:51 → 00:13:54 ก็จะแบบคล้ายๆเต็มไปด้วยความอบอุ่นอ่าแต่
00:13:54 → 00:13:56 โลกไม่ได้สวยขนาดนั้นไม่ไม่ง่ายไม่ง่าย
00:13:57 → 00:13:58 เพราะงั้นเรื่องนี้การพูดถึงแนวทางป้อง
00:13:58 → 00:14:02 กันมันเลยแบบพูดเป็นคอนเซปได้พูดเป็นหลัก
00:14:02 → 00:14:05 การได้แต่ในทางปฏิบัติทำได้จริงมั้ยเออ
00:14:05 → 00:14:08 อีกเรื่องนึงนะทฤษฎีหน้ากระดาษมาแล้วะแต่
00:14:08 → 00:14:10 ว่าเฮ้ยแล้วยังไงอ่ะใช่เพราะว่าเรื่อง
00:14:10 → 00:14:12 เนี้ยครับเรื่องทฤษฎีผมว่าใครๆก็พูดได้
00:14:12 → 00:14:15 แหละว่าสุดท้ายการจะทำให้สังคมเป็นสังคม
00:14:15 → 00:14:17 ที่ดีมันต้องใช้อะไรบ้างแต่ในทางปฏิบัติ
00:14:18 → 00:14:20 บางครั้ง่ะครับในความเป็นภาพใหญ่บางที
00:14:20 → 00:14:23 ประชาชนคนธรรมดาเนี่ยครับนึกจะทำอะไร
00:14:23 → 00:14:26 เนี่ยมันทำอะไรแล้วมันก็เล็กอครับอย่าง
00:14:26 → 00:14:28 อย่างมากที่สุดก็ทำได้แค่ในหน่วยของบ้าน
00:14:28 → 00:14:31 เราเองแต่ถ้าจะให้เปลี่ยนแบบสังคมเห็นภาพ
00:14:31 → 00:14:33 แบบเปลี่ยนไปด้วยกันทั้งหมดผมว่าเรื่อง
00:14:33 → 00:14:35 นี้มันต้องอาศัยอำนาจที่ใหญ่กว่านั้นหรือ
00:14:35 → 00:14:37 บางทีต้องตะโกนเสียงดังหน่อยเออแต่มันอาจ
00:14:37 → 00:14:40 จะตะโกนดังได้แค่แป๊บนึงแล้วก็จะหายไปคอ
00:14:40 → 00:14:43 แห้งไม่ไหวอะไรอย่างเงี้ยูแต่ว่าถ้ามันจะ
00:14:43 → 00:14:47 ยังมีเรื่องความรุนแรงต่อสังคมต่อกันขนาด
00:14:47 → 00:14:51 นี้เนี่ยมันก็ไม่ไหวป่ะไม่ไหวใช่ครับสุด
00:14:51 → 00:14:54 ท้ายผมว่าอันเนี้ยถ้าเราใช้ชีวิตจริงเนาะ
00:14:54 → 00:14:55 เราจะรู้เลยว่าการเปลี่ยนแปลงอะไรบาง
00:14:55 → 00:14:58 อย่างในเชิงระบบในเชิงประเทศอ่ะครับอืมัน
00:14:58 → 00:15:00 มันมันมีปัจจัยหลายอย่างที่เราไม่สามารถ
00:15:00 → 00:15:03 เข้าไปแทรกแซงได้มันมีกลไกบางอย่างที่
00:15:03 → 00:15:05 วิ่งอย่างแข็งแรงมากๆจนกระทั่งเราไม่รู้
00:15:06 → 00:15:09 จะหยุดไอ้วงจรนี้ยังไงอืเคยมีเคสที่มา
00:15:09 → 00:15:11 ปรึกษามั้ยคะอย่างแบบคุณพ่อคุณแม่พามา
00:15:11 → 00:15:14 ปรึกษาว่าลูกอ่ะเอ่อใช้ความรุนแรงหรืออาจ
00:15:14 → 00:15:18 จะเตะตีต่อยกันหรือหรือไปทำร้ายใครหรือ
00:15:18 → 00:15:20 อะไรอย่างเงี้ยมีบ้างมั้ยในเคสของเพมีมี
00:15:20 → 00:15:23 ครับมีเหมือนกันอืแล้วมันก็จะไม่ใช่มีแค่
00:15:23 → 00:15:25 เตะเตะต่อยตบตีเนาบางทีมียาเสพติดเข้ามา
00:15:25 → 00:15:27 เกี่ยวเด้วยมันก็จะรุนแรงมาหลังๆก็มีการ
00:15:27 → 00:15:31 พนันเข้ามาอีกอย่างเงี้ยอ๋อการพนันยาเสพ
00:15:31 → 00:15:35 ติดเอ่อต่อยต่อยตีอะไรอย่าเงี้ยฮะรวมแก๊ง
00:15:35 → 00:15:37 เพื่อนอะไรเงี้ยครับก็เลยเจอการก้าวเข้า
00:15:37 → 00:15:40 ไปสู่วังวนแบบนี้เนี่ยมันมันเกิดจากอะไร
00:15:40 → 00:15:43 คือเาอยากเป็นที่ยอมรับมั้ยด้วยๆคือคือ
00:15:43 → 00:15:45 สุดท้ายครับทุกคนอยากรู้สึกตัวเองเจ๋งอ่ะ
00:15:45 → 00:15:49 ออเรียกว่าใครๆก็อยากรู้สึกว่าตัวเองเจ๋ง
00:15:49 → 00:15:51 ทีนี้ทีนี้เจ๋งให้คนอื่นดูกับกับนึกเอา
00:15:51 → 00:15:54 เองว่าเราเจ๋งเนี่ยครับเออแต่ละคนก็จะมี
00:15:54 → 00:15:56 แง่มุมไม่เหมือนกันแต่สุดท้ายการเข้าไป
00:15:56 → 00:15:59 สู่การพนันอาจจะเป็นความคึกคะนองก่อนก็
00:15:59 → 00:16:01 ได้หรืออาจจะมาจากกลุ่มสังคมที่แบบเฮ้ย
00:16:01 → 00:16:02 เห็นเพื่อนๆเล่นแล้วอยากรู้สึกเท่เหมือน
00:16:02 → 00:16:04 เพื่อนเออมันได้เหมือนเหมือนพฤติกรรม
00:16:04 → 00:16:06 เรียนแบบสูบบุหรี่อย่างเงี้ยครับเห็น
00:16:06 → 00:16:09 เพื่อนสูบแล้วดูเท่อยากสูบบ้างอาจจะอยาก
00:16:09 → 00:16:12 ลองอือฮึหรือถเป็นอะไรฉีกฉีกแบบผิดแผกไป
00:16:12 → 00:16:13 จากความปกติอาจจะรู้สึกเหมือนแตกต่างแล้ว
00:16:13 → 00:16:17 มันเด่นอือ่านี่คือวิธีคิดของวัยรุ่นบาง
00:16:17 → 00:16:20 ทีเอยากโดดเด่นหาที่ยืนให้ตัวเองหาที่ยืน
00:16:20 → 00:16:22 ให้ตัวเองอืใช่ครับแล้วมันก็เลยเข้าไปสู่
00:16:22 → 00:16:24 วังบนที่แบบเคยชินกับเพืองอบายมุขเรื่อง
00:16:24 → 00:16:27 เกี่ยวกับทางที่มันไม่ค่อยไม่ค่อยแบบควร
00:16:27 → 00:16:29 จะโคจรเข้าไปจากที่อาอาจจะยังไม่ได้ถลำ
00:16:29 → 00:16:33 ลึกแล้วไม่คิดว่าจะไปได้ขนาดนั้นก็จุด
00:16:34 → 00:16:36 เริ่มต้นค่อยๆไปเรื่อยๆในกลุ่มเพื่อนเอย
00:16:36 → 00:16:39 อะไรเอยว่าไปใช่มั้ยคะแล้วอย่างงี้ที่เคส
00:16:39 → 00:16:42 นี้คือยังไงอ่ะทำอะไรได้บ้างอเออสุดท้าย
00:16:42 → 00:16:45 เรื่องนี้ต้องดูก่อนว่าเด็กเด็กพอจะมีหน
00:16:45 → 00:16:48 ทางที่เขาจะกลับไปหาวิธีการที่เขาจะภูมิ
00:16:48 → 00:16:50 ใจกับตัวเองอย่างถูกต้องได้มั้ยเพราะว่า
00:16:50 → 00:16:53 เรื่องเนี้ยผมผมก็ต้องบอกว่าทุกคนล้วนหา
00:16:53 → 00:16:55 ความความรู้สึกเจ๋งหรือความรู้สึกพอใจอ่ะ
00:16:55 → 00:16:58 ทีนี้ถ้าถ้าเด็กเขาแทบจะไม่ฝักใฝ่เลยกับ
00:16:58 → 00:17:01 การจะแบบไปทางเอ่อเรียนให้ดีการมีสังคม
00:17:01 → 00:17:03 ที่ดีอะไรพวกเยครับบางทีเราทำได้แค่แบบ
00:17:03 → 00:17:05 เรียกอะไรนะชวนให้เค้าแค่คิดแหละว่าแบบ
00:17:05 → 00:17:08 เอ้ยมันไม่ต้องไปขนาดเละเทขนาดนั้นก็ได้
00:17:08 → 00:17:10 หรือเปล่าแต่แต่ต้องบอกว่างี้ครับในข้อ
00:17:10 → 00:17:14 เท็จจริงเราไม่สามารถแทรกแซงทุกๆอย่างได้
00:17:14 → 00:17:17 มันจะมีคนที่เราได้แค่เห็นแล้วเต้องจมลง
00:17:17 → 00:17:20 ไปอ่ะครับอืเด็กๆบางคนก็จมไปต่อหน้าต่อตา
00:17:20 → 00:17:23 โดยที่เราไม่สามารถดึงได้นอกจากว่าจะจับค
00:17:23 → 00:17:26 มัดไว้ซึ่งในบางเคสก็ต้องใช้วิธีถึงขั้น
00:17:26 → 00:17:29 นั้นเลยอ่ะอืมเป็นเคสที่พ่อแม่ตัดสินใจ
00:17:29 → 00:17:33 ว่าจะตัดสินใจเอาเด็กออกจากทุกุกอย่างออก
00:17:33 → 00:17:34 จากโรงเรียนออกจากกลุ่มเพื่อนออกจากทุก
00:17:35 → 00:17:36 อย่างแล้วมาริดรอนสิทธิ์ทุกอย่างให้อยู่
00:17:36 → 00:17:40 แค่ที่บ้านโอ้โหก็มีก็มีเพราะงั้นเรื่อง
00:17:40 → 00:17:41 พวกนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายไม่ใช่เรื่อง
00:17:41 → 00:17:44 ง่ายแล้วผมในฐานะคนที่ทำงานด้านนี้เนาะ
00:17:44 → 00:17:47 แล้วผมเห็นชีวิตมาเยอะพอสมควรผมรู้เลยว่า
00:17:47 → 00:17:51 ในบางเงื่อนไขเราแทรกแซงได้ในบางเงื่อนไข
00:17:51 → 00:17:55 ได้แค่เห็นโอ้โหบางเงื่อนไขเราทำอะไรกับ
00:17:55 → 00:17:57 เด็กไม่ได้เราทำได้แค่เตรียมใจให้กับพ่อ
00:17:57 → 00:17:59 แม่ว่าต้องเจอกับอะไรบ้างบ้างโอ้โหฟัง
00:17:59 → 00:18:02 แล้วสะท้อนใจใช่ครับซึ่งซึเรื่องนี้คือ
00:18:02 → 00:18:04 ชีวิตจริงเหมือนอารมณ์แบบอะไรนะเห็นผู้
00:18:04 → 00:18:07 ป่วยเป็นมะเร็งหมออาจจะเห็นว่าเรามีความ
00:18:07 → 00:18:10 รู้บางอย่างที่อยากจะช่วยคนไข้แต่ดูทรง
00:18:10 → 00:18:12 แล้วเระยะสุดท้ายเราไม่สามารถยื้อไว้ได้
00:18:12 → 00:18:15 ก็ต้องเราทำได้แค่เตรียมใจให้กับญาติอ่ะ
00:18:15 → 00:18:18 อืโอหทรมานใจจังเออบางทีชีวิตจริงเป็น
00:18:18 → 00:18:21 อย่างงั้นนะครับว่าอันเนี้ยกายภาพแต่
00:18:21 → 00:18:23 เรื่องจิตใจบางครั้งมันก็เกินจะยับยั้ง
00:18:23 → 00:18:25 เหมือนกันอืเออซึ่งผมก็เห็นความเป็นจริง
00:18:25 → 00:18:28 ข้อนี้มาพอสมควรค่ะผมก็เลยรู้สึกว่าสุด
00:18:29 → 00:18:32 ท้ายทุกคนดูแลตัวเองให้ดีนะครับแล้วก็มอง
00:18:32 → 00:18:34 มองหวังภาพใหญ่ให้สังคมเปลี่ยนอาจจะเป็น
00:18:34 → 00:18:37 เรื่องยากแต่เราพอทำได้ในหน่วยเล็กๆของ
00:18:37 → 00:18:39 เราพยายามดูแลชีวิตตัวเองและครอบครัวเรา
00:18:39 → 00:18:41 ให้ดีคือปัจจัยบางอย่างที่ทำให้เกิดความ
00:18:42 → 00:18:44 การสร้างความรุนแรงต่อกันเนี่ยมันยังพอ
00:18:44 → 00:18:47 แก้ไขได้เอ่อแต่วันนึงตัวขึ้นเขอาจจะแก้
00:18:47 → 00:18:50 ไขด้วยตัวเองได้ก็ได้ใช่่ก็ยืนระยะให้
00:18:50 → 00:18:52 ผ่านไปแต่มันต้องอยู่ถึงตรงนั้นน่ะก็ต้อง
00:18:52 → 00:18:55 ไปวัดดวงเอาครับว่าว่าเด็กจะแบบไม่ไม่
00:18:55 → 00:18:58 เรียกว่าจมหายไปก่อนเออไม่คือคือมันไม่
00:18:58 → 00:19:00 ใช่มีแค่เราแค่เจ๋งคนเดียวอ่ะมันมีคนอื่น
00:19:00 → 00:19:03 ที่เ้าก็ตั้งตนว่าตัวเองเจ๋งกว่ามันอาจจะ
00:19:03 → 00:19:07 ยิ่งแย่ไปกว่าเดิมคือบางทีไม่ใช่แค่ผล
00:19:07 → 00:19:10 กระทบกับเราที่เกิดขึ้นถ้าเกิดอะไรขึ้นมา
00:19:10 → 00:19:14 เนี่ยพ่อแม่ก็ผลกระทบตามมาด้วยอืๆอืใช่
00:19:14 → 00:19:16 ครับทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะทำยังไงให้
00:19:16 → 00:19:19 สังคมรับรู้ภาพใหม่ๆว่าบางทีเรื่องที่น่า
00:19:19 → 00:19:21 ภูมิใจมันไม่ใช่เรื่องการใช้ความรุนแรง
00:19:21 → 00:19:25 อย่างเช่นอ่ะสมมุติแบบเอ่ออสมมุติผมพูดใน
00:19:25 → 00:19:27 มุมว่าถ้าเคยถ้ามันเคยมีค่านิยมว่าเตะ
00:19:27 → 00:19:30 เมียเราเท่อ่ะทำไมต้องเตะเมียด้วยอย่าง
00:19:30 → 00:19:33 เช่นแบบไม่กลัวเมียเออแบบมาข่มไม่ได้เฮ้ย
00:19:33 → 00:19:36 เจ๋งว่าเตะเมียได้เมียมาข่มเราไม่ได้อะไร
00:19:36 → 00:19:38 อย่าเงี้ยฮะอ๋อกำลังจะเปลี่ยนทฤษฎีว่าการ
00:19:38 → 00:19:41 เชื่อเมียแล้วจะเจริญนะคะเปลี่ยนใช่มั้ย
00:19:41 → 00:19:43 อาจจะอาจจะไม่ใช่เชื่อเมียแล้วเจริญก็ได้
00:19:43 → 00:19:47 อาจจะว่าการเป็นสุภาพบุรุษได้ดูแลผู้หญิง
00:19:47 → 00:19:50 นั่นคือความเท่อ่ะครับอือๆวิธีคิดคนละแบบ
00:19:50 → 00:19:52 กนะอาจจะไม่ต้องไม่ต้องเชื่อเมียก็ได้
00:19:52 → 00:19:54 เพราะว่าบางครั้งเมียก็ไม่ได้ถูกเสมอแต่
00:19:54 → 00:19:57 ส่วนใหญ่ฉะนั้นเออผมว่าแนวคิดนั้นมันจะทำ
00:19:57 → 00:19:59 ให้เค้าเรียกอะไรนะมันเหมือนเหมือนบาลาน
00:19:59 → 00:20:01 ไม่ถูกต้องอครับอันนึงก็ข่มผู้หญิงอีกอัน
00:20:01 → 00:20:03 นึงก็ให้ผู้หญิงข่มอือผมว่าสุดท้ายมันไม่
00:20:03 → 00:20:06 ได้เป็นระดับของคนที่เท่ากันสิ่งที่ดีคือ
00:20:06 → 00:20:09 การเ้าเรียกว่าเอ่อมีไมตรีต่อกันหรือแม้
00:20:09 → 00:20:11 กระทั่งการเป็นสุภาพบุรุษนั่นแหละคือความ
00:20:11 → 00:20:14 น่าภาคภูมิใจของผู้ชายเดี๋ยวเก็จะมาบอก
00:20:14 → 00:20:15 ว่าทำไมผู้ชายต้องเป็นเป็นสุภาพบุรุษ
00:20:15 → 00:20:17 อย่างเดียวแล้วทีนี้มันก็เลยไม่ควรพูดแค่
00:20:17 → 00:20:19 เรื่องผู้ชายครับสุดท้ายผู้หญิงก็ควรมีบท
00:20:19 → 00:20:21 บาทในการที่จะรับฟังหรือให้เกียรติผู้ชาย
00:20:21 → 00:20:24 เหมือนกันก็ก็ต้องเรื่องนี้อยู่ที่ว่าจะ
00:20:24 → 00:20:27 ปลูกฝังในภาพคือมันต้องสุดท้ายภาพพวก
00:20:27 → 00:20:30 เนี้ยครับมันจะมาตั้งแต่ระบบการศึกษามา
00:20:30 → 00:20:33 ตั้งแต่ในเรื่องละครละครที่ฉายทุกวัน
00:20:33 → 00:20:35 เนี้ยหรือแม้กระทั่งภาพของสื่อที่จะต้อง
00:20:35 → 00:20:38 มีทิศทางในการฉายภาพพวกเนี้ยว่าเฮ้ยการทำ
00:20:38 → 00:20:40 สิ่งนี้เป็นเรื่องที่แบบสังคมชอบสังคมรู้
00:20:40 → 00:20:43 สึกน่าภาคภูมิใจอืแต่มันต้องเยอะมากพอ
00:20:43 → 00:20:46 แล้วมันจะต้องแบบอยู่เสถียรนานพอครับที่
00:20:46 → 00:20:49 จะทำให้คนเกิดการเชื่อเชื่อว่าการทำสิ่ง
00:20:49 → 00:20:53 นี้คือสิ่งที่แบบควรจะเป็นอืแต่ทีเนี้ย
00:20:53 → 00:20:56 เหมือนที่เราย้อนกลับไปคุยคือมันยากเหลือ
00:20:56 → 00:20:58 เกินยากเหลือเกินเพราะว่าเพว่าอย่าง
00:20:58 → 00:21:00 เรื่องอสมมุติผมนึกถึงเรื่องนึงที่
00:21:00 → 00:21:03 อาจารย์ผมเคยเล่าเบอกว่าบางทีอย่างใน
00:21:03 → 00:21:05 ประเทศเกาหลีเงี้ยครับเกาหลีใต้อะไรเงี้ย
00:21:05 → 00:21:08 เพยายามผลิตภาพยนตร์ที่ผู้ชายเป็น
00:21:08 → 00:21:11 สุภาพบุรุษค่ะคำถามว่าเพราะอะไรเพราะใน
00:21:11 → 00:21:14 สังคมที่แท้จริงอ่ะครับมันไม่ได้เป็น
00:21:14 → 00:21:17 สุภาพบุรุษกันอืเเลยพยายามจะใส่สื่อเข้า
00:21:17 → 00:21:20 ไปพวกเนี้ยเพื่อให้คนเริ่มซึมซับว่าเฮ้ย
00:21:20 → 00:21:23 เราควรจะสุภาพบุรุษแต่ผมว่าก็ยังยากอยู่
00:21:23 → 00:21:25 ดีจะเป็นละครคุณธรรมแล้วทีเดียวอ่าใช่
00:21:25 → 00:21:27 ครับเพราะงั้นจริงๆแล้วสิ่งพวกนี้ผมว่าใน
00:21:27 → 00:21:30 เชิงสังคมก็ต้องทำด้วยอืทีนี้มันก็มี
00:21:30 → 00:21:32 เรื่องของการควบคุมสื่อมีเรื่องของการ
00:21:32 → 00:21:36 ผลิตสื่อมีเรื่องของการสรีนหรือว่าบาย
00:21:36 → 00:21:39 สื่อบางอย่างที่ที่อาจจะแบบโยนเข้าไปแล้ว
00:21:39 → 00:21:41 มันกลายเป็นว่าเกิดความแบบหดหู่หรือว่า
00:21:41 → 00:21:44 เกิดการพฤติกรรมเลียนแบบเข้าไปในสังคมอื
00:21:44 → 00:21:46 ก็ต้องระมัดระวังเรื่องนี้เรื่องพวกนี้
00:21:46 → 00:21:48 มันใช้จิตวิทยาหลายแง่มุมมากผมอาจจะไม่
00:21:48 → 00:21:51 สามารถพูดแทนอะไรได้ทั้งหมดหรอกแต่อันนี้
00:21:51 → 00:21:53 ก็จะเป็นแนวคิดที่ทำให้เราพอเห็นภาพว่า
00:21:53 → 00:21:56 สุดท้ายทุกคนต้องการความรู้สึกเหนือความ
00:21:56 → 00:22:00 รู้สึกภูมิใจทีนี้จะเหนือด้วยวิธีการไหน
00:22:00 → 00:22:02 เหนือด้วยความรังแกคนอื่นหรือเหนือด้วย
00:22:02 → 00:22:05 การเป็นใจนักเลลงที่แท้จริงที่เราดูแลผู้
00:22:05 → 00:22:07 อื่นอย่างใจกว้างเป็นคนสปอร์ตเป็นคน
00:22:07 → 00:22:09 สุภาพบุรุษอย่างงี้หรือเปล่าที่ควรจะ
00:22:09 → 00:22:12 เปลี่ยนคำว่านักเลงให้กลายเป็นนักเลลงที่
00:22:12 → 00:22:14 แท้จริงที่แบบใจนักเลลงอ่ะเออเป็น
00:22:14 → 00:22:16 สุภาพบุรุษสุภาพชนที่ไม่ใช่กุ๊ยอ่ะนึกออก
00:22:16 → 00:22:19 มั้ยเอเออมันคลภาพกันอืหรือถ้าอย่างงี้
00:22:19 → 00:22:22 ได้มั้ยใช้แบบกฎหมายแบบเด็ดขาดไปเลยก็
00:22:22 → 00:22:24 ต้องมีใช้บ้างครับเพราะผมมองว่าสุดท้าย
00:22:24 → 00:22:27 ครับเอ่อวิธีการหนึ่งวิธีการจะไม่สามารถ
00:22:27 → 00:22:30 ใช้ได้กับคนทุกทุกคนได้ยกตัวอย่างเช่นแค่
00:22:30 → 00:22:32 ฝ่าไฟแดงเลยคนบางคนนี่คือทั้งชีวิตไม่
00:22:32 → 00:22:34 กล้าฝ่าเลยรู้สึกว่าถ้าฝ่าแล้วแบบเป็นจุด
00:22:34 → 00:22:37 ดังพ้อยรู้สึกเป็นคามผิดเอหรือคนบางคนอาจ
00:22:37 → 00:22:40 จะเคยฝ่าแล้วโดนหมายเรียกแล้วก็อาจจะโดน
00:22:40 → 00:22:43 ปรับแล้วก็แบบโอ้รู้สึกผิดไม่ดีก็เลยหยุด
00:22:43 → 00:22:45 ทำแต่คนบางคนคือเห็นไฟแดงเหมือนไฟเขียว
00:22:45 → 00:22:48 อ่ะคือไม่สนอ่ะพร้อมเหยียบใช่ครับเพราะ
00:22:48 → 00:22:51 ฉะนั้นมันมีคนที่พร้อมจะทำตามกฎและไม่สน
00:22:51 → 00:22:55 กดอ่าคนที่คนที่สนกฎเกณฑ์แล้วมีความรู้
00:22:55 → 00:22:57 สึกเกรงกลัวต่อการทำผิดเราอาจจะไม่ต้อง
00:22:57 → 00:23:00 ใช้กฎหมายที่รุนแรงกับเค้าเพราะเคมีความ
00:23:00 → 00:23:03 กลัวในใจเค้าได้เองแต่มันจะมีคนบางแบบที่
00:23:03 → 00:23:06 ไม่มีความกลัวค่ะบางทีเราต้องเลยต้องใช้
00:23:06 → 00:23:08 กฎหมายที่เด็ดขาดเพื่อสร้างความกลัวในใจ
00:23:08 → 00:23:12 เาขึ้นมาว่าทำแล้วไม่คุ้มเลยอือฮึสำคัญ
00:23:12 → 00:23:14 คือไอ้คำว่าไม่คุ้มเลยเนี่ยแต่ละคนจะไม่
00:23:14 → 00:23:16 เหมือนกันเช่นเราทำไปปึ๊บโอ๋รู้สึกเหมือน
00:23:16 → 00:23:18 ตัวเราเป็นคนไม่ดีอันนี้อาจจะเป็นคนที่มี
00:23:18 → 00:23:22 มโนธรรมสูงเขเลยรู้สึกว่าแม้กระทั่งการทำ
00:23:22 → 00:23:24 อะไรผิดเล็กน้อยมันขัดแย้งกับคุณค่าที่
00:23:24 → 00:23:26 เขาให้กับตัวเองเเลยรู้สึกว่าไม่อยากโดน
00:23:27 → 00:23:29 สิ่งนั้นเกลัวที่จะรู้สึกกับตัวเองก็เลย
00:23:29 → 00:23:31 ไม่ทำอืแต่คนบางคนจำเป็นต้องกลัวสิ่งอื่น
00:23:32 → 00:23:34 เพราะว่าเคไม่ได้มีชุดมโนธรรมนั้นเราก็
00:23:34 → 00:23:36 ต้องกลัวให้เขาคเห็นว่าเขาจะเกิดความเสีย
00:23:36 → 00:23:38 หายยับเยินบางอย่างกับชีวิตเขาแล้วเาถึง
00:23:38 → 00:23:41 จะเลือกไม่ทำเพราะไม่คุ้มอืไม่คุ้มกัน
00:23:41 → 00:23:46 ความหลากหลายเนาะคในสังคมเออใช่ๆแต่กฎ
00:23:46 → 00:23:50 หมายบางทีก็อาจจะต้องแมีการปรับกงปรับแก้
00:23:50 → 00:23:52 บ้างตามยุคสมัยนะมีการปรับใช่ต้องสร้าง
00:23:52 → 00:23:54 ระบบยุติธรรมที่ค่อนข้างเรียกว่ามี
00:23:54 → 00:23:56 เสถียรภาพเนาะแล้วก็ค่อนข้างมีความถูก
00:23:57 → 00:23:59 ต้องอ่ะในเชิงหลักการว่ากฎหมายนี้ควรใช้
00:23:59 → 00:24:01 กับใครหรือไม่ควรใช้กับใครแล้วก็ต้องใช้
00:24:01 → 00:24:04 ให้เท่าเทียมให้ยุติธรรมแล้วก็ต้องสร้าง
00:24:04 → 00:24:07 ความรู้สึกยำเกรงในการทำผิดให้พอๆกัน
00:24:07 → 00:24:09 อย่างเงี้ยครับแต่ทั้งหมดแล้วพอมาคุยกัน
00:24:09 → 00:24:12 เนี่ยตรงนี้สุดท้ายพื้นฐานที่สำคัญที่สุด
00:24:12 → 00:24:14 คือคุณในครอบครัวที่จะต้องครับอ่าเรียก
00:24:14 → 00:24:17 ว่าอะไรขัดเกลาขัดเกลาตัวเองเอเใช่แล้ว
00:24:17 → 00:24:20 เป็นสภาพแวดล้อมที่ดีให้กันแต่ก็ต้องให้
00:24:20 → 00:24:23 สิ่งแวดล้อมช่วยเ้าด้วยนะแต่ว่าถ้าแบบเรา
00:24:23 → 00:24:25 สามารถทำด้วยตัวเองได้ต่อให้สภาพสังคมจะ
00:24:25 → 00:24:28 แย่แต่เรายังคงขัดเกลาตัวเองจนเป็นคนที่
00:24:28 → 00:24:31 แบบแบบเค้าเรียกว่าสุขุมและเย็นพออือะไร
00:24:31 → 00:24:33 เงี้ยฮะผมว่าอันนี้ถ้าทำได้ก็ดีเพราะเรา
00:24:33 → 00:24:36 จะหวังให้สังคมช่วยเรามันยากมากทุกวันนี้
00:24:36 → 00:24:38 มันมีอะไรที่มันแบบโอ้โหมันอยู่กันด้วย
00:24:38 → 00:24:41 ความยากลำบากเยอะ่ะฮะเออเพราะฉะนั้นก็พอ
00:24:41 → 00:24:43 ถ้าเราเริ่มเห็นเริ่มเด็กจะมีความรุนแรง
00:24:43 → 00:24:46 ต่อกันหรืออะไรอย่างเงี้ยถ้าเห็นได้ก่อน
00:24:46 → 00:24:48 นะในในโรงเรียนหรืออะไรอย่าเงี้ยเราก็
00:24:48 → 00:24:51 ต้องรีบจัดการนะอือๆใช่เออต้องรีบแก้ไขก็
00:24:51 → 00:24:53 ต้องเลือกกลวิธีหลายๆอย่างทางจิตวิทยาก็
00:24:53 → 00:24:55 ต้องเข้ามาช่วยฮใช่อย่าให้มันบานปลายไปจน
00:24:55 → 00:24:57 ติดตัวเข้าไปแล้วก็มองเรื่องว่าเอออันนี้
00:24:57 → 00:25:00 ก็สุดท้ายฉันทำไปแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรนนี่
00:25:00 → 00:25:03 ฉันก็ไม่ได้รับโทษอะไรออือก็ยังคงทำอย่าง
00:25:03 → 00:25:06 งั้นอยู่เพราะว่าความแบบอาจจะกฎหมายมัน
00:25:06 → 00:25:09 อาจจะยังไม่ได้เด็ดขาดไม่เด็ดขาดพอจนเไม่
00:25:09 → 00:25:11 ได้ย้ำย้ำคิดว่าแบบเอ้ยมันจะไม่คุ้มนะ
00:25:11 → 00:25:13 อย่างเงี้ยแล้วถ้าเกิดทำเด็ดขาดจริงๆยอม
00:25:13 → 00:25:15 รับได้มั้ยล่ะอ่าก็ไม่อยากอยู่กันอย่าง
00:25:15 → 00:25:18 งั้นใช่มั้ยล่ะอืครับเออเพราะฉะนั้นก็ไม่
00:25:18 → 00:25:21 ดีกว่าครับฝากไว้ด้วยนะคะเอาจะช่วยทุกคน
00:25:21 → 00:25:24 ให้สร้างสังคมที่ดีด้วยกันเฮ้ยไม่อยาก
00:25:24 → 00:25:26 เห็นข่าวพวกนี้อีกแล้วนะคะขอบคุณคุณเอิ้น
00:25:26 → 00:25:29 ค่ะสวัสดีค่ะหมดเวลาแล้วค่ะคุณผู้ฟังพบ
00:25:29 → 00:25:32 กันใหม่ครั้งหน้านะคะสวัสดีค่ะ This Is
00:25:32 → 00:25:35 Toy PBS podcast ไม่เพียงแต่ลิงที่
00:25:35 → 00:25:37 จังหวัดลพบุรีเท่านั้นที่เป็นปัญหายังมี
00:25:37 → 00:25:40 อีก 12 จังหวัดลิงสร้างปัญหาอะไรบ้าง
00:25:40 → 00:25:43 ศาสตราจารย์นายสัตวแพทย์ดรสถาพรจิตปภา
00:25:43 → 00:25:47 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มาเล่าให้ฟังครับ
00:25:47 → 00:25:50 จริงๆแล้วลิงที่เป็นปัญหาตอนนี้คือลิงแสม
00:25:50 → 00:25:52 ครับแล้วก็อีกอันคือลิงวอกนะครับค่ะส่วน
00:25:52 → 00:25:55 ลิงอื่นเมีค่อนข้างน้อยนะครับแล้วก็ลิง
00:25:55 → 00:25:58 พวกนี้เนี่ยเป็นลิงที่คุ้มครองโดยกฎหมาย
00:25:58 → 00:26:01 โดยพรบนะครับเป็นสัตว์สงวนนะครับแล้วก็
00:26:02 → 00:26:04 เป็นส่วนนึงที่เราไม่สามารถทำอะไรได้มาก
00:26:04 → 00:26:07 เพราะว่าเขาอยู่ในบัญชีขึ้นบัญชีกับสาย
00:26:07 → 00:26:10 เตสเรียบร้อยเพราะฉะนั้นเนี่ยการที่จะ
00:26:10 → 00:26:12 เข้าไปทำอะไรกับเเนี่ยต้องมีการขออนุญาต
00:26:12 → 00:26:15 นะครับคนที่มีอำนาจโดยตรงคือกรมอุทยาน
00:26:15 → 00:26:18 แล้วเราก็พบว่าลิงพรุ่งนี้นี่มีพบอยู่
00:26:18 → 00:26:20 ทั่วประเทศไทยนะมากกว่า 50 จังหวัดแต่ตอน
00:26:20 → 00:26:22 นี้ที่มีวิกฤตจริงๆเนี่ยเขบอกว่ามีอยู่มา
00:26:22 → 00:26:25 12 จังหวัดนะครับก็อย่างเช่นลพบุรี
00:26:25 → 00:26:30 เพชรบุรีกระบี่ชลบุรีตรังประจวบภูเก็ต
00:26:31 → 00:26:34 มุกดาหารสตูลสระบุรีอำนาจเจริญแล้วก็บาง
00:26:34 → 00:26:37 ส่วนของกทมตรงนี้เป็นประเด็นนึงที่คงต้อง
00:26:37 → 00:26:40 พิจารณาให้ให้ชัดเจนว่าจะเริ่มแก้ไขยังไง
00:26:40 → 00:26:43 ประเด็นนึงที่คนมักจะสงสัยถามจริงๆว่าเรา
00:26:43 → 00:26:47 มีลิงเท่าไหร่ในประเทศไทยี่คือคำถามนี่
00:26:47 → 00:26:51 คือคำถามใหญ่แต่ว่ามันเป็นหลักพันธซึ่งคน
00:26:51 → 00:26:53 ก็ไม่แน่ใจมันหลักพันจริงเหรอหรืออาจจะ
00:26:53 → 00:26:57 เป็นหลักหมื่นหรอะไรพวกเนี้ยแต่เมีคนคาด
00:26:57 → 00:26:59 การว่ามันน่าจะเป็นหลักแสนนะครับทั้ง
00:26:59 → 00:27:01 ประเทศนะครับออทั้งประเทศโอเออทีนี้ปัญหา
00:27:01 → 00:27:04 คือแต่ละจุดท่านั้นที่มีการเอ่อเพิ่ม
00:27:04 → 00:27:06 จำนวนอย่างอย่างไม่ได้ควบคุมเป็นเรื่อง
00:27:06 → 00:27:09 เป็นราวเนี่ยถามว่ามันเพิ่มจำนวนรวดเร็ว
00:27:09 → 00:27:13 นะครับแล้วก็ทำให้เกิดการขาดอาหารแล้วก็
00:27:13 → 00:27:17 ทำให้เกิดการสร้างพฤติกรรมแปลกๆนะครับการ
00:27:17 → 00:27:20 เข้าไปรบกวนคนซึ่งปกติลิงนี่เค้าก็กลัวคน
00:27:20 → 00:27:23 อยู่แล้วนะฮะแต่ปัจจุบันนี้ลิงไม่กลัวคน
00:27:23 → 00:27:25 เป็นพฤตกรรมใหม่ที่เราคิดว่าตอนเนี้ยมี
00:27:25 → 00:27:28 ความก้าวร้าวมากขึ้นแล้วก็ถึงขั้นทำร้าย
00:27:28 → 00:27:32 เอ่อคนที่สัญจรไปมาได้เพื่อแย่งอาหารอะไร
00:27:32 → 00:27:34 เนะเพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องนึงที่อาจจะ
00:27:35 → 00:27:39 ต้องมีการทบทวนในส่วนของเ่อการหาจำนวนที่
00:27:39 → 00:27:41 ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุดเพราะว่า
00:27:41 → 00:27:43 มันจะมีผลของงบประมาณนะครับอืเพราะว่า
00:27:43 → 00:27:46 อย่างที่ทางกรมยานก็ระบุมาว่ามันใช้จ่าย
00:27:46 → 00:27:49 มันสูงเพราะฉะนั้นเขาไม่สามารถทำทำหมาน
00:27:49 → 00:27:52 ได้ 100% แต่ถ้าพูดถึงโรคที่เกิดขึ้นได้
00:27:52 → 00:27:54 ธรรมชาติจริงๆก็คือโรคพิกษุนักบ้าที่เป็น
00:27:54 → 00:27:56 เป็นไปได้นะครับอย่างอื่นก็ต้องระวัง
00:27:56 → 00:27:58 เรื่องบัยักษ์เพราะเรียพวกนี้ไม่สะอาด
00:27:58 → 00:28:02 มีหลายๆโรคที่ลิงมีแต่ว่ามันก็ไม่ได้ติด
00:28:02 → 00:28:05 ต่อถึงคนอย่างเช่นไอพวกท้องเสียพวกนี้ก็
00:28:05 → 00:28:07 มีนะครับทำให้เกิดอาการท้องเสียถ้าเกิดเ
00:28:07 → 00:28:11 ไปถ่ายตามสถานที่ต่างๆอย่างเช่นพระปางสาม
00:28:11 → 00:28:13 ยอดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเนี่ยในเวลาที่
00:28:13 → 00:28:16 คนไปนั่งไปสัมผัสแล้วก็ไม่ล้างมือก่อนที่
00:28:16 → 00:28:19 จะหยิบอาหารก็มีโอกาสที่จะติดไอ้เชื้อพวก
00:28:19 → 00:28:22 นี้ที่จากที่เขาถ่าย
00:28:22 → 00:28:28 อ This Is Toy PBS podcast
00:28:28 → 00:28:31 ติดตามรายการทางเว็บไซต์และ Application
00:28:31 → 00:28:34 ของ Thai PBS podcast spotify S
00:28:34 → 00:28:37 Cloud Google podcast Apple podcast
00:28:37 → 00:28:40 และ YouTube Channel Thai PBS podcast
00:28:40 → 00:28:44 Thai PBS podcast View the world
00:28:44 → 00:28:45 via The Voice
00:28:45 → 00:28:51 [เพลง]