00:00:04 → 00:00:06 สวัสดีครับผมนายแพทย์นชารินพิภพทัศนีเป็น
00:00:06 → 00:00:08 จิตแพทย์จากโรงพยาบาลBangคอก Mental
00:00:08 → 00:00:11 Health Club คิดว่าหลายคนเนี่ยน่าจะเคย
00:00:11 → 00:00:13 ได้ยินคำว่า Love Bombing กันมาบ้างไม่
00:00:13 → 00:00:15 มากก็น้อยยิ่งในช่วงเนี้ยเป็นคำที่เหมือน
00:00:15 → 00:00:17 กับฮิตขึ้นฮิตขึ้นทุกวันนะครับเพราะ
00:00:17 → 00:00:20 ฉะนั้นวันเนี้มาดูกันดีกว่าว่าคำเนี้ยมี
00:00:20 → 00:00:21 ที่มาที่ไปยังไงแล้วมันเป็นยังไงกันแน่
00:00:22 → 00:00:23 ครับ
00:00:23 → 00:00:25 อยากจะทราบว่า Love Bombing จริงๆแล้ว
00:00:25 → 00:00:27 คืออะไรคะ
00:00:27 → 00:00:30 คำว่า Love Bombing เนี่ยจากจากตัวคำ
00:00:30 → 00:00:32 ศัพท์เองเนี่ยก็ประกอบด้วย 2 คำถูกมั้ย
00:00:32 → 00:00:35 ครับคือคำว่าเหอความรักกับคำว่าบอมบิ้งก็
00:00:35 → 00:00:38 คือระเบิดนะถ้านึกถึงคน 2 คนเนี่ยก็คือมี
00:00:38 → 00:00:41 ฝ่ายนึงซึ่งปาระเบิดให้นะแต่เป็นระเบิด
00:00:41 → 00:00:44 เป็นระเบิดสีชมพูระเบิดรูปหัวใจทำให้อีก
00:00:44 → 00:00:47 ฝ่ายหนึ่งเนี่ยพอได้รับมาตอนแรกก็รู้สึก
00:00:47 → 00:00:50 ว่าเอ้ยมันดีมันสวยงามมันน่ารักแต่ผ่านไป
00:00:50 → 00:00:52 สักพักด้วยความที่มันเป็นระเบิดเนี่ยมัน
00:00:52 → 00:00:54 ก็อาจจะระเบิดขึ้นมาได้นะครับเพราะฉะนั้น
00:00:55 → 00:00:57 จริงๆแล้วเนี่ยมันก็คือลักษณะของการที่มี
00:00:57 → 00:01:00 ฝ่ายนึงในความสัมพันธ์ที่เหมือนกับพยายาม
00:01:00 → 00:01:04 ทุ่มเทความรักดูใส่ใจดูให้ความสำคัญมากจน
00:01:04 → 00:01:08 ผิดปกติปลาของพวกเนี้ยใส่อีกฝ่ายนึงตลอด
00:01:08 → 00:01:11 นะครับทำให้อีกฝ่ายนึงเนี่ยรู้สึกว่าตัว
00:01:11 → 00:01:16 เองคล้ายๆกับชอบเค้าผูกพันกับเขาจนโงหัว
00:01:16 → 00:01:19 ไม่ขึ้นจนไม่สามารถดึงตัวเองออกมาจากความ
00:01:19 → 00:01:22 สัมพันธ์นั้นได้นะพอเกิดแบบนี้ปุ๊บเนี่ย
00:01:22 → 00:01:25 ฝ่ายที่เป็นคนปาระเบิดให้ก็จะเริ่มเข้ามา
00:01:25 → 00:01:28 ควบคุมทำให้อีกฝ่ายเนี่ยสูญเสียความเป็น
00:01:28 → 00:01:31 ตัวเองไปนะครับนี่คือลักษณะของความระเบิด
00:01:31 → 00:01:34 ของมันนี่คือสาเหตุที่ว่าทำไมถึงตั้งชื่อ
00:01:34 → 00:01:36 ว่าเป็น bombing เพราะว่าด้วยเหตุนี้นี่
00:01:36 → 00:01:37 เองครับ
00:01:37 → 00:01:40 Love bombing กับอาการคลั่งรักเนี่ยมี
00:01:40 → 00:01:43 ความเหมือนหรือว่าแตกต่างกันยังไงคะ
00:01:43 → 00:01:46 ถ้าบอกว่าใครคนใดคนหนึ่งข้างรักเนี่ยก็
00:01:46 → 00:01:50 คือเป็นการบ่งบอกถึงฝ่ายซึ่งอ่ารู้สึกว่า
00:01:50 → 00:01:53 ผูกพันกับเขามากฝ่ายซึ่งไม่รู้สึกว่าไม่
00:01:53 → 00:01:57 สามารถตัดขาดจากเค้ามากนะครับซึ่งถามว่า
00:01:57 → 00:02:00 มันจำเป็นมว่าต้องเป็น Love Bombing ไม่
00:02:00 → 00:02:03 จำเป็นนะครับการอาการข้างรักเนี่ยอาจจะ
00:02:03 → 00:02:05 เกิดจากการ Love Bombing ก็ได้หรืออาจจะ
00:02:05 → 00:02:08 เกิดจากการที่รู้สึกผูกพันกับเขาตามปกติ
00:02:08 → 00:02:11 ก็ได้ไม่ได้แปลว่าการข้างรักจะเป็นสเป็น
00:02:11 → 00:02:15 เป็นสัญญาณของ Love Bombing เสมอไปการ
00:02:15 → 00:02:18 Love Bombing เนี่ยก็คือพูดถึงการกระทำ
00:02:18 → 00:02:21 ของฝ่ายที่เป็นผู้กระทำอืซึ่งการ Love
00:02:21 → 00:02:23 Bombing เนี่ยอาจจะทำให้อีกฝ่ายซึ่งเป็น
00:02:23 → 00:02:25 ฝ่ายถูกกระทำเนี่ยเกิดอาการที่บอกว่าเป็น
00:02:25 → 00:02:28 ข้างรักข้างรักขึ้นมาได้นะครับทำให้อีก
00:02:28 → 00:02:31 ฝ่ายรู้สึกว่าขาดเค้าไม่ได้โงหัวไม่ขึ้น
00:02:31 → 00:02:38 ผูกพันกันมากจนมันเกินขอบเขตไปอืนะครับ
00:02:38 → 00:02:40 ซึ่งอาการข้างรักเนี่ยอาจจะเกิดจากการถูก
00:02:40 → 00:02:43 เลิฟ bombing ก็ได้หรือว่าอาจจะเป็นภาวะ
00:02:43 → 00:02:46 ปกติซึ่งเกิดในความสัมพันธ์ทั่วไปก็ได้
00:02:46 → 00:02:49 สัญญาณที่บอกว่าเป็น Love Bombing มี
00:02:49 → 00:02:51 อะไรบ้างคะ
00:02:51 → 00:02:53 สัญญาณที่อาจจะเป็นการเตือนว่าคุณกำลัง
00:02:53 → 00:02:55 อยู่ในความสัมพันธ์แบบ Love Bombing
00:02:55 → 00:02:57 เนี่ยก็มีประมาณประมาณ 3 อันด้วยกันนะ
00:02:57 → 00:03:00 ครับอันที่ 1 ก็คือดูที่ความเร็วของการ
00:03:00 → 00:03:02 พัฒนาความสัมพันธ์ถ้าความสัมพันธ์นั้นน่ะ
00:03:02 → 00:03:05 พัฒนาไปเร็วเกินไปจนมันดูเหมือนผิดปกติ
00:03:05 → 00:03:08 อย่างเช่นเพิ่งคุยกันได้ 2 วันขอแต่งงาน
00:03:08 → 00:03:09 เพิ่งคุยกันได้ 2 วันชวนไปเที่ยวต่าง
00:03:10 → 00:03:13 ประเทศเพิ่งคุยกันได้ 2 วันให้แหวนอย่าง
00:03:13 → 00:03:16 เงี้ยนะครับมันก็อาจจะเป็นการบ่งบอกว่า
00:03:16 → 00:03:18 มันมีอะไรที่มันไม่ปกติหรือเปล่าเค้า
00:03:18 → 00:03:22 กำลังพยายามถ้าใช้ภาษาไทยก็คือรวบหัวรวบ
00:03:22 → 00:03:25 หางตีหัวเข้าบ้านไวเกินไปไหมใช่มั้ยมันก็
00:03:25 → 00:03:27 เป็นอาจมันอาจจะเป็นสัญญาณที่บอกว่าเค้า
00:03:27 → 00:03:31 พยายามจะมาควบคุมตัวคุณใหม่นะครับอันที่ 1
00:03:31 → 00:03:33 ก็คือเอิ่มความเร็วของการพัฒนาความ
00:03:33 → 00:03:36 สัมพันธ์อันที่ 2 ก็คือการที่ว่าเค้าให้
00:03:37 → 00:03:38 สิ่งที่มันดูเหมือนเป็นสิ่ง positive
00:03:38 → 00:03:43 ต่างๆโยนหัวใจให้เยอะมากเกินไปให้ของขวัญ
00:03:43 → 00:03:46 ให้คำชมบอกรักทุกวันเช้ากลางวันเย็นนะฮะ
00:03:46 → 00:03:49 อันนี้ก็เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่ามันอาจจะ
00:03:49 → 00:03:52 เป็นสิ่งที่เกินความปกติเกินความเป็นจริง
00:03:52 → 00:03:55 ไปอ่าอันนี้ก็เป็นอาจจะเป็นสิ่งที่เตือน
00:03:55 → 00:03:58 ว่าเค้าอาจจะมาพยายามควบคุมคุณในภายหลัง
00:03:58 → 00:04:02 นะครับข้อที่ 3 ก็คือความรู้สึกของตัวเอง
00:04:02 → 00:04:04 ความรู้สึกของตัวเองที่รู้สึกว่าเหมือน
00:04:04 → 00:04:06 ไม่มีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองเหมือนถูก
00:04:06 → 00:04:10 ควบคุมบางทีเค้าโทรมาอ่ะบอกรักก่อนแล้วก็
00:04:10 → 00:04:12 มาถามว่าอยู่ไหนทำอะไรกับใครที่ไหนใช่
00:04:12 → 00:04:15 มั้ยมันเหมือนกับเป็นการทำให้พื้นที่ส่วน
00:04:15 → 00:04:18 ตัวเนี่ยค่อยๆหดลงหดลงนั่นก็เป็นสัญญาณ
00:04:18 → 00:04:20 ที่แสดงให้เห็นว่าตัวอีกฝ่ายเนี่ยพยายาม
00:04:20 → 00:04:23 จะมากลืนกินพยายามมาควบคุมตัวคุณมากขึ้น
00:04:23 → 00:04:25 นั่นเองนะครับ
00:04:25 → 00:04:28 อาจารย์คะผู้ที่มีพฤติกรรม Love Bombing
00:04:28 → 00:04:31 มีสาเหตุมาจากอะไรคะ
00:04:31 → 00:04:33 สาเหตุของพฤติกรรม Love Bombing เนี่ยก็
00:04:33 → 00:04:36 มีได้หลายจากหลายสาเหตุนะครับอันที่ 1 ก็
00:04:36 → 00:04:38 อาจจะเป็นตัวบุคคลิกภาพส่วนตัวมันจะมี
00:04:38 → 00:04:40 บุคคลิกภาพแบบหนึ่งซึ่งเรียกกันว่าเป็น
00:04:40 → 00:04:42 narcissistic นะครับ Narcissistic
00:04:42 → 00:04:45 Personality เนี่ยก็คือคนที่เหมือนกับ
00:04:45 → 00:04:49 ว่าเอิ่มค่อนข้างให้ความสำคัญกับตัวเอง
00:04:49 → 00:04:54 มากจนผิดปกติไปนะครับจนอาจจะมองข้ามความ
00:04:54 → 00:04:57 สัมพันธ์หรือว่าความต้องการของคนอื่นอืม
00:04:57 → 00:05:00 เพราะฉะนั้นเมื่อคนที่มีลักษณะแบบเนี้ย
00:05:00 → 00:05:02 เข้ามาสู่ความสัมพันธ์เขาก็อาจจะพาพยายาม
00:05:02 → 00:05:05 กลืนกินอีกฝ่ายนึงพยายามควบคุมอีกฝ่าย
00:05:05 → 00:05:07 ต้องการให้อีกฝ่ายเนี่ยเป็นไปตามสิ่งที่
00:05:07 → 00:05:10 ตัวเองต้องการอืซึ่งเขาก็อาจจะทำแบบเนี้ย
00:05:10 → 00:05:13 ผ่านการ love bombing โดยการอย่างที่ผม
00:05:13 → 00:05:17 บอกใช่มยโยนหัวใจให้นะครับแต่จริงๆเป็น
00:05:17 → 00:05:20 ระเบิดใช่มยทำให้อีกฝ่ายเนี่ยมีความรู้
00:05:20 → 00:05:23 สึกว่าไม่สามารถขาดเขาได้คล้ายๆกับตกเป็น
00:05:23 → 00:05:26 ทาสของเขาในที่สุดนั่นเองนะครับอันนี้ก็
00:05:26 → 00:05:29 คือบุคลิกภาพส่วนตัวอีกอันนึงเนี่ยก็คือ
00:05:29 → 00:05:31 อาจจะเป็นแพทเทิร์นของการมีความสัมพันธ์
00:05:31 → 00:05:34 กับบุคคลรอบข้างในประสบการณ์ที่ผ่านมาคน
00:05:34 → 00:05:36 บางคนที่รู้สึกว่าตัวเองเนี่ยไม่มีความ
00:05:37 → 00:05:40 มั่นใจในการผูกสัมพันธ์กับคนรอบข้างก็อาจ
00:05:40 → 00:05:43 จะไปใช้วิธีการเนี้ยใช้เทคนิคพวกเนี้ยใช่
00:05:43 → 00:05:46 มั้ยโยนหัวใจให้โยนระเบิดให้แบบเนี้ย
00:05:46 → 00:05:49 เพื่อที่จะคล้ายๆกับชนะใจอีกฝ่ายหนึ่ง
00:05:50 → 00:05:52 ทั้งๆที่จริงๆมันเหมือนกับเป็นการชนะใจ
00:05:52 → 00:05:56 แบบปลอมๆมันไม่ได้มันเหมือนเป็นต้นไม้ที่
00:05:57 → 00:05:59 สูงแต่ไม่ได้มีรากไม่ได้มีรากของความ
00:05:59 → 00:06:03 สัมพันธ์ที่แน่นหนานะครับแต่ว่าไปให้อะไร
00:06:03 → 00:06:06 เาเยอะมากจนอีกฝ่ายเนี่ยทำให้อีกฝ่ายรู้
00:06:06 → 00:06:09 สึกว่าขาดขาดตัวเองไม่ได้อืคนพวกนี้ก็อาจ
00:06:09 → 00:06:12 จะรู้สึกว่ารู้สึกดีรู้สึกดีที่เป็นที่
00:06:12 → 00:06:16 ต้องการของคนอื่นก็ได้เหมือนกันครับ
00:06:16 → 00:06:19 Love Bombing มีกี่ขั้นตอนคะ
00:06:19 → 00:06:22 ขั้นตอนของ Love Bombing เนี่ยผมขอแบ่ง
00:06:22 → 00:06:24 คร่าวๆเป็นประมาณ 3 ขั้นตอนแล้วกันนะครับ
00:06:24 → 00:06:26 ขั้นตอนที่ 1 เนี่ยก็คือการที่โยนหัวใจ
00:06:26 → 00:06:29 ให้นะครับก็คือการทำให้อีกฝ่ายเนี่ยรู้
00:06:29 → 00:06:34 สึกว่าตัวเองเป็นคนดีเป็นคนใส่ใจเป็นคน
00:06:34 → 00:06:37 น่าอยู่ด้วยนะครับจนทำให้อีกฝ่ายรู้สึก
00:06:37 → 00:06:41 ว่าต้องพึ่งพาตนเองอยู่ขาดตนเองไม่ได้
00:06:41 → 00:06:44 นี่คือขั้นตอนที่ 1 ขั้นตอนที่ 2 พออีก
00:06:44 → 00:06:47 ฝ่ายรับหัวใจไปซึ่งจริงๆหัวใจเป็นระเบิด
00:06:47 → 00:06:50 นะครับระเบิดนั้นก็ระเบิดตู้มอาจจะเป็น
00:06:50 → 00:06:52 ขั้นตอนที่ทำให้อีกฝ่ายเรู้สึกว่าตัวเอง
00:06:52 → 00:06:55 เป็นคนไม่ดีพอไม่ควรฆ่ากับการอยู่ในความ
00:06:55 → 00:06:57 สัมพันธ์กับตัวคนที่โยนหัวใจให้เนี่ยเค้า
00:06:58 → 00:07:00 ใส่ใจมากเค้าดูใส่ใจมากเค้าดูทุ่มเทมาก
00:07:00 → 00:07:03 แต่ตัวเองทุ่มเทไม่มากพอส่วนขั้นตอนที่ 3
00:07:03 → 00:07:06 ก็คือขั้นตอนของการเข้ามาควบคุมนะครับ
00:07:06 → 00:07:09 พยายามเข้ามากลืนกินพื้นที่ส่วนตัวของอีก
00:07:09 → 00:07:13 ฝ่ายหนึ่งนึกถึงถ้ามีคนอยู่ในห้อง 1 คน
00:07:13 → 00:07:15 ใช่มั้ยโยนไอ้ระเบิดหัวใจสีชมพูเนี่ยให้
00:07:15 → 00:07:18 ไปเรื่อยๆจนสุดท้ายเขาก็ไม่มีพื้นที่ใน
00:07:18 → 00:07:21 การหายใจไม่มีพื้นที่ในการขยับเพราะว่า
00:07:21 → 00:07:23 ทางห้องเนี่ยมันเต็มไปด้วยไอ้ตัวระเบิด
00:07:23 → 00:07:24 หัวใจนี้
00:07:24 → 00:07:27 ระหว่างผู้ชายแล้วก็ผู้หญิงเนี่ยใครที่มี
00:07:27 → 00:07:31 พฤติกรรม Love Bombing มากกว่ากันคะจริง
00:07:31 → 00:07:34 ๆแล้วเนี่ยทั้ง 2 เพศนะครับก็สามารถมี
00:07:34 → 00:07:36 พฤติกรรมแบบนี้ได้ทั้งนั้นไม่แล้วก็ไม่
00:07:36 → 00:07:38 จำเป็นว่าต้องเป็นคู่รักชายหญิงด้วยซ้ำ
00:07:38 → 00:07:41 อาจจะเป็นชายหญิงหรือว่าอื่นๆก็ได้มัน
00:07:41 → 00:07:44 ขึ้นอยู่กับนิสัยส่วนตัวแล้วก็แพทเทิร์น
00:07:44 → 00:07:47 ของความสัมพันธ์ของทั้ง 2 คนนั้นมากกว่า
00:07:47 → 00:07:50 นะครับแต่ก็มีการสำรวจมาเหมือนกันว่าเพศ
00:07:50 → 00:07:52 ที่ทำพฤติกรรมแบบเนี้ยมากกว่ามักจะเป็น
00:07:52 → 00:07:56 เพศชายนะครับแต่ก็อย่างที่บอกเกิดขึ้นได้
00:07:56 → 00:07:58 ในทุกเพศ
00:07:58 → 00:08:01 แล้วเราจะรับมือกับความสัมพันธ์แบบ Love
00:08:01 → 00:08:03 Bombing นี้อย่างไรคะ
00:08:03 → 00:08:06 อันที่ 1 เนี่ยผมคิดว่าสิ่งสำคัญก็คือการ
00:08:06 → 00:08:09 ที่มีซัพพอร์ตจากคนรอบข้างนะครับเพราะว่า
00:08:09 → 00:08:11 บางทีตัวเองเนี่ยอยู่ในความสัมพันธ์แบบ
00:08:11 → 00:08:14 เนี้ยอาจจะไม่แน่ใจว่ามันใช่มันเป็นความ
00:08:14 → 00:08:17 สัมพันธ์ที่โอเคมยหรือจริงๆมันคือ Love
00:08:17 → 00:08:21 Bombing ถูกมั้ยคนๆนึงเนี่ยถูกให้ของ
00:08:21 → 00:08:24 ขวัญทุกวันบอกรักทุกวันแน่นอนว่ารู้สึกดี
00:08:24 → 00:08:27 จนบางทีอาจจะไม่แน่ใจว่ามันคืออะไรเพราะ
00:08:27 → 00:08:30 ฉะนั้นการที่คุยกับคนอื่นนะครับมีมุมมอง
00:08:31 → 00:08:32 จากบุคคลที่ 3 ซึ่งไม่ได้อยู่ในความ
00:08:32 → 00:08:34 สัมพันธ์เนี่ยมันก็อาจจะทำให้มองเห็นภาพ
00:08:34 → 00:08:38 ได้ชัดขึ้นนะอันที่ 1 ก็เป็นการที่พยายาม
00:08:38 → 00:08:40 พยายามให้ดูให้ออกก่อนว่ามันคือความ
00:08:40 → 00:08:43 สัมพันธ์ปกติหรือเป็นการ Love Bombing
00:08:44 → 00:08:46 อันที่ 2 พอเริ่มมองเห็นว่าเป็น Love
00:08:46 → 00:08:50 Bombing นะครับการที่มีคนอื่นรอบภาพก็
00:08:50 → 00:08:52 ยังสำคัญอยู่เพราะว่าเค้าก็จะสามารถให้คำ
00:08:52 → 00:08:55 ปรึกษาได้เป็นซัพพอร์ตที่ดีได้ในการที่จะ
00:08:55 → 00:08:59 ทำให้รู้สึกว่าตัวเองเนี่ยมีที่พึ่งอื่น
00:08:59 → 00:09:02 ไม่จำเป็นต้องไปพึ่งพาตัวคนที่ยัง Love
00:09:02 → 00:09:04 Bombing อย่างเดียวถูกมั้ครับทำให้ตัว
00:09:04 → 00:09:07 เองรู้สึกว่าพื้นที่ของตัวเองก็ยังคงอยู่
00:09:08 → 00:09:10 ไม่ได้ถูกกลืนกินไปซะหมดจนเหลือแค่ตัวคน
00:09:10 → 00:09:13 นั้นคนเดียวเขาไม่ใช่คนคนเดียวในชีวิตแต่
00:09:13 → 00:09:16 คุณก็ยังมีคนอื่นซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้
00:09:16 → 00:09:18 กันในชีวิตเช่นกันไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่
00:09:18 → 00:09:21 เพื่อนหรือว่าใครก็ตามซึ่งคุณไว้ใจได้อัน
00:09:21 → 00:09:24 ที่ 3 เนี่ยคนที่มาเลฟบอมกับคุณเห็นว่า
00:09:24 → 00:09:26 คุณก็มีพื้นที่ของตัวเองเค้าก็อาจจะไม่พอ
00:09:26 → 00:09:29 ใจอาจจะเป็นโอกาสซึ่งทำให้เป็นการเปิดบท
00:09:29 → 00:09:32 สนทนากันว่าคุณจะมีความสัมพันธ์แบบนี้ต่อ
00:09:32 → 00:09:35 ไปไหมอืซึ่งจะมีต่อหรือไม่มีต่ออันนั้นก็
00:09:35 → 00:09:37 ต้องเป็นเรื่องที่ต้องคุยกันระหว่างคน 2
00:09:37 → 00:09:39 คนนะครับ
00:09:39 → 00:09:42 อยากให้อาจารย์ช่วยฝากข้อคิดค่ะรักอย่าง
00:09:42 → 00:09:44 ไรให้เป็นสุขค่ะ
00:09:44 → 00:09:46 สำหรับในเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งเป็นเดือน
00:09:46 → 00:09:48 แห่งความรักนี้เนี่ยหลายคนก็อาจจะมีการ
00:09:48 → 00:09:50 ได้มาทบทวนความสัมพันธ์ของตัวเองว่ามัน
00:09:50 → 00:09:53 เป็นยังไงบ้างที่ผ่านมานะครับผมคิดว่า
00:09:53 → 00:09:55 สิ่งสำคัญของทุกๆความสัมพันธ์เนี่ยไม่ว่า
00:09:55 → 00:09:57 จะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างแฟนระหว่าง
00:09:57 → 00:10:02 เพื่อนพ่อแม่ก็ตามสิ่งสำคัญเนี่ยก็คือข้อ
00:10:02 → 00:10:05 ตกลงระหว่างคน 2 คนนะครับซึ่งข้อตกลง
00:10:05 → 00:10:08 เนี่ยมันก็จะเป็นตัวกำหนดขอบเขตว่าใครทำ
00:10:08 → 00:10:11 อะไรได้ใครทำอะไรไม่ได้นะครับการทำข้อ
00:10:11 → 00:10:14 ตกลงเนี้ยควรจะมีพื้นฐานมาจากการสื่อสาร
00:10:14 → 00:10:17 กันการพูดคุยมีความเข้าใจที่ตรงกันเพื่อ
00:10:17 → 00:10:20 ที่ทั้ง 2 ฝ่ายเนี่ยก็จะได้เคารพพื้นที่
00:10:20 → 00:10:24 ของแต่ละฝ่ายเคารพขอบเขตของแต่ละฝ่ายนะ
00:10:24 → 00:10:27 ครับถ้าสมมุติว่าทั้ง 2 ฝ่ายมีความเข้าใจ
00:10:27 → 00:10:29 มีขอบเขตตรงนี้เนี่ยมันก็จะทำให้ความ
00:10:29 → 00:10:32 สัมพันธ์นั้นเนี่ยเป็นความสัมพันธ์ที่ดี
00:10:32 → 00:10:39 แล้วก็ยืนยาวครับ
00:10:39 → 00:10:42 TN Health เราจะรวบรวมความรู้ทางด้าน
00:10:42 → 00:10:45 สุขภาพจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือพร้อม
00:10:45 → 00:10:49 ก่อติดความเคลื่อนไหวจากทุกประเด็นสุขภาพ
00:10:49 → 00:10:52 รอบรอบโลกสะท้อนผ่านความคิดมุมมองของ
00:10:52 → 00:10:54 แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและองค์ความรู้ทางด้าน
00:10:54 → 00:10:59 ต่างๆ TNN Health เข้าถึงทุกสาระสุขภาพ
00:10:59 → 00:11:06 เสริมภูมิคุ้มกันรู้ทันโรคเฮ
00:11:06 → 00:11:28 [เพลง]