00:00:01 → 00:00:04 ใบหน้ากระตุกครึ่งซีกโรคที่ทำให้เสีย
00:00:04 → 00:00:07 บุคลิกภาพ
00:00:07 → 00:00:11 โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกยิ่งเครียดอาการ
00:00:11 → 00:00:13 ยิ่งกำเริบ
00:00:13 → 00:00:17 เรื่องต้องรู้ก่อนฉีดโบทนัท็อกซินสวย
00:00:17 → 00:00:20 อย่างปลอดภัยติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ใน
00:00:20 → 00:00:28 รายการ T and Health วัน
00:00:28 → 00:00:32 นี้สวัสดีค่ะขอต้อนรับเข้าสู่รายการ TNN
00:00:32 → 00:00:35 Health เข้าถึงทุกสาระสุขภาพเสริมภูมิ
00:00:35 → 00:00:38 คุ้มกันรู้ทันโรคกับ TNN Health ค่ะและ
00:00:38 → 00:00:41 ดิฉันหมอดาวแพทย์หญิงฉัดาวจังวังกรแพทย์
00:00:41 → 00:00:44 เฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์ครอบครัวพร้อมที่จะ
00:00:44 → 00:00:47 รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการพาคุณผู้ชม
00:00:47 → 00:00:51 มาเข้าถึงสาระสุขภาพดีๆกันค่ะ
00:00:51 → 00:01:05 [เพลง]
00:01:05 → 00:01:08 แล้ววันนี้นะคะเราจะมาพูดถึงโรคๆหนึ่ง
00:01:09 → 00:01:12 นั่นก็คือโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกซึ่ง
00:01:12 → 00:01:14 หลายท่านเนี่ยอาจจะกังวลใจค่ะว่าตัวเอง
00:01:14 → 00:01:17 เป็นแล้วจะเป็นอัมพาตอัมพฤกษ์หรือไม่
00:01:17 → 00:01:21 อย่างไรไปฟังพร้อมๆกันค่ะโรคใบหน้ากระตุก
00:01:21 → 00:01:24 เป็นโรคที่พบมากในคนเอเชียพบได้ทั้งหญิง
00:01:24 → 00:01:27 และชายแต่จะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
00:01:27 → 00:01:30 อาการเริ่มต้นอาจจะมีการกระตุกของกล้าม
00:01:30 → 00:01:34 เนื้อบริเวณตาข้างใดข้างหนึ่งจากนั้นอาจ
00:01:34 → 00:01:37 เป็นมากขึ้นจนทำให้เกิดการกระตุกที่มุม
00:01:37 → 00:01:40 ปากและในที่สุดจะมีการกระตุกทั้งซีก
00:01:40 → 00:01:43 บริเวณใบหน้าโรคใบหน้ากระตุกเกิดขึ้นได้
00:01:43 → 00:01:46 จากหลายสาเหตุเช่นโรคเนื้องอกในสมองโรค
00:01:46 → 00:01:50 เนื้องอกบริเวณก้านสมองโรคเปลือกตากระตุก
00:01:50 → 00:01:54 แต่ในวันนี้เราจะมาพูดถึงโรคใบหน้ากระตุก
00:01:54 → 00:01:58 ครึ่งซีกเิ facial spasum หรือ
00:01:58 → 00:02:02 hfs เป็นโรคของเส้นประสาทสมองที่ส่งผล
00:02:02 → 00:02:05 ให้เกิดการกระตุกหรือการหดตัวของกล้าม
00:02:05 → 00:02:09 เนื้อบนใบหน้าโดยไม่สามารถควบคุมได้ซึ่ง
00:02:09 → 00:02:11 จะเกิดขึ้นที่ฝั่งใดฝั่งหนึ่งของใบหน้า
00:02:11 → 00:02:14 เท่านั้นการกระตุกในลักษณะนี้มีตั้งแต่
00:02:14 → 00:02:18 ระดับเบาไปจนถึงระดับรุนแรงโดยมักเริ่ม
00:02:18 → 00:02:21 ต้นที่เปลือกตาซึ่งเป็นจุดที่พบได้บ่อย
00:02:21 → 00:02:24 ที่สุดและอาจลามไปถึงกล้ามเนื้อบริเวณ
00:02:24 → 00:02:28 ส่วนล่างของใบหน้าแล้วอะไรคือสาเหตุของ
00:02:28 → 00:02:31 โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก
00:02:31 → 00:02:34 hfs โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก
00:02:34 → 00:02:38 hfs ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดแต่ส่วน
00:02:38 → 00:02:41 ใหญ่เกิดจากหลอดเลือดแดงในสมองบริเวณแถบ
00:02:41 → 00:02:44 ด้านสมองไปพาดผ่านสัมผัสกับเส้นประสาท
00:02:45 → 00:02:48 สมองเส้นคู่ที่ 7 หรือ facial nerve
00:02:48 → 00:02:51 เมื่อหลอดเลือดแดงเต้นตามจังหวะหัวใจหลอด
00:02:51 → 00:02:54 เลือดจะกระแทกเส้นประสาทนี้ทำให้เส้น
00:02:54 → 00:02:57 ประสาททรงกระแสประสาทนอกเหนือจากการสั่ง
00:02:57 → 00:03:01 ของสมองส่งผลให้สสัญญาณประสาทที่มาเลี้ยง
00:03:01 → 00:03:04 กล้ามเนื้อผิดปกติไปเกิดอาการกระตุกของ
00:03:04 → 00:03:07 กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าอย่างต่อเนื่องโดย
00:03:07 → 00:03:11 ที่ไม่สามารถควบคุมได้นอกจากนี้ยังมี
00:03:11 → 00:03:14 ปัจจัยที่กระตุ้นให้มีอาการใบหน้ากระตุก
00:03:14 → 00:03:18 เพิ่มขึ้นเช่นภาวะความเครียดทางจิตใจคิด
00:03:18 → 00:03:23 มากอ่อนเพลียอ่อนล้าอดนอนรวมไปถึงกลุ่ม
00:03:23 → 00:03:26 การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้าเช่นการ
00:03:26 → 00:03:31 พูดการยิ้มการใช้สายตามากเกินไปอาการของ
00:03:31 → 00:03:35 ใบหน้าโรคกระตุกครึ่งซีก hfs มีดังนี้โรค
00:03:35 → 00:03:39 ใบหน้ากระตุกครึ่งซีก hfs มีอาการเด่นๆ
00:03:39 → 00:03:42 คือการกระตุกหรือการหดตัวของกล้ามเนื้อบน
00:03:42 → 00:03:45 ใบหน้าซีกหนึ่งโดยไม่สามารถควบคุมได้มัก
00:03:45 → 00:03:50 เป็นๆหายๆซึ่งอาการจะรุนแรงขึ้นตามการลุก
00:03:50 → 00:03:53 ลามดังนี้การกระตุกส่วนใหญ่จะเริ่มเป็น
00:03:53 → 00:03:57 ที่หนังตามีอาการคล้ายตาเขม็นอาการกระตุก
00:03:57 → 00:04:00 ไม่รุนแรงและความถี่ในการกระตุกนครั้ง
00:04:00 → 00:04:03 เมื่อเป็นมากขึ้นอาการกระตุกจะลามไปยัง
00:04:03 → 00:04:07 แก้มปากและในบางครั้งไปถึงกรามความถี่และ
00:04:07 → 00:04:10 ความรุนแรงเพิ่มขึ้นตามเวลาที่มีอาการ
00:04:10 → 00:04:14 ซึ่งอาการจะทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อมีความ
00:04:14 → 00:04:17 เครียดความเหนื่อยล้าหรือความวิตกกังวล
00:04:17 → 00:04:20 โดยอาการมักไม่ปรากฏขณะนอนหลับการ
00:04:20 → 00:04:24 วินิจฉัยโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก hfs ทำ
00:04:24 → 00:04:26 ได้ดังนี้แพจะซักประวัติเพื่อแยกโรคใบ
00:04:26 → 00:04:29 หน้ากระตุกครึ่งซีกออกจากกลุ่มที่เป็นโรค
00:04:29 → 00:04:31 นอกเหนือจากหล่อนเลือดที่ไปสัมผัสหรือ
00:04:31 → 00:04:34 กระตุ้นเส้นประสาทคู่ที่ 7 โดยเริ่มจาก
00:04:34 → 00:04:37 การให้ยาไปรับประทานถ้ารับประทานยาแล้ว
00:04:37 → 00:04:41 ไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 สัปดาห์แพทย์จะทำ MRI
00:04:41 → 00:04:45 สมองดูรอยโรคที่กั้นสมองเพื่อแยก
00:04:45 → 00:04:49 โรคโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก hfs ไม่ได้ทำ
00:04:49 → 00:04:52 ให้เป็นอัมพาตและอัมพฤกษ์ค่ะรวมทั้งไม่
00:04:52 → 00:04:54 ได้เป็นโรคอันตรายร้ายแรงแต่อย่างใดแต่
00:04:54 → 00:04:57 อาจจะทำให้ผู้ที่เป็นเกิดความรำคาญเสีย
00:04:57 → 00:05:01 บุคลิกและรบกวนการทำงานในชีวิตประจำวัน
00:05:02 → 00:05:05 โอกาสในการรักษาให้หายขาดของผู้ที่เป็น
00:05:05 → 00:05:08 โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก hfs มีความแตก
00:05:08 → 00:05:12 ต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละรายเช่นการฉีดบนั
00:05:12 → 00:05:15 ท็อกซินสามารถหยุดการกระตุกได้ผลดีชั่ว
00:05:15 → 00:05:19 คราวและต้องฉีดซ้ำส่วนการรักษาด้วยการผ่า
00:05:19 → 00:05:22 ตัดก็มีประสิทธิภาพการรักษาให้หายขาดได้
00:05:22 → 00:05:25 เช่นกันแต่ก็ขึ้นอยู่กับภาวะสาเหตุและ
00:05:25 → 00:05:28 ความรุนแรงของโรคและในช่วงนี้นะคะเราจะไป
00:05:28 → 00:05:31 พูดคุยกับอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญใน
00:05:31 → 00:05:34 เรื่องของโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก hfs
00:05:35 → 00:05:38 กันสวัสดีค่ะอาจารย์ขอเริ่มต้นที่คำถาม
00:05:38 → 00:05:38 แรกเลยนะ
00:05:38 → 00:05:45 [เพลง]
00:05:45 → 00:05:50 คะอาจารย์คะโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก hfs
00:05:50 → 00:05:53 คืออะไรคะครับโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกนะ
00:05:53 → 00:05:56 ครับก็เป็นโรคของเส้นประสาทสมองนะครับ
00:05:56 → 00:05:59 ซึ่งก็จะส่งผลกระทบให้มีการกระตุกของตัว
00:05:59 → 00:06:01 ใบหน้าหนนะครับกล้ามเนื้อใบหน้าซึ่งโดย
00:06:01 → 00:06:04 ปกติก็อาจจะเริ่มจากที่ตัวรอบตาก่อนนะ
00:06:04 → 00:06:07 ครับแล้วก็อาจจะมีมาที่รอบปากหรือว่ารอบ
00:06:07 → 00:06:10 แก้มได้ครับแล้วโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก
00:06:10 → 00:06:13 hfs นั้นมีสาเหตุเกิดจากอะไรได้บ้างคะ
00:06:13 → 00:06:16 โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกนี้นะครับสาเหตุ
00:06:16 → 00:06:19 หลักก็จะเป็นจากการกดทับของตัวเส้นประสาท
00:06:19 → 00:06:21 นะครับซึ่งก็จะมักจะเกิดจากตัวปลอดเลือด
00:06:21 → 00:06:24 นะครับในสมองเนี่ยที่จะไปเอ่อสัมผัสแล้ว
00:06:24 → 00:06:27 ก็กดทับตัวเส้นประสาทนะครับแต่ว่าก็ยังมี
00:06:27 → 00:06:29 ผู้ป่วยบางรายที่อาจจะยังไม่ได้ได้พบ
00:06:29 → 00:06:33 สาเหตุที่ชัดเจนครับโดยปกติแล้วเนี่ยตัว
00:06:33 → 00:06:36 หลอดเลือดเองนะครับก็จะอยู่ในเอ่อโพรงของ
00:06:36 → 00:06:38 กระโดกศีรษะอยู่แล้วนะครับแล้วก็ตัวเส้น
00:06:38 → 00:06:40 ประสาทเองก็จะอยู่ที่ตำแหน่งนั้นอยู่แล้ว
00:06:40 → 00:06:43 นะครับก็จะสามารถมีการเคลื่อนที่ไปมาได้
00:06:43 → 00:06:46 นะครับแล้วก็อาจจะทำให้การที่มี
00:06:46 → 00:06:50 เอ่อการสูบฉีดเลือดของตัวหลอดเลือดนะครับ
00:06:50 → 00:06:52 ก็อาจจะทำให้มีการหดและขยายของหลอดเลือด
00:06:52 → 00:06:55 อาจจะทำให้มันไปเอ่อสัมผัสกับตัวเส้น
00:06:55 → 00:06:58 ประสาทแล้วก็เป็นการกดทับเส้นประสาทเกิด
00:06:58 → 00:07:01 ขึ้นได้ครับโรคใบหน้ากระตุกค่ะนอกจาก hfs
00:07:01 → 00:07:04 แล้วยังมีใบหน้ากระตุกจากอะไรได้อีกบ้าง
00:07:04 → 00:07:07 คะอาจารย์ก็อาจจะมีสาเหตุอื่นๆร่วมด้วยก็
00:07:07 → 00:07:09 ได้ครับเช่นเป็นจากการที่มีเนื้องอกใน
00:07:09 → 00:07:12 สมองนะครับซึ่งเนื้องอกในสมองตรงนี้อาจจะ
00:07:12 → 00:07:14 ไปกดทับตัวเส้นประสาทเองก็ได้ครับหรือว่า
00:07:14 → 00:07:18 อีกอีกอันนึงก็จะเป็นเอ่อการที่มีกล้าม
00:07:18 → 00:07:21 เนื้อตานะครับมีการกระตุกอย่างเดียวนะ
00:07:21 → 00:07:24 ครับก็หรือว่าโรคเฟโลสปาสั้นครับอาจารย์
00:07:24 → 00:07:28 ขาแล้วโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก hfs มี
00:07:28 → 00:07:31 ความแตกต่างค่ะจากโรคซ Hun Syndrome
00:07:31 → 00:07:35 หน้าอัมพาตครึ่งซีกอย่างไรบ้างคะก็สำหรับ
00:07:35 → 00:07:36 โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกอนะครับก็จะเป็น
00:07:36 → 00:07:39 เรื่องของการกระตุกของกล้ามเนื้อใบหน้า
00:07:39 → 00:07:40 แต่ว่าถ้าเป็นโรคกลุ่ม ramsey Hun
00:07:40 → 00:07:42 Syndrome ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องของการ
00:07:42 → 00:07:44 อ่อนแรงของตัวกล้ามเนื้อใบหน้านะครับก็
00:07:44 → 00:07:47 คืออาจจะมาด้วยอาการเอ่อปิดตาไม่สนิทนะ
00:07:47 → 00:07:50 ครับแล้วก็โรคแมซ Hun Syndrome เองเนี่ย
00:07:50 → 00:07:53 ก็จะเป็นโรคของการติดเชื้อที่เอ่อมักจะ
00:07:53 → 00:07:55 เป็นการติดเชื้อตัว Herb zoster นะครับ
00:07:55 → 00:07:58 ซึ่งเชื้อตัวนี้เองก็อาจจะทำให้เกิดการมี
00:07:58 → 00:08:02 ตุ่มใสๆขึ้นที่บริเวณของใบหูหรือรูหูได้
00:08:02 → 00:08:05 ครับก็จะแตกต่างกันนะครับก็คือถ้าเกิดว่า
00:08:05 → 00:08:07 ตัวโรคใบหน้ากระตุกเนี่ยก็จะเป็นอาการที่
00:08:07 → 00:08:09 จะมีลักษณะเป็นใบหน้ากล้ามเนื้อใบหน้าที่
00:08:09 → 00:08:11 กระตุกนะครับแต่ว่าถ้าเกิดว่าตัว rams
00:08:11 → 00:08:13 Hun sindrome ก็จะเป็นเ่อกล้ามเนื้อใบ
00:08:13 → 00:08:15 หน้าที่มันอ่อนแรงคือเราไม่สามารถที่จะ
00:08:15 → 00:08:18 เอ่อปิดตาลงได้ไม่สามารถที่จะยกปากขึ้น
00:08:18 → 00:08:20 ได้สำหรับโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกนะครับ
00:08:20 → 00:08:22 hy facial spasum เนี่ยก็อยู่คนละขา
00:08:22 → 00:08:24 กันกับตัว rams Hun Syndrome นะครับ
00:08:24 → 00:08:26 ซึ่ง R Syndrome เองก็จะอยู่ขาเดียวกัน
00:08:26 → 00:08:29 กับตัวเ py ซึ่งก็จะเป็นเอ่อกล้ามเนื้อใบ
00:08:29 → 00:08:31 หน้าอ่อนแรงนะครับซึ่งอันนี้ก็จะเป็นใบ
00:08:31 → 00:08:33 หน้ากระตุกนะครับอันนี้ก็ยังไม่ได้เจอ
00:08:33 → 00:08:35 สาเหตุที่ชัดเจนน่ะนะครับก็ยังเชื่อว่า
00:08:35 → 00:08:38 เอ่ออาจจะเป็นจากความเครียดอะไรงี้ที่
00:08:38 → 00:08:40 เป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดเอ่อเส้น
00:08:40 → 00:08:42 ประสาทเนี่ยมีความผิดปกติไปนะครับแล้วก็
00:08:42 → 00:08:45 อ่อนแรงลงของก้ามเนื้อใบหน้าครับก็เกิด
00:08:45 → 00:08:47 เป็นโรคเบล py ขึ้นมาครับถ้าเป็นใบหน้า
00:08:47 → 00:08:49 กระตุกก็คือจะเป็นการกระตุกการขยับของ
00:08:49 → 00:08:51 กล้ามเนื้อรอบลูกตานะครับก็จะเป็นใน
00:08:51 → 00:08:54 ลักษณะที่มีการพยายามปิดตาปิดตาอยู่
00:08:54 → 00:08:56 เรื่อยๆนะครับแต่ว่าก็จะเป็นที่เราไม่ได้
00:08:56 → 00:08:58 ควบคุมเราไม่ได้สั่งการให้มันทำแต่ว่า
00:08:58 → 00:08:59 ร่างกายเรา
00:09:00 → 00:09:02 ไปทำของมันเองอนะครับแล้วก็มันจะเป็นอะไร
00:09:02 → 00:09:04 ที่เราจะควบคุมมันไม่ได้อันนี้จะเป็น
00:09:04 → 00:09:06 เรื่องของลักษณะของการกระตุกนะครับแต่ถ้า
00:09:06 → 00:09:07 เกิดว่าเป็นการอ่อนแรงหมายถึงว่าเรา
00:09:08 → 00:09:10 ต้องการที่จะสั่งให้เอ่อกล้ามเนื้อรอบลูก
00:09:10 → 00:09:13 ตาเนี่ยมันปิดลูกตาปิดหลับตาลงนะครับแต่
00:09:13 → 00:09:16 ว่าเราไม่สามารถที่จะหลับตาลงได้ครับก็จะ
00:09:16 → 00:09:19 เป็นความผิดปกติคนละแบบกันครับแล้วใครคือ
00:09:19 → 00:09:23 กลุ่มเสี่ยงโรคใบหน้ากระตุกครื่องซีก hfs
00:09:23 → 00:09:25 คะปัจจุบันนี้นะครับเราก็เชื่อว่าเอ่อ
00:09:25 → 00:09:27 เรื่องของความเครียดความวิตกกังวลนะครับ
00:09:27 → 00:09:30 หรือว่าเอ่อบุคคลที่ทำงานมาหนักๆนะครับมี
00:09:30 → 00:09:32 ความเหนื่อยล้าเยอะก็อาจจะเป็นตัวกระตุ้น
00:09:32 → 00:09:35 ที่ทำให้เกิดการเอ่อมีโรคใบหน้ากระตุก
00:09:35 → 00:09:37 ครึ่งซีกได้ครับแล้วก็เอ่อนอกจากนี้ยังมี
00:09:38 → 00:09:40 กลุ่มคนพวกที่อาจจะมีการขยับใบหน้าเยอะนะ
00:09:40 → 00:09:43 ครับที่ใช้กล้ามเนื้อตากล้ามเนื้อปากบ่อย
00:09:43 → 00:09:44 ๆก็อาจจะเป็นความเสี่ยงหนึงที่ทำให้เกิด
00:09:44 → 00:09:47 เอ่อโรคนี้ได้ครับโรคใบหน้ากระตุกครึ่ง
00:09:47 → 00:09:50 ซีก hfs จะมีอาการอย่างไรคะสำหรับอาการ
00:09:51 → 00:09:53 ของโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกนี้นะครับหรือ
00:09:53 → 00:09:55 hy facial spasum ก็จะเป็นการเริ่ม
00:09:55 → 00:09:58 อาการเริ่มต้นก็จะเริ่มจากการที่มีกระตุก
00:09:58 → 00:10:00 นะครับของกล้ามเนื้อรอบลูกตานะครับก็จะมี
00:10:00 → 00:10:03 การพยายามกระตุกเพื่อหลับตานะครับซึ่งใน
00:10:03 → 00:10:05 ระยะเริ่มต้นก็จะเป็นที่กล้ามเนื้อลูกตา
00:10:05 → 00:10:08 อย่างเดียวนะครับในระยะที่หลังๆต่อมา
00:10:08 → 00:10:11 เนี่ยอาจจะมีกล้ามเนื้อปากกล้ามเนื้อแก้ม
00:10:11 → 00:10:13 นะครับหรือว่ากล้ามเนื้อตรงกามเนี่ยขยับ
00:10:13 → 00:10:17 ด้วยนะครับโดยลักษณะสำคัญของตัวโรคนี้ก็
00:10:17 → 00:10:20 คือจะเป็นเอ่อการขยับการกระตุกที่เราควบ
00:10:20 → 00:10:23 คุมมันไม่ได้นะครับแล้วก็โดยปกติจะไม่ทำ
00:10:23 → 00:10:27 ให้เกิดการเจ็บปวดอะไรนะครับแต่ในในเอ่อ
00:10:27 → 00:10:30 เวลาที่เป็นมากขึ้นนะครับในระยะเวลาที่
00:10:30 → 00:10:32 เป็นมากขึ้นเนี่ยในในในระยะเวลาที่ผ่านไป
00:10:32 → 00:10:35 นะครับก็จะทำให้อาจจะมีการหดเกร็งที่เยอะ
00:10:35 → 00:10:38 ขึ้นการกระตุกที่มากขึ้นจนรบกวนชีวิต
00:10:38 → 00:10:39 ประจำวันได้สำหรับโรคกลุ่มนี้เองก็จะไม่
00:10:40 → 00:10:42 ทำให้เกิดเรื่องของอัมพฤกษ์อัมพาสนะครับ
00:10:42 → 00:10:43 เพราะว่าโรคกลุ่มนี้เป็นโรคของตัวเส้น
00:10:43 → 00:10:46 ประสาทโดยที่ที่เกิดขึ้นที่เส้นประสาทนะ
00:10:46 → 00:10:48 ครับส่วนตัวโรคอัมพฤกอัมพาสเองก็จะเกิด
00:10:48 → 00:10:50 เอ่อจากโรคหล่อเลือดสมองนะครับซึ่งก็อาจ
00:10:50 → 00:10:53 จะส่งผลในบริเวณที่กว้างกว่าของสมองนะ
00:10:53 → 00:10:56 ครับในขณะที่ตัวเส้นประสาทนี้ก็จะออกเอ่อ
00:10:56 → 00:10:58 ส่งผลที่ตัวเส้นประสาทอย่างเดียวนะครับก็
00:10:58 → 00:11:01 จะจะทำให้เกิดอาการกระตุกของกล้ามเนื้อ
00:11:01 → 00:11:03 ที่ใบหน้านี้อย่างเดียวครับแล้วก็จะเป็น
00:11:03 → 00:11:06 ครึ่งซี่ครับอันนี้ไม่ได้เป็นการเพิ่ม
00:11:06 → 00:11:08 ความเสี่ยงในการเกิดโรคอื่นอะไรใดๆครับก็
00:11:08 → 00:11:11 ยังไม่น่าต้องกังวลเพิ่มเติมอาจารย์คะ
00:11:11 → 00:11:14 แล้วการวินิจฉัยโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก
00:11:14 → 00:11:18 hfs ทำได้อย่างไรบ้างคะโดยปกติการ
00:11:18 → 00:11:19 วินิจฉัยโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกนะครับ
00:11:20 → 00:11:22 เราก็จะวินิจฉัยด้วยการเ่อซักประวัติแล้ว
00:11:22 → 00:11:24 ก็ตรวจร่างกายซึ่งก็จะสังเกตลักษณะสำคัญ
00:11:24 → 00:11:26 นะครับของการกระตุกของกล้ามเนื้อรอบรอบ
00:11:26 → 00:11:29 ดวงตานะครับแล้วก็อันนี้ก็จะเป็นการ
00:11:29 → 00:11:31 วินิจฉัยหลักนะครับอื่นๆก็คือเราอาจจะหา
00:11:32 → 00:11:35 สาเหตุของการเกิดการกล้ามเนื้อกระตุกใบ
00:11:35 → 00:11:37 หน้านะครับซึ่งเราก็จะทำโดยการสแกนสมอง
00:11:37 → 00:11:41 ด้วยการทำ MRI นะครับหรือว่าการทำ mra
00:11:41 → 00:11:43 เพื่อเป็นการตรวจหลอดเลือดนะครับว่าเอ๊ะ
00:11:43 → 00:11:46 หลอดเลือดตรงนี้เนี่ยมีเป็นการกดทับตัว
00:11:46 → 00:11:48 เส้นประสาทหรือไม่นะครับเพื่อจะใช้ในการ
00:11:48 → 00:11:51 หาสาเหตุโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก hfs
00:11:51 → 00:11:54 รักษาได้อย่างไรคะสำหรับเรื่องของการ
00:11:54 → 00:11:56 รักษาโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกอนะครับก็จะ
00:11:56 → 00:11:59 มีด้วยกันหลากๆายวิธีนะครับวิธีแรกที่ที่
00:11:59 → 00:12:03 จะปลอดภัยที่สุดก็คือการให้เอ่อยารับ
00:12:03 → 00:12:05 ประทานนะครับซึ่งโดยยารับประทานนี้ก็จะ
00:12:05 → 00:12:08 ช่วยลดการกระตุกได้นะครับแต่ว่าก็ไม่
00:12:08 → 00:12:11 สามารถที่จะทำให้หายขาดได้นะครับแต่ว่ายา
00:12:11 → 00:12:13 เองก็อาจจะมีผลข้างเคียงได้เหมือนกันนะ
00:12:13 → 00:12:15 ครับแล้วก็ข้อเสียคืออาจจะต้องระมัดระวัง
00:12:15 → 00:12:17 เรื่องของการลืมกินหรือเปล่านะครับกับอัน
00:12:18 → 00:12:21 ที่ 2 ก็คือจะเป็นเอ่อการฉีดิัท็อกซินนะ
00:12:21 → 00:12:24 ครับซึ่งอันนี้ก็จะออกฤทธิ์ที่ตัวกล้าม
00:12:24 → 00:12:27 เนื้อนะครับเพื่อทำให้ลดของการลดการ
00:12:27 → 00:12:29 กระตุกของกล้ามเนื้อลงได้นะครับก็จะได้ใน
00:12:29 → 00:12:31 ระยะยาวหลัก 3 เดือนถึง 6 เดือนเราค่อยมา
00:12:31 → 00:12:35 ฉีดซ้ำได้กับวิธีที่ 3 ก็คือการผ่าตัดนะ
00:12:35 → 00:12:39 ครับเพื่อแยกเอ่อตัวเส้นประสาทกับหลอด
00:12:39 → 00:12:41 เลือดนะครับไม่ให้มันกดทับไม่ให้มันระคาย
00:12:41 → 00:12:43 เคืองกันครับในปัจจุบันนี้นะครับก็ใน
00:12:43 → 00:12:47 เรื่องของการผัดตัดตัวเพื่อแยกหลอดเลือด
00:12:47 → 00:12:49 กับตัวเส้นประสาทนะครับก็เริ่มมีพัฒนาการ
00:12:49 → 00:12:52 ที่มากขึ้นนะครับแล้วก็มีการทำที่บ่อย
00:12:52 → 00:12:54 ขึ้นนะครับก็เริ่มมีการประสบความสำเร็จ
00:12:54 → 00:12:56 ได้มากขึ้นแล้วก็มีโอกาสที่จะทำให้ผู้
00:12:56 → 00:12:58 ป่วยโรคนี้เองเนี่ยมีสิทธิ์ที่จะหายขาด
00:12:58 → 00:13:01 ได้นะครับซึ่งก็เป็นข้อดีที่เหนือกว่าตัว
00:13:01 → 00:13:04 การฉีดโบนัมท็อกซินหรือว่าการทานยานะครับ
00:13:04 → 00:13:06 ซึ่งการฉีดโบนัมท็อกซินหรือการทานยาเนี่ย
00:13:06 → 00:13:10 ก็จะเป็นการเอ่อรักษาที่ทำให้อาการดีขึ้น
00:13:10 → 00:13:11 แต่ว่าเมื่อไหรก็ตามที่เราหยุดการรักษา
00:13:11 → 00:13:14 เนี่ยอาการก็จะกลับมาเป็นซ้ำได้ครับ
00:13:14 → 00:13:17 อาจารย์ขาแล้วการฉีดโบทูลินัมท็อกซินมีผล
00:13:17 → 00:13:20 ข้างเคียงหรือเปล่าคะอยากให้อาจารย์เล่า
00:13:20 → 00:13:23 ว่าโบทูลินัมท็อกซินที่ใช้ในการรักษา
00:13:23 → 00:13:26 สามารถรักษาโรคอะไรได้บ้างคะสำหรับการฉีด
00:13:26 → 00:13:29 โทมท็อกซินนะครับผลข้างเคียงที่อาจจะจะ
00:13:29 → 00:13:31 เกิดขึ้นได้ก็คืออาจจะทำให้มีการระคาย
00:13:31 → 00:13:33 เคืองตาหลังจากจะฉีดได้นะครับหรือว่าเ่อ
00:13:33 → 00:13:36 บางรายอาจจะมีภาวะแทรกซ้อนอาจจะมีหนังตา
00:13:36 → 00:13:38 ตกได้หรือว่าอาจจะมีกล้ามเนื้อใบหน้าอ่อน
00:13:38 → 00:13:41 แรงได้นะครับแต่ว่าอย่างไรก็ตามก็จะมักจะ
00:13:41 → 00:13:43 เป็นแบบชั่วคราวนะครับก็คือหลังจากครบ
00:13:43 → 00:13:46 ฤทธิ์ของโบซัมท็อกซิน 3 เดือนเนี่ยเอ่อ
00:13:46 → 00:13:49 กล้ามเนื้อก็จะกลับมาทำงานได้ตามปกติครับ
00:13:49 → 00:13:52 กับเรื่องของเอ่อโรคอื่นๆนะครับที่ตัวโบม
00:13:52 → 00:13:55 ท็อกซินใช้ในการรักษาได้นะครับก็หลักๆก็
00:13:55 → 00:13:57 จะเป็นใช้ในการลดการบิดเกร็งของกล้าม
00:13:57 → 00:13:59 เนื้อนะครับโรคอื่นๆที่จะพบได้ก็เป็นโรค
00:13:59 → 00:14:01 ที่กล้ามเนื้อบิดเกร็งนะครับหรือ
00:14:01 → 00:14:04 ดิสโทเนียที่อาจจะเป็นที่ต้นคอนะครับที่
00:14:04 → 00:14:07 อาจจะพบได้บ่อยนะครับก็จะช่วยใช้ในการ
00:14:07 → 00:14:09 รักษาได้อันนี้มันก็จะไปออกฤทธิ์ที่ตัวใน
00:14:09 → 00:14:12 รตอของตัวกล้ามเนื้อเลยนะครับซึ่งก็การ
00:14:12 → 00:14:14 ฉีดเนี่ยไม่ได้ออกฤทธิ์ทันทีนะครับก็จะ
00:14:14 → 00:14:17 ต้องทิ้งระยะเวลาไว้แต่ว่าจะเห็นว่าการ
00:14:17 → 00:14:19 กระตุกของกล้ามเนื้อใบหน้าเนี่ยลดลงได้
00:14:19 → 00:14:22 อย่างรวดเร็วนะครับแล้วก็โดยทั่วไปก็จะ
00:14:22 → 00:14:26 หายสนิทเลยก็อาจจะต้องใช้เวลาสัก 1-2 วัน
00:14:26 → 00:14:28 นะครับแต่ว่าก็คงขึ้นอยู่กับตอนแรกด้วย
00:14:28 → 00:14:31 ว่ากระตุกเยอะน้อยแค่ไหนแล้วโรคใบหน้า
00:14:31 → 00:14:34 กระตุกครึ่งซีก hfs ค่ะอาจารย์รักษาหาย
00:14:34 → 00:14:37 ได้หรือไม่คะสำหรับโรคใบหน้ากระตุกครึ่ง
00:14:37 → 00:14:40 ซีกนะครับก็ถ้าเกิดว่ารักษาด้วยการทานยา
00:14:40 → 00:14:42 หรือว่ารักษาด้วยการฉีดโทมท็อกซินเนี่ยก็
00:14:42 → 00:14:44 จะสามารถทำให้อาการดีขึ้นได้นะครับแต่ว่า
00:14:44 → 00:14:46 เมื่อไรก็ตามที่เราหยุดการรักษาเนี่ยก็
00:14:46 → 00:14:49 อาจจะกลับมาเป็นซ้ำได้นะครับซึ่งณ
00:14:49 → 00:14:51 ปัจจุบันนี้เราก็เลยมีวิธีใหม่ที่อาจจะทำ
00:14:51 → 00:14:55 ให้เอ่อหขาดได้นะครับคือการผัดตัดนะครับ
00:14:55 → 00:14:57 ซึ่งเป็นการแยกระหว่างหลอดเลือดกับเส้น
00:14:57 → 00:15:00 ประสาทไม่ให้มันกดทับกันมันจะหายถาวรครับ
00:15:00 → 00:15:03 แต่ว่าต้องเรียนแจ้งว่าเอ่อเป็นบางคนที่
00:15:03 → 00:15:06 ได้รับการผ่าตัดนะครับยังไม่ได้มีข้อมูล
00:15:06 → 00:15:08 ที่จะบอกว่าคนส่วนใหญ่ที่ับการผัดตัดจะ
00:15:08 → 00:15:11 หายขาดได้สนิทอยากจะให้อาจารย์ฝากให้คุณ
00:15:11 → 00:15:15 ผู้ชมฟังค่ะว่าทำอย่างไรให้ห่างไกลจากโรค
00:15:15 → 00:15:18 ใบหน้ากระตุกครึ่งซีก hfs ค่ะการห่างไกล
00:15:18 → 00:15:20 โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกนะครับก็แนะนำว่า
00:15:20 → 00:15:23 ให้พักผ่อนให้เพียงพอนะครับแล้วก็พยายาม
00:15:23 → 00:15:26 หลีกเลี่ยงการเอ่อความกังวลความเครียด
00:15:26 → 00:15:29 ต่างๆนะครับก็เลิกงานแล้วก็ไปออกกำลังกาย
00:15:29 → 00:15:32 พักผ่อนบ้างครับขอบพระคุณอาจารย์นะคะที่
00:15:32 → 00:15:35 มาให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องของโรคใบ
00:15:35 → 00:15:38 หน้ากระตุก hfs ค่ะและในช่วงนี้นะคะคุณ
00:15:38 → 00:15:41 ผู้ชมเราจะมารู้กันว่าจะสวยอย่างไรให้
00:15:41 → 00:15:45 ปลอดภัยด้วยโบัท็อกซินก่อนอื่นเรามารู้
00:15:45 → 00:15:49 กันก่อนว่า ulum ทอกซินคืออะไร ulum
00:15:49 → 00:15:53 ท็อกซินหรือที่หลายคนรู้จักคุ้นเคยและ
00:15:53 → 00:15:56 เรียกกันว่าโบท็อกซ์ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว
00:15:56 → 00:16:00 เป็นชื่อทางการค้านั้นโบนัมท็อกซินเป็น
00:16:00 → 00:16:04 สารชีวภาพชนิดหนึ่งค่ะซึ่งบนัท็อกซินจริง
00:16:04 → 00:16:08 ๆมีด้วยกันถึง 7 ชนิดแต่ชนิดที่นำมาใช้ใน
00:16:09 → 00:16:14 การเสริมความงามคือิัท็อกซินชนิด a ใน
00:16:14 → 00:16:17 ระยะแรกจุดประสงค์หลักของการนำโบนัม
00:16:18 → 00:16:21 ท็อกซินมาใช้เพื่อการรักษาอาการกระตุกของ
00:16:21 → 00:16:25 กล้ามเนื้อตาอาการตาเลตาเขอาการปวดตึงของ
00:16:25 → 00:16:29 กล้ามเนื้อคอโดยมีการอนุญาตให้ใช้ใน
00:16:29 → 00:16:33 ประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่พุธศักราช
00:16:33 → 00:16:38 2532 ปัจจุบันบนัทอกซินได้ใช้เพื่อ
00:16:38 → 00:16:40 ประโยชน์ทางด้านการเสริมความงามเพราะพบ
00:16:40 → 00:16:45 ว่าทำให้นิ้วรอยบริเวณที่ต้องการลดลงแล้ว
00:16:45 → 00:16:49 การฉีดบนัท็อกซินเพื่อเสริมความงามช่วย
00:16:49 → 00:16:53 อะไรได้บ้างบนัท็อกซินมักจะใช้เพื่อฉีดรส
00:16:53 → 00:16:57 ริ้วรอยเช่นบริเวณระหว่างคิ้วหน้าผากหาง
00:16:57 → 00:17:02 ตานอกจากนี้ยังใช้ฉีดเพื่อลดขนาดของกราม
00:17:02 → 00:17:06 ทำให้ใบหน้าดูเร็วขึ้นลดปีกจมูกและฉีด
00:17:06 → 00:17:09 เพื่อลดขนาดของกล้ามเนื้อน่องทำให้น่อง
00:17:09 → 00:17:13 เรียวและยังมีอื่นๆอีกมากมายนอกจากิั
00:17:13 → 00:17:16 ท็อกซินจะถูกนำมาใช้ในการรักษาริ้วรอยที่
00:17:16 → 00:17:19 เกิดจากการขยับของกล้ามเนื้อที่บริเวณใบ
00:17:19 → 00:17:23 หน้าและลำคอแล้วยังใช้ในการรักษาภาวะความ
00:17:23 → 00:17:26 ผิดปกติที่เกิดจากการทำงานมากเกินไปของ
00:17:26 → 00:17:30 กล้ามเนื้อเช่นตาเขหนังตากระตุกกล้าม
00:17:30 → 00:17:34 เนื้อคอเกรงตัวการปวดศีรษะชนิดไมเกรนหรือ
00:17:34 → 00:17:37 การปวดศีรษะจากความเครียดภาวะกล้ามเนื้อ
00:17:37 → 00:17:41 หลังอักเสบเรื้อรังภาวะเหงื่อที่ออกมาก
00:17:41 → 00:17:45 ผิดปกติเช่นตามรักแร้เป็นต้นก่อนที่จะ
00:17:45 → 00:17:48 เตรียมฉีดโบมท็อกซินนั้นอยากให้คุณผู้ชม
00:17:48 → 00:17:50 นะคะเตรียมตัวให้ดีค่ะไม่ว่าจะเป็นเรื่อง
00:17:50 → 00:17:53 ของการนอนนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอนอกจาก
00:17:53 → 00:17:56 นี้ท่านใดที่รับประทานอาหารเสริมวิตามิน
00:17:56 → 00:17:59 ในกลุ่มที่ทำให้เลือดหยุดไหลยากไม่ว่าจะ
00:17:59 → 00:18:02 เป็นวิตามินอีวิตามินซีฟิช Oil น้ำมันปลา
00:18:02 → 00:18:05 โสมต่างๆนะคะควรงดหยุดไปก่อนอย่างน้อย 2
00:18:05 → 00:18:09 สัปดาห์ค่ะงดใช้ยาแก้ปวดยา
00:18:09 → 00:18:13 แสียากลุ่มต้านการอักเสบเป็นเวลาอย่าง
00:18:13 → 00:18:18 น้อย 1-2 สัปดาห์งดการดื่มแอลกอฮอล์ 48
00:18:18 → 00:18:21 ชมหรือ 2 วันก่อนที่จะฉีดสำหรับหลังการ
00:18:21 → 00:18:25 ฉีดโบมท็อกซินนะคะคุณผู้ชมไม่กวรนอนราบ 4
00:18:25 → 00:18:29 ชมงค่ะเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้บทม
00:18:29 → 00:18:31 ที่ฉีดอยู่ในกล้ามเนื้อมัดที่เราอยากจะ
00:18:31 → 00:18:34 ได้นั้นไหลไปยังกล้ามเนื้อมัดอื่นค่ะห้าม
00:18:34 → 00:18:39 นวดกดถูแรงๆบริเวณที่ฉีดเพราะจะทำให้ยา
00:18:39 → 00:18:42 กระจายตัวไปที่กล้ามเนื้ออื่นๆอันไม่พึง
00:18:42 → 00:18:45 ประสงค์ได้ขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดทุก
00:18:45 → 00:18:49 ๆ 15 นาทีในชั่วโมงแรกหลังฉีดเพื่อให้ยา
00:18:49 → 00:18:53 ฉีดออกฤทธิ์ดีขึ้นหากมีรอยช้ำหลังฉีดควร
00:18:53 → 00:18:57 เป็นการประคบเย็นห้ามนวดหรือนำน้ำอุ่นมา
00:18:57 → 00:19:03 ประคบเด็ดค่ะและงดรับประทานยาจำพวกแพน
00:19:03 → 00:19:07 วิตามินอีสมุนไพรร้อน 2-3 วันเพื่อลดรอย
00:19:07 → 00:19:11 ช้ำหลังฉีดงดการดื่มแอลกอฮอลในช่วง 2
00:19:11 → 00:19:14 สัปดาห์แรกหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดเช่น
00:19:14 → 00:19:19 ไอร้อนหรือการปรุงอาหารหน้าเตาร้อนสีม
00:19:19 → 00:19:24 ซาวน่าการตักแดดการออกกำลังกายที่หนัก
00:19:24 → 00:19:29 เกินควรหลายคนอาจจะสงสัยนะคะว่าโบมซินที่
00:19:29 → 00:19:32 ฉีดกันนั้นอันตรายหรือไม่จากสถิติของ
00:19:32 → 00:19:35 สหรัฐอเมริกาที่รวบรวมผู้ป่วยที่ได้รับ
00:19:35 → 00:19:38 การฉีดโบัท็อกซินจำนวนมากพบว่าไม่มี
00:19:38 → 00:19:41 อันตรายถึงชีวิตเมื่อใช้โดยผู้เชี่ยวชาญ
00:19:41 → 00:19:44 และใช้ฉีดเพื่อเสริมความงามสำหรับคนไทย
00:19:44 → 00:19:48 ค่ะโดยทั่วไปโบททอกซินยี่ห้อที่ผ่านสำนัก
00:19:48 → 00:19:53 งานคณะกรรมการอาหารและยาหรืออยของไทยแล้ว
00:19:53 → 00:19:57 สามารถรับการฉีดได้อย่างปลอดภัยค่ะผลข้าม
00:19:57 → 00:20:00 เคียงอันเกิดจากการฉีดโบมท็อกซินมีอะไร
00:20:00 → 00:20:03 บ้างสำหรับผลข้างเคียงนะคะก็เกิดขึ้นได้
00:20:03 → 00:20:06 ตั้งแต่การจรดเข็มลงไปทำให้เกิดอาการช้ำ
00:20:06 → 00:20:09 บวมแดงเกิดขึ้นได้ค่ะรู้สึกว่าไม่สามารถ
00:20:09 → 00:20:13 บังคับกล้ามเนื้อบนใบหน้าได้หน้าแข็งตึง
00:20:13 → 00:20:16 มุมปากเบี้ยวยิ้มไม่สุดสาเหตุเกิดจาก
00:20:16 → 00:20:19 ปริมาณที่ฉีดเข้าไปไม่เหมาะสมรวมถึง
00:20:19 → 00:20:22 ตำแหน่งที่ฉีดอาจมีการฉีดคลาดเคลื่อนได้
00:20:22 → 00:20:26 ตาตกจะพบได้ในการฉีดระหว่างคิ้วซึ่งเป็น
00:20:26 → 00:20:29 ตำแหน่งที่ใกล้เปลือกตาด้านบนทำให้กล้าม
00:20:29 → 00:20:32 เนื้อบริเวณหนังตาบนอ่อนแรงและตกลงมาได้
00:20:32 → 00:20:35 ทั้งนี้เกิดจากการฉีดที่ไม่ถูกวิธีและใช้
00:20:35 → 00:20:38 ปริมาณยาที่มากเกินควรรวมถึงอาจจะมีการ
00:20:39 → 00:20:42 ใช้เทคนิคที่ไม่ปลอดภัยภาวะติดเชื้อ
00:20:42 → 00:20:45 สามารถเกิดขึ้นได้จากการทำหัตถการที่ไม่
00:20:45 → 00:20:49 เหมาะสมไม่สะอาดไม่ได้มาตรฐานรวมไปถึงคน
00:20:49 → 00:20:51 ที่ฉีดอาจจะไม่ใช่แพทย์เพราะว่าถ้าเป็น
00:20:51 → 00:20:55 แพทย์จะทราบดีว่าการฉีดให้ปลอดภัยนั้น
00:20:55 → 00:20:57 สำคัญอันดับต้นๆเลยก็คือต้องไม่ให้เกิด
00:20:57 → 00:21:00 การติดเชื้อใครบ้างที่ห้ามฉีดโบทูลินัม
00:21:00 → 00:21:04 ท็อกซินกลุ่มแรกคือผู้ที่มีความผิดปกติ
00:21:04 → 00:21:08 ของทางกล้ามเนื้อระบบประสาทเช่นเป็นโรค My
00:21:08 → 00:21:11 Asia gravis หรือโรค amyotrophic
00:21:11 → 00:21:14 lateral sclerosis als เพราะอาจมี
00:21:14 → 00:21:18 อาการแย่ลงได้ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์และ
00:21:18 → 00:21:21 อยู่ในระหว่างให้นมบุตถึงแม้จะไม่เคยมี
00:21:21 → 00:21:24 รายงานถึงอันตรายที่เกิดขึ้นกับคนกลุ่ม
00:21:24 → 00:21:27 นี้อย่างไรก็ตามการฉีดในคนกลุ่มนี้อาจจะ
00:21:27 → 00:21:31 สร้างความไม่สบายใจให้กับผู้รับการฉีดดัง
00:21:31 → 00:21:34 นั้นแพทย์จะแนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงการฉีด
00:21:34 → 00:21:37 ไปก่อนและรอให้การตั้งครรภ์รวมถึงการให้
00:21:37 → 00:21:40 นมบุตเสร็จสิ้นแล้วจึงเข้ารับการฉีดได้
00:21:40 → 00:21:43 เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับสาระสุขภาพดีๆที่
00:21:43 → 00:21:47 t&n นำมาฝากคุณผู้ชมกันในวันนี้หวังเป็น
00:21:47 → 00:21:49 อย่างยิ่งว่าคุณผู้ชมจะสามารถนำสาระ
00:21:49 → 00:21:52 สุขภาพดีๆที่ได้ไปดูแลตัวเองและครอบครัว
00:21:52 → 00:21:55 ให้ห่างไกลจากโรคร้ายปลอดภัยแข็งแรงกัน
00:21:55 → 00:21:59 ค่ะและขอบคุณคุณผู้ชมนะคะที่ติดตามรับชม
00:21:59 → 00:22:01 รายการ TNN Health มาโดยตลอดทั้งรายการ
00:22:01 → 00:22:04 คุณผู้ชมสามารถติดตามรับชมรายการ TNN
00:22:04 → 00:22:07 Health ได้เป็นประจำนะคะทุกวันเสารค่ะ
00:22:07 → 00:22:13 เวลาดี 15 น- 15:30 นที่นี่ TNN ช่อง 16
00:22:13 → 00:22:16 และต้องไม่ลืมนะคะติดตามรายการ TNN
00:22:16 → 00:22:18 Health ทุกช่องทางโซเชียล Network ต่างๆ
00:22:18 → 00:22:21 ไม่ว่าจะเป็น tiktok Facebook Instagram
00:22:21 → 00:22:23 LINE official เพื่อที่จะเข้าถึงทุก
00:22:23 → 00:22:26 สาระสุขภาพเสริมภูมิคุ้มกันรู้ทันโรคไป
00:22:26 → 00:22:29 ด้วยกันและสำหรับวันนี้นะคะหมอดาวและทีม
00:22:29 → 00:22:32 งาน TNN He ต้องขอตัวลาคุณผู้ชมไปก่อน
00:22:32 → 00:22:46 สำหรับวันนี้สวัสดีค่ะ
00:22:46 → 00:22:58 [เพลง]
00:22:58 → 00:23:01 เ
00:00:01 → 00:00:04 ใบหน้ากระตุกครึ่งซีกโรคที่ทำให้เสีย
00:00:04 → 00:00:07 บุคลิกภาพ
00:00:07 → 00:00:11 โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกยิ่งเครียดอาการ
00:00:11 → 00:00:13 ยิ่งกำเริบ
00:00:13 → 00:00:17 เรื่องต้องรู้ก่อนฉีดโบทนัท็อกซินสวย
00:00:17 → 00:00:20 อย่างปลอดภัยติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ใน
00:00:20 → 00:00:28 รายการ T and Health วัน
00:00:28 → 00:00:32 นี้สวัสดีค่ะขอต้อนรับเข้าสู่รายการ TNN
00:00:32 → 00:00:35 Health เข้าถึงทุกสาระสุขภาพเสริมภูมิ
00:00:35 → 00:00:38 คุ้มกันรู้ทันโรคกับ TNN Health ค่ะและ
00:00:38 → 00:00:41 ดิฉันหมอดาวแพทย์หญิงฉัดาวจังวังกรแพทย์
00:00:41 → 00:00:44 เฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์ครอบครัวพร้อมที่จะ
00:00:44 → 00:00:47 รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการพาคุณผู้ชม
00:00:47 → 00:00:51 มาเข้าถึงสาระสุขภาพดีๆกันค่ะ
00:00:51 → 00:01:05 [เพลง]
00:01:05 → 00:01:08 แล้ววันนี้นะคะเราจะมาพูดถึงโรคๆหนึ่ง
00:01:09 → 00:01:12 นั่นก็คือโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกซึ่ง
00:01:12 → 00:01:14 หลายท่านเนี่ยอาจจะกังวลใจค่ะว่าตัวเอง
00:01:14 → 00:01:17 เป็นแล้วจะเป็นอัมพาตอัมพฤกษ์หรือไม่
00:01:17 → 00:01:21 อย่างไรไปฟังพร้อมๆกันค่ะโรคใบหน้ากระตุก
00:01:21 → 00:01:24 เป็นโรคที่พบมากในคนเอเชียพบได้ทั้งหญิง
00:01:24 → 00:01:27 และชายแต่จะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
00:01:27 → 00:01:30 อาการเริ่มต้นอาจจะมีการกระตุกของกล้าม
00:01:30 → 00:01:34 เนื้อบริเวณตาข้างใดข้างหนึ่งจากนั้นอาจ
00:01:34 → 00:01:37 เป็นมากขึ้นจนทำให้เกิดการกระตุกที่มุม
00:01:37 → 00:01:40 ปากและในที่สุดจะมีการกระตุกทั้งซีก
00:01:40 → 00:01:43 บริเวณใบหน้าโรคใบหน้ากระตุกเกิดขึ้นได้
00:01:43 → 00:01:46 จากหลายสาเหตุเช่นโรคเนื้องอกในสมองโรค
00:01:46 → 00:01:50 เนื้องอกบริเวณก้านสมองโรคเปลือกตากระตุก
00:01:50 → 00:01:54 แต่ในวันนี้เราจะมาพูดถึงโรคใบหน้ากระตุก
00:01:54 → 00:01:58 ครึ่งซีกเิ facial spasum หรือ
00:01:58 → 00:02:02 hfs เป็นโรคของเส้นประสาทสมองที่ส่งผล
00:02:02 → 00:02:05 ให้เกิดการกระตุกหรือการหดตัวของกล้าม
00:02:05 → 00:02:09 เนื้อบนใบหน้าโดยไม่สามารถควบคุมได้ซึ่ง
00:02:09 → 00:02:11 จะเกิดขึ้นที่ฝั่งใดฝั่งหนึ่งของใบหน้า
00:02:11 → 00:02:14 เท่านั้นการกระตุกในลักษณะนี้มีตั้งแต่
00:02:14 → 00:02:18 ระดับเบาไปจนถึงระดับรุนแรงโดยมักเริ่ม
00:02:18 → 00:02:21 ต้นที่เปลือกตาซึ่งเป็นจุดที่พบได้บ่อย
00:02:21 → 00:02:24 ที่สุดและอาจลามไปถึงกล้ามเนื้อบริเวณ
00:02:24 → 00:02:28 ส่วนล่างของใบหน้าแล้วอะไรคือสาเหตุของ
00:02:28 → 00:02:31 โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก
00:02:31 → 00:02:34 hfs โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก
00:02:34 → 00:02:38 hfs ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดแต่ส่วน
00:02:38 → 00:02:41 ใหญ่เกิดจากหลอดเลือดแดงในสมองบริเวณแถบ
00:02:41 → 00:02:44 ด้านสมองไปพาดผ่านสัมผัสกับเส้นประสาท
00:02:45 → 00:02:48 สมองเส้นคู่ที่ 7 หรือ facial nerve
00:02:48 → 00:02:51 เมื่อหลอดเลือดแดงเต้นตามจังหวะหัวใจหลอด
00:02:51 → 00:02:54 เลือดจะกระแทกเส้นประสาทนี้ทำให้เส้น
00:02:54 → 00:02:57 ประสาททรงกระแสประสาทนอกเหนือจากการสั่ง
00:02:57 → 00:03:01 ของสมองส่งผลให้สสัญญาณประสาทที่มาเลี้ยง
00:03:01 → 00:03:04 กล้ามเนื้อผิดปกติไปเกิดอาการกระตุกของ
00:03:04 → 00:03:07 กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าอย่างต่อเนื่องโดย
00:03:07 → 00:03:11 ที่ไม่สามารถควบคุมได้นอกจากนี้ยังมี
00:03:11 → 00:03:14 ปัจจัยที่กระตุ้นให้มีอาการใบหน้ากระตุก
00:03:14 → 00:03:18 เพิ่มขึ้นเช่นภาวะความเครียดทางจิตใจคิด
00:03:18 → 00:03:23 มากอ่อนเพลียอ่อนล้าอดนอนรวมไปถึงกลุ่ม
00:03:23 → 00:03:26 การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้าเช่นการ
00:03:26 → 00:03:31 พูดการยิ้มการใช้สายตามากเกินไปอาการของ
00:03:31 → 00:03:35 ใบหน้าโรคกระตุกครึ่งซีก hfs มีดังนี้โรค
00:03:35 → 00:03:39 ใบหน้ากระตุกครึ่งซีก hfs มีอาการเด่นๆ
00:03:39 → 00:03:42 คือการกระตุกหรือการหดตัวของกล้ามเนื้อบน
00:03:42 → 00:03:45 ใบหน้าซีกหนึ่งโดยไม่สามารถควบคุมได้มัก
00:03:45 → 00:03:50 เป็นๆหายๆซึ่งอาการจะรุนแรงขึ้นตามการลุก
00:03:50 → 00:03:53 ลามดังนี้การกระตุกส่วนใหญ่จะเริ่มเป็น
00:03:53 → 00:03:57 ที่หนังตามีอาการคล้ายตาเขม็นอาการกระตุก
00:03:57 → 00:04:00 ไม่รุนแรงและความถี่ในการกระตุกนครั้ง
00:04:00 → 00:04:03 เมื่อเป็นมากขึ้นอาการกระตุกจะลามไปยัง
00:04:03 → 00:04:07 แก้มปากและในบางครั้งไปถึงกรามความถี่และ
00:04:07 → 00:04:10 ความรุนแรงเพิ่มขึ้นตามเวลาที่มีอาการ
00:04:10 → 00:04:14 ซึ่งอาการจะทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อมีความ
00:04:14 → 00:04:17 เครียดความเหนื่อยล้าหรือความวิตกกังวล
00:04:17 → 00:04:20 โดยอาการมักไม่ปรากฏขณะนอนหลับการ
00:04:20 → 00:04:24 วินิจฉัยโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก hfs ทำ
00:04:24 → 00:04:26 ได้ดังนี้แพจะซักประวัติเพื่อแยกโรคใบ
00:04:26 → 00:04:29 หน้ากระตุกครึ่งซีกออกจากกลุ่มที่เป็นโรค
00:04:29 → 00:04:31 นอกเหนือจากหล่อนเลือดที่ไปสัมผัสหรือ
00:04:31 → 00:04:34 กระตุ้นเส้นประสาทคู่ที่ 7 โดยเริ่มจาก
00:04:34 → 00:04:37 การให้ยาไปรับประทานถ้ารับประทานยาแล้ว
00:04:37 → 00:04:41 ไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 สัปดาห์แพทย์จะทำ MRI
00:04:41 → 00:04:45 สมองดูรอยโรคที่กั้นสมองเพื่อแยก
00:04:45 → 00:04:49 โรคโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก hfs ไม่ได้ทำ
00:04:49 → 00:04:52 ให้เป็นอัมพาตและอัมพฤกษ์ค่ะรวมทั้งไม่
00:04:52 → 00:04:54 ได้เป็นโรคอันตรายร้ายแรงแต่อย่างใดแต่
00:04:54 → 00:04:57 อาจจะทำให้ผู้ที่เป็นเกิดความรำคาญเสีย
00:04:57 → 00:05:01 บุคลิกและรบกวนการทำงานในชีวิตประจำวัน
00:05:02 → 00:05:05 โอกาสในการรักษาให้หายขาดของผู้ที่เป็น
00:05:05 → 00:05:08 โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก hfs มีความแตก
00:05:08 → 00:05:12 ต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละรายเช่นการฉีดบนั
00:05:12 → 00:05:15 ท็อกซินสามารถหยุดการกระตุกได้ผลดีชั่ว
00:05:15 → 00:05:19 คราวและต้องฉีดซ้ำส่วนการรักษาด้วยการผ่า
00:05:19 → 00:05:22 ตัดก็มีประสิทธิภาพการรักษาให้หายขาดได้
00:05:22 → 00:05:25 เช่นกันแต่ก็ขึ้นอยู่กับภาวะสาเหตุและ
00:05:25 → 00:05:28 ความรุนแรงของโรคและในช่วงนี้นะคะเราจะไป
00:05:28 → 00:05:31 พูดคุยกับอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญใน
00:05:31 → 00:05:34 เรื่องของโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก hfs
00:05:35 → 00:05:38 กันสวัสดีค่ะอาจารย์ขอเริ่มต้นที่คำถาม
00:05:38 → 00:05:38 แรกเลยนะ
00:05:38 → 00:05:45 [เพลง]
00:05:45 → 00:05:50 คะอาจารย์คะโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก hfs
00:05:50 → 00:05:53 คืออะไรคะครับโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกนะ
00:05:53 → 00:05:56 ครับก็เป็นโรคของเส้นประสาทสมองนะครับ
00:05:56 → 00:05:59 ซึ่งก็จะส่งผลกระทบให้มีการกระตุกของตัว
00:05:59 → 00:06:01 ใบหน้าหนนะครับกล้ามเนื้อใบหน้าซึ่งโดย
00:06:01 → 00:06:04 ปกติก็อาจจะเริ่มจากที่ตัวรอบตาก่อนนะ
00:06:04 → 00:06:07 ครับแล้วก็อาจจะมีมาที่รอบปากหรือว่ารอบ
00:06:07 → 00:06:10 แก้มได้ครับแล้วโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก
00:06:10 → 00:06:13 hfs นั้นมีสาเหตุเกิดจากอะไรได้บ้างคะ
00:06:13 → 00:06:16 โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกนี้นะครับสาเหตุ
00:06:16 → 00:06:19 หลักก็จะเป็นจากการกดทับของตัวเส้นประสาท
00:06:19 → 00:06:21 นะครับซึ่งก็จะมักจะเกิดจากตัวปลอดเลือด
00:06:21 → 00:06:24 นะครับในสมองเนี่ยที่จะไปเอ่อสัมผัสแล้ว
00:06:24 → 00:06:27 ก็กดทับตัวเส้นประสาทนะครับแต่ว่าก็ยังมี
00:06:27 → 00:06:29 ผู้ป่วยบางรายที่อาจจะยังไม่ได้ได้พบ
00:06:29 → 00:06:33 สาเหตุที่ชัดเจนครับโดยปกติแล้วเนี่ยตัว
00:06:33 → 00:06:36 หลอดเลือดเองนะครับก็จะอยู่ในเอ่อโพรงของ
00:06:36 → 00:06:38 กระโดกศีรษะอยู่แล้วนะครับแล้วก็ตัวเส้น
00:06:38 → 00:06:40 ประสาทเองก็จะอยู่ที่ตำแหน่งนั้นอยู่แล้ว
00:06:40 → 00:06:43 นะครับก็จะสามารถมีการเคลื่อนที่ไปมาได้
00:06:43 → 00:06:46 นะครับแล้วก็อาจจะทำให้การที่มี
00:06:46 → 00:06:50 เอ่อการสูบฉีดเลือดของตัวหลอดเลือดนะครับ
00:06:50 → 00:06:52 ก็อาจจะทำให้มีการหดและขยายของหลอดเลือด
00:06:52 → 00:06:55 อาจจะทำให้มันไปเอ่อสัมผัสกับตัวเส้น
00:06:55 → 00:06:58 ประสาทแล้วก็เป็นการกดทับเส้นประสาทเกิด
00:06:58 → 00:07:01 ขึ้นได้ครับโรคใบหน้ากระตุกค่ะนอกจาก hfs
00:07:01 → 00:07:04 แล้วยังมีใบหน้ากระตุกจากอะไรได้อีกบ้าง
00:07:04 → 00:07:07 คะอาจารย์ก็อาจจะมีสาเหตุอื่นๆร่วมด้วยก็
00:07:07 → 00:07:09 ได้ครับเช่นเป็นจากการที่มีเนื้องอกใน
00:07:09 → 00:07:12 สมองนะครับซึ่งเนื้องอกในสมองตรงนี้อาจจะ
00:07:12 → 00:07:14 ไปกดทับตัวเส้นประสาทเองก็ได้ครับหรือว่า
00:07:14 → 00:07:18 อีกอีกอันนึงก็จะเป็นเอ่อการที่มีกล้าม
00:07:18 → 00:07:21 เนื้อตานะครับมีการกระตุกอย่างเดียวนะ
00:07:21 → 00:07:24 ครับก็หรือว่าโรคเฟโลสปาสั้นครับอาจารย์
00:07:24 → 00:07:28 ขาแล้วโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก hfs มี
00:07:28 → 00:07:31 ความแตกต่างค่ะจากโรคซ Hun Syndrome
00:07:31 → 00:07:35 หน้าอัมพาตครึ่งซีกอย่างไรบ้างคะก็สำหรับ
00:07:35 → 00:07:36 โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกอนะครับก็จะเป็น
00:07:36 → 00:07:39 เรื่องของการกระตุกของกล้ามเนื้อใบหน้า
00:07:39 → 00:07:40 แต่ว่าถ้าเป็นโรคกลุ่ม ramsey Hun
00:07:40 → 00:07:42 Syndrome ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องของการ
00:07:42 → 00:07:44 อ่อนแรงของตัวกล้ามเนื้อใบหน้านะครับก็
00:07:44 → 00:07:47 คืออาจจะมาด้วยอาการเอ่อปิดตาไม่สนิทนะ
00:07:47 → 00:07:50 ครับแล้วก็โรคแมซ Hun Syndrome เองเนี่ย
00:07:50 → 00:07:53 ก็จะเป็นโรคของการติดเชื้อที่เอ่อมักจะ
00:07:53 → 00:07:55 เป็นการติดเชื้อตัว Herb zoster นะครับ
00:07:55 → 00:07:58 ซึ่งเชื้อตัวนี้เองก็อาจจะทำให้เกิดการมี
00:07:58 → 00:08:02 ตุ่มใสๆขึ้นที่บริเวณของใบหูหรือรูหูได้
00:08:02 → 00:08:05 ครับก็จะแตกต่างกันนะครับก็คือถ้าเกิดว่า
00:08:05 → 00:08:07 ตัวโรคใบหน้ากระตุกเนี่ยก็จะเป็นอาการที่
00:08:07 → 00:08:09 จะมีลักษณะเป็นใบหน้ากล้ามเนื้อใบหน้าที่
00:08:09 → 00:08:11 กระตุกนะครับแต่ว่าถ้าเกิดว่าตัว rams
00:08:11 → 00:08:13 Hun sindrome ก็จะเป็นเ่อกล้ามเนื้อใบ
00:08:13 → 00:08:15 หน้าที่มันอ่อนแรงคือเราไม่สามารถที่จะ
00:08:15 → 00:08:18 เอ่อปิดตาลงได้ไม่สามารถที่จะยกปากขึ้น
00:08:18 → 00:08:20 ได้สำหรับโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกนะครับ
00:08:20 → 00:08:22 hy facial spasum เนี่ยก็อยู่คนละขา
00:08:22 → 00:08:24 กันกับตัว rams Hun Syndrome นะครับ
00:08:24 → 00:08:26 ซึ่ง R Syndrome เองก็จะอยู่ขาเดียวกัน
00:08:26 → 00:08:29 กับตัวเ py ซึ่งก็จะเป็นเอ่อกล้ามเนื้อใบ
00:08:29 → 00:08:31 หน้าอ่อนแรงนะครับซึ่งอันนี้ก็จะเป็นใบ
00:08:31 → 00:08:33 หน้ากระตุกนะครับอันนี้ก็ยังไม่ได้เจอ
00:08:33 → 00:08:35 สาเหตุที่ชัดเจนน่ะนะครับก็ยังเชื่อว่า
00:08:35 → 00:08:38 เอ่ออาจจะเป็นจากความเครียดอะไรงี้ที่
00:08:38 → 00:08:40 เป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดเอ่อเส้น
00:08:40 → 00:08:42 ประสาทเนี่ยมีความผิดปกติไปนะครับแล้วก็
00:08:42 → 00:08:45 อ่อนแรงลงของก้ามเนื้อใบหน้าครับก็เกิด
00:08:45 → 00:08:47 เป็นโรคเบล py ขึ้นมาครับถ้าเป็นใบหน้า
00:08:47 → 00:08:49 กระตุกก็คือจะเป็นการกระตุกการขยับของ
00:08:49 → 00:08:51 กล้ามเนื้อรอบลูกตานะครับก็จะเป็นใน
00:08:51 → 00:08:54 ลักษณะที่มีการพยายามปิดตาปิดตาอยู่
00:08:54 → 00:08:56 เรื่อยๆนะครับแต่ว่าก็จะเป็นที่เราไม่ได้
00:08:56 → 00:08:58 ควบคุมเราไม่ได้สั่งการให้มันทำแต่ว่า
00:08:58 → 00:08:59 ร่างกายเรา
00:09:00 → 00:09:02 ไปทำของมันเองอนะครับแล้วก็มันจะเป็นอะไร
00:09:02 → 00:09:04 ที่เราจะควบคุมมันไม่ได้อันนี้จะเป็น
00:09:04 → 00:09:06 เรื่องของลักษณะของการกระตุกนะครับแต่ถ้า
00:09:06 → 00:09:07 เกิดว่าเป็นการอ่อนแรงหมายถึงว่าเรา
00:09:08 → 00:09:10 ต้องการที่จะสั่งให้เอ่อกล้ามเนื้อรอบลูก
00:09:10 → 00:09:13 ตาเนี่ยมันปิดลูกตาปิดหลับตาลงนะครับแต่
00:09:13 → 00:09:16 ว่าเราไม่สามารถที่จะหลับตาลงได้ครับก็จะ
00:09:16 → 00:09:19 เป็นความผิดปกติคนละแบบกันครับแล้วใครคือ
00:09:19 → 00:09:23 กลุ่มเสี่ยงโรคใบหน้ากระตุกครื่องซีก hfs
00:09:23 → 00:09:25 คะปัจจุบันนี้นะครับเราก็เชื่อว่าเอ่อ
00:09:25 → 00:09:27 เรื่องของความเครียดความวิตกกังวลนะครับ
00:09:27 → 00:09:30 หรือว่าเอ่อบุคคลที่ทำงานมาหนักๆนะครับมี
00:09:30 → 00:09:32 ความเหนื่อยล้าเยอะก็อาจจะเป็นตัวกระตุ้น
00:09:32 → 00:09:35 ที่ทำให้เกิดการเอ่อมีโรคใบหน้ากระตุก
00:09:35 → 00:09:37 ครึ่งซีกได้ครับแล้วก็เอ่อนอกจากนี้ยังมี
00:09:38 → 00:09:40 กลุ่มคนพวกที่อาจจะมีการขยับใบหน้าเยอะนะ
00:09:40 → 00:09:43 ครับที่ใช้กล้ามเนื้อตากล้ามเนื้อปากบ่อย
00:09:43 → 00:09:44 ๆก็อาจจะเป็นความเสี่ยงหนึงที่ทำให้เกิด
00:09:44 → 00:09:47 เอ่อโรคนี้ได้ครับโรคใบหน้ากระตุกครึ่ง
00:09:47 → 00:09:50 ซีก hfs จะมีอาการอย่างไรคะสำหรับอาการ
00:09:51 → 00:09:53 ของโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกนี้นะครับหรือ
00:09:53 → 00:09:55 hy facial spasum ก็จะเป็นการเริ่ม
00:09:55 → 00:09:58 อาการเริ่มต้นก็จะเริ่มจากการที่มีกระตุก
00:09:58 → 00:10:00 นะครับของกล้ามเนื้อรอบลูกตานะครับก็จะมี
00:10:00 → 00:10:03 การพยายามกระตุกเพื่อหลับตานะครับซึ่งใน
00:10:03 → 00:10:05 ระยะเริ่มต้นก็จะเป็นที่กล้ามเนื้อลูกตา
00:10:05 → 00:10:08 อย่างเดียวนะครับในระยะที่หลังๆต่อมา
00:10:08 → 00:10:11 เนี่ยอาจจะมีกล้ามเนื้อปากกล้ามเนื้อแก้ม
00:10:11 → 00:10:13 นะครับหรือว่ากล้ามเนื้อตรงกามเนี่ยขยับ
00:10:13 → 00:10:17 ด้วยนะครับโดยลักษณะสำคัญของตัวโรคนี้ก็
00:10:17 → 00:10:20 คือจะเป็นเอ่อการขยับการกระตุกที่เราควบ
00:10:20 → 00:10:23 คุมมันไม่ได้นะครับแล้วก็โดยปกติจะไม่ทำ
00:10:23 → 00:10:27 ให้เกิดการเจ็บปวดอะไรนะครับแต่ในในเอ่อ
00:10:27 → 00:10:30 เวลาที่เป็นมากขึ้นนะครับในระยะเวลาที่
00:10:30 → 00:10:32 เป็นมากขึ้นเนี่ยในในในระยะเวลาที่ผ่านไป
00:10:32 → 00:10:35 นะครับก็จะทำให้อาจจะมีการหดเกร็งที่เยอะ
00:10:35 → 00:10:38 ขึ้นการกระตุกที่มากขึ้นจนรบกวนชีวิต
00:10:38 → 00:10:39 ประจำวันได้สำหรับโรคกลุ่มนี้เองก็จะไม่
00:10:40 → 00:10:42 ทำให้เกิดเรื่องของอัมพฤกษ์อัมพาสนะครับ
00:10:42 → 00:10:43 เพราะว่าโรคกลุ่มนี้เป็นโรคของตัวเส้น
00:10:43 → 00:10:46 ประสาทโดยที่ที่เกิดขึ้นที่เส้นประสาทนะ
00:10:46 → 00:10:48 ครับส่วนตัวโรคอัมพฤกอัมพาสเองก็จะเกิด
00:10:48 → 00:10:50 เอ่อจากโรคหล่อเลือดสมองนะครับซึ่งก็อาจ
00:10:50 → 00:10:53 จะส่งผลในบริเวณที่กว้างกว่าของสมองนะ
00:10:53 → 00:10:56 ครับในขณะที่ตัวเส้นประสาทนี้ก็จะออกเอ่อ
00:10:56 → 00:10:58 ส่งผลที่ตัวเส้นประสาทอย่างเดียวนะครับก็
00:10:58 → 00:11:01 จะจะทำให้เกิดอาการกระตุกของกล้ามเนื้อ
00:11:01 → 00:11:03 ที่ใบหน้านี้อย่างเดียวครับแล้วก็จะเป็น
00:11:03 → 00:11:06 ครึ่งซี่ครับอันนี้ไม่ได้เป็นการเพิ่ม
00:11:06 → 00:11:08 ความเสี่ยงในการเกิดโรคอื่นอะไรใดๆครับก็
00:11:08 → 00:11:11 ยังไม่น่าต้องกังวลเพิ่มเติมอาจารย์คะ
00:11:11 → 00:11:14 แล้วการวินิจฉัยโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก
00:11:14 → 00:11:18 hfs ทำได้อย่างไรบ้างคะโดยปกติการ
00:11:18 → 00:11:19 วินิจฉัยโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกนะครับ
00:11:20 → 00:11:22 เราก็จะวินิจฉัยด้วยการเ่อซักประวัติแล้ว
00:11:22 → 00:11:24 ก็ตรวจร่างกายซึ่งก็จะสังเกตลักษณะสำคัญ
00:11:24 → 00:11:26 นะครับของการกระตุกของกล้ามเนื้อรอบรอบ
00:11:26 → 00:11:29 ดวงตานะครับแล้วก็อันนี้ก็จะเป็นการ
00:11:29 → 00:11:31 วินิจฉัยหลักนะครับอื่นๆก็คือเราอาจจะหา
00:11:32 → 00:11:35 สาเหตุของการเกิดการกล้ามเนื้อกระตุกใบ
00:11:35 → 00:11:37 หน้านะครับซึ่งเราก็จะทำโดยการสแกนสมอง
00:11:37 → 00:11:41 ด้วยการทำ MRI นะครับหรือว่าการทำ mra
00:11:41 → 00:11:43 เพื่อเป็นการตรวจหลอดเลือดนะครับว่าเอ๊ะ
00:11:43 → 00:11:46 หลอดเลือดตรงนี้เนี่ยมีเป็นการกดทับตัว
00:11:46 → 00:11:48 เส้นประสาทหรือไม่นะครับเพื่อจะใช้ในการ
00:11:48 → 00:11:51 หาสาเหตุโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก hfs
00:11:51 → 00:11:54 รักษาได้อย่างไรคะสำหรับเรื่องของการ
00:11:54 → 00:11:56 รักษาโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกอนะครับก็จะ
00:11:56 → 00:11:59 มีด้วยกันหลากๆายวิธีนะครับวิธีแรกที่ที่
00:11:59 → 00:12:03 จะปลอดภัยที่สุดก็คือการให้เอ่อยารับ
00:12:03 → 00:12:05 ประทานนะครับซึ่งโดยยารับประทานนี้ก็จะ
00:12:05 → 00:12:08 ช่วยลดการกระตุกได้นะครับแต่ว่าก็ไม่
00:12:08 → 00:12:11 สามารถที่จะทำให้หายขาดได้นะครับแต่ว่ายา
00:12:11 → 00:12:13 เองก็อาจจะมีผลข้างเคียงได้เหมือนกันนะ
00:12:13 → 00:12:15 ครับแล้วก็ข้อเสียคืออาจจะต้องระมัดระวัง
00:12:15 → 00:12:17 เรื่องของการลืมกินหรือเปล่านะครับกับอัน
00:12:18 → 00:12:21 ที่ 2 ก็คือจะเป็นเอ่อการฉีดิัท็อกซินนะ
00:12:21 → 00:12:24 ครับซึ่งอันนี้ก็จะออกฤทธิ์ที่ตัวกล้าม
00:12:24 → 00:12:27 เนื้อนะครับเพื่อทำให้ลดของการลดการ
00:12:27 → 00:12:29 กระตุกของกล้ามเนื้อลงได้นะครับก็จะได้ใน
00:12:29 → 00:12:31 ระยะยาวหลัก 3 เดือนถึง 6 เดือนเราค่อยมา
00:12:31 → 00:12:35 ฉีดซ้ำได้กับวิธีที่ 3 ก็คือการผ่าตัดนะ
00:12:35 → 00:12:39 ครับเพื่อแยกเอ่อตัวเส้นประสาทกับหลอด
00:12:39 → 00:12:41 เลือดนะครับไม่ให้มันกดทับไม่ให้มันระคาย
00:12:41 → 00:12:43 เคืองกันครับในปัจจุบันนี้นะครับก็ใน
00:12:43 → 00:12:47 เรื่องของการผัดตัดตัวเพื่อแยกหลอดเลือด
00:12:47 → 00:12:49 กับตัวเส้นประสาทนะครับก็เริ่มมีพัฒนาการ
00:12:49 → 00:12:52 ที่มากขึ้นนะครับแล้วก็มีการทำที่บ่อย
00:12:52 → 00:12:54 ขึ้นนะครับก็เริ่มมีการประสบความสำเร็จ
00:12:54 → 00:12:56 ได้มากขึ้นแล้วก็มีโอกาสที่จะทำให้ผู้
00:12:56 → 00:12:58 ป่วยโรคนี้เองเนี่ยมีสิทธิ์ที่จะหายขาด
00:12:58 → 00:13:01 ได้นะครับซึ่งก็เป็นข้อดีที่เหนือกว่าตัว
00:13:01 → 00:13:04 การฉีดโบนัมท็อกซินหรือว่าการทานยานะครับ
00:13:04 → 00:13:06 ซึ่งการฉีดโบนัมท็อกซินหรือการทานยาเนี่ย
00:13:06 → 00:13:10 ก็จะเป็นการเอ่อรักษาที่ทำให้อาการดีขึ้น
00:13:10 → 00:13:11 แต่ว่าเมื่อไหรก็ตามที่เราหยุดการรักษา
00:13:11 → 00:13:14 เนี่ยอาการก็จะกลับมาเป็นซ้ำได้ครับ
00:13:14 → 00:13:17 อาจารย์ขาแล้วการฉีดโบทูลินัมท็อกซินมีผล
00:13:17 → 00:13:20 ข้างเคียงหรือเปล่าคะอยากให้อาจารย์เล่า
00:13:20 → 00:13:23 ว่าโบทูลินัมท็อกซินที่ใช้ในการรักษา
00:13:23 → 00:13:26 สามารถรักษาโรคอะไรได้บ้างคะสำหรับการฉีด
00:13:26 → 00:13:29 โทมท็อกซินนะครับผลข้างเคียงที่อาจจะจะ
00:13:29 → 00:13:31 เกิดขึ้นได้ก็คืออาจจะทำให้มีการระคาย
00:13:31 → 00:13:33 เคืองตาหลังจากจะฉีดได้นะครับหรือว่าเ่อ
00:13:33 → 00:13:36 บางรายอาจจะมีภาวะแทรกซ้อนอาจจะมีหนังตา
00:13:36 → 00:13:38 ตกได้หรือว่าอาจจะมีกล้ามเนื้อใบหน้าอ่อน
00:13:38 → 00:13:41 แรงได้นะครับแต่ว่าอย่างไรก็ตามก็จะมักจะ
00:13:41 → 00:13:43 เป็นแบบชั่วคราวนะครับก็คือหลังจากครบ
00:13:43 → 00:13:46 ฤทธิ์ของโบซัมท็อกซิน 3 เดือนเนี่ยเอ่อ
00:13:46 → 00:13:49 กล้ามเนื้อก็จะกลับมาทำงานได้ตามปกติครับ
00:13:49 → 00:13:52 กับเรื่องของเอ่อโรคอื่นๆนะครับที่ตัวโบม
00:13:52 → 00:13:55 ท็อกซินใช้ในการรักษาได้นะครับก็หลักๆก็
00:13:55 → 00:13:57 จะเป็นใช้ในการลดการบิดเกร็งของกล้าม
00:13:57 → 00:13:59 เนื้อนะครับโรคอื่นๆที่จะพบได้ก็เป็นโรค
00:13:59 → 00:14:01 ที่กล้ามเนื้อบิดเกร็งนะครับหรือ
00:14:01 → 00:14:04 ดิสโทเนียที่อาจจะเป็นที่ต้นคอนะครับที่
00:14:04 → 00:14:07 อาจจะพบได้บ่อยนะครับก็จะช่วยใช้ในการ
00:14:07 → 00:14:09 รักษาได้อันนี้มันก็จะไปออกฤทธิ์ที่ตัวใน
00:14:09 → 00:14:12 รตอของตัวกล้ามเนื้อเลยนะครับซึ่งก็การ
00:14:12 → 00:14:14 ฉีดเนี่ยไม่ได้ออกฤทธิ์ทันทีนะครับก็จะ
00:14:14 → 00:14:17 ต้องทิ้งระยะเวลาไว้แต่ว่าจะเห็นว่าการ
00:14:17 → 00:14:19 กระตุกของกล้ามเนื้อใบหน้าเนี่ยลดลงได้
00:14:19 → 00:14:22 อย่างรวดเร็วนะครับแล้วก็โดยทั่วไปก็จะ
00:14:22 → 00:14:26 หายสนิทเลยก็อาจจะต้องใช้เวลาสัก 1-2 วัน
00:14:26 → 00:14:28 นะครับแต่ว่าก็คงขึ้นอยู่กับตอนแรกด้วย
00:14:28 → 00:14:31 ว่ากระตุกเยอะน้อยแค่ไหนแล้วโรคใบหน้า
00:14:31 → 00:14:34 กระตุกครึ่งซีก hfs ค่ะอาจารย์รักษาหาย
00:14:34 → 00:14:37 ได้หรือไม่คะสำหรับโรคใบหน้ากระตุกครึ่ง
00:14:37 → 00:14:40 ซีกนะครับก็ถ้าเกิดว่ารักษาด้วยการทานยา
00:14:40 → 00:14:42 หรือว่ารักษาด้วยการฉีดโทมท็อกซินเนี่ยก็
00:14:42 → 00:14:44 จะสามารถทำให้อาการดีขึ้นได้นะครับแต่ว่า
00:14:44 → 00:14:46 เมื่อไรก็ตามที่เราหยุดการรักษาเนี่ยก็
00:14:46 → 00:14:49 อาจจะกลับมาเป็นซ้ำได้นะครับซึ่งณ
00:14:49 → 00:14:51 ปัจจุบันนี้เราก็เลยมีวิธีใหม่ที่อาจจะทำ
00:14:51 → 00:14:55 ให้เอ่อหขาดได้นะครับคือการผัดตัดนะครับ
00:14:55 → 00:14:57 ซึ่งเป็นการแยกระหว่างหลอดเลือดกับเส้น
00:14:57 → 00:15:00 ประสาทไม่ให้มันกดทับกันมันจะหายถาวรครับ
00:15:00 → 00:15:03 แต่ว่าต้องเรียนแจ้งว่าเอ่อเป็นบางคนที่
00:15:03 → 00:15:06 ได้รับการผ่าตัดนะครับยังไม่ได้มีข้อมูล
00:15:06 → 00:15:08 ที่จะบอกว่าคนส่วนใหญ่ที่ับการผัดตัดจะ
00:15:08 → 00:15:11 หายขาดได้สนิทอยากจะให้อาจารย์ฝากให้คุณ
00:15:11 → 00:15:15 ผู้ชมฟังค่ะว่าทำอย่างไรให้ห่างไกลจากโรค
00:15:15 → 00:15:18 ใบหน้ากระตุกครึ่งซีก hfs ค่ะการห่างไกล
00:15:18 → 00:15:20 โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกนะครับก็แนะนำว่า
00:15:20 → 00:15:23 ให้พักผ่อนให้เพียงพอนะครับแล้วก็พยายาม
00:15:23 → 00:15:26 หลีกเลี่ยงการเอ่อความกังวลความเครียด
00:15:26 → 00:15:29 ต่างๆนะครับก็เลิกงานแล้วก็ไปออกกำลังกาย
00:15:29 → 00:15:32 พักผ่อนบ้างครับขอบพระคุณอาจารย์นะคะที่
00:15:32 → 00:15:35 มาให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องของโรคใบ
00:15:35 → 00:15:38 หน้ากระตุก hfs ค่ะและในช่วงนี้นะคะคุณ
00:15:38 → 00:15:41 ผู้ชมเราจะมารู้กันว่าจะสวยอย่างไรให้
00:15:41 → 00:15:45 ปลอดภัยด้วยโบัท็อกซินก่อนอื่นเรามารู้
00:15:45 → 00:15:49 กันก่อนว่า ulum ทอกซินคืออะไร ulum
00:15:49 → 00:15:53 ท็อกซินหรือที่หลายคนรู้จักคุ้นเคยและ
00:15:53 → 00:15:56 เรียกกันว่าโบท็อกซ์ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว
00:15:56 → 00:16:00 เป็นชื่อทางการค้านั้นโบนัมท็อกซินเป็น
00:16:00 → 00:16:04 สารชีวภาพชนิดหนึ่งค่ะซึ่งบนัท็อกซินจริง
00:16:04 → 00:16:08 ๆมีด้วยกันถึง 7 ชนิดแต่ชนิดที่นำมาใช้ใน
00:16:09 → 00:16:14 การเสริมความงามคือิัท็อกซินชนิด a ใน
00:16:14 → 00:16:17 ระยะแรกจุดประสงค์หลักของการนำโบนัม
00:16:18 → 00:16:21 ท็อกซินมาใช้เพื่อการรักษาอาการกระตุกของ
00:16:21 → 00:16:25 กล้ามเนื้อตาอาการตาเลตาเขอาการปวดตึงของ
00:16:25 → 00:16:29 กล้ามเนื้อคอโดยมีการอนุญาตให้ใช้ใน
00:16:29 → 00:16:33 ประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่พุธศักราช
00:16:33 → 00:16:38 2532 ปัจจุบันบนัทอกซินได้ใช้เพื่อ
00:16:38 → 00:16:40 ประโยชน์ทางด้านการเสริมความงามเพราะพบ
00:16:40 → 00:16:45 ว่าทำให้นิ้วรอยบริเวณที่ต้องการลดลงแล้ว
00:16:45 → 00:16:49 การฉีดบนัท็อกซินเพื่อเสริมความงามช่วย
00:16:49 → 00:16:53 อะไรได้บ้างบนัท็อกซินมักจะใช้เพื่อฉีดรส
00:16:53 → 00:16:57 ริ้วรอยเช่นบริเวณระหว่างคิ้วหน้าผากหาง
00:16:57 → 00:17:02 ตานอกจากนี้ยังใช้ฉีดเพื่อลดขนาดของกราม
00:17:02 → 00:17:06 ทำให้ใบหน้าดูเร็วขึ้นลดปีกจมูกและฉีด
00:17:06 → 00:17:09 เพื่อลดขนาดของกล้ามเนื้อน่องทำให้น่อง
00:17:09 → 00:17:13 เรียวและยังมีอื่นๆอีกมากมายนอกจากิั
00:17:13 → 00:17:16 ท็อกซินจะถูกนำมาใช้ในการรักษาริ้วรอยที่
00:17:16 → 00:17:19 เกิดจากการขยับของกล้ามเนื้อที่บริเวณใบ
00:17:19 → 00:17:23 หน้าและลำคอแล้วยังใช้ในการรักษาภาวะความ
00:17:23 → 00:17:26 ผิดปกติที่เกิดจากการทำงานมากเกินไปของ
00:17:26 → 00:17:30 กล้ามเนื้อเช่นตาเขหนังตากระตุกกล้าม
00:17:30 → 00:17:34 เนื้อคอเกรงตัวการปวดศีรษะชนิดไมเกรนหรือ
00:17:34 → 00:17:37 การปวดศีรษะจากความเครียดภาวะกล้ามเนื้อ
00:17:37 → 00:17:41 หลังอักเสบเรื้อรังภาวะเหงื่อที่ออกมาก
00:17:41 → 00:17:45 ผิดปกติเช่นตามรักแร้เป็นต้นก่อนที่จะ
00:17:45 → 00:17:48 เตรียมฉีดโบมท็อกซินนั้นอยากให้คุณผู้ชม
00:17:48 → 00:17:50 นะคะเตรียมตัวให้ดีค่ะไม่ว่าจะเป็นเรื่อง
00:17:50 → 00:17:53 ของการนอนนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอนอกจาก
00:17:53 → 00:17:56 นี้ท่านใดที่รับประทานอาหารเสริมวิตามิน
00:17:56 → 00:17:59 ในกลุ่มที่ทำให้เลือดหยุดไหลยากไม่ว่าจะ
00:17:59 → 00:18:02 เป็นวิตามินอีวิตามินซีฟิช Oil น้ำมันปลา
00:18:02 → 00:18:05 โสมต่างๆนะคะควรงดหยุดไปก่อนอย่างน้อย 2
00:18:05 → 00:18:09 สัปดาห์ค่ะงดใช้ยาแก้ปวดยา
00:18:09 → 00:18:13 แสียากลุ่มต้านการอักเสบเป็นเวลาอย่าง
00:18:13 → 00:18:18 น้อย 1-2 สัปดาห์งดการดื่มแอลกอฮอล์ 48
00:18:18 → 00:18:21 ชมหรือ 2 วันก่อนที่จะฉีดสำหรับหลังการ
00:18:21 → 00:18:25 ฉีดโบมท็อกซินนะคะคุณผู้ชมไม่กวรนอนราบ 4
00:18:25 → 00:18:29 ชมงค่ะเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้บทม
00:18:29 → 00:18:31 ที่ฉีดอยู่ในกล้ามเนื้อมัดที่เราอยากจะ
00:18:31 → 00:18:34 ได้นั้นไหลไปยังกล้ามเนื้อมัดอื่นค่ะห้าม
00:18:34 → 00:18:39 นวดกดถูแรงๆบริเวณที่ฉีดเพราะจะทำให้ยา
00:18:39 → 00:18:42 กระจายตัวไปที่กล้ามเนื้ออื่นๆอันไม่พึง
00:18:42 → 00:18:45 ประสงค์ได้ขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดทุก
00:18:45 → 00:18:49 ๆ 15 นาทีในชั่วโมงแรกหลังฉีดเพื่อให้ยา
00:18:49 → 00:18:53 ฉีดออกฤทธิ์ดีขึ้นหากมีรอยช้ำหลังฉีดควร
00:18:53 → 00:18:57 เป็นการประคบเย็นห้ามนวดหรือนำน้ำอุ่นมา
00:18:57 → 00:19:03 ประคบเด็ดค่ะและงดรับประทานยาจำพวกแพน
00:19:03 → 00:19:07 วิตามินอีสมุนไพรร้อน 2-3 วันเพื่อลดรอย
00:19:07 → 00:19:11 ช้ำหลังฉีดงดการดื่มแอลกอฮอลในช่วง 2
00:19:11 → 00:19:14 สัปดาห์แรกหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดเช่น
00:19:14 → 00:19:19 ไอร้อนหรือการปรุงอาหารหน้าเตาร้อนสีม
00:19:19 → 00:19:24 ซาวน่าการตักแดดการออกกำลังกายที่หนัก
00:19:24 → 00:19:29 เกินควรหลายคนอาจจะสงสัยนะคะว่าโบมซินที่
00:19:29 → 00:19:32 ฉีดกันนั้นอันตรายหรือไม่จากสถิติของ
00:19:32 → 00:19:35 สหรัฐอเมริกาที่รวบรวมผู้ป่วยที่ได้รับ
00:19:35 → 00:19:38 การฉีดโบัท็อกซินจำนวนมากพบว่าไม่มี
00:19:38 → 00:19:41 อันตรายถึงชีวิตเมื่อใช้โดยผู้เชี่ยวชาญ
00:19:41 → 00:19:44 และใช้ฉีดเพื่อเสริมความงามสำหรับคนไทย
00:19:44 → 00:19:48 ค่ะโดยทั่วไปโบททอกซินยี่ห้อที่ผ่านสำนัก
00:19:48 → 00:19:53 งานคณะกรรมการอาหารและยาหรืออยของไทยแล้ว
00:19:53 → 00:19:57 สามารถรับการฉีดได้อย่างปลอดภัยค่ะผลข้าม
00:19:57 → 00:20:00 เคียงอันเกิดจากการฉีดโบมท็อกซินมีอะไร
00:20:00 → 00:20:03 บ้างสำหรับผลข้างเคียงนะคะก็เกิดขึ้นได้
00:20:03 → 00:20:06 ตั้งแต่การจรดเข็มลงไปทำให้เกิดอาการช้ำ
00:20:06 → 00:20:09 บวมแดงเกิดขึ้นได้ค่ะรู้สึกว่าไม่สามารถ
00:20:09 → 00:20:13 บังคับกล้ามเนื้อบนใบหน้าได้หน้าแข็งตึง
00:20:13 → 00:20:16 มุมปากเบี้ยวยิ้มไม่สุดสาเหตุเกิดจาก
00:20:16 → 00:20:19 ปริมาณที่ฉีดเข้าไปไม่เหมาะสมรวมถึง
00:20:19 → 00:20:22 ตำแหน่งที่ฉีดอาจมีการฉีดคลาดเคลื่อนได้
00:20:22 → 00:20:26 ตาตกจะพบได้ในการฉีดระหว่างคิ้วซึ่งเป็น
00:20:26 → 00:20:29 ตำแหน่งที่ใกล้เปลือกตาด้านบนทำให้กล้าม
00:20:29 → 00:20:32 เนื้อบริเวณหนังตาบนอ่อนแรงและตกลงมาได้
00:20:32 → 00:20:35 ทั้งนี้เกิดจากการฉีดที่ไม่ถูกวิธีและใช้
00:20:35 → 00:20:38 ปริมาณยาที่มากเกินควรรวมถึงอาจจะมีการ
00:20:39 → 00:20:42 ใช้เทคนิคที่ไม่ปลอดภัยภาวะติดเชื้อ
00:20:42 → 00:20:45 สามารถเกิดขึ้นได้จากการทำหัตถการที่ไม่
00:20:45 → 00:20:49 เหมาะสมไม่สะอาดไม่ได้มาตรฐานรวมไปถึงคน
00:20:49 → 00:20:51 ที่ฉีดอาจจะไม่ใช่แพทย์เพราะว่าถ้าเป็น
00:20:51 → 00:20:55 แพทย์จะทราบดีว่าการฉีดให้ปลอดภัยนั้น
00:20:55 → 00:20:57 สำคัญอันดับต้นๆเลยก็คือต้องไม่ให้เกิด
00:20:57 → 00:21:00 การติดเชื้อใครบ้างที่ห้ามฉีดโบทูลินัม
00:21:00 → 00:21:04 ท็อกซินกลุ่มแรกคือผู้ที่มีความผิดปกติ
00:21:04 → 00:21:08 ของทางกล้ามเนื้อระบบประสาทเช่นเป็นโรค My
00:21:08 → 00:21:11 Asia gravis หรือโรค amyotrophic
00:21:11 → 00:21:14 lateral sclerosis als เพราะอาจมี
00:21:14 → 00:21:18 อาการแย่ลงได้ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์และ
00:21:18 → 00:21:21 อยู่ในระหว่างให้นมบุตถึงแม้จะไม่เคยมี
00:21:21 → 00:21:24 รายงานถึงอันตรายที่เกิดขึ้นกับคนกลุ่ม
00:21:24 → 00:21:27 นี้อย่างไรก็ตามการฉีดในคนกลุ่มนี้อาจจะ
00:21:27 → 00:21:31 สร้างความไม่สบายใจให้กับผู้รับการฉีดดัง
00:21:31 → 00:21:34 นั้นแพทย์จะแนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงการฉีด
00:21:34 → 00:21:37 ไปก่อนและรอให้การตั้งครรภ์รวมถึงการให้
00:21:37 → 00:21:40 นมบุตเสร็จสิ้นแล้วจึงเข้ารับการฉีดได้
00:21:40 → 00:21:43 เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับสาระสุขภาพดีๆที่
00:21:43 → 00:21:47 t&n นำมาฝากคุณผู้ชมกันในวันนี้หวังเป็น
00:21:47 → 00:21:49 อย่างยิ่งว่าคุณผู้ชมจะสามารถนำสาระ
00:21:49 → 00:21:52 สุขภาพดีๆที่ได้ไปดูแลตัวเองและครอบครัว
00:21:52 → 00:21:55 ให้ห่างไกลจากโรคร้ายปลอดภัยแข็งแรงกัน
00:21:55 → 00:21:59 ค่ะและขอบคุณคุณผู้ชมนะคะที่ติดตามรับชม
00:21:59 → 00:22:01 รายการ TNN Health มาโดยตลอดทั้งรายการ
00:22:01 → 00:22:04 คุณผู้ชมสามารถติดตามรับชมรายการ TNN
00:22:04 → 00:22:07 Health ได้เป็นประจำนะคะทุกวันเสารค่ะ
00:22:07 → 00:22:13 เวลาดี 15 น- 15:30 นที่นี่ TNN ช่อง 16
00:22:13 → 00:22:16 และต้องไม่ลืมนะคะติดตามรายการ TNN
00:22:16 → 00:22:18 Health ทุกช่องทางโซเชียล Network ต่างๆ
00:22:18 → 00:22:21 ไม่ว่าจะเป็น tiktok Facebook Instagram
00:22:21 → 00:22:23 LINE official เพื่อที่จะเข้าถึงทุก
00:22:23 → 00:22:26 สาระสุขภาพเสริมภูมิคุ้มกันรู้ทันโรคไป
00:22:26 → 00:22:29 ด้วยกันและสำหรับวันนี้นะคะหมอดาวและทีม
00:22:29 → 00:22:32 งาน TNN He ต้องขอตัวลาคุณผู้ชมไปก่อน
00:22:32 → 00:22:46 สำหรับวันนี้สวัสดีค่ะ
00:22:46 → 00:22:58 [เพลง]
00:22:58 → 00:23:01 เ