00:00:00 → 00:00:02 6 ปีของ The Secret source เรากำลังจะ
00:00:02 → 00:00:05 มีงานใหญ่ที่สุดตั้งแต่เราทำรายการมาครับ
00:00:05 → 00:00:09 นั่นก็คือ The Secret Summit 2023
00:00:09 → 00:00:12 Event สำหรับผู้ประกอบการและนักธุรกิจ
00:00:12 → 00:00:16 ที่ใหญ่และครบที่สุดในประเทศไทยครับกับ
00:00:16 → 00:00:19 ตีนปี 2023 Infinite ธุรกิจพุ่งทะยานใน
00:00:19 → 00:00:22 ความเปลี่ยนแปลง Event เดียวที่คุณจะได้
00:00:22 → 00:00:25 เจอกับ Conference เจาะลึก Inside Update
00:00:25 → 00:00:29 ทุกเทรนด์ธุรกิจของปี 2024 ครับไม่ว่าจะ
00:00:29 → 00:00:31 เป็นเทรนด์เศรษฐกิจเทรนกลยุทธ์เทรนด์การ
00:00:31 → 00:00:35 ตลาดเทรนด์เทคโนโลยีเทนบริหารคนแทนความ
00:00:35 → 00:00:37 ยั่งยืนพร้อมแจกฟรี framework ที่เอาไป
00:00:37 → 00:00:39 ปรับใช้ได้จริงอย่างที่ 2 ครับจะมีการ
00:00:39 → 00:00:42 แชร์เคสความสำเร็จจากผู้บริหารผู้ประกอบ
00:00:42 → 00:00:46 การนักธุรกิจตัวจริงทำจริงสำเร็จจริงเจ็บ
00:00:46 → 00:00:49 จริงแชร์จัดเต็มแบบไม่มีกั๊กนะครับนอก
00:00:49 → 00:00:51 เหนือจากนั้นครับยังมี workshop นะครับใน
00:00:51 → 00:00:55 การอัพสกิลผู้ประกอบการศตวรรษที่ 21 เป็น
00:00:55 → 00:00:57 expertistroom ครับไม่ว่าจะเป็นเรื่อง
00:00:57 → 00:00:59 ของคาร์บอนเครดิตเรื่องของ quantum
00:00:59 → 00:01:01 เรื่องของ Toyota เรื่องของกฎหมายเรื่อง
00:01:01 → 00:01:05 ของ ipo และอีกหลายๆเรื่องราวเพื่อติด
00:01:05 → 00:01:07 อาวุธเสริมทักษะให้กับคุณครับเนื่องจาก
00:01:07 → 00:01:11 นี้ยังมีตลาดนัดครับตลาดรวมทุกโซลูชั่น
00:01:11 → 00:01:14 ของ SME หรือว่าผู้ประกอบการโดยเฉพาะผม
00:01:14 → 00:01:17 เรียกมันว่ามันคือ B2B marketplace ทุก
00:01:17 → 00:01:20 solution ที่คุณอยากได้ในการทำธุรกิจคุณ
00:01:20 → 00:01:22 กำลังตามหาอะไรอยู่ตามหาเรื่องของ
00:01:22 → 00:01:25 เทคโนโลยีตามหาเรื่องของไฟแนนซ์ตามหา
00:01:25 → 00:01:27 เรื่องของ Enterprise solution branding
00:01:27 → 00:01:29 and Marketing People and workpress
00:01:29 → 00:01:33 รวมไปถึง CEO ไลฟ์สไตล์กินดื่มเที่ยวมา
00:01:33 → 00:01:35 ที่นี่ครับเป็น networking Lounge ครับ
00:01:35 → 00:01:38 สร้าง Partner ปิดดีลหรือว่าหา community
00:01:38 → 00:01:41 ในการทำธุรกิจของคุณกว่า 3,000 คนครับที่
00:01:41 → 00:01:44 จะมาเจอกันที่นี่งานจัดขึ้นวันเสาร์และ
00:01:44 → 00:01:48 อาทิตย์ที่ 9-10 กันยายน 2566 จัดเต็ม
00:01:48 → 00:01:52 ครับตั้งแต่เช้าจนเย็นณบรูมพอ 1 2 0
00:01:52 → 00:01:54 ประตูแห่งชาติสิริกิติ์ครับซื้อบัตรได้
00:01:54 → 00:01:57 แล้วครับวันนี้ราคา Early Bird ครับ
00:01:57 → 00:02:00 2,990 บาทไม่ขายครับขายเพียง 1,990 บาท
00:02:00 → 00:02:03 ถึงวันที่ 20 สิงหาคมนี้เท่านั้นที่
00:02:03 → 00:02:06 อีเวนต์ครับแล้วพบกันนะครับกับงาน The
00:02:06 → 00:02:12 Secret Summit 2023 ครับ
00:02:12 → 00:02:15 มีใครเคยปวดหัวข้างเดียวหรือว่าปวดหัว
00:02:15 → 00:02:18 ตึ๊บๆครับแสดงว่าคุณมีโอกาสเป็นไมเกรน
00:02:18 → 00:02:22 แล้วหลายๆคนมักจะคิดแบบนี้ใช่ไหมว่าปวด
00:02:22 → 00:02:23 หัวข้างเดียวเมื่อไหร่ตึ๊บๆเนี่ยชัวร์
00:02:23 → 00:02:26 แล้วเป็นไมเกรนจริงๆแล้วเนี่ยอาการนั้น
00:02:26 → 00:02:28 เป็นการบอกว่าเราเป็นไมเกรนจริงหรือเปล่า
00:02:28 → 00:02:30 หรือว่าเรากำลังโยนบาปให้ไมเกรนนะวันนี้
00:02:30 → 00:02:34 ผมฆ่าต้นสมบูรณ์แล้วก็ท้อจะมาขยี้เรื่อง
00:02:34 → 00:02:42 ของไมเกรนครับ
00:02:42 → 00:02:46 podcast สุขภาพที่ใช้วิทยาศาสตร์ไขปัญหา
00:02:46 → 00:02:49 ตั้งแต่หัวจดเท้า
00:02:49 → 00:02:52 มาเรามาดูกันก่อนดีกว่าว่าอาการปวดหัวแบบ
00:02:52 → 00:02:55 ไหนหรอที่มันคือไมเกรนนะครับเพราะว่าทุก
00:02:55 → 00:02:58 วันนี้เหมือนกับเอะอะเอะอะถ้าเกิดเราปวด
00:02:58 → 00:03:01 หัวข้างเดียวนะครับเราก็มักจะคึกคักแล้ว
00:03:01 → 00:03:03 ก็คิดว่าเออมันน่าจะเป็นไมเกรนแน่ๆเลยนะ
00:03:03 → 00:03:05 ครับซึ่งจริงๆแล้วเนี่ยไมเกรย์เนี่ยมันก็
00:03:05 → 00:03:08 คืออาการปวดหัวชนิดหนึ่งซึ่งในจริงๆแล้ว
00:03:09 → 00:03:12 ทางการแพทย์เนี่ยเราสามารถจะปวดหัวได้แตก
00:03:12 → 00:03:15 ต่างกันเนี่ยหลายร้อยหลายพันแบบเลยนะครับ
00:03:15 → 00:03:17 เดี๋ยวไว้เรามาว่ากันเรื่องปวดหัวใน
00:03:17 → 00:03:19 Episode หลังเนาะวันนี้เจาะที่ไมเกรน
00:03:19 → 00:03:22 ก่อนเพราะฉะนั้นเป็นแค่การปวดหัวแบบนึง
00:03:22 → 00:03:25 ที่เฉพาะมากๆนะครับก็คือมีการปวดหัวส่วน
00:03:25 → 00:03:28 ใหญ่จะปวดข้างเดียวแหละแต่มันก็สามารถจะ
00:03:28 → 00:03:31 ปวดทั้งสองข้างได้นะครับและมักจะปวดใน
00:03:31 → 00:03:35 ลักษณะแบบตึ๊บๆๆๆซึ่งมันแบบน่ารำคาญมาก
00:03:35 → 00:03:38 แล้วก็ทรมานมากๆเท่านั้นยังไม่พอมักจะมี
00:03:38 → 00:03:40 อาการร่วมด้วยนะครับซึ่งนี่เป็นจุดสำคัญ
00:03:40 → 00:03:42 ที่ทำให้ไมเกรนเนี่ยมันแตกต่างจากการปวด
00:03:42 → 00:03:44 หัวเช่นอื่นก็คือระหว่างที่เราปวดหัว
00:03:44 → 00:03:47 เนี่ยเราอาจจะมีการคลื่นไส้หรืออ้วกได้
00:03:47 → 00:03:50 อย่างที่ 1 อย่างที่ 2 เนี่ยระหว่างที่
00:03:50 → 00:03:52 เราเป็นไมเกรนนะครับหรือก่อนที่จะเป็น
00:03:52 → 00:03:55 ไมเกรนเราอาจจะมีอาการที่เรียกว่าแบบ
00:03:55 → 00:03:58 ตาพร่าหรือว่ามองเห็นอะไรแบบเป็นแสงขาว
00:03:58 → 00:04:02 ฟุ้งๆเป็นแบบเหมือนเป็นดาวๆเป็นแบบแสงแฉก
00:04:02 → 00:04:05 ๆอย่างนี้นะครับหรือเราอาจจะเกิด Blind
00:04:05 → 00:04:07 Sport คือมองแล้วแบบเฮ้ยเป็นจุดดำๆขึ้น
00:04:07 → 00:04:11 มาก็เป็นหนึ่งในสัญญาเตือนว่า
00:04:11 → 00:04:14 จะเป็นไมเกรนครับอย่างที่ 2 นะครับคือ
00:04:14 → 00:04:16 sensitive กับแสงไปแล้วเนาะอย่างที่ 3
00:04:16 → 00:04:18 คือเรา sensitive กับเสียงครับคือเสียง
00:04:18 → 00:04:21 อะไรนิดหน่อยก็จะรู้สึกว่าแบบมันทรมานใน
00:04:21 → 00:04:23 การได้ยินเสียงนะครับก็ไม่แตกต่างกับการ
00:04:23 → 00:04:26 ทรมานในการเห็นแสงวับๆอะไรก็ตามเนาะเพราะ
00:04:26 → 00:04:28 ฉะนั้นอาการที่เราอาเจียนคลื่นไส้
00:04:28 → 00:04:31 sensitive กับแสง sensitive กับเสียง
00:04:31 → 00:04:34 เมื่อไหร่มีอาการเหล่านี้ควบคู่ไปกับการ
00:04:34 → 00:04:37 ปวดหัวตึ๊บๆปวดหัวข้างเดียวหรือแม้ทั้ง
00:04:37 → 00:04:41 หมด 2 ข้างนั่นน่ะเป็นสัญญาว่าคุณมีโอกาส
00:04:41 → 00:04:44 เป็นไมเกรนนะครับมีโอกาสค่อนข้างสูงซึ่ง
00:04:44 → 00:04:46 ก็ต้องไปเจอคุณหมอแล้วก็เดี๋ยวคุณหมอ
00:04:46 → 00:04:49 เนี่ยก็จะเป็นคนแยกแยะเองบอกว่าวินิจฉัย
00:04:49 → 00:04:51 เองว่าจริงๆแล้วเป็นไมเกรนหรือเปล่าด้วย
00:04:51 → 00:04:53 การซักประวัตินะครับเพราะฉะนั้นไม่ใช่ว่า
00:04:53 → 00:04:57 เอะอะปวดหัวแล้วก็ตีไปก่อนว่าเป็นไมเกรน
00:04:57 → 00:04:59 เพราะอย่างที่บอกไปนะครับว่าไมเกรนมันมี
00:04:59 → 00:05:03 ลักษณะเฉพาะของมันทีนี้ขอขยายความต่อนิด
00:05:03 → 00:05:05 นึงแล้วกันนะครับว่าจริงๆแล้วไมเกรนเนี่ย
00:05:05 → 00:05:07 มันแบ่งออกเป็นหลายระยะเลยนะครับทุกคนคือ
00:05:07 → 00:05:10 ลูบนึงของไมเกรนเนี่ยทางการแพทย์เนี่ยเขา
00:05:10 → 00:05:12 จะแบ่งเป็น 4 ระยะนะครับระยะที่เราคุ้น
00:05:12 → 00:05:15 เคยคือระยะที่มันปวดหัวตึ๊บๆปวดหัวหนัก
00:05:15 → 00:05:17 มากจนทำอะไรไม่ได้เนี่ยก็มันคือระยะที่ 3
00:05:17 → 00:05:20 คือมันสามารถจะปวดหัวได้ตั้งแต่ช่วงแบบ 4
00:05:20 → 00:05:23 ชั่วโมงเป็นต้นไปปวดต่อเนื่องเลยไปจนถึง 3
00:05:23 → 00:05:25 วันเลยครับคือเราไม่สามารถจะทำอะไรได้เลย
00:05:25 → 00:05:28 แต่มันคือระยะที่ 3 คือระยะที่มัน attack
00:05:28 → 00:05:30 เราโจมตีเราหนักๆนะครับแต่มันมีระยะก่อน
00:05:30 → 00:05:33 หน้าด้วย 1 กับ 2 และมีระยะหลังด้วย
00:05:33 → 00:05:35 สุริยะที่ 4 นะครับระยะหนึ่งคืออะไรครับ
00:05:35 → 00:05:37 เป็นระยะที่แบบโอ้เป็นการเตือนและล่วง
00:05:37 → 00:05:40 หน้าแล้วถ้าเกิดว่าคุณมีอาการเช่นเริ่ม
00:05:40 → 00:05:43 ปวดตัวแบบตึงคอนะครับคุณเริ่มมีอาการ
00:05:43 → 00:05:46 อารมณ์แปรปรวนหรือบางครั้งเนี่ยมีอาการ
00:05:46 → 00:05:49 หิวโหยอยากกินนู่นอยากกินนี่มากๆหรือว่า
00:05:49 → 00:05:53 หาวบ่อยๆฉี่บ่อยๆหรือว่ามีการท้องผูกคน
00:05:53 → 00:05:55 ที่เป็นไมเกรนอาจจะเจอเหตุการณ์เหล่านี้
00:05:55 → 00:05:57 เป็นระยะเตือนระยะที่ 1 ถ้ามีอาการเหล่า
00:05:57 → 00:05:59 นี้แล้วเนี่ยมีระยะที่ 2 ด้วยนะครับจะ
00:05:59 → 00:06:01 เริ่มเตือนหนักขึ้นคราวนี้มักจะเกี่ยวกับ
00:06:01 → 00:06:04 การมองเห็นเขาเรียกว่าอยู่ในภาวะที่แบบ
00:06:04 → 00:06:07 ออร่าก็คือเห็นนี่แหละที่บอกไปคือแสงวู้ๆ
00:06:07 → 00:06:09 เป็นแสงเป็นดวงๆเป็นแฉกๆเป็นขาวๆหรือว่า
00:06:09 → 00:06:12 มี Blind Spot นะครับอันนี้คือเป็นระยะ
00:06:12 → 00:06:14 เตือนระยะที่ 2 นะครับหรือมีอาการที่
00:06:14 → 00:06:18 เรียกว่าแบบเสียวตามตัวเหมือนกับมีเหล็ก
00:06:18 → 00:06:22 มาทิ่มๆอ่ะตามแขนตามขาแบบเออเคยเป็นไหม
00:06:22 → 00:06:25 แบบเวลาที่เราไม่สบายเป็นหวัดแล้วมันปวด
00:06:25 → 00:06:27 แล้วเหมือนมีอะไรแหลมๆมาที่มาตลอดนะครับ
00:06:27 → 00:06:30 หรือว่ามีอาการชาครึ่งซีกชาหน้าหรือเรา
00:06:30 → 00:06:32 ไม่สามารถจะพูดได้อย่างปกติเนี่ยเป็นการ
00:06:32 → 00:06:35 เตือนระยะที่ 2 เรียกว่าระยะ Aura นะครับ
00:06:35 → 00:06:37 ระยะที่ 3 ก็คือระยะที่เราปวดหัวแล้วแหละ
00:06:37 → 00:06:40 ปวดแบบสู้สุดๆเลยปวดไปทำอะไรไม่ได้นะครับ
00:06:40 → 00:06:42 แล้วก็จะมีอาการคลื่นไส้อาเจียนประกอบไป
00:06:42 → 00:06:45 ด้วยนะครับแล้วก็ sensitive กับเสียงครับ
00:06:45 → 00:06:48 อาจจะกินเวลาถึง 3 วันเลยและจากนั้นนะ
00:06:48 → 00:06:50 ครับถ้าเราผ่านไอ้จุดปวดหัวหนักๆมากแล้ว
00:06:50 → 00:06:53 เนี่ยมีระยะสุดท้ายระยะที่ 4 อีกเรียกได้
00:06:53 → 00:06:55 ว่าระยะอะไรดีระยะแห่งละกันนะครับก็คือ
00:06:55 → 00:06:58 แบบร่างกายจะรู้สึกไม่ปกติจะยังรู้สึกแบบ
00:06:58 → 00:07:01 อ่อนเพลียมากๆนะครับวิงเวียนหัวแล้วก็อาจ
00:07:01 → 00:07:03 จะยังไวต่อสิ่งเร้าอยู่นะครับคือได้ยิน
00:07:03 → 00:07:05 เสียงหรือว่าเจอแสงอะไรก็จะรู้สึก
00:07:05 → 00:07:07 sensitive อยู่นะครับเป็นระยะแห้งนะครับ
00:07:07 → 00:07:11 คือ 4 ระยะรวมกันเนี่ยคือคุณมีอาการ
00:07:11 → 00:07:14 ไมเกรนนั่นเองนะครับแล้วทำไมเกมมันมัน
00:07:14 → 00:07:17 เกิดมาได้ยังไงสาเหตุมันคืออะไรจริงๆแล้ว
00:07:17 → 00:07:19 ทุกวันนี้ทางการแพทย์ก็ยัง
00:07:19 → 00:07:22 หาคำตอบสรุปแบบ definite แน่ชัดเนี่ยไม่
00:07:22 → 00:07:25 ได้เลยนะครับแต่ที่เขาเชื่อๆกันหรือว่า
00:07:25 → 00:07:29 ตามข้อมูลที่ศึกษากันเนี่ยก็คิดว่าเป็น
00:07:29 → 00:07:33 องค์ประกอบมาจากทั้งทางจีนของเราหรือว่า
00:07:33 → 00:07:36 ทางพันธุกรรมผสมไปกับทางด้าน environment
00:07:36 → 00:07:39 ก็คือไลฟ์สไตล์ที่เราใช้ชีวิตอยู่นะครับ 2
00:07:39 → 00:07:41 อย่างเนี่ยประกอบเข้าด้วยการทำให้เรามี
00:07:41 → 00:07:43 โอกาสเป็นไมเกรนมากกว่าคนอื่นนะครับคือ
00:07:43 → 00:07:47 เรื่องของจีนเนี่ยถ้าใครมีพ่อแม่เป็น
00:07:47 → 00:07:50 ไมเกรนมีโอกาสที่เราจะเป็นไมเกรนมากกว่า
00:07:50 → 00:07:53 เพื่อนที่ไม่มีพ่อแม่เป็นไมเกรดนะครับถาม
00:07:53 → 00:07:56 ว่าไมเกรนเนี่ยมันเกิดจากอะไรเนี่ยณวัน
00:07:56 → 00:07:58 นี้นะครับชุดความรู้ที่มีในวันนี้คือคิด
00:07:58 → 00:08:01 ว่าไมเกรนมันเกิดจากการที่สารเคมีในสมอง
00:08:01 → 00:08:05 เนี่ยมันมันไม่ Balance มันอยู่ในระดับ
00:08:05 → 00:08:09 ที่ไม่ปกตินะครับซึ่งสารเคมีในสมอง 2 ตัว
00:08:09 → 00:08:12 ที่เขามักจะลิงค์กับไมเกรนก็คือเซโรโทนิน
00:08:12 → 00:08:16 สารเคมีอีกตัวนึงนะครับชื่อว่า cgrp ชื่อ
00:08:16 → 00:08:19 เต็มมันคือแคลชิโตนิน
00:08:19 → 00:08:24 จีนรีเลย์เท็ทเปปไทด์ก็คือเปปไทด์ที่มัน
00:08:24 → 00:08:26 เกี่ยวข้องกับจีนตัวหนึ่งนั่นแหละคือมัน
00:08:26 → 00:08:30 จะถูกสร้างมาเยอะในสมองแล้วถ้าเกิดว่ามัน
00:08:30 → 00:08:32 มีเยอะปึ๊บเนี่ยสิ่งที่มันทำก็คือมันจะทำ
00:08:32 → 00:08:35 ให้เส้นเลือดมันขยายตัวแล้วมันก็ไป
00:08:35 → 00:08:39 กระตุ้น passway ที่ควบคุมความเจ็บปวดให้
00:08:39 → 00:08:42 มัน sensitive มากขึ้นเหมือนง่ายๆปกติเรา
00:08:42 → 00:08:44 อาจจะทนความเจ็บได้เยอะแต่พอมีไอ้เจ้า
00:08:44 → 00:08:48 cgrp ในสมองเยอะๆปุ๊บโชว์หรือว่าระดับ
00:08:48 → 00:08:50 ที่เราจะทนความเจ็บความเจ็บปวดได้เนี่ย
00:08:51 → 00:08:52 มันต่ำลงเพราะฉะนั้นเจออะไรนิดหน่อยปึ๊บ
00:08:52 → 00:08:55 เราก็จะเจ็บมากกว่าปกตินั่นเป็นเหตุผลว่า
00:08:55 → 00:08:58 ทำไมถึงปวดแบบจี๊ดได้มากกว่าปกติแล้วทน
00:08:58 → 00:09:00 ไม่ได้คือปวดหัวหนักมากนั่นเองนะครับ
00:09:00 → 00:09:03 เพราะว่าทั้งเซราโทนินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่
00:09:03 → 00:09:06 ควบคุมพัดวีของ K หรือว่าความเจ็บปวดแล้ว
00:09:06 → 00:09:09 ก็รวมถึง cgrp ในสมองเนี่ยมันมีเยอะจน
00:09:09 → 00:09:12 เกินไปทำให้เรามีอาการไมเกรนนั่นเองนะ
00:09:12 → 00:09:13 ครับก็คือช่วงสมองช่วงที่เป็นการสมอง
00:09:13 → 00:09:17 เนี่ยมันแบบเกิดภาวะผิดปกติเกิดขึ้นนะ
00:09:17 → 00:09:19 ครับซึ่งเป็นภาวะชั่วคราวนะไม่ได้เป็นที่
00:09:19 → 00:09:22 เกิดขึ้นถาวรตลอดไปแล้วจริงๆแล้วเนี่ยมัน
00:09:22 → 00:09:24 ก็ไม่ได้อันตรายแบบขนาดเท่ากับ scrol
00:09:24 → 00:09:26 ความรุนแรงมันไม่ได้ขนาดนั้นนะครับแต่มัน
00:09:26 → 00:09:30 คือสร้างความน่ารำคาญให้กับคนที่เป็นและ
00:09:30 → 00:09:33 มันก็อาจจะสร้างอันตรายทางอ้อมแหละถ้า
00:09:33 → 00:09:36 เกิดว่าเรากำลังใช้ชีวิตเช่นขับรถแล้วมัน
00:09:36 → 00:09:38 เกิดปวดหัวจี๊ดขึ้นมามันก็มีความสุ่ม
00:09:38 → 00:09:40 เสี่ยงที่ทำให้เราเกิดอุบัติเหตุได้เช่น
00:09:40 → 00:09:43 กันนะครับเพราะฉะนั้นนั่นคือสาเหตุของ
00:09:43 → 00:09:45 ไมเกรนก็คือมันความไม่ Balance ของสาร
00:09:45 → 00:09:48 เคมีซึ่งมันมี Trigger หรือว่าตัวกระตุ้น
00:09:48 → 00:09:51 ด้วยเนาะไม่ใช่ว่าเอ่อจู่ๆแบบเราจำเป็น
00:09:51 → 00:09:54 มันอาจจะต้องมีไลฟ์สไตล์ของเรามีสิ่งแวด
00:09:54 → 00:09:56 ล้อมมีพฤติกรรมอะไรบางอย่างของเราที่เรา
00:09:56 → 00:09:58 เป็นเราใช้ชีวิตแล้วมันกระตุ้นทำให้แบบ
00:09:58 → 00:10:01 เฮ้ยมันกำเริบอ่ะมีอะไรบ้างที่เป็นตัว
00:10:01 → 00:10:03 กระตุ้นนะครับอย่างที่บอกไปอย่างแรกคือ
00:10:03 → 00:10:07 ฮอร์โมนสารเคมีในสมองมันมันไม่ Balance
00:10:07 → 00:10:10 ฮอร์โมนเป็นตัวนึงที่ส่งผลมากแล้วฮอร์โมน
00:10:10 → 00:10:12 ตัวนั้นก็คือ sologen นะครับนั่นก็ไม่
00:10:12 → 00:10:14 แปลกใจเลยว่าทำไมไมเกรนมักจะเกิดกับผู้
00:10:14 → 00:10:16 หญิงมากกว่าผู้ชายนะครับเพราะฉะนั้นช่วง
00:10:16 → 00:10:18 ไหนที่อ่าผู้หญิงเนี่ยมีเอสโตรเจนเยอะนะ
00:10:18 → 00:10:22 ครับมันก็จะมีความสุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสจะ
00:10:22 → 00:10:25 ปวดหัวได้นะครับเพราะว่าอยู่ๆมีจุดนึงที่
00:10:25 → 00:10:28 ระหว่างมีมีประจำเดือนมันดร็อปเปอร์สวิง
00:10:28 → 00:10:31 มากเนี่ยปวดหัวแน่นอนนะครับมันก็เป็นที่
00:10:31 → 00:10:33 มาว่าทำไมพอไม่มีประจำเดือนแล้วเนี่ยก็จะ
00:10:33 → 00:10:35 ปวดหัวน้อยลงหรือมีโอกาสเป็นไมเกรน้อยลง
00:10:35 → 00:10:37 รวมไปถึงคุณแม่นะครับที่หลังจากการคลอด
00:10:37 → 00:10:40 ลูกเนี่ยครับก็มีการดรอปมีการเพิ่มของ
00:10:40 → 00:10:42 ฮอร์โมนที่แตกต่างกันเยอะเนี่ยก็สามารถจะ
00:10:42 → 00:10:45 เกิด effect หรือมีไมเกรนได้หลังจากที่
00:10:45 → 00:10:47 ผ่านการคลอดบุตรได้นะครับนั่นคือตัว
00:10:47 → 00:10:49 tricker แรกคือฮอร์โมนเนาะฮอร์โมนผู้
00:10:49 → 00:10:50 หญิงคือ
00:10:50 → 00:10:53 อย่างที่ 2 นะครับคือกาแฟครับคือคาเฟอีน
00:10:53 → 00:10:55 นั่นแหละเป็นอีกหนึ่งตัวกระตุ้นที่มี
00:10:55 → 00:10:59 โอกาสที่ทำให้สารเคมีเหล่านี้มันไม่สมดุล
00:10:59 → 00:11:02 แล้วทำให้ tricker ทำให้เกิดอาการไมเกรน
00:11:02 → 00:11:04 ได้นะครับอย่างที่ 3 คือแอลกอฮอล์โดย
00:11:04 → 00:11:07 เฉพาะ Y ก็เป็น Trigger นะครับอย่างที่ 4
00:11:07 → 00:11:09 คือความเครียดอย่างที่ 5 คือเรื่องการนอน
00:11:09 → 00:11:12 หลับที่ไม่ดีนะครับอย่างที่ 6 6 7 8
00:11:12 → 00:11:15 เลยละกันนะครับมันคืออ่าสิ่งเร้าภายนอก
00:11:15 → 00:11:17 ที่เกี่ยวข้องกับ Sense ก็คือเรื่องแสง
00:11:17 → 00:11:20 เรื่องเสียงแล้วก็เรื่องกลิ่นนะครับบางที
00:11:21 → 00:11:24 ได้แสงเยอะๆหรือว่าได้กลิ่นที่แบบอือหือ
00:11:24 → 00:11:26 บางทีเราอาจจะไม่ไม่ชอบกลิ่นอะไรบางอย่าง
00:11:26 → 00:11:27 กลิ่นควันกลิ่นเหม็นอะไรเงี้ยก็การ์ตูน
00:11:27 → 00:11:30 ได้นะครับรวมถึงเสียงด้วยเสียงดังๆก็
00:11:30 → 00:11:33 กระตุ้นให้เกิด Trigger ให้เป็นไมเกรนได้
00:11:33 → 00:11:35 นะครับหรือบางคนกินยามาประเภทที่มีเอฟเฟค
00:11:35 → 00:11:37 ในการขยายหลอดเลือดเนี่ยก็เป็นการกระตุ้น
00:11:37 → 00:11:40 Trigger ให้มีอาการกำเริบได้หรืออาหาร
00:11:40 → 00:11:42 ไม่ใช่เป็นชีสหนักเข้มอาหารที่เป็น
00:11:42 → 00:11:44 process Food ต่างๆเงี้ย
00:11:44 → 00:11:47 รวมถึงพวกผงปรุงรสต่างๆโดยเฉพาะผงชูรส
00:11:47 → 00:11:50 เนี่ยก็ Trigger ทำให้มีอาการไมเกรน
00:11:50 → 00:11:52 กำเริบได้เช่นกันเนาะเพราะฉะนั้นอย่างที่
00:11:52 → 00:11:57 บอกไปคือถ้าเราสังเกตตัวเองแล้วว่าเราปวด
00:11:57 → 00:12:00 หัวตึบๆพร้อมกับมีอาการคลื่นไส้อ้วกแล้ว
00:12:00 → 00:12:02 ก็ sensitive กับแสง sensitive กับเสียง
00:12:02 → 00:12:04 เมื่อไหร่ก็ตามมีอาการเหล่านี้นะครับแล้ว
00:12:04 → 00:12:06 ก็ปวดหัวนานเกินกว่า 4 ชั่วโมงขึ้นไปมี
00:12:06 → 00:12:09 อาการมากกว่า 1 วันไปจนถึง 3 วันถามว่า
00:12:09 → 00:12:11 ต้องทำยังไงอย่างแรกถ้ายังปวดหัวไม่มาก
00:12:11 → 00:12:14 กินพาราได้นะครับช่วยได้อยู่แต่ถ้าเกิด
00:12:14 → 00:12:15 ปวดหัวเยอะกว่านั้นนะครับพาราเอาไม่อยู่
00:12:15 → 00:12:18 อาจจะต้องกินยากลุ่ม nsaid และนะครับก็
00:12:18 → 00:12:19 ไม่ว่าจะเป็น
00:12:19 → 00:12:22 แอสไพรินโพรเฟนนะครับแต่ถ้าเกิดกินเสร็จ
00:12:22 → 00:12:24 เนี่ยข้อควรระวังคือมันระคายเคืองกระเพาะ
00:12:24 → 00:12:27 เนาะควรจะกินยาพร้อมกับการกินอาหารไปด้วย
00:12:27 → 00:12:28 นะครับจะได้กระเพาะจะได้ไม่ทะลุไม่โดน
00:12:28 → 00:12:31 ทำลายแต่ถ้ากินแล้วเฮ้ยมันยังเอาไม่อยู่
00:12:31 → 00:12:34 เนี่ยไปพบหมอเถอะไปเล่าอาการให้หมอฟัน
00:12:34 → 00:12:36 เดี๋ยวคุณหมอจะวินิจฉัยเองสอบถามพฤติกรรม
00:12:36 → 00:12:39 เราเราใช้ชีวิตยังไงกินอะไรแบบหรือว่ามี
00:12:39 → 00:12:42 อะไรที่จะเป็นตัว Trigger ได้ไหมก็อาจจะ
00:12:42 → 00:12:45 ให้ลองปรับพฤติกรรมนะครับจะดีขึ้นหรืออาจ
00:12:45 → 00:12:48 จะต้องมีการกินยานะครับซึ่งมียาหลายกลุ่ม
00:12:48 → 00:12:50 หลายประเภทมากเลยที่คุณหมอจะจ่ายให้ได้
00:12:50 → 00:12:53 เนาะซึ่งยาทั่วไปคือยาแก้ปวดกับยาที่
00:12:53 → 00:12:57 เริ่ม target เฉพาะกับตัวต้นเหตุที่ทำให้
00:12:57 → 00:13:00 เกิดไมเกรนนะครับก็อย่างเช่นเจ้า ctrp
00:13:00 → 00:13:03 บอกไปแล้วเนาะก็คือยาอะไรก็ตามที่ไปลดการ
00:13:03 → 00:13:07 ทำงานของ cgrp ให้มันลดการขยายตัวของหลอด
00:13:07 → 00:13:09 เลือดหรือว่าไปลด Trace Show ที่ทำให้
00:13:09 → 00:13:12 เรา sensitive กับเพจที่เราเจ็บปวดให้มัน
00:13:12 → 00:13:14 ลดน้อยลงนะครับมียาอีกหลายกลุ่มเลยเช่น
00:13:14 → 00:13:16 กลุ่ม Triple นะครับเป็นยาที่หมอจ่ายเยอะ
00:13:16 → 00:13:20 เลยก็มันก็จะไปออกฤทธิ์ต่อโทนีนนะครับที่
00:13:20 → 00:13:22 ทำให้หลอดเลือดในสมองเนี่ยมันไม่ได้ขยาย
00:13:22 → 00:13:25 มันมันจะหดลงนิดนึงก็จะลดอาการกำเริบของ
00:13:25 → 00:13:29 ไมเกรนได้นะครับแล้วจริงๆแล้วเนี่ยล่าสุด
00:13:29 → 00:13:32 นะครับก็มีผลิตภัณฑ์ออกมาใหม่เลยนะครับ
00:13:32 → 00:13:36 เป็นสเปรย์อ่าที่ target เจ้า crp ก็คือ
00:13:36 → 00:13:38 สเปรย์เนี่ยพ่นเข้าไปในจมูกปึ๊บแล้วนะ
00:13:38 → 00:13:41 ครับตัวยาเนี่ยมันก็จะวิ่งเข้าไปแล้วก็ไป
00:13:41 → 00:13:44 จัดการกับ cgrp ทำให้มัน sensitive ลด
00:13:44 → 00:13:46 น้อยลงนะครับคือบริษัทยาเนี่ยมีการเคลม
00:13:46 → 00:13:49 เลยนะครับว่าพ่นเข้าไปแล้วเพียงแค่ประมาณ
00:13:49 → 00:13:53 15 นาทีอาการก็ปวดหัวหนักๆเนี่ยมันก็จะ
00:13:53 → 00:13:56 ทุเลาลงนะครับซึ่งยาพ่นตัวนี้หรือว่า
00:13:56 → 00:13:58 กลุ่มนี้นะครับมีตัวนึงนะครับเพิ่งได้รับ
00:13:58 → 00:14:00 การรับรองความปลอดภัยจาก
00:14:00 → 00:14:02 usfda คืออยอเมริกาให้พึ่งวางขายยังไง
00:14:03 → 00:14:06 ลองปรึกษาคุณหมอดูนะครับว่าเอ๊ะถ้าเกิด
00:14:06 → 00:14:08 เราใช้ยาเหล่านี้มันจะปลอดภัยไหมแล้วก็
00:14:08 → 00:14:11 ถ้าเกิดใครที่มีอาการปวดหัวหนักๆตัวนี้ก็
00:14:11 → 00:14:12 อาจจะเป็นทางเลือกที่จะช่วยได้นะครับ
00:14:12 → 00:14:16 เพราะว่าหลายๆคนเนี่ยไปกินยากลุ่มที่ไป
00:14:16 → 00:14:20 attack หรือว่าไปจัดการเจ้า cgrp หรือ
00:14:20 → 00:14:22 ว่าตัวกระตุ้นที่เราให้เป็นไมเกรนแล้วอาจ
00:14:22 → 00:14:25 จะมีการข้างเคียงคือแบบอ้วกหรือว่าแบบปวด
00:14:25 → 00:14:27 ท้องคลื่นไส้นะครับไอ้เจ้ายาพ่นเนี่ยอาจ
00:14:27 → 00:14:30 จะเป็นทางเลือกที่จะช่วยเซฟชีวิตคุณได้ทำ
00:14:30 → 00:14:32 ให้คุณเนี่ยทุเลาจากอาการปวดได้รวดเร็ว
00:14:32 → 00:14:34 มากยิ่งขึ้นนั่นเองครับนอกจากการกินยา
00:14:34 → 00:14:37 แล้วนะครับการปรับพฤติกรรมเนี่ยก็ช่วยได้
00:14:37 → 00:14:39 อย่างนึงคืออาหารนะครับทางวงการวิชาการมี
00:14:39 → 00:14:41 การศึกษากันเยอะเลยนะครับว่าเอ๊ะอาหาร
00:14:41 → 00:14:44 ประเภทไหนเนี่ยมันจะช่วยคนที่เป็นไมเกรน
00:14:44 → 00:14:47 ครับเขามีการค้นพบว่าการกินอาหารแนวคีโต
00:14:47 → 00:14:50 คือคีโตเจนิคไดร์เอสหรือว่าการกินอาหาร
00:14:50 → 00:14:54 ที่กินคาร์โบไฮเดรตน้อยๆเนี่ยครับก็จะ
00:14:54 → 00:14:57 ช่วยให้อาการไมเกรนเนี่ยมันทุเลาลงได้ถาม
00:14:57 → 00:14:59 ว่าทำไมนะครับจากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์
00:14:59 → 00:15:01 มีการเจอว่าช่วงที่เราปวดหัวไมเกรนหรือ
00:15:01 → 00:15:03 ว่าก่อนที่จะปวดหัวไมเกรนที่มีระยะเตือน
00:15:03 → 00:15:06 ต่างๆเนี่ยเซลล์ในร่างกายของเราเนี่ยมัน
00:15:06 → 00:15:09 จะไม่ sensitive กับอินซูลินคือต่อต้าน
00:15:09 → 00:15:13 อินซูลินก็คือไม่สามารถจะใช้น้ำตาหรือว่า
00:15:13 → 00:15:15 แป้งคาร์โบไฮเดรตเปลี่ยนไปเป็นพลังงานได้
00:15:15 → 00:15:17 ดีนะครับเพราะฉะนั้นการกินอาหารที่หนัก
00:15:18 → 00:15:20 ขาดหรือว่าแป้งคาร์โบไฮเดรตเนี่ยมันไม่
00:15:20 → 00:15:22 ค่อยดีต่อร่างกายเท่าไหร่เพราะว่าร่างกาย
00:15:22 → 00:15:24 ก็จะไม่ค่อยได้พลังงานนะครับในขณะที่
00:15:24 → 00:15:27 เซลล์เนี่ยสามารถจะใช้คีโตนซึ่งเป็นสาร
00:15:27 → 00:15:29 อีกกลุ่มหนึ่งในร่างกายเนี่ยไปเป็นแหล่ง
00:15:29 → 00:15:31 พลังงานได้ดีกว่าน้ำตาลนะครับเพราะฉะนั้น
00:15:31 → 00:15:34 การกินอาหารที่ลดคาร์โบไฮเดรตเน้นไปที่ไข
00:15:34 → 00:15:38 มันดีแล้วก็โปรตีนก็จะช่วยได้ทำให้คนที่
00:15:38 → 00:15:41 เป็นไมเกรนเนี่ยลดอาการทุเลาหรือบางคน
00:15:41 → 00:15:44 เนี่ยหายดีจนหายขาดได้เลยนะครับเป็นอีก
00:15:44 → 00:15:46 หนึ่งทางเลือกในการรักษาเลยเพราะฉะนั้น
00:15:46 → 00:15:49 ใครที่เป็นไมเกรนอาจจะทดลองดูว่ามัน
00:15:49 → 00:15:51 เวิร์คกับคนหรือเปล่าเนาะอ่าแล้วก็อ่าน
00:15:51 → 00:15:53 เสริมบางอย่างนะครับคือแมกนีเซียมแล้วก็
00:15:54 → 00:15:56 โคเอนไซม์ Q10 มีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์
00:15:56 → 00:15:59 ว่าสามารถที่จะช่วยได้คือบางทีเนี่ยเรา
00:15:59 → 00:16:01 อาจจะกินอาหารหลากหลายไม่เพียงพอแล้วก็
00:16:01 → 00:16:04 ไม่มีไอ้พวกอ่าวิตามินหรือว่า
00:16:04 → 00:16:06 เหล่านี้นะครับเพราะฉะนั้นถ้าเกิดว่าใคร
00:16:06 → 00:16:09 คิดว่าตัวเองขาดลองเสริมดูซิมันอาจจะช่วย
00:16:09 → 00:16:12 ได้นะครับแล้วนอกจากนั้นเนี่ยก็หลีก
00:16:12 → 00:16:13 เลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่บอกไปนะครับว่ามี
00:16:13 → 00:16:15 หลายตัวที่เป็น Trigger ใครกินกาแฟเยอะ
00:16:15 → 00:16:17 ลองสังเกตซิลองลดกาแฟดูอาจจะช่วยก็ได้นะ
00:16:18 → 00:16:20 ครับแล้วก็ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพราะว่า
00:16:20 → 00:16:22 การออกกำลังกายเนี่ยมันจะช่วยทำให้ระดับ
00:16:22 → 00:16:25 สารเคมีในร่างกายเรารวมถึงในสมองเนี่ยมัน
00:16:25 → 00:16:28 ค่อนข้างจะ Balance นะครับระบบต่างๆทำงาน
00:16:28 → 00:16:31 ได้ดีแล้วก็เมื่อไหร่ก็ตามที่เรารู้สึก
00:16:31 → 00:16:33 ปวดหัวไมเกรนนะครับหยุดพักเลยหยุดกิจกรรม
00:16:33 → 00:16:35 ก่อนนะครับไปอยู่ที่เงียบๆนอนหลับพักผ่อน
00:16:35 → 00:16:39 อยู่นิ่งๆเงียบๆไม่มีแสงนะครับมันก็อาจจะ
00:16:39 → 00:16:41 ช่วยได้แล้วก็อีกทางเรื่องนึงคือเอาน้ำ
00:16:41 → 00:16:43 แข็งอะไรอย่างเงี้ยมาโปะเข้าไปที่หน้าผาก
00:16:43 → 00:16:46 เลยนะครับอาจจะคุมด้วยผ้าเนาะป้องกันการ
00:16:46 → 00:16:48 เบิร์นจากความเย็นนิดหน่อยนะครับบอกว่าไป
00:16:48 → 00:16:50 ซัก 10 ซัก 15 นาทีความเย็นมันก็ช่วยทำ
00:16:50 → 00:16:53 ให้หลอดเลือดเนี่ยมันหดตัวลงมันก็อาจจะทำ
00:16:53 → 00:16:56 ให้เราปวดหัวลดน้อยลงและดื่มน้ำเยอะๆช่วย
00:16:56 → 00:16:58 ได้นะครับเพราะบางครั้งในอาจจะเกิดจากการ
00:16:58 → 00:17:01 ที่เราขาดน้ำก็เป็นได้เนาะเพราะฉะนั้นต่อ
00:17:01 → 00:17:04 ไปนะครับเวลาที่เราปวดหัว
00:17:04 → 00:17:06 ตึ๊บๆหรือปวดหัวข้างเดียวอย่าเพิ่งด่วนตก
00:17:06 → 00:17:09 ใจหรืออย่าเพิ่งโทษว่าเฮ้ยมันคือ
00:17:09 → 00:17:12 ไมเกรนเนาะลองสังเกตอาการดีๆนะครับไมเกรน
00:17:12 → 00:17:15 จะมีอาการเฉพาะแต่ถ้าเกิดว่าใครสังเกต
00:17:15 → 00:17:18 แล้วเฮ้ยมันเข้าข่ายไมเกรนแน่ๆไงก็ลองดู
00:17:18 → 00:17:20 ตัวเองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือถ้าเกิดยัง
00:17:20 → 00:17:23 ไม่ดีขึ้นไปพบคุณหมอให้คุณหมอจ่ายยาเพื่อ
00:17:23 → 00:17:25 ความปลอดภัยในการรักษาด้วยตัวเองอย่าง
00:17:25 → 00:17:28 เดียวนะครับเพราะฉะนั้นลองสังเกตตัวเองนะ
00:17:28 → 00:17:30 ครับว่าเราปวดหัวแบบไหนจะได้รักษาได้ถูก
00:17:30 → 00:17:34 ต้องตรงจุดนะครับ