00:00:00 → 00:00:01 สมองขาดอากาศได้กี่นาทีนะครับ
00:00:01 → 00:00:02 >> 4 ค่ะ
00:00:02 → 00:00:04 >> อ่าเก่งมากครับเมื่อหัวใจหยุดเต้นไปแล้ว
00:00:04 → 00:00:06 อ่ะครับทุกอย่างหยุดครับภายใน 4 นาทีสมอง
00:00:06 → 00:00:09 จะขาดเลือดแล้วก็เข้าสู่ความตายเดี๋ยวนี้
00:00:09 → 00:00:11 มันมีโรคติดเชื้อเกิดขึ้นเยอะครับเราก็
00:00:11 → 00:00:14 ไม่แนะนำให้ทำการเป่าปากทุกรายแค่การทำ
00:00:14 → 00:00:16 CPR ก็สามารถช่วยคืนชีพได้การปลูกแบบไหน
00:00:16 → 00:00:19 เนี่ยที่เป็นอันตรายต่อคนได้ถ้าเราเขย่าเ
00:00:19 → 00:00:21 แบบเยครับอาจจะทำให้กระดูกคอได้รับการบาด
00:00:21 → 00:00:23 เจ็บการปฐมพยมที่ไม่ถูกวิธีจากการเคลื่อน
00:00:23 → 00:00:25 ย้ายก็เอาจจะเป็นอัมพาต
00:00:25 → 00:00:29 >> ทำไมการเรียกสติถึงสำคัญคะคือมันเจ็บจนจะ
00:00:29 → 00:00:29 หมดสติแล้วอ่ะค่ะ
00:00:30 → 00:00:32 >> ไม่จำเป็นนะ่ะครับไม่ว่าเราจะปลุกเราจะ
00:00:32 → 00:00:34 ยื้อสติเ้ายังไงยังไงเค้าก็หมดสติอยู่ดี
00:00:34 → 00:00:35 ครับ
00:00:35 → 00:00:37 >> การขนหน้าอกอย่างเดียวก็สามารถรอบชีวิต
00:00:37 → 00:00:39 ได้เหมือนกันกระดูกของกึ่งกลางหน้าอกครับ
00:00:39 → 00:00:42 มีความยืดหยุดมันไม่ได้แปลว่ากดปั๊บแล้ว
00:00:42 → 00:00:44 มันจะมีการหักของตัวของกระดูกอ่ะครับเรา
00:00:44 → 00:00:47 อย่าเพิ่งไปคิดว่าปอดเขาจะแตกมยหรือว่า
00:00:47 → 00:00:49 เขาจะได้รับบาดเจ็บข้างในมั้ยถ้าเราไม่ทำ
00:00:49 → 00:00:51 อะไรคือเขาเสียชีวิตแน่ๆ AD ก็เหมือนเป็น
00:00:51 → 00:00:53 เครื่องนำทางประเภทนึงเชื่อมั้ยครับว่า
00:00:53 → 00:00:55 เครื่องที่ดูแบบซับซ้อนอันเนี้ยอันนี้
00:00:55 → 00:00:57 แหละเป็นเครื่องประถมพยาบาลนะครับประชาชน
00:00:57 → 00:01:00 สามารถไปเอามาใช้ได้เลยฉันถอยเธอถอยทุกคน
00:01:01 → 00:01:04 ถอยจากนั้นให้ทำการกดปุ่ม
00:01:04 → 00:01:11 >> เกลาแก้โรคเกลานิสัยห่างไกลโรค
00:01:11 → 00:01:13 สวัสดีค่ะยินดีต้อนรับเข้าสู่รายการเกลา
00:01:13 → 00:01:16 แก้โรคค่ะ EP นี้นะคะพิเศษกว่าที่เคยผ่าน
00:01:16 → 00:01:18 มาเพราะว่าวันนี้เนี่ยเราอาจจะไม่ได้มา
00:01:18 → 00:01:20 คุยกันถึงโรคตรงๆแต่ว่าเราจะมาคุยใน
00:01:20 → 00:01:22 เรื่องของการช่วยชีวิตค่ะซึ่งต้องบอกเลย
00:01:22 → 00:01:24 นะคะว่า EP นี้เนี่ยอยากให้ทุกคนฟังเอา
00:01:24 → 00:01:27 ไว้มากๆเลยเพราะว่าวันนึงนะคะมันอาจจะ
00:01:27 → 00:01:29 เกิดขึ้นกับตัวเราหรืออาจจะเกิดขึ้นกับคน
00:01:29 → 00:01:31 ใกล้ตัวเราหรืออาจจะเกิดขึ้นกับคนที่เรา
00:01:31 → 00:01:33 ไม่เคยรู้จักเลยก็ได้แต่เราดันเป็นคนที่
00:01:33 → 00:01:37 ต้องช่วยเขาอ่ะวันนี้นะคะเราก็อยู่กับคุณ
00:01:37 → 00:01:39 หมอเจตนะคะแล้วก็คุณพยาบาลยอตจากเพจห้อง
00:01:39 → 00:01:41 ฉุกเฉินต้องรู้สวัสดีค่ะคุณหมอ
00:01:41 → 00:01:42 >> สวัสดีครับ
00:01:42 → 00:01:43 >> สวัสดีค่ะสวัสดีครับ
00:01:43 → 00:01:45 >> ยินดีต้อนรับเข้าสู่รายการเกลาแก้โรคนะคะ
00:01:45 → 00:01:46 >> ครับผม
00:01:46 → 00:01:48 >> ค่ะเมื่อวานคุณหมอไปให้เอ่อเค้าเรียกอะไร
00:01:48 → 00:01:49 ล่ะคะไปอบรมที่ไหนมา
00:01:49 → 00:01:52 >> ใช่ครับเมื่อวานไปบรรยายที่ร้อยเอ็ดครับ
00:01:52 → 00:01:53 เกี่ยวกับคณะพยาบาลนะครับก็ให้ความรู้
00:01:53 → 00:01:55 เรื่องของการปฐมพยาบาลนี่แหละครับ
00:01:56 → 00:01:57 >> อืคุณหมอว่าความรู้เกี่ยวกับการประปประ
00:01:58 → 00:02:00 ปฐมพยาพยาบาลเนี่ยค่ะสำคัญขนาดไหนคะ
00:02:00 → 00:02:02 >> จริงๆแล้วเนี่ยผมว่ามันเป็นสิ่งที่อยู่ใน
00:02:02 → 00:02:04 เกิดขึ้นได้กับทุกคนมีอันนึงนะครับสมาคม
00:02:04 → 00:02:07 โรคหัวใจบอกว่าโอกาสที่มนุษย์เราเนี่ยจะ
00:02:07 → 00:02:10 หมดสติไม่หายใจคุณแพนลองคิดว่ามันจะเกิด
00:02:10 → 00:02:12 ขึ้นที่บ้านหรือว่าที่โรงพยาบาลอันไหนมาก
00:02:12 → 00:02:15 กว่ากันใช่ถูกต้องแล้วครับ 70% ของ
00:02:15 → 00:02:17 ประชากรในโลกนี้นะหมดสติแล้วไม่หายใจอยู่
00:02:17 → 00:02:19 ที่บ้านนะครับการปั๊มหัวใจเกิดขึ้นที่
00:02:19 → 00:02:22 บ้านจะเห็นว่ามันเลยมีความสำคัญมากที่ทุก
00:02:22 → 00:02:24 คนต้องรู้เรื่องการปฐมพยาบาลนะครับ
00:02:24 → 00:02:26 >> อืค่ะแล้วในมุมของคุณยอตเป็นไงบ้างคะ
00:02:26 → 00:02:28 เรื่องการปฐมพยาบาลครับ
00:02:28 → 00:02:31 >> ก็พอในภาคของพยาบาลเนี่ยก็จะมีความใกล้
00:02:31 → 00:02:33 ชิดกับผู้ป่วยค่อนข้างเยอะเพราะฉะนั้น
00:02:33 → 00:02:35 แล้วเราจะต้องเรียนรู้ในการปฐมพยาบาล
00:02:35 → 00:02:38 เบื้องต้นก่อนที่คุณหมอจะมาถึงแล้วก็
00:02:38 → 00:02:41 พยาบาลเนี่ยมันจะมีเกี่ยวกับว่าการอบรมใน
00:02:41 → 00:02:43 ภาคประชาชนค่อนข้างเยอะจะเห็นว่าจะมีการ
00:02:43 → 00:02:47 อบรมทั้งในส่วนของอบต.ทั้งอสม.ก็คือจะ
00:02:47 → 00:02:49 เป็นในภาคประชาชนเป็นหลักแล้วก็มีหน้าที่
00:02:49 → 00:02:52 หลักเนี่ยในการอ่าสอนพี่ๆกู้ชีพด้วยครับ
00:02:52 → 00:02:54 เป็นเรื่องเกี่ยวกับการปฐมพยาบาลทั่วไป
00:02:54 → 00:02:55 เหมือนกัน
00:02:55 → 00:02:57 >> แล้วคุณหมอกับคุณยศคิดว่าปัจจุบันเนี้ยคน
00:02:57 → 00:03:00 ไทยมีความรู้เรื่องของการปฐมพยาบาลเยอะ
00:03:00 → 00:03:00 มั้คะ
00:03:00 → 00:03:02 >> คุณเพนด้ารู้มั้ยครับว่าอัตราการตายของ
00:03:02 → 00:03:04 มนุษย์เนี่ยมันจะเกิดขึ้นอยู่ 3 ระยะครับ
00:03:04 → 00:03:06 มันจะมีเขาจะแบ่งเป็นช่วงนะใช่มั้ยยอตมัน
00:03:07 → 00:03:08 จะเป็นกราฟอ่ะครับถ้าเราวาดกราฟได้นะมัน
00:03:08 → 00:03:11 จะมีคลื่นลูกที่ 1 สูงที่สุดอันที่ 2
00:03:11 → 00:03:13 แล้วก็อันที่ 3 มนุษย์เราเนี่ยตายมากที่
00:03:13 → 00:03:15 สุดเนี่ยคือ 1 ช่โมงแรกครับยกตัวอย่าง
00:03:15 → 00:03:18 เช่นถ้าหากว่ารถชนปึ้งอันเนี้ยชั่วโมงแรก
00:03:18 → 00:03:20 เนี่ยโอกาสตายสูงมากแต่ถ้าเกิดว่าการ
00:03:20 → 00:03:23 ปฐมพยาบาลเข้าไปถึงได้นะเราสามารถเข้าไป
00:03:23 → 00:03:25 ช่วยเค้าในชั่วโมงแรกเนี่ยโอกาสชีวิตก็จะ
00:03:25 → 00:03:28 มีสูงมากยอตเคยเจอเคสใช่มั้ครับที่แบบว่า
00:03:28 → 00:03:30 ถ้าเราช่วยเขาไม่ถึง 1 ช่โมงดูแลไม่ดี
00:03:30 → 00:03:33 เนี่ยพอเากลับบ้านผลลัพธ์มันไม่ค่อยดีใช่
00:03:33 → 00:03:33 มั้ย
00:03:33 → 00:03:35 >> ใช่ครับเพราะก็คือว่ามันจะมีเค้าเรียกว่า
00:03:35 → 00:03:38 การฟื้นฟูหลังจากการบาดเจ็บหรือภาวะป่วย
00:03:38 → 00:03:40 เนี่ยแต่ก่อนเเราจะมุ่งเน้นในการช่วย
00:03:40 → 00:03:42 ชีวิตเป็นหลักก่อนแต่ว่าในปัจจุบันเนี้ย
00:03:42 → 00:03:46 เราจะต้องมองระยะที่ไกลมากขึ้นมองตั้งแต่
00:03:46 → 00:03:49 ระยะยะจุดเกิดเหตุการปฐมพยาบันเบื้องต้น
00:03:49 → 00:03:52 การรักษาระหว่างนำส่งแล้วเราต้องมองไปมาก
00:03:52 → 00:03:54 ข้างหน้ามากขึ้นว่าในการฟื้นฟูเนี่ยเขา
00:03:54 → 00:03:56 กลับมาใช้ชีวิตได้ปกติมากที่สุดได้มั้
00:03:56 → 00:03:57 ครับ
00:03:57 → 00:03:59 >> คุณได้ดูข่าวบ้างมั้ยครับเกี่ยวกับพวกการ
00:03:59 → 00:04:00 ปฐมพยาบาลใช่
00:04:00 → 00:04:00 >> ค่ะ
00:04:00 → 00:04:03 >> ยังไงวะแบบเคยเห็นสมรักเงี้ย
00:04:03 → 00:04:04 >> โอ้เคยเห็นค่ะ
00:04:04 → 00:04:06 >> ครับเดี๋ยวผมถามว่าเออถ้าเป็นคุณแพนด้า
00:04:06 → 00:04:09 คุณแพนด้าจะทำไงมีอีกวันนึงนะผมถามยอได้
00:04:09 → 00:04:12 เค้าเแบบว่าเป็นคุณแม่อ่ะพาลูกไปกินซูชิ
00:04:12 → 00:04:14 มั้ยซูชิอ่ะพอกินกุ้งเสร็จปุ๊บเนี่ยปรากฏ
00:04:14 → 00:04:17 ว่าเด็กเริ่มน่าซีดเออเริ่มหน้าซีดอ่ะ
00:04:17 → 00:04:20 ครับเริ่มมีผืนขึ้นน่ะหายใจแบบถี่เงี้ย
00:04:20 → 00:04:23 เราควรทำไงดีครับหรือถ้าเป็นประชาชน
00:04:23 → 00:04:25 >> ถ้าเอาแบบว่ายังไม่รู้อะไรเลยใช่มั้ยมัน
00:04:25 → 00:04:27 ก็เราก็คิดว่าเราต้องเอาสิ่งที่มันติด
00:04:27 → 00:04:28 อยู่ออกมาให้ได้ก่อน
00:04:28 → 00:04:30 >> เออใช่ถูกต้องนะเป็นนึงก็คือเรื่องของการ
00:04:30 → 00:04:32 สำลักซึ่งเราจะได้คุยกันในวันนี้ด้วยครับ
00:04:32 → 00:04:34 จริงๆแล้วอันนี้เนี่ยมันเรียกว่าอาการแพ้
00:04:35 → 00:04:37 รุนแรงอ่ะครับแพ้รุนแรงมากครับผมอยากรู้
00:04:37 → 00:04:40 ว่าถ้าเกิดเป็นพยาบาลแพ้รุนแรงมีคำแนะนำ
00:04:40 → 00:04:40 อะไรมั้ครับ
00:04:40 → 00:04:42 >> สำหรับอาการแพ้รุนแรงเนี่ยมันจะมีหลาย
00:04:42 → 00:04:45 กลุ่มอาการแต่กลุ่มอาการที่มักจะพบพบได้
00:04:45 → 00:04:48 ชัดเจนที่สุดก็คืออ่าระบบผิวหนังในอาการ
00:04:48 → 00:04:51 แพ้เนี่ยมักจะเกิดมีผื่นคันตัวแดงหรือว่า
00:04:51 → 00:04:55 อาจจะมีปากบวมแล้วก็คอบวมได้ก็ถ้าในฐานะ
00:04:55 → 00:04:57 ที่เป็นประชาชนทั่วไปนะครับถ้าเกิดว่าทาน
00:04:57 → 00:04:59 ยาอยู่ก็รีบหยุดยาถ้าเกิดทานอาหารอะไรใน
00:04:59 → 00:05:02 มื้อนั้นอยู่ก็ให้หยุดแล้วก็รีบนำส่งโรง
00:05:02 → 00:05:05 พยาบาลหรือว่าถ้าระยะทางดูไกลแล้วคนไข้
00:05:05 → 00:05:08 อาการไม่ดีแนะนำโทร 1669 คืออย่างี้ครับ
00:05:08 → 00:05:11 พอดีว่าเค้าจะบอกว่าการนำผู้ป่วยไปเขาจะ
00:05:11 → 00:05:14 รู้สึกว่าเร็วกว่าแต่ว่าคือต้องมองอีกมุม
00:05:14 → 00:05:16 นึงคือถ้าถ้าเกิดว่าคนไข้อาการที่มันแย่
00:05:16 → 00:05:19 มากๆในระยะทางเนี้ยครับจริงอยู่ที่อาจจะ
00:05:19 → 00:05:22 รอทีมกู้ชีพมาแต่ว่าอย่าลืมนะครับว่าใน
00:05:22 → 00:05:24 ระหว่างทางเนี้ยถ้าเปิดเป็นประชาชนเนี่ย
00:05:24 → 00:05:27 จะไม่มีการให้การปฐมพยาบาลไม่มีการให้ยา
00:05:27 → 00:05:29 ให้น้ำเกลือหรือว่าการพ่นยาได้เลยระหว่าง
00:05:29 → 00:05:32 ทางใช่มั้ยครับถึงแม้ว่าอาจจะรอสักพักนึง
00:05:32 → 00:05:34 กว่ารถกู้ชีพจะมาแต่ว่าแน่นอนว่าการที่รถ
00:05:34 → 00:05:36 กู้ชีพมาถึงเนี่ยระหว่างทางในการไปถึงโรง
00:05:36 → 00:05:38 พยาบาลครับมันจะมีการปฐมพยาบาลการให้ยา
00:05:38 → 00:05:41 ซึ่งอัตราการรอดชีวิตจะมากขึ้นครับผม
00:05:41 → 00:05:45 >> อืค่ะอ่า 1669 ในนี้คือสิ่งที่เราอาจจะ
00:05:45 → 00:05:47 ต้องเมมกันเอาไว้
00:05:47 → 00:05:49 >> อ่าฮะโอเคเดี๋ยวเราจะคุยเรื่องนั้นกันต่อ
00:05:49 → 00:05:51 อีกครั้งนึงส่วนวันเนี้ยค่ะอยากรู้ใน
00:05:51 → 00:05:52 เรื่องของการที่
00:05:52 → 00:05:54 >> อ่ะเราอ่ะเวลาเราไปข้างนอกใช่มั้คะเราจะ
00:05:54 → 00:05:58 เจอตู้ตู้สีแดงๆอ่ามันจะมีแบบว่าเครื่อง
00:05:58 → 00:06:00 AED ก็ตามเนาะรวมถึงเรื่องความรู้เกี่ยว
00:06:00 → 00:06:02 กับการ CPR วันเนี้ยแพน้าอยากจะมาขอความ
00:06:02 → 00:06:05 รู้จากทั้งคุณหมอแล้วก็คุณพยาบาลว่าเรา
00:06:05 → 00:06:07 เนี่ยในฐานะประชาชนที่อาจจะไม่เคยทำไม่
00:06:07 → 00:06:09 เคยรู้เมื่อก่อนถ้าเราเป็นคนนั้นที่แหม
00:06:09 → 00:06:12 ต้องเป็นฮีโร่ละต้องช่วยละเราจะใช้ยังไง
00:06:12 → 00:06:14 แต่ว่าก่อนอื่นค่ะแพนด้าอยากรู้ว่าเราจะ
00:06:14 → 00:06:17 พูดถึงการหายใจการอยู่หายใจขอพูดถึงหัวใจ
00:06:17 → 00:06:19 ก่อนอ้าเราต้องรู้อะไรเกี่ยวกับหัวใจของ
00:06:19 → 00:06:21 เราบ้างคะคุณหมออย่างแรกเนี่ยเรื่องของ
00:06:22 → 00:06:24 เวลาที่แบบที่สุดของการปฐมพยาบาลคือ
00:06:24 → 00:06:26 เรื่องของการปั๊มหัวใจนะครับมนุษย์เรา
00:06:26 → 00:06:28 เนี่ยอยู่ได้ต้องมี 2 อย่าง 3 อย่างก็ได้
00:06:28 → 00:06:30 ครับอย่างแรกคือ 1 ต้องมีหัวใจที่ทำงาน
00:06:30 → 00:06:33 ได้ดีอย่างที่ 2 ต้องมีปอดที่หายใจได้ดี
00:06:33 → 00:06:36 นะและอย่างที่ 3 ก็ต้องมีสมองที่ดีด้วย
00:06:36 → 00:06:38 เพราะว่าอย่างแรกครับอ่าผมถามคุณแพนด้าดี
00:06:38 → 00:06:39 กว่า
00:06:39 → 00:06:42 >> เออวันนี้มีคำถามครับผมถามว่าคุณแพนด้า
00:06:42 → 00:06:44 คิดว่ามนุษย์เราเนี่ยตายมันก็มีอยู่ 2
00:06:44 → 00:06:48 เหตุ 1 หัวใจหยุดเต้นก็ตายบางคนปอดหยุดทำ
00:06:48 → 00:06:51 งานก็ตายถ้าเป็นเด็กบ้างอ่ะครับสถิติเด็ก
00:06:51 → 00:06:54 เนี่ยอัตราการตายของเด็กนั้นเกิดจากอะไร
00:06:54 → 00:06:56 กลไกการเกิดโรคของเด็กเกิดจากอะไรที่ทำ
00:06:56 → 00:06:59 ให้เขาตายกไก่ครับเกิดจากหัวใจหยุดเต้น
00:06:59 → 00:07:01 หรือขไข่เกิดจากปอดหยุดทำงาน
00:07:01 → 00:07:03 >> มันดีใจตรงที่มันมีช้อยส์นะคะ
00:07:03 → 00:07:06 >> ยังไงครับกไก่คอไข่ครับหรือคอควายแพนด้า
00:07:06 → 00:07:07 คิดว่า 2 อย่าง
00:07:07 → 00:07:09 >> คิดว่าแพนด้าคิดว่าเด็กเสียชีวิตเพราะปอด
00:07:09 → 00:07:13 >> ออเรามาดูคำตอบดีกว่าครับครับผมก็คือใน
00:07:13 → 00:07:15 เด็กนะครับผมอ่าสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิต
00:07:16 → 00:07:18 มากที่สุดเนี่ยก็คือการหยุดหายใจครับไม่
00:07:18 → 00:07:21 ว่าจะเป็นการจมน้ำสิ่งที่อุดกั้นทางเดิน
00:07:21 → 00:07:23 หายใจต่างๆคืออุบัติการมักจะเกิดจากการ
00:07:23 → 00:07:24 หายใจนั่นเองครับ
00:07:24 → 00:07:26 >> สรุปปอดหรือเป็นหัวใจคะ
00:07:26 → 00:07:27 >> เป็นปอดครับถูก
00:07:28 → 00:07:30 >> ใช่เก่งครับเด็กจมน้ำบ่อยมากจริงๆนะครับอ
00:07:30 → 00:07:32 ห้องฉุกเฉินนะถ้าเราทำงานห้องฉุกเฉินทุก
00:07:32 → 00:07:34 เวรน่ะต้องมีเด็กจมน้ำครับเพราะว่าเด็ก
00:07:34 → 00:07:37 ชอบเล่นกับน้ำไงและช่วงที่เป็นเทศกาลด้วย
00:07:37 → 00:07:40 ถ้าแบบอย่างเช่นสงกรานต์ลอยกระทงเด็กไป
00:07:40 → 00:07:42 เล่นน้ำก็จะจมน้ำอ่ะครับแล้วก็เสียชีวิต
00:07:42 → 00:07:44 ได้พอพอจมน้ำปุ๊บเนี่ยปอดมันก็เต็มไปด้วย
00:07:45 → 00:07:47 น้ำใช่มั้ยแต่ว่าหัวใจยังเต้นอยู่แต่สัก
00:07:47 → 00:07:49 พักนึงหัวใจก็หยุดเต้นแล้วก็เสียชีวิตที
00:07:49 → 00:07:52 เนี้ยเหตุมันเกิดจากการจมน้ำการที่ปอดมี
00:07:52 → 00:07:54 น้ำถ้าเราปั๊มหัวใจก็เป็นการทำให้เลือด
00:07:54 → 00:07:56 ยังคงไปเลี้ยงสมองอยู่ได้แต่ว่าการปั๊ม
00:07:57 → 00:07:59 หัวใจกรณีที่จมแนวจะพิเศษนิดนึงนะครับ
00:07:59 → 00:08:01 ต้องมีการช่วยหายใจด้วยแล้วก็เด็กเนี่ย
00:08:01 → 00:08:04 สำลักอาหารบ่อยมากบางทีผมเคยเจอเด็กตัว
00:08:04 → 00:08:07 เล็กๆนะประมาณซัก 6 เดือนเนี่ยครับคนผู้
00:08:07 → 00:08:09 เลี้ยงอ่ะเอาข้าวเหนียวให้กินน่ะเออปกติ
00:08:09 → 00:08:11 เด็ก 6 เดือนก็ควรจะกินแต่นมอย่างเดียว
00:08:11 → 00:08:12 ครับเอาข้าวเหนียวให้กินปรากฏว่าข้าว
00:08:12 → 00:08:14 เหนียวติดคอเด็กก็เสียชีวิตจากการขาด
00:08:14 → 00:08:16 อากาศหายใจแล้วถ้าเป็นผู้ใหญ่ครับคุณ
00:08:16 → 00:08:18 แพนด้าครับกไก่หรือขไข่
00:08:18 → 00:08:19 >> อ่ะมันต้องเป็นหัวใจแล้วล่ะค่ะ
00:08:19 → 00:08:22 >> เออใช่ๆทำไมผู้ใหญ่ถึงเป็นหัวใจนะ
00:08:22 → 00:08:25 >> ครับผมถ้าในผู้ใหญ่เนี่ยอันดับแรกมักจะมา
00:08:25 → 00:08:27 จากโรคประจำตัวก่อนซะส่วนมากนะในในระดับ
00:08:27 → 00:08:30 นึงนะครับอาจจะมาจากโรคความดันโรคเบาหวาน
00:08:30 → 00:08:33 ก็จะทำให้พวกหลอดเลือดหรือว่าตามส่วนต่าง
00:08:33 → 00:08:36 ๆร่างกายเนี่ยมีความผิดปกติรวมถึงก็
00:08:36 → 00:08:39 เกี่ยวกับอ่าการใช้สารบางอย่างที่อาจจะ
00:08:39 → 00:08:42 แบบเป็นเรื่องของสุราหรือหรือว่า 30 ติด
00:08:42 → 00:08:44 พวกนี้นะครับก็จะทำให้มีผลต่อระบบหัวใจ
00:08:45 → 00:08:47 เนี่ยมากขึ้นรวมถึงอีกอันนึงที่เรามักพบ
00:08:47 → 00:08:49 ได้เกี่ยวกับของหัวใจก็คือการออกกำลังกาย
00:08:49 → 00:08:52 หนักๆการโหมทำงานมากๆหรือแม้แต่การพัก
00:08:52 → 00:08:54 ผ่อนไม่เพียงพอซึ่งทุกอย่างเหล่าเนี้ยมัน
00:08:54 → 00:08:56 ก็ไม่ได้เกิดขึ้นที่ปอดโดยตรงแต่ว่ามันก็
00:08:56 → 00:08:59 ไปส่งผลต่อหัวใจมากๆครับผมยิ่งเช่นยิ่ง
00:08:59 → 00:09:02 ตัวของบุหรี่บุหรี่เนี่ยคุณหมอที่จะเป็น
00:09:02 → 00:09:04 อ่าคุณหมอหัวใจกับคุณหมอกระดูกเนี่ยเขาจะ
00:09:04 → 00:09:06 ไม่ค่อยชอบเลยคนไข้ที่ดูดบุหรี่เพราะว่า 1
00:09:07 → 00:09:09 กระดูกจะไม่ติดนะฮะติดได้ยากในคนไข้ที่
00:09:09 → 00:09:12 กรณีกระดูกหักอย่างเช่นถ้ากระดูกเนี่ยควร
00:09:12 → 00:09:14 จะติดประมาณสัก 1 เดือนเงี้ยคนที่สูบ
00:09:14 → 00:09:16 บุหรี่เป็นประจำอาจจะใช้เวลา 3-4 เดือน
00:09:16 → 00:09:18 กว่ากระดูกจะติดได้เลยส่วนหัวใจเนี่ยผนัง
00:09:19 → 00:09:21 หลอดเลือดเอยหรือว่ากล้ามเนื้อหัวใจเนี่ย
00:09:21 → 00:09:22 จะไม่ค่อยชอบบุหรี่เพราะว่ามันทำลายพวก
00:09:22 → 00:09:24 หลอดเลือดได้ง่าย
00:09:24 → 00:09:26 >> อู้มีข้อสงสัยนิดนึงค่ะว่าอย่างอย่างที่
00:09:26 → 00:09:28 บอกว่าผู้ใหญ่เนี่ยอาจจะเสียชีวิตจาก
00:09:28 → 00:09:31 เรื่องของหัวใจมากกว่ามาจากพฤติกรรมความ
00:09:31 → 00:09:34 เครียดการโหมทำงานหรือว่ารวมถึงเอ่อโรค
00:09:34 → 00:09:37 ต่างๆคืออันนี้หหมายความว่าไปเกี่ยวกับ
00:09:37 → 00:09:39 หัวใจคือจังหวะการเต้นหรือเปล่าคะหรือว่า
00:09:39 → 00:09:39 ยังไง
00:09:39 → 00:09:41 >> ครับปัญหาหลักๆคือเรื่องของเส้นเลือดหัว
00:09:41 → 00:09:42 ใจตีบครับ
00:09:42 → 00:09:43 >> อ๋อ
00:09:43 → 00:09:45 >> ผมให้ดูโมเดลของหัวใจนะครับอันนี้เป็นหัว
00:09:45 → 00:09:47 ใจของคนเราครับหัวใจจริงๆแล้วหัวใจไม่ได้
00:09:47 → 00:09:49 ใหญ่ขนาดนี้นะ
00:09:49 → 00:09:51 >> หัวใจคนเรามีขนาดเท่ากับกำปั้นครับมันก็
00:09:51 → 00:09:53 อยู่จริงๆถ้าตอนที่เรียนจะอยู่ด้านซ้าย
00:09:53 → 00:09:55 จริงๆแล้วหัวใจอยู่ตรงกลางนะครับเวลาที่
00:09:55 → 00:09:58 เราปั๊มหัวใจเราจึงเอามือกดอยู่ตรงกลาง
00:09:58 → 00:10:00 เพราะหัวใจอยู่ตรงกลางหัวใจอยู่ตรงเนี้ย
00:10:00 → 00:10:02 ตรงกลางครับทีนี้ในรูปเนี้ยครับในภาพนี้
00:10:02 → 00:10:05 ก็คือเราจะเห็นเส้นเลือดหัวใจหัวใจทำงาน
00:10:05 → 00:10:07 ได้มันก็ต้องมีเลือดมาเลี้ยงมันก็จะมี
00:10:07 → 00:10:09 เส้นเลือดใหญ่ๆอยู่ 2 เส้นนะครับพอเรา
00:10:09 → 00:10:10 อายุมากขึ้นเนี่ยเส้นเส้นเลือดมันก็
00:10:11 → 00:10:13 เหมือนเป็นท่ออ่ะที่มีไขมันอยู่ข้างในมี
00:10:13 → 00:10:16 ตะกันสมมุติว่าเรากินอาหารที่มีไขมันสูง
00:10:16 → 00:10:18 หรือว่าสูบบุหรี่เป็นต้นนะครับก็ทำให้
00:10:18 → 00:10:21 เส้นเลือดมันดูสกปรกอ่ะมีตะกันมากขึ้นวัน
00:10:21 → 00:10:24 ดีคืนดีมันก็ตีบพอตีบเสร็จปุ๊บเนี่ยส่วน
00:10:24 → 00:10:26 เนี้ยมันก็จะขาดเลือดมันก็ทำให้หัวใจเกิด
00:10:26 → 00:10:28 การเต้นพริ้วได้ครับทีนี้สำคัญมากเลยครับ
00:10:28 → 00:10:31 ปัจจุบันเนี่ยการปั๊มหัวใจสมัยก่อนเราจะ
00:10:31 → 00:10:33 คุยกันเรื่องของการกดหน้าอกยังไงให้ถูก
00:10:33 → 00:10:34 วิธีแต่ปัจจุบันเนี่ยแนวโน้มเปลี่ยนไป
00:10:34 → 00:10:37 เยอะนะครับเราคุยเรื่องของการป้องกันไม่
00:10:37 → 00:10:39 ให้เกิดการปั๊มหัวใจขึ้น
00:10:39 → 00:10:39 >> อือื
00:10:39 → 00:10:41 >> ครับยกตัวอย่างเช่นอ่ะผมถามคุณแพน่ากลับ
00:10:41 → 00:10:42 ดีกว่าครับอย่างเมื่อกี้เราคุยกันเรื่อง
00:10:42 → 00:10:45 เด็กใช่มั้ครับเด็กเสียชีวิตส่วนใหญ่มา
00:10:45 → 00:10:47 จากการขาดอากาศหายใจถ้าเกิดว่าไปเรียน
00:10:47 → 00:10:49 เรื่องกรรมปฐมพยาบาลปัจจุบันเน้นย้ำว่าคำ
00:10:49 → 00:10:51 ถามกับทุกท่านหรือท่านที่ฟังอยู่ที่นี่ก็
00:10:51 → 00:10:54 ได้ครับว่าเราจะมีวิธีป้องกันยังไงไม่ให้
00:10:54 → 00:10:56 เด็กขาดอากาศหายใจครับเดี๋ผมถามคุณแพนด้า
00:10:56 → 00:10:59 ก่อนเดี๋ค่อยถามน้องยอครับ
00:10:59 → 00:11:00 >> คำถาม
00:11:00 → 00:11:01 >> เพราะถ้าเราป้องกันได้เราก็ไม่ต้องปั๊ม
00:11:01 → 00:11:03 หัวใจเใช่มั้ยครับโอกาสรอดชีวิตก็ไม่สูง
00:11:03 → 00:11:06 >> เออหมายถึงว่าเราต้องดูแลเด็กหรอกค่ะไม่
00:11:06 → 00:11:08 ให้เขาไปอยู่ในสิ่งที่มันมีโอกาสเสี่ยง
00:11:08 → 00:11:11 พื้นที่ที่มีโอกาสเสี่ยงที่จะทำให้เขาได้
00:11:11 → 00:11:13 รับสิ่งที่มันไปทำให้ปอดเขาทำงานไม่ได้
00:11:13 → 00:11:16 >> ใช่ครับอย่างเช่นการจมน้ำครับเวลาที่พา
00:11:16 → 00:11:18 บุตรหลานไปเล่นน้ำเงี้ยในสระว่ายน้ำอ่ะ
00:11:18 → 00:11:20 บางทีรู้สึกแบบน้ำมันตื้นน่ะไม่เป็นไร
00:11:20 → 00:11:24 หรอกเด็ก 1 2 ขวบลงไปได้ระวังนะครับจมลง
00:11:24 → 00:11:26 ไปได้ดังนั้นเนี่ยถ้าไปในสระว่ายน้ำก็ควร
00:11:26 → 00:11:29 จะต้องมีการใส่เสื้อชูชีพมีอีกอันนึงครับ
00:11:29 → 00:11:32 อ่าเชื่อมั้ยบางทีแบบเอ้ยก็ไม่ได้พาลูกไป
00:11:32 → 00:11:35 ที่ที่สระว่ายน้ำนะยคิดว่าในห้องน้ำอ่ะ
00:11:35 → 00:11:38 เด็กประมาณ 5 ขวบสามารถที่จะเสียชีวิตจาก
00:11:38 → 00:11:40 การจมน้ำในห้องน้ำได้มั้ยห้องน้ำในบ้าน
00:11:40 → 00:11:41 >> ได้ครับ
00:11:41 → 00:11:41 >> ยังไงครับผม
00:11:41 → 00:11:44 >> ก็มีเคสมาบ้างเกี่ยวกับการเสียชีวิตใน
00:11:44 → 00:11:46 ห้องน้ำสำหรับเด็กคือ 1 นะครับในเด็กตัว
00:11:46 → 00:11:48 เล็กๆบางครั้งก็คือในถังน้ำธรรมดานี่แหละ
00:11:48 → 00:11:51 ครับถังน้ำหรือแม้แต่อ่างน้ำคือบางครั้ง
00:11:51 → 00:11:53 เด็กก็อาจจะแบบเล่นน้ำหรือแม้แต่อาบน้ำ
00:11:53 → 00:11:55 แล้วคือด้วยความที่พอเตัวเลขครับถังเขาก็
00:11:55 → 00:11:58 จะอยู่แบบเออระดับตัวพอดี
00:11:58 → 00:12:00 >> ใช่พอทีเนี้ยเกิดการลื่นหรือแม้แต่ว่าจะ
00:12:00 → 00:12:03 เล่นน้ำพยายามหรือบางครั้งในบางครอบครัว
00:12:03 → 00:12:06 เขาจะมีแบบพวกเป็ดยางหรืออะไรสักอย่างที่
00:12:06 → 00:12:08 เล่นในห้องน้ำเงี้ยบางครั้งคือมันก็เกิด
00:12:08 → 00:12:11 อุบัติเหตุที่ทำให้ตัวของเด็กเนี่ยเกิด
00:12:11 → 00:12:14 คว่ำลงไปครับแค่เพราะว่าแค่พ้นระยะตรงคอ
00:12:14 → 00:12:16 แค่เนี้ยก็หายใจไม่ได้ก็สามารถเสียชีวิต
00:12:16 → 00:12:16 ได้แล้วครับ
00:12:16 → 00:12:19 >> ใช่ครับหรือไม่ก็อันนี้คือการจมน้ำในห้อง
00:12:19 → 00:12:22 น้ำเด็กปีนถังจมไปก็มีเหมือนกันงั้นการ
00:12:22 → 00:12:24 ป้องกันสำคัญมากครับถ้าเกิดว่ามีห้องน้ำ
00:12:24 → 00:12:25 ก็ควรจะต้องมีฝาปิด
00:12:25 → 00:12:28 >> อ่างน้ำพวกนี้ให้ชัดเจนการสำรักอย่างที่
00:12:28 → 00:12:30 คุยไปเมื่อกี้ครับอาหารเด็กต้องให้ตามวัย
00:12:30 → 00:12:33 อ่ะครับคือถ้าน้อยกว่า 1 ปีอ่ะไม่ควรจะ
00:12:33 → 00:12:35 ให้อาหารที่เป็นก้อนนะครับถ้าเป็นก็ต้อง
00:12:35 → 00:12:38 มีการเอ่อหั่นให้มันเล็กเป็นการสับกันบด
00:12:38 → 00:12:39 ใช่ครับ
00:12:39 → 00:12:41 >> คุณแพนเคยเห็นที่เขาขายของเล่นมั้ครับมัน
00:12:41 → 00:12:43 จะมีข้างหลังเขียนว่าเหมาะกับ
00:12:43 → 00:12:44 >> เด็กอายุเท่าไหร่
00:12:44 → 00:12:46 >> ใช่ครับเพราะว่าถ้าเป็นเด็กอายุน้อยกว่า 3
00:12:46 → 00:12:49 ปีเด็กมักจะใช้มือจับอะไรเงี้ยถ้าเกิดของ
00:12:49 → 00:12:52 เล่นมีขนาดเล็กนิดเดียวนะเข้าปากแน่นอน
00:12:52 → 00:12:53 ครับก็จะติดเข้าไปในหลอดลม
00:12:53 → 00:12:55 >> ก็ทำให้หายใจไม่ได้
00:12:55 → 00:12:55 >> ครับผม
00:12:55 → 00:12:58 >> อืจากที่คุณหมอบอกว่าจริงๆผู้ใหญ่เนี่ย
00:12:58 → 00:13:00 อาจจะมีอัตราการเสียชีวิตจากเรื่องของหัว
00:13:00 → 00:13:03 ใจมากกว่าเด็กแล้วเราจะมีวิธีการป้องกัน
00:13:03 → 00:13:05 ยังไงบ้างคะในผู้ใหญ่ที่จะไม่ให้มันเป็น
00:13:05 → 00:13:06 ถึงโรคหัวใจอ่ะค่ะ
00:13:06 → 00:13:08 >> คำถามนี้เป็นคำถามที่ดีมากครับเพราะว่า
00:13:08 → 00:13:10 ถ้าเราไม่ได้รู้เรื่องการป้องกันหรือว่า
00:13:10 → 00:13:12 อาการเตือนเลยเนี่ยสุดท้ายเนี่ยเขาก็หมด
00:13:12 → 00:13:14 สติตรงหน้าแล้วก็ปั๊มหัวใจจริงๆแล้วเนี่ย
00:13:15 → 00:13:17 การคนที่เราหมดสติแล้วไม่หายใจปั๊มหัวใจ
00:13:17 → 00:13:19 มันมีสัญญาณเตือนนะครับโอกาสที่มนุษย์จะ
00:13:19 → 00:13:21 คุยๆอยู่แล้วก็ป๊อกไปเลยเนี่ยโอกาสเกิด
00:13:21 → 00:13:23 ขึ้นน้อยมากส่วนใหญ่จะมีอาการอย่างเช่น
00:13:23 → 00:13:25 บางคนมีแน่นหน้าอกนำมาก่อนพวกเนี้ยก็เป็น
00:13:26 → 00:13:28 สัญญาณเตือนให้เขาไปโรงพยาบาล
00:13:28 → 00:13:30 >> ถามว่าโรคหัวใจนั้นเกิดจากอะไรและการป้อง
00:13:30 → 00:13:32 กันยังไงบ้างโรคหัวใจส่วนใหญ่เกิดจากการ
00:13:32 → 00:13:34 ที่มีเส้นเลือดหัวใจมันตีบอ่ะครับก็เกิด
00:13:34 → 00:13:37 จากการที่มีไขมันในเส้นเลือดสูงมากเป็น
00:13:37 → 00:13:40 ต้นนะเราก็ควรจะต้องรับประทานอาหารที่มี
00:13:40 → 00:13:42 ไขมันที่น้อยอ่ะครับแล้วก็ออกกำลังกายให้
00:13:42 → 00:13:45 มากขึ้นประการที่สำคัญคือพวกบุหรี่แล้วก็
00:13:45 → 00:13:47 สุราพวกเนี้ยมีผลต่อหัวใจเยอะถ้าเกิดว่า
00:13:47 → 00:13:50 เราสามารถลดปัจจัยเสี่ยงพวกนี้ได้ก็ทำให้
00:13:50 → 00:13:53 โอกาสเกิดเส้นหัวใจติมันน้อยลงอ่ะครับก็
00:13:53 → 00:13:55 ตามเนี่ยถึงแม้ว่าเราจะป้องกันดีแล้วก็
00:13:55 → 00:13:57 ตามบางคนก็ยังเกิดเส้นหัวใจตีบได้เหมือน
00:13:57 → 00:13:59 กันดังนั้นเนี่ยอาการเตือนจึงมีความสำคัญ
00:13:59 → 00:14:00 มากครับ
00:14:00 → 00:14:03 >> อาการเตือนมันเป็นลักษณะไหนบ้างคะคุณหมอ
00:14:03 → 00:14:05 >> ครับเดี๋ยวผมจะให้พยาบาลยอช่วยอธิบาย
00:14:05 → 00:14:07 อาการเตือนดีดีกว่าเพราะว่าพยาบาลเนี่ยจะ
00:14:07 → 00:14:09 เป็นอยู่ที่จุดคัดกรองคนไข้ข้างหน้า
00:14:09 → 00:14:12 >> ก็คือว่าการที่เราอ่ามีความรู้สึกเนาะ
00:14:12 → 00:14:14 เวลาผิวหนังเนี่ยมันจะมีเส้นประสาทมา
00:14:14 → 00:14:16 เลี้ยงโดยตรงแต่ว่าถ้าเป็นอวัยวะข้างใน
00:14:16 → 00:14:19 เนี่ยเาค้าจะไม่สามารถบอกได้ว่าเา้าเจ็บ
00:14:19 → 00:14:21 หรือว่าตำแหน่งเจ็บได้ชัดเจนเขาจะใช้
00:14:21 → 00:14:24 อาศัยเขาเรียกว่าการฝากความเจ็บปวดตาม
00:14:24 → 00:14:26 เส้นประสาทครับผมก็คืออย่างเช่นหัวใจเรา
00:14:26 → 00:14:29 มีการบาดเจ็บมีการอักเสบมีการขาดเลือดเรา
00:14:29 → 00:14:31 จะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเราปวดหรือว่ามี
00:14:31 → 00:14:33 การบาดเจ็บตำแหน่งไหนได้อย่างชัดเจนใช่
00:14:33 → 00:14:35 หมั้ครับเหมือนกับว่าเวลาเราหยิกหลังมือ
00:14:36 → 00:14:37 หรือว่าหยิกหลังแขนเราจะรู้สึกได้ว่ามี
00:14:37 → 00:14:40 ตำแหน่งที่ชัดเจนแต่กลายเป็นว่าพอมีอาการ
00:14:40 → 00:14:43 ที่หัวใจหรือว่าอวัยวะข้างในครับมันคุณ
00:14:43 → 00:14:44 แพนด้าเคยรู้สึกมั้ครับว่ามันจะเป็น
00:14:44 → 00:14:47 เหมือนทั้งแรียเลยทั่วๆอย่างเช่นปวดท้อง
00:14:47 → 00:14:49 เงี้ยปวดทั้งท้องเลยโดยที่เราก็ไม่รู้
00:14:49 → 00:14:50 ตำแหน่งใช่มั้ยครับเพราะอย่างี้แหละครับ
00:14:50 → 00:14:53 มันก็เลยจะมีอาการได้ค่อนข้างเยอะเพราะ
00:14:53 → 00:14:56 ว่ามันเป็นการฝากเส้นประสาทแถวๆบริเวณ
00:14:56 → 00:14:58 นั้นนะครับทำให้เรารู้ว่ามันมีอาการผิด
00:14:58 → 00:15:01 ปกติข้างในทีเนี้ยเราก็นึกถึงว่าหน้าอ่า
00:15:01 → 00:15:03 หัวใจเนี่ยก็มักจะอยู่ตรงกลางอาการนำที่
00:15:03 → 00:15:06 เด่นชัดที่สุดเ้าจะเรียกว่าอาการที่ว่า
00:15:06 → 00:15:09 ตรงไปตรงมากับไม่ตรงไปตรงมาอาการที่ตรงไป
00:15:09 → 00:15:12 ตรงมาเนี่ยตามทฤษฎีก็คือการแน่นครับเาค้า
00:15:12 → 00:15:14 จะใช้คำว่าเป็นการแน่นจะไม่ได้ใช้คำว่า
00:15:14 → 00:15:16 เป็นการเจ็บจะไม่เป็นการแบบว่าจี๊ดๆแปร๊บ
00:15:16 → 00:15:19 ๆแต่ว่าอาการตามทฤษฎีเขาจะบอกว่ามีอาการ
00:15:19 → 00:15:22 แน่นเหมือนมีอะไรมารัดนะครับบางลาก็จะบอก
00:15:22 → 00:15:25 ว่าโดนแบบเหมือนเข็มขัดมารัดหน้าอกเหมือน
00:15:25 → 00:15:27 บางคนก็บอกว่าโดนช้างเหยียบอะไรประมาณ
00:15:27 → 00:15:29 เนี้ยครับมันคือการแน่นๆทีเนี้ยลักษณะที่
00:15:30 → 00:15:33 เด่นชัดก็คือการแน่นตรงกลางหรือว่าการ
00:15:33 → 00:15:35 แน่นหน้าอกด้านซ้ายอ่ะครับแล้วทีเนี้ยมัน
00:15:35 → 00:15:37 เป็นตามเส้นประสาทเพราะฉะนั้นมันมีการ
00:15:37 → 00:15:41 ร้าวได้ครับร้าวไปที่แขนก็ได้ร้าวขึ้นมา
00:15:41 → 00:15:43 ตรงกรามก็ได้หรือแม้แต่ละจะร้าวไปด้าน
00:15:43 → 00:15:45 หลังก็ได้อันเนี้ยเป็นอาการที่เด่นชัดมาก
00:15:46 → 00:15:48 ว่าควรจะต้องไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจคลื่นไฟ
00:15:48 → 00:15:50 ฟ้ากับอาการที่ไม่ตรงไปตรงมาครับคุณ
00:15:50 → 00:15:52 แพนด้าคุณแพนด้าทราบมั้ครับว่าพอเราอายุ
00:15:52 → 00:15:55 มากขึ้นเนาะในผู้สูงอายุเส้นประสาทเรา
00:15:55 → 00:15:56 เหมือนเดิมมั้ครับคิดว่าเหมือนเดิม
00:15:56 → 00:15:57 >> ก็เสื่อมลงค่ะ
00:15:57 → 00:15:58 >> ใช่ครับ
00:15:58 → 00:16:00 >> เส้นประสาทมันเสื่อมลงครับหรือแม้แต่คน
00:16:00 → 00:16:03 ไข้ที่อาจจะมีรสประจำตัวพวกเบาหวานอย่าง
00:16:03 → 00:16:05 เงี้ยครับเส้นประสาทก็คือจะเสื่อมได้ง่าย
00:16:05 → 00:16:07 มากยิ่งขึ้นอย่างเช่นคนไข้ที่เป็นเบาหวาน
00:16:07 → 00:16:09 เนี่ยเวลาไปเหยียบมีแผลที่เท้าเนี่ยเขา
00:16:09 → 00:16:11 ไม่รู้เลยนะครับว่าเขามีแผลที่เท้าว่า
00:16:11 → 00:16:13 เส้นประสาทมันจะตายหมดแล้วทีเนี้ยความไม่
00:16:14 → 00:16:16 ตรงไปตรงมาก็จะเกิดขึ้นอย่างเช่นอ่าในเคส
00:16:16 → 00:16:19 ที่เจอก็คือเป็นอาการจุกใต้ลิ้นปี่ครับ
00:16:19 → 00:16:21 เวลาถามว่าแน่นออกมั้ยไม่แน่นจะจุกตรง
00:16:21 → 00:16:24 บริเวณใต้ลิ้นปี่อาจจะเหลือแบบว่าอาจจะ
00:16:24 → 00:16:26 แบบเขาอาจจะชี้ตรงมาตรงลงมาด้านล่างตรง
00:16:26 → 00:16:28 ท้องก็ได้บางครั้งคือมันไม่ตรงไปตรงมา
00:16:28 → 00:16:31 เพราะว่าอะไรนะครับเพราะว่ามันมีการขาด
00:16:31 → 00:16:34 เลือดตรงด้านล่างของหัวใจครับตรงฐานซึ่ง
00:16:34 → 00:16:36 มันชิดกับตรงบริเวณลิ้นปี่อันเนี้ยครับ
00:16:36 → 00:16:38 เป็นอาการที่ไม่ตรงไปตรงมาเวลาที่จุกแน่น
00:16:38 → 00:16:40 ใต้ลิ้นปี่อ่ะครับส่วนมากถ้าเป็นโรค
00:16:40 → 00:16:42 กระเพาะหรือว่าโรคกดแย้อนมักจะสัมพันธ์
00:16:42 → 00:16:44 กับมื้ออาหารแต่ถ้าเกิดว่าอยู่ๆเนี่ยออก
00:16:44 → 00:16:47 กำลังกายหนักๆหรือว่าทำงานหรือว่าใช้
00:16:47 → 00:16:50 ชีวิตกิจวัตรประจำวันอยู่มีแบบอาการเอ้ย
00:16:50 → 00:16:52 ทำไมฉันรู้สึกว่าจุกแน่นใต้ลิ้นปี่แต่ว่า
00:16:52 → 00:16:55 อาการแบบเนี้ยที่ไม่ตรงไปตรงมาเนี่ยมักจะ
00:16:55 → 00:16:57 เกิดในผู้สูงอายุเป็นหลักครับผมแต่ก็ต้อง
00:16:57 → 00:16:58 เป็นอาการที่ต้องระวังเหมือนกัน
00:16:58 → 00:17:00 >> วันนั้นผมเจออยู่เคสนึงอ่ะครับคุณยายอายุ
00:17:01 → 00:17:04 ต้อง 80 ปีนะคุณยายมาที่ห้องฉุกเฉินน่ะมา
00:17:04 → 00:17:07 ด้วยอาการปวดฟันกาวมากเลยปวดข้างซ้ายก็
00:17:07 → 00:17:09 อ้าปากดูครับคุณยายไม่มีฟันเลยมีแต่
00:17:09 → 00:17:12 เหงือกปวดอะไรนะไม่มีเหงือกมันคือมีแต่
00:17:12 → 00:17:15 เหงือกครับก็เลยสงสัยไงก็เลยถามว่าแล้วมี
00:17:15 → 00:17:17 อาการได้หน้าอกมั้ยคุณยายบอกว่านิดหน่อย
00:17:17 → 00:17:20 ตื้อๆอ่ะครับพอไปตรวจคลื่นหัวใจโอ้โหเป็น
00:17:20 → 00:17:22 ก้ามหัวใจขาเลือดชัดมากเลยครับอย่างที่
00:17:22 → 00:17:24 ยอตกล่าวไปเมื่อกี้ครับที่พยาบาลยอตพูด
00:17:24 → 00:17:27 ถึงก็คืออาการเจ็บหน้าอกจากกล้ามในใจขา
00:17:27 → 00:17:29 เลือดบัจะต้องเกิดด้านซ้ายอ่ะเพราะมัน
00:17:29 → 00:17:31 ร้าวไปด้วยกันแต่พออายุมากขึ้นน่ะเส้น
00:17:31 → 00:17:33 ประสาทแห่งความรู้สึกสึกมันเสื่อมหมดอ่ะ
00:17:33 → 00:17:35 ครับคุณยายเหลืออยู่แค่เนี้ยนึกออกมั้ย
00:17:35 → 00:17:37 เค้าเจ็บหน้าอกก็จริงแต่ว่าอาการหน้าอก
00:17:37 → 00:17:39 เนี่ยมันไม่มีไม่มีเส้นประสาทให้รับรู้
00:17:39 → 00:17:41 แล้วครับก็เหลือแต่พันกราอย่างเดียวอัน
00:17:42 → 00:17:44 นี้ลักษณะแปลกๆอ่ะต้องสงสัยนะครับอ้ามาทด
00:17:44 → 00:17:47 สอบคุณแพนด้าดีกว่าครับอาการเจ็บหน้าอก
00:17:47 → 00:17:49 เนี่ยครับคือมันเราก็รู้ว่าหน้าอกข้าง
00:17:49 → 00:17:52 ซ้ายน่าจะเป็นก้ามใจขาเลื่อนแต่ว่าการ
00:17:52 → 00:17:54 สื่อสารบางทีขึ้นกับภาษาและวัฒนธรรมของ
00:17:54 → 00:17:56 แต่ละท้องที่ด้วยครับ
00:17:56 → 00:17:57 >> ผมเคยเจอบ่อยอย่างคุณยายเมื่อกี้ไงมาด้วย
00:17:57 → 00:18:00 ปวดพันอีกคนนึงก็มาด้วยกันเมื่อย
00:18:00 → 00:18:02 >> เมื่อยแปลว่าอะไรครับเมื่อย
00:18:02 → 00:18:05 อะไรก็ได้อ่ะออกกำลังกายหนักหรือว่าแบบ
00:18:05 → 00:18:08 เครียดหรือว่าเสียใจก็เมื่อยบางทีเขาบอก
00:18:08 → 00:18:10 เมื่อยก็คือแน่นหน้าอกก็มีเหมือนกันอีก
00:18:10 → 00:18:12 อันนึงครับคำว่าสวอย
00:18:12 → 00:18:13 >> สวอย
00:18:13 → 00:18:15 >> สวรู้จักคำนี้มั้ยครับ
00:18:15 → 00:18:17 >> รู้จักค่ะแต่ไม่แน่ใจว่าเราเข้าใจความ
00:18:17 → 00:18:18 หมายตรงกันมั้ย
00:18:18 → 00:18:19 >> ครับ
00:18:19 → 00:18:21 >> ในทางบ้านที่เข้าใจคือบ่อยหมายถึงอาการ
00:18:21 → 00:18:23 หิวมาก
00:18:23 → 00:18:27 >> ยังหิวแบบว่าตาลายและเป็นลมครับใช่ครับ
00:18:27 → 00:18:27 >> อ่า
00:18:28 → 00:18:30 >> เหมือนยอตเคยเจอใช่มั้ครับคุณยายบอกว่า
00:18:30 → 00:18:33 สวยว่าแบบสมัยว่าสวดแบบอารมณ์แบบมันเพลีย
00:18:33 → 00:18:35 มันอ่อนแรงมันไม่เมื่อยมันไม่ค่อยมีแรง
00:18:36 → 00:18:39 อะไรประมาณนี้ครับใช่ครับจึงสรุปว่าอาการ
00:18:39 → 00:18:41 แน่นหน้าอกจากกล้ามเนื้อหัวใจขาเลือดที่
00:18:41 → 00:18:44 ตรงไปตรงมาคือเจ็บด้านซ้ายครับร้าวมาหัว
00:18:44 → 00:18:46 ไหลซ้ายขึ้นมาที่กามซ้ายแต่ที่ไม่ตรงไป
00:18:46 → 00:18:50 ตรงมาก็อย่างเช่นเมื่อยเหนื่อยเสวอยใจ
00:18:50 → 00:18:52 สั่นพวกเนี้ยเป็นไปได้หมดถ้าหากว่าเป็นคำ
00:18:52 → 00:18:55 แนะนำประชาชนนะครับถ้าไม่มั่นใจรู้สึกว่า
00:18:55 → 00:18:57 เอ่อคุณพ่อคุณแม่หรือคนที่อยู่ใกล้เนี่ย
00:18:57 → 00:19:00 มีอาการแบบเนี้ยแนะนำว่าควรจะไปโรงพยาบาล
00:19:00 → 00:19:02 เพราะอย่างที่คุยเมื่อสักครู่นะครับว่า
00:19:02 → 00:19:05 การรู้อาการล่วงหน้าแล้วไปโรงพยาบาลน่ะ
00:19:05 → 00:19:07 โอกาสรอดชีวิตสูงมากแต่ถ้าหากว่าปล่อยปะ
00:19:07 → 00:19:10 ละเเลยครับคิดว่าคุณพ่อคุณแม่สวอยหรือว่า
00:19:10 → 00:19:13 แน่นอกก็ไม่น่าจะมีอะไรอ่ะครับกินยารถกด
00:19:13 → 00:19:15 แล้วก็นอนที่บ้านบางทีเนี่ยเาอาจจะเสีย
00:19:15 → 00:19:17 ชีวิตแล้วก็ต้องปั๊มหัวใจก็ได้เนี่ยการมี
00:19:17 → 00:19:19 สัญญาณเตือนหรือการป้องกันเนี่ยจึงเป็น
00:19:19 → 00:19:22 สิ่งที่ดีที่สุดอ่ะครับแต่ว่าถ้ามันสุด
00:19:22 → 00:19:25 วิสัยจริงๆเราป้องกันแล้วมันยังถึงขนาด
00:19:25 → 00:19:27 ต้องหัวใจอยู่เต้นก็ต้องเรียนรู้เรื่อง
00:19:27 → 00:19:28 การปั๊มหัวใจครับ
00:19:28 → 00:19:30 >> อ๋อค่ะอืจริงๆการสังเกตตัวเองสำคัญมาก
00:19:30 → 00:19:31 >> ใช่ถูกต้องครับ
00:19:31 → 00:19:34 >> ใช่มั้ยคะเพราะว่าบางครั้งเราอาจจะอย่าง
00:19:34 → 00:19:36 เรารู้ศัพท์น้อยเราก็อาจจะนิยามไม่ได้ว่า
00:19:36 → 00:19:39 สิ่งที่มันเป็นคืออะไรแล้วเราอาจจะรู้แค่
00:19:39 → 00:19:41 บางบางอย่างก็ก็ไปตีอาการของเราเองว่าเรา
00:19:41 → 00:19:43 คงเป็นแค่นั้นแค่นี้แต่จริงๆมันอาจจะเป็น
00:19:43 → 00:19:44 มากกว่านั้น
00:19:44 → 00:19:44 >> ใช่ครับผม
00:19:44 → 00:19:48 >> อืค่ะก็สังเกตอาการตัวเองกันแล้วก็ถ้าไม่
00:19:48 → 00:19:50 แน่ใจก็ไปหาคุณหมอดีกว่า
00:19:50 → 00:19:53 >> ครับผมหรือไม่ก็โทรเบอร์ 1669 ครับ
00:19:53 → 00:19:56 >> โอ๊ยถามเลยดีกว่าค่ะอยากรู้คือคุณหมอเน้น
00:19:56 → 00:20:00 เรื่อง 1669 มากอยากรู้ว่าเคสแบบไหนหรือ
00:20:00 → 00:20:02 ความเร่งด่วนความฉุกเฉินแบบไหนที่เราควร
00:20:02 → 00:20:05 โทรไปไม่งั้นคือเจ็บนิดเจ็บหน่อยโทร 1669
00:20:05 → 00:20:06 ได้มั้ยอ่า
00:20:06 → 00:20:09 >> เออคำถามนี้น่าสนใจครับเพราะว่าอย่างตอน
00:20:09 → 00:20:12 ต้นเนี่ยมีคำถามที่ถามว่าเออถ้าหากว่า
00:20:12 → 00:20:14 ประชาชนอาจจะไม่ค่อยได้ได้สัมผัสเรื่อง
00:20:14 → 00:20:16 งานปฐมพยาบาลมากนักหรือว่าไม่มั่นใจว่าจะ
00:20:16 → 00:20:19 ปฐมพยาบาลยังไงเดี๋ยวนี้มีนโยบายใหม่อ่ะ
00:20:19 → 00:20:22 ครับการที่เราโทร 169 สามารถเป็นเหมือน
00:20:22 → 00:20:24 แบบวดีโอ conference น่ะเราสัยก่อนเรากด
00:20:24 → 00:20:26 เบอร์ก็คือคุยกับเสืออย่างเดียวใช่มั้
00:20:26 → 00:20:28 ครับคุณหมอที่ปลายสายก็ถามว่าเป็นยังไง
00:20:28 → 00:20:30 หมดสติยังไงให้เดี๋ยวเนี้ยสามารถเปิด
00:20:30 → 00:20:33 กล้องได้ครับก็คือสามารถที่จะกดกล้องใน
00:20:33 → 00:20:35 มือถือของเราเนี่ยที่เป็นประชาชนโทรเหตุ
00:20:35 → 00:20:37 อ่ะครับซึ่งกล้องเนี้ยก็จะไปลิงก์กับ
00:20:37 → 00:20:41 กล้องของทางศูนย์ที่เขาดูแลกู้ชีพอ่ะครับ
00:20:41 → 00:20:43 สามารถได้มีอีกวันนึงครับเป็นเหตุการณ์
00:20:43 → 00:20:46 จริงนะครับก็คือคุณแม่เค้าสำลักใช่มั้ยก็
00:20:46 → 00:20:48 คือเป็นคุณแม่อายุเยอะแล้วครับอายุมากกิน
00:20:48 → 00:20:51 อาหารแล้วสำรักติดคอแล้วทีเนี้ยทางลูกอ่ะ
00:20:51 → 00:20:54 ลูกก็โตแล้วนะครับเาโทรไปที่ 1669 แล้วก็
00:20:54 → 00:20:57 บอกว่าคุณแม่สำรัก์ทีนี้ทาง 169 ก็ขอให้
00:20:57 → 00:20:59 เจ้าหน้าที่นะขอให้เปิดกล้องก็เห็นว่าคุณ
00:20:59 → 00:21:02 แม่เริ่มแบบเริ่มแบบกุมคอเงี้ย 169 ก็แนะ
00:21:02 → 00:21:04 นำบอกว่าให้ทำการกดตรงที่ลิ้นปี่เพื่อ
00:21:04 → 00:21:07 กระทุ้งปรากฏคนนี้ก็รอดชีวิตนะครับอยากจะ
00:21:07 → 00:21:08 ให้ย้อนเล่ารายละเอียดวันนั้นนะครับที่
00:21:08 → 00:21:09 เห็นในเคส
00:21:09 → 00:21:12 >> ครับผมก็ในเคสเนี่ยก็คือโทรมาที่ 1669 ก็
00:21:12 → 00:21:14 เล่าอาการต่างๆคือต้องบอกก่อนว่าเวลาที่
00:21:14 → 00:21:17 โทรมาที่ 1669 ในทางภาษาพวกศูนย์สั่งการ
00:21:17 → 00:21:20 เนาะแบบว่าศูนย์รับแจ้งเหตุประจำจังหวัด
00:21:20 → 00:21:22 อย่างเงี้ยครับพอได้รับการโทรเข้ามาก็จะ
00:21:22 → 00:21:24 ถามถึงอาการก่อนนะครับว่าอาการมีอาการยัง
00:21:24 → 00:21:26 ไงบ้างคนที่รับโทรศัพท์จะประเมินความเร่ง
00:21:26 → 00:21:29 ด่วนนะครับเจะมีทีมที่ว่าเบสิคกับ Advance
00:21:29 → 00:21:32 ก็คือเหมือนว่าถ้าอาการเจ็บป่วยน้อยเนี่ย
00:21:32 → 00:21:35 ก็จะเป็นทีมเบสิคแล้วก็คนไข้ที่เสี่ยงต่อ
00:21:35 → 00:21:37 การเสียชีวิตหรือว่าคาดว่าอาจจะมีอันตราย
00:21:37 → 00:21:40 มากขึ้นก็จะมีทีมแวanceซว่าในบางกรณี
00:21:40 → 00:21:42 เนี่ยก็อาจจะสามารถให้คำแนะนำแล้วก็
00:21:42 → 00:21:44 สามารถจำหน่ายทางโทรศัพท์ได้เลยเหมือนกัน
00:21:44 → 00:21:46 แต่ถ้าเกิดในกรณีอย่างเงี้ยครับมันจะมี
00:21:46 → 00:21:49 การวดีโอคอลกันเกิดขึ้นก็มีการแบบว่าทำ
00:21:49 → 00:21:52 ท่าทางเลยครับอย่างเช่นว่าก็คุณแม่คือเขา
00:21:52 → 00:21:55 ก็ทำท่าทางว่าก็อบอบอย่างนี้เลยพยายามแบบ
00:21:56 → 00:21:58 ว่าทำในกล้องเว่าทำกำปั้นแบบนี้นะครับ
00:21:58 → 00:22:01 แล้วก็เอามาประกบตรงใต้ลิ้นปีกระทุ้ง
00:22:01 → 00:22:03 กระทุ้งก็คือให้จังหวะเหมือนเป็นการ
00:22:03 → 00:22:05 เชียร์อะไรอย่างเงี้ยครับก็จะมีการช่วย
00:22:05 → 00:22:07 ชีวิตแต่ว่าไม่ใช่ว่าออกแล้วก็คือจบนะ
00:22:07 → 00:22:10 ครับยังไงซะคนที่มีอาการอ่าอาหารติดคอ
00:22:11 → 00:22:13 เป็นเวลาช่วงเวลานึงเนี่ยจะเป็นต้องไปโรง
00:22:13 → 00:22:15 พยาบาลนะครับเพื่อดูอาการต่างๆอย่างเช่น
00:22:15 → 00:22:17 อาจจะต้องเซเr
00:22:17 → 00:22:19 เหลืออยู่มั้ยเพราะว่าการสำลักอาจจะไม่
00:22:19 → 00:22:21 ได้สำลักแค่สิ่งที่ออกมาจากการกระทุ้งมัน
00:22:21 → 00:22:24 อาจจะมีสิ่งที่ตกค้างอยู่ก็ได้นะครับ
00:22:24 → 00:22:26 เพราะว่าต้องไปเรยด้วยซ้ำอีกทีนึงรวมถึง
00:22:26 → 00:22:29 อาจจะต้องถ้าเกิดว่าออกมาแล้วแต่ยังไม่
00:22:29 → 00:22:31 ได้สติอ่ะครับคุณแพน่าทราบมั้ครับว่าสมอง
00:22:31 → 00:22:32 ขาดอากาศได้กี่นาทีนะครับ
00:22:32 → 00:22:33 >> 4 ค่ะ
00:22:33 → 00:22:36 >> อ่าเก่งมากครับใช่ครับเพราะว่าใน 4 นาที
00:22:36 → 00:22:39 เนี้ยบางครั้งเนี่ยคือตอนที่เขาโทรมาครับ
00:22:39 → 00:22:40 กว่าจะเล่าเหตุการณ์กว่าจะอะไรเงี้ยครับ
00:22:41 → 00:22:44 มันจะกินเวลาสักประมาณอ่า 1-2 นาทีที
00:22:44 → 00:22:46 เนี้ยระหว่างที่ต้องแบบสาธิตกันอะไรอย่าง
00:22:46 → 00:22:49 เงี้ยมันก็กินเวลาอาจจะเกิน 4 นาทีก็ได้
00:22:49 → 00:22:51 เพราะฉะนั้นแล้วก็จำเป็นอาจจะต้องพาไปโรง
00:22:51 → 00:22:53 พยาบาลเพื่อตรวจร่างกายซ้ำอีกทีนึงครับ
00:22:53 → 00:22:55 >> ในเหตุการณ์จริงอ่ะครับหลังจากที่ประชาชน
00:22:55 → 00:22:57 โทรเบอร์ 169 ถ้าเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรง
00:22:58 → 00:22:59 ถึงแก่ชีวิตอย่างเงี้ยครับอย่างเช่นสำลัก
00:22:59 → 00:23:02 หรือว่าต้องมีการปั๊มหัวใจทางผู้ที่รับ
00:23:02 → 00:23:04 สายที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ก็จะบอกว่า
00:23:04 → 00:23:07 ขณะนี้เราได้ส่งรถพยาบาลออกไปเรียบร้อย
00:23:07 → 00:23:09 แล้วแต่ว่าระหว่างเนี้ยครับมันไม่มีทาง
00:23:09 → 00:23:12 ถึง 4 นาทีแน่นอนถ้าเป็นสมัยก่อนก็คือเรา
00:23:12 → 00:23:14 ก็ต้องวางสายแล้วก็รอ 4 นาทีเพื่อจะไปถึง
00:23:15 → 00:23:17 บ้านเค้าปัจจุบันเนี่ยระบบที่เป็นวดีโอคอ
00:23:17 → 00:23:19 อ่ะทำให้รถออกไปแล้วอ่ะครับแต่ว่าเรายัง
00:23:20 → 00:23:22 คงสามารถให้คำแนะนำหรือให้การรักษาทาง
00:23:22 → 00:23:25 โทรศัพท์ได้จึงสรุปว่าอย่างที่คำถามคุณ
00:23:25 → 00:23:27 แพนด้าตอนต้นดีมากครับประชาชนอาจจะไม่
00:23:27 → 00:23:29 มั่นใจว่าปฐมพยาบาลยังไงบางท่านก็ไม่ทราบ
00:23:30 → 00:23:32 เลยครับว่าปฐมพยาบาลคืออะไรจะทำยังไงหรือ
00:23:32 → 00:23:34 บางคนเคยอบรมมาแล้วแต่พอเกินเหตุการณ์
00:23:34 → 00:23:37 จริงมันก็ตื่นเต้นครับแต่การที่มีเจ้า
00:23:37 → 00:23:39 หน้าที่อยู่ในกล้องเนี่ยมันเหมือนกับมี
00:23:39 → 00:23:42 โค้ชอ่ะครับที่ให้คำแนะนำแล้วก็ทำให้เรา
00:23:42 → 00:23:44 มั่นใจในการปฐมพยามากขึ้นแล้วปัจจุบันก็
00:23:44 → 00:23:47 มีผู้หลายท่านนะที่รอดชีวิตจากการใช้ระบบ
00:23:47 → 00:23:49 วดีโอคอลเนี่ยซึ่งเป็นสิ่งที่ใหม่มากนะผม
00:23:49 → 00:23:51 ว่าเกิดได้ประมาณสัก 1 ปีครับที่ประเทศ
00:23:51 → 00:23:52 ไทยมีระบบนี้นะ
00:23:52 → 00:23:53 >> อืค่ะ
00:23:53 → 00:23:56 >> อันนี้คือหมายถึงว่าถ้าเราไม่แน่ใจมันอาจ
00:23:56 → 00:23:58 จะมีเคสหนักเคสหนักเคือโทรได้แน่นอนแต่
00:23:58 → 00:24:01 ถ้าเคสแบบอาการเหมือนแน่นหน้าอกหรืออะไร
00:24:01 → 00:24:02 อย่างเงี้ยค่ะที่มันเกิดขึ้นกับตัวเรานิด
00:24:03 → 00:24:04 ๆหน่อยๆแบบนี้ที่ไม่แน่ใจก็โทรได้เหมือน
00:24:04 → 00:24:05 กัน
00:24:05 → 00:24:07 >> สามารถครับก็จะมีคำแนะนำและให้คำปรึกษา
00:24:07 → 00:24:09 ได้การที่โทร 169 ไม่ใช่ได้แค่รถพยาบาลนะ
00:24:09 → 00:24:11 ครับยังได้คำแนะนำฉุกเฉินด้วยครับ
00:24:11 → 00:24:15 >> อู้ดีจังเลยเนาะหลายๆคนอยากประเมินอาการ
00:24:15 → 00:24:17 ตัวเองค่ะแล้วก็ยังไม่แน่ใจว่าเอ๊ะเรา
00:24:17 → 00:24:19 ต้องไปหาหมอเลยหรือเปล่านะอันนี้คือเป็น
00:24:19 → 00:24:20 เบื้องต้นก่อนได้เลย
00:24:20 → 00:24:22 >> ใช่ครับอย่างก็ตามแต่ว่าการที่มีความรู้
00:24:22 → 00:24:25 ปฐมพยาก็เหมือนเรามีแบบมีอะไรที่ติดตัว
00:24:25 → 00:24:27 ไว้อ่ะครับบางทีฉุกเฉินเราก็สามารถที่จะ
00:24:27 → 00:24:30 แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้แล้วก็ยิ่งเราโทร 169
00:24:30 → 00:24:32 ก็ทำให้การรอดชีวิตมันสูงขึ้นนะครับผมยัง
00:24:32 → 00:24:34 คิดว่าการเรียนปฐมพยาบาลมีความสำคัญบ้าง
00:24:34 → 00:24:36 >> ทีนี้ค่ะเราน่าจะอยากรู้กันแล้วล่ะว่า
00:24:36 → 00:24:39 แล้วถ้ามันเกิดเหตุการณ์เหล่านั้นขึ้นนะ
00:24:39 → 00:24:41 วันนึงที่โอเคเราอาจจะป้องกันมาแล้วหรือ
00:24:41 → 00:24:43 อาจจะไม่ทันแล้วแล้วมันเกิดขึ้นแล้วเนี่ย
00:24:43 → 00:24:45 คะเราจะมีวิธีการช่วยชีวิตตัวเองหรือช่วย
00:24:45 → 00:24:48 ชีวิตคนที่อยู่ณบริเวณนั้นที่เขากำลัง
00:24:48 → 00:24:50 เผชิญกับเหตุการณ์นี้ได้ยังไงอ่าอันดับ
00:24:50 → 00:24:53 แรกแพน้าอยากรู้ก่อนว่าถ้าเราเจอคนที่หมด
00:24:53 → 00:24:55 สติเนี่ยค่ะเราควรทำยังไงค่ะ
00:24:55 → 00:24:57 >> ในเรื่องการปฐมพยาบาลนะครับหลักการสำคัญ
00:24:57 → 00:24:59 ที่สุดคือสถานการณ์ต้องปลอดภัยก่อนยุกตัว
00:24:59 → 00:25:00 อย่างเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยมากคือ
00:25:00 → 00:25:03 การจมน้ำอ่ะครับอย่างเช่นมีเราอาจจะไป
00:25:03 → 00:25:05 เที่ยวในทะเลแล้วก็เห็นว่ามีคนนึงอ่ะจม
00:25:05 → 00:25:08 น้ำอยู่เงี้ยครับคือถ้าบอกว่าเอ้ยเค้าหมด
00:25:08 → 00:25:11 สติจมน้ำเรากระโดดเข้าไปช่วยเลยเราอาจจะ
00:25:11 → 00:25:13 ประสบเหตุเองด้วยเราอาจจะเสียชีวิตด้วย
00:25:14 → 00:25:16 ซึ่งมันไม่ควรจะเกิดขึ้นนะครับแบบเนี้ย
00:25:16 → 00:25:17 เราต้องมั่นใจว่าสถานการณ์ปลอดภัยหรือยัง
00:25:17 → 00:25:20 ถ้าไม่ปลอดภัยก็ทำให้มันปลอดภัยอย่างเช่น
00:25:20 → 00:25:22 เราขอความช่วยเหลือครับส่วนใหญ่ในทะเลก็
00:25:22 → 00:25:25 จะมีเค้าเรียกไกดอ่ะครับคนที่เ้าเค้าดูแล
00:25:25 → 00:25:27 ทางน้ำอยู่แล้วหรือไม่ก็จะมีหลักการที่
00:25:27 → 00:25:30 เรียกว่าตะโกนโยนยื่นยื่นยังไงนะครับยืด
00:25:30 → 00:25:33 ก็คือหลักการก็คือจะเป็นตะโกนโยนยื่น
00:25:33 → 00:25:35 ตะโกนก็คือตะโกนของความช่วยเหลือก่อนหรือ
00:25:35 → 00:25:38 ว่าตะโกนเรียกกับคนที่ประสบภัยก่อนว่าเขา
00:25:38 → 00:25:40 ยังรู้สติรู้ตัวรู้เรื่องมั้ยก็คือตะโกน
00:25:40 → 00:25:42 ว่าคุณๆเป็นยังไงบ้างเออยังรู้สึกตัวดี
00:25:42 → 00:25:45 อยู่มั้ยแล้วก็ตะโกนที่ 2 ก็คือขอความ
00:25:45 → 00:25:46 ช่วยเหลือครับตะโกนใครที่อยู่ละแวกนั้น
00:25:46 → 00:25:48 ครับเราอย่าเราอย่าเก็บความทุกข์นั้นไว้
00:25:48 → 00:25:51 คนเดียวครับผมเอาคนอื่นละแวกนั้นมาทุกข์
00:25:51 → 00:25:53 กับเราด้วยนะครับก็คือตะโกนขอความช่วย
00:25:53 → 00:25:55 เหลือครับหรือว่าถ้าจังหวะนั้นไม่มีใคร
00:25:55 → 00:25:58 แล้วจริงๆก็โทร 1669 เลยก็ได้ครับก็จะมี
00:25:58 → 00:26:01 การประสานทั้งทีมกู้ภัยกู้ชีพคือต่างๆ
00:26:01 → 00:26:04 นานาก็คือ 1669 จะสามารถประสานช่วยเราได้
00:26:04 → 00:26:06 ก็คือ 1 ก็คือเป็นการตะโกนตะโกนขอความ
00:26:06 → 00:26:09 ช่วยเหลือร่วมกับตะโกนเพื่อประเมินคนไข้
00:26:09 → 00:26:12 ตะโกนโยนโยนหมายความว่าโยนสิ่งที่ให้เขา
00:26:12 → 00:26:14 เกาะได้อย่างเช่นถ้าอยู่ตามชายหันเมันก็
00:26:14 → 00:26:17 จะมีห่วงยางที่แบบว่ามีผูกเชือกใช่มั้ย
00:26:17 → 00:26:19 ครับก็จะเป็นการโยนสิ่งของอะไรที่ให้
00:26:19 → 00:26:21 เขา้าเนี่ยเกาะหรือลอยได้อย่างเช่นแม้จะ
00:26:21 → 00:26:24 เป็นไม้กระดานที่แบบเอาไว้ลอยตัวหรือว่า
00:26:24 → 00:26:26 ห่วงยางนะครับผมโยนไปให้เค้าก่อนถ้าเค้า
00:26:26 → 00:26:29 ยังมีสตินะครับแล้วก็ยื่นยื่นเนี่ยจะใช้
00:26:29 → 00:26:32 ในกรณีที่มักจะไม่ได้ไกลมากอย่างเช่นแบบ
00:26:32 → 00:26:34 ระยะห่างแบบประมาณเสานี้ก็ได้ครับระยะ
00:26:34 → 00:26:38 ประมาณเนี้ยเราสามารถหาไม้ยาวๆยื่นไปให้
00:26:38 → 00:26:41 คนที่ประสบภัยเนี่ยจับเราได้แต่ข้อควร
00:26:41 → 00:26:43 ระวังนะครับของการยื่นคือตอนที่เค้าดึง
00:26:43 → 00:26:46 อ่ะครับมั่นใจนะครับว่าจุดที่เรายืนมั่น
00:26:46 → 00:26:49 คงมยมันมีอะไรที่เราเนี่ยใช้ในการยึดตัว
00:26:49 → 00:26:51 ของเราเองบ้างไม่งั้นเนี่ยตอนที่ยื่นออก
00:26:51 → 00:26:53 ไปเนี่ยเราจะไปด้วยอ่ะครับแล้วก็อีกสิ่ง
00:26:53 → 00:26:57 นึงที่อ่ากู้ชีพชอบใช้กันก็คือขวดน้ำที่
00:26:57 → 00:26:59 ผูกกับเชือกครับหรือว่าลูกบอลหรืออะไรก็
00:26:59 → 00:27:01 ตามที่มันสามารถขว้างออกไปได้อันเนี้ยจาก
00:27:01 → 00:27:03 ไกลค่อนข้างเยอะก็คือมันใช้ได้ทั้งยื่น
00:27:03 → 00:27:06 แล้วก็ทั้งขว้างอ่ะครับผมก็สามารถทำให้
00:27:06 → 00:27:07 สาวแล้วก็ดึงคนไข้ขึ้นมาได้
00:27:07 → 00:27:08 >> อื
00:27:08 → 00:27:10 >> หลังจากที่สถานการณ์ปลอดภัยแล้วครับเราขอ
00:27:10 → 00:27:12 ความช่วยเหลือแล้วก็ประเมินว่าผู้บาดเจ็บ
00:27:12 → 00:27:16 หรือผู้ป่วยที่อยู่ตรงหน้าเนี่ยเค้ายังมี
00:27:16 → 00:27:18 ลมหายใจอยู่หรือเปล่าเหมดสติใช่มั้ครับ
00:27:18 → 00:27:20 เราก็ต้องดูว่าเอ๊ะที่หมดสติเนี่ยตกลงว่า
00:27:20 → 00:27:22 หัวใจเขายังเต้นอยู่มั้ยมันก็มีหลักการดู
00:27:22 → 00:27:25 นะครับผมจะถามยอตดีกว่าครับให้คุณพยาบาล
00:27:25 → 00:27:27 แนะนำว่าเราจะแยกได้ยังไงว่าคนไข้ที่หมด
00:27:28 → 00:27:31 สติตรงหน้าเนี่ยหมดสติธรรมดาหรือว่าหัวใจ
00:27:31 → 00:27:32 หยุดเต้นไปแล้ว
00:27:32 → 00:27:34 >> ก็จริงๆง่ายๆนะครับคือการหมดสติเราไม่
00:27:34 → 00:27:36 สามารถรู้ได้เลยว่าเขาหยุดหยุดหายใจหรือ
00:27:36 → 00:27:39 ว่าอะไรยังไงก็ตามปลุกครับอันดับแรกคือ
00:27:39 → 00:27:42 เวลาที่เห็นคนหมดสติเนี่ยให้เราไปปลุก
00:27:42 → 00:27:44 ก่อนเสมออย่าเพิ่งแบบว่าทำอะไรเพิ่มเติม
00:27:44 → 00:27:46 เพราะว่า 1 เขาอาจจะหลับก็ได้อันนี้คือ
00:27:46 → 00:27:48 เจอบ่อยจริงๆนะครับแบบว่า
00:27:48 → 00:27:52 >> ใช่คือแบบว่าเมาแบบเมาแล้วหลับแบบหรือ
00:27:52 → 00:27:56 อาจาร
00:27:56 → 00:27:58 ว่าผิดปกติเอลองไปปลุกเก่อนครับปลูกแล้ว
00:27:58 → 00:28:01 อาจตื่นก็ได้แต่ถ้าปลุกไม่ตื่นนะครับให้
00:28:01 → 00:28:03 รีบโทรเลยนะครับเราจะไม่ประเมินนะถ้าเกิด
00:28:04 → 00:28:06 ในภาคประชาชนแม้ว่าเขาจะยังหายใจไม่หายใจ
00:28:06 → 00:28:08 คือไม่เป็นไรครับโทรก่อนเพราะว่ายังไงซะ
00:28:09 → 00:28:11 ต้องมีทีมมาช่วยเหลืออยู่แล้วอ่ะปลุกนะ
00:28:11 → 00:28:14 ครับปลุกเสร็จปลุกไม่ตื่นขอความช่วยเหลือ
00:28:14 → 00:28:16 ขอความช่วยเหลือเสร็จเราค่อยประเมินคนไข้
00:28:16 → 00:28:19 ทีเนี้ยในภาคประชาชนนะครับจะไม่แนะนำการ
00:28:19 → 00:28:22 คลำชีปจรเพราะว่าภาคประชาชนที่ไม่ได้ฝึก
00:28:22 → 00:28:25 การเทรนเกี่ยวกับการคำชีพจรเนี่ย 1 จะ
00:28:25 → 00:28:28 เกิดข้อผิดพลาดว่าคำผิดตำแหน่งแล้วเข้าใจ
00:28:28 → 00:28:32 ว่าคนไข้หัวใจหยุดเต้นกับ 2 มักจะเกิดข้อ
00:28:32 → 00:28:35 อ่าวิพากษ์ว่าคำแล้วมันเต้นหรือไม่เต้น
00:28:35 → 00:28:37 มันจะเกิดความไม่แน่ใจเพราะฉะนั้นในภาค
00:28:37 → 00:28:41 ประชาชนเราให้เขา้าดูแค่การหายใจดูง่ายๆ
00:28:41 → 00:28:43 ครับอันดับแรกก็คือตรงบริเวณช่วงอกกับ
00:28:43 → 00:28:46 ช่วงท้องอ่ะครับจะมีการกระเพื่อมการขึ้น
00:28:46 → 00:28:48 ลงก็ง่ายๆเหมือนเราหายใจเงี้ยครับถ้าเรา
00:28:48 → 00:28:51 ดูว่าถ้าเกิดเขาไม่หายใจหรือว่าเขาไม่มี
00:28:51 → 00:28:53 หน้าอกหรือทองที่มันยกขึ้นยกลงครับก็คาด
00:28:53 → 00:28:56 ว่าคนเนี้ยไม่หายใจหรือเรามักจะเห็นในใน
00:28:56 → 00:28:57 หนังก็ได้ครับง่ายๆครับเอามือไปอั๋งเลยก็
00:28:57 → 00:29:00 ได้นี่เอามาวางเอามาวางแบบว่าดูว่ามันมี
00:29:00 → 00:29:02 ลมหายใจที่ออกหรือเปล่าอันนี้ก็จะดูได้
00:29:03 → 00:29:06 ง่ายอีกระดับนึงแต่ว่ามันจะมีการหายใจที่
00:29:06 → 00:29:09 ประชาชนมักจะมีการเข้าใจผิดอีกอีกแบบนึง
00:29:09 → 00:29:11 ซึ่งอาจจะดูลึกเกินไปคือการหายใจอีกแบบ
00:29:11 → 00:29:14 นึงเราจะเรียกว่าหายใจเฮือกนะครับหายใจ
00:29:14 → 00:29:17 เฮือกเนี่ยไม่ได้เป็นการหายใจที่เป็นหาย
00:29:17 → 00:29:19 ใจหอบนะครับหอบกับเฮือกเนี่ยจะใกล้เคียง
00:29:19 → 00:29:22 แต่ว่าบริบทจะไม่เหมือนกันหายใจหอบหมาย
00:29:22 → 00:29:25 ความว่าเขาต้องการออกซิเจนในขณะที่เค้า
00:29:25 → 00:29:27 ยังมีชิปจรคืออย่างเช่นคนที่เป็นโรคปอด
00:29:27 → 00:29:30 ปอดอักเสบอย่างเงี้ยครับคือเขาหายใจหอบ
00:29:30 → 00:29:34 แต่หายใจเฮือกคือเป็นภาวะสุดท้ายก่อนที่
00:29:34 → 00:29:36 อ่ากำลังจะเสียชีวิตอาจจะเป็นเกิดตอนที่
00:29:36 → 00:29:38 หัวใจเนี่ยหยุดเต้นไปแล้วแต่สมองยัง
00:29:38 → 00:29:41 ต้องการพลังงานต้องการออกซิเจนอ่ะครับเขา
00:29:41 → 00:29:43 จะเรียกว่าอีกคำนึงก็คือเหมือนหายใจปลา
00:29:43 → 00:29:45 ครับที่แบบว่าเหมือนแบบหายใจมันจะเป็น
00:29:45 → 00:29:48 ลักษณะก็คือหายใจหอบลึกๆแบบมากๆแล้วก็
00:29:48 → 00:29:51 เว้นช่วงไปแป๊บนึงแล้วก็หอบอีกทีนึงอย่าง
00:29:51 → 00:29:53 เงี้ยครับอันเนี้ยคือหายใจเฮือกันจะเป็น
00:29:53 → 00:29:56 ข้อความเข้าใจผิดมากในภาคประชาชนว่าอุ้ย
00:29:56 → 00:29:58 คนไข้คนนี้ยังหายใจอยู่นะคือเขาก็หายใจ
00:29:58 → 00:30:01 แบบพังหับเงี้ยครับคือหอบเนี่ยส่วนมากมัก
00:30:01 → 00:30:04 จะควบคู่กับหายใจลึกแล้วก็เร็วในคนไข้ที่
00:30:04 → 00:30:07 ยังมีชีพจรแต่ในหายใจเฮือกเนี่ยจะเป็น
00:30:07 → 00:30:09 ลักษณะแบบยาวๆครับผมเป็นระยะแล้วก็หอบ
00:30:09 → 00:30:11 ขึ้นมาใหม่อย่างี้อันนี้จะเป็นหายใจปลา
00:30:11 → 00:30:15 >> อ่าซึ่งอันนี้จริงๆก็คือเค้า
00:30:15 → 00:30:17 >> หมดสติแล้วล่ะแล้วก็น่าจะหมดลมด้วย
00:30:17 → 00:30:17 >> ใช่ครับ
00:30:17 → 00:30:19 >> อ่าไม่ได้ว่าเห็นหายใจเฮือกแบบเฮ้ยเคยัง
00:30:20 → 00:30:22 หายใจอยู่ไม่ใช่อันนี้คือว่าหัวใจเไปแล้ว
00:30:22 → 00:30:23 แต่สมองเยังสั่งอยู่
00:30:23 → 00:30:24 >> ใช่ครับ
00:30:24 → 00:30:27 >> อ่าก็รู้เอาไว้แยกได้ค่ะแล้วทีเนี้ยค่ะ
00:30:27 → 00:30:30 วิธีการปลุกเราสามารถทำแบบไหนได้บ้างถ้า
00:30:30 → 00:30:33 เราเคยคุ้นเคยจากอ่าในภาพยนตร์ในสื่อใน
00:30:33 → 00:30:36 ละครก็อาจจะเป็นการเขย่ามั้ยหรือเป็นการ
00:30:36 → 00:30:38 ตบหน้าเลยมั้คะคือเอายังไงก็ได้ต้องตื่น
00:30:38 → 00:30:41 น่ะตื่นมาก่อนน่ะอ่ะเราทำอะไรก็ได้เราเรา
00:30:41 → 00:30:44 จะมีความเข้าใจว่าทำให้เขาให้รู้สึกตัว
00:30:44 → 00:30:45 ให้เจ็บให้อะไรอย่างเงี้ยมันมันถูกต้อง
00:30:45 → 00:30:46 มั้ยคะคุณหมอ
00:30:46 → 00:30:48 >> ครับผมจะตอบว่าการปลูกแบบไหนเนี่ยที่เป็น
00:30:48 → 00:30:51 อันตรายต่อคนได้การที่คนเราเนี่ยหมดสติ
00:30:51 → 00:30:53 ไม่หายใจเนี่ยบางครั้งเกิดจากการ
00:30:53 → 00:30:55 อุบัติเหตุก็ได้เหมือนกันสิ่งที่เรากลัว
00:30:55 → 00:30:57 มากคือเรื่องของกระดูกคอถ้าเราเขย่าคอแบบ
00:30:57 → 00:30:59 เนี้ยครับอาจจะทำให้กระดูกคอได้รับการบาด
00:30:59 → 00:31:01 เจ็บก็ได้คุณแพนด้าครับผมเอาหุ่นมาด้วย
00:31:01 → 00:31:04 นี่ครับให้ดูโมเดลของคนเรานะครับสิ่ง
00:31:04 → 00:31:07 เนี้ยเขาเรียกว่ากระดูกคออ่ะครับปกติมัน
00:31:07 → 00:31:09 ก็จะเป็นแนวแนวตั้งเหมือนไม้ไผ่เงี้ยครับ
00:31:09 → 00:31:11 ทีนี้ถ้าเกิดว่าเราไปเขย่าเ้าครับมีโอกาส
00:31:11 → 00:31:14 ที่กระดูกคอมันจะเคลื่อนเห็นมั้ยครับการ
00:31:14 → 00:31:16 เขย่าเนี่ยการบิดศีรษะแค่เล็กน้อยเนี่ย
00:31:16 → 00:31:17 กระดูกคอมันเคลื่อนบางครั้งเนี่ยตรง
00:31:17 → 00:31:20 กระดูกคอมันไม่ได้มีแค่กระดูกนะครับมัน
00:31:20 → 00:31:22 ยังมีสิ่งที่เรียกว่าไขสันหลังด้วยไข่สัน
00:31:22 → 00:31:25 หลังจะทำให้เราสามารถยกแขนยกขาได้สมมุติ
00:31:25 → 00:31:28 ว่าเคสเนี้ยรถชนปึ้งเ้านอนอยู่ที่พื้น
00:31:28 → 00:31:31 กระดูกคอชิ้นนี้มันแตกเรียบร้อยแล้วครับ
00:31:31 → 00:31:34 แต่ว่าโชคดีมากมันแตกแต่มันยังไม่กระเดิด
00:31:34 → 00:31:36 มาข้างหน้าไขสันหลังยังไม่รับการบาดเจ็บ
00:31:36 → 00:31:39 พอเราไปปลูกเค้าคุณเป็นยังไงบ้างไปเขย่า
00:31:39 → 00:31:42 ครับทีนี้แหละการเขย่าของเราทำให้กระดูก
00:31:42 → 00:31:44 คอมันเคลื่อนเห็นมั้ยครับมันมากดไข่สัน
00:31:44 → 00:31:47 หลังพอดีดังนั้นเนี่ยเค้าอาจจะเป็นอัมพาต
00:31:47 → 00:31:49 เพราะว่าการปฐมพยมที่ไม่ถูกวิธีจากการ
00:31:49 → 00:31:51 เคลื่อนย้ายก็เป็นไปได้การปลุกเนี่ยจึง
00:31:51 → 00:31:53 ต้องมีวิธีการเฉพาะครับ
00:31:53 → 00:31:55 >> อ่าแล้วอย่างี้เราควรปลุกแบบไหนคะปลุก
00:31:55 → 00:31:56 ด้วยวิธีไหนดี
00:31:56 → 00:31:59 >> อ่าวิธีการปลุกที่ปลอดภัยเราก็มักจะสอน
00:31:59 → 00:32:01 กันทั่วๆไปก็คือการตบตรงบริเวณบ่าหรือว่า
00:32:01 → 00:32:04 ตรงไหนครับอย่างเช่นอ่ามีคนหมดสติอยู่เรา
00:32:04 → 00:32:06 ก็ทำการตบตรงบ่าอย่างเงี้ยครับตบตรงบ่า
00:32:06 → 00:32:09 ของเขาสักอ่าแรงระดับนึงไม่ต้องแบบว่าลง
00:32:09 → 00:32:11 แรงมากเกินไปนะครับก็ปลุกระดับนึงครับก็
00:32:11 → 00:32:14 คุณๆคุณๆอย่างเงี้ยครับก็เรามาจัดเรียน
00:32:14 → 00:32:16 กันอย่างเงี้ยครับแต่ว่าจริงๆหน้างานก็
00:32:16 → 00:32:18 คือเออคุณผู้ชายหรือคุณผู้หญิงเนี่ยอ่า
00:32:18 → 00:32:20 ยังรู้สึกตัวดีอยู่มั้ยเป็นอะไรหรือเปล่า
00:32:20 → 00:32:22 ก็พูดอย่างี้ก็ได้ครับอ่ะยังรู้ยังรู้ตัว
00:32:22 → 00:32:24 อยู่มั้ยครับเออมีอาการยังไงมั้ยถ้าเกิด
00:32:24 → 00:32:27 ว่าปลุกตรงบ่าแล้วเ้าไม่ตืดก็แสดงว่าอ่ะ
00:32:27 → 00:32:29 เริ่มมีภาวะที่มันเริ่มรุนแรงละอาจจะต้อง
00:32:29 → 00:32:30 ขอความช่วยเหลือบ้าง
00:32:30 → 00:32:32 >> บ่านี่คือเป็นจุดที่เซฟใช่มั้คะ
00:32:32 → 00:32:33 >> ใช่ครับผมครับ
00:32:33 → 00:32:35 >> โดยที่ไม่ทำการเขย่า
00:32:35 → 00:32:36 >> ครับตกที่บ่า
00:32:36 → 00:32:37 >> ปุ๊บๆน้อง
00:32:37 → 00:32:38 >> ใช่ครับผม
00:32:38 → 00:32:41 >> อันนี้แพนด้าอยากรู้ว่าทำไมการเรียกสติ
00:32:41 → 00:32:44 ถึงสำคัญคะคือถ้าสมมุติว่าอย่างบางคนที่
00:32:44 → 00:32:47 เค้าเกิดเหตุบางอย่างจนเค้าได้รับบาดเจ็บ
00:32:47 → 00:32:50 หนักแล้วก็เรามักจะเห็นในตามอ่านละครก็
00:32:50 → 00:32:53 ได้ง่ายๆเนาะว่ามันเจ็บจนจะหมดสติแล้วอ่ะ
00:32:53 → 00:32:56 ค่ะแล้วทำไมเราถึงต้องพยายามไม่ให้เขาหมด
00:32:56 → 00:32:57 สติด้วยคะมันสำคัญยังไง
00:32:58 → 00:32:59 >> ในหนังเนี่ยผมเข้าใจคุณเพชรน่านะว่าหมาย
00:32:59 → 00:33:03 ถึงเราจะบอกว่าคงสติเ้าไว้อ่ะกลัวเขาว่า
00:33:03 → 00:33:04 หมายถึงว่ากลัวว่าถ้าเกิดเขาหลับไปแล้ว
00:33:04 → 00:33:06 เขาจะหลับไปเลยหรือว่าแบบเสียชีวิตใช่
00:33:06 → 00:33:08 มั้ยครับคือในกรณีของหนังเนี่ยอาจจะแบบ
00:33:08 → 00:33:11 ว่าต้องการให้อ่าตัวละครตัวนั้นเยังมี
00:33:11 → 00:33:13 ชีวิตอยู่หรือว่าแบบเพื่อความสบายใจของคน
00:33:13 → 00:33:16 ที่อยู่ในละแวกนั้นแต่คือทางการแพทย์ถาม
00:33:16 → 00:33:19 ว่าจำเป็นจะต้องปลุกเพื่อให้เขา้ามีสติ
00:33:19 → 00:33:22 ตลอดมั้ยคำถามคือไม่จำเป็นนะครับหมายความ
00:33:22 → 00:33:25 ว่าอาจจะแบบมีการบาดเจ็บหรือว่ามีการอะไร
00:33:25 → 00:33:28 ก็ตามซึ่งเขาอาจจะต้องเก็บพลังงานหรือ
00:33:28 → 00:33:30 อะไรก็ตามที่แบบว่าอาจจะต้องพักผ่อนขนาด
00:33:30 → 00:33:33 นั้นน่ะครับเค้าก็หลับได้แต่ว่าจะมีการ
00:33:33 → 00:33:36 ประเมินเป็นระยะแทนนะครับหมายความว่าเรา
00:33:36 → 00:33:38 ไม่ได้แบบว่าคนไข้ห้ามหลับนะตื่นตลอด
00:33:38 → 00:33:41 อันเนี้ยก็ไม่ได้ขนาดนั้นถ้าในคนไข้ที่
00:33:41 → 00:33:44 ภาวะรุนแรงเรามักจะประเมินสัก 5-10 นาที
00:33:44 → 00:33:46 เป็นช่วงๆว่าอาจจะเป็นการปลุกแบบไม่ต้อง
00:33:47 → 00:33:49 แรงมากก็เออคนไข้ยังตื่นดีอยู่มั้ยอ่ะ
00:33:49 → 00:33:53 สมมุติว่าคนไข้คนเนี้ยหอบมากๆหอบแบบก็คือ
00:33:53 → 00:33:55 ใกล้จะเหมือนสติแบบสะลึมสะลือแล้วแหละ
00:33:55 → 00:33:56 แล้วคุณแบบว่าคุณแพนด้าไปปลุกเค้าเรื่อยๆ
00:33:56 → 00:33:59 อ่ะแล้วเขาต้องการใช้พลังงานส่วนเนี้ยใน
00:33:59 → 00:34:01 การแบบว่าเอาแรงมาหายใจอ่ะคิดออกมั้ยแบบเ
00:34:02 → 00:34:03 อาจจะแบบว่าพยายามแบบออมแรงอย่างเงี้ย
00:34:03 → 00:34:05 แล้วคุณแมาแบบว่ามาปลุกให้อย่าเพิ่งหลับ
00:34:05 → 00:34:07 อย่าเพิ่งหลับแล้วเาคก็ต้องพยายามแบบฝืน
00:34:07 → 00:34:09 แบบว่าอ่ะโอเคโอเคพยายามตื่นอย่างเงี้ย
00:34:09 → 00:34:11 ครับมันก็เหมือนเป็นการฝืนคนไข้แล้วมันก็
00:34:11 → 00:34:13 ไม่ได้ช่วยอะไรให้กับคนไข้ให้ได้ดีขึ้น
00:34:14 → 00:34:16 เพราะว่ามันก็อยู่ที่ตัวโรคหรือการบาด
00:34:16 → 00:34:18 เจ็บของคนไข้ให้อยู่แล้วอ่ะครับไม่ว่าเรา
00:34:18 → 00:34:21 จะปลุกเราจะยื้อสติเค้ายังไงเมื่อถึงเวลา
00:34:21 → 00:34:24 ที่มันถึงช่วงวิกฤตหรือว่าอาการของคนไข้
00:34:24 → 00:34:26 มันแย่ลงจริงๆยังไงเค้าก็หมดสติอยู่ดี
00:34:26 → 00:34:27 ครับ
00:34:27 → 00:34:29 >> โอเควันนี้น่าจะได้เข้าใจอะไรใหม่กันว่า
00:34:29 → 00:34:31 เฮ้ยไม่เป็นไรถ้าสมมุติว่าตัวคนไข้เขาไม่
00:34:31 → 00:34:34 ไหวร่างกายเขาต้องการที่จะอ่ารักษาพลัง
00:34:34 → 00:34:36 งานไว้เขาอาจจะหลับไปก็ได้ไม่เป็นไรแต่
00:34:36 → 00:34:39 ว่ามีกรณีไหนมั้คะที่อันเนี้จำเป็นต้อง
00:34:39 → 00:34:42 ประคองสติของคนไข้เอาไว้ว่าไม่ควรที่จะ
00:34:42 → 00:34:43 หลับไปเลยอ่ะ
00:34:43 → 00:34:45 >> คำถามนี้ตอบยากครับเพราะว่าส่วนตัวผมรู้
00:34:45 → 00:34:48 สึกว่าไม่ไม่ว่าคนไข้จะหมดสติจะซึมจะสติ
00:34:49 → 00:34:51 สัมปัชญะที่เลื่อหรือแม้เมาสุราแล้วก็แบบ
00:34:51 → 00:34:53 ดูโคมมากพวกเนี้ยอันนี้เป็นภาวะฉุกเฉิน
00:34:53 → 00:34:55 ทั้งนั้นนะครับถ้าเราดูคำนิยามคำว่า
00:34:55 → 00:34:58 ฉุกเฉินคืออะไรฉุกเฉินเนี่ยหมายถึงภาวะ
00:34:58 → 00:35:02 ที่เร่งด่วนถึงแก่ความตายได้อาจจะถึงแก่
00:35:02 → 00:35:04 ความตายได้สิ่งเนี้ยอาจจะเกินสิ่งที่
00:35:04 → 00:35:07 เรียกว่าปฐมพยาบาลเบื้องต้นนะครับจริงๆ
00:35:07 → 00:35:09 แล้วเนี่ยการปฐมพยาบาลนะครับหลายท่านอาจ
00:35:09 → 00:35:11 จะรู้สึกว่าเราต้องทำอะไรสักอย่างใช่มั้ย
00:35:11 → 00:35:13 ต้องปลุกคนไข้ต้องแบบเช็ดตัวอะไรก็ได้ที่
00:35:13 → 00:35:15 เป็นการปฐมพยาบาลแต่นั่นก็คือต้องดูว่า
00:35:15 → 00:35:17 โรคนั้นน่ะมันรุนแรงแค่ไหนแต่ถ้าแบบว่า
00:35:17 → 00:35:21 แค่มีไข้จะเช็ดตัวอะไรเงี้ยอาจจะทำได้ก็
00:35:21 → 00:35:24 ตามเนี่ยภาวะฉุกเฉินนะครับในเรื่องของการ
00:35:24 → 00:35:27 หมดสติหรือว่าสติสัปชัญญะที่เลอะเรือนไป
00:35:27 → 00:35:29 ถือว่าเป็นภาวะฉุกเฉินทั้งนั้นนะครับต้อง
00:35:29 → 00:35:32 ได้รับการกู้ชีพหรือการดูแลโดยแพทย์หรือ
00:35:32 → 00:35:34 ว่าพยาบาลต้องเป็นขั้นสูงครับจึงมีคำแนะ
00:35:34 → 00:35:37 นำว่าถ้าหากว่าเจอคนไข้ที่ซึมไม่ว่าจะ
00:35:37 → 00:35:40 ปลุกหรือไม่ปลุกเนี่ยสิ่งสำคัญคือต้องรู้
00:35:40 → 00:35:42 ว่ามันเป็นภาวะที่ฉุกเฉินแล้วควรจะต้องพา
00:35:42 → 00:35:45 คนไข้ไปโรงพยาบาลครับมีอยู่ครั้งนึงครับ
00:35:45 → 00:35:47 อ้าคุณเคยได้เคยมีเรื่องงูแมวเซามั้ย
00:35:47 → 00:35:47 >> ไม่ค่ะ
00:35:47 → 00:35:49 >> มีคนเข้าใจว่าสมัยก่อนผมก่อนที่เรียน
00:35:49 → 00:35:51 แพทย์นะผมเข้าใจว่างูแมวเซาเนี่ยกัดแล้ว
00:35:51 → 00:35:54 มันต้องหลับใช่มั้ยเพราะแมวเซาไง
00:35:54 → 00:35:56 >> เออก็แบบมันจะมีหนังอยู่ช่วงนึงสมัยนู้น
00:35:56 → 00:35:58 นะครับคือโดนงูแมวซากัดพระเอกก็บอกว่า
00:35:58 → 00:36:01 อย่าหลับนะเพราะแมวเซาไงถ้าหลับอาจจะต้อง
00:36:01 → 00:36:02 ตายอย่างเงี้ครับแต่พอเรามาเรียนแพทย์เน
00:36:03 → 00:36:04 งูแมวซองมีพิษอะไรนะครับ
00:36:04 → 00:36:05 >> ต่อระบบเลือดครับ
00:36:05 → 00:36:07 >> ใช่ครับซึ่งมันไม่เกี่ยวกับระบบประสาทเลย
00:36:07 → 00:36:09 งูที่มีพิษระบบประสาทได้แก่พวกงูเห่าเออ
00:36:09 → 00:36:12 ถ้ากัดงูโดนงูเห่ากัดอ่ะมีโอกาสซึมหลับ
00:36:12 → 00:36:15 ได้แต่งูแมวเซาอ่ะไม่เกี่ยวเลยครับมีพิษ
00:36:15 → 00:36:17 แต่ระบบเลือดเห็นมั้ยครับที่คุยเมื่อกี้
00:36:17 → 00:36:20 ว่าไม่ว่าจะซึมหมดสติอะไรก็ตามเนี่ยมัน
00:36:20 → 00:36:22 ฉุกเฉินทั้งนั้นจะโดนงูแมวเซางูเห่ากันก็
00:36:22 → 00:36:25 ควรจะไปโรงพยาบาลดังนั้นเนี่ยคำตอบว่าจะ
00:36:25 → 00:36:27 ปลุกหรือไม่ปลุกก็ได้ทั้งนั้นล่ะครับแต่
00:36:27 → 00:36:29 ต้องพาไปโรงพยาบาลครับเดี๋ยวเรามา
00:36:29 → 00:36:31 เช็คลิสต์ดูมั้ครับว่าที่คุยเมื่อเช้า
00:36:31 → 00:36:34 เนี่ยถ้าเกิดว่าเจอสถานการณ์ที่คนไข้หมด
00:36:34 → 00:36:36 สติไม่หายใจหรือหายใจเป็นความฉุกเฉิน
00:36:36 → 00:36:39 เนี่ยจะทำยังไงบ้างอันดับ 1 คือสถานการณ์
00:36:39 → 00:36:43 ปลอดภัยก่อน 2 ก็คือเข้าไปดูว่าโทร 1669
00:36:43 → 00:36:46 ขอความช่วยเหลืออย่างที่ 3 ดูว่าคนไข้เา
00:36:46 → 00:36:49 หมดสติยังไงบ้างมีการตบเรียกปรากฏว่า
00:36:49 → 00:36:51 อันเนี้ยครับคนไข้ก็คือเราโทรเรียบร้อย
00:36:51 → 00:36:53 แล้วสถานการณ์ปลอดภัยคนไข้ก็หมดสติแล้วก็
00:36:53 → 00:36:56 ไม่หายใจครับเรารอรถพยาบาลมารับใช่มั้
00:36:56 → 00:36:59 ครับ 4 นาทีสมองขาดเลือดเสียชีวิตแน่นอน
00:36:59 → 00:37:01 อันนี้แหละการขนมพยาบาลที่คุยวันเนี้ยจึง
00:37:01 → 00:37:02 เข้ามาครับ
00:37:02 → 00:37:05 >> อ่าก็เลยจำเป็นที่ว่าถ้าเรามีความรู้นี้
00:37:05 → 00:37:07 ก็อาจจะมีโอกาสทำให้รอดชีวิตมากขึ้นเรา
00:37:07 → 00:37:10 ต้องทำการปั๊มหัวใจให้กับผู้อื่นก่อนอัน
00:37:10 → 00:37:10 นี้
00:37:10 → 00:37:11 >> ครับผม
00:37:11 → 00:37:13 >> มันต้องรู้อะไรบ้างคะคุณหมอ
00:37:13 → 00:37:14 >> เราจะต้องรู้อะไรบ้างนะครับเกี่ยวกับการ
00:37:14 → 00:37:16 ปั๊มหัวใจคำถามนี้ดีมากเลยครับสิ่งแรกก็
00:37:16 → 00:37:18 คือ 1 เมื่อหัวใจหยุดเต้นไปแล้วอ่ะครับ
00:37:18 → 00:37:21 ทุกอย่างสูญเลยครับปกติหัวใจก็จะมีการบีบ
00:37:21 → 00:37:23 ปึ๊บเพื่อให้เลือดไปเลี้ยงสมองแต่พอหัวใจ
00:37:23 → 00:37:25 หยุดปึ้งเนี่ยทุกอย่างหยุดครับภายใน 4
00:37:25 → 00:37:28 นาทีสมองจะขาดเลือดแล้วก็เข้าสู่ความตาย
00:37:28 → 00:37:30 การกดหน้าอกไม่ได้ทำให้หัวใจเต้นนะครับ
00:37:30 → 00:37:31 คือหัวใจมันหยุดไปแล้วไงแต่การกดหน้าอก
00:37:31 → 00:37:34 เหมือนการบีบให้เลือดยังคงออกไปคือตอนเ
00:37:34 → 00:37:36 ครับหัวใจมันหยุดไปเรียบร้อยแล้วนะแต่เรา
00:37:36 → 00:37:38 อยากจะให้เลือดออกไปจึงทำการกดหน้าอกนั่น
00:37:38 → 00:37:40 เองอันเนี้ยการกดหน้าอกก็เหมือนการประวิง
00:37:40 → 00:37:42 เวลาครับให้เลือดเนี่ยคงไปเลี้ยงสมองสมอง
00:37:42 → 00:37:44 ยังไม่ขาดเลือดจนกว่าทางกู้ชีพที่จะมา
00:37:44 → 00:37:45 ครับ
00:37:45 → 00:37:47 >> แล้วการกดหน้าอกเนี่ยค่ะต้องทำยังไงที่
00:37:47 → 00:37:49 เป็นการกดหน้าอกที่ถูกวิธีคะ
00:37:49 → 00:37:51 >> อันดับแรกเราต้องเริ่มตั้งแต่การดู
00:37:51 → 00:37:54 ตำแหน่งก่อนครับผมเรารู้อยู่แล้วว่าหัวใจ
00:37:54 → 00:37:56 เราอยู่ตรงบริเวณกึ่งกลางของหน้าอกใช่
00:37:56 → 00:37:58 มั้ยครับทีนี้ในภาคประชาชนเราก็จะสอนง่าย
00:37:58 → 00:38:02 ๆครับเราจะเห็นกระดูกตรงกลางครับผมกระดูก
00:38:02 → 00:38:04 ตรงกึ่งกลางหน้าอกทีเนี้ยเราก็จะมักจะบอก
00:38:04 → 00:38:06 ว่าตรงคำตรงด้านล่างอ่ะจะเป็นลิ้นปี่ถูก
00:38:06 → 00:38:09 ต้องมั้ครับให้เราอ่าเอานิ้วของเราครับ
00:38:09 → 00:38:11 ประมาณ 2 นิ้วก็ได้ครับถ้าใครนิ้วเล็กก็
00:38:11 → 00:38:13 เอา 3 นิ้วก็ได้ก็จะมาวัดตัวบริเวณใต้
00:38:13 → 00:38:15 ลิ้นปี่ครับ 2 นิ้วแบบนี้นะครับก็แบบ
00:38:15 → 00:38:17 เนี้ยขึ้นมาประมาณ 2 นิ้วมันก็จะเป็น
00:38:17 → 00:38:19 ตำแหน่งที่เป็นถ้าเป็นทางการแพทย์เค้าจะ
00:38:19 → 00:38:21 บอกว่าให้แบ่งกระดูกกึ่งกลางหน้าอกอ่ะ
00:38:21 → 00:38:23 ครับเป็นครึ่งนึงถ้าเกิดว่าใครที่เป็นคู่
00:38:24 → 00:38:26 ชีพเนาะก็จะเป็นแบ่งครึ่งนึงแล้วก็ให้ทำ
00:38:26 → 00:38:29 การกดตรงบริเวณส่วนล่างของกระดูกกึ่งกลาง
00:38:29 → 00:38:31 หน้าอกแต่ว่าในภาคประชาชนเขาก็จะงงอ่ะเออ
00:38:31 → 00:38:34 กระดูกกึ่งกลางหน้าอกคืออะไรง่ายๆครับวัด
00:38:34 → 00:38:36 จากตำแหน่งตรงบริเวณลิ้นปี่กเราคำลิ้น
00:38:36 → 00:38:37 ปี่กกันง่ายอยู่แล้วเวลาเจอคนไข้เราจะเจอ
00:38:38 → 00:38:39 รอยบุบนะครับตรงบุบเนี่ยคือลิ้นปี่อยู่
00:38:39 → 00:38:41 แล้วให้เรากะขึ้นมาให้เอา 2 นิ้วของเรา
00:38:41 → 00:38:44 เนี่ยทาบลงไปประมาณ 2 นิ้วมือมันก็จะเป็น
00:38:44 → 00:38:46 ตำแหน่งที่เหมาะสมในการปั๊มอ่ะครับทีนี้
00:38:46 → 00:38:49 คำถามมันก็จะบอกว่าแล้วกระดูกหักเป็นอะไร
00:38:49 → 00:38:51 หรือเปล่าใช่มั้ยครับทีเนี้ยเราต้องบอก
00:38:51 → 00:38:54 ก่อนว่าตามที่เก็บข้อมูลมานะครับถ้าเรา
00:38:54 → 00:38:56 ปั๊มในตำแหน่งที่เหมาะสมอย่างเช่นอย่าง
00:38:56 → 00:38:58 เงี้ยครับเราปั๊มตรงบริเวณกึ่งกลางตรง
00:38:59 → 00:39:01 กระดูกตรงเนี้ยครับกระดูกของกึ่งกลางหน้า
00:39:01 → 00:39:03 อกครับมีเค้าเรียกว่าความยืดหยุดบ้างอยู่
00:39:04 → 00:39:06 อ่ะครับมันไม่ได้แปลว่ากดปั๊บแล้วมันจะมี
00:39:06 → 00:39:09 การหักของตัวของกระดูกอ่ะครับมันเกิดขึ้น
00:39:09 → 00:39:11 ได้มั้ยเกิดขึ้นได้แต่เกิดขึ้นได้น้อย
00:39:11 → 00:39:14 แล้วพอเกิดขึ้นจะมีคำถามถามต่อว่าแล้วมัน
00:39:14 → 00:39:17 อันตรายต่อคนไข้มั้ยมันจะทำให้เค้าแบบ
00:39:17 → 00:39:19 ทิ่มปอดหรือเปล่าหรือว่าทิ่มหัวใจมั้ยคำ
00:39:19 → 00:39:22 ตอบคือแทบเป็นไปไม่ได้เลยครับตามที่เขา้า
00:39:22 → 00:39:24 เก็บข้อมูลคือมันเป็นเปอร์เซ็นต์ที่แบบ
00:39:24 → 00:39:26 ไม่ถึง 10% เลยครับแต่ถามว่าเกิดขึ้นได้
00:39:26 → 00:39:29 มั้ยยากมากส่วนใหญ่เราจะเกิดจากการที่เขา
00:39:29 → 00:39:31 อาจจะหักตั้งแต่แรกอยู่แล้วแล้วทำการไป
00:39:31 → 00:39:33 ปั๊มอ่ะครับแต่ในกรณีชาวชนทั่วไปต้องคิด
00:39:33 → 00:39:36 ก่อนนะครับตอนเนี้ยเค้ากำลังเสียชีวิต
00:39:36 → 00:39:39 แล้วนะครับเราอย่าเพิ่งไปคิดว่าปอดเขาจะ
00:39:39 → 00:39:41 แตกมั้ยหรือว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บข้างใน
00:39:41 → 00:39:44 มั้ยถ้าเราไม่ทำอะไรคือเขาเสียชีวิตแน่ๆ
00:39:44 → 00:39:47 กระดูกซี่โครงกระดูกต่างๆแม้แต่ปอดต่างๆ
00:39:47 → 00:39:49 มันไปรักษาทีหลังได้เพราะฉะนั้นแล้ว
00:39:49 → 00:39:51 ตำแหน่งก็ช่วยทำให้เรามั่นใจมากขึ้นว่า
00:39:51 → 00:39:54 ถ้าตำแหน่งถูกต้องการบาดเจ็บของคนไข้ก็จะ
00:39:54 → 00:39:57 น้อยลงนะครับเราจะใช้ตรงบริเวณอุ้งนะครับ
00:39:57 → 00:40:00 อุ้งคือตรงนี้ส่วนของอุ้งนะครับเราถ้า
00:40:00 → 00:40:02 เกิดว่าบางคนเนี่ยว่าใช้สันสันคือตรงนี้
00:40:02 → 00:40:05 นะครับเวลาเราสับมะละกออะไรเงี้ยนะฮะก็จะ
00:40:05 → 00:40:08 ใช้ตรงอุ้งมือครับวางลงไปจะใช้ข้างถนัด
00:40:08 → 00:40:11 หรือไม่ถนัดได้หมดเลยนะครับทำการวางลงไป
00:40:11 → 00:40:13 โดยการประกบอย่างเงี้ยครับประกบมืออย่าง
00:40:13 → 00:40:14 งี้นะครับข้าง
00:40:14 → 00:40:16 >> ข้างไหนก็ได้ครับแล้วแต่เราถนัดแล้วแต่
00:40:16 → 00:40:18 เราสะดวกเลยทางยังไงก็ได้หลังจากนั้นเอา
00:40:18 → 00:40:21 อุ้งมือครับมาวางแนบลงบนตำแหน่งที่เราวัด
00:40:21 → 00:40:25 ไว้ซึ่งถ้าเอาง่ายๆสำหรับผู้ชายนะครับก็
00:40:25 → 00:40:27 คือตรงบริเวณราวนมผู้ชายเนี่ยเราเราก็อาจ
00:40:28 → 00:40:29 จะสามารถอ่าดึงเสื้อเข้าได้แต่ในผู้หญิง
00:40:30 → 00:40:31 เราก็ไม่แนะนำนะครับแล้วในผู้หญิงเราวัด
00:40:31 → 00:40:34 ยังไงก็วัดจากลิ้นปี่นี่แหละครับให้เป็น
00:40:34 → 00:40:36 การวัดตำแหน่งที่ง่ายและเหมาะสมที่สุดเรา
00:40:36 → 00:40:39 ก็ทำการประกบอ่ะครับทีนี้มันจะมีข้อควร
00:40:39 → 00:40:42 ระวังนะครับหมายความว่าถ้าเกิดว่าคนไข้
00:40:42 → 00:40:44 ให้เนี่ยอยู่ในพื้นที่นุ่มๆสมมุติว่าอยู่
00:40:44 → 00:40:48 บนโซฟาอยู่บนเตียงต่างๆเนี่ยถ้าเกิดว่า
00:40:48 → 00:40:50 ไม่ได้มีการบาดเจ็บอะไรที่รุนแรงนะครับ
00:40:50 → 00:40:52 อยากจะให้เคลื่อนย้ายลงมาในพื้นที่ที่
00:40:52 → 00:40:54 เป็นพื้นที่แข็งเพราะว่าอะไรการกดหน้าอก
00:40:54 → 00:40:56 เนี่ยมันจะไม่มีประสิทธิภาพต้องลองคิด
00:40:56 → 00:40:59 สภาพนะครับอยู่บนฟูกนุ่มๆแล้วคนไข้อยู่
00:40:59 → 00:41:02 ตรงกลางแล้วเราทำการกดจะเป็นไงครับตัวคน
00:41:02 → 00:41:04 ไข้จะเป็นการยุบลงไปด้วยเพราะฉะนั้นแล้ว
00:41:04 → 00:41:07 หัวใจเราก็จะได้รับการบีบจากการกดเนี่ย
00:41:07 → 00:41:09 น้อยลงไปค่อนข้างมากเพราะฉะนั้นแล้วแนะนำ
00:41:09 → 00:41:11 ว่าให้ทำการเคลื่อนย้ายไปยังบริเวณพื้น
00:41:11 → 00:41:14 ที่ที่เป็นแนวราบแล้วก็แข็งอ่ะครับหลัง
00:41:14 → 00:41:17 จากนั้นในการ TPR เนี่ยก็คือพยายามตั้ง
00:41:17 → 00:41:19 ให้แขนมันอยู่ในลักษณะที่ตรงอ่ะครับตรง
00:41:19 → 00:41:22 ที่สุดโน้มตัวเนี่ยให้อยู่ในลักษณะที่ทำ
00:41:22 → 00:41:25 ให้แขนของเราเนี่ยเหยียดตรึงนะครับแล้ว
00:41:25 → 00:41:27 ไม่งอแขนอย่างี้นะฮะเราจะไม่ปั๊มแบบนี้นะ
00:41:27 → 00:41:30 เราจะใช้ลักษณะในการปั๊มที่แขนเหยียดตรง
00:41:30 → 00:41:32 นะครับเก็งเก็งแขนเอาไว้เลยให้เป็นลักษณะ
00:41:32 → 00:41:35 เหมือนแท่นคิดง่ายๆเหมือนแท่งขุดน้ำมัน
00:41:35 → 00:41:37 น่ะครับก็จะเป็นเสาเหมือนเสาตอกลงไปครับ
00:41:37 → 00:41:39 ให้เราทำเหมือนลักษณะของแท่นอ่าเราจะสอน
00:41:39 → 00:41:42 ว่าให้ใช้แรงจากลำตัวถ้าเกิดเราใช้แรงจาก
00:41:42 → 00:41:44 แขนอย่างเช่นเราใช้แขนในการปั๊มเงี้ยครับ
00:41:44 → 00:41:47 แบบปั๊มอย่างเงี้ยหรือว่าใช้แขนแบบตัว
00:41:47 → 00:41:49 อย่างเงี้ยหรือว่าใช้ไหล่อ่ะมันเมื่อย
00:41:49 → 00:41:50 ครับแป๊บเดียวไม่ถึง 1 นาทีก็เมื่อยแล้ว
00:41:50 → 00:41:53 ครับถ้าเราใช้จากบริเวณสะโพกจากเอวหรือลำ
00:41:54 → 00:41:57 ตัวเนี่ยทิ้งน้ำหนักลงไปมันจะช่วยลดแรง
00:41:57 → 00:41:59 ได้เยอะทีนี้การกดที่มีประสิทธิภาพคือเรา
00:41:59 → 00:42:01 ได้ตำแหน่งนะครับได้ท่าที่ถูกต้องแล้วก็
00:42:01 → 00:42:05 เหมาะสมอย่างต่อไปนะครับคือการความลึกของ
00:42:05 → 00:42:07 การกดหน้าอกนะครับความลึกของในผู้ใหญ่
00:42:07 → 00:42:11 เนี่ยจะกดความลึกอยู่ที่ 5-6 ซม.นะครับ
00:42:11 → 00:42:14 หรือถ้าเป็นนิ้วก็คือ 2-2.4 นิ้วอันนี้
00:42:14 → 00:42:17 คือการกดลึกกดเร็วขนาดไหนก็คือกะว่า
00:42:17 → 00:42:20 ประมาณ 100-10
00:42:20 → 00:42:22 ครั้งต่อ 1 นาทีนะครับทีนี้มันก็จะมีเค้า
00:42:22 → 00:42:25 เรียกว่าเอาเพลงมาตัดต่อรีมกันเยอะค่อน
00:42:25 → 00:42:28 ข้างเยอะทีเนี้ยเราก็มันก็จะมีจังหวะนะ
00:42:28 → 00:42:31 ครับผมก็คือเราก็นับในใจก็ได้ครับ 1 และ 2
00:42:31 → 00:42:34 และ 3 และ 4 และ 5 และ 6 และ 7 แบบนี้ไป
00:42:34 → 00:42:36 เรื่อยๆครับผมจนครบอ่าทีเนี้ยเราก็จะถาม
00:42:36 → 00:42:39 ว่าปั๊มนานขนาดไหนผมจะบอกอย่างงี้ครับว่า
00:42:39 → 00:42:42 ถ้าในภาคที่เป็นประชาชนด้านนอกเนี่ยมีแค่
00:42:42 → 00:42:44 มือของเรานี่แหละครับถ้าอย่างมากสุดก็มี
00:42:44 → 00:42:46 เครื่องนี้ตามมาอีกทีนึงเพราะฉะนั้นแล้ว
00:42:46 → 00:42:50 ทำนานขนาดไหนทำไปเรื่อยๆจนกว่ารถกู้ชีพจะ
00:42:50 → 00:42:52 มาถึงอันนี้คือคำแนะนำของสำหรับภาคประชา
00:42:52 → 00:42:56 ชนนะครับหรือถ้าเราพอเคยอบรมมาบ้างเค้าก็
00:42:56 → 00:42:59 จะบอกว่าทำการ CPR 2 นาทีแล้วก็ทำการ
00:42:59 → 00:43:02 ประเมินคนไข้ 1 ครั้งก็ทำการกดหน้าอกอ่ะ
00:43:02 → 00:43:06 ครับประมาณ 200 ครั้งก็ได้กดไปปึ๊บเรานับ
00:43:06 → 00:43:09 ถึง 200 ครั้งเสร็จเราก็มาดูคนไข้ก่อนว่า
00:43:09 → 00:43:11 คนไข้มีการหายใจมั้ยมีหน้าอกเนี่ยมันมี
00:43:11 → 00:43:14 การยกตัวขึ้นลงหรือเปล่าแสดงว่าน่าจะมี
00:43:14 → 00:43:17 สัญญาณชีพกลับมาแต่ถ้ายังดูแล้วนิ่งครับ
00:43:17 → 00:43:19 สนิทคือในการประเมินเราต้องประเมินไม่
00:43:19 → 00:43:21 เกิน 10 วินาทีนะครับหมายความว่าเอ้ยเรา
00:43:22 → 00:43:25 ดูคนไข้ว่าเค้ายังหายใจหรือไม่หายใจเนี่ย
00:43:25 → 00:43:27 ให้ทำการประเมินไม่เกิน 10 วินาทีเท่า
00:43:27 → 00:43:29 นั้นนะครับเพราะว่าอะไรหลักการที่การปั๊ม
00:43:29 → 00:43:32 CPR อย่างมีคุณภาพเขาจะห้ามหยุดการปั๊ม
00:43:32 → 00:43:35 CPR เกิน 10 วินาทีครับเพราะว่าจากการ
00:43:35 → 00:43:38 เก็บข้อมูลนะครับถ้าเราเคยดูกราฟเนี่ยตอน
00:43:38 → 00:43:40 ที่เรา CPR เนี่ยมันจะค่อยๆไต่ขึ้นเงี้ย
00:43:40 → 00:43:42 ครับเวลาเราปั๊มไปเนี่ย 200 ครั้งเนี่ย
00:43:42 → 00:43:44 มันจะค่อยไต่ขึ้นไต่ขึ้นแต่เมื่อไหร่ก็
00:43:44 → 00:43:46 ตามเมื่อเราหยุดอ่ะครับกราฟมันไม่ได้ลง
00:43:46 → 00:43:48 อย่างนี้นะครับกราฟมันลงแบบวุบลงมาอย่าง
00:43:48 → 00:43:51 งี้เลยเพราะฉะนั้นแล้วกว่าเราจะไต่ขึ้น
00:43:51 → 00:43:52 ใหม่อ่ะครับมันใช้เวลานานมากเพราะฉะนั้น
00:43:52 → 00:43:55 แล้วเ้าเลยบอกว่าควรอ่าหยุดหรือว่ารบกวน
00:43:55 → 00:43:58 การกดเนี่ยไม่เกิน 10 วินาทีนะครับล่ะเรา
00:43:58 → 00:44:00 ก็จะได้ 1 วัดตำแหน่งใช่มั้ครับวัด
00:44:00 → 00:44:04 ตำแหน่งได้ท่าเสร็จปุ๊บก็จะมีการกดลึกกด
00:44:04 → 00:44:07 เร็วหยุดกดห้ามเกิน 10 วินาทีนี้มันก็จะ
00:44:07 → 00:44:11 มีบอกว่าถ้าเราเค้าใช้คำว่าสมัครใจในการ
00:44:11 → 00:44:13 เป่าเป่าปากหรือช่วยหายใจสมมุติว่าถ้า
00:44:13 → 00:44:15 เกิดว่าเป็นคนรู้จักเป็นญาติพี่น้องเงี้ย
00:44:15 → 00:44:18 ครับเราสมัครใจในการช่วยเป่าปากเราก็จะ
00:44:18 → 00:44:21 ช่วยในการเป่าปากเนี่ยในอัตราก็คือปั๊มไป
00:44:21 → 00:44:24 เนี่ย 30 ครั้งแล้วก็ช่วยหายใจ 2 ครั้ง
00:44:24 → 00:44:26 หมายความว่าก็เมาส์ to เมาส์ถ้าเกิดเรา
00:44:26 → 00:44:28 สมัครใจนะครับหรือว่าถ้าเกิดว่าพี่ๆกู้
00:44:28 → 00:44:31 ชีพหรือว่าคนที่มีตัวเนี้ยครับตัว Pocket
00:44:31 → 00:44:33 Mat เดี๋ยวนี้มันมีโควิดหรือว่าตั้งแต่
00:44:33 → 00:44:35 มีโรคติดเชื้อเกิดขึ้นเยอะครับเราก็ไม่
00:44:35 → 00:44:39 แนะนำให้ทำการเป่าปากทุกรายการทำ CPR ก็
00:44:39 → 00:44:41 สามารถช่วยคืนชีพได้นะครับทีเนี้ยก็คือ
00:44:41 → 00:44:44 ถ้าเกิดมีอุปกรณ์นี้ก็ดีครับในการช่วยลด
00:44:44 → 00:44:46 การติดเชื้อเราก็สามารถช่วยได้อย่างมี
00:44:46 → 00:44:48 ประสิทธิภาพมากขึ้นก็คือกดไปเลยครับ 30
00:44:48 → 00:44:51 ครั้งปั๊มเงี้ยตึ๊บๆ 30 ครั้งแล้วก็เป่า
00:44:51 → 00:44:54 ปาก 2 ครั้งเงี้ยทำ 2 อย่างเนี้ยครับ 5
00:44:54 → 00:44:59 รอบเราก็จะเท่ากับ 2 นาทีหรือถ้าเกิดว่า
00:44:59 → 00:45:01 กูชีพยังมาไม่ถึงเงี้ยก็ทำไปเรื่อยๆจน
00:45:01 → 00:45:04 กว่าคนไข้จะมีอ่าชีพจรกลับคืนมาหรือว่ามี
00:45:04 → 00:45:07 การหายใจด้วยตัวของเขาเองก็สามารถปั๊มได้
00:45:07 → 00:45:09 อย่างเดียวก็ได้หรือจะปั๊มแล้วก็มีการ
00:45:09 → 00:45:12 ช่วยหายใจก็ได้นะครับแล้วก็อย่างสุดท้าย
00:45:12 → 00:45:15 ที่เราจะต้องอ่านึกถึงเสมอคืออันดับแรก
00:45:15 → 00:45:18 คือเราอย่าปั๊มถี่เกินไปอย่าเร่งจังหวะ
00:45:18 → 00:45:20 ครับเพราะว่าเวลาที่เราตื่นเต้นอ่ะครับใน
00:45:20 → 00:45:23 การปั๊มของคนโดยทั่วไปแล้วเจะปั๊มแบบไม่
00:45:23 → 00:45:25 มีจังหวะครับเขาจะแบบไม่มีสติเลยเขาจะ
00:45:25 → 00:45:27 ปั๊มๆไปเรื่อยๆทีเนี้ยมันจะเข้าสู่ข้อต่อ
00:45:27 → 00:45:31 มาก็คือเราต้องปล่อยให้ตัวของหัวใจมันมี
00:45:31 → 00:45:33 การคลายตัวได้เต็มที่อ่ะครับหรือว่าหน้า
00:45:33 → 00:45:35 อกเนี้ยมันมีการคืนตัวเต็มที่อย่างเช่น
00:45:35 → 00:45:38 เรากดไปประมาณ 5 ซม.อย่างเงี้ยครับเราก็
00:45:38 → 00:45:41 ควรจะต้องให้เค้าเนี่ยมีหน้าอกกลับคืนตัว
00:45:41 → 00:45:43 มา 5 ซม.เหมือนเดิมที่เรากดลงไปเพราะว่า
00:45:43 → 00:45:45 หัวใจเราเหมือนฟองน้ำอ่ะครับคุณแพนด้าถ้า
00:45:45 → 00:45:48 เราไม่ยอมให้น้ำมันมาเติมตรงบริเวณฟองน้ำ
00:45:48 → 00:45:50 อ่ะครับต่อให้เราปั๊มยังไงเลือดมันก็ไม่
00:45:50 → 00:45:52 ไปเลี้ยงอ่ะครับเพราะว่าเราไม่มีเลือด
00:45:52 → 00:45:54 ปล่อยมีจังหวะเลือดเข้ากลับเข้ามาเลย
00:45:54 → 00:45:56 เพราะฉะนั้นแล้วก็ต้องปล่อยให้มีหน้าอก
00:45:56 → 00:45:59 เนี่ยกลับมาคืนตัวด้วยอย่าปั๊มถี่เกินไป
00:45:59 → 00:46:01 อย่าเร่งจังหวะตัวเองนะครับในการปั๊ม
00:46:01 → 00:46:04 เนี่ยค่อยๆปั๊มไปก็ได้ 1 และ 2 และ 3
00:46:04 → 00:46:05 เป็นจังหวะไปเรื่อยๆไม่เร็วเราก็มี
00:46:05 → 00:46:08 ประสิทธิภาพแล้วก็กลับมาที่ข้อสุดท้ายก็
00:46:08 → 00:46:11 คือถ้ามีผู้ช่วยหลายคนนะครับตามมาตรฐาน
00:46:11 → 00:46:13 เขาบอกว่าควรจะเปลี่ยนกันเนี่ยทุกๆ 2
00:46:13 → 00:46:17 นาทีหรือว่าถ้าเกิดไม่มีนาฬิกาในการจับ
00:46:17 → 00:46:20 เวลาเนี่ยก็คนนี้ปั๊มเสร็จแล้ว 200 ครั้ง
00:46:20 → 00:46:22 ก็ดูก่อนว่ามีการหายใจมั้ยอ้าไม่หายใจอีก
00:46:23 → 00:46:25 คนนึงก็ปั๊มต่อได้เลยเพราะว่าเมื่อไหร่ก็
00:46:25 → 00:46:29 ตามที่เกิดการแบบมีความเหนื่อยความล้า
00:46:29 → 00:46:31 เงี้ยครับการกดหน้าอกก็จะแย่แล้วก็มี
00:46:31 → 00:46:33 ประสิทธิภาพที่น้อยลงด้วยสรุปว่าการกด
00:46:33 → 00:46:35 หน้าอกอย่างมีประสิทธิภาพมีคุณภาพนั้นมี
00:46:35 → 00:46:38 อยู่ 5 ข้อนะครับข้อ 1 ก็คือกดให้ลึก
00:46:38 → 00:46:40 ประมาณ 5-6 ซม.ครับ
00:46:40 → 00:46:43 >> อันที่ 2 คือกดให้เร็วครับด้วยอัตราเร็ว
00:46:43 → 00:46:45 >> 100-120 ครั้งครับ
00:46:45 → 00:46:47 >> อันที่ 3 คืออย่าหยุดกดหน้าอกถ้าไม่
00:46:47 → 00:46:49 จำเป็นถ้าจำเป็นต้องหยุดต้องไม่เกิน 10
00:46:49 → 00:46:50 วินาทีครับ
00:46:50 → 00:46:53 >> อันที่ 4 ครับกดหน้าอกต้องคลายมือให้สุด
00:46:53 → 00:46:55 ด้วยนะครับแล้วข้อสุดท้ายก็คือต้อง
00:46:55 → 00:46:56 เปลี่ยนทุกๆ 2 นาทีครับ
00:46:56 → 00:46:58 >> ใช่เปลี่ยนคนกดหน้าอกทุก 2 นาทีอันนี้
00:46:58 → 00:47:00 แหละคือประสิทธิภาพที่ดีเพื่อโอกาสรอด
00:47:00 → 00:47:02 ชีวิตในการปั๊มหัวใจครับ
00:47:02 → 00:47:04 >> อืมแล้วเวลาจังหวะที่เปลี่ยนก็หรือว่า
00:47:04 → 00:47:05 เช็คอาการก็ไม่ควรเกิน 10 วินาที
00:47:05 → 00:47:06 >> ถูกต้องแล้วครับ
00:47:06 → 00:47:08 >> โอ้น่าจะเข้าใจกันมากขึ้นทีนี้อยากถามถึง
00:47:08 → 00:47:10 การช่วยหายใจค่ะเมื่อกี้ที่คุณหมอกับอ่า
00:47:10 → 00:47:13 คุณยอบอกไปอ่าทั้งเมาส์ to เมาส์แล้วก็
00:47:13 → 00:47:16 รวมถึงการใช้อ่าเจ้าอุปกรณ์ตัวนั้นด้วย
00:47:16 → 00:47:19 ว่ามันมีวิธีการช่วยหายใจยังไงเวลาที่อ่ะ
00:47:19 → 00:47:22 สมมุตินะเมาส์ to เมาเนี่ยค่ะคือเราต้อง
00:47:22 → 00:47:24 เปิดปากเค้ายังไงหรือต้องทำท่าทางเค้ายัง
00:47:24 → 00:47:26 ไงมั้แล้วเราต้องเป่าลมเข้าไปหรือยังไง
00:47:26 → 00:47:27 อะไรเงี้ยค่ะ
00:47:27 → 00:47:29 >> เหตุผลนะครับว่าทำไมถึงการเป่าปากถือมี
00:47:29 → 00:47:31 ความสำคัญนะครับเมื่อกี้ได้กล่าวไปว่าหัว
00:47:31 → 00:47:34 ใจหยุดเต้นไปแล้วอ่ะครับแต่ว่าการที่เรา
00:47:34 → 00:47:35 กดหน้าอกเนี่ยไม่ได้ทำให้หัวใจมันเต้นเอง
00:47:36 → 00:47:38 นะคือเราจำลองการกดเพื่อให้เลือดมันคงไป
00:47:38 → 00:47:41 เลี้ยงสมองได้อยู่แต่ว่าคนเราอ่ะเลือดไป
00:47:41 → 00:47:43 เลี้ยอย่างเดียวไม่พอนะครับเราต้องการ
00:47:43 → 00:47:45 ออกซิเจนออกซิเจนมันอยู่ในอากาศเนี่ยเรา
00:47:45 → 00:47:47 ต้องหายใจเข้าไปถ้าเรากดโอกให้เลือดไป
00:47:48 → 00:47:49 เลี้ยงสมองอย่างเดียวอ่ะมันยังไม่มี
00:47:49 → 00:47:51 ออกซิเจนนะครับในยุคก่อนเนี่ยการที่เป่า
00:47:51 → 00:47:54 ป่าคือการเอาออกซิเจนเข้าไปด้วยก็จะมีการ
00:47:54 → 00:47:56 สลับกันอย่างที่กล่าวไปเมื่อกี้คือการกด
00:47:56 → 00:47:58 หน้าอก 30 ครั้งเรามีการช่วยหายใจ 2
00:47:58 → 00:48:01 ครั้งซึ่งการช่วยหายใจเนี่ยก็คือการที่
00:48:01 → 00:48:03 เอาปากเราประกบกับปากคนไข้เพื่อเป่าลมจาก
00:48:03 → 00:48:06 เราเนี่ยทำให้หน้าอกเขายกก็จะมีการช่วย
00:48:06 → 00:48:08 หายใจหรือว่าอาจจะมีอุปกรณ์อย่างอื่นก็
00:48:08 → 00:48:10 ได้นะครับอุปกรณ์อุปกรณ์นี้ก็จะทำให้เรา
00:48:10 → 00:48:12 ไม่ต้องสัมผัสปากคนไข้นะครับก็คือมันก็จะ
00:48:12 → 00:48:14 เป็นหน้ากากที่ครอบนัแหละครอบที่ใบหน้า
00:48:14 → 00:48:16 สมมุติว่าผมครอบที่หุ่นแบบนี้ใช่มั้ครับ
00:48:16 → 00:48:18 แล้วก็ผมจะช่วยหายใจอ่ะปากของผมก็ประกบ
00:48:18 → 00:48:21 กับอุปกรณ์เนี้ยทำให้ปากของเราไม่สัมผัส
00:48:21 → 00:48:23 โดยตรงก็จะป้องกันการติดเชื้อโรคได้ครับ
00:48:23 → 00:48:25 คำถามที่บอกว่าเอ๊ะเราปั๊มหัวใจอย่าง
00:48:25 → 00:48:28 เดียวเราไม่เป่าปากได้มั้ยได้นะครับ 10
00:48:28 → 00:48:30 ปีที่แล้วอ่ะมีหัวใจนึงน่าสนใจมากเแบ่งคน
00:48:30 → 00:48:33 ไข้ไป 2 กลุ่มกลุ่มแรกเนี่ยคือคนไข้ก็หมด
00:48:33 → 00:48:35 สติไม่หายใจก็หัวใจอยู่เต้นแหละกลุ่มแรก
00:48:35 → 00:48:38 ทำวิธีดั้งเดิมเลยครับก็คือกดหน้าอกด้วย
00:48:38 → 00:48:40 แล้วก็ช่วยหายใจด้วยกับกลุ่มที่ 2 เนี่ย
00:48:40 → 00:48:44 กดโอกรว่าโหจำนวนประชากรที่ในงานวิจัย
00:48:44 → 00:48:46 เยอะนะครับทั้ง 2 กลุ่มเนี่ยมาถึงโรง
00:48:46 → 00:48:48 พยาบาลปรากฏว่าโอกาสรดชีวิตก็เท่ากันนะ
00:48:49 → 00:48:51 ครับก็เลยมีคำถามว่าดังนั้นที่การกดหน้า
00:48:51 → 00:48:53 โออย่างเดียวก็เป็นไปได้เหมือนกันครับมัน
00:48:53 → 00:48:55 มีโอกาสที่รอดชีวิตมากกว่าถามว่าย้อนกลับ
00:48:55 → 00:48:58 ไปนะครับอีก 20 ปีก่อนเนี่ยปัญหาคือว่าใน
00:48:58 → 00:49:01 อเมริกาครับมันก็มีหลักการคือเมื่อคนไข้
00:49:01 → 00:49:04 หมดสติไม่หายใจเราต้องเป่าปากด้วยแล้วก็
00:49:04 → 00:49:06 ต้องกดหน้าอกด้วยมันเหมือนกับการขึ้น
00:49:06 → 00:49:09 บันไดอ่ะครับทีนี้ประชาชนก็จะไม่กล้าเป่า
00:49:09 → 00:49:12 ปากอย่างแบบเราไปเจอคนไข้หมดสติอยู่บน
00:49:12 → 00:49:14 ห้างสสินค้าเราก็ไม่แน่ใจอ่ะจะไปเป่าปาก
00:49:14 → 00:49:17 เ้ามั้ล่ะพอไม่กล้าเป่าปากก็เหมือนไม่ได้
00:49:17 → 00:49:19 ขึ้นมาในขั้นแรกครับประชาชนก็เลยไม่ปั๊ม
00:49:19 → 00:49:23 หัวใจเลยก็สรุปว่าเคสที่หมดสติที่สาธารณะ
00:49:23 → 00:49:25 ไม่ทำอะไรเลยครับก็เลยมีงานวิจัยนี่แหละ
00:49:25 → 00:49:28 10 ปีที่ผ่านมาพบว่าการกดนกอย่างเดียวก็
00:49:28 → 00:49:30 สามารถรอบชีวิตได้เหมือนกันเนี่ยใน
00:49:30 → 00:49:33 ปัจจุบันนะครับจึงมีข้อสรุปว่าถ้าหากว่า
00:49:33 → 00:49:36 เราไม่สะดวกใจที่จะเป่าปากคนไข้เรากดนาง
00:49:36 → 00:49:38 โออย่างเดียวก็ได้เหมือนกันครับจริงแล้ว
00:49:38 → 00:49:41 เนี่ยอีกอันนึงที่คนไข้ตายได้นะครับก็คือ
00:49:41 → 00:49:43 การที่เขาหยุดหายใจจากการที่ส่วนบนเนี่ย
00:49:43 → 00:49:46 มันกดตรงคอหอยอ่ะครับคือการที่เรากดหน้า
00:49:47 → 00:49:48 อกอย่างเดียวก็เป็นสิ่งที่ดีใช่ไหมครับ
00:49:48 → 00:49:51 แต่ว่าการเป่าปากก็สามารถทำได้นะถ้าหาก
00:49:51 → 00:49:53 ว่าเป็นคนที่ใกล้ตัวเราอย่างเช่นเป็นคนใน
00:49:53 → 00:49:55 ครอบครัวซึ่งเราไม่รู้สึกกระอ่วงที่จะ
00:49:55 → 00:49:57 เป่าปากเค้าอ่ะมันก็ยังเป็นหนึ่งในกระบวน
00:49:57 → 00:49:59 การรอดชีวิตอ่ะครับคุณเพน้าทราบไว้ว่าการ
00:49:59 → 00:50:01 เป่าปากเนี่ยมันไม่ได้แค่เอาลมหายใจเข้า
00:50:02 → 00:50:04 ไปนะมันยังมีการเปิดทางเดินหายใจด้วยครับ
00:50:04 → 00:50:07 >> ออเปิดทางเดินหายใจคือไม่ได้เป่าแค่แค่
00:50:08 → 00:50:09 เอาลมเข้าไปแค่ตรงปาก
00:50:09 → 00:50:11 >> แต่ลมต้องเข้าไปถึงปอด
00:50:11 → 00:50:11 >> ใช่ครับใช่ครับ
00:50:11 → 00:50:14 >> อ่าแล้วมีวิธีที่ถูกต้องมั้คะคุณหมอ
00:50:14 → 00:50:17 >> มีครับผมก็จะแบ่งออกเป็น 2 กรณีแล้วกันนะ
00:50:17 → 00:50:20 ครับเดี๋ยวผมจะพูดในกรณีที่ไม่มีการบาด
00:50:20 → 00:50:22 เจ็บอุบัติเหตุหรือว่ามีกระดูกต้นคอเนี่ย
00:50:22 → 00:50:24 มีการบาดเจ็บแล้วกันนะครับในกรณีแรกนะ
00:50:24 → 00:50:26 ครับในกรณีที่คนไข้อ่ะไม่มีการบาดเจ็บที่
00:50:26 → 00:50:29 ต้นคอหรือว่าเป็นญาติพี่น้องที่อาจจะแบบ
00:50:29 → 00:50:31 นอนอยู่แล้วหมดสติหรือว่านั่งๆอยู่แล้วก็
00:50:31 → 00:50:34 ค่อยๆโน้มตัวลงนอนอย่างเงี้ยครับก็คือไม่
00:50:34 → 00:50:36 มีการบาดเจ็บอะไรที่เราเห็นชัดจะมีท่านึง
00:50:36 → 00:50:38 นะครับเค้าจะอ่าถ้าทางภาษาทางการแพทย์จะ
00:50:38 → 00:50:41 เป็น HIP หมายความว่าการกดหน้าผากแล้วก็
00:50:41 → 00:50:44 เชยคางทีเนี้ยก็จะมีอีกหลักการนะครับก็
00:50:44 → 00:50:47 คือการวางที่ตรงบริเวณหน้าผากของคนไข้นะ
00:50:47 → 00:50:50 ครับหรือผู้ป่วยแล้วก็จับตัวบริเวณคางนะ
00:50:50 → 00:50:53 ครับทำการยกขึ้นนะครับเราจะสังเกตว่าตรง
00:50:53 → 00:50:56 บริเวณสีส้มตรงเครับตรงที่เป็นอ่าหลอดลม
00:50:56 → 00:50:58 เนี่ยจะมีการเปิดขึ้นนะครับเพราะว่าใน
00:50:58 → 00:51:01 กรณีที่คนไข้เนี่ยหมดสติหรือว่าไม่หายใจ
00:51:01 → 00:51:03 เนี่ยบางครั้งก็จะอยู่ในท่าลักษณะที่งอ
00:51:03 → 00:51:06 อ่ะครับผมมีคอที่มันงอเราจะสังเกตว่าตรง
00:51:06 → 00:51:09 บริเวณสีส้มอ่ะครับมันเป็นรูที่มันดูตีบ
00:51:09 → 00:51:12 แล้วก็ดูแคบลงเพราะฉะนั้นแล้วในการเป่า
00:51:12 → 00:51:14 ปากถ้าในลักษณะนี้ครับเรายังไม่เปิดทาง
00:51:14 → 00:51:16 เดินหายใจเราเป่าเข้าไปยังไงอ่ะครับลมก็
00:51:16 → 00:51:18 ไปไม่ถึงปอดอยู่แล้วครับมันก็จะออกตรง
00:51:18 → 00:51:21 บริเวณปากอยู่ดีแล้วก็อย่าลืมว่าในการ
00:51:21 → 00:51:24 พิพากษครับเราจะเห็นได้ว่าตรงบริเวณจมูก
00:51:24 → 00:51:26 นะครับตรงบริเวณโพงจมูกแล้วก็ตรงช่องปาก
00:51:26 → 00:51:29 มันมีการเชื่อมต่อกันถ้าเกิดเราลืมในการ
00:51:29 → 00:51:32 บีบตรงจมูกอ่ะครับลมบางส่วนเนี่ยมันก็จะ
00:51:33 → 00:51:35 พุ่งขึ้นมาแล้วก็ออกทางจมูกได้เหมือนกัน
00:51:35 → 00:51:37 เพราะฉะนั้นแล้วหลักการง่ายๆถ้าเกิดว่า
00:51:37 → 00:51:40 จำเป็นจะต้องช่วยหายใจนะครับก็คือทำการ
00:51:40 → 00:51:44 อ่ากดหน้าผากเชยคางเกิดขึ้นนะครับผมเพื่อ
00:51:44 → 00:51:47 เปิดทางเดินหายใจหลังจากนั้นอย่าลืมบีบ
00:51:47 → 00:51:50 ตรงบริเวณจมูกนะครับแล้วก็เอาปากประกบที
00:51:50 → 00:51:53 เนี้ยสำคัญก็คือเราอย่าลืมสูตรหายใจเข้า
00:51:53 → 00:51:55 ก่อนนะครับเพราะว่าถ้าเกิดว่าเราไม่ได้
00:51:55 → 00:51:57 เตรียมตัวของเราเนี่ยเป่าเข้าไปเนี่ย
00:51:57 → 00:51:59 ปริมาณลมที่จะเข้าไปในปอดของคนไข้ก็จะ
00:51:59 → 00:52:02 น้อยเราก็จะมีการสูดก่อนสักประมาณ 1
00:52:02 → 00:52:05 วินาทีครับแบบก็ฮึบขึ้นแล้วก็ค่อยไปประกบ
00:52:05 → 00:52:08 ประกบเนี่ยเนี่ยต้องประกบให้สนิทนะครับ
00:52:08 → 00:52:10 เพราะว่าถ้าเกิดมีรูรั่วก็จะทำให้อากาศ
00:52:10 → 00:52:13 เนี่ยออกมาตามรูได้เช่นเดียวกันประกบให้
00:52:13 → 00:52:15 สนิทแล้วก็ทำการเป่าเข้าไปนะครับผมดัน
00:52:15 → 00:52:17 เข้าไปแรงๆนิดนึงนะครับใช้แรงอย่างเหมาะ
00:52:18 → 00:52:21 สมพอเป่าปุ๊บเราจะต้องดูตรงบริเวณหน้าอก
00:52:21 → 00:52:23 ด้วยนะครับหรือว่าตรงหน้าท้องเนี่ยจะมี
00:52:23 → 00:52:27 การยกขึ้นเล็กน้อยแสดงว่าเราสามารถเป่า
00:52:27 → 00:52:30 ปากเนี่ยได้มีประสิทธิภาพนั่นเองทีนี้นะ
00:52:30 → 00:52:32 ครับอีกกรณีนึงนะครับเราจะเห็นได้นะครับ
00:52:32 → 00:52:35 ว่าตรงเนี้ยตรงบริเวณนี้นะครับจะเป็นตรง
00:52:35 → 00:52:38 กระดูกของต้นคอถ้าในกรณีที่เกิด
00:52:38 → 00:52:41 อุบัติเหตุนะครับสุ่มเสี่ยงว่าอาจจะมีการ
00:52:41 → 00:52:44 บาดเจ็บที่กระดูกต้นคอได้เราจะเห็นนะครับ
00:52:44 → 00:52:47 ว่าท่าเนี้ยมีความเสี่ยงก็คือตัวของ
00:52:47 → 00:52:50 กระดูกครับมันมีการเคลื่อนมีการโยกย้ายไป
00:52:50 → 00:52:53 มาครับทีเนี้ยถ้าเกิดว่าเราไปทำการ
00:52:53 → 00:52:55 เคลื่อนตรงบริเวณกระดูกต้นคอในคนไข้ที่
00:52:56 → 00:52:59 อุบัติเหตุเค้าอาจจะมีการบาดเจ็บที่ตรง
00:52:59 → 00:53:02 กระดูกต้นคอก็ได้เพราะฉะนั้นแล้วคนไข้คน
00:53:02 → 00:53:05 เนี้ยจากตอนแรกจะไม่อัมพาตอ่ะครับกระดูก
00:53:05 → 00:53:06 เค้ายังอยู่อยู่ในลักษณะที่ไม่ได้กดทับ
00:53:06 → 00:53:09 เส้นประสาทเผอิญว่าพลเมืองดีอ่ะครับอาจจะ
00:53:09 → 00:53:12 อยากช่วยเข้าใจคำว่าจิตที่แบบว่าจิตอาสา
00:53:12 → 00:53:15 ในการอยากจะช่วยแต่ว่าการช่วยแบบผิดวิธี
00:53:16 → 00:53:18 อาจจะเป็นการทำร้ายตัวของคนไข้ด้วยเพราะ
00:53:18 → 00:53:20 ฉะนั้นแล้วหลักการง่ายๆครับถ้าในกรณีที่
00:53:20 → 00:53:24 เรามั่นใจว่าไม่มีการบาดเจ็บที่ต้นคอไม่
00:53:24 → 00:53:26 เกิดอุบัติเหตุที่รุนแรงนะครับสามารถทำ
00:53:26 → 00:53:29 ได้ครับก็กดหน้าผากแล้วก็เชยค้างขึ้นได้
00:53:29 → 00:53:31 อันเนี้ยสามารถทำได้เลยแล้วก็ดีด้วยแต่ใน
00:53:31 → 00:53:35 กรณีที่เกิดอุบัติเหตุแนะนำว่าให้ทำการกด
00:53:35 → 00:53:38 หน้าอกเพียงอย่างเดียวเพราะว่ามันจะมีอีก
00:53:38 → 00:53:40 ท่านึงอ่าท่าทางการแพทย์เนี่ยเขาจะเรียก
00:53:40 → 00:53:43 ว่าจอทันะครับหมายความว่าจะมีการเปิดทาง
00:53:43 → 00:53:46 เดินหายใจโดยการกดตรงบริเวณกระดูกตรงกราม
00:53:46 → 00:53:48 อ่ะครับจะเป็นการยกขึ้นแต่ว่าไม่ได้สอนใน
00:53:48 → 00:53:51 ภาคประชาชนเพราะว่าต้องมีวิธีการที่ถูก
00:53:51 → 00:53:54 ต้องแล้วก็เหมาะสมไม่งั้นกระดูกที่คอก็
00:53:54 → 00:53:56 เคลื่อนอยู่ดีครับการเคลื่อนย้ายคนไข้
00:53:56 → 00:53:58 อย่างไม่ปลอดภัยอ่ะเป็นสิ่งที่ต้องคุยกัน
00:53:58 → 00:54:00 เลยอ่ะครับมีอยู่ครั้งนึงคุณแพนด้าผมเคย
00:54:00 → 00:54:03 ได้ยินเรื่องเล่านะคนไข้โดนรถชนนี่แหละ
00:54:03 → 00:54:06 แต่ว่าตอนที่อยู่บนรถเนี่ยก็ยังมีสติสติ
00:54:06 → 00:54:07 ก็เริ่มเลอะเรือนแล้วครับแต่เขายังหายใจ
00:54:07 → 00:54:10 ได้อยู่พอมีการเคลื่อนย้ายโดยไม่ถูกวิธี
00:54:10 → 00:54:13 นะปุ๊บเนี่ยเคลื่อนย้ายลงเปปุ๊บคนไข้หยุด
00:54:13 → 00:54:15 หายใจไปเลยครับเพราะว่าอย่างที่กล่าวไป
00:54:15 → 00:54:17 กระดูกต้นคอครับมันจะมีไขสันหลังอยู่ไข
00:54:17 → 00:54:20 สันหลังทำให้เรายกแขนยกขาได้แต่อย่าลืม
00:54:20 → 00:54:23 ว่าไขสันหลังส่วนคอเนี่ยมันควบคุมกระบัง
00:54:23 → 00:54:26 ลมช่วยให้หายใจคือตอนที่อยู่บนรถเนี่ยไข
00:54:26 → 00:54:28 สันหลังมันยังไม่บอบช้ำมากคนไข้ยังหายใจ
00:54:28 → 00:54:31 ได้อยู่แต่พอเคลื่อนย้ายไม่ถูกวิธีแบบ
00:54:31 → 00:54:34 เนี้ยครับกระดูกคอคนไข้หักเพิ่มเดิมไปกด
00:54:34 → 00:54:36 ทับรับไข่สันหลังบริเวณที่ช่วยหายใจคนไข้
00:54:36 → 00:54:39 ก็หยุดหายใจกะทันหันเกิดขึ้นเลยดังนั้น
00:54:39 → 00:54:42 เนี่ยการเปิดหายใจจะมีความสำคัญมากที่คุย
00:54:42 → 00:54:44 กันวันเนี้ยครับเราคุยเรื่องของเคสคนไข้
00:54:44 → 00:54:46 ที่ไม่ใช่อุบัติเหตุนะครับเราสามารถจะ
00:54:46 → 00:54:49 เปิดทางใจอย่างที่พยาบาลกล่าวไปได้แต่
00:54:49 → 00:54:51 สำหรับเคสที่เป็นอุบัติเหตุนั้นต้องมีการ
00:54:51 → 00:54:53 เรียนนะครับแนะนำว่าถ้าหากมีโอกาสเนี่ย
00:54:53 → 00:54:56 อาจจะเข้าไปอบรมในสถาบันที่สอนการกู้ชีพ
00:54:56 → 00:54:57 ขั้นพื้นฐานนะครับ
00:54:57 → 00:54:59 >> อือทุกคนสามารถไปเรียนได้ใช่มั้คะ
00:54:59 → 00:55:00 >> สามารถครับผม
00:55:00 → 00:55:03 >> มีช่องทางไหนบ้างมั้คะที่อ่ะถ้าสมมุติวัน
00:55:03 → 00:55:05 นี้คนที่ดูสนใจอยากที่จะทำเป็นอย่างถูก
00:55:05 → 00:55:08 วิธีด้วยเนี่ยค่ะสามารถที่จะติดต่อทางไหน
00:55:08 → 00:55:08 ได้
00:55:08 → 00:55:10 >> การเรียนปฐมพยาบาลในประเทศไทยนะครับก็
00:55:10 → 00:55:12 สามารถที่จะฝึกอบรมในโรงพยาบาลก็ได้นะ
00:55:13 → 00:55:15 ครับอาจจะเป็นโรงพยาบาลหรือว่าสถานพยาบาล
00:55:15 → 00:55:17 หรือมูลธิเป็นกู้ชีพใกล้บ้านนะ่ะครับท่าน
00:55:17 → 00:55:19 สามารถจะพิมพ์คำค้นหาใน Google ก็ได้ครับ
00:55:19 → 00:55:22 ว่าสนใจเรียนการปฐมพยาบาลใกล้ฉันก็จะเจอ
00:55:22 → 00:55:23 คำแนะนำเหล่านี้แหละครับ
00:55:23 → 00:55:24 >> ค่ะใกล้ฉันด้วย
00:55:24 → 00:55:26 >> ใกล้ครับผม
00:55:26 → 00:55:28 >> ทีนี้อันนี้เรื่องของ CPR น่าจะได้เข้าใจ
00:55:28 → 00:55:30 กันมากขึ้นมีอีกเครื่องนึงก็คือเจ้า
00:55:30 → 00:55:32 เครื่อง AED อ่ะค่ะที่เวลาเราออกไปข้าง
00:55:32 → 00:55:34 นอกเราจะเห็นครบแขวนไว้อยู่แล้วก็เชื่อ
00:55:34 → 00:55:37 ว่าหลายๆคนน่าจะมีคำถามแน่นอนว่าเราที่
00:55:37 → 00:55:39 เป็นประชาชนทั่วไปเนี่ยถ้าเกิดเหตุการณ์
00:55:39 → 00:55:41 อะไรขึ้นเรามีสิทธิ์ไปใช้มยอ่า
00:55:41 → 00:55:43 >> เครื่อง AED หรือว่าเครื่องนี้นะครับมัน
00:55:43 → 00:55:47 ก็คือเครื่องปฐมพยาบาลนั่นเองนะครับผมถาม
00:55:47 → 00:55:49 คุณแพนด้าครับอุปกรณ์ปฐมพยาบาลในบ้านเรา
00:55:49 → 00:55:50 มีอะไรบ้าง
00:55:50 → 00:55:52 >> ในบ้านเรายาดม
00:55:52 → 00:55:53 >> อ่าค่ะ
00:55:53 → 00:55:53 >> ยาหม่อง
00:55:53 → 00:55:54 >> ค่ะ
00:55:54 → 00:55:56 >> ครับผ้าพันธุ์แผลปารเตอร์เป็นอุปกรณ์ปฐม
00:55:56 → 00:55:58 พยาบาลประชาชนสามารถหยิบมาใช้ได้เลยเชื่อ
00:55:58 → 00:56:00 มั้ครับว่าเครื่องที่ดูแบบซับซ้อน
00:56:00 → 00:56:03 อันเนี้ยอันนี้แหละราชกิจจานุเบกษาประกาศ
00:56:03 → 00:56:05 ให้ประเทศไทยเนี่ยเป็นเครื่องประถมพยาบาล
00:56:05 → 00:56:08 นะครับก็แปลว่ามันมีศักยภาพเทียบเท่ากับ
00:56:08 → 00:56:11 ยาหม่องยาดมเลยประชาชนสามารถไปเอามาใช้
00:56:11 → 00:56:11 ได้เลย
00:56:11 → 00:56:13 >> ซื้อติดบ้านไว้ยังได้เลย
00:56:13 → 00:56:15 >> สามารถครับสามารถซื้อติดบ้านได้แต่ว่า
00:56:15 → 00:56:17 ส่วนใหญ่จะมักติดในองค์กรมากกว่าอย่าง
00:56:17 → 00:56:19 เช่นตึกสูงๆหรือว่าเราเคยเห็นใช่มั้ยครับ
00:56:19 → 00:56:22 ตามสนามบินห้างสรรพสินค้ามีอุปกรณ์เนี้ย
00:56:22 → 00:56:25 ที่ชื่อว่า AED ใช้อยู่จึงสรุปว่าตาม
00:56:25 → 00:56:28 ราชกิจจานุเบกษาประกาศให้เครื่อง AED
00:56:28 → 00:56:30 นั้นเป็นอุปกรณ์ปฐมพยาบาลประชาชนทุกคน
00:56:30 → 00:56:33 สามารถนำมาใช้ได้เมื่อมีเหตุจำเป็นนะครับ
00:56:33 → 00:56:35 AED นั่นคืออะไรนะครับมันก็คือเครื่อง
00:56:35 → 00:56:38 ที่เรียกว่าเครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจด้วย
00:56:38 → 00:56:41 ไฟฟ้าอัตโนมัติคำว่าอัตโนมัติแปลว่ามัน
00:56:41 → 00:56:43 วิเคราะห์ของมันเองครับเราเป็นประชาชนเรา
00:56:43 → 00:56:46 อาจจะไม่รู้ใช้ยังไงนะเราไม่มีความรู้ไม่
00:56:46 → 00:56:48 เป็นไรเพราะมันคืออัตโนมัติเหมือนออโต
00:56:48 → 00:56:50 Pilot นะครับเมื่อเรานำเครื่องมาเนี่ย
00:56:50 → 00:56:52 เปิดเครื่องฟังเสียงที่เครื่องวิเคราะห์
00:56:52 → 00:56:54 จากนั้นทำตามได้เลยเหมือนกับเวลาที่เรา
00:56:54 → 00:56:57 ขับรถนะครับเราจะไปสถานที่แห่งนึงใช่มั้ย
00:56:57 → 00:56:59 เฮ้ยมันอยู่ที่ไหนนะเรากดแผนที่ใช่ไหม
00:56:59 → 00:57:02 ครับรถมันก็จะพาเราไปเหมือนกันเลยครับ AD
00:57:02 → 00:57:04 ก็เหมือนเป็นเครื่องนำทางประเภทนึงเมื่อ
00:57:04 → 00:57:07 เจอคนไข้หมดสติไม่หายใจหัวใจอยู่เต้นขอ
00:57:07 → 00:57:10 ความช่วยเหลือเรานำเครื่อง AED ไปแปะปุ๊บ
00:57:11 → 00:57:13 เครื่องจะบอกเราอ่ะครับนำทางว่าเราควรจะ
00:57:13 → 00:57:15 ไปทางไหนควรจะต้องกดหน้าอกอย่างไรกดลึก
00:57:15 → 00:57:18 แค่ไหนเครื่องจะบอกทุกอย่างนะครับถามว่า
00:57:18 → 00:57:20 ทำไมถึงต้องใช้เครื่องนี้ด้วยมาดูหัวใจดี
00:57:20 → 00:57:22 กว่าครับการที่หัวใจหยุดเต้นเนี่ยมันมี
00:57:22 → 00:57:24 อยู่ 2 แบบนะครับผมว่าคำว่าหัวใจหยุดเต้น
00:57:24 → 00:57:27 เป็นภาษาที่เราพูดกันก็หยุดเต้นไงทุกคนก็
00:57:27 → 00:57:29 คิดว่ามันก็หยุดไงตอนแรกหัวใจบีบเงี้ใช่
00:57:29 → 00:57:33 มั้ครับตึบตึบๆพอหัวใจหยุดเต้นก็ปึ้งหยุด
00:57:33 → 00:57:35 ไปเลยอันนั้นก็ถูกบางส่วนถ้าหัวใจหยุดไป
00:57:35 → 00:57:38 เลยเราทำการกดหน้าอกเพื่อให้เลือดยังคงไป
00:57:38 → 00:57:40 เลี้ยงอยู่แต่ทราบมั้ครับว่ายังมีคนไข้
00:57:40 → 00:57:42 จำนวนมากเนี่ยที่หัวใจอยู่เต้นแต่มันไม่
00:57:42 → 00:57:45 หยุดจริงนะครับมันแค่รวนเหมือนไฟฟ้าช็อต
00:57:46 → 00:57:48 ลองดูใหม่นะครับถ้าหัวใจปกติต้องบีบคลาย
00:57:49 → 00:57:51 เหมือนปลาหมึกการที่บีบคลายเลือดมันออก
00:57:51 → 00:57:53 ได้ดีแต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่หัวใจมันรวน
00:57:53 → 00:57:56 น่ะอย่างเช่นปึ๊บๆแล้วอยู่ก็บืๆพริ้วขึ้น
00:57:56 → 00:57:59 มาครับเวลาพริ้วอย่างเงี้ยเลือดมันขังอ่ะ
00:57:59 → 00:58:00 ครับถามว่าหัวใจหยุดมั้ยครับ
00:58:00 → 00:58:01 >> ไม่ได้หยุด
00:58:01 → 00:58:02 >> ไม่หยุด
00:58:02 → 00:58:07 เลือดก็สมุดไม่เกินก็เสียชีวิตถามว่าการ
00:58:07 → 00:58:09 ที่เราทำให้มันเต้นใหม่อีกทีนึงก็คือต้อง
00:58:09 → 00:58:11 ใช้ไฟฟ้าคุณเพเคยเวลาที่เราเล่น
00:58:11 → 00:58:14 คอมพิวเตอร์เฮ้ยคอมมันค้างทำยังไงนะ
00:58:14 → 00:58:16 >> กดรสาร
00:58:16 → 00:58:18 >> คล้ายๆกันครับเมื่อหัวใจมันเฮงครับหัวใจ
00:58:18 → 00:58:21 มันพริ้วอยู่เรากดรสาร์ทแต่มนุษย์ไม่มี
00:58:21 → 00:58:23 ปุ่มรสาร์ทครับเราก็เลยใช้เครื่องนี้แหละ
00:58:24 → 00:58:26 ครับชื่อว่าเครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจด้วย
00:58:26 → 00:58:29 ไฟฟ้าอัตโนมัติหรือว่า AED นะครับในการ
00:58:30 → 00:58:32 รสาร์ทหัวใจนั่นเองแล้วถามว่าจะรู้ได้ไง
00:58:32 → 00:58:34 ครับว่าคนไข้ที่หมดสติตรงหน้าหัวใจหยุดไป
00:58:34 → 00:58:37 แล้วหรือว่าหยุดพริ้วรู้มั้ยครับไม่มีทาง
00:58:37 → 00:58:39 รู้ครับดังนั้นเนี่ยเราจึงจำเป็นต้องใช้
00:58:39 → 00:58:41 เครื่องนี่แหละทำการวิเคราะห์เหมือนเป็น
00:58:41 → 00:58:44 การนำชีวิตเราว่าเราจะมีการปั๊มหัวใจแบบ
00:58:44 → 00:58:45 ไหนที่ถูกวิธีนะครับ
00:58:45 → 00:58:48 >> แล้วเราต้องรู้อะไรบ้างในขั้นตอนการใช้
00:58:48 → 00:58:49 อ่ะคะคุณหมอ
00:58:49 → 00:58:51 >> ซึ่งวิธีการใช้มันก็ไม่ยุ่งยากนะครับ
00:58:51 → 00:58:53 เดี๋ยวผมจะให้คุณพยาบาลยอตสาธิตดีกว่าว่า
00:58:53 → 00:58:54 ใช้ยังไงนะครับ
00:58:54 → 00:58:56 >> ครับผมเจ้าเครื่อง AED เนี่ยเราจะเห็น
00:58:56 → 00:58:59 หน้าตากันก่อนนะครับว่าหน้าตาเนี่ยคือ
00:58:59 → 00:59:01 ต้องบอกก่อนว่าไม่ว่าว่าจะยี่ห้อไหนก็ตาม
00:59:01 → 00:59:04 นะครับมันจะมีปุ่มเนี่ยที่จำเป็นน่ะไม่
00:59:04 → 00:59:06 กี่ปุ่มเท่านั้นคือในเครื่องตามที่เราใช้
00:59:06 → 00:59:09 กันจริงๆนะครับมันก็จะมีรูปร่างสีอื่นๆนะ
00:59:09 → 00:59:12 ครับสีเขียวสีแดงสีน้ำเงินอะไรก็ตามก็
00:59:12 → 00:59:14 วิธีการใช้เหมือนกันหมดเลยแต่ว่าอันนี้จะ
00:59:14 → 00:59:17 เป็นเครื่องที่สำหรับการเนนingนะครับที
00:59:17 → 00:59:19 นี้นะครับตัวของเครื่องเนี่ยให้เราดูนะ
00:59:19 → 00:59:22 ครับตั้งสติแล้วก็ดูตรงปุ่มก่อนเครื่อง
00:59:22 → 00:59:24 เนี้ยจะมีอยู่ 2 ปุ่มแต่ถ้าเครื่องที่
00:59:24 → 00:59:26 ใหญ่มากกว่านี้หรือว่าทันสมัยมากกว่า
00:59:26 → 00:59:28 เนี้ยมันจะมีปุ่มเปิดเนี่ยอาจจะมี 2 ปุ่ม
00:59:28 → 00:59:31 หมายความว่าเครื่องๆนั้นเนี่ยสามารถที่จะ
00:59:31 → 00:59:34 ปรับไปใช้เป็นของเด็กได้เลยแบบจำเพาะมาก
00:59:34 → 00:59:36 ยิ่งขึ้นแต่ถามว่าแล้วเครื่องนี้ที่มี
00:59:37 → 00:59:39 ปุ่มเปิดปุ่มเดียวเนี่ยสามารถใช้กับเด็ก
00:59:39 → 00:59:41 ได้มั้ยก็ยังสามารถใช้ได้แต่เพียงแค่ว่า
00:59:41 → 00:59:44 ในบางรุ่นก็สามารถที่จะจำเพาะลงไปในเด็ก
00:59:44 → 00:59:46 ได้มากยิ่งขึ้นทีนี้นะครับปุ่มไม่ว่ายัง
00:59:46 → 00:59:49 ไงก็ตามหลักๆจะมีอยู่ 2 ปุ่มนะครับคือ
00:59:49 → 00:59:52 ปุ่มเปิดปิดเครื่องนะครับต้องดูดีๆนะครับ
00:59:52 → 00:59:54 เค้าก็จะพยายามแยกสีให้มันชัดเจนปุ่มแรก
00:59:54 → 00:59:58 คือให้เราดูว่าปุ่มเปิดคือปุ่มไหนกับปุ่ม
00:59:58 → 01:00:01 ที่ 2 ที่เราจะเห็นก็คือปุ่มในการกดเพื่อ
01:00:01 → 01:00:05 ปล่อยกระแสไฟฟ้าทีนี้ก็จะมีคำแนะนำอยู่
01:00:05 → 01:00:07 ครับว่าเวลาที่เราจะใช้เครื่อง AED ครับ
01:00:07 → 01:00:09 เมื่อเราไปถึงจุดที่มันเป็นในตู้หรือว่า
01:00:09 → 01:00:12 ตามจุดต่างๆนะครับผมที่เก็บเครื่องเนี้ย
01:00:12 → 01:00:15 คำแนะนำคือคนที่เป็นคนวิ่งไปเอานะครับให้
01:00:15 → 01:00:18 ทำการเปิดเลยนะครับเปิดตั้งแต่ที่ตู้เลย
01:00:18 → 01:00:21 เพราะว่ามันจะมีอินทroที่ค่อนข้างนานแล้ว
01:00:21 → 01:00:24 เราเพิ่งรู้กันไปใช่มั้ยครับว่าเราจะหยุด
01:00:25 → 01:00:28 เนี่ยได้แค่ 10 วินาทีแล้วทีเนี้ยกว่าถ้า
01:00:28 → 01:00:31 เกิดว่ามาแปะเครื่องเราจะต้องมานั่งรอ
01:00:31 → 01:00:33 เครื่องมันพูดอ่ะครับมันเกิน 10 วินาที
01:00:33 → 01:00:35 แน่นอนเพราะฉะนั้นแล้วข้อแนะนำข้อแรกนะ
01:00:35 → 01:00:37 ครับคือคนที่ไปหยิบเจ้าเครื่องเนี้ยแนะนำ
01:00:37 → 01:00:39 ว่าเปิดมาเลยครับให้มันร้องของมันไปก่อน
01:00:39 → 01:00:42 พูดของมันไปก่อนทีนี้อย่างที่ 2 นะครับพอ
01:00:42 → 01:00:45 มีเครื่องก็ต้องมีแผ่นแปะใช่มั้ยครับตัว
01:00:45 → 01:00:49 แผ่นแปะเนี่ยโดยปกติทั่วไปนะครับจะมีรูป
01:00:49 → 01:00:52 นะครับผมชัดเจนก็จะมี 2 แผ่นครับไม่ว่า
01:00:52 → 01:00:55 รุ่นไหนก็จะมี 2 แผ่นจะมีรูปนะครับผมติด
01:00:55 → 01:00:58 อยู่แล้วตรงบริเวณแผ่น 8 นะครับเค้าจะ
01:00:58 → 01:01:01 ระบุชัดเจนเลยว่าแผ่นนี้แปะตรงตำแหน่งไหน
01:01:01 → 01:01:03 นะครับอีกแผ่นนึงแปะตรงตำแหน่งไหนอย่าง
01:01:03 → 01:01:05 เช่นดูในมือข้างซ้ายของผมนะครับมือนี้
01:01:05 → 01:01:08 เค้าก็จะเขียนระบุไว้ว่าให้แปะตรงบริเวณ
01:01:08 → 01:01:12 ที่ใต้ไหปลากระดูกไหปลาร้าครับผมด้านขวา
01:01:12 → 01:01:15 แล้วก็ด้านแผ่นเนี้ยก็จะเขียนว่าให้แปะ
01:01:15 → 01:01:17 ตรงบริเวณใต้ชายโครงหรือตรงบริเวณชายโครง
01:01:17 → 01:01:20 ด้านซ้ายอ่ะครับก็จะแปะตามรูปพอเราแปะออก
01:01:20 → 01:01:22 ไปก็จะลักษณะประมาณนี้ครับผมเหมือนในหุ่น
01:01:22 → 01:01:25 เลยนะครับนี่ก็จะเป็นในหุ่นลักษณะนี้นะ
01:01:25 → 01:01:29 ครับทีนี้ถ้าเป็นที่ตัดต่างประเทศเนี่ย
01:01:29 → 01:01:32 มันก็จะมีคำถามว่าคือผู้ชายมักจะมีขนหน้า
01:01:32 → 01:01:34 อกค่อนข้างเยอะถูกต้องมั้ครับทีเนี้ยบาง
01:01:34 → 01:01:37 ครั้งเนี่ยมันก็อาจจะมีการรบกวนของการแปะ
01:01:37 → 01:01:40 มันอาจจะแปะได้ยากแปะแล้วก็แปะไม่อยู่
01:01:40 → 01:01:42 บ้างทีเนี้ยถ้าในต่างประเทศเนี่ยเขาก็จะ
01:01:42 → 01:01:46 โกนขนแล้วก็ทำการแปะต่อแผ่นดีทีนี้ถามว่า
01:01:46 → 01:01:48 แล้วถ้าเกิดเราไม่มีที่โกนอ่ะทำยังไงก็
01:01:48 → 01:01:51 ไม่ทำยังไงครับพยายามแปะกดยังไงก็ได้ให้
01:01:51 → 01:01:54 มันเรียบให้มากที่สุดเพราะว่าสุดท้ายแล้ว
01:01:54 → 01:01:56 เราจะทำยังไงได้ครับเราจะมาดึงขนหน้าอกคน
01:01:56 → 01:01:59 ของคนที่หมดสติมันก็ดูไม่เหมาะสมหรือว่า
01:01:59 → 01:02:01 มันก็ดูไม่ควรนะครับก็ทำการแปะให้ได้มาก
01:02:01 → 01:02:03 ที่สุดนะครับให้มันแนบมากที่สุดก็จะเป็น
01:02:04 → 01:02:07 ตามรูปนะครับทีนี้พอเราแปะตามรูปเนี่ยตัว
01:02:07 → 01:02:10 ของเครื่องก็จะทำการวิเคราะห์ของเราให้
01:02:10 → 01:02:13 อ่ะครับพอเราเปิดปั๊บเขาจะบอกว่าตั้งสติ
01:02:13 → 01:02:17 แล้วก็แปะแผ่น 2 แผ่นนี้ตามรูปเครื่องก็
01:02:17 → 01:02:19 จะบอกต่อว่ากำลังวิเคราะห์ครับกำลัง
01:02:19 → 01:02:22 วิเคราะห์ห้ามสัมผัสในตอนที่เขาบอกว่า
01:02:22 → 01:02:24 ห้ามสัมผัสคนที่กำลัง CPR เนี่ยจะต้อง
01:02:24 → 01:02:26 ปล่อยมือคือทุกคนน่ะครับต้องปล่อยมือ
01:02:26 → 01:02:29 เพื่อรองให้ตัวของเครื่องมันวิเคราะห์
01:02:29 → 01:02:31 เพราะว่าอะไรถ้าเกิดเราฝืนที่จะปั๊มอ่ะ
01:02:31 → 01:02:34 ครับหรือว่ามีใครมาสัมผัสมาเขย่าตัวคลื่น
01:02:34 → 01:02:37 ไฟฟ้าของที่อยู่ในร่างกายมันจะมีความแปร
01:02:37 → 01:02:40 ปรวนนะครับมันจะวิเคราะห์ได้ไม่ถูกต้องซะ
01:02:40 → 01:02:42 ทีเดียวเพราะฉะนั้นเมื่อเครื่องบอกก็ทำ
01:02:42 → 01:02:44 ตามเครื่องนะครับว่าอ่าห้ามสัมผัสผู้ป่วย
01:02:44 → 01:02:47 แล้วก็ทุกคนก็ห้ามสัมผัสทีนี้เครื่องครับ
01:02:47 → 01:02:49 เขาจะวิเคราะห์ของเขาเองเลยว่าจำเป็นต้อง
01:02:49 → 01:02:52 ช็อกอ่าหรือไม่จำเป็นต้องช็อกถ้าเค้าบอก
01:02:52 → 01:02:55 ว่าไม่จำเป็นต้องช็อกเค้าก็จะบอกว่าทำการ
01:02:55 → 01:02:58 CPR ต่อได้ทันทีแล้วมันก็จะมีจังหวะให้
01:02:58 → 01:03:00 เลยครับต่อไปเนี่ยเราก็คือปั๊มตามจังหวะ
01:03:00 → 01:03:03 เลยมันจะมีเสียงปิ๊บปิ๊บๆเนี่ยแล้วก็จะ
01:03:03 → 01:03:06 เป็นจังหวะในการปั๊มแต่เมื่อไหร่ก็ตามถ้า
01:03:06 → 01:03:09 เครื่องบอกว่าแนะนำให้ทำการช็อกมันจะมี
01:03:09 → 01:03:11 จังหวะอยู่นะครับว่าอ่ะกำลังทำการชาร์จ
01:03:11 → 01:03:15 กระแสไฟพอเค้าชาร์จเสร็จปุ๊บส่วนมากแล้ว
01:03:15 → 01:03:18 นะครับตรงปุ่มกดที่เป็นการปล่อยกระแสไฟ
01:03:18 → 01:03:20 เนี่ยมันจะมีแสงที่มันเรืองเรืองแสงขึ้น
01:03:20 → 01:03:23 มาอาจจะเป็นแสงสีส้มหรือแสงสีแดงเพื่อให้
01:03:23 → 01:03:25 เรารู้ว่าตัวของเครื่องเนี่ยมันพร้อมที
01:03:25 → 01:03:28 นี้อย่าเพิ่งกดทันทีนะครับเผื่อว่าถ้า
01:03:28 → 01:03:29 เกิดมีคนที่สัมผัสอย่างเช่นอาจารย์เจตอาจ
01:03:29 → 01:03:32 จะแบบว่าจับคนไข้อยู่อย่างเงี้ยถ้าเกิดผม
01:03:32 → 01:03:34 กดปุ๊บคุณแพน่ารู้มั้ยว่าเป็นยังไง
01:03:34 → 01:03:35 >> ไปด้วยเลย
01:03:35 → 01:03:37 >> ใช่ครับมันก็คือไฟฟ้าครับกดปุ๊บพอกระแส
01:03:37 → 01:03:40 ปล่อยเข้าไปคนที่สัมผัสผู้ป่วยปลิวอ่ะ
01:03:40 → 01:03:42 ครับผมแต่ว่าถามว่าอันตรายมั้ยมันก็ไม่
01:03:42 → 01:03:44 ได้อันตรายหรือรุนแรงมากแต่ว่ามันก็เกิด
01:03:44 → 01:03:46 การบาดเจ็บได้ก็คือมีกระแสไฟฟ้าที่มัน
01:03:46 → 01:03:49 วิ่งทะลุร่างได้เหมือนกันก็จะเป็นประมาณ
01:03:49 → 01:03:52 นี้ครับเปิดเครื่องแปะแผ่นฟังเครื่องแล้ว
01:03:52 → 01:03:55 ก็ถ้าจำเป็นต้องช็อกสอนภาคประชาชนนะ่ะ
01:03:55 → 01:03:58 ครับจะมีอยู่ 3 ประโยคครับหลักๆก่อนที่จะ
01:03:58 → 01:04:01 มีการกด 1 ก็คือเราต้องเอาตัวเองให้รอด
01:04:01 → 01:04:07 ก่อนนะครับ 1 ฉันถอย 2 คุณถอย 3 ทุกคนนะ
01:04:07 → 01:04:10 ครับทุกคนจะต้องถอยห่างคำว่าทุกคนเนี่ยคน
01:04:10 → 01:04:13 ที่กำลังจะทำการกดจะต้องสำรวจว่าตั้งแต่
01:04:13 → 01:04:16 หัวจรวดเท้าของคนไข้เนี่ยมีใครสัมผัสมนะ
01:04:16 → 01:04:19 ครับถ้าเกิดว่าดูแล้วปลอดภัยหรือถ้าเราจะ
01:04:19 → 01:04:21 เห็นตามข่าวพี่ๆกู้ชีพก็จะกางแขนไว้เลย
01:04:21 → 01:04:23 ว่าแบบห้ามนะครับห้ามสัมผัสตัวผู้ป่วย
01:04:23 → 01:04:27 แล้วก็จะทำการกดช็อกพอทำทำการกดช็อปึ๊บ
01:04:27 → 01:04:30 เครื่องเนี่ยก็จะแนะนำว่าให้ทำการ CPR
01:04:30 → 01:04:33 ต่อทันทีนี่ครับจะเป็นกระบวนการง่ายๆเปิด
01:04:33 → 01:04:35 เครื่องทำตามเครื่องครับเรียบร้อยสรุป
01:04:35 → 01:04:37 เช็คลิสต์ครับเมื่อทำการปั๊มหัวใจข้อ 1
01:04:37 → 01:04:39 คือสถานการณ์ต้องปลอดภัยก่อนเมื่อเราเจอ
01:04:40 → 01:04:42 คนไข้หมดสติไม่หายใจข้อที่ 2 คือโทรเรียก
01:04:42 → 01:04:45 ที่เบอร์ 1669 เมื่อเค้าไม่หายใจหมดสติ
01:04:45 → 01:04:48 แล้วอันที่ 3 คือการกดหน้าอกปั๊มหัวใจ
01:04:48 → 01:04:50 อย่างมีประสิทธิภาพแล้วก็อย่าลืมข้อที่ 4
01:04:50 → 01:04:53 คือต้องใช้หาเครื่องกระตุไฟฟ้าหัวใจ
01:04:53 → 01:04:55 อัตโนมัติมาใช้กับคนไข้ด้วยนะครับแล้วข้อ
01:04:55 → 01:04:57 ที่ 5 ก็คือกดหน้าอกต่อเนื่องจนกว่าทีม
01:04:57 → 01:04:59 กู้ชีพจะมาครับ
01:04:59 → 01:05:02 >> ฟังภาคทฤษฎีไปแล้วค่ะน่าจะแพนด้าเชื่อว่า
01:05:02 → 01:05:04 หลายๆคนฟังก็พยายามจินตนาการแล้วก็บวกกับ
01:05:04 → 01:05:08 หุ่นที่คุณหมออ่ะให้ดูนี้แต่ว่าเราจะเข้า
01:05:08 → 01:05:11 ใจมากที่สุดเมื่อได้เห็นการสาธิตจริงเออ
01:05:11 → 01:05:14 ดังนั้นอยากให้คุณหมอกับคุณยอช่วยสาธิต
01:05:14 → 01:05:16 วิธีการในการช่วยชีวิตหรือว่าการปั๊มหัว
01:05:17 → 01:05:18 ใจให้ดูหน่อยได้มั้คะ
01:05:18 → 01:05:19 >> ได้ครับด้วยความยินดีครับเดี๋ยวเรามาดู
01:05:19 → 01:05:22 วิธีการสาธิตการปั๊มหัวใจดีกว่าครับยกตัว
01:05:22 → 01:05:24 อย่างเคสครับสมมุติว่าโอโหประชุมเครียด
01:05:24 → 01:05:27 มากวันนี้ประชุมหนักมากปรากฏว่าเจ้านาย
01:05:27 → 01:05:29 ของเราครับเริ่มมีอาการแน่นอกเเอามือกรุง
01:05:29 → 01:05:33 ข้างซ้ายแน่นมากสักพักนึงก็ปึ้งหมดสติ
01:05:33 → 01:05:35 >> ไม่หายใจอันเนี้ยหัวใจหยุดเต้นแล้วเรามา
01:05:35 → 01:05:37 ดูการสาธิตดีกว่าครับว่าการปั๊มหัวใจนั้น
01:05:37 → 01:05:38 เกิดขึ้นยังไงบ้างครับ
01:05:38 → 01:05:39 >> ได้ค่ะ
01:05:39 → 01:05:41 >> แต่อันแรกนะครับเราต้องดูว่าสถานการณ์
01:05:41 → 01:05:43 ปลอดภัยก่อนซึ่งในสถานการณ์ห้องประชุม
01:05:43 → 01:05:45 ปลอดภัยอันดับที่ 2 ประเมินว่าคนไข้ยัง
01:05:45 → 01:05:47 หายใจอยู่มั้ยปรากฏว่าเขาไม่หายใจเดี๋ยว
01:05:47 → 01:05:49 เราสังเกตนะครับพยาบาลที่เป็นผู้ช่วย
01:05:49 → 01:05:52 เหลือเนี่ยเขาก็จะต้องโทรนะครับที่เบอร์
01:05:52 → 01:05:55 1669 ก็จะมีการร้องขอครับขอให้คนมาช่วย
01:05:55 → 01:05:58 เหลือจะสังเกตเห็นนะครับว่าเมื่อเราเจอคน
01:05:58 → 01:06:00 ไข้ไม่หมดสติแล้วไม่หายใจเนี่ยจะมีการขอ
01:06:00 → 01:06:02 ความช่วยเหลือเกิดขึ้นนะครับเราสังเกตว่า
01:06:02 → 01:06:05 เขาจะขอให้โทรเบอร์ 1669 ซึ่งเป็นสายด่วน
01:06:05 → 01:06:07 ฉุกเฉินประเทศไทยจากนั้นก็ดูว่าคนไข้เ้า
01:06:07 → 01:06:10 ยังหายใจอยู่มั้ยคุณแพนสังเกตการตบมั้
01:06:10 → 01:06:12 ครับเขาจะตบที่บ่าของคนไข้อย่างที่คุยกัน
01:06:12 → 01:06:15 ว่าเราจะไม่เขย่าคนไข้จากนั้นเนี่ยเขาอาจ
01:06:15 → 01:06:17 จะใช้มืออังที่จมูกเพื่อดูว่าคนไข้ยังหาย
01:06:17 → 01:06:20 ใจหรือเปล่าสังเกตว่าหน้าท้องไม่ขยับก็
01:06:20 → 01:06:22 แปลว่าเขาไม่หายใจแล้วครับสถานการณ์นี้
01:06:22 → 01:06:24 แปลว่าหัวใจหยุดเต้นแน่นอนเรามีเวลาแค่
01:06:24 → 01:06:27 แค่ 4 นาทีในการช่วยพยาบาลที่เป็นผู้ช่วย
01:06:27 → 01:06:29 เหลือเนี่ยสมมุติเป็นพลเมืองดีนะเขาจะทำ
01:06:29 → 01:06:31 การกดหน้าอกตำแหน่งการกดเห็นมั้ครับเราจะ
01:06:31 → 01:06:34 ลากที่ตรงหัวนมทั้ง 2 ข้างแล้วกึ่งกลาง
01:06:34 → 01:06:36 ตำแหน่งนั้นน่ะเขาเรียกว่ากระดูกหน้าอก
01:06:36 → 01:06:38 จากนั้นก็จะใช้มือข้างที่ถนัดประกบกันแบบ
01:06:38 → 01:06:40 เนี้ยเราเริ่มทำการกดหน้าอกการกดหน้าอกก็
01:06:40 → 01:06:44 คือกดด้วยความลึกประมาณ 5-6 ซม.จังหวะก็
01:06:44 → 01:06:47 คือ 100-10 ครั้งตลอดนาทีถ้าดูในเห็นมั้ย
01:06:47 → 01:06:50 ครับพอกดก็จะจังหวะตึ๊บ 1 และ 2 และ 3
01:06:50 → 01:06:53 และ 4 และ 5 ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆอ่ะครับ
01:06:53 → 01:06:55 >> บางคนร้องเพลงได้มั้คะคุณหมอ
01:06:55 → 01:06:57 >> สามารถครับสมัยก่อนนะครับผมเล่าให้ฟังเ้า
01:06:57 → 01:07:00 ร้องเพลงสุกกันเถอะเราเออแต่ว่าเพลงมันก็
01:07:00 → 01:07:03 อาจจะไม่ค่อยไมใช่ครับแต่ว่าก็เแหละครับ
01:07:03 → 01:07:06 ให้กด 1 และ 2 และ 3 และ 4 นี่คือการกด
01:07:06 → 01:07:09 หน้าอกในกระบวนการปั๊มหัวใจนะครับกดหน้า
01:07:09 → 01:07:10 อกอย่างเดียวไม่เพียงพอนะมันต้องมีสิ่ง
01:07:10 → 01:07:13 นึงที่เรียกว่าเครื่อง AED ครับนะจากที่
01:07:13 → 01:07:14 เราขอความช่วยเหลือใช่มั้ครับให้เอา
01:07:14 → 01:07:17 เครื่อง AED มาด้วยสังเกตเห็นมั้ครับว่า
01:07:17 → 01:07:18 ผู้ช่วยเหลืออีกคนนึงวิ่งเอาเครื่องนี้มา
01:07:18 → 01:07:21 เพื่อทำการดูว่าต้องช็อตไฟฟ้าหรือเปล่าพอ
01:07:21 → 01:07:23 เราได้เครื่องกระดูกฟ้าหัวใจ AED ก็ทำการ
01:07:23 → 01:07:25 กดปุ่มสีเขียวนี่แหละครับเป็นการเปิด
01:07:25 → 01:07:26 เครื่องหลังจากเปิดเครื่องนะครับเดี๋ยว
01:07:26 → 01:07:29 ฟังดูนะครับได้ยินมั้ยเครื่องจะบอกว่าให้
01:07:29 → 01:07:32 ทำการแปะแผ่นปิดตรงหน้าอกเห็นมั้ครับว่า
01:07:32 → 01:07:35 แม้เราจะสามารถใช้ได้หรือว่าไม่มีความรู้
01:07:35 → 01:07:37 อ่ะเราก็สามารถฟังเครื่องแล้วทำตามได้
01:07:37 → 01:07:40 >> อ่าก็คือถ้าคนนึงกดอยู่อีกคนนึงก็คือแปะ
01:07:40 → 01:07:41 เลยไม่เว้น
01:07:41 → 01:07:43 >> ถูกต้องครับอย่าหยุดกดต้องกดโดยไม่จำเป็น
01:07:43 → 01:07:45 ถ้าหยุดกว่านกเมื่อไหร่เนี่ยหัวใจก็หยุด
01:07:45 → 01:07:47 เต้นเลื่อนไม่ไปเลี้ยงสมองสังเกตว่าแปะ
01:07:47 → 01:07:49 แผ่นเลยโดยที่ผู้ช่วยเหลือยังคงกดหน้าอก
01:07:49 → 01:07:52 อยู่หลังจากที่ปิดแผ่นเรียบร้อยนะครับ
01:07:52 → 01:07:53 เครื่องก็จะทำการวิเคราะห์สัญญาณเครื่อง
01:07:53 → 01:07:56 จะให้บอกว่าให้ทำการถอยห่างจากผู้ป่วยอัน
01:07:56 → 01:07:59 นี้เป็นเครื่องสาธิตนะครับผมจะใช้เสียง
01:07:59 → 01:08:01 ของผมในการพากแทนขณะนี้เครื่องบอกว่า
01:08:01 → 01:08:03 กำลังวิเคราะห์สัญญาณซึ่งจะไม่เกิน 10
01:08:03 → 01:08:06 วินาทีเครื่องบอกว่าให้ทำการกดปุ่มช็อไฟ
01:08:06 → 01:08:08 ฟ้าซึ่งแปลว่าเครื่องรู้ว่าหัวใจกำลัง
01:08:09 → 01:08:11 เต้นพริ้วอยู่ผู้ช่วยเหลือจะทำการกดแต่มี
01:08:11 → 01:08:13 สัญญาณโดยผู้ช่วยเหลือเนี่ยก่อนทำการกด
01:08:13 → 01:08:15 ปุ่มช้าจะให้สัญญาณนะครับพูดเสียงอันนนัง
01:08:16 → 01:08:19 ว่าฉันถอยเธอถอยผลักคนข้างหน้าที่จะ
01:08:19 → 01:08:22 สัมผัสคนไข้และทุกคนถอยห่างออกไปจากนั้น
01:08:22 → 01:08:25 เริ่มทำการกดปุ่มช็อตไฟฟ้าครับ
01:08:25 → 01:08:28 และให้ทำการกดหน้าอกซ้ำทันทีนะครับ
01:08:29 → 01:08:31 >> อ้าวแล้วมันกระแสไฟไม่เข้าตัวคนกดหรอคะ
01:08:31 → 01:08:33 >> เวลาที่เครื่องปล่อยไฟฟ้าเนี่ยมันถอยแค่
01:08:33 → 01:08:36 แว๊บเดียวครับหลังจากที่คุณแบงค์กดปุ่มสี
01:08:36 → 01:08:38 ส้มเนี่ยเพื่อทำการช็อตไฟฟ้าภายในเวลาไม่
01:08:38 → 01:08:40 เกิน 0.1 ชุด 1 วินาทีเครื่องจะช็อตไฟฟ้า
01:08:40 → 01:08:42 ให้หัวใจกลับมาหายเต้นพริ้ว
01:08:42 → 01:08:43 >> มันแค่แว๊บเดียวอ่ะครับ
01:08:43 → 01:08:45 >> คือคือเครื่องเนี้ยไม่ใช่ว่าปล่อยให้เค้า
01:08:45 → 01:08:47 ทำงานคือเราก็ต้องปั๊มไปด้วย
01:08:47 → 01:08:47 >> ใช่ครับ
01:08:47 → 01:08:50 >> อ่าแต่จังหวะแค่ตอนที่ปล่อยปล่อยกระแสไฟ
01:08:50 → 01:08:51 เนี่ยต้องหนี
01:08:51 → 01:08:51 >> ใช่ครับ
01:08:51 → 01:08:52 >> อ๋อมันคือยังไง
01:08:52 → 01:08:54 >> เพราะว่าถ้าไม่หนีเนี่ยโอกาสโดนไฟดูดไป
01:08:54 → 01:08:56 ด้วยสังเกตมั้ครับมันจะคล้ายๆกับพนักงาน
01:08:56 → 01:08:58 ต้อนรับบนเครื่องบินไงเฮ้ยที่แบบออกซิเจน
01:08:58 → 01:09:00 มาต้องใส่เงี้ยสังเกตว่าคุณแบงค์เมื่อกี้
01:09:01 → 01:09:04 ทำท่าที่ขึงขามากเลยเพราะว่าฉันถอยเธอถอย
01:09:04 → 01:09:07 เพราะถ้าเธอไม่ถอยอ่ะถ้าหากว่ามีพลเมนีคน
01:09:07 → 01:09:09 ไหนสัมผัสคนไข้จะโดนไฟฟ้าช็อตไปด้วยหรือ
01:09:09 → 01:09:11 แม้แต่บางทีเนี่ยถ้าเป็นคุณแพนด้ากำลัง
01:09:11 → 01:09:14 ปั๊มหัวใจเราจะมีการให้ทุกคนถอยด้วยเพื่อ
01:09:14 → 01:09:16 ป้องกันไม่ให้คุณแพนด้าสัมผัสคนไข้ไม่
01:09:16 → 01:09:18 ฉะนั้นจะเกิดอันตรายจากการชกไฟฟ้าครับ
01:09:18 → 01:09:21 >> อือันนี้คือเราก็ปั๊มไป 2 นาทีแล้วก็เช็ค
01:09:21 → 01:09:24 อาการ 10 วินาทีแล้วก็ปั๊มต่อ 2 นาทีหรือ
01:09:24 → 01:09:26 มันต้องปั๊มนานแค่ไหนคะเครื่องจะบอกเรา
01:09:26 → 01:09:27 มั้ว่าพอได้แล้วหรืออะไรอย่างเงี้ย
01:09:28 → 01:09:29 >> คำถามนี้ดีมากครับเพราะว่าเอ้ยเราจะปั๊ม
01:09:29 → 01:09:31 ยังไง 200 นาทีใครจะจับเวลาเนี่ยเครื่อง
01:09:31 → 01:09:33 บอกทุกอย่างนะครับแต่เผอิญว่าอันนี้เป็น
01:09:33 → 01:09:35 การสาธิตผมเลยไม่ได้เปิดเสียงเครื่อง
01:09:35 → 01:09:37 เครื่องจะนับให้เราถ้าเป็นเครื่องที่จริง
01:09:37 → 01:09:41 นะครับเครื่องจะบอกว่าตึ๊ดตึ๊ดตึ๊ดตึ๊ดๆ
01:09:41 → 01:09:43 อันเนี้คือจังหวะว่าจะกดหน้าอกเท่าไหร่
01:09:43 → 01:09:45 ถ้าสมมุติว่าครบ 2 นาทีเครื่องจะบอกว่า
01:09:45 → 01:09:48 ให้ทำการถอยห่างจากผู้ป่วยเพราะเครื่องจะ
01:09:48 → 01:09:49 วิเคราะห์อีกทีครับเครื่องนี้จะตั้งระบบ
01:09:49 → 01:09:52 ไว้ทุก 2 นาทีเครื่องบอกว่า
01:09:52 → 01:09:55 >> ให้ทำการกดปุ่มช็อตไฟฟ้าอ้าวก็แปลว่า
01:09:55 → 01:09:57 เครื่องรู้ว่าตอนเนี้ยหัวใจมันยังพริ้ว
01:09:57 → 01:10:00 อยู่ทำการชไฟฟ้าเหมือนเดิมครับคุณแบงค์ก็
01:10:00 → 01:10:03 จะบอกว่าฉันถอยเธอถอยมองคนข้างหน้าทุกคน
01:10:03 → 01:10:07 ถอยจากนั้นให้ทำการกดปุ่มชดไฟฟ้าวิธีการ
01:10:07 → 01:10:09 นี้ทำให้ทุกคนปลอดภัยครับแล้วก็เริ่มทำ
01:10:09 → 01:10:10 การกดหน้าอกต่อไป
01:10:10 → 01:10:10 >> อ่า
01:10:10 → 01:10:13 >> เครื่องจะบอกว่าให้ทำการถอยห่างจากผู้
01:10:13 → 01:10:16 ป่วยขณะนี้ครับ 10 วินาทีเครื่องกำลัง
01:10:16 → 01:10:17 วิเคราะห์สัญญาณสังเกตมั้ครับผู้ช่วย
01:10:17 → 01:10:19 เหลือมีการเปลี่ยนเพราะว่าการกดหน้าอกควร
01:10:19 → 01:10:21 จะเปลี่ยนทุก 2 นาทีเรามาดูว่าเป็นยังไง
01:10:22 → 01:10:25 บ้างขณะนี้เครื่องบอกว่าให้ทำการกดปุ่ม
01:10:25 → 01:10:27 ช้อปไฟฟ้าก็แสดงว่าเครื่องบอกว่าหัวใจคน
01:10:27 → 01:10:29 ไข้ยังเต้นพริ้วอยู่สังเกตว่าผู้เชลีคน
01:10:29 → 01:10:32 เริ่มทำการกดปุ่มช้อปไฟฟ้าโดยให้สัญญาณ
01:10:32 → 01:10:35 ว่าฉันถอยเธอถอยทุกคนถอยจากนั้นให้ทำการ
01:10:36 → 01:10:38 กดปุ่มแล้วก็ผู้เสียอีกท่านทำการกดหน้าอก
01:10:38 → 01:10:40 ซ้ำทันทีนะครับ
01:10:40 → 01:10:43 >> กดปุ่มปุ๊บแล้วรอแค่ไหนคะถึงจะปั๊มได้
01:10:43 → 01:10:46 >> หูยแป๊บเดียวครับคือถ้ากดสีส้มเนี่ยปุ่ม
01:10:46 → 01:10:49 ปึ้งเนี่ยไฟฟ้าช็อตภายใน 0.1 1 วินาที
01:10:49 → 01:10:51 ใช่แล้วไฟฟ้าก็หายไปเลยครับแล้วก็ให้ทำ
01:10:51 → 01:10:54 การปั๊มหัวใจต่อไปไม่ต้องดูผลงานนะครับ
01:10:54 → 01:10:56 ปั๊มหัวใจต่อไปเพราะว่าถ้าเราหยุดเนี่ย
01:10:56 → 01:10:58 หัวใจคนไข้ก็หยุดไปด้วย
01:10:58 → 01:10:58 >> อื
01:10:58 → 01:11:00 >> ให้เราปั๊มหัวใจไปจนกว่าผู้ช่วยเหลือที่
01:11:00 → 01:11:02 เป็นทางการแพทย์จะเข้ามาถึงครับ
01:11:02 → 01:11:05 >> อืสังเกตที่หุ่นอ่ะค่ะมันจะมีไฟสีเขียว
01:11:05 → 01:11:07 ขึ้น 2 อันอันนี้มันบอกอะไรเราคะ
01:11:07 → 01:11:09 >> หุ่นนี้เป็นหุ่นสาธิตนะครับมันบอกว่าเอ๊ะ
01:11:09 → 01:11:11 การปั๊มหัวใจของเราเนี่ยลึกแรง
01:11:11 → 01:11:14 ประสิทธิภาพพอมั้ยอย่างคุณแบงค์เนี่ยครับ
01:11:14 → 01:11:16 อุ้ยในรายการเราเพิ่งซ้อมกันเมื่อกี้ใช่
01:11:16 → 01:11:16 มั้ย
01:11:16 → 01:11:18 >> โอเค้าเปั๊มหัวใจได้เก่งมากอันนี้แหละ
01:11:18 → 01:11:20 ครับที่ผมจะบอกคุณแพนด้าว่าการปั๊มหัวใจ
01:11:20 → 01:11:23 อย่างมีคุณภาพคืออะไรคือกดจนกว่าสีเขียว
01:11:23 → 01:11:26 จะขึ้นนั่นคือลึกเห็นมั้ยครับการกดของ
01:11:26 → 01:11:29 เขาค้าเนี่ยประมาณ 5-6 ซม.แล้วก็จังหวะ
01:11:29 → 01:11:32 ตึ๊บๆอันนี้คือ 100-10 ครั้งต่อนาที
01:11:32 → 01:11:34 สังเกตคุณแบงค์มั้ยตอนที่เขาคลายมืออ่ะ
01:11:34 → 01:11:36 เขาคลายจนสุดเลยครับแต่มือเขาไม่ลอยนี่
01:11:36 → 01:11:39 คือถูกต้องแล้วก็เมื่อกี้สังเกตว่าตอนที่
01:11:39 → 01:11:41 พยาบาลย้อยกับคุณแบงค์เนี่ยทำการเปลี่ยน
01:11:41 → 01:11:44 เนี่ยการกดหน้าอกมันจะไม่ล่าช้าครับไม่มี
01:11:44 → 01:11:46 การหยุดนานเกิน 10 วินาทีนี่แหละครับคือ
01:11:46 → 01:11:48 คำว่าการปั๊มหัวใจอย่างมีคุณภาพ
01:11:48 → 01:11:51 >> อย่างี้แปลว่าคนที่มาทำการปั๊มหัวใจก็
01:11:51 → 01:11:53 ต้องมีความรู้ที่ถูกต้องถูกมั้คะคุณหมอ
01:11:53 → 01:11:55 >> ใช่ครับถ้ามีความรู้ที่ถูกต้องก็จะทำ
01:11:55 → 01:11:57 อย่างราบรื่นไงรู้สเต็ปว่าใครควรจะทำอะไร
01:11:57 → 01:12:00 บ้างบ้างแต่ว่าอะไรก็ตามเนี่ยถ้าหากว่ามี
01:12:00 → 01:12:02 ความรู้ก็สามารถทำได้นะครับอเมื่อเช้าคุย
01:12:02 → 01:12:05 กันไงถ้าหากว่าเราโทรที่เบอร์ 1669 จะมี
01:12:05 → 01:12:08 เป็นวดีโอคอครับสมมุติว่าก็ไปคุณหมอนี่
01:12:08 → 01:12:10 แหละเป็นผมนี่แหละก็จะเห็นวดีโอคอลของคุณ
01:12:10 → 01:12:12 แบงค์เนี่ยที่ส่งมายกตัวอย่างเช่นนะครับ
01:12:12 → 01:12:14 ถ้าเกิดว่าเราสร้างสถานการณ์ที่คุณแบงค์
01:12:14 → 01:12:17 กดช้าคุณแบงค์ครับลองกดให้ช้าก่อนดีนะอ๋อ
01:12:17 → 01:12:19 ช้ามากเลยใช่มั้ครับสมมุติว่าผมกับคุณ
01:12:19 → 01:12:21 แพนด้าอยู่ที่ศูนย์ศูนย์สั่งการผมจะบอก
01:12:21 → 01:12:24 ว่าเอ๊ะช้าไปครับคุณแบงค์กดให้เร็วกว่า
01:12:24 → 01:12:27 นี้นะครับฟังผมนะครับตึ๊ดตึ๊ดตึดตึดตึ
01:12:28 → 01:12:29 เห็นมครับระบบการแพทย์ประเทศไทยถูกเสวย
01:12:30 → 01:12:32 พัฒนาไปถึงขนาดนี้นะผมสามารถที่จะแนะนำ
01:12:32 → 01:12:34 ทางโทรศัพท์ที่เห็นกล้องเนี่ยเพื่อให้เขา
01:12:34 → 01:12:37 กดได้เร็วขึ้นหรือแรงขึ้นประสิทธิภาพมาก
01:12:37 → 01:12:37 ขึ้นนะครับ
01:12:37 → 01:12:40 >> กลับกันค่ะถ้าสมมุติว่าในกรณีที่ไม่ได้มี
01:12:40 → 01:12:42 เครื่อง AED เราก็ทำวิธีนี้เหมือนกัน
01:12:42 → 01:12:44 เพียงแต่ว่าเราไม่ได้มีเครื่องมาอ่านค่า
01:12:44 → 01:12:46 ให้เราต้องเป็นคนเช็คเองภายใน 10 วินาที
01:12:46 → 01:12:48 ที่จะเปลี่ยนกับอีกคนนึงถูกมั้คะ
01:12:48 → 01:12:50 >> ใช่ครับอย่างไรก็ตามเนี่ยผมว่าการมี
01:12:50 → 01:12:52 เครื่องดีๆมันก็เหมือนกับการที่เราขับรถ
01:12:52 → 01:12:54 แล้วมีแผ่นแผนที่อ่ะมันก็จะอุ่นใจกว่าผม
01:12:54 → 01:12:57 ยังคิดว่ามีความสำคัญมากครับที่ประเทศไทย
01:12:57 → 01:12:59 ควรจะหาเครื่อง AED หรือว่ากระตุกไฟฟ้า
01:12:59 → 01:13:01 หัวใจอัตโนมัติเนี่ยอยู่ในสถานที่ต่างๆ
01:13:01 → 01:13:04 อย่างเช่นในห้างสรรพสินค้าในสถานที่ที่
01:13:04 → 01:13:06 เป็นราชการจำเป็นต้องมีอย่างมากครับ
01:13:06 → 01:13:08 >> เราซื้อติดบ้านหรือติดรถไว้เลยได้มั้ยคะ
01:13:08 → 01:13:10 >> สามารถครับสามารถซื้อติดบ้านได้แต่ว่า
01:13:10 → 01:13:13 จริงๆแล้วเนี่ยพูดถึงราคาก็ค่อนข้างจะสูง
01:13:13 → 01:13:16 นะครับและอีกประการนึงผมคิดว่าการที่เรา
01:13:16 → 01:13:18 ช่วยคนในสาธารณะมันควรจะอยู่ในที่ที่
01:13:18 → 01:13:20 สาธารณะที่ใกล้ตัวมากกว่าอย่างี้ครับคุณ
01:13:20 → 01:13:22 แพนด้าสมมุติว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว
01:13:22 → 01:13:24 เราสามารถที่จะเอาเครื่องที่อยู่ใกล้บ้าน
01:13:24 → 01:13:26 เราเนี่ยใกล้ห้างเนี่ยอันนี้ก็จะเป็นคำ
01:13:26 → 01:13:27 ตอบที่ดีเหมือนกันนะครับ
01:13:28 → 01:13:30 >> อืมค่ะแล้วถ้านั่งล่ะคะคุณหมอเราต้องนั่ง
01:13:30 → 01:13:32 ยังไงเพราะว่าเมื่อกี้สังเกตทั้ง 2 ท่าน
01:13:32 → 01:13:34 จะนั่งข้างๆเนาะแต่บางครั้งเราจะเห็นใน
01:13:34 → 01:13:35 สื่อคือนั่งคร่อมไปเลย
01:13:35 → 01:13:37 >> จริงๆแล้วนะครับการนั่งคร่อมก็สามารถทำ
01:13:37 → 01:13:39 ได้นะแต่ทางปฏิบัติแนะนำว่าให้นั่งด้าน
01:13:39 → 01:13:42 ข้างจะสะดวกในการปั๊มหัวใจแล้วก็ตัวเรา
01:13:42 → 01:13:44 อ่ะจะเมื่อยน้อยกว่าแต่การนั่งคร่อมก็มี
01:13:44 → 01:13:46 นะครับยกตัวอย่างเช่นคุณแพนด้าไปนั่ง
01:13:46 → 01:13:47 เครื่องบินอย่างเงี้ยอ่าผมถามคุณแพนด้า
01:13:47 → 01:13:50 ว่าถ้าเกิดว่าเรานั่งสายการบินแห่งนึง
01:13:50 → 01:13:52 ปรากฏว่าคนนั่งข้างๆนะครับหมดสติไม่หายใจ
01:13:52 → 01:13:54 ไปแล้วอ่ะปั๊มหัวใจทำยังไงอ่ะ
01:13:54 → 01:13:55 >> อ๋อ
01:13:55 → 01:13:57 >> ต้องวางกลับพื้นแน่นอนเราก็ต้องเอาเ้ามา
01:13:57 → 01:13:58 ตรงทางเดินซึ่งทางมันแคบ
01:13:58 → 01:14:00 >> ใช่ครับทางเดินมันแคบมากตอนที่พนักงาน
01:14:00 → 01:14:02 ต้อนรับเครื่องบินน่ะเสิร์ฟอาหารใช่มั้ย
01:14:02 → 01:14:04 ครับก็จะแบบต้องระวังข้อสอบแปลว่าทางเดิน
01:14:04 → 01:14:07 มันแคบมากถ้าเราจับคนไข้วางที่พื้นตรงทาง
01:14:07 → 01:14:09 เดินน่ะเราไม่สามารถจะนั่งด้านข้างแล้ว
01:14:09 → 01:14:11 ปั๊มได้แน่นอนวิธีการนี้ก็จะเป็นการนั่ง
01:14:11 → 01:14:14 คร่อมอ่ะครับสรุปว่าการนั่งคร่อมมีโอกาส
01:14:14 → 01:14:16 ทำได้นะครับแต่ว่าไม่ใช่วิสัยตามปกติหรอก
01:14:16 → 01:14:17 ครับ
01:14:17 → 01:14:19 >> และอีกคำถามนึงค่ะสำหรับอ่าหลายๆท่านที่
01:14:19 → 01:14:22 ดูเนาะแพนด้าเชื่อว่าโอเคเราอยากช่วยแล้ว
01:14:22 → 01:14:23 เราวันเนี้ยแพนด้าเชื่อว่าหลายๆคนมีความ
01:14:23 → 01:14:26 รู้มากขึ้นแล้วแน่นอนแต่ว่าการที่เราไม่
01:14:26 → 01:14:29 ได้ลองทำเองค่ะมันก็อาจจะไม่มั่นใจเมื่อ
01:14:29 → 01:14:31 เกิดเหตุการณ์จริงเราก็ไม่กล้าทำถึงแม้
01:14:31 → 01:14:33 ว่าจะมีความรู้แล้วนะคะแต่ไม่กล้าทำเพราะ
01:14:33 → 01:14:35 กลัวว่าจะทำให้ผู้ป่วยเนี่ยได้รับบาดเจ็บ
01:14:36 → 01:14:37 จากการที่เราไปช่วยเหลือมากกว่าทีเนี้ย
01:14:37 → 01:14:39 เค้าก็เลยมีคำถามว่าถ้าเขาเข้าไปช่วย
01:14:39 → 01:14:41 เนี่ยค่ะจะทำให้คนไข้เกิดอันตรายมากขึ้น
01:14:41 → 01:14:41 มั้คะ
01:14:41 → 01:14:44 >> โหถูกต้องคำถามนี้ดีมากครับเพราะคือคำว่า
01:14:44 → 01:14:47 กลัวไม่กล้าจริงแล้วเนี่ยในหลักการแพทย์
01:14:47 → 01:14:49 นะครับการปั๊มหัวใจมีผลแทรกซ้อนได้อาจจะ
01:14:49 → 01:14:52 ทำให้กระดูกซี่โครงหักได้แต่ถ้าทางการ
01:14:52 → 01:14:54 แพทย์เนี่ยก็อาจจะไม่ได้อันตรายอะไรถึง
01:14:54 → 01:14:56 กับชีวิตนะครับเพราะว่าซีกโครงสูตรเนี้ย
01:14:56 → 01:14:58 เป็นส่วนที่เป็นกระดูกอ่อนถ้าหากว่าหัก
01:14:58 → 01:15:01 เนี่ยมันสามารถสมานกันได้แต่ว่าหัวใจมัน
01:15:02 → 01:15:04 หยุดไปแล้วครับถ้าไม่ปั๊มหัวใจก็ตายแน่
01:15:04 → 01:15:06 นอนครับการที่มีกระดูกไส้โครงขักกระดูก
01:15:06 → 01:15:08 อ่อนเนี่ยไม่เป็นไรนะครับให้ทำการกดหน้า
01:15:08 → 01:15:11 อกต่อไปในงานวิจัยหมอชัดเจนนะครับคือแม้
01:15:11 → 01:15:13 แต่แพทย์เนี่ยอย่างผมเป็นแพทย์เงี้ยถ้าผม
01:15:13 → 01:15:16 กดหน้าอกก็พบว่าแพทย์ยังทำให้คนไข้มี
01:15:16 → 01:15:19 กระดูกหน้าอกหักได้แล้วตามภาษาประชาชน
01:15:19 → 01:15:21 ครับวิสัยประชาชนก็ย่อมสามารถทำให้กระดูก
01:15:21 → 01:15:23 ซี่โครงหักได้เหมือนกันจึงไม่ได้มีความ
01:15:23 → 01:15:26 แตกต่างกันจึงสรุปว่าถ้าเราไม่ทำอะไรเลย
01:15:26 → 01:15:28 ตายแน่นอนครับแต่ถ้ากดหน้าอกแล้วกระดูก
01:15:28 → 01:15:30 ไส้คงหักไม่เป็นไรครับมันสมาติดกันได้
01:15:31 → 01:15:31 ครับ
01:15:31 → 01:15:33 >> ต้องรู้ว่าณจังหวัดนั้นสิ่งที่สำคัญเป็น
01:15:33 → 01:15:34 อันดับแรกคือช่วยชีวิตไว้ก่อน
01:15:34 → 01:15:35 >> ถูกต้องแล้วครับ
01:15:35 → 01:15:37 >> อืโอหวันนี้ได้ความรู้เข้าใจมากขึ้นเลย
01:15:37 → 01:15:39 ค่ะเรายิ่งมาเห็นการสาธิตแบบนี้นะแพนด้า
01:15:39 → 01:15:42 เชื่อว่าหลายๆท่านน่าจะได้เห็นภาพจริงๆ
01:15:42 → 01:15:44 มากขึ้นแล้วก็อย่างที่คุณหมอบอกที่เราคุย
01:15:44 → 01:15:47 กันไปเลยว่าถ้าอยากที่จะลองไปศึกษาหรือ
01:15:47 → 01:15:50 ว่าไปเรียนการทำปฏิบัติจริงเนี่ยก็สามารถ
01:15:50 → 01:15:52 หาได้ทางอินเทอร์เน็ตเลยมีเยอะแยะเลยเนาะ
01:15:52 → 01:15:55 >> ใช่ครับพิมพ์เลยครับเรียนปฐมพยาบาลไล่ฉัน
01:15:55 → 01:15:57 ค่ะจากที่เราคุยกันวันนี้ทั้งหมดนะคะความ
01:15:57 → 01:15:59 รู้เรื่องของการช่วยชีวิตเนาะการ CPR
01:15:59 → 01:16:01 หรือการใช้เครื่อง AED เนี่ยแพนด้าว่า
01:16:01 → 01:16:03 หลายๆท่านน่าจะได้เข้าใจมากขึ้นตัวแพนด้า
01:16:03 → 01:16:05 เองก็ได้เข้าใจมากขึ้นแล้วก็เชื่อว่าทีม
01:16:05 → 01:16:08 งานทุกๆคนตรงนี้ได้เข้าใจมากขึ้นและถ้ามี
01:16:08 → 01:16:10 อะไรเกิดขึ้นไปอยู่ใกล้ๆพี่แบงค์น่าจะ
01:16:10 → 01:16:12 ปลอดภัยอยู่นี้ขอบคุณคุณหมอมากๆสำหรับการ
01:16:12 → 01:16:14 มาให้ข้อมูลแล้วก็ขอบคุณเ่อคุณพยาบาลยอ
01:16:14 → 01:16:17 ด้วยนะคะที่มาให้ความรู้แล้วก็รวมถึงมา
01:16:17 → 01:16:20 แสดงให้เราดูด้วยวันนี้นะคะทางเกลามี
01:16:20 → 01:16:22 เสื้อเกลาค่ะมอบให้คุณหมอนี่
01:16:22 → 01:16:24 >> โอขอบคุณครับเสื้อสวยมากครับเกา
01:16:24 → 01:16:26 >> เสื้อเกานิสัยอันตราย
01:16:26 → 01:16:28 >> อันนี้มอบให้คุณหมอไว้เลยใส่ตอนไหนก็ได้
01:16:28 → 01:16:31 ค่ะหรือว่าใส่ตอนทำงานได้มั้ไม่รู้
01:16:31 → 01:16:32 >> ครับผมก็ต้องขอบพระคุณรายการเกลาเป็น
01:16:32 → 01:16:34 อย่างสูงมากเลยครับที่ให้โอกาสได้มาคุย
01:16:34 → 01:16:36 เรื่องการปฐมพยาบาลเพราะผมก็ยังเชื่อว่า
01:16:36 → 01:16:39 ความรู้การปฐมพยาบาลสำคัญมากเพราะเราจะ
01:16:39 → 01:16:41 ได้เป็นความโชคดีของคนไข้ที่ได้เจอเรา
01:16:41 → 01:16:43 >> อืแล้วเราก็สามารถเป็นความโชคดีของใครสัก
01:16:43 → 01:16:45 คนที่ได้เจอเราเหมือนกันนะคะในวันที่เขา
01:16:45 → 01:16:48 กำลังลำบากต้องการความช่วยเหลือเราอาจจะ
01:16:48 → 01:16:50 เป็นคนนั้นที่เป็นฮีโร่เลยก็ได้เพราะ
01:16:50 → 01:16:52 ฉะนั้น EP นี้เชื่อว่าดูแล้วมีประโยชน์
01:16:52 → 01:16:55 อย่างคะถ้าดูแล้วนะคะได้ความรู้อะไรใหม่ๆ
01:16:55 → 01:16:57 หรือว่ามีคำถามอะไรที่อยากถามเนี่ยสามารถ
01:16:57 → 01:16:59 คอมเมนต์ไว้ใต้คลิปนี้ได้เลยนะคะแล้วก็
01:16:59 → 01:17:01 ถ้าใครนะคะที่อยากได้เสื้อแบบนี้นะคะ
01:17:01 → 01:17:02 สามารถสั่งซื้อได้ที่ใต้ description นี้
01:17:02 → 01:17:05 นะคะเรายังมีกระเป๋าผ้าเกลาแล้วก็หมวก
01:17:05 → 01:17:07 เกลาด้วยนะคะคุณหมอเดี๋ยว EP ต่อๆไป
01:17:07 → 01:17:09 เดี๋ยวให้ครบเลยค่ะ
01:17:09 → 01:17:09 >> ขอบพระคุณ
01:17:09 → 01:17:11 >> ค่ะเดี๋ยวไว้เจอกันใหม่ EP ต่อไปนะคะวัน
01:17:11 → 01:17:12 นี้ขอบคุณมากๆค่ะ
01:17:12 → 01:17:13 >> สวัสดีครับ
01:17:13 → 01:17:16 >> ขอบคุณค่ะ
01:17:16 → 01:17:35 [เพลง]