00:00:00 → 00:00:02 สวัสดีค่ะหมอแดงแพท์แผนไทยค่ะวันนี้อยาก
00:00:02 → 00:00:04 จะมาแนะนำหนังสือสุขภาพเล่มนึงนะคะไม่ได้
00:00:04 → 00:00:06 แนะนำหนังสือสุขภาพมานานแล้วเนาะเล่มเได้
00:00:06 → 00:00:08 มานานแล้วแต่เพิ่งอ่านจบเมื่อไม่นานมานี้
00:00:08 → 00:00:11 เนาะแล้วก็รู้สึกว่าเป็นประโยชน์ค่ะคือ
00:00:11 → 00:00:13 แดงรู้สึกว่าเวลาที่เราอยากที่จะรู้
00:00:13 → 00:00:17 เรื่องอะไรในเชิงลึกอ่ะเป็นไปได้เรารู้
00:00:17 → 00:00:19 จักไปถึงจุดกำเนิดของมันเนี่ยมันจะทำให้
00:00:19 → 00:00:24 เราเห็นวิวัฒนาการแล้วก็ภาพรวมได้ดียิ่ง
00:00:24 → 00:00:26 ขึ้นเหมือนเราอยากรู้จักประวัติศาสตร์
00:00:26 → 00:00:28 ชาติไทยอย่างเงี้ยว่าเอ้ยทำไมเราถึงมี
00:00:28 → 00:00:30 วัฒนธรรมแบบนี้เราถึงคิดแบบนี้เราถึงกิน
00:00:30 → 00:00:32 แบบนี้เราถึงอยู่แบบนี้เราถึงเจ็บป่วยแบบ
00:00:32 → 00:00:35 นี้การที่จะศึกษาไปถึงต้นรากศึกษา
00:00:35 → 00:00:38 ประวัติศาสตร์เนี่ยถึงสำคัญเพราะมันทำให้
00:00:38 → 00:00:41 เรารู้บริบทว่าอะไรที่พัฒนาให้เราคนไทย
00:00:41 → 00:00:43 อ่ะเป็นแบบนี้เหมือนกันเลยค่ะเวลาจะศึกษา
00:00:43 → 00:00:45 เรื่องสุขภาพเนี่ยสุขภาพเราพัฒนามาจาก
00:00:45 → 00:00:48 อะไรมาจากเซลล์เดียวค่ะเซลล์เดียวที่
00:00:48 → 00:00:52 ต้องการอยู่รอดถึงมารวมกันเป็นกลุ่มเซลล์
00:00:52 → 00:00:54 พอเรารู้จักไปที่ต้นรากอ่ะเหมือนเราศึกษา
00:00:54 → 00:00:56 ประวัติศาสตร์เลยแต่เราศึกษาไปที่เซลล์
00:00:56 → 00:00:59 เนี่ยมันจะทำให้เราเข้าใจกระบวนการ
00:00:59 → 00:01:02 วิวัฒนาการของเราเองแล้วก็นำมาดูแลสุขภาพ
00:01:02 → 00:01:04 ได้ในแบบองค์รวมมากยิ่งขึ้นซึ่งแงว่าเล่ม
00:01:05 → 00:01:08 เดีคนเขียนเนี่ยเป็นนักชีววิทยาระดับ
00:01:08 → 00:01:10 เซลล์เลยนะคะแล้วก็มุ่งเน้นในเรื่องของ
00:01:10 → 00:01:12 วิทยาศาสตร์นั่นแหละแต่มันมีจุดเปลี่ยน
00:01:12 → 00:01:15 ค่ะเรื่องของชีวิตการทำงานของเขาเองอ่ะ
00:01:15 → 00:01:17 ที่ทำให้เารู้สึกว่าเฮ้ยวิทยาศาสตร์อาจจะ
00:01:17 → 00:01:19 ไม่ได้ตอบโจทย์มันทำให้เขาให้ความสำคัญ
00:01:19 → 00:01:22 กับจิตใจเนาะแล้วก็เป็นคนที่เชื่อม
00:01:22 → 00:01:26 ระหว่างวิทยาศาสตร์กับจิตวิญญาณให้คนเข้า
00:01:26 → 00:01:29 ใจองค์รวมแบบเนี้ยได้นะคะหนังสือเล่ม
00:01:29 → 00:01:31 เนี้ยชื่อว่า The Biology of belief
00:01:31 → 00:01:35 นะคะอันเนี้ยเป็นฉบับแปลแล้วนะชื่อมันจะ
00:01:35 → 00:01:36 เป็นแบบนี้แต่ว่ามันจะมีคำว่าเขียนว่า
00:01:36 → 00:01:39 ฉบับภาษาไทยนะคะอันเนี้ยดังได้มาจากเอ่อ
00:01:39 → 00:01:43 คิโนคุนิยะนะคะเขียนโดยดร Bruce ลิปตันนะ
00:01:43 → 00:01:45 คะท่านก็เป็นอย่างที่บอกเป็นนักชวิทยาชาว
00:01:45 → 00:01:48 อเมริกันเนาะแล้วก็เขียนเล่มเนี้ยมา 10
00:01:48 → 00:01:52 กว่าปีแล้วนะคะตั้งแต่ปี 2004 ได้นะคะคือ
00:01:52 → 00:01:54 เล่มเยหลักๆนะแต่อยากให้ทุกคนไปลองหามา
00:01:54 → 00:01:57 อ่านดูถ้าเกิดสนใจนะคะเล่มค่อนข้างหนางาน
00:01:57 → 00:01:59 วิจัยก็ค่อนข้างเยอะแต่ว่าในพาร์ทหลังๆ
00:01:59 → 00:02:02 เนี่ยท่านจะเริ่มเอามาเชื่อมกับภายในและ
00:02:02 → 00:02:05 แล้วสิ่งที่แดงได้จากเล่มเนี้ยแดงขอสรุป
00:02:05 → 00:02:07 เป็นความคิดของแดงเองแล้วกันเนาะ 5 ข้อนะ
00:02:07 → 00:02:10 คะ 1 เลยก็คือทำได้รู้ว่าเซลล์เนี่ยยมัน
00:02:10 → 00:02:13 มียีนในการอยู่รอดอยู่แล้วค่ะเพราะฉะนั้น
00:02:13 → 00:02:15 เราอ่ะไม่ต้องเป็นห่วงว่าเราจะแบบอ่อนแอ
00:02:15 → 00:02:17 เพราะจริงๆแล้วอ่ะร่างกายเราเวลามันป่วย
00:02:17 → 00:02:20 ไข้อ่ะเซลล์เล็กๆเล็ๆของเราอ่ะมันมีความ
00:02:20 → 00:02:23 แบบอยากจะอยู่รอดอยู่แล้วอ่ะมันช่วยเหลือ
00:02:23 → 00:02:26 เราอยู่แล้วถ้าเกิดเรารู้อ่ะเราจะพยายาม
00:02:26 → 00:02:28 ใช้ชีวิตอ่ะเอื้อให้เขาได้ฟื้นฟูตัวเอง
00:02:28 → 00:02:31 ได้มากที่สุดนะคะเพราะว่าพื้นเหมือนกัน
00:02:31 → 00:02:34 คือต้องการอยู่รอดนะคะไม่ต้องกลัวมากเกิน
00:02:34 → 00:02:37 ไป 2 ก็คือในร่างกายเราเนี่ยประกอบด้วยโห
00:02:37 → 00:02:40 เซลล์ไม่รู้กี่พันกี่ร้อยล้านเซล์เนาะแต่
00:02:40 → 00:02:42 มันมารวมกันมันจะทำงานสะเปสะปะค่ะทุก
00:02:42 → 00:02:46 อย่างต้องรับฟังจากหน่วยกลางก็คือสมองนะ
00:02:46 → 00:02:49 คะสมองเนี่ยเป็นหน่วยบัญชาการส่วนเดียว
00:02:49 → 00:02:51 เลยไม่งั้นอวัยวะมันก็ทำงานไม่สอดประสาน
00:02:51 → 00:02:54 ถูกมเพราะฉะนั้นความคิดกับความเชื่อจึง
00:02:54 → 00:02:58 เป็นแก่นค่ะจึงสำคัญที่สุดมากกว่ายีนอีก
00:02:58 → 00:03:00 ถ้าเรารู้ตรงเนี้ยเราจะรู้เลยว่าเวลาเรา
00:03:00 → 00:03:03 ปวดไข้หรือเราสุขภาพดีอยู่ก็ตามเถอะเราจะ
00:03:03 → 00:03:06 คิดยังไงเชื่อยังไงเพื่อให้ร่างกายเรามัน
00:03:06 → 00:03:10 สมานมันเดินหน้ามันสุขภาพดีนะคะความคิด
00:03:10 → 00:03:13 ความเชื่อคือสำคัญ 3 ก็คืออย่างที่บอกไป
00:03:13 → 00:03:16 เลยว่าความเชื่อมีพลังอานุภาพมากกว่ายีน
00:03:16 → 00:03:20 ของเราค่ะสังเกตมยคนที่มีความเชื่อว่าที่
00:03:20 → 00:03:22 บ้านมีโรคประจำตัวเป็นโรคเบาหวานโรคความ
00:03:22 → 00:03:25 ดันโรคพันธุกรรมต่างๆเราก็คงได้รับมาเรา
00:03:25 → 00:03:27 คงต้องเป็นอย่างนั้นบ้างอย่างเงี้ยกับอีก
00:03:27 → 00:03:29 คนนึงที่พ่อกับแม่เคก็เป็นเหมือนกันแต่เค
00:03:29 → 00:03:31 มีความคิดอีกแบบนึงว่าเค้ามีชีวิตทุกวัน
00:03:31 → 00:03:33 เนี้ยเคสามารถใช้ชีวิตเพื่อให้สุขภาพเขา
00:03:33 → 00:03:36 ดีได้เไม่ใช่คนเดียวกับพ่อกับแม่เาสุขภาพ
00:03:36 → 00:03:38 ของ 2 คนเนี้ยก็ต่างกันเพราะฉะนั้นมัน
00:03:38 → 00:03:41 ต่างกันที่ความเชื่อค่ะแปลว่าอะไรเรา
00:03:41 → 00:03:43 เปลี่ยนได้เราเปลี่ยนทุกอย่างได้เพียงแค่
00:03:43 → 00:03:45 ว่าเราอยู่กับปัจจุบันในเล่มเนี้ยมันจะมี
00:03:45 → 00:03:48 บทนึงด้วยนะคะที่เคพูดบอกว่าคนที่มีความ
00:03:48 → 00:03:50 เชื่อหรือทัศนคติเกี่ยวกับความชราความแก่
00:03:50 → 00:03:54 ชราในแบบที่ดีอ่ะก็จะมีชีวิตวัยชราที่ดี
00:03:54 → 00:03:56 แตกต่างจากคนที่มองว่าเฮ้ยแก่เราไม่มี
00:03:56 → 00:03:58 อะไรดีเลยอ่ะเดี๋ยวอันนั้นก็ป่วยเดี๋ยว
00:03:58 → 00:04:00 อันนี้ก็เสื่อมมีแต่แต่ความหงอยเหงามีแต่
00:04:00 → 00:04:04 ความเสื่อมถอยเจะมีชีวิตวชดาในอีกแบบนึง
00:04:04 → 00:04:06 นะคะเพราะฉะนั้นความคิดความเชื่อแสดงว่า
00:04:06 → 00:04:09 สำคัญมากๆเลยข้อ 4 ก็คือความกลัวไม่น่า
00:04:09 → 00:04:11 กลัวเท่ากับความรู้สึกที่เรามีต่อความ
00:04:11 → 00:04:14 กลัวค่ะคืออารมณ์ความรู้สึกกลัวเนี่ยมัน
00:04:14 → 00:04:16 เป็นอารมณ์ตามธรรมชาติพื้นฐานทำให้เรา
00:04:16 → 00:04:18 อยู่รอดมานี่แหละเพราะฉะนั้นถ้าเกิดเรา
00:04:18 → 00:04:20 มองมันอย่างเป็นมิตรอ่ะว่าเอ้ยเราก็ต้อง
00:04:20 → 00:04:22 กลัวอยู่แล้วอ่ะอ่ะใครไม่กลัวบ้างความมืด
00:04:22 → 00:04:25 ความไม่แน่นอนความเสื่อมของร่างกายนะคะ
00:04:25 → 00:04:28 แต่ความรู้สึกที่เรามีต่อความกลัวต่างหาก
00:04:28 → 00:04:31 ที่มันจะทำให้ผลลัพธ์อ่ะมันแตกต่างกันบาง
00:04:31 → 00:04:34 คนพอกลัวปุ๊บโอ้โหแย่และจินตนาการเกี่ยว
00:04:34 → 00:04:36 กับความกลัวความแก่ชราความเสื่อมโรคภัย
00:04:37 → 00:04:39 ยิ่งทำให้จำกัดนะคะเาจะรู้สึกว่าเฮ้ยดิ่ง
00:04:39 → 00:04:42 ไม่มีอะไรดีเลยจิตใจหมกมุ่นไปแต่ความกลัว
00:04:42 → 00:04:44 เพราะว่าคิดถึงแต่เรื่องเหล่านี้ก็จะส่ง
00:04:44 → 00:04:47 ผลต่อความอยู่ดีมีสุขของเราแต่ถ้าเกิดเรา
00:04:47 → 00:04:49 มองความกลัวว่าเอ้ยมันเป็นความจริงที่
00:04:49 → 00:04:51 ต้องเจอเราจะบริหารจัดการยังไงล่ะเราจะพา
00:04:51 → 00:04:54 ตัวเองไปอยู่กับสภาพแวดล้อมแบบไหนที่น่า
00:04:54 → 00:04:56 จะดีกับร่างกายเราแล้วก็ความรู้สึกของเรา
00:04:56 → 00:04:59 ในตอนนี้มันจะทำให้ผลของการอยู่ดีมีสุข
00:04:59 → 00:05:01 ของเราน่ะแตกต่างกันไปเพราะฉะนั้นความ
00:05:01 → 00:05:03 กลัวไม่น่ากลัวนะคะแต่ขอให้เรามีความรู้
00:05:03 → 00:05:06 สึกกับความกลัวที่ดีเราจะมีวิธีการแนจ
00:05:06 → 00:05:09 สุขภาพของเราได้ดียิ่งขึ้นค่ะข้อสุดท้าย
00:05:09 → 00:05:11 ก็คือแล้วเราจะสามารถเอาชนะความรู้สึกที่
00:05:11 → 00:05:14 เรามีต่อความกลัวอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ
00:05:14 → 00:05:16 เล่่มนี้เคก็แนะนำไว้มีหลายอย่างเลยแต่
00:05:16 → 00:05:20 ว่าแแดงสรุปออกมาได้ 3 ข้อนะก็คือ 1 ค่ะ
00:05:20 → 00:05:24 สภาวะที่ผ่อนคลายช่วยจัดการกับความกลัวใน
00:05:24 → 00:05:27 แบบที่ไม่ดีได้ค่ะสภาวะที่ผ่อนคลายเนี่ย
00:05:27 → 00:05:30 มันจะตรงข้ามกับสภาวะที่ต้องต่อสู้หรือ
00:05:30 → 00:05:32 ว่าหนีนะคะไอ้สภาวะเหล่าเนี้ยจะทำให้ร่าง
00:05:32 → 00:05:34 กายมีความเครียดมีความเป็นกรดแล้วเซลล์
00:05:34 → 00:05:36 ที่ดีๆก็จะตายไปได้ง่ายมากเลยแต่สภาวะ
00:05:37 → 00:05:39 ผ่อนคลายเนี่ยมันแตกต่างกันค่ะสภาวะผ่อน
00:05:39 → 00:05:43 คลายเกิดได้จากอะไรได้บ้าง 1 เลยนะคะการ
00:05:43 → 00:05:46 หายใจคือการหายใจอ่ะมันเป็นอะไรที่
00:05:46 → 00:05:49 มหัศจรรย์มากๆเลยนะแดงก็รอดจากอาการไม่
00:05:49 → 00:05:51 สบายเนื้อไม่สบายตัวหลายๆอย่างของแดงหลาย
00:05:51 → 00:05:53 ๆครั้งมาจากการหายใจนี่แหละค่ะเให้เรารู้
00:05:53 → 00:05:55 สึกว่าปวดท้องไม่ปลอดภัยเหมือนจะเป็น
00:05:55 → 00:06:00 แพนิครู้สึกมีความกลัวสับสนการหายใจอย่าง
00:06:00 → 00:06:03 มีประสิทธิภาพจะเป็นการมอบออกซิเจนให้กับ
00:06:03 → 00:06:05 เซลล์ในร่างกายของเราค่ะคือเซลล์อ่ะอย่าง
00:06:05 → 00:06:07 ที่บอกว่ามันอยากอยู่รอดอยู่แล้วเนอะแต่
00:06:07 → 00:06:09 ช่วงที่ร่างกายเราสับสนน่ะมันไม่รู้ว่า
00:06:09 → 00:06:12 เกิดอะไรขึ้นน่ะแต่การที่เราหายใจลึกๆ
00:06:12 → 00:06:14 เข้าไปเนี่ยมันเป็นการเหมือนคูดาวอ่ะ
00:06:14 → 00:06:16 เหมือนลูกตัวสั่นแล้วะแม่ไปกอดอ่ะนั่น
00:06:16 → 00:06:18 แหละค่ะลิ่งเป็นแบบนั้นเลยถ้าเราได้ให้
00:06:19 → 00:06:21 สิ่งดีๆกับเซลล์ของเราทำให้มันรู้สึกปลอด
00:06:21 → 00:06:23 ภัยซึ่งทำได้ด้วยการหายใจเนี่ยเราจะ
00:06:23 → 00:06:26 สามารถออกจากความกลัวตรงนั้นน่ะได้แล้วมี
00:06:26 → 00:06:29 สติได้ดียิ่งขึ้นด้วยทำอะไรได้อีกสมาธิ
00:06:29 → 00:06:33 ค่ะช่วยได้โยคะช่วยได้การสวดมนต์ช่วยได้
00:06:33 → 00:06:36 การอยู่กับคลื่นเสียงหรือบรรยากาศที่ทำ
00:06:36 → 00:06:38 ให้เรารู้สึกผ่อนคลายช่วยได้เพราะฉะนั้น
00:06:38 → 00:06:41 เวลาที่เราอยากดูแลสุขภาพก็พาตัวเองไป
00:06:41 → 00:06:44 อยู่ในสภาวะที่ผ่อนคลายแบบนี้ให้ได้บ่อยๆ
00:06:44 → 00:06:47 2 ก็คือความสัมพันธ์ที่ดีค่ะช่วยให้เรา
00:06:47 → 00:06:50 ออกจากความกลัวได้มนุษย์เราอ่ะคำเดียวเลย
00:06:50 → 00:06:52 นะคะอย่าแยกตัวอันนี้ไม่เกี่ยวกับคำว่า
00:06:52 → 00:06:54 introvert หรือ extrovert นะมนุษย์เรา
00:06:54 → 00:06:56 มันมีทั้ง 2 ขั้วนะอยู่ในร่างกายเราอยู่
00:06:56 → 00:06:59 แล้วค่ะเป็นปกติเพียงแต่ในช่วงไหนเวลาไหน
00:06:59 → 00:07:01 ที่มันจะเด่นเท่านั้นเองแต่คำว่าไม่แยก
00:07:01 → 00:07:03 ตัวหมายความว่าความสัมพันธ์ที่ดีเนี่ยมัน
00:07:03 → 00:07:07 จะต้องมีการไปพบปะพูดคุยพบเจอการให้การ
00:07:07 → 00:07:09 รับกันอยู่บ้างนะคะซึ่งตรงเนี้ยมันจะเป็น
00:07:09 → 00:07:13 พื้นฐานของความรู้สึกที่มีความหมายมีคุณ
00:07:13 → 00:07:16 ค่ามีประโยชน์เบิกบานปลอดภัยเป็นที่มาของ
00:07:16 → 00:07:19 ความรู้สึกในเชิงบวกและผ่อนคลายและอบอุ่น
00:07:19 → 00:07:22 ใจสุดท้ายก็คือความรักค่ะความรักเอาชนะ
00:07:22 → 00:07:25 ได้ทุกอย่างรวมทั้งความกลัวด้วยคนที่มี
00:07:26 → 00:07:28 ความกลัวเนี่ยแปลว่าเคขาดความรักให้รู้
00:07:28 → 00:07:31 ไว้เลยร่างกายเราก็เหมือนกันเซลล์เราก็
00:07:31 → 00:07:34 เหมือนกันค่ะเวลาที่มันทำงานผิดเพี้ยนไป
00:07:34 → 00:07:37 อ่ะมันอาจจะมาได้จากหลายอย่างนะคนที่ขาด
00:07:37 → 00:07:40 ความรักแสดงออกได้หลายอย่างมากเลยดื้อและ
00:07:40 → 00:07:43 รู้สึกว่าเฮ้ยฉันต้องประท้วงหรือว่าไม่ทำ
00:07:43 → 00:07:47 งานอู้นะคะเหมือนกันเวลาที่ท้องอืดเวลา
00:07:47 → 00:07:50 ที่ท้องเสียเวลาที่ท้องผูกเวลาที่หัวใจ
00:07:50 → 00:07:52 เต้นผิดจังหวะเนี่ยคือการแสดงออกของการ
00:07:52 → 00:07:55 ที่เซลล์ไม่ได้รับความรักการใส่ใจจากร่าง
00:07:55 → 00:07:58 กายของเราเพราะฉะนั้นให้ความรักเริ่มต้น
00:07:58 → 00:08:00 จากการรักตัวเองก็ได้ค่ะค่ะพอเรารักตัว
00:08:00 → 00:08:03 เองอ่ะวิธีการจะมาเองขอให้เริ่มต้นจาก
00:08:03 → 00:08:05 ความเชื่อตรงนี้ก่อนนะคะเพราะฉะนั้นเล่ม
00:08:05 → 00:08:07 นี้ก็เป็นอีกเล่มนึงที่จะทำให้เรารู้จัก
00:08:07 → 00:08:09 ตัวเองมากยิ่งขึ้นแล้วก็นำมาดูแลตัวเอง
00:08:09 → 00:08:11 ได้ดียิ่งขึ้นนะคะก็อย่างที่หนังสือเขา
00:08:11 → 00:08:13 บอกไว้เลยว่ามันเป็นศาสตร์แห่งการใช้ความ
00:08:13 → 00:08:16 คิดเพื่อสร้างชีวิตชีวิตเราเราสร้างได้
00:08:16 → 00:08:18 ค่ะเริ่มต้นที่ความคิดของเรานั่นเองนะคะ
00:08:18 → 00:08:20 ก็ผมว่าเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ลองไปหาซื้อ
00:08:20 → 00:08:22 มาอ่านดูนะคะแล้วเดี๋ยวครั้งต่อไปจะมี
00:08:22 → 00:08:25 เล่มไหนมาแนะนำอีกนะหรือว่าเรื่องอะไรที่
00:08:25 → 00:08:27 เป็นประโยชน์ก็กลับมาติดตามกันได้นะคะวัน
00:08:27 → 00:08:29 นี้แดงลาไปก่อนค่ะหัวดังแพทยแผ่นไทย
00:08:29 → 00:08:38 สวัสดี
00:08:38 → 00:08:41 ค่ะ