00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world vi The
00:00:05 → 00:00:08 Voice คนบาดเจ็บ 10 คน 20 คนไม่ได้แปล
00:00:08 → 00:00:12 ว่าคนไข้ทุกคนเนี่ยจะบาดเจ็บรุนแรงใน
00:00:12 → 00:00:15 ระดับเดียวกันนะคะบางคนอาจจะเจ็บหนักต้อง
00:00:15 → 00:00:18 ได้รับการตรวจทันทีต้องได้รับการคู้ชีพ
00:00:18 → 00:00:22 ทันทีแต่บางคนอาจจะเจ็บป่วยเล็กน้อยพอรอ
00:00:22 → 00:00:25 ได้อย่างเงี้ยค่ะผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต
00:00:25 → 00:00:27 อาการของผู้ป่วยกลุ่มนี้ก็คือไม่รู้สึก
00:00:27 → 00:00:33 ตัวระบบหายใจล้มเหลวหัวใจหยุดเต้นชักต่อ
00:00:33 → 00:00:37 เนื่องภาวะช็อแพ้ยาแพ้อาหารอย่างรุนแรง
00:00:37 → 00:00:40 อันเนี้ยต้องได้รับการตรวจในทันทีเพื่อ
00:00:40 → 00:00:43 ที่คุณหมอจะได้รักษาอย่างทันท่วงทีค่ะ
00:00:43 → 00:00:47 เพราะถ้าไม่รีบรักษาตายแน่
00:00:47 → 00:00:51 นอนฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคไทยฟัง
00:00:51 → 00:00:55 รายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตพรค่ะ
00:00:55 → 00:00:58 This Is tha PBS podcast มาค่ะคุณ
00:00:58 → 00:01:02 ผู้ฟังคะสำหรับในวันนี้เราจะพูดคุยกันถึง
00:01:02 → 00:01:05 เรื่องของความฉุกเฉินเรื่องฉุกเฉินที่เรา
00:01:05 → 00:01:08 จำเป็นต้องรู้นะคะอะไรคือคำว่าฉุกเฉิน
00:01:08 → 00:01:11 บ้างแล้วก็แบบไหนที่เข้าข่ายของคำว่า
00:01:11 → 00:01:14 ฉุกเฉินอ่ะยังงงๆกันอยู่ใช่มยคะเดี๋ยววัน
00:01:14 → 00:01:17 นี้เรามาขายข้อข้องใจเรื่องนี้กันกับดร
00:01:17 → 00:01:19 พรทิพย์สุยาสิทธิ์จากภาควิชาการพยาบาล
00:01:19 → 00:01:22 ศัลยศาสตร์คณะพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัย
00:01:22 → 00:01:26 มหิดลค่ะสวัสดีค่ะอาจารย์คะสวัสดีค่ะค
00:01:26 → 00:01:29 ความฉุกเฉินนะคะก็ชื่อมันฉุกเฉินอยู่แล้ว
00:01:29 → 00:01:31 แหละมันไม่ได้ไม่มีอะไรที่จะเตรียมตัวได้
00:01:31 → 00:01:35 คือมันเกิดเมื่อไหร่ก็ได้ตอนไหนก็ได้นะคะ
00:01:35 → 00:01:37 แต่ว่าเราต้องมาทำความเข้าใจกับคำว่า
00:01:37 → 00:01:40 ฉุกเฉินมันมีความหมายมีนิยามอะไรมั้ยคะ
00:01:40 → 00:01:43 อาจารย์คะจริงๆแล้วอ่ะค่ะคำว่าฉุกเฉินก็
00:01:43 → 00:01:46 คือคนไข้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือว่ามีอาการ
00:01:46 → 00:01:50 เจ็บป่วยกระทันหันอืซึ่งอาการเหล่านั้นนะ
00:01:50 → 00:01:53 ค่ะมีเป็นอันตรายต่อชีวิตแล้วก็หากไม่ได้
00:01:53 → 00:01:55 รับการรักษาอย่างเร่งด่วนแล้วก็มีโอกาส
00:01:55 → 00:01:58 ที่จะเสียชีวิตได้สูงค่ะทำให้จำเป็นต้อง
00:01:58 → 00:02:01 รีบมารงพยาบาลเพื่อที่จะได้รับการรักษา
00:02:01 → 00:02:06 ยันพันท่วงทีอืคือหมายถึงว่าต้องมีผลกับ
00:02:06 → 00:02:10 ชีวิตถูกมั้ยคะใช่ค่ะเป็นอันตรายต่อชีวิต
00:02:10 → 00:02:13 อแต่ว่าความอันตรายต่อชีวิตอ่ะบางคนอาจจะ
00:02:13 → 00:02:15 ตีความหมายไม่เท่ากันค่ะอาจารย์อย่างเช่น
00:02:15 → 00:02:17 ว่าอย่างเราสุว่าเฮ้ยเรื่องเนี้ยมันเป็น
00:02:17 → 00:02:20 เรื่องที่แบบเกี่ยวกับชีวิตแต่พอไปอ่าเจอ
00:02:21 → 00:02:23 พยาบาลเจอหมอหรือเจออะไรอย่างเงี้ยเอาจจะ
00:02:23 → 00:02:26 รู้สึกว่าเออมันก็ไม่ถึงขนาดนั้นอะไร
00:02:26 → 00:02:28 อย่างเงี้ยอืมันอาจจะมีความรู้สึกที่ไม่
00:02:28 → 00:02:32 เท่ากันอยู่ในนั้นด้วยมั้ยคะใช่ค่ะคือ
00:02:32 → 00:02:34 จริงๆอ่ะมันมันแบ่งระดับของความฉุกเฉิน
00:02:34 → 00:02:38 อยู่ค่ะว่าแบบไหนฉุกเฉินมากแบบไหนฉุกเฉิน
00:02:38 → 00:02:41 น้อยซึ่งคุณหมอคุณพยาบาลเจะมีเกณฑ์อยู่
00:02:41 → 00:02:43 ค่ะเพราะฉะนั้นเนี่ยเกณฑ์เหล่าเนี้ยค่ะ
00:02:43 → 00:02:47 เป็นสิ่งสำคัญที่จะใช้ในการเอ่อระบุความ
00:02:47 → 00:02:50 เร่งด่วนว่าจะต้องได้รับการตรวจภัยในทันท
00:02:50 → 00:02:54 หรือเปล่าหรือสามารถรอได้อืมอย่างงี้ค่ะ
00:02:54 → 00:02:56 เพราะว่าฉะนั้นคือคุณผู้ฟังฟังตรงนี้แล้ว
00:02:56 → 00:02:57 จะได้ทำความเข้าใจนะคะเพราะว่าไม่งั้น
00:02:57 → 00:03:00 เดี๋ยวทุกๆคนเข้ามาด้วยความที่รู้รู้สึก
00:03:00 → 00:03:03 ว่าตัวเองฉุกเฉินมันเป็นเคสที่แบบว่าอ่ะ
00:03:03 → 00:03:05 ในความรู้สึกมันอาจจะไม่เท่ากันแต่มีหลัก
00:03:05 → 00:03:07 เกณฑ์อยู่นะอ้าหลักเกณฑ์ยังไงบ้างคะ
00:03:07 → 00:03:11 อาจารย์คือจริงๆแล้วเกณฑ์ในการแบ่งความ
00:03:11 → 00:03:14 ฉุกเฉินเนี่ยนะคะก็อาจจะแบ่งเป็น 3 ระดับ
00:03:14 → 00:03:17 หรือ 5 ระดับก็ได้แล้วแต่โรงพยาบาลค่ะแต่
00:03:17 → 00:03:19 อันนี้อาจารย์ขอพูดถึง 5 ระดับละกันนะคะ
00:03:19 → 00:03:23 ก็คือจริงๆเนี่ยเค้าก็จะแบ่งเป็น 5 ระดับ
00:03:23 → 00:03:27 เนาะก็คือ 1 2 3 4 นะคะระดับ 1 คือผู้
00:03:27 → 00:03:31 ป่วยฉุกเฉินวิกฤตฉุกเฉินวิกฤตชื่อฟังแบบ
00:03:31 → 00:03:33 ต้องได้รับการตรวจในทันทีเลยนะคะซึ่ง
00:03:33 → 00:03:36 ลักษณะอาการของผู้ป่วยกลุ่มนี้ก็คือไม่
00:03:36 → 00:03:41 รู้สึกตัวระบบหายใจล้มเหลวหัวใจหยุดเต้น
00:03:41 → 00:03:46 ชักต่อเนื่องหรือมีภาวะช็อกหรือแพ้ยาแพ้
00:03:46 → 00:03:49 อาหารอย่างรุนแรงอันเนี้ยต้องได้รับการ
00:03:49 → 00:03:54 ตรวจในทันทีค่ะเพื่อที่คุณหมอจะได้รักษา
00:03:54 → 00:03:58 อย่างทันท่วงทีค่ะเพราะถ้าไม่รีบรักษาตาย
00:03:58 → 00:04:02 แน่นอนเคสพวกนี้อืส่วนระดับที่ 2 ก็คือ
00:04:02 → 00:04:06 เป็นผู้ป่วยที่ฉุกเฉินหนักค่ะเศเนี้ย
00:04:06 → 00:04:11 สามารถตรวจได้หลังระดับที่ 1 ภายใน 10
00:04:11 → 00:04:16 นาทีออก็คือพูดง่ายๆคือต้องได้รับการตรวจ
00:04:16 → 00:04:18 ภายใน 10 นาทีเคสพวกนี้ก็อย่างเช่นเคส
00:04:18 → 00:04:24 เอ่อเจ็บหน้าอกเฉียบพานงูกัดหรืออ่อนแรง
00:04:24 → 00:04:28 แขนขาเครื่องซีกหรือกินสารพิษมาหรือมี
00:04:28 → 00:04:31 อาการเปลี่ยนแปลงทางทงระบบประสาทซึมลง
00:04:31 → 00:04:36 อย่างเงี้ยค่ะค่ะอืส่วนระดับที่ 3 ก็คือ
00:04:36 → 00:04:39 เป็นระดับฉุกเฉินเร่งด่วนก็คือพอรอได้ค่ะ
00:04:40 → 00:04:44 ต้องได้รับการตรวจภายใน 30 นาทีเคสที่พบ
00:04:44 → 00:04:48 บ่อยก็อย่างเช่นแบบเคสไส้ติ่งเฉียบพันธุ์
00:04:48 → 00:04:50 ไส้ติ่งอักเสบเฉียบพันธุ์ไส้ติ่งแตกอือ
00:04:51 → 00:04:56 นึกออกมเคสันปวดท้องเออเคสไล่หลุดเคสแผล
00:04:56 → 00:05:02 ฉีกขาดอวัยวะมีการฉีกขาค่ะเลือดไม่ไหลไม่
00:05:02 → 00:05:04 หยุดอย่างเงี้ยค่ะหรือเป็นแผลที่กระจกตา
00:05:04 → 00:05:08 หรือเกิดอุบัติเหตุมาแล้วแขนขาผิดรูปอื
00:05:08 → 00:05:11 รวมถึงปวดท้องรุนแรงเฉียบพันอันนี้ก็คือ
00:05:11 → 00:05:14 เขตพวกเนี้ยต้องได้รับการตรวจภายใน 30
00:05:14 → 00:05:20 นาทีอืถ้าคนไข้เจ็บป่วยไม่รุนแรงอันนี้
00:05:20 → 00:05:23 เป็นเลเวลที่ 4 เป็นลำดับที่ 4 ก็คือรอ
00:05:23 → 00:05:27 ได้รอตรวจภายใน 1 ช่วโมงอย่างเช่นไข้หวัด
00:05:27 → 00:05:31 ไข้หวัดใหญ่ไข้หวัดตามฤดูฤดูกาลนะคะหรือ
00:05:31 → 00:05:35 บาดเจ็บจากการเล่นกีฬามาแล้วเกิดเอ่อเค้า
00:05:35 → 00:05:38 เรียกว่ากล้ามเนื้ออักเสบตข้อเท้ากระดูก
00:05:38 → 00:05:42 ไม่ผิดรูปนะคะหรือแบบอยู่ดีๆปัสสาวะแสบ
00:05:42 → 00:05:46 ขัดปัสสาวะไม่ออกอย่างเงี้ยก็คือเป็นเคส
00:05:46 → 00:05:49 ที่สามารถรอได้ปวดท้องปวดศีรษะไม่รุนแรง
00:05:49 → 00:05:52 นะคะอืส่วนระดับสุดท้ายระดับที่ 5 ก็คือ
00:05:52 → 00:05:56 เป็นผู้ป่วยทั่วไปก็คือเคสพวกนี้ควรมา
00:05:56 → 00:05:59 ตรวจในเวลาราชกาก็คือคุณหมอจะนัดมาในเวลา
00:05:59 → 00:06:02 ราชการอยู่แล้วแหละเคสพวกนี้ส่วนใหญ่ก็จะ
00:06:02 → 00:06:06 เป็นพวกเคสล้างแผลคนไขอุบัติเหตุก็จะมี
00:06:06 → 00:06:08 แผลใช่มั้ยคะเพราะฉะนั้นเค้าก็จะนัดมา
00:06:08 → 00:06:13 ล้างแผลหรือฉีดยาตามนัดยากันบัยยากันพิศ
00:06:13 → 00:06:16 สุนัขบ้างรเงี้ยเค้าก็จะมีนัดของเขาอยู่
00:06:16 → 00:06:18 หรือมารับยาหรือขอไปรับรองแพทย์เพราะ
00:06:18 → 00:06:22 ฉะนั้นเนี่ยระดับความฉุกเฉินเนี่ยก็จะ
00:06:22 → 00:06:26 เป็นตามระดับความรุนแรงของโลคความเร่ง
00:06:26 → 00:06:30 ด่วนของความจำเป็นต้องได้รับการตรวจ
00:06:30 → 00:06:34 ว่าต้องตรวจทันทีเลยมั้ยหรือรอได้ค่ะอื
00:06:34 → 00:06:37 แต่แต่เท่าที่ฟังดูเนี่ยฉุกเฉินเนี่ยก็ 5
00:06:37 → 00:06:40 ระดับด้วยกันแต่ว่ามันมีระยะเวลาที่แบบ
00:06:40 → 00:06:44 อ่ะยังพอรอได้ไม่ว่าจะ 10 นาที 30 นาที
00:06:44 → 00:06:46 หรือ 1 ชั่วมงแต่มันก็ยังอยู่ในคำว่า
00:06:46 → 00:06:49 ฉุกเฉินฉุกเฉินก็รู้สึกว่าแบบว่าเอ้อต้อง
00:06:49 → 00:06:53 แบบว่าทันทีทันใดแต่แค่ว่าอาการทำให้มี
00:06:53 → 00:06:56 ระยะเวลาในการที่จะรอได้เพราะว่าอาจจะมี
00:06:56 → 00:06:58 คนที่ฉุกเฉินกว่าเพราะว่าในโรงพยาบาลที่
00:06:58 → 00:07:01 เคยเห็นที่แบบว่ามีปัญหานะค่ะอาจารย์ว่า
00:07:01 → 00:07:05 เออก็ของฉันก็ฉุกเฉินเนี่ยเป็นไข้แบบไข้
00:07:05 → 00:07:09 ขึ้นสูงมากเลยแต่อีกอันนึงคือเอ้ยมีความ
00:07:09 → 00:07:11 เสี่ยงต่อชีวิตที่มันมากกว่าเพราะฉะนั้น
00:07:11 → 00:07:14 มันมีมันมีเรื่องของระยะเวลาที่ยังพออยู่
00:07:14 → 00:07:18 ในเกณฑ์ที่รอได้ไม่ได้เกินกว่าที่จะทำให้
00:07:18 → 00:07:21 เกิดอันตรายต่อชีวิตของคนไข้มันจะมีเกณฑ
00:07:21 → 00:07:25 คือคือจะต้องบอกว่าที่เรามีเลเวลการเลเวล
00:07:25 → 00:07:27 ระดับฉุกเฉิเงี้ยค่ะเพื่อที่เราหมายถึง
00:07:27 → 00:07:31 ทีมแพทย์นะคะเพื่อที่ทีมแพทย์เนี่ยจะได้
00:07:31 → 00:07:34 จัดสรรทรัพยากรแล้วก็จัดลำดับความสำคัญ
00:07:34 → 00:07:37 ว่าเคสไหนควรได้รับตรวจก่อนค่ะการตรวจ
00:07:37 → 00:07:39 ก่อนเพราะว่าถ้าไม่ได้บางเคสอย่างเงี้ย
00:07:39 → 00:07:42 ค่ะถ้าเป็นเคสฉุกเฉินวิกฤตก็คือระดับหนึ
00:07:42 → 00:07:45 ใช่มยคะถ้าเป็นเคสที่ต้องจำเป็นต้องได้
00:07:45 → 00:07:48 รับการตรวจทันทีแต่ถ้าเกิดเขาไม่ได้รับ
00:07:48 → 00:07:50 การตรวจทันทีอย่างเงี้ยก็มีโอกาสที่เขาจะ
00:07:50 → 00:07:53 เสียชีวิตได้ก็เลยเป็นความสำคัญที่แพทย์
00:07:53 → 00:07:55 จะต้องทีมแพทย์อ่ะค่ะจะต้องจัดลำดับก่อน
00:07:55 → 00:07:59 ว่าออเคสนี้ต้องตรวจทันทีนะเคสนี้พอรอได้
00:07:59 → 00:08:02 นะเคสนี้รอไปก่อนนะอย่างเงี้ยแต่คือความ
00:08:03 → 00:08:06 จริงอ่ะไม่ได้แปลว่าทีมแพทย์ไม่ใส่ใจไม่
00:08:06 → 00:08:09 สนใจคนไข้นะคะแต่คือมันเป็นมาตรฐานในการ
00:08:09 → 00:08:12 ดูแลคนไข้อยู่แล้วทั่วโลกเลยที่ว่าจะต้อง
00:08:12 → 00:08:15 จัดลำดับว่าใครป่วยหนักใครเจ็บหนักตรวจ
00:08:15 → 00:08:20 ก่อนใครเจ็บป่วยเล็กน้อยรอตรวจได้ค่ะอืม
00:08:20 → 00:08:22 กำลังนึกถึงเรื่องของที่ภาพจะเห็นได้ชัด
00:08:22 → 00:08:25 เจนคืออย่างเช่นมีอุบัติเหตุใหญ่ๆแล้วมี
00:08:25 → 00:08:29 คนไข้ฉุกเฉินเข้ามาเงี้ยพร้อมๆกันน่ะมัน
00:08:29 → 00:08:31 เลยจะจำต้องมีเกณฑ์เหล่าเนี้ยเพื่อดูแล
00:08:31 → 00:08:34 เพราะว่าเชื่อว่าคุณหมอคงไม่ได้สามารถจะ
00:08:34 → 00:08:37 วิ่งแบบไปทำแผลทีละคนเค้าเรียกว่าอะไรนะ
00:08:37 → 00:08:40 คะเหมือนว่าดูแลพร้อมกันได้ครั้งเดียวคน
00:08:40 → 00:08:43 ใช่ๆก็อย่างสมมุติเป็นอุบัติเหตุหมู่มา
00:08:43 → 00:08:47 อย่าเงี้ยค่ะอรถทัวร์คว่ำอ่ะยกตัวอย่าง
00:08:47 → 00:08:51 ง่ายๆค่ะคนบาดเจ็บ 10 คน 20 คนไม่ได้แปล
00:08:51 → 00:08:54 ว่าคนไข้ทุกคนเนี่ยจะบาดเจ็บรุนแรงใน
00:08:54 → 00:08:58 ระดับเดียวกันนะคะบางคนอาจจะเจ็บหนักค่ะ
00:08:58 → 00:09:00 หมายความว่าต้องต้องได้รับการตรวจทันที
00:09:00 → 00:09:04 ต้องได้รับการกู้ชีพทันทีแต่บางคนอาจจะ
00:09:04 → 00:09:08 เจ็บป่วยเล็กน้อยบาดเจ็บเล็กน้อยพอรอได้
00:09:08 → 00:09:10 อย่างเงี้ยค่ะก็คือมันเป็นวิธีการที่เขา
00:09:10 → 00:09:15 จะดูแลคนไข้ในห้องฉุกเฉินค่ะอืแต่ถ้าเกิด
00:09:15 → 00:09:18 ว่าเขาสามารถที่จะดูแลได้ทั้งหมดหรือว่า
00:09:18 → 00:09:21 แบบเอ่อ handle ได้ควบคุมได้ทั้งหมดเนี่ย
00:09:21 → 00:09:24 เชื่อว่าคุณหมอไม่ไม่ปล่อยเคสต่างๆไว้แน่
00:09:24 → 00:09:27 นอนนะคะแล้วก็จะต้องมีการแบบดำเนินการ
00:09:27 → 00:09:30 หรือว่าบางโรงพยาบาลมีคุณหมอเอ่อแผนก
00:09:30 → 00:09:32 ฉุกเฉินที่อาจจะแบบว่ามีเพียงพอหรือว่า
00:09:32 → 00:09:35 สามารถที่จะเรียกมาเอ่อดูแลเคสต่างๆที่
00:09:35 → 00:09:39 แบบมีเหตุฉุกเฉินในแบบแบบคนเยอะๆจำนวนคน
00:09:39 → 00:09:43 ไข้เยอะๆแบบเนี้ยก็ใช่ค่ะเเเมีโปรโตคอล
00:09:43 → 00:09:48 หรือแนวปฏิบัติอยู่ว่าถ้าคนไข้มาเยอะมากๆ
00:09:48 → 00:09:53 ต้องทำยังไงก็แล้วแต่ของตามโรงพยาบาลอแต่
00:09:53 → 00:09:55 แต่ไม่ต้องห่วงเชื่ออ๋อไม่ต้องห่วงนะคะ
00:09:55 → 00:09:57 แต่เชื่อว่าคุณหมอคงไม่อยากจะเจอเคสแบบ
00:09:57 → 00:10:00 หนักๆนะเพราะว่ามันคือชีวิตของคนไข้อ่ะ
00:10:00 → 00:10:03 ใช่มั้ยคอืเพราะว่าก็เข้าใจในความรู้สึก
00:10:03 → 00:10:07 ของเ่อญาติของคนไข้หรือว่าคนที่เจ็บป่วย
00:10:07 → 00:10:09 อยู่อ่ะคือตัวเองมันรู้สึกว่ามันมันก็ไม่
00:10:09 → 00:10:13 ไหวมันก็ฉุกเฉินจริงๆในความรู้สึกของเรา
00:10:13 → 00:10:15 ใช่มั้ยคะความจริงเราก็จะเห็นในโซเชียล
00:10:15 → 00:10:19 Media หลายๆครั้งที่ญาติคนไข้แบบว่ารู้
00:10:19 → 00:10:22 สึกว่าโอ๊ยเคสของเอ่อญาติของฉันป่วยหนัก
00:10:22 → 00:10:25 จังเลยทำไมคุณหมอไม่มาตรวจรอเป็นชั่วโมง
00:10:25 → 00:10:28 แล้วอืออันเนี้ยอันเนี้ยคืออยากจะบอกว่า
00:10:28 → 00:10:32 ก็คือเ่ออยากให้ญาติคนไข้และผู้ป่วยอ่ะ
00:10:32 → 00:10:36 ค่ะเข้าใจว่าจริงๆแล้วเนี่ยความฉุกเฉิน
00:10:36 → 00:10:39 เนี่ยในทางการแพทย์อ่ะค่ะมันมีระดับต่าง
00:10:39 → 00:10:42 กันเพราะฉะนั้นเนี่ยคุณหมอเขาก็ให้การ
00:10:42 → 00:10:47 ตรวจและรักษาไปตามไปตามเอ่อความรักลักษณะ
00:10:47 → 00:10:52 ความรุนแรงค่ะของการบาดเจ็บอือ่ะมันก็อาจ
00:10:52 → 00:10:56 จะเป็นไปได้ที่เจอเคสหลายๆเคสพร้อมกัน
00:10:56 → 00:10:58 หรือว่าแบบอ่าแต่ถ้าเกิดเป็นเคสเดียว
00:10:58 → 00:11:00 เนี่ยยังไงคุณหมอก็ดูแลเต็มที่อยู่แล้ว
00:11:00 → 00:11:03 เพราะว่าในแต่ละโรงพยาบาลเขาก็มีแผนก
00:11:03 → 00:11:07 ฉุกเฉินอยู่แล้วนะคะเรื่องนี้นะก็เอ่อแต่
00:11:07 → 00:11:10 ยังไงก็คุณหมอก็เต็มที่เชื่ออย่างงั้นนะ
00:11:10 → 00:11:13 คะแล้วแต่คุณหมอก็แต่คนไข้ก็เอ่อเเรีย
00:11:13 → 00:11:16 ญาติคนไข้เราก็เข้าใจนะเพราะว่าแบบเนี่ย
00:11:16 → 00:11:18 ที่เห็นเป็นข่าวอย่างที่อาจารย์บอกเนาะ
00:11:18 → 00:11:22 มันฉุกเฉินนเราก็ไม่สบายใจถึงแม้ว่าจะ 1
00:11:22 → 00:11:25 นาที 2 นาทีมันก็แบบโอ้โหมันนานมากเลยนะ
00:11:25 → 00:11:28 ความจริงเข้าใจญาติคนไข้มากๆเลยค่ะเพราะ
00:11:28 → 00:11:30 ว่าญาติตัวเองคนที่เรารักเนี่ยพอเขาเจ็บ
00:11:30 → 00:11:33 ป่วยมันไม่มีใครสบายใจหรอกคะร้อนใจกันทุก
00:11:33 → 00:11:36 คนแต่ก็อยากจะให้ใจเย็นๆแล้วก็
00:11:36 → 00:11:41 เอ่อฟังคำเอ่อเค้าเรียกว่าอะไรนะเอ่อทำ
00:11:41 → 00:11:45 ตามแนะคำปฏิบัติหรือคำแนะนำของทีมแพทย์นะ
00:11:45 → 00:11:48 ขนาดนั้นน่ะค่ะเพราะว่าเค้าเมีมาตรฐานใน
00:11:48 → 00:11:51 การดูแลคนไข้อยู่แล้วไม่ไม่ไม่ต้องไม่
00:11:51 → 00:11:54 ต้องห่วงเลยค่ะอือฮึถึงแม้ว่าจะมีบ้างที่
00:11:54 → 00:11:58 อาจจะมีการแบบว่าเอ่อเล็กน้อยอ่ะนะมันแค่
00:11:58 → 00:12:00 ส่วนเล็กน้อยน้อยจริงๆที่แบบอาจจะแบบ
00:12:00 → 00:12:04 ละเลยหรือว่าแบบอาจจะแบบเออไม่คาดคิดว่า
00:12:04 → 00:12:08 เ้ยเคสนี้มันแบบฉุกเฉินจริงๆแฮะอะไรแบบ
00:12:08 → 00:12:11 เนี้ยก็อาจจะเป็นไปได้นะอ่าอันนี้คือก็
00:12:11 → 00:12:13 ต้องแบบว่ามันมีมันมีทั้ง 2 แบบนะคะคุณ
00:12:13 → 00:12:17 ผู้ฟังอันนี้ก็ต้องได้เข้าใจกันนะคะแต่
00:12:17 → 00:12:20 ว่าอ่ะทีนี้เรารู้ละอาการแบบไหนเรียกว่า
00:12:20 → 00:12:23 ฉุกเฉินแบ่งออกมาเป็น 5 กลุ่มด้วยกันใช่
00:12:23 → 00:12:27 มั้ยคะทีนี้ถ้าเกิดว่าวันนึงอื้อหือไปเจอ
00:12:27 → 00:12:29 ผู้ป่วยฉุกเฉินซึ่งแบบอ่ะฉุกเฉินกันหลาก
00:12:29 → 00:12:32 หลายรูปแบบมากทำยังไงดีคะอาจารย์เราซึ่ง
00:12:33 → 00:12:35 แบบไปเจอเคสที่แบบไม่คาดคิดมาก่อนแล้ว
00:12:36 → 00:12:39 เฮ้ยอือต้องรีบช่วยเหลือทำยังไงได้บ้าง
00:12:39 → 00:12:42 อันดับแรกค่ะคำที่อาจารย์พูดเสมอเลยก็คือ
00:12:42 → 00:12:47 ตั้งสติคำแรกเลยตั้งสติสำคัญมากและโทร์
00:12:47 → 00:12:52 เรียกรถพยาบาลเลยค่ะอ่า 1669 โดโดใช่ค่ะ
00:12:52 → 00:12:56 โดยทีมทีมแพทย์ฉุกเฉินเขาจะให้คำแนะนำแต่
00:12:56 → 00:12:59 ทีเนี้ยเขาจะให้คำแนะนำในการดูแลเบื้อง
00:12:59 → 00:13:02 ต้นแต่ทีเนี้ยเขาจะให้คำแนะนำได้อย่างดี
00:13:02 → 00:13:06 หรือไม่คนที่เป็นคีย์เลยหรือเป็นคนสำคัญ
00:13:06 → 00:13:09 เลยก็คือคนที่โทรหาเขาจะต้องรายงานอาการ
00:13:09 → 00:13:13 ของผู้ป่วยอืและบอกสถานที่เกิดเหตุให้
00:13:13 → 00:13:16 ละเอียดยกตัวอย่างเช่นเอ่อเจอฮัลโหลค่ะ
00:13:16 → 00:13:20 เจอคนจมน้ำค่ะคนไข้เป็นเด็กอายุ 10 ขวบ
00:13:20 → 00:13:23 ค่ะตอนนี้เาหยุดหายใจแล้วค่ะอะไรอย่าง
00:13:23 → 00:13:26 เงี้ยคือเราก็คนที่เจออ่ะค่ะก็จะต้องบอก
00:13:26 → 00:13:29 อาการของผู้ป่วยให้ชัดเจนเพื่อที่ทีม
00:13:29 → 00:13:31 แพทย์เจะได้ให้คำแนะนำในการปฐมพยาบาล
00:13:31 → 00:13:36 เบื้องต้นได้อืแล้วถ้าเกิดไปเจอคนที่เรา
00:13:36 → 00:13:38 ไม่รู้จักอ่ะคะประเมินให้ประเมินเบื้อง
00:13:38 → 00:13:41 ต้นประเมินเบื้องต้นก็คือดูเลยค่ะว่าหาย
00:13:41 → 00:13:46 ใจมั้ยมีสติมั้ยค่ะมีตรงไหนบาดเจ็บมี
00:13:46 → 00:13:50 เลือดออกมีตรงไหนที่มันดูผิดปกติไปแขนขา
00:13:50 → 00:13:55 ผิดรูปมั้ยอืค่ะโดยโดยอวัยวะที่สำคัญเลย
00:13:55 → 00:13:59 สำหรับชีวิตคนเราในการดำรกชีวิตเลยก็คือ
00:13:59 → 00:14:03 สมองหัวใจเพราะฉะนั้นให้ดูก่อนเลยว่า 1
00:14:03 → 00:14:07 คนไข้มีสติมหรือมดสติ 2 หัวใจยังเต้นมยก็
00:14:07 → 00:14:10 คือถ้าถ้าวัดชีพจรเป็นก็เอามือจับตรงข้อ
00:14:10 → 00:14:14 มือดูว่าเต้นมยหรือว่าเอาหูแนบก็ได้ค่ะ
00:14:14 → 00:14:16 ถ้าฟังไม่เป็นเอ๊ยหัวใจยังเต้นมนะอะไร
00:14:16 → 00:14:19 อย่างเงี้ยดูว่าใช่พร้อมกับดูรูปแบบการ
00:14:19 → 00:14:23 หายใจว่าคนไข้ยังหายใจมยหายใจยังไงหายใจ
00:14:23 → 00:14:29 เร็วหอบเหนื่อยอืหายใจเร็วลึกหอบเหนื่อย
00:14:29 → 00:14:33 หรือหายใจถี่หรือหายใจไม่ออกหรือไม่หายใจ
00:14:33 → 00:14:36 แล้วไม่มีเสียงออกมาค่ะเนี่ยค่ะคือเราจะ
00:14:36 → 00:14:40 ต้องรายงานคือคือทีมแพทย์เค้าก็จะซักอ่ะ
00:14:40 → 00:14:42 ค่ะว่าแบบมีอาการอะไรบ้างอะไรอย่าเงี้ย
00:14:42 → 00:14:46 ค่ะรานั้นเนี่ยค่ะก็ให้แจ้งอาการผู้ป่วย
00:14:46 → 00:14:49 ไปแล้วก็บอกสถานที่เกิดเหตุแล้วก็ปฏิบัติ
00:14:49 → 00:14:52 ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์ฉุกเฉิน
00:14:52 → 00:14:54 แล้วก็รอแพทย์ฉุกเฉินทีมแพทย์ฉุกเฉินมา
00:14:54 → 00:14:59 รับค่ะอือฮึอืก็ก็เบื้องต้นคือฟังเสียงห
00:14:59 → 00:15:02 หัวใจแล้วก็ลองดูว่าเค้ามีสติมเช่นอาจจะ
00:15:02 → 00:15:05 แบบตบๆนิดนึงเออเค้ารู้สึกตัวหรือเปล่าอ
00:15:05 → 00:15:09 ตามสั่งได้มั้ยอ่าลืมตาหน่อยพยักหน้า
00:15:09 → 00:15:12 หน่อยเออหายสำคัญยังหายใจ
00:15:13 → 00:15:17 มั้ยเจะตอบมหายใจอยู่เออแต่ว่าไม่ไม่ต้อง
00:15:17 → 00:15:19 ไปขยับเขยื้อนอะไรเค้าใช่มั้ยคะเพราะว่า
00:15:19 → 00:15:22 เราไม่รู้ว่าเค้าเค้าโดนอะไรมาหรือแบบ
00:15:22 → 00:15:24 ทำไมอยู่ๆมานอนถ้าถ้าถ้าไม่รู้ว่าเค้า
00:15:24 → 00:15:27 เป็นอะไรอย่าไปขยับเขยื้อนค่ะเพราะว่าเรา
00:15:27 → 00:15:29 เราไม่รู้ไงค่ะว่าเาเป็นอะไรเบาดเจ็บตรง
00:15:29 → 00:15:32 ไหนอืเพราะฉะนั้นเนี่ยมันอาจจะทำให้เกิด
00:15:32 → 00:15:35 อาการรุเจ็บป่วยรุนแรงกว่าเดิมก็ได้ถ้า
00:15:35 → 00:15:38 เราไปเคลื่อนย้ายู้ป่วยไม่ถูกวิธีค่ะเคย
00:15:38 → 00:15:41 เจอเคสนึงค่ะอาจารย์อันนี้เล่าให้คุณผู้
00:15:41 → 00:15:43 ฟังกับอาจารย์ฟังเลยแล้วแบบตอนนั้นเราอาจ
00:15:43 → 00:15:46 จะความรู้เราน้อยด้วยแหละเราไม่ได้แบบว่า
00:15:46 → 00:15:50 คิดว่าจะเจอเคสอะไรแบบนี้นะคะเอ่อเดินทาง
00:15:50 → 00:15:53 ไปแล้วก็ระหว่างทางค่ะเจอน้องผู้หญิงคน
00:15:53 → 00:15:58 นึงประสบอุบัติเหตุโอเลือดนี่ไหลเต็มพื้น
00:15:58 → 00:16:00 ถนนเลยค่ะคือเหมือนกับว่าเราไปเห็นแล้ว
00:16:00 → 00:16:02 อ่ะเหมือนเลือดมันมันแห้งติดถนนอ่ะเอาเอา
00:16:02 → 00:16:05 ฟิลิแบบนี้เลยอ่ะคือมันไม่ใช่แบบว่าเพิ่ง
00:16:05 → 00:16:08 จะแบบเอ่อโดนรถชนมาหรืออะไรอย่างนี้เลยนะ
00:16:08 → 00:16:11 คะก็รีบลงไปแบบกันพื้นที่แล้วก็พยายามจะ
00:16:11 → 00:16:14 ช่วยเหลือแต่ว่าเราก็ไม่ได้ไปแตะตัวอะไร
00:16:14 → 00:16:18 อย่างเงี้นะคะอเอ่อซึ่งซึ่งความจริงทำถูก
00:16:18 → 00:16:21 ต้องแล้วค่ะเพราะว่าเราไม่รู้ว่าตอนที่
00:16:21 → 00:16:26 เขาบาดเจ็บอ่ะอือวัยวะส่วนไหนของเค้าลงไป
00:16:26 → 00:16:31 กระแทกพื้นบ้างหัวหรออแขนหรอใช่ช่องท้อง
00:16:31 → 00:16:34 หรอขาหรือเปล่าหรือสะโพกหรือเปล่าอเพราะ
00:16:34 → 00:16:37 ฉะนั้นถ้าเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไม่ถูกวิธีคน
00:16:37 → 00:16:40 ไข้จะเจ็บหนักกว่าเดิมค่ะแต่แค่เพราะ
00:16:40 → 00:16:43 ฉะนั้นน่ะค่ะทำถูกแล้วค่ะก็คือแล้วก็โทร
00:16:43 → 00:16:45 เรียกรถฉุกเฉินตอนนั้นโทรเรียกมั้ยคะเอ่อ
00:16:45 → 00:16:47 ให้เพื่อนโทรเรียกค่ะเพราตัวเองมือสั่น
00:16:47 → 00:16:49 มากเลยค่ะคือแบบว่าตกใจเพราะว่าพอเห็น
00:16:49 → 00:16:52 เลือดมาปุ๊บจะจะเป็นลมเองเลยค่ะอาจารย์
00:16:52 → 00:16:54 ตอนนั้นน่ะนะแต่คือตอนนี้ก็ยังคงกลัว
00:16:54 → 00:16:57 เลือดอยู่นะแต่ว่าคือในวันนั้นเนี่ยก็รู้
00:16:57 → 00:17:00 สึกเสียใจเพราะว่ากว่ารถพยาบาลจะมาคือตอน
00:17:00 → 00:17:03 นั้นน่ะเราไปต่างจังหวัดค่ะเราก็เอ่อไม่
00:17:03 → 00:17:06 ได้รู้ว่าสถานที่ตรงนั้นน่ะคืออะไรก็พอ
00:17:06 → 00:17:09 เราลงไปช่วยเหลือกันเงี้ยคะก็มีคนในพื้น
00:17:09 → 00:17:12 ที่เนี่ยได้ได้วิ่งเข้ามาแล้วก็แบบเหมือน
00:17:12 → 00:17:14 กับว่าเราก็ถามว่าเออใครช่วยโทรเรียกรถ
00:17:14 → 00:17:16 พยาบาลหน่อยได้มั้ยหรืออะไรอย่าเงี้ยค่ะ
00:17:16 → 00:17:20 เพราะว่าเ้าน่าจะรู้จักแล้วก็เอ่อติดต่อ
00:17:20 → 00:17:24 แต่พอดีโทรศัพท์น้องเเนี่ยจำจำไม่ได้ชัด
00:17:24 → 00:17:27 เจนนะคะว่ามีการล็อคโทรศัพท์ไว้หรือเปล่า
00:17:27 → 00:17:29 หรือว่าแบบอะไรยังไง
00:17:29 → 00:17:32 แต่แต่วันนั้นน่ะค่ะกว่ารถพยาบาลจะมาก็ก็
00:17:32 → 00:17:35 อยู่จนถึงรถพยาบาลมาเลยนะคะแล้วก็เขาก็ทำ
00:17:35 → 00:17:37 การช่วยเหลือหรืออะไรเงี้ยแต่เรารู้สึก
00:17:37 → 00:17:40 ว่าแบบทำไมคือคนขับรถผ่านไปผ่านมาไม่เห็น
00:17:40 → 00:17:44 หรอว่าน้องเขประสบอุบัติเหตุอ่ะน่าจะช่วย
00:17:44 → 00:17:46 ตั้งแต่ต้นก่อนหน้าที่เราจะมาเจอด้วยซ้ำ
00:17:46 → 00:17:50 ไปอ่ะสุดท้ายเราเห็นเเแบบเฮือกสุดท้ายค่ะ
00:17:50 → 00:17:53 อาจารย์เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่แบบช็อก
00:17:53 → 00:17:57 ไปเลยค่ะแบบว่าเฮ้ยสุดท้ายโอันนี้อันอัน
00:17:57 → 00:17:59 อันนี้เป็นสิ่งที่เรียกว่าเราไม่อยากให้
00:17:59 → 00:18:02 เกิดขึ้นกับใครเลยจริงๆเพราะว่าจริงๆแล้ว
00:18:02 → 00:18:06 เวลาถ้าเป็นญาติของเราอ่ะค่ะเราเราเจ็บ
00:18:06 → 00:18:10 เราเห็นญาติของเราเจ็บเราก็เรกรู้สึกไม่
00:18:10 → 00:18:13 ดีเลยแต่เนี้ยเป็นคนไม่รู้จักแต่ว่าความ
00:18:13 → 00:18:18 จริงเขาอาจจะรอดก็ได้ถ้าเราช่วยเหลือทัน
00:18:18 → 00:18:21 อันเงยเพราะฉะนั้นจริงๆก็แบบอยากอยากอยาก
00:18:21 → 00:18:24 ปลูกฝังอยากรณรงค์ให้คนไทยอ่ะค่ะเวลาเจอ
00:18:24 → 00:18:27 คนเจ็บป่วยก็ก็ให้การช่วยเหลือเบื้องต้น
00:18:27 → 00:18:30 ก่อนได้อาจอ่ะอย่างน้อยโทรเรียกรถพยาบาล
00:18:30 → 00:18:33 ให้หน่อยหรือออย่างน้อยถ้าเห็นเลือดออกกด
00:18:33 → 00:18:35 ห้ามเลือดให้หน่อยได้มั้ยอะไรอย่างเงี้ย
00:18:35 → 00:18:38 ใช่ๆมันแต่ว่าอยากเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไป
00:18:38 → 00:18:40 โรงพยาบาลเองอันเนี้ยไม่แนะนำเพราะว่าจะ
00:18:40 → 00:18:43 ทำให้ผู้ป่วยอาจจะบาดเจ็บเพิ่มเติมได้ออื
00:18:43 → 00:18:45 อันนั้นก็เป็นเคสที่เสียดายมากค่ะเพราะ
00:18:45 → 00:18:48 ว่าเรายังเห็นน้องเาหายใจอ่ะแต่ว่าสักัก
00:18:48 → 00:18:50 พักนึงอ่ะก่อนรถพยาบาลมาแล้วมันเป็น
00:18:50 → 00:18:52 เครื่องสุดท้ายของเขาอ่ะตอนนั้นยังไม่รู้
00:18:52 → 00:18:54 นะคะว่านั่นคือเครื่องสุดท้ายมารู้หลัง
00:18:54 → 00:18:57 จากที่เราคาที่เลยหรอคะเอออะไรนะคะหมาย
00:18:57 → 00:19:01 ถึงเสียชีวิตคาที่เลยหรอคะเอ่อใช่ค่ะอยู่
00:19:01 → 00:19:03 ที่ที่ถนนตรงนั้นเลยอ่ะค่ะเหมือนกับแบบ
00:19:03 → 00:19:07 เราเห็นตอนนั้นคือหลังจากที่อ่าส่งรถขึ้น
00:19:07 → 00:19:09 รถพยาบาลไปเรียบร้อยแล้วค่ะแล้วก็กลับ
00:19:09 → 00:19:12 เข้ามาแล้วก็บังเอิญไปทานข้าวแล้วเป็น
00:19:12 → 00:19:14 ร้านญาติของน้องเพอดีแล้วเก็เลยเล่าให้
00:19:14 → 00:19:16 ฟังว่าน้องเขาเสียชีวิตแล้วอะไรอย่าง
00:19:16 → 00:19:18 เงี้ยค่ะก็เลยเข้าใจว่านั่นคือเฮืองสุด
00:19:18 → 00:19:22 ท้ายจริงๆอเอออะไรประมาณเนี้ยแต่แบบก็
00:19:22 → 00:19:24 เสียดายมากๆจริงๆอนะคะทีนี้ถ้าเกิดอย่าง
00:19:24 → 00:19:28 เงี้ยเนี่ยอืมเราต้องรีบช่วยทันทีไม่ว่า
00:19:28 → 00:19:31 จะยังไงจจะจะช้าจะเร็วก็ต้องรีบช่วยนะคะ
00:19:31 → 00:19:34 เผื่อว่ายังมีโอกาสแค่ 1% ก็ยังดีใช่มั้ย
00:19:34 → 00:19:37 คะอาจารย์ใช่ค่ะก็เยียกร้อยให้เขามีชีวิต
00:19:37 → 00:19:40 รอดดีกว่าเขาไม่มีชีวิตเลยความจริงไม่
00:19:40 → 00:19:43 มั่นใจเหมือนเป็นกฎหมายด้วยใช่มยคะว่าถ้า
00:19:43 → 00:19:47 เกิดสมมุติว่าเจอผู้ป่วยบาดเจ็บรุนแรง
00:19:47 → 00:19:51 อย่าเงี้ยค่ะเราก็ต้องถ้าแบบมันเป็นกฎ
00:19:51 → 00:19:53 หมายข้อบังคับเลยว่าเราจะต้องให้การช่วย
00:19:53 → 00:19:55 เหลือเหมือนเหมือนกับเ่าถ้าอย่างถ้าเราไป
00:19:55 → 00:19:58 ทำให้เขาเกิดอุบัติเหตุสมมุติเราขับรถไป
00:19:58 → 00:20:00 ชนเอะไรเงี้ยเราไม่หยุดช่วยเหลืออย่าง
00:20:00 → 00:20:03 เช่นที่แบบเคสที่แบบว่าชนคนข้ามถนนหรือ
00:20:03 → 00:20:05 หรือชนมอเตอร์ไซค์หรืออะไรอย่างเงี้ยเรา
00:20:05 → 00:20:07 เรารู้แต่ว่าเราไม่หยุดรถให้การช่วยเหลือ
00:20:07 → 00:20:11 อันนี้มันก็ผิดนะคะอืใช่เออก็อันเนี้ยมัน
00:20:11 → 00:20:14 เป็นจิตสำนึกที่เราต้องปลูกฝังอืจริงว่า
00:20:14 → 00:20:17 แบบใช่แต่อาจารย์อ่ะเป็นคนที่แบบเวลาเห็น
00:20:17 → 00:20:21 คนเจ็บอย่างงี้นะไม่ได้เลยนะวิญญาณพยาบาล
00:20:21 → 00:20:24 เข้าสิต้องแบบต้องไปช่วยก่อนช่วยได้มาก
00:20:24 → 00:20:27 ช่วยได้น้อยก็ต้องไปช่วยก่อนอย่างเงี้ยอื
00:20:27 → 00:20:30 ใช่ถ้ายิ่งๆอาจารย์มีความรู้นี่คือแบบว่า
00:20:30 → 00:20:32 ความช่วยเหลือนี้น่าจะแบบว่าได้ถูกวิธี
00:20:32 → 00:20:37 อ่ะช่วยได้เยอะเลยอ่ะค่ะค่ะอืแต่แต่ความ
00:20:37 → 00:20:39 จริงคนทั่วไปก็สามารถช่วยได้นะคะอย่าง
00:20:39 → 00:20:44 น้อยโทรเรียกรงรถพยาบาลให้เค้าอ่าใช่ใช่อ
00:20:44 → 00:20:46 อันนี้ทีนี้แล้วอย่างไหนแบบไหนถึงฉุกเฉิน
00:20:46 → 00:20:51 ถึงแบบว่าอ่ะนอนโรงพยาบาลแน่นอนอ๋อก็คือ
00:20:51 → 00:20:54 เดใหญ่อ่ะค่ะก็คือจะต้องเป็นภาวะเจ็บป่วย
00:20:54 → 00:20:58 หรือบาดเจ็บรุนแรงที่อาการไม่คงที่เสี่ยง
00:20:59 → 00:21:02 มีภาวะแทรกซ้อนตามมาเคสพวกเนี้คุณหมอก็จะ
00:21:02 → 00:21:05 พิจารณาให้แอดมิเพื่อรักษาแล้วก็ติดตาม
00:21:05 → 00:21:10 สังเกตอาการแล้วก็ป้องกันภาวะแทรกซ้อนอื
00:21:10 → 00:21:13 ใช่เพราะว่าความจริงอย่างเจ็บป่วยอย่า
00:21:13 → 00:21:15 เงี้ยเขาคก็มีโอกาสที่จะเกิดภาวะเซ็กซ
00:21:15 → 00:21:18 นู่นนี่นั่นตามมาค่ะได้ก็เลยจำเป็นต้อง
00:21:18 → 00:21:22 นอนลงพานค่ะทีนี้ความฉุกเฉินเนี่ยมันก็
00:21:22 → 00:21:24 เกิดขึ้นได้จากหลายรูปแบบนะคะเป็นสิ่งที่
00:21:25 → 00:21:27 เราไม่คาดคิดอุบัติเหตุบ้างหรือการเจ็บ
00:21:27 → 00:21:30 ป่วยที่มีอยู่แล้วบ้างหรือว่าอะไรก็แล้ว
00:21:30 → 00:21:32 แต่เนี่ยนะคะทีนี้ในการที่เราจะต้องดูแล
00:21:32 → 00:21:35 ผู้ป่วยฉุกเฉินอ่าถ้าฉุกเฉินเข้าโรง
00:21:35 → 00:21:37 พยาบาลแอดมิตเนี่ยเราไม่ไม่สามารถที่จะ
00:21:37 → 00:21:39 เข้าไปดูแลอะไรได้อยู่แล้วแต่หลังจากที่
00:21:39 → 00:21:42 เ้ากลับมาแล้วเงี้ยค่ะเรามีวิธีการที่จะ
00:21:42 → 00:21:45 แบบได้ช่วยดูแลเค้าหน่อยมั้คะแบบให้ถูก
00:21:45 → 00:21:50 วิธีก็ระยะที่เอ่อเมื่อคุณหมอให้คนไข้
00:21:50 → 00:21:52 กลับบ้านนะคะก็จะเป็นระยะที่เราจะต้อง
00:21:52 → 00:21:55 ฟื้นฟูอืแล้วก็เป็นระยะของการรักษาต่อ
00:21:55 → 00:21:59 เนื่องเมื่อคนไข้กลับบ้านซึ่งส่วนใหญ่ก็
00:21:59 → 00:22:03 จะเป็นการดูแลและการปฏิบัติตัวและการฟื้น
00:22:03 → 00:22:06 ฟูสมรรถภาพของผู้ป่วยตามโรคอ่ะค่ะอาจารย์
00:22:06 → 00:22:09 ยกตัวอย่างอย่างเช่นผู้ป่วยโรคหลอดเลือด
00:22:09 → 00:22:12 สมองอ่ะค่ะสมมุติพอเรับการรักษาในโรง
00:22:12 → 00:22:15 พยาบาลแล้วอาการเาคงที่คุณหมอพิจารณาว่า
00:22:15 → 00:22:18 สามารถกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านต่อและหน้า
00:22:18 → 00:22:21 ที่ของผู้ดูแลต่อจากนั้นก็คือเป็นการฟื้น
00:22:21 → 00:22:24 ฟูสมรรถภาพของเขาอือฮึไม่ว่าจะเป็นเาอาจ
00:22:24 → 00:22:27 จะมีปัญหาเรื่องการกลืนลำบากหรืออาจจะมี
00:22:27 → 00:22:30 ปัญหาเรืื่องการสื่อสารหรือมีปัญหาเรื่อง
00:22:30 → 00:22:33 การทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันจากแขนขาอ่อน
00:22:33 → 00:22:37 แรงหรืออาจจะมีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวค่ะ
00:22:37 → 00:22:40 ขึ้นอยู่กับว่าเขาเลือดออกที่ตำแหน่งสมอง
00:22:40 → 00:22:43 ส่วนไหนอ่ะค่ะเพราะฉะนั้นผู้ดูแลก็ต้องดู
00:22:43 → 00:22:47 แลเรื่องเกี่ยวกับการทำกายภาพบำบัดซึ่ง
00:22:47 → 00:22:50 ก่อนกลับบ้านอย่างเงี้ยคุณหมอก็จะปรึกษา
00:22:50 → 00:22:54 กับทีมนักกายภาพทีมแพทย์ทีมพยาบาลค่ะ
00:22:54 → 00:22:59 เพื่อที่จะสอนญาติและคนไข้ในการทำกายภาพ
00:22:59 → 00:23:02 บำบัดเพื่อฟื้นฟูการกลับมาการทำงานของ
00:23:02 → 00:23:07 อวัยวะต่างๆให้กลับมาให้อกลับมาใช้งานอาจ
00:23:07 → 00:23:10 จะมากหรือน้อยก็แล้วแต่เคสนะคะรวมถึงการ
00:23:10 → 00:23:15 ทำกิจกรรมบำบัดต่างๆเพื่อที่จะรักษาแก้ไข
00:23:15 → 00:23:19 ปัญหาการเกืนลำบากหรือปัญหาเรื่องการสื่อ
00:23:19 → 00:23:22 สารอย่างเงี้ยค่ะเพื่อฟื้นฟูคุณภาพชีวิต
00:23:22 → 00:23:27 ของเขารวมถึงผู้ดูแลอ่ะค่ะจะต้องดูแลพวก
00:23:27 → 00:23:30 สิ่งแวดล้อมภายในบ้านและปรับสภาพแวดล้อม
00:23:31 → 00:23:33 ภายในบ้านให้เอื้อต่อผู้ป่วยอย่างคนไข้
00:23:33 → 00:23:37 หลอดเลือกสมองอาจจะมีปัญหานอนติดเตียง
00:23:37 → 00:23:40 หรือเคลื่อนไหวลำบากอย่างเงี้ยก็อาจจะ
00:23:40 → 00:23:42 ต้องให้เขาคอยู่ในชั้นหนึ่งค่ะเพื่อที่จะ
00:23:43 → 00:23:46 เราจะได้เคลื่อนย้ายเขาได้ง่ายเงี้ยค่ะ
00:23:46 → 00:23:50 อ๋อคือจริงๆการดูแลผู้ป่วยอ่ะค่ะก็จะแตก
00:23:50 → 00:23:54 ต่างกันไปตามแต่ละตัวโรคค่ะแต่ว่า
00:23:54 → 00:23:57 คอนเซปต์หลักเลยของการดูแลผู้ป่วยเมื่อ
00:23:57 → 00:24:00 กลับบ้านก็คือจะเป็นเรื่องของการฟื้นฟู
00:24:00 → 00:24:04 การทำงานของร่างกายการรักษาต่อเนื่องอื
00:24:04 → 00:24:05 ที่
00:24:05 → 00:24:08 บ้านค่ะแล้วก็เป็นเรื่องของการป้องกัน
00:24:09 → 00:24:12 ภาวะแทรกซ้อนอื่นๆอือฮึโอ้อันเนี่ยอันนี้
00:24:12 → 00:24:15 ต้องระวังเลยใช่มั้ยคะเรื่องของแบบเอ่อ
00:24:15 → 00:24:18 อาจพพอมันมีภาวะแทรกซ้อนอื่นเนี่ยความ
00:24:18 → 00:24:21 ฉุกเฉินมันก็จะต้องเข้าลงพบาอก็อาจจะเป็น
00:24:21 → 00:24:24 เหตุที่อาจจะต้องกลับมาที่โรงพยาบาลได้
00:24:24 → 00:24:27 ค่ะอือย่างอย่างเช่นผู้ป่วยหลอกเลือดสมอง
00:24:27 → 00:24:29 บางคนอาจจะนอนติดเตียงเงี้ยเพราะเขาไม่
00:24:29 → 00:24:32 ได้เคลื่อนไหวนานๆเขาก็มีโอกาสที่จะเกิด
00:24:33 → 00:24:35 ลิ่มเลือดอุดตันได้จากการไม่เคลื่อนไหว
00:24:35 → 00:24:38 อันเนี้ยก็จะกลายเป็นรืบรีบือดอุดตันมัน
00:24:38 → 00:24:41 อันตรายมากเลยนะถ้าไปแบบไปอุดตันที่ปอด
00:24:41 → 00:24:43 หรือสมองเงี้ยอออก็ต้องพากลับมาห้อง
00:24:43 → 00:24:47 ฉุกเฉินอีกค่ะอืใช่ซึ่งอันเนี้ยก็คือคุณ
00:24:48 → 00:24:50 คุณหมอเนี่ยและพยาบาลเขาก็จะแนะนำว่าจะ
00:24:50 → 00:24:56 ต้องทำการบริหารถ้าข้อเท้าจะต้องมีการ
00:24:56 → 00:24:59 เคลื่อนไหวคนไข้ยังไงเพื่อที่จะป้องกัน
00:24:59 → 00:25:05 ภาวะลิ่มเลือดอุดตันอืโอก็ก็ก็เขาจะมี
00:25:05 → 00:25:08 เค้าเรียกอะไรนะอ่าคำแนะนำในการฟื้นฟู
00:25:08 → 00:25:12 เพราะเกลับไปเพื่อไปฟื้นฟูให้กลับมาได้
00:25:12 → 00:25:15 เอ่อปกติมากที่สุดหรือใกล้เคียงก็ได้อะไร
00:25:15 → 00:25:18 อย่าเงี้ยนะคะอืใช่ค่ะค่ะคำว่าฟื้นฟูมัน
00:25:18 → 00:25:20 ก็คือความหมายแบบนี้แหละแต่ถ้าเกิดว่ามี
00:25:20 → 00:25:23 ฉุกเฉินเข้ามาอีกเช่นสมมุติว่าเอ่ออย่าง
00:25:23 → 00:25:25 ที่อาจารย์บอกก็ต้องก็ต้องรีบส่งโรง
00:25:25 → 00:25:30 พยาบาลเหมือนเดิมใช่ใช่ขอบคุอารที่มารม
00:25:30 → 00:25:33 พูดคุยในการนะคะขอบคุณค่ะอาจารยค่ะค่ะ
00:25:33 → 00:25:36 สวัสดีค่ะหมดเวลาแล้วค่ะคุณผู้ฟังพบกัน
00:25:36 → 00:25:38 ใหม่ครั้งหน้ากับรายการโรงหมอนะคะวันนี้
00:25:38 → 00:25:42 ลาไปก่อนค่ะสวัสดีค่ะ This Is tha PBS
00:25:42 → 00:25:45 podcast โรคกระเพาะโรคยอดฮิตของคนไทยพบ
00:25:45 → 00:25:48 ได้แทบทุกกลุ่มเกิดจากแบคทีเรียชนิดหนึ่ง
00:25:48 → 00:25:50 ที่ทำให้กระเพาะอักเสบได้แพทย์หญิงกิตยา
00:25:50 → 00:25:54 สีเลิศฟ้าแพทย์อายุรกรรมฝ่ายการแพทย์ AIA
00:25:54 → 00:25:57 มาบอกให้รู้ครับโรคกระเพาะอาหารโรค
00:25:57 → 00:26:00 กระเพาะเนี่ยก็ก็เกิดจากการอักเสบหรือการ
00:26:00 → 00:26:04 คายเคืองบริเวณเยื่อบุภายในกระเพาะอาหาร
00:26:04 → 00:26:08 ท่านผู้ฟังนึกภาพออกมว่ารูปกระเพาะของเรา
00:26:08 → 00:26:12 มันเป็นแบบไหนเป็นการอักเสบของเยื่อบุภาย
00:26:12 → 00:26:15 ในกระเพาะอาหารนะเกิดได้ทั้งแบบเฉียบพลัน
00:26:15 → 00:26:19 ซึ่งมักจะหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์นะคะ
00:26:19 → 00:26:23 โหรือว่าอาจจะเกิดเรื้อรังบางคนก็ประวัติ
00:26:23 → 00:26:25 เรื้อรังเลยแหละก็จะทำให้เกิดแผลอันนั้น
00:26:26 → 00:26:29 ก็หายากหน่อยถ้าทิ้งไว้ทิ่งไว้นานไม่
00:26:29 → 00:26:32 รักษานะก็จะตามด้วยเลือดออกในกระเพาะ
00:26:32 → 00:26:35 กระเพาะทะลุหรือว่าเพิ่มความเสี่ยงในการ
00:26:35 → 00:26:39 เป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารสภาวะปกติใน
00:26:39 → 00:26:41 กระเพาะอาหารจะมีความเป็นกรดสูงใช่มั้ย
00:26:42 → 00:26:45 เยื่อบุกระเพาะเราเนี่ยจะผลิตกรดขึ้นมา
00:26:45 → 00:26:48 เพื่อช่วยในการย่อยและฆ่าเชื้อโรคที่ปะปน
00:26:48 → 00:26:51 เข้าไปในอาหารนอกจากเขาจะสร้างกรดได้แล้ว
00:26:51 → 00:26:54 เยังมีเซลล์อีกชนิดนึงนะคนละเซลล์กันนะฮะ
00:26:54 → 00:26:58 ที่สร้างเมือกที่เป็นเยื่อบุบางๆช่วยป้อง
00:26:58 → 00:27:02 กันผนังของกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กจาก
00:27:02 → 00:27:04 กรดอืคนที่เป็นโรคกระเพาะเนี่ยกรดที่
00:27:04 → 00:27:08 หลั่งออกมาเนี่ยมันจะเกิดเสียความสมดุลนะ
00:27:08 → 00:27:11 ฮะกับไอ้เมือกที่สร้างออกมากรดที่สร้าง
00:27:11 → 00:27:14 ออกมาเนี่ยจะทำลายเยื่อบุบริเวณกระเพาะ
00:27:14 → 00:27:17 ซึ่งมีความต้านทานกรดไม่ดีค่ะทำให้เยื่อ
00:27:18 → 00:27:20 บู่กระเพาะเนี่ยมันเสียความสมดุลไปนะคือ
00:27:20 → 00:27:23 ถ้าปกติสมดุลก็ไม่มีอะไรไม่มีอะไรแต่ถ้า
00:27:23 → 00:27:27 ผิดปกติปุ๊บว่าใช่ปเพราะว่าเค้าก็มีเซลล์
00:27:27 → 00:27:29 ที่ผลิตกรดอมาอยู่ในกระเพาะเราอยู่แล้ว
00:27:29 → 00:27:32 วันดีคืนดีแล้วทำไมมันกัดกระเพาะเราเอง
00:27:32 → 00:27:36 ข้อที่ 1 คือการติดเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์
00:27:36 → 00:27:40 ไรนเอ่อเรียกสั้นๆว่า H ไรนเป็นแบคทีเรีย
00:27:40 → 00:27:44 ที่ติดต่อโดยการรับประทานอาหารหรือดื่ม
00:27:44 → 00:27:47 น้ำที่ปนเพื่อนเชื้อปกติแบคทีเรียหลาย
00:27:47 → 00:27:49 ชนิดเนี่ยไม่สามารถอาศัยอยู่ในกระเพาะเรา
00:27:49 → 00:27:52 ได้นะเนื่องจากเขาจะถูกกรดทำลายอ๋อที่ว่า
00:27:52 → 00:27:55 มีกรดในกระเพาะเรากดในกระเพาะนี่จะมีทุก
00:27:55 → 00:27:58 วันมีตลอดเวลาเวลาเรารับประทานอาหารเข้า
00:27:58 → 00:28:01 ไปแต่ว่าเจ้าเชื้อ H ไลนเนี่ยเมี
00:28:01 → 00:28:04 คุณสมบัติพิเศษคือเขาสามารถเกาะเกี่ยวตัว
00:28:04 → 00:28:07 เองไว้กับเยื่อบุผิวกระเพาะอาหารนะคะแล้ว
00:28:08 → 00:28:10 ก็สามารถผลิตด่างขึ้นป้องกันตัวเองไม่ให้
00:28:10 → 00:28:14 ถูกกรดทำลายเก่งมั้ยเก่งเกินแล้วก็แทรก
00:28:14 → 00:28:16 ตัวอยู่ระหว่างช่องเซลล์ผิวของเยื่อบุ
00:28:17 → 00:28:20 อาหารโอ้โหนะขนาดนั้นทำให้เชื้อเนี่ย
00:28:20 → 00:28:22 สามารถอาศัยอยู่ในกระเพาะผู้ติดเชื้อ
00:28:22 → 00:28:26 เนี่ยนานหลายปีเลยนานหลายปีเลยไม่ได้อยู่
00:28:26 → 00:28:31 เป็นวันๆนะนี่อยู่เป็นปีๆค่ะเยโอ่าโดยไม่
00:28:31 → 00:28:34 แสดงอาการอะไรเชื้อเนี้ยเมื่อเข้าสู่ร่าง
00:28:34 → 00:28:37 กายแล้วเนี่ยจะเข้าไปฝังตัวอยู่ใต้เยื่อ
00:28:37 → 00:28:40 บู่กระเพาะนะผนังกระเพาะเราก็จะอ่อนแอลง
00:28:40 → 00:28:45 นะมีความทนต่อกรดลดลงทำให้กระเพาะและลำ
00:28:45 → 00:28:48 ไส้เล็กส่วนต้นเนี่ยอักเสบเกิดแผลได้ง่าย
00:28:48 → 00:28:53 แผลหายช้าแล้วก็เกิดแผลซ้ำ
00:28:53 → 00:28:59 ได้ This Is Thai PBS podcast
00:28:59 → 00:29:02 ติดตามรายการของ Thai PBS podcast ได้
00:29:02 → 00:29:17 ทางเว็บไซต์ www.thaipbs.or.th
00:29:17 → 00:29:21 [เพลง]
00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world vi The
00:00:05 → 00:00:08 Voice คนบาดเจ็บ 10 คน 20 คนไม่ได้แปล
00:00:08 → 00:00:12 ว่าคนไข้ทุกคนเนี่ยจะบาดเจ็บรุนแรงใน
00:00:12 → 00:00:15 ระดับเดียวกันนะคะบางคนอาจจะเจ็บหนักต้อง
00:00:15 → 00:00:18 ได้รับการตรวจทันทีต้องได้รับการคู้ชีพ
00:00:18 → 00:00:22 ทันทีแต่บางคนอาจจะเจ็บป่วยเล็กน้อยพอรอ
00:00:22 → 00:00:25 ได้อย่างเงี้ยค่ะผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต
00:00:25 → 00:00:27 อาการของผู้ป่วยกลุ่มนี้ก็คือไม่รู้สึก
00:00:27 → 00:00:33 ตัวระบบหายใจล้มเหลวหัวใจหยุดเต้นชักต่อ
00:00:33 → 00:00:37 เนื่องภาวะช็อแพ้ยาแพ้อาหารอย่างรุนแรง
00:00:37 → 00:00:40 อันเนี้ยต้องได้รับการตรวจในทันทีเพื่อ
00:00:40 → 00:00:43 ที่คุณหมอจะได้รักษาอย่างทันท่วงทีค่ะ
00:00:43 → 00:00:47 เพราะถ้าไม่รีบรักษาตายแน่
00:00:47 → 00:00:51 นอนฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคไทยฟัง
00:00:51 → 00:00:55 รายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตพรค่ะ
00:00:55 → 00:00:58 This Is tha PBS podcast มาค่ะคุณ
00:00:58 → 00:01:02 ผู้ฟังคะสำหรับในวันนี้เราจะพูดคุยกันถึง
00:01:02 → 00:01:05 เรื่องของความฉุกเฉินเรื่องฉุกเฉินที่เรา
00:01:05 → 00:01:08 จำเป็นต้องรู้นะคะอะไรคือคำว่าฉุกเฉิน
00:01:08 → 00:01:11 บ้างแล้วก็แบบไหนที่เข้าข่ายของคำว่า
00:01:11 → 00:01:14 ฉุกเฉินอ่ะยังงงๆกันอยู่ใช่มยคะเดี๋ยววัน
00:01:14 → 00:01:17 นี้เรามาขายข้อข้องใจเรื่องนี้กันกับดร
00:01:17 → 00:01:19 พรทิพย์สุยาสิทธิ์จากภาควิชาการพยาบาล
00:01:19 → 00:01:22 ศัลยศาสตร์คณะพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัย
00:01:22 → 00:01:26 มหิดลค่ะสวัสดีค่ะอาจารย์คะสวัสดีค่ะค
00:01:26 → 00:01:29 ความฉุกเฉินนะคะก็ชื่อมันฉุกเฉินอยู่แล้ว
00:01:29 → 00:01:31 แหละมันไม่ได้ไม่มีอะไรที่จะเตรียมตัวได้
00:01:31 → 00:01:35 คือมันเกิดเมื่อไหร่ก็ได้ตอนไหนก็ได้นะคะ
00:01:35 → 00:01:37 แต่ว่าเราต้องมาทำความเข้าใจกับคำว่า
00:01:37 → 00:01:40 ฉุกเฉินมันมีความหมายมีนิยามอะไรมั้ยคะ
00:01:40 → 00:01:43 อาจารย์คะจริงๆแล้วอ่ะค่ะคำว่าฉุกเฉินก็
00:01:43 → 00:01:46 คือคนไข้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือว่ามีอาการ
00:01:46 → 00:01:50 เจ็บป่วยกระทันหันอืซึ่งอาการเหล่านั้นนะ
00:01:50 → 00:01:53 ค่ะมีเป็นอันตรายต่อชีวิตแล้วก็หากไม่ได้
00:01:53 → 00:01:55 รับการรักษาอย่างเร่งด่วนแล้วก็มีโอกาส
00:01:55 → 00:01:58 ที่จะเสียชีวิตได้สูงค่ะทำให้จำเป็นต้อง
00:01:58 → 00:02:01 รีบมารงพยาบาลเพื่อที่จะได้รับการรักษา
00:02:01 → 00:02:06 ยันพันท่วงทีอืคือหมายถึงว่าต้องมีผลกับ
00:02:06 → 00:02:10 ชีวิตถูกมั้ยคะใช่ค่ะเป็นอันตรายต่อชีวิต
00:02:10 → 00:02:13 อแต่ว่าความอันตรายต่อชีวิตอ่ะบางคนอาจจะ
00:02:13 → 00:02:15 ตีความหมายไม่เท่ากันค่ะอาจารย์อย่างเช่น
00:02:15 → 00:02:17 ว่าอย่างเราสุว่าเฮ้ยเรื่องเนี้ยมันเป็น
00:02:17 → 00:02:20 เรื่องที่แบบเกี่ยวกับชีวิตแต่พอไปอ่าเจอ
00:02:21 → 00:02:23 พยาบาลเจอหมอหรือเจออะไรอย่างเงี้ยเอาจจะ
00:02:23 → 00:02:26 รู้สึกว่าเออมันก็ไม่ถึงขนาดนั้นอะไร
00:02:26 → 00:02:28 อย่างเงี้ยอืมันอาจจะมีความรู้สึกที่ไม่
00:02:28 → 00:02:32 เท่ากันอยู่ในนั้นด้วยมั้ยคะใช่ค่ะคือ
00:02:32 → 00:02:34 จริงๆอ่ะมันมันแบ่งระดับของความฉุกเฉิน
00:02:34 → 00:02:38 อยู่ค่ะว่าแบบไหนฉุกเฉินมากแบบไหนฉุกเฉิน
00:02:38 → 00:02:41 น้อยซึ่งคุณหมอคุณพยาบาลเจะมีเกณฑ์อยู่
00:02:41 → 00:02:43 ค่ะเพราะฉะนั้นเนี่ยเกณฑ์เหล่าเนี้ยค่ะ
00:02:43 → 00:02:47 เป็นสิ่งสำคัญที่จะใช้ในการเอ่อระบุความ
00:02:47 → 00:02:50 เร่งด่วนว่าจะต้องได้รับการตรวจภัยในทันท
00:02:50 → 00:02:54 หรือเปล่าหรือสามารถรอได้อืมอย่างงี้ค่ะ
00:02:54 → 00:02:56 เพราะว่าฉะนั้นคือคุณผู้ฟังฟังตรงนี้แล้ว
00:02:56 → 00:02:57 จะได้ทำความเข้าใจนะคะเพราะว่าไม่งั้น
00:02:57 → 00:03:00 เดี๋ยวทุกๆคนเข้ามาด้วยความที่รู้รู้สึก
00:03:00 → 00:03:03 ว่าตัวเองฉุกเฉินมันเป็นเคสที่แบบว่าอ่ะ
00:03:03 → 00:03:05 ในความรู้สึกมันอาจจะไม่เท่ากันแต่มีหลัก
00:03:05 → 00:03:07 เกณฑ์อยู่นะอ้าหลักเกณฑ์ยังไงบ้างคะ
00:03:07 → 00:03:11 อาจารย์คือจริงๆแล้วเกณฑ์ในการแบ่งความ
00:03:11 → 00:03:14 ฉุกเฉินเนี่ยนะคะก็อาจจะแบ่งเป็น 3 ระดับ
00:03:14 → 00:03:17 หรือ 5 ระดับก็ได้แล้วแต่โรงพยาบาลค่ะแต่
00:03:17 → 00:03:19 อันนี้อาจารย์ขอพูดถึง 5 ระดับละกันนะคะ
00:03:19 → 00:03:23 ก็คือจริงๆเนี่ยเค้าก็จะแบ่งเป็น 5 ระดับ
00:03:23 → 00:03:27 เนาะก็คือ 1 2 3 4 นะคะระดับ 1 คือผู้
00:03:27 → 00:03:31 ป่วยฉุกเฉินวิกฤตฉุกเฉินวิกฤตชื่อฟังแบบ
00:03:31 → 00:03:33 ต้องได้รับการตรวจในทันทีเลยนะคะซึ่ง
00:03:33 → 00:03:36 ลักษณะอาการของผู้ป่วยกลุ่มนี้ก็คือไม่
00:03:36 → 00:03:41 รู้สึกตัวระบบหายใจล้มเหลวหัวใจหยุดเต้น
00:03:41 → 00:03:46 ชักต่อเนื่องหรือมีภาวะช็อกหรือแพ้ยาแพ้
00:03:46 → 00:03:49 อาหารอย่างรุนแรงอันเนี้ยต้องได้รับการ
00:03:49 → 00:03:54 ตรวจในทันทีค่ะเพื่อที่คุณหมอจะได้รักษา
00:03:54 → 00:03:58 อย่างทันท่วงทีค่ะเพราะถ้าไม่รีบรักษาตาย
00:03:58 → 00:04:02 แน่นอนเคสพวกนี้อืส่วนระดับที่ 2 ก็คือ
00:04:02 → 00:04:06 เป็นผู้ป่วยที่ฉุกเฉินหนักค่ะเศเนี้ย
00:04:06 → 00:04:11 สามารถตรวจได้หลังระดับที่ 1 ภายใน 10
00:04:11 → 00:04:16 นาทีออก็คือพูดง่ายๆคือต้องได้รับการตรวจ
00:04:16 → 00:04:18 ภายใน 10 นาทีเคสพวกนี้ก็อย่างเช่นเคส
00:04:18 → 00:04:24 เอ่อเจ็บหน้าอกเฉียบพานงูกัดหรืออ่อนแรง
00:04:24 → 00:04:28 แขนขาเครื่องซีกหรือกินสารพิษมาหรือมี
00:04:28 → 00:04:31 อาการเปลี่ยนแปลงทางทงระบบประสาทซึมลง
00:04:31 → 00:04:36 อย่างเงี้ยค่ะค่ะอืส่วนระดับที่ 3 ก็คือ
00:04:36 → 00:04:39 เป็นระดับฉุกเฉินเร่งด่วนก็คือพอรอได้ค่ะ
00:04:40 → 00:04:44 ต้องได้รับการตรวจภายใน 30 นาทีเคสที่พบ
00:04:44 → 00:04:48 บ่อยก็อย่างเช่นแบบเคสไส้ติ่งเฉียบพันธุ์
00:04:48 → 00:04:50 ไส้ติ่งอักเสบเฉียบพันธุ์ไส้ติ่งแตกอือ
00:04:51 → 00:04:56 นึกออกมเคสันปวดท้องเออเคสไล่หลุดเคสแผล
00:04:56 → 00:05:02 ฉีกขาดอวัยวะมีการฉีกขาค่ะเลือดไม่ไหลไม่
00:05:02 → 00:05:04 หยุดอย่างเงี้ยค่ะหรือเป็นแผลที่กระจกตา
00:05:04 → 00:05:08 หรือเกิดอุบัติเหตุมาแล้วแขนขาผิดรูปอื
00:05:08 → 00:05:11 รวมถึงปวดท้องรุนแรงเฉียบพันอันนี้ก็คือ
00:05:11 → 00:05:14 เขตพวกเนี้ยต้องได้รับการตรวจภายใน 30
00:05:14 → 00:05:20 นาทีอืถ้าคนไข้เจ็บป่วยไม่รุนแรงอันนี้
00:05:20 → 00:05:23 เป็นเลเวลที่ 4 เป็นลำดับที่ 4 ก็คือรอ
00:05:23 → 00:05:27 ได้รอตรวจภายใน 1 ช่วโมงอย่างเช่นไข้หวัด
00:05:27 → 00:05:31 ไข้หวัดใหญ่ไข้หวัดตามฤดูฤดูกาลนะคะหรือ
00:05:31 → 00:05:35 บาดเจ็บจากการเล่นกีฬามาแล้วเกิดเอ่อเค้า
00:05:35 → 00:05:38 เรียกว่ากล้ามเนื้ออักเสบตข้อเท้ากระดูก
00:05:38 → 00:05:42 ไม่ผิดรูปนะคะหรือแบบอยู่ดีๆปัสสาวะแสบ
00:05:42 → 00:05:46 ขัดปัสสาวะไม่ออกอย่างเงี้ยก็คือเป็นเคส
00:05:46 → 00:05:49 ที่สามารถรอได้ปวดท้องปวดศีรษะไม่รุนแรง
00:05:49 → 00:05:52 นะคะอืส่วนระดับสุดท้ายระดับที่ 5 ก็คือ
00:05:52 → 00:05:56 เป็นผู้ป่วยทั่วไปก็คือเคสพวกนี้ควรมา
00:05:56 → 00:05:59 ตรวจในเวลาราชกาก็คือคุณหมอจะนัดมาในเวลา
00:05:59 → 00:06:02 ราชการอยู่แล้วแหละเคสพวกนี้ส่วนใหญ่ก็จะ
00:06:02 → 00:06:06 เป็นพวกเคสล้างแผลคนไขอุบัติเหตุก็จะมี
00:06:06 → 00:06:08 แผลใช่มั้ยคะเพราะฉะนั้นเค้าก็จะนัดมา
00:06:08 → 00:06:13 ล้างแผลหรือฉีดยาตามนัดยากันบัยยากันพิศ
00:06:13 → 00:06:16 สุนัขบ้างรเงี้ยเค้าก็จะมีนัดของเขาอยู่
00:06:16 → 00:06:18 หรือมารับยาหรือขอไปรับรองแพทย์เพราะ
00:06:18 → 00:06:22 ฉะนั้นเนี่ยระดับความฉุกเฉินเนี่ยก็จะ
00:06:22 → 00:06:26 เป็นตามระดับความรุนแรงของโลคความเร่ง
00:06:26 → 00:06:30 ด่วนของความจำเป็นต้องได้รับการตรวจ
00:06:30 → 00:06:34 ว่าต้องตรวจทันทีเลยมั้ยหรือรอได้ค่ะอื
00:06:34 → 00:06:37 แต่แต่เท่าที่ฟังดูเนี่ยฉุกเฉินเนี่ยก็ 5
00:06:37 → 00:06:40 ระดับด้วยกันแต่ว่ามันมีระยะเวลาที่แบบ
00:06:40 → 00:06:44 อ่ะยังพอรอได้ไม่ว่าจะ 10 นาที 30 นาที
00:06:44 → 00:06:46 หรือ 1 ชั่วมงแต่มันก็ยังอยู่ในคำว่า
00:06:46 → 00:06:49 ฉุกเฉินฉุกเฉินก็รู้สึกว่าแบบว่าเอ้อต้อง
00:06:49 → 00:06:53 แบบว่าทันทีทันใดแต่แค่ว่าอาการทำให้มี
00:06:53 → 00:06:56 ระยะเวลาในการที่จะรอได้เพราะว่าอาจจะมี
00:06:56 → 00:06:58 คนที่ฉุกเฉินกว่าเพราะว่าในโรงพยาบาลที่
00:06:58 → 00:07:01 เคยเห็นที่แบบว่ามีปัญหานะค่ะอาจารย์ว่า
00:07:01 → 00:07:05 เออก็ของฉันก็ฉุกเฉินเนี่ยเป็นไข้แบบไข้
00:07:05 → 00:07:09 ขึ้นสูงมากเลยแต่อีกอันนึงคือเอ้ยมีความ
00:07:09 → 00:07:11 เสี่ยงต่อชีวิตที่มันมากกว่าเพราะฉะนั้น
00:07:11 → 00:07:14 มันมีมันมีเรื่องของระยะเวลาที่ยังพออยู่
00:07:14 → 00:07:18 ในเกณฑ์ที่รอได้ไม่ได้เกินกว่าที่จะทำให้
00:07:18 → 00:07:21 เกิดอันตรายต่อชีวิตของคนไข้มันจะมีเกณฑ
00:07:21 → 00:07:25 คือคือจะต้องบอกว่าที่เรามีเลเวลการเลเวล
00:07:25 → 00:07:27 ระดับฉุกเฉิเงี้ยค่ะเพื่อที่เราหมายถึง
00:07:27 → 00:07:31 ทีมแพทย์นะคะเพื่อที่ทีมแพทย์เนี่ยจะได้
00:07:31 → 00:07:34 จัดสรรทรัพยากรแล้วก็จัดลำดับความสำคัญ
00:07:34 → 00:07:37 ว่าเคสไหนควรได้รับตรวจก่อนค่ะการตรวจ
00:07:37 → 00:07:39 ก่อนเพราะว่าถ้าไม่ได้บางเคสอย่างเงี้ย
00:07:39 → 00:07:42 ค่ะถ้าเป็นเคสฉุกเฉินวิกฤตก็คือระดับหนึ
00:07:42 → 00:07:45 ใช่มยคะถ้าเป็นเคสที่ต้องจำเป็นต้องได้
00:07:45 → 00:07:48 รับการตรวจทันทีแต่ถ้าเกิดเขาไม่ได้รับ
00:07:48 → 00:07:50 การตรวจทันทีอย่างเงี้ยก็มีโอกาสที่เขาจะ
00:07:50 → 00:07:53 เสียชีวิตได้ก็เลยเป็นความสำคัญที่แพทย์
00:07:53 → 00:07:55 จะต้องทีมแพทย์อ่ะค่ะจะต้องจัดลำดับก่อน
00:07:55 → 00:07:59 ว่าออเคสนี้ต้องตรวจทันทีนะเคสนี้พอรอได้
00:07:59 → 00:08:02 นะเคสนี้รอไปก่อนนะอย่างเงี้ยแต่คือความ
00:08:03 → 00:08:06 จริงอ่ะไม่ได้แปลว่าทีมแพทย์ไม่ใส่ใจไม่
00:08:06 → 00:08:09 สนใจคนไข้นะคะแต่คือมันเป็นมาตรฐานในการ
00:08:09 → 00:08:12 ดูแลคนไข้อยู่แล้วทั่วโลกเลยที่ว่าจะต้อง
00:08:12 → 00:08:15 จัดลำดับว่าใครป่วยหนักใครเจ็บหนักตรวจ
00:08:15 → 00:08:20 ก่อนใครเจ็บป่วยเล็กน้อยรอตรวจได้ค่ะอืม
00:08:20 → 00:08:22 กำลังนึกถึงเรื่องของที่ภาพจะเห็นได้ชัด
00:08:22 → 00:08:25 เจนคืออย่างเช่นมีอุบัติเหตุใหญ่ๆแล้วมี
00:08:25 → 00:08:29 คนไข้ฉุกเฉินเข้ามาเงี้ยพร้อมๆกันน่ะมัน
00:08:29 → 00:08:31 เลยจะจำต้องมีเกณฑ์เหล่าเนี้ยเพื่อดูแล
00:08:31 → 00:08:34 เพราะว่าเชื่อว่าคุณหมอคงไม่ได้สามารถจะ
00:08:34 → 00:08:37 วิ่งแบบไปทำแผลทีละคนเค้าเรียกว่าอะไรนะ
00:08:37 → 00:08:40 คะเหมือนว่าดูแลพร้อมกันได้ครั้งเดียวคน
00:08:40 → 00:08:43 ใช่ๆก็อย่างสมมุติเป็นอุบัติเหตุหมู่มา
00:08:43 → 00:08:47 อย่าเงี้ยค่ะอรถทัวร์คว่ำอ่ะยกตัวอย่าง
00:08:47 → 00:08:51 ง่ายๆค่ะคนบาดเจ็บ 10 คน 20 คนไม่ได้แปล
00:08:51 → 00:08:54 ว่าคนไข้ทุกคนเนี่ยจะบาดเจ็บรุนแรงใน
00:08:54 → 00:08:58 ระดับเดียวกันนะคะบางคนอาจจะเจ็บหนักค่ะ
00:08:58 → 00:09:00 หมายความว่าต้องต้องได้รับการตรวจทันที
00:09:00 → 00:09:04 ต้องได้รับการกู้ชีพทันทีแต่บางคนอาจจะ
00:09:04 → 00:09:08 เจ็บป่วยเล็กน้อยบาดเจ็บเล็กน้อยพอรอได้
00:09:08 → 00:09:10 อย่างเงี้ยค่ะก็คือมันเป็นวิธีการที่เขา
00:09:10 → 00:09:15 จะดูแลคนไข้ในห้องฉุกเฉินค่ะอืแต่ถ้าเกิด
00:09:15 → 00:09:18 ว่าเขาสามารถที่จะดูแลได้ทั้งหมดหรือว่า
00:09:18 → 00:09:21 แบบเอ่อ handle ได้ควบคุมได้ทั้งหมดเนี่ย
00:09:21 → 00:09:24 เชื่อว่าคุณหมอไม่ไม่ปล่อยเคสต่างๆไว้แน่
00:09:24 → 00:09:27 นอนนะคะแล้วก็จะต้องมีการแบบดำเนินการ
00:09:27 → 00:09:30 หรือว่าบางโรงพยาบาลมีคุณหมอเอ่อแผนก
00:09:30 → 00:09:32 ฉุกเฉินที่อาจจะแบบว่ามีเพียงพอหรือว่า
00:09:32 → 00:09:35 สามารถที่จะเรียกมาเอ่อดูแลเคสต่างๆที่
00:09:35 → 00:09:39 แบบมีเหตุฉุกเฉินในแบบแบบคนเยอะๆจำนวนคน
00:09:39 → 00:09:43 ไข้เยอะๆแบบเนี้ยก็ใช่ค่ะเเเมีโปรโตคอล
00:09:43 → 00:09:48 หรือแนวปฏิบัติอยู่ว่าถ้าคนไข้มาเยอะมากๆ
00:09:48 → 00:09:53 ต้องทำยังไงก็แล้วแต่ของตามโรงพยาบาลอแต่
00:09:53 → 00:09:55 แต่ไม่ต้องห่วงเชื่ออ๋อไม่ต้องห่วงนะคะ
00:09:55 → 00:09:57 แต่เชื่อว่าคุณหมอคงไม่อยากจะเจอเคสแบบ
00:09:57 → 00:10:00 หนักๆนะเพราะว่ามันคือชีวิตของคนไข้อ่ะ
00:10:00 → 00:10:03 ใช่มั้ยคอืเพราะว่าก็เข้าใจในความรู้สึก
00:10:03 → 00:10:07 ของเ่อญาติของคนไข้หรือว่าคนที่เจ็บป่วย
00:10:07 → 00:10:09 อยู่อ่ะคือตัวเองมันรู้สึกว่ามันมันก็ไม่
00:10:09 → 00:10:13 ไหวมันก็ฉุกเฉินจริงๆในความรู้สึกของเรา
00:10:13 → 00:10:15 ใช่มั้ยคะความจริงเราก็จะเห็นในโซเชียล
00:10:15 → 00:10:19 Media หลายๆครั้งที่ญาติคนไข้แบบว่ารู้
00:10:19 → 00:10:22 สึกว่าโอ๊ยเคสของเอ่อญาติของฉันป่วยหนัก
00:10:22 → 00:10:25 จังเลยทำไมคุณหมอไม่มาตรวจรอเป็นชั่วโมง
00:10:25 → 00:10:28 แล้วอืออันเนี้ยอันเนี้ยคืออยากจะบอกว่า
00:10:28 → 00:10:32 ก็คือเ่ออยากให้ญาติคนไข้และผู้ป่วยอ่ะ
00:10:32 → 00:10:36 ค่ะเข้าใจว่าจริงๆแล้วเนี่ยความฉุกเฉิน
00:10:36 → 00:10:39 เนี่ยในทางการแพทย์อ่ะค่ะมันมีระดับต่าง
00:10:39 → 00:10:42 กันเพราะฉะนั้นเนี่ยคุณหมอเขาก็ให้การ
00:10:42 → 00:10:47 ตรวจและรักษาไปตามไปตามเอ่อความรักลักษณะ
00:10:47 → 00:10:52 ความรุนแรงค่ะของการบาดเจ็บอือ่ะมันก็อาจ
00:10:52 → 00:10:56 จะเป็นไปได้ที่เจอเคสหลายๆเคสพร้อมกัน
00:10:56 → 00:10:58 หรือว่าแบบอ่าแต่ถ้าเกิดเป็นเคสเดียว
00:10:58 → 00:11:00 เนี่ยยังไงคุณหมอก็ดูแลเต็มที่อยู่แล้ว
00:11:00 → 00:11:03 เพราะว่าในแต่ละโรงพยาบาลเขาก็มีแผนก
00:11:03 → 00:11:07 ฉุกเฉินอยู่แล้วนะคะเรื่องนี้นะก็เอ่อแต่
00:11:07 → 00:11:10 ยังไงก็คุณหมอก็เต็มที่เชื่ออย่างงั้นนะ
00:11:10 → 00:11:13 คะแล้วแต่คุณหมอก็แต่คนไข้ก็เอ่อเเรีย
00:11:13 → 00:11:16 ญาติคนไข้เราก็เข้าใจนะเพราะว่าแบบเนี่ย
00:11:16 → 00:11:18 ที่เห็นเป็นข่าวอย่างที่อาจารย์บอกเนาะ
00:11:18 → 00:11:22 มันฉุกเฉินนเราก็ไม่สบายใจถึงแม้ว่าจะ 1
00:11:22 → 00:11:25 นาที 2 นาทีมันก็แบบโอ้โหมันนานมากเลยนะ
00:11:25 → 00:11:28 ความจริงเข้าใจญาติคนไข้มากๆเลยค่ะเพราะ
00:11:28 → 00:11:30 ว่าญาติตัวเองคนที่เรารักเนี่ยพอเขาเจ็บ
00:11:30 → 00:11:33 ป่วยมันไม่มีใครสบายใจหรอกคะร้อนใจกันทุก
00:11:33 → 00:11:36 คนแต่ก็อยากจะให้ใจเย็นๆแล้วก็
00:11:36 → 00:11:41 เอ่อฟังคำเอ่อเค้าเรียกว่าอะไรนะเอ่อทำ
00:11:41 → 00:11:45 ตามแนะคำปฏิบัติหรือคำแนะนำของทีมแพทย์นะ
00:11:45 → 00:11:48 ขนาดนั้นน่ะค่ะเพราะว่าเค้าเมีมาตรฐานใน
00:11:48 → 00:11:51 การดูแลคนไข้อยู่แล้วไม่ไม่ไม่ต้องไม่
00:11:51 → 00:11:54 ต้องห่วงเลยค่ะอือฮึถึงแม้ว่าจะมีบ้างที่
00:11:54 → 00:11:58 อาจจะมีการแบบว่าเอ่อเล็กน้อยอ่ะนะมันแค่
00:11:58 → 00:12:00 ส่วนเล็กน้อยน้อยจริงๆที่แบบอาจจะแบบ
00:12:00 → 00:12:04 ละเลยหรือว่าแบบอาจจะแบบเออไม่คาดคิดว่า
00:12:04 → 00:12:08 เ้ยเคสนี้มันแบบฉุกเฉินจริงๆแฮะอะไรแบบ
00:12:08 → 00:12:11 เนี้ยก็อาจจะเป็นไปได้นะอ่าอันนี้คือก็
00:12:11 → 00:12:13 ต้องแบบว่ามันมีมันมีทั้ง 2 แบบนะคะคุณ
00:12:13 → 00:12:17 ผู้ฟังอันนี้ก็ต้องได้เข้าใจกันนะคะแต่
00:12:17 → 00:12:20 ว่าอ่ะทีนี้เรารู้ละอาการแบบไหนเรียกว่า
00:12:20 → 00:12:23 ฉุกเฉินแบ่งออกมาเป็น 5 กลุ่มด้วยกันใช่
00:12:23 → 00:12:27 มั้ยคะทีนี้ถ้าเกิดว่าวันนึงอื้อหือไปเจอ
00:12:27 → 00:12:29 ผู้ป่วยฉุกเฉินซึ่งแบบอ่ะฉุกเฉินกันหลาก
00:12:29 → 00:12:32 หลายรูปแบบมากทำยังไงดีคะอาจารย์เราซึ่ง
00:12:33 → 00:12:35 แบบไปเจอเคสที่แบบไม่คาดคิดมาก่อนแล้ว
00:12:36 → 00:12:39 เฮ้ยอือต้องรีบช่วยเหลือทำยังไงได้บ้าง
00:12:39 → 00:12:42 อันดับแรกค่ะคำที่อาจารย์พูดเสมอเลยก็คือ
00:12:42 → 00:12:47 ตั้งสติคำแรกเลยตั้งสติสำคัญมากและโทร์
00:12:47 → 00:12:52 เรียกรถพยาบาลเลยค่ะอ่า 1669 โดโดใช่ค่ะ
00:12:52 → 00:12:56 โดยทีมทีมแพทย์ฉุกเฉินเขาจะให้คำแนะนำแต่
00:12:56 → 00:12:59 ทีเนี้ยเขาจะให้คำแนะนำในการดูแลเบื้อง
00:12:59 → 00:13:02 ต้นแต่ทีเนี้ยเขาจะให้คำแนะนำได้อย่างดี
00:13:02 → 00:13:06 หรือไม่คนที่เป็นคีย์เลยหรือเป็นคนสำคัญ
00:13:06 → 00:13:09 เลยก็คือคนที่โทรหาเขาจะต้องรายงานอาการ
00:13:09 → 00:13:13 ของผู้ป่วยอืและบอกสถานที่เกิดเหตุให้
00:13:13 → 00:13:16 ละเอียดยกตัวอย่างเช่นเอ่อเจอฮัลโหลค่ะ
00:13:16 → 00:13:20 เจอคนจมน้ำค่ะคนไข้เป็นเด็กอายุ 10 ขวบ
00:13:20 → 00:13:23 ค่ะตอนนี้เาหยุดหายใจแล้วค่ะอะไรอย่าง
00:13:23 → 00:13:26 เงี้ยคือเราก็คนที่เจออ่ะค่ะก็จะต้องบอก
00:13:26 → 00:13:29 อาการของผู้ป่วยให้ชัดเจนเพื่อที่ทีม
00:13:29 → 00:13:31 แพทย์เจะได้ให้คำแนะนำในการปฐมพยาบาล
00:13:31 → 00:13:36 เบื้องต้นได้อืแล้วถ้าเกิดไปเจอคนที่เรา
00:13:36 → 00:13:38 ไม่รู้จักอ่ะคะประเมินให้ประเมินเบื้อง
00:13:38 → 00:13:41 ต้นประเมินเบื้องต้นก็คือดูเลยค่ะว่าหาย
00:13:41 → 00:13:46 ใจมั้ยมีสติมั้ยค่ะมีตรงไหนบาดเจ็บมี
00:13:46 → 00:13:50 เลือดออกมีตรงไหนที่มันดูผิดปกติไปแขนขา
00:13:50 → 00:13:55 ผิดรูปมั้ยอืค่ะโดยโดยอวัยวะที่สำคัญเลย
00:13:55 → 00:13:59 สำหรับชีวิตคนเราในการดำรกชีวิตเลยก็คือ
00:13:59 → 00:14:03 สมองหัวใจเพราะฉะนั้นให้ดูก่อนเลยว่า 1
00:14:03 → 00:14:07 คนไข้มีสติมหรือมดสติ 2 หัวใจยังเต้นมยก็
00:14:07 → 00:14:10 คือถ้าถ้าวัดชีพจรเป็นก็เอามือจับตรงข้อ
00:14:10 → 00:14:14 มือดูว่าเต้นมยหรือว่าเอาหูแนบก็ได้ค่ะ
00:14:14 → 00:14:16 ถ้าฟังไม่เป็นเอ๊ยหัวใจยังเต้นมนะอะไร
00:14:16 → 00:14:19 อย่างเงี้ยดูว่าใช่พร้อมกับดูรูปแบบการ
00:14:19 → 00:14:23 หายใจว่าคนไข้ยังหายใจมยหายใจยังไงหายใจ
00:14:23 → 00:14:29 เร็วหอบเหนื่อยอืหายใจเร็วลึกหอบเหนื่อย
00:14:29 → 00:14:33 หรือหายใจถี่หรือหายใจไม่ออกหรือไม่หายใจ
00:14:33 → 00:14:36 แล้วไม่มีเสียงออกมาค่ะเนี่ยค่ะคือเราจะ
00:14:36 → 00:14:40 ต้องรายงานคือคือทีมแพทย์เค้าก็จะซักอ่ะ
00:14:40 → 00:14:42 ค่ะว่าแบบมีอาการอะไรบ้างอะไรอย่าเงี้ย
00:14:42 → 00:14:46 ค่ะรานั้นเนี่ยค่ะก็ให้แจ้งอาการผู้ป่วย
00:14:46 → 00:14:49 ไปแล้วก็บอกสถานที่เกิดเหตุแล้วก็ปฏิบัติ
00:14:49 → 00:14:52 ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์ฉุกเฉิน
00:14:52 → 00:14:54 แล้วก็รอแพทย์ฉุกเฉินทีมแพทย์ฉุกเฉินมา
00:14:54 → 00:14:59 รับค่ะอือฮึอืก็ก็เบื้องต้นคือฟังเสียงห
00:14:59 → 00:15:02 หัวใจแล้วก็ลองดูว่าเค้ามีสติมเช่นอาจจะ
00:15:02 → 00:15:05 แบบตบๆนิดนึงเออเค้ารู้สึกตัวหรือเปล่าอ
00:15:05 → 00:15:09 ตามสั่งได้มั้ยอ่าลืมตาหน่อยพยักหน้า
00:15:09 → 00:15:12 หน่อยเออหายสำคัญยังหายใจ
00:15:13 → 00:15:17 มั้ยเจะตอบมหายใจอยู่เออแต่ว่าไม่ไม่ต้อง
00:15:17 → 00:15:19 ไปขยับเขยื้อนอะไรเค้าใช่มั้ยคะเพราะว่า
00:15:19 → 00:15:22 เราไม่รู้ว่าเค้าเค้าโดนอะไรมาหรือแบบ
00:15:22 → 00:15:24 ทำไมอยู่ๆมานอนถ้าถ้าถ้าไม่รู้ว่าเค้า
00:15:24 → 00:15:27 เป็นอะไรอย่าไปขยับเขยื้อนค่ะเพราะว่าเรา
00:15:27 → 00:15:29 เราไม่รู้ไงค่ะว่าเาเป็นอะไรเบาดเจ็บตรง
00:15:29 → 00:15:32 ไหนอืเพราะฉะนั้นเนี่ยมันอาจจะทำให้เกิด
00:15:32 → 00:15:35 อาการรุเจ็บป่วยรุนแรงกว่าเดิมก็ได้ถ้า
00:15:35 → 00:15:38 เราไปเคลื่อนย้ายู้ป่วยไม่ถูกวิธีค่ะเคย
00:15:38 → 00:15:41 เจอเคสนึงค่ะอาจารย์อันนี้เล่าให้คุณผู้
00:15:41 → 00:15:43 ฟังกับอาจารย์ฟังเลยแล้วแบบตอนนั้นเราอาจ
00:15:43 → 00:15:46 จะความรู้เราน้อยด้วยแหละเราไม่ได้แบบว่า
00:15:46 → 00:15:50 คิดว่าจะเจอเคสอะไรแบบนี้นะคะเอ่อเดินทาง
00:15:50 → 00:15:53 ไปแล้วก็ระหว่างทางค่ะเจอน้องผู้หญิงคน
00:15:53 → 00:15:58 นึงประสบอุบัติเหตุโอเลือดนี่ไหลเต็มพื้น
00:15:58 → 00:16:00 ถนนเลยค่ะคือเหมือนกับว่าเราไปเห็นแล้ว
00:16:00 → 00:16:02 อ่ะเหมือนเลือดมันมันแห้งติดถนนอ่ะเอาเอา
00:16:02 → 00:16:05 ฟิลิแบบนี้เลยอ่ะคือมันไม่ใช่แบบว่าเพิ่ง
00:16:05 → 00:16:08 จะแบบเอ่อโดนรถชนมาหรืออะไรอย่างนี้เลยนะ
00:16:08 → 00:16:11 คะก็รีบลงไปแบบกันพื้นที่แล้วก็พยายามจะ
00:16:11 → 00:16:14 ช่วยเหลือแต่ว่าเราก็ไม่ได้ไปแตะตัวอะไร
00:16:14 → 00:16:18 อย่างเงี้นะคะอเอ่อซึ่งซึ่งความจริงทำถูก
00:16:18 → 00:16:21 ต้องแล้วค่ะเพราะว่าเราไม่รู้ว่าตอนที่
00:16:21 → 00:16:26 เขาบาดเจ็บอ่ะอือวัยวะส่วนไหนของเค้าลงไป
00:16:26 → 00:16:31 กระแทกพื้นบ้างหัวหรออแขนหรอใช่ช่องท้อง
00:16:31 → 00:16:34 หรอขาหรือเปล่าหรือสะโพกหรือเปล่าอเพราะ
00:16:34 → 00:16:37 ฉะนั้นถ้าเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไม่ถูกวิธีคน
00:16:37 → 00:16:40 ไข้จะเจ็บหนักกว่าเดิมค่ะแต่แค่เพราะ
00:16:40 → 00:16:43 ฉะนั้นน่ะค่ะทำถูกแล้วค่ะก็คือแล้วก็โทร
00:16:43 → 00:16:45 เรียกรถฉุกเฉินตอนนั้นโทรเรียกมั้ยคะเอ่อ
00:16:45 → 00:16:47 ให้เพื่อนโทรเรียกค่ะเพราตัวเองมือสั่น
00:16:47 → 00:16:49 มากเลยค่ะคือแบบว่าตกใจเพราะว่าพอเห็น
00:16:49 → 00:16:52 เลือดมาปุ๊บจะจะเป็นลมเองเลยค่ะอาจารย์
00:16:52 → 00:16:54 ตอนนั้นน่ะนะแต่คือตอนนี้ก็ยังคงกลัว
00:16:54 → 00:16:57 เลือดอยู่นะแต่ว่าคือในวันนั้นเนี่ยก็รู้
00:16:57 → 00:17:00 สึกเสียใจเพราะว่ากว่ารถพยาบาลจะมาคือตอน
00:17:00 → 00:17:03 นั้นน่ะเราไปต่างจังหวัดค่ะเราก็เอ่อไม่
00:17:03 → 00:17:06 ได้รู้ว่าสถานที่ตรงนั้นน่ะคืออะไรก็พอ
00:17:06 → 00:17:09 เราลงไปช่วยเหลือกันเงี้ยคะก็มีคนในพื้น
00:17:09 → 00:17:12 ที่เนี่ยได้ได้วิ่งเข้ามาแล้วก็แบบเหมือน
00:17:12 → 00:17:14 กับว่าเราก็ถามว่าเออใครช่วยโทรเรียกรถ
00:17:14 → 00:17:16 พยาบาลหน่อยได้มั้ยหรืออะไรอย่าเงี้ยค่ะ
00:17:16 → 00:17:20 เพราะว่าเ้าน่าจะรู้จักแล้วก็เอ่อติดต่อ
00:17:20 → 00:17:24 แต่พอดีโทรศัพท์น้องเเนี่ยจำจำไม่ได้ชัด
00:17:24 → 00:17:27 เจนนะคะว่ามีการล็อคโทรศัพท์ไว้หรือเปล่า
00:17:27 → 00:17:29 หรือว่าแบบอะไรยังไง
00:17:29 → 00:17:32 แต่แต่วันนั้นน่ะค่ะกว่ารถพยาบาลจะมาก็ก็
00:17:32 → 00:17:35 อยู่จนถึงรถพยาบาลมาเลยนะคะแล้วก็เขาก็ทำ
00:17:35 → 00:17:37 การช่วยเหลือหรืออะไรเงี้ยแต่เรารู้สึก
00:17:37 → 00:17:40 ว่าแบบทำไมคือคนขับรถผ่านไปผ่านมาไม่เห็น
00:17:40 → 00:17:44 หรอว่าน้องเขประสบอุบัติเหตุอ่ะน่าจะช่วย
00:17:44 → 00:17:46 ตั้งแต่ต้นก่อนหน้าที่เราจะมาเจอด้วยซ้ำ
00:17:46 → 00:17:50 ไปอ่ะสุดท้ายเราเห็นเเแบบเฮือกสุดท้ายค่ะ
00:17:50 → 00:17:53 อาจารย์เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่แบบช็อก
00:17:53 → 00:17:57 ไปเลยค่ะแบบว่าเฮ้ยสุดท้ายโอันนี้อันอัน
00:17:57 → 00:17:59 อันนี้เป็นสิ่งที่เรียกว่าเราไม่อยากให้
00:17:59 → 00:18:02 เกิดขึ้นกับใครเลยจริงๆเพราะว่าจริงๆแล้ว
00:18:02 → 00:18:06 เวลาถ้าเป็นญาติของเราอ่ะค่ะเราเราเจ็บ
00:18:06 → 00:18:10 เราเห็นญาติของเราเจ็บเราก็เรกรู้สึกไม่
00:18:10 → 00:18:13 ดีเลยแต่เนี้ยเป็นคนไม่รู้จักแต่ว่าความ
00:18:13 → 00:18:18 จริงเขาอาจจะรอดก็ได้ถ้าเราช่วยเหลือทัน
00:18:18 → 00:18:21 อันเงยเพราะฉะนั้นจริงๆก็แบบอยากอยากอยาก
00:18:21 → 00:18:24 ปลูกฝังอยากรณรงค์ให้คนไทยอ่ะค่ะเวลาเจอ
00:18:24 → 00:18:27 คนเจ็บป่วยก็ก็ให้การช่วยเหลือเบื้องต้น
00:18:27 → 00:18:30 ก่อนได้อาจอ่ะอย่างน้อยโทรเรียกรถพยาบาล
00:18:30 → 00:18:33 ให้หน่อยหรือออย่างน้อยถ้าเห็นเลือดออกกด
00:18:33 → 00:18:35 ห้ามเลือดให้หน่อยได้มั้ยอะไรอย่างเงี้ย
00:18:35 → 00:18:38 ใช่ๆมันแต่ว่าอยากเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไป
00:18:38 → 00:18:40 โรงพยาบาลเองอันเนี้ยไม่แนะนำเพราะว่าจะ
00:18:40 → 00:18:43 ทำให้ผู้ป่วยอาจจะบาดเจ็บเพิ่มเติมได้ออื
00:18:43 → 00:18:45 อันนั้นก็เป็นเคสที่เสียดายมากค่ะเพราะ
00:18:45 → 00:18:48 ว่าเรายังเห็นน้องเาหายใจอ่ะแต่ว่าสักัก
00:18:48 → 00:18:50 พักนึงอ่ะก่อนรถพยาบาลมาแล้วมันเป็น
00:18:50 → 00:18:52 เครื่องสุดท้ายของเขาอ่ะตอนนั้นยังไม่รู้
00:18:52 → 00:18:54 นะคะว่านั่นคือเครื่องสุดท้ายมารู้หลัง
00:18:54 → 00:18:57 จากที่เราคาที่เลยหรอคะเอออะไรนะคะหมาย
00:18:57 → 00:19:01 ถึงเสียชีวิตคาที่เลยหรอคะเอ่อใช่ค่ะอยู่
00:19:01 → 00:19:03 ที่ที่ถนนตรงนั้นเลยอ่ะค่ะเหมือนกับแบบ
00:19:03 → 00:19:07 เราเห็นตอนนั้นคือหลังจากที่อ่าส่งรถขึ้น
00:19:07 → 00:19:09 รถพยาบาลไปเรียบร้อยแล้วค่ะแล้วก็กลับ
00:19:09 → 00:19:12 เข้ามาแล้วก็บังเอิญไปทานข้าวแล้วเป็น
00:19:12 → 00:19:14 ร้านญาติของน้องเพอดีแล้วเก็เลยเล่าให้
00:19:14 → 00:19:16 ฟังว่าน้องเขาเสียชีวิตแล้วอะไรอย่าง
00:19:16 → 00:19:18 เงี้ยค่ะก็เลยเข้าใจว่านั่นคือเฮืองสุด
00:19:18 → 00:19:22 ท้ายจริงๆอเอออะไรประมาณเนี้ยแต่แบบก็
00:19:22 → 00:19:24 เสียดายมากๆจริงๆอนะคะทีนี้ถ้าเกิดอย่าง
00:19:24 → 00:19:28 เงี้ยเนี่ยอืมเราต้องรีบช่วยทันทีไม่ว่า
00:19:28 → 00:19:31 จะยังไงจจะจะช้าจะเร็วก็ต้องรีบช่วยนะคะ
00:19:31 → 00:19:34 เผื่อว่ายังมีโอกาสแค่ 1% ก็ยังดีใช่มั้ย
00:19:34 → 00:19:37 คะอาจารย์ใช่ค่ะก็เยียกร้อยให้เขามีชีวิต
00:19:37 → 00:19:40 รอดดีกว่าเขาไม่มีชีวิตเลยความจริงไม่
00:19:40 → 00:19:43 มั่นใจเหมือนเป็นกฎหมายด้วยใช่มยคะว่าถ้า
00:19:43 → 00:19:47 เกิดสมมุติว่าเจอผู้ป่วยบาดเจ็บรุนแรง
00:19:47 → 00:19:51 อย่าเงี้ยค่ะเราก็ต้องถ้าแบบมันเป็นกฎ
00:19:51 → 00:19:53 หมายข้อบังคับเลยว่าเราจะต้องให้การช่วย
00:19:53 → 00:19:55 เหลือเหมือนเหมือนกับเ่าถ้าอย่างถ้าเราไป
00:19:55 → 00:19:58 ทำให้เขาเกิดอุบัติเหตุสมมุติเราขับรถไป
00:19:58 → 00:20:00 ชนเอะไรเงี้ยเราไม่หยุดช่วยเหลืออย่าง
00:20:00 → 00:20:03 เช่นที่แบบเคสที่แบบว่าชนคนข้ามถนนหรือ
00:20:03 → 00:20:05 หรือชนมอเตอร์ไซค์หรืออะไรอย่างเงี้ยเรา
00:20:05 → 00:20:07 เรารู้แต่ว่าเราไม่หยุดรถให้การช่วยเหลือ
00:20:07 → 00:20:11 อันนี้มันก็ผิดนะคะอืใช่เออก็อันเนี้ยมัน
00:20:11 → 00:20:14 เป็นจิตสำนึกที่เราต้องปลูกฝังอืจริงว่า
00:20:14 → 00:20:17 แบบใช่แต่อาจารย์อ่ะเป็นคนที่แบบเวลาเห็น
00:20:17 → 00:20:21 คนเจ็บอย่างงี้นะไม่ได้เลยนะวิญญาณพยาบาล
00:20:21 → 00:20:24 เข้าสิต้องแบบต้องไปช่วยก่อนช่วยได้มาก
00:20:24 → 00:20:27 ช่วยได้น้อยก็ต้องไปช่วยก่อนอย่างเงี้ยอื
00:20:27 → 00:20:30 ใช่ถ้ายิ่งๆอาจารย์มีความรู้นี่คือแบบว่า
00:20:30 → 00:20:32 ความช่วยเหลือนี้น่าจะแบบว่าได้ถูกวิธี
00:20:32 → 00:20:37 อ่ะช่วยได้เยอะเลยอ่ะค่ะค่ะอืแต่แต่ความ
00:20:37 → 00:20:39 จริงคนทั่วไปก็สามารถช่วยได้นะคะอย่าง
00:20:39 → 00:20:44 น้อยโทรเรียกรงรถพยาบาลให้เค้าอ่าใช่ใช่อ
00:20:44 → 00:20:46 อันนี้ทีนี้แล้วอย่างไหนแบบไหนถึงฉุกเฉิน
00:20:46 → 00:20:51 ถึงแบบว่าอ่ะนอนโรงพยาบาลแน่นอนอ๋อก็คือ
00:20:51 → 00:20:54 เดใหญ่อ่ะค่ะก็คือจะต้องเป็นภาวะเจ็บป่วย
00:20:54 → 00:20:58 หรือบาดเจ็บรุนแรงที่อาการไม่คงที่เสี่ยง
00:20:59 → 00:21:02 มีภาวะแทรกซ้อนตามมาเคสพวกเนี้คุณหมอก็จะ
00:21:02 → 00:21:05 พิจารณาให้แอดมิเพื่อรักษาแล้วก็ติดตาม
00:21:05 → 00:21:10 สังเกตอาการแล้วก็ป้องกันภาวะแทรกซ้อนอื
00:21:10 → 00:21:13 ใช่เพราะว่าความจริงอย่างเจ็บป่วยอย่า
00:21:13 → 00:21:15 เงี้ยเขาคก็มีโอกาสที่จะเกิดภาวะเซ็กซ
00:21:15 → 00:21:18 นู่นนี่นั่นตามมาค่ะได้ก็เลยจำเป็นต้อง
00:21:18 → 00:21:22 นอนลงพานค่ะทีนี้ความฉุกเฉินเนี่ยมันก็
00:21:22 → 00:21:24 เกิดขึ้นได้จากหลายรูปแบบนะคะเป็นสิ่งที่
00:21:25 → 00:21:27 เราไม่คาดคิดอุบัติเหตุบ้างหรือการเจ็บ
00:21:27 → 00:21:30 ป่วยที่มีอยู่แล้วบ้างหรือว่าอะไรก็แล้ว
00:21:30 → 00:21:32 แต่เนี่ยนะคะทีนี้ในการที่เราจะต้องดูแล
00:21:32 → 00:21:35 ผู้ป่วยฉุกเฉินอ่าถ้าฉุกเฉินเข้าโรง
00:21:35 → 00:21:37 พยาบาลแอดมิตเนี่ยเราไม่ไม่สามารถที่จะ
00:21:37 → 00:21:39 เข้าไปดูแลอะไรได้อยู่แล้วแต่หลังจากที่
00:21:39 → 00:21:42 เ้ากลับมาแล้วเงี้ยค่ะเรามีวิธีการที่จะ
00:21:42 → 00:21:45 แบบได้ช่วยดูแลเค้าหน่อยมั้คะแบบให้ถูก
00:21:45 → 00:21:50 วิธีก็ระยะที่เอ่อเมื่อคุณหมอให้คนไข้
00:21:50 → 00:21:52 กลับบ้านนะคะก็จะเป็นระยะที่เราจะต้อง
00:21:52 → 00:21:55 ฟื้นฟูอืแล้วก็เป็นระยะของการรักษาต่อ
00:21:55 → 00:21:59 เนื่องเมื่อคนไข้กลับบ้านซึ่งส่วนใหญ่ก็
00:21:59 → 00:22:03 จะเป็นการดูแลและการปฏิบัติตัวและการฟื้น
00:22:03 → 00:22:06 ฟูสมรรถภาพของผู้ป่วยตามโรคอ่ะค่ะอาจารย์
00:22:06 → 00:22:09 ยกตัวอย่างอย่างเช่นผู้ป่วยโรคหลอดเลือด
00:22:09 → 00:22:12 สมองอ่ะค่ะสมมุติพอเรับการรักษาในโรง
00:22:12 → 00:22:15 พยาบาลแล้วอาการเาคงที่คุณหมอพิจารณาว่า
00:22:15 → 00:22:18 สามารถกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านต่อและหน้า
00:22:18 → 00:22:21 ที่ของผู้ดูแลต่อจากนั้นก็คือเป็นการฟื้น
00:22:21 → 00:22:24 ฟูสมรรถภาพของเขาอือฮึไม่ว่าจะเป็นเาอาจ
00:22:24 → 00:22:27 จะมีปัญหาเรื่องการกลืนลำบากหรืออาจจะมี
00:22:27 → 00:22:30 ปัญหาเรืื่องการสื่อสารหรือมีปัญหาเรื่อง
00:22:30 → 00:22:33 การทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันจากแขนขาอ่อน
00:22:33 → 00:22:37 แรงหรืออาจจะมีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวค่ะ
00:22:37 → 00:22:40 ขึ้นอยู่กับว่าเขาเลือดออกที่ตำแหน่งสมอง
00:22:40 → 00:22:43 ส่วนไหนอ่ะค่ะเพราะฉะนั้นผู้ดูแลก็ต้องดู
00:22:43 → 00:22:47 แลเรื่องเกี่ยวกับการทำกายภาพบำบัดซึ่ง
00:22:47 → 00:22:50 ก่อนกลับบ้านอย่างเงี้ยคุณหมอก็จะปรึกษา
00:22:50 → 00:22:54 กับทีมนักกายภาพทีมแพทย์ทีมพยาบาลค่ะ
00:22:54 → 00:22:59 เพื่อที่จะสอนญาติและคนไข้ในการทำกายภาพ
00:22:59 → 00:23:02 บำบัดเพื่อฟื้นฟูการกลับมาการทำงานของ
00:23:02 → 00:23:07 อวัยวะต่างๆให้กลับมาให้อกลับมาใช้งานอาจ
00:23:07 → 00:23:10 จะมากหรือน้อยก็แล้วแต่เคสนะคะรวมถึงการ
00:23:10 → 00:23:15 ทำกิจกรรมบำบัดต่างๆเพื่อที่จะรักษาแก้ไข
00:23:15 → 00:23:19 ปัญหาการเกืนลำบากหรือปัญหาเรื่องการสื่อ
00:23:19 → 00:23:22 สารอย่างเงี้ยค่ะเพื่อฟื้นฟูคุณภาพชีวิต
00:23:22 → 00:23:27 ของเขารวมถึงผู้ดูแลอ่ะค่ะจะต้องดูแลพวก
00:23:27 → 00:23:30 สิ่งแวดล้อมภายในบ้านและปรับสภาพแวดล้อม
00:23:31 → 00:23:33 ภายในบ้านให้เอื้อต่อผู้ป่วยอย่างคนไข้
00:23:33 → 00:23:37 หลอดเลือกสมองอาจจะมีปัญหานอนติดเตียง
00:23:37 → 00:23:40 หรือเคลื่อนไหวลำบากอย่างเงี้ยก็อาจจะ
00:23:40 → 00:23:42 ต้องให้เขาคอยู่ในชั้นหนึ่งค่ะเพื่อที่จะ
00:23:43 → 00:23:46 เราจะได้เคลื่อนย้ายเขาได้ง่ายเงี้ยค่ะ
00:23:46 → 00:23:50 อ๋อคือจริงๆการดูแลผู้ป่วยอ่ะค่ะก็จะแตก
00:23:50 → 00:23:54 ต่างกันไปตามแต่ละตัวโรคค่ะแต่ว่า
00:23:54 → 00:23:57 คอนเซปต์หลักเลยของการดูแลผู้ป่วยเมื่อ
00:23:57 → 00:24:00 กลับบ้านก็คือจะเป็นเรื่องของการฟื้นฟู
00:24:00 → 00:24:04 การทำงานของร่างกายการรักษาต่อเนื่องอื
00:24:04 → 00:24:05 ที่
00:24:05 → 00:24:08 บ้านค่ะแล้วก็เป็นเรื่องของการป้องกัน
00:24:09 → 00:24:12 ภาวะแทรกซ้อนอื่นๆอือฮึโอ้อันเนี่ยอันนี้
00:24:12 → 00:24:15 ต้องระวังเลยใช่มั้ยคะเรื่องของแบบเอ่อ
00:24:15 → 00:24:18 อาจพพอมันมีภาวะแทรกซ้อนอื่นเนี่ยความ
00:24:18 → 00:24:21 ฉุกเฉินมันก็จะต้องเข้าลงพบาอก็อาจจะเป็น
00:24:21 → 00:24:24 เหตุที่อาจจะต้องกลับมาที่โรงพยาบาลได้
00:24:24 → 00:24:27 ค่ะอือย่างอย่างเช่นผู้ป่วยหลอกเลือดสมอง
00:24:27 → 00:24:29 บางคนอาจจะนอนติดเตียงเงี้ยเพราะเขาไม่
00:24:29 → 00:24:32 ได้เคลื่อนไหวนานๆเขาก็มีโอกาสที่จะเกิด
00:24:33 → 00:24:35 ลิ่มเลือดอุดตันได้จากการไม่เคลื่อนไหว
00:24:35 → 00:24:38 อันเนี้ยก็จะกลายเป็นรืบรีบือดอุดตันมัน
00:24:38 → 00:24:41 อันตรายมากเลยนะถ้าไปแบบไปอุดตันที่ปอด
00:24:41 → 00:24:43 หรือสมองเงี้ยอออก็ต้องพากลับมาห้อง
00:24:43 → 00:24:47 ฉุกเฉินอีกค่ะอืใช่ซึ่งอันเนี้ยก็คือคุณ
00:24:48 → 00:24:50 คุณหมอเนี่ยและพยาบาลเขาก็จะแนะนำว่าจะ
00:24:50 → 00:24:56 ต้องทำการบริหารถ้าข้อเท้าจะต้องมีการ
00:24:56 → 00:24:59 เคลื่อนไหวคนไข้ยังไงเพื่อที่จะป้องกัน
00:24:59 → 00:25:05 ภาวะลิ่มเลือดอุดตันอืโอก็ก็ก็เขาจะมี
00:25:05 → 00:25:08 เค้าเรียกอะไรนะอ่าคำแนะนำในการฟื้นฟู
00:25:08 → 00:25:12 เพราะเกลับไปเพื่อไปฟื้นฟูให้กลับมาได้
00:25:12 → 00:25:15 เอ่อปกติมากที่สุดหรือใกล้เคียงก็ได้อะไร
00:25:15 → 00:25:18 อย่าเงี้ยนะคะอืใช่ค่ะค่ะคำว่าฟื้นฟูมัน
00:25:18 → 00:25:20 ก็คือความหมายแบบนี้แหละแต่ถ้าเกิดว่ามี
00:25:20 → 00:25:23 ฉุกเฉินเข้ามาอีกเช่นสมมุติว่าเอ่ออย่าง
00:25:23 → 00:25:25 ที่อาจารย์บอกก็ต้องก็ต้องรีบส่งโรง
00:25:25 → 00:25:30 พยาบาลเหมือนเดิมใช่ใช่ขอบคุอารที่มารม
00:25:30 → 00:25:33 พูดคุยในการนะคะขอบคุณค่ะอาจารยค่ะค่ะ
00:25:33 → 00:25:36 สวัสดีค่ะหมดเวลาแล้วค่ะคุณผู้ฟังพบกัน
00:25:36 → 00:25:38 ใหม่ครั้งหน้ากับรายการโรงหมอนะคะวันนี้
00:25:38 → 00:25:42 ลาไปก่อนค่ะสวัสดีค่ะ This Is tha PBS
00:25:42 → 00:25:45 podcast โรคกระเพาะโรคยอดฮิตของคนไทยพบ
00:25:45 → 00:25:48 ได้แทบทุกกลุ่มเกิดจากแบคทีเรียชนิดหนึ่ง
00:25:48 → 00:25:50 ที่ทำให้กระเพาะอักเสบได้แพทย์หญิงกิตยา
00:25:50 → 00:25:54 สีเลิศฟ้าแพทย์อายุรกรรมฝ่ายการแพทย์ AIA
00:25:54 → 00:25:57 มาบอกให้รู้ครับโรคกระเพาะอาหารโรค
00:25:57 → 00:26:00 กระเพาะเนี่ยก็ก็เกิดจากการอักเสบหรือการ
00:26:00 → 00:26:04 คายเคืองบริเวณเยื่อบุภายในกระเพาะอาหาร
00:26:04 → 00:26:08 ท่านผู้ฟังนึกภาพออกมว่ารูปกระเพาะของเรา
00:26:08 → 00:26:12 มันเป็นแบบไหนเป็นการอักเสบของเยื่อบุภาย
00:26:12 → 00:26:15 ในกระเพาะอาหารนะเกิดได้ทั้งแบบเฉียบพลัน
00:26:15 → 00:26:19 ซึ่งมักจะหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์นะคะ
00:26:19 → 00:26:23 โหรือว่าอาจจะเกิดเรื้อรังบางคนก็ประวัติ
00:26:23 → 00:26:25 เรื้อรังเลยแหละก็จะทำให้เกิดแผลอันนั้น
00:26:26 → 00:26:29 ก็หายากหน่อยถ้าทิ้งไว้ทิ่งไว้นานไม่
00:26:29 → 00:26:32 รักษานะก็จะตามด้วยเลือดออกในกระเพาะ
00:26:32 → 00:26:35 กระเพาะทะลุหรือว่าเพิ่มความเสี่ยงในการ
00:26:35 → 00:26:39 เป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารสภาวะปกติใน
00:26:39 → 00:26:41 กระเพาะอาหารจะมีความเป็นกรดสูงใช่มั้ย
00:26:42 → 00:26:45 เยื่อบุกระเพาะเราเนี่ยจะผลิตกรดขึ้นมา
00:26:45 → 00:26:48 เพื่อช่วยในการย่อยและฆ่าเชื้อโรคที่ปะปน
00:26:48 → 00:26:51 เข้าไปในอาหารนอกจากเขาจะสร้างกรดได้แล้ว
00:26:51 → 00:26:54 เยังมีเซลล์อีกชนิดนึงนะคนละเซลล์กันนะฮะ
00:26:54 → 00:26:58 ที่สร้างเมือกที่เป็นเยื่อบุบางๆช่วยป้อง
00:26:58 → 00:27:02 กันผนังของกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กจาก
00:27:02 → 00:27:04 กรดอืคนที่เป็นโรคกระเพาะเนี่ยกรดที่
00:27:04 → 00:27:08 หลั่งออกมาเนี่ยมันจะเกิดเสียความสมดุลนะ
00:27:08 → 00:27:11 ฮะกับไอ้เมือกที่สร้างออกมากรดที่สร้าง
00:27:11 → 00:27:14 ออกมาเนี่ยจะทำลายเยื่อบุบริเวณกระเพาะ
00:27:14 → 00:27:17 ซึ่งมีความต้านทานกรดไม่ดีค่ะทำให้เยื่อ
00:27:18 → 00:27:20 บู่กระเพาะเนี่ยมันเสียความสมดุลไปนะคือ
00:27:20 → 00:27:23 ถ้าปกติสมดุลก็ไม่มีอะไรไม่มีอะไรแต่ถ้า
00:27:23 → 00:27:27 ผิดปกติปุ๊บว่าใช่ปเพราะว่าเค้าก็มีเซลล์
00:27:27 → 00:27:29 ที่ผลิตกรดอมาอยู่ในกระเพาะเราอยู่แล้ว
00:27:29 → 00:27:32 วันดีคืนดีแล้วทำไมมันกัดกระเพาะเราเอง
00:27:32 → 00:27:36 ข้อที่ 1 คือการติดเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์
00:27:36 → 00:27:40 ไรนเอ่อเรียกสั้นๆว่า H ไรนเป็นแบคทีเรีย
00:27:40 → 00:27:44 ที่ติดต่อโดยการรับประทานอาหารหรือดื่ม
00:27:44 → 00:27:47 น้ำที่ปนเพื่อนเชื้อปกติแบคทีเรียหลาย
00:27:47 → 00:27:49 ชนิดเนี่ยไม่สามารถอาศัยอยู่ในกระเพาะเรา
00:27:49 → 00:27:52 ได้นะเนื่องจากเขาจะถูกกรดทำลายอ๋อที่ว่า
00:27:52 → 00:27:55 มีกรดในกระเพาะเรากดในกระเพาะนี่จะมีทุก
00:27:55 → 00:27:58 วันมีตลอดเวลาเวลาเรารับประทานอาหารเข้า
00:27:58 → 00:28:01 ไปแต่ว่าเจ้าเชื้อ H ไลนเนี่ยเมี
00:28:01 → 00:28:04 คุณสมบัติพิเศษคือเขาสามารถเกาะเกี่ยวตัว
00:28:04 → 00:28:07 เองไว้กับเยื่อบุผิวกระเพาะอาหารนะคะแล้ว
00:28:08 → 00:28:10 ก็สามารถผลิตด่างขึ้นป้องกันตัวเองไม่ให้
00:28:10 → 00:28:14 ถูกกรดทำลายเก่งมั้ยเก่งเกินแล้วก็แทรก
00:28:14 → 00:28:16 ตัวอยู่ระหว่างช่องเซลล์ผิวของเยื่อบุ
00:28:17 → 00:28:20 อาหารโอ้โหนะขนาดนั้นทำให้เชื้อเนี่ย
00:28:20 → 00:28:22 สามารถอาศัยอยู่ในกระเพาะผู้ติดเชื้อ
00:28:22 → 00:28:26 เนี่ยนานหลายปีเลยนานหลายปีเลยไม่ได้อยู่
00:28:26 → 00:28:31 เป็นวันๆนะนี่อยู่เป็นปีๆค่ะเยโอ่าโดยไม่
00:28:31 → 00:28:34 แสดงอาการอะไรเชื้อเนี้ยเมื่อเข้าสู่ร่าง
00:28:34 → 00:28:37 กายแล้วเนี่ยจะเข้าไปฝังตัวอยู่ใต้เยื่อ
00:28:37 → 00:28:40 บู่กระเพาะนะผนังกระเพาะเราก็จะอ่อนแอลง
00:28:40 → 00:28:45 นะมีความทนต่อกรดลดลงทำให้กระเพาะและลำ
00:28:45 → 00:28:48 ไส้เล็กส่วนต้นเนี่ยอักเสบเกิดแผลได้ง่าย
00:28:48 → 00:28:53 แผลหายช้าแล้วก็เกิดแผลซ้ำ
00:28:53 → 00:28:59 ได้ This Is Thai PBS podcast
00:28:59 → 00:29:02 ติดตามรายการของ Thai PBS podcast ได้
00:29:02 → 00:29:17 ทางเว็บไซต์ www.thaipbs.or.th
00:29:17 → 00:29:21 [เพลง]