00:00:00 → 00:00:02 โรควิตกกังวลโรคเครียดบางทีอาจจะไม่เกิด
00:00:02 → 00:00:05 จากสภาวะสิ่งแวดล้อมแต่เกิดจากลำไส้งาน
00:00:05 → 00:00:08 วิจัยค้นพบว่าคนที่มีอาการปวดท้องแน่น
00:00:08 → 00:00:10 ท้องอาหารไม่ย่อยหรือขับถ่ายไม่ปกติมักจะ
00:00:10 → 00:00:13 พบในคนที่เป็นโรควิตกกังวลโรคเครียดมาก
00:00:13 → 00:00:15 กว่าคนทั่วไปในหลายๆเคสอ่ะคนไข้ที่เป็น
00:00:15 → 00:00:18 โรคซึมเศร้าอ่ะแล้วก็ควรจะรักษาจากลำไส้
00:00:18 → 00:00:20 84% ของเด็กที่เป็นออทิสติกอ่ะมีปัญหา
00:00:20 → 00:00:23 เรื่องลำไส้หมดเลยทำให้อาการของเขาที่มี
00:00:23 → 00:00:25 ออทิสติกอ่ะไม่ว่าจะเป็น AD HD อะไร
00:00:25 → 00:00:28 เหล่าเนี้ยดีขึ้นได้ภาวะลำไส้ของคนเป็น
00:00:28 → 00:00:30 แม่ตอนก่อนท้องหรือตอนท้องเป็นอะไรที่
00:00:30 → 00:00:31 สำคัญ
00:00:31 → 00:00:35 มากสวัสดีค่ะยินดีต้อนรับเข้าสู่ doc
00:00:35 → 00:00:37 Talk พแสที่หมอและผู้เชี่ยวชาญหน้า
00:00:37 → 00:00:40 สุขภาพจะมาคุยประเด็นเรื่องสุขภาพต่างๆ
00:00:40 → 00:00:42 อยู่กับหมอเอมมี่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน
00:00:42 → 00:00:44 วิทยาศาสตร์ป้องกันและหมอจิมมี่แพทย์ผู้
00:00:44 → 00:00:47 เชี่ยวชาญวิทยศาสตร์ป้องกันครับ EP นี้
00:00:47 → 00:00:49 เราจะมาพูดถึงสุขภาพของลำไส้สัมพันธ์กับ
00:00:49 → 00:00:52 ร่างกายของเรายังไงหลายๆคนน่ะอาจเคยได้
00:00:52 → 00:00:55 ยินว่าลำไส้ของเราอ่ะเสมือนสมองที่ 2 ของ
00:00:55 → 00:00:57 ร่างกายก็เลยอยากมาพูดคุยกันว่ามัน
00:00:57 → 00:01:00 สัมพันธ์กันยังไงแล้วก็ทำงานกันยังไงไมี
00:01:00 → 00:01:02 อะไรมากมายที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ระบบ
00:01:02 → 00:01:04 ทางเดินอาหารเนี่ยไม่ได้มีหน้าที่แค่ย่อย
00:01:04 → 00:01:07 อาหารเท่านั้นแต่เป็นตัวแปรสำคัญต่อระบบ
00:01:07 → 00:01:11 อวัยวะอื่นๆฮิกชาวกรีซบิดาของการแพทย์ได้
00:01:11 → 00:01:13 กล่าวไว้ประมาณ 2,000 กว่าปีที่แล้วพูด
00:01:13 → 00:01:15 ไปวว่า All diseases Begin in the
00:01:15 → 00:01:18 gut ซึ่งมันแปลว่าโลกหลายโลกเริ่มต้นที่
00:01:18 → 00:01:20 ในลำไส้ของเรางานวิจัยหลายงานวิจัยที่
00:01:20 → 00:01:22 ผ่านมาประมาณ 10 กว่าปีก็ได้ให้ความสำคัญ
00:01:22 → 00:01:25 เกี่ยวกับความเชื่อมโยงของลำไส้และอวัยวะ
00:01:25 → 00:01:27 อื่นๆแต่วันนี้เนี่ยอยากจะมาพูดคุยกับหมอ
00:01:27 → 00:01:30 เอมมี่เกี่ยวกับเรื่องของลำไส้และสมอง
00:01:30 → 00:01:32 หรือที่ภาษาอังกฤษเราเรียกกันว่า G Brain
00:01:32 → 00:01:35 AIS นั่นเองร่างกายทุกคนเนี่ยมี G Brain
00:01:35 → 00:01:37 Connection มันคือการคุยกันระหว่าง 2
00:01:37 → 00:01:40 อวะคือลำไส้กับสมองผ่าน vegus nerve 2
00:01:40 → 00:01:44 อวัยวะนี้เนี่ยมีเซลล์สารสืบประสาทมากมาย
00:01:44 → 00:01:46 อย่างสมองของเราเนี่ยมีประมาณ 8,000 ล้าน
00:01:46 → 00:01:49 เซลล์ประสาทส่วนลำไส้ของเราเนี่ยมีประมาณ
00:01:49 → 00:01:51 500 ล้านเซลล์ประสาทเพราะฉะนั้นเนี่ยถ้า
00:01:51 → 00:01:53 หลายคนยังนึกภาพไม่ค่อยออกว่าเอ้ยมันคุย
00:01:53 → 00:01:56 กันยังไงใช่มครับยกตัวอย่างเช่นเวลาที่
00:01:56 → 00:01:59 เราตื่นเต้นมากๆเราจะกินอะไรไม่ค่อยลงอื
00:01:59 → 00:02:02 ใช่อ่ามีอาการอย่างอื่นมั้ยหมมอเอมี่ก็มี
00:02:02 → 00:02:04 นะเช่นเวลาเวลาแบบตื่นเต้นเยอะๆอย่าง
00:02:04 → 00:02:06 เงี้ยกินอะไรไม่ได้ปวดท้องอ่าหรือว่าเรา
00:02:06 → 00:02:08 ที่เราเครียดเราก็จะท้องเสียหรือเวลาที่
00:02:08 → 00:02:11 เหมืองหมอเนี่ยหิวมากๆหมอก็จะโมโหนะครับ
00:02:11 → 00:02:14 นี่คือยกตัวอย่างนะครับความสัมพันธ์
00:02:14 → 00:02:17 ระหว่างลำไส้กับสมองของเราลำไส้ของเรา
00:02:17 → 00:02:19 เนี่ยหลักๆคือจะมีจุลินทรีย์อยู่เยอะหรือ
00:02:19 → 00:02:21 ที่เราเรียกว่าโปรไบโอติกตัวโปรไบโอติก
00:02:21 → 00:02:24 เนี่ยจะผลิตสารสืบประสาทหลักๆตัวแรกยกตัว
00:02:24 → 00:02:26 อย่างเลยคือเรียกว่าเซโรโทนินเป็นสารแห่ง
00:02:26 → 00:02:30 ความสุขที่ทำให้เรานอนดีอิ่มและนอนหลับ
00:02:30 → 00:02:33 ตัวที่ 2 คือกาบ้ากาบ้าเนี่ยเป็นสารสืบ
00:02:34 → 00:02:36 ประสาทที่ทำให้เราผ่อนคลายไม่เครียดไม่
00:02:36 → 00:02:39 วิตกกังวลโรควิตกกังวลโรคเครียดบางทีอาจ
00:02:39 → 00:02:41 จะไม่เกิดจากสภาวะสิ่งแวดล้อมแต่เกิดจาก
00:02:41 → 00:02:45 ลำไส้งานวิจัยค้นพบว่าคนที่มีอาการปวด
00:02:45 → 00:02:47 ท้องแน่นท้องอาหารไม่ย่อยหรือขับถ่ายไม่
00:02:47 → 00:02:50 ปกติมักจะพบในคนที่เป็นโรควิตกกังวลโรค
00:02:50 → 00:02:52 เครียดมากกว่าคนทั่วไปก็เมื่อกี้ที่หมอ
00:02:52 → 00:02:54 จิมไม่พูดเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าเนาะกับโรค
00:02:54 → 00:02:56 วิตกกังวลนะก็เลยอยากพูดเกี่ยวกับฮอร์โมน
00:02:56 → 00:02:59 อีกตัวนึงที่ส่งผลกับโรคซุมเศร้ากับโรค
00:02:59 → 00:03:01 วิตกกังวลได้เยอะมากคือฮอร์โมนที่ชื่อว่า
00:03:01 → 00:03:03 คอร์ติโซนก็คือฮอร์โมนแห่งความเครียดใช่
00:03:03 → 00:03:05 ฮอร์โมนแห่งความเครียดเยอันนี้มีความ
00:03:05 → 00:03:07 สำคัญกับร่างกายมากเลยอันนี้ขอพูดก่อนว่า
00:03:07 → 00:03:10 ถ้าเรามีความเครียดในระยะเวลาสั้นๆน่ะใน
00:03:10 → 00:03:12 จุดเริ่มต้นน่ะมันจะทำให้ฮอร์โมน
00:03:12 → 00:03:14 คอร์ติโซนเนี่ยพึ่งพุ่งขึ้นสูงมากพอ
00:03:14 → 00:03:16 ฮอร์โมนคอร์ติโซนมันสูงขึ้นน่ะมันก็จะ
00:03:16 → 00:03:19 หลั่งสารเคมีต่างๆออกมามากมายใช่ป่ะทำให้
00:03:19 → 00:03:22 กัดไมโครไบโอมของเราเนาะหรือจุลินซีในล้ำ
00:03:22 → 00:03:24 ไส้อ่ะทำงานผิดเพี้ยนไปก็คือเครียดแล้วก็
00:03:24 → 00:03:27 กระทบในลำไส้เลยใช่ทำให้แบบว่าเอาที่เรา
00:03:27 → 00:03:29 บอกว่าเมื่อกี้มีอาการปลวดธงปวดท้องท้อง
00:03:29 → 00:03:31 เสียอะไรต่างๆนี่แหละพอมันทำให้จุนอินทรี
00:03:31 → 00:03:33 ทำงานผิดเพี้ยนไปอ่ะประเด็นคือมันเริ่มไป
00:03:33 → 00:03:35 กระทบกับสารอีกอันนึงที่ชื่อว่าเซโรโทนิน
00:03:35 → 00:03:39 ทำให้เซโรโทนินไม่สามารถสร้างหรือว่าส่ง
00:03:39 → 00:03:41 ไปถึงสมองได้ไม่ค่อยดีเพราะว่าคนเราส่วน
00:03:41 → 00:03:43 ใหญ่คิดว่าสทนสร้างในสมองแต่จริงๆแล้วมาก
00:03:43 → 00:03:46 กว่า 90% อ่ะสร้างในลำไส้คือสร้างจาก
00:03:46 → 00:03:48 จุลินทรียในลำไส้ของเราสร้างจากจุลินทรีย
00:03:48 → 00:03:50 ที่ดีในลำไส้ของเรานี่เองเนาะฉะนั้นทำให้
00:03:50 → 00:03:53 ว่าพอเราเนี่ยมีความเครียดมากขึ้นสาร
00:03:53 → 00:03:56 ฮอร์โมนไม่มีไม่สามารถสร้างออกมาได้ก็เลย
00:03:56 → 00:03:58 ทำให้เราเป็นโรคซึมเศร้าเนาะหรือเป็นโรค
00:03:58 → 00:04:01 เคดได้ง่ายนั่นเองแต่ว่าในทางกลับกันถ้า
00:04:01 → 00:04:03 เรามีเค้าเรียกว่าอะไรถ้าเรามีความเครียด
00:04:03 → 00:04:06 มากๆอ่ะแล้วรีโซมันสามารถสร้างไม่ได้มัน
00:04:06 → 00:04:09 คือสะสมมานานสะสมมานานมากพอมันสร้างไม่
00:04:09 → 00:04:11 ได้เนี่ยกลายเป็นว่าอันนี้คอิโซลก็เริ่ม
00:04:11 → 00:04:13 ต่ำไปพอคิซเริ่มต่ำไปอ่ะมันเป็นชื่อโรค
00:04:13 → 00:04:16 ที่ว่าอนฟหรือว่าต่อมหมวกไตอ่อนล้า
00:04:16 → 00:04:18 อันเนี้ยก็จะทำให้เราเกิดภาวะที่ว่าเป็น
00:04:18 → 00:04:21 ภูมิแพ้ง่ายเป็นหวัดง่ายติดเชื้อง่ายเนาะ
00:04:21 → 00:04:24 ฉะนั้นหสารฮอร์โมนอันเนี้ยก็เลยว่าเราอ่ะ
00:04:24 → 00:04:27 ควรจะทำงก็ได้ให้มันบาานอีกอันนึงเนาะที่
00:04:27 → 00:04:28 เมื่อกี้ที่พูดว่าเกี่ยวกับเซโรโทนินถูก
00:04:28 → 00:04:31 ป่ะเพราะว่าซนคนี้เนี่ยสร้างในลำไส้มันก็
00:04:31 → 00:04:33 เลยมีปัญหาที่ว่าคนไข้บางคนน่ะที่เป็นโรค
00:04:34 → 00:04:36 ความเครียดหรือวิตกกังวลเนี่ยอาจจะได้ยา
00:04:36 → 00:04:39 บางอย่างเนาะเข้าไปเช่นยายาลดเครียดเนาะ
00:04:39 → 00:04:41 ของทางการแพทย์เนี่ยแต่ว่าร่างกายเนี่ย
00:04:41 → 00:04:44 ไม่ค่อยตอบสนองไม่ค่อยดีเพราะว่าจริงๆ
00:04:44 → 00:04:46 แล้วเนี่ยอาจจะมีปัญหากับลำไส้มากกว่าก็
00:04:46 → 00:04:48 คือคุณยังไม่ได้ไปซ่อมลำไส้แต่คุณไปเผลอ
00:04:48 → 00:04:51 ได้ยาใช่อ่ามันเลยอาจจะทำให้แบบว่าเอออะไ
00:04:51 → 00:04:53 อาจจะทำให้การรักษาเนี่ยไม่ค่อยเห็นผล
00:04:53 → 00:04:55 ฉะนั้นเราเนี่ยก็เลยควรจะดูว่าลำไส้ของ
00:04:55 → 00:04:58 เราเนี่ยสร้างสารสลาทนินได้หรือเปล่า
00:04:58 → 00:05:00 เพราะว่าถ้าสร้างไม่ได้เราก็ยังแก้ไม่ถูก
00:05:00 → 00:05:03 จุดอืในหลายๆเคสอ่ะคนไข้ที่เป็นโรคซึม
00:05:03 → 00:05:06 เศร้าอ่ะแล้วก็ควรจะรักษาจากลำไส้เพราะ
00:05:06 → 00:05:09 ว่าอย่างมีเคสนึงเนาะของหมอก็มีคนไข้ที่
00:05:09 → 00:05:11 มารักษาบอกว่าเป็นซึมเศร้ามานานมากเข้า
00:05:11 → 00:05:13 อ่ะมีภาวะจากที่ว่าต้องดูแลคุณพ่อที่เป็น
00:05:13 → 00:05:16 โรคมะเร็งอ่ะมาเป็นระยะเวลานานทำให้เขา
00:05:16 → 00:05:18 รู้สึกซึมเศร้ามากคือมีความเครียดจากการ
00:05:18 → 00:05:21 ดูแลรักษาคุณพ่อจนเครียดมากตัวเองเป็นซึม
00:05:21 → 00:05:23 เศร้าแล้วก็ยใช่ก็แล้วก็ไปหาจิตแพทย์
00:05:23 → 00:05:25 เพราะว่าไม่รู้จะทำยังไงไงแต่ประเด็นคือ
00:05:25 → 00:05:28 พอให้ไปหาจิตแพทย์แล้วกินยาก็แล้วทำการ
00:05:28 → 00:05:30 ไซโคเปี้ก็แล้วอ่ะมันก็ดีขึ้นน่ะแต่มัน
00:05:30 → 00:05:32 ยังดีไม่สุดเพราะว่าเขายังนอนหลับได้ไม่
00:05:32 → 00:05:35 ค่อยดีคราวนี้พอนอนได้ไม่ดีแพร่ก็ให้ยายา
00:05:36 → 00:05:39 นอนหลับเนาะยานอนหลับอีกใช่ก็ปรากฏว่านอน
00:05:39 → 00:05:41 ได้แต่มันก็แบบไม่เฟรชอะไรอย่างเงี้ยคราว
00:05:41 → 00:05:43 นี้เขาก็เลยสังเกตว่าเออเขาคอ่ะยังมีภวะ
00:05:43 → 00:05:46 แบบปวดท้องง่ายท้องเสียง่ายก็เลยมาปรึกษา
00:05:46 → 00:05:48 แล้วก็เลยเจอว่าจริงๆแล้วคนไข้อ่ะมี
00:05:48 → 00:05:50 เรื่องแบบว่าอ่ะภูมิแพ้อาหารแฝงค่อนข้าง
00:05:50 → 00:05:53 เยอะแบบว่าเเกินพวกนมไม่ได้กินพวกกูเลไม่
00:05:54 → 00:05:56 ได้อย่างเงี้ยพอเราตรวจเจอเราก็เลยให้คน
00:05:56 → 00:05:58 ไข้เนี่ย avo หรือว่าหลีกเลี่ยงอาหาร
00:05:58 → 00:05:59 เหล่านั้นไปแล้วก็เสริมสร้างสร้าง
00:05:59 → 00:06:02 โพรไบโอติกให้คนไข้เนาะปรากฏว่าคนไข้กลับ
00:06:02 → 00:06:04 มานอนได้ดีขึ้นรู้สึกว่าเอออารมณ์แจ่มใส
00:06:04 → 00:06:06 ขึ้นรู้สึกดิลกับปัญหาตัวเองได้คือลำไส้
00:06:06 → 00:06:09 เขาดีขึ้นใช่ทำให้มันไปลดอาการของทำให้ลด
00:06:09 → 00:06:12 อาการซึมเศร้าได้เพราะว่าสารในลำไส้เขา
00:06:12 → 00:06:15 เองอ่ะสามารถสร้างสนนได้เองเป็นต้นอีก
00:06:15 → 00:06:17 ประเด็นนึงอ่ะที่น่าสนใจมากเกี่ยวกับกัด
00:06:17 → 00:06:19 Brain Acid อ่ะก็คือว่าความสัมคัญของลำ
00:06:19 → 00:06:22 ไส้เกี่ยวกับโรคออทิสติกในเด็กเพราะว่าใน
00:06:22 → 00:06:25 การแพทย์อ่ะในงานวิจัยเราเจอว่า 84% ของ
00:06:25 → 00:06:27 เด็กที่เป็นออทิสติกอ่ะมีปัญหาเรืื่องลำ
00:06:27 → 00:06:30 ไส้หมดเลยไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปวดทอท้อง
00:06:30 → 00:06:32 เสียถ่ไม่ออกหรืออาหารไม่ย่อยอะไรแบบ
00:06:32 → 00:06:34 เนี้ยเพราะว่าเด็กเหล่าเนี้ยมีปัญหาพวก
00:06:34 → 00:06:36 นี้ทางการแพทย์เลยก็เลยทำงานวิจัยว่าจะ
00:06:36 → 00:06:38 รักษาเด็กกลุ่มเหล่านี้ยังไงอันดับแรกก็
00:06:39 → 00:06:41 คืออาจจะเป็นการปรับอาหารการกินเนาะการ
00:06:41 → 00:06:44 ที่ให้โปรไบโอติกเสริมสร้างจุรินทรีที่ดี
00:06:44 → 00:06:46 แล้วก็มากกว่านั้นเนี่ยยังมีการทดลองอีก
00:06:46 → 00:06:49 ว่าถ้าเราสามารถเอาอุจจาระอ่ะของคนไข้อ่ะ
00:06:49 → 00:06:51 ไปตรวจแล้วเจอว่าอุจจาระเขาไม่ดีใช่ป่ะ
00:06:52 → 00:06:54 คราวนี้เราก็เลยให้โดนอเนาะหรือคนที่
00:06:54 → 00:06:56 บริจาคอุจจาระแต่เป็นโดเนอร์ที่เเหมือน
00:06:56 → 00:06:58 กับว่าไม่ได้เป็นโรคนะเเราเอาอุจจระดี
00:06:59 → 00:07:02 อุจจระที่สะอาดผาดห้องแลบเนี่ยอ่ะในการ
00:07:02 → 00:07:05 วิจัยใส่เข้าไปในลำไส้ของเด็กที่มีปัญหา
00:07:05 → 00:07:09 ใส่เข้าไปอ๋อโดยใช้อุปกร์ทางการแพงการแพท
00:07:09 → 00:07:11 ใส่เข้าไปให้เรียบร้อยในตัวเด็กให้เรียบ
00:07:11 → 00:07:13 ร้อยแล้วก็เลยเจอว่าเด็กเหล่านั้นน่ะ
00:07:13 → 00:07:16 อาการปวดท้องท้องเสียต่างๆอ่ะลดลงแล้วก็
00:07:16 → 00:07:18 ทำให้อาการของเขาที่มีอิสติอ่ะไม่ว่าจะ
00:07:19 → 00:07:21 เป็น AD HD อะไรเหล่าเนี้ยดีขึ้นได้เออ
00:07:21 → 00:07:24 เมื่อกี้หมอยมีพูดถึงเรื่องของ adh หรือ
00:07:24 → 00:07:27 เรียกว่าภาวะสมาธิสั้นจริงๆเนี่ยก็เจอหมอ
00:07:27 → 00:07:30 จิมมี่ก็เจอเคสเหมือนกันก็คือว่าตัวคน
00:07:30 → 00:07:32 เป็นแม่เนี่ยพาพาลูกมาแล้วลูกเนี่ยน่าจะ
00:07:32 → 00:07:35 เป็น adhd ซึ่งพอเราซักประวัติไปเรื่อยๆ
00:07:35 → 00:07:37 สังเกตได้ว่าคือภาวะเนี้ยมันอาจจะเริ่ม
00:07:37 → 00:07:39 ต้นตั้งแต่ตอนที่คุณแม่ตั้งครรภ์เลยซะ
00:07:39 → 00:07:41 ด้วยซ้ำเพราะฉะนั้นเนี่ยโภชนาการหรือ
00:07:41 → 00:07:45 อาหารการกินหรือภาวะลำไส้ของคนเป็นแม่ตอน
00:07:45 → 00:07:48 ก่อนท้องหรือตอนท้องเป็นอะไรที่สำคัญมาก
00:07:48 → 00:07:51 เพราะจุลินทรีย์ในตัวแม่ลำไส้ของคุณแม่
00:07:51 → 00:07:54 มันก็ส่งผ่านจุลินทรีย์ของแม่เข้ากับดูก
00:07:54 → 00:07:57 ลูกใช่ตัวเด็กทารกเหมือนกันพอแม่เนี่ยเขา
00:07:57 → 00:07:59 ไม่ได้รักษาเาก็ไม่ได้รู้เนาะว่าลำไส้มัน
00:07:59 → 00:08:02 สัมพันธ์กับเรื่องของสมองขนาดไหนพอเด็กคน
00:08:02 → 00:08:04 เนี้ยเกิดมาแล้วเนี่ยปรากฏว่าเขามีภาวะ
00:08:04 → 00:08:06 ที่เป็นสมาธิสั้นเราก็เลยเอาอุจจาระของ
00:08:06 → 00:08:09 เขาอ่ะไปตรวจแล้วมันเจอว่าเออเขามีเชื้อ
00:08:09 → 00:08:11 เนาะโดยเฉพาะเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรีย
00:08:11 → 00:08:14 อื่นๆที่มันไม่สมดุลในร่างกายะกันและเด็ก
00:08:14 → 00:08:17 เนี่ยเด็กทุกคนชอบกินขนมเสชอบกินของหวาน
00:08:17 → 00:08:19 เพราะฉะนั้นอาหารพวกเมันยิ่งไปส่งเสริม
00:08:20 → 00:08:22 ให้เชื้อพวกเมันเยอะมากขึ้นและเจริญเติบ
00:08:22 → 00:08:25 โตในลำไส้ของเขาจนสุดท้ายเนี่ยมันก็เลยไป
00:08:25 → 00:08:28 ส่งผลกระทบต่อสารสืบประสาทและในสมองเขา
00:08:28 → 00:08:30 นั่นเองเป็นเป็นเคสที่นน่าสนใจมากครับอืม
00:08:30 → 00:08:32 จริงแล้วตอนนี้ติกเา้าดีขึ้นมยก็ค่อยๆดี
00:08:32 → 00:08:34 ขึ้นเพราะเราเริ่มปรับเปลี่ยนอาหารเนาะ
00:08:34 → 00:08:37 เราเริ่ม่าเชื้อต่างๆที่อยู่ในลำไส้ของ
00:08:37 → 00:08:39 เราเชื้อไม่ดีเอาออกก่อนนะครับแล้วก็หลัง
00:08:40 → 00:08:42 จากนั้นเนี่ยส่งเสริมด้วยโปรไบโอติกกลับ
00:08:42 → 00:08:45 เข้าไปหรือจุลินซีดีๆที่มันทำให้การดูด
00:08:45 → 00:08:48 ซึมหรือว่าส่งเสริมสารสื่อประสาทในสมอง
00:08:48 → 00:08:50 เขาดีมากขึ้นก็แปลว่าโบติกเนี่ยสามารถกิน
00:08:50 → 00:08:52 ได้ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่เลยอ่าใช่ๆ
00:08:52 → 00:08:54 ครับแต่ว่าดสอาจจะต้องมาดูอีกทีว่าโดส
00:08:54 → 00:08:57 สำหรับเด็กเนี่ยควรกินระดับไหนหรือว่าตัว
00:08:57 → 00:09:00 ไหนที่เหมาะสมสำหรับตัวเขาโบติกมันมีเยอะ
00:09:00 → 00:09:02 มากเนาะในตลาดนะครับเราก็เลือกตัวที่ดี
00:09:02 → 00:09:05 แล้วกันทีนี้เราก็รู้แล้วว่าลำไส้เนี่ย
00:09:05 → 00:09:07 เป็นอวัยวะที่สำคัญและส่งผลต่อสมองหมอ
00:09:07 → 00:09:10 เอมมี่มีคำแนะนำในการดูแลรักษาสุขภาพลำ
00:09:10 → 00:09:12 ไส้เรายังไงบ้างอ่ะครับอันนี้ก่อนอื่นก็
00:09:12 → 00:09:15 ต้องขอบอกก่อนว่าถ้าเรามีปัญหาลำไส้เนาะ
00:09:15 → 00:09:17 ก็อาจจะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญนะคะหรือแพทย์
00:09:17 → 00:09:19 ก่อนว่าเรามีอาการเหล่าเนี้ยควรจะทำยังไง
00:09:20 → 00:09:22 ซึ่งส่วนมากโดยทางการแพทย์เองอ่ะเราก็จะ
00:09:22 → 00:09:24 แนะนำให้คนไข้มีการตรวจก่อนเพราะว่าถ้า
00:09:24 → 00:09:26 สมมุติว่าเราบอกอาการมาใช่มยแล้วเราไม่
00:09:26 → 00:09:28 ตรวจอ่ะเราก็อาจจะรักษาไม่ถูกจุดฉะนั้น
00:09:28 → 00:09:31 เวลาการตรวจของทางการแพทย์เราก็จะตรวจ 1
00:09:31 → 00:09:33 อาจจะมีการตรวจอุจจาระตรวจปัสสาวะแล้วก็
00:09:33 → 00:09:36 ตรวจเลือดของคนไข้ได้เช่นว่าถ้าเราตรวจ
00:09:36 → 00:09:38 อุจจาระมาเนี่ยเราก็เจอว่าเอ้ยคนไข้แบบมี
00:09:38 → 00:09:40 แบบว่าเชื้อแบคทีเรียเยอะมากเลยหรือว่า
00:09:40 → 00:09:42 เชื้อลาเยอะมากเนี่ยหมออาจจำเป็นต้องให้
00:09:43 → 00:09:45 ยาฆ่าสิ่งเหล่านั้นก่อนเพื่อที่จะปรับ
00:09:45 → 00:09:47 สมดุลลำไส้พอฆ่าเสร็จแล้วเนี่ยเราอาจจะ
00:09:47 → 00:09:50 ให้เชื้อแบคทีเรียที่ดีหรือว่าโพรไบโอติก
00:09:50 → 00:09:52 ที่ดีเข้าไปแทนเพื่อเสริมสร้างจุดินทรที่
00:09:52 → 00:09:55 ดีในลำไส้เป็นตฆ่าก่อนแล้วเราค่อยไปเสริม
00:09:55 → 00:09:56 ใช่ฆ่าก่อนแล้วค่อยเสริมอันนี้ก็จะทำให้
00:09:56 → 00:09:59 ปรับสมดุลของคนไขได้ง่ายขึ้นอันดับ 2 เลย
00:09:59 → 00:10:02 เนี่ยก็คือว่าถ้าเราตรวจเลือดด้วยถ้าคน
00:10:02 → 00:10:04 ไข้ตรวจเลือดด้วยบางทีเนี่ยเราอาจจะ
00:10:04 → 00:10:06 สามารถเจอได้ว่าคนไข้อ่ะควรหรือไม่ควรกิน
00:10:06 → 00:10:09 อาหารอะไรเช่นว่าคนไข้คนเนี้ยแพ้นมเนาะ
00:10:10 → 00:10:12 แพ้กูทนเป็นต้นถ้าคนไข้แพ้สิ่งเหล่าเนี้ย
00:10:12 → 00:10:15 ก็ต้องมีการหยุดเนาะหรือหลีกเลี่ยงไม่ให้
00:10:15 → 00:10:17 กินสิ่งเหล่านั้นเพราะว่าถ้าไม่หลีก
00:10:17 → 00:10:19 เลี่ยงเลยมันก็จะมีสารก่อให้เกิดการ
00:10:19 → 00:10:21 อักเสบตลอดเวลาก็คือเรากินเข้าไปแล้วมัน
00:10:21 → 00:10:24 ก็ไปเพิ่มการอักเสบของลำไส้ของเราทำให้ลำ
00:10:24 → 00:10:26 ไส้ยิ่งแปปวนเข้าไปอดียิ่งแปป่วนได้ง่าย
00:10:26 → 00:10:28 ขึ้นหรือว่ามีอาการท้องเสียท้องอืดได้
00:10:28 → 00:10:30 ง่ายขึ้นคนข้างก็จะไม่ไม่ค่อยสุขสบาย
00:10:30 → 00:10:32 ฉะนั้นการหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่าเนี้ยก็คือ
00:10:32 → 00:10:34 ต้องหลีกเลี่ยง 3 เดือนถึง 6 เดือนแต่ว่า
00:10:34 → 00:10:36 คนไข้บางคนน่ะอาจจะแพ้ตั้งแต่เกิดจริงๆ
00:10:36 → 00:10:39 คือเคไม่มีสารย่อยนั้นตั้งแต่เกิดใช่อาจ
00:10:39 → 00:10:40 จะไม่มีสารย่อยนั้นหรือเป็นจักพันธุกรรม
00:10:40 → 00:10:42 ที่มีปัญหาริงๆเงี้ยเกี่ยวกับกูทนอย่าง
00:10:42 → 00:10:44 เงี้ยคนไข้บางคนอาจจะเป็นโรคที่ชื่อว่า
00:10:44 → 00:10:47 cac disease โรคในลำไส้ที่ก็กินพอกิน
00:10:47 → 00:10:50 กูทเข้าไปแล้วลำไส้อักเสบถ่ายท่องเสีย
00:10:50 → 00:10:52 ตลอดเวลาเป็นต้นฉะนั้นคนไข้กุเหลเก็ต้อง
00:10:52 → 00:10:54 avoid อันนี้ตลอดชีวิตเลยนะหรืออาจจะมี
00:10:54 → 00:10:56 แบบชีท Day ได้บ้างเล็กน้อยแค่เท่านั้น
00:10:56 → 00:10:58 แต่ดีที่สุดก็คือ avoid นะคะหรือการหลีก
00:10:58 → 00:11:01 เลี่ยงน่นเองอันที่ 3 นี่ก็คือว่าการดู
00:11:01 → 00:11:03 ปัสสาวะเนาะการดูปัสสาวะนี่ก็ดูได้หลาย
00:11:03 → 00:11:06 อย่างไม่ว่าจะเป็นแบบว่าเอาความสมดุลของ
00:11:06 → 00:11:08 ลำไส้เองเนาะหรือว่าความเครียดที่เมื่อ
00:11:08 → 00:11:10 กี้เราคุยกันว่าสมองกับลำไส้เมีความ
00:11:10 → 00:11:13 เครียดยังไงดาด้วใช่มันดูสารสื่อประสาท
00:11:13 → 00:11:15 ได้ด้วยพอเราดูสารสื่อประสาทแล้วเนี่ยเรา
00:11:15 → 00:11:17 ก็รู้ว่าเอ๊ะถ้าคนไข้มีความเครียดอาจจะ
00:11:17 → 00:11:19 ต้องแก้ความเครียดด้วยนะแล้วก็มา manage
00:11:19 → 00:11:21 เนาะหรือจัดการเรื่องในลำไส้แล้วมันมี
00:11:21 → 00:11:23 วิตามินหรืออาหารเสริมอะไรบ้างที่มันไป
00:11:23 → 00:11:25 ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันหรือว่าลดการอักเสบ
00:11:25 → 00:11:27 ในลำไส้มอุ๊ยอันนี้ก็มีเยอะมากเนาะของ
00:11:27 → 00:11:29 บ้านลอย่างเมื่อกี้ที่เราเคยเกรินไปแล้ว
00:11:29 → 00:11:31 ว่าอจริงๆแล้วพวกขมิ้นน่ะค่ะหรือว่าสาร
00:11:31 → 00:11:33 ที่ชื่อว่าเคมินน่ะก็สามารถช่วยลดการ
00:11:33 → 00:11:36 อักเสบได้เนาะการที่เราให้จุลินทรีย์ดีๆ
00:11:36 → 00:11:37 ต่างๆเมื่อกี้ที่เราพูดไปแล้วก็เช่นเดียว
00:11:37 → 00:11:40 กันอีกอันนึงก็คือเป็นพวกแร่ธาตุเนาะแร่
00:11:40 → 00:11:43 ธาตุโดยเฉพาะซิงค์อ่ะค่ะหรือสังกสีเนี่ย
00:11:43 → 00:11:44 ซิงค์เนี่ยสามารถช่วยผิวหนังได้อย่างที่
00:11:44 → 00:11:46 เราบอกว่าอยากผิวดีคุณต้องกินซิงค์อยาก
00:11:46 → 00:11:48 ภูมิดีคุณต้องกินซิงค์ใช่ป่ะลำไส้ก็
00:11:48 → 00:11:50 เหมือนกันลำไส้ก็เป็นเยื่อบุชนิดนึงเนาะ
00:11:51 → 00:11:53 พอเรากินซิงค์เข้าไปโดยสารที่ชื่อว่าซิง
00:11:53 → 00:11:56 คาซีเนี่ยจะทำให้ลำไส้มันพผสานได้เร็ว
00:11:56 → 00:11:59 ขึ้นเนาะไม่มีรูก็เลยทำให้แว่าการอักเสบ
00:11:59 → 00:12:01 อะไรอย่างเงี้ยมันลดลงและอีกอันนึงที่
00:12:01 → 00:12:04 สำคัญมากก็คือโปรตีนโปรตีนที่ชื่อว่ากลูน
00:12:04 → 00:12:07 นะอมินแอซิดเนี่ยสำคัญมากเพราะว่าถ้าเรา
00:12:07 → 00:12:09 โปรตีนไม่ถึงอะไรไม่ถึงอทำให้เกิดภาวะลำ
00:12:09 → 00:12:11 ไส้อักเสบได้ค่อนข้างง่ายฉะนั้นทุกอย่าง
00:12:11 → 00:12:14 เนี่ยก็ต้องปรับเปลี่ยนทั้งหมดเลยเนาะไม่
00:12:14 → 00:12:16 ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเรื่อง
00:12:16 → 00:12:18 ความเครียดเงี้คะอาหารบางอย่างที่กินได้
00:12:18 → 00:12:20 กินไม่ได้เป็นต้นเนาะแล้วก็ที่สำคัญต้อง
00:12:20 → 00:12:22 ออกกำลังกายด้วยเพราะว่าถ้าคุณไม่ออก
00:12:22 → 00:12:24 กำลังกายแน่นอนว่าว่ามันก็ทำให้คุณภูมิ
00:12:24 → 00:12:26 ไม่ดีอาแล้วก็ลำไส้การเคลื่อนไหวอาจจะไม่
00:12:26 → 00:12:29 ค่อยดีด้วยเช่นเดียวกันและนี่คือ doct
00:12:29 → 00:12:32 Talk podcast ที่หมอและผู้เชี่ยวชาญทาง
00:12:32 → 00:12:34 ด้านสุขภาพจะมาพูดคุยประเด็นเรื่องสุขภาพ
00:12:34 → 00:12:37 ต่างๆถ้าชอบคทนแนวนี้ฝากติดตามและ
00:12:37 → 00:12:39 Subscribe เป็นกำลังใจให้หมอ 2 คนด้วยนะ
00:12:40 → 00:12:42 ครับแล้วเราเจอกันใน EP หน้าสวัสดีครับ
00:12:42 → 00:12:45 สวัสดีค่ะ