00:00:00 → 00:00:02 สตก็คือโรคหลอดเลือดสมองนั่นเองเส้นเลือด
00:00:02 → 00:00:03 ตีบเส้นเลือดอุตันเป็นแล้วเนี่ยมันมี
00:00:04 → 00:00:06 โอกาสที่กลายเป็นคนไข้ติดเตียงหลายคนอาจ
00:00:06 → 00:00:10 จะยังไม่ค่อยรู้ยังอยู่ภายใน 4 ชมครึเวลา
00:00:10 → 00:00:12 คือสิ่งที่สำคัญที่สุดของการรักษาเส้น
00:00:12 → 00:00:13 เลือดตีบเนาะถ้ายิ่งเราปล่อยเวลาให้นาน
00:00:14 → 00:00:16 เท่าไหร่คนไข้จะมีโอกาสเกิดอัมพฤตอัมพา
00:00:16 → 00:00:18 ถาวรมากยิ่งขึ้นเท่านั้นนะคะเนาะเป็น
00:00:18 → 00:00:22 Stroke นะคะรีบรู้รีบรักษายังหายได้นะคะ
00:00:22 → 00:00:25 เนาะสกคืออะไรนะคะสตก็คือโรคหลอดเลือด
00:00:25 → 00:00:27 สมองนั่นเองนะคะซึ่งจริงๆเนี่ยมันก็จะ
00:00:27 → 00:00:30 แบ่งออกเป็นกลุ่มที่ขาดเลือดก็คือเส้น
00:00:30 → 00:00:32 เลือดตีบหรือว่าเส้นเลือดอุตันนะคะแล้วก็
00:00:32 → 00:00:35 กลุ่มเส้นเลือดแตกนะคะเนาะในวันนี้นะคะ
00:00:35 → 00:00:37 หมอจะขอพูดถึงโฟกัสเฉพาะเรื่องกลุ่มขาด
00:00:37 → 00:00:39 เลือดนะคะก็คือเป็นเส้นเลือดตีบหรือว่า
00:00:39 → 00:00:41 เส้นเลือดอุตตันเท่านั้นนะคะเนาะเพราะว่า
00:00:41 → 00:00:45 มันจะมีวิธีการรักษาที่คนหลายคนอาจจะยัง
00:00:45 → 00:00:48 ไม่ค่อยรู้นะคะว่าเอ๊ะทำไมเราต้องรีบรีบี
00:00:48 → 00:00:52 ไปโรงพยาบาลรีบแล้วจะได้ทำอะไรนะคะเนาะ
00:00:52 → 00:00:54 ซึ่งจริงๆเลยเนี่ยเอ่อหมอว่าประสบการณ์
00:00:54 → 00:00:57 ของคุณหมอสมองหลายๆท่านหรือว่าคุณหมอที่
00:00:57 → 00:01:00 มีโอกาสได้ดูแลคนไข้อ่ะจะรู้ว่าโลกสก
00:01:00 → 00:01:02 เนี่ยเป็นอะไรที่แบบคนไม่อยากเป็นมากที่
00:01:02 → 00:01:05 สุดนะคะหลายๆคนเวลามาตรวจก็จะชอบบอกว่า
00:01:05 → 00:01:08 เนี่ยแบบเอ่อชาน่ากลัวเป็นเส้นเลือดอุตัน
00:01:08 → 00:01:10 ปวดหัวกลัวเป็นเส้นเลือดอุตันเวียนหัวจะ
00:01:10 → 00:01:13 เส้นเลือดอุตันมนะคะมันเป็นโรคที่ใครๆก็
00:01:13 → 00:01:15 กลัวเนาะไม่อยากเป็นเพราะว่ารู้ว่าถ้า
00:01:15 → 00:01:17 เป็นแล้วเนี่ยมันมีโอกาสที่อาจจะเกิด
00:01:17 → 00:01:20 อัมพฤตอัมพาถาวรแล้วกลายเป็นคนไข้ติด
00:01:20 → 00:01:23 เตียงก็ไม่อยากเป็นภาระลูกหลานนะคะเนาะที
00:01:23 → 00:01:25 นี้คนส่วนใหญ่ก็จะถามว่าเนี่ยหมอมีวิธี
00:01:25 → 00:01:27 ป้องกันยังไงมั้ยคะเราจะรู้ได้ยังไงคะว่า
00:01:27 → 00:01:30 เราจะเป็นสตกมั้ยเราจะมียาอะไรมั้ยคะนะคะ
00:01:30 → 00:01:33 เนาะซึ่งจริงๆเนี่ยคำตอบตรงเนี้ยหมอว่า
00:01:33 → 00:01:34 ส่วนใหญ่คนทุกคนน่ะรู้หมดอยู่แล้วว่าถ้า
00:01:34 → 00:01:36 ไม่อยากเป็นเนี่ยคือเราต้องคุมปัจจัย
00:01:36 → 00:01:38 เสี่ยงให้ดีก็คือปัจจัยของการที่หลอด
00:01:38 → 00:01:40 เลือดเราจะตีบหรือว่าตันได้นะคะซึ่ง
00:01:40 → 00:01:43 ปัจจัยเสี่ยงใครๆก็รู้นะก็คือเบาหวานความ
00:01:43 → 00:01:46 ดันไขมันในเลือดสูงนะคะการสูบบุหรี่นะคะ
00:01:46 → 00:01:49 โรคอ้วนการไม่ออกกำลังกายอะไรต่างๆรวมไป
00:01:49 → 00:01:51 ถึงอายุที่มากขึ้นหรือว่าเรื่องของ
00:01:52 → 00:01:55 พันธุกรรมด้วยนะคะเนาะซึ่งปัจจัยเสี่ยง
00:01:55 → 00:01:56 ตรงเนี้ยมันเหมือนเป็นอะไรที่แบบทุกคนรู้
00:01:56 → 00:01:58 อยู่แล้วล่ะว่าเราต้องคุมให้ดีเพราะถ้า
00:01:58 → 00:02:01 เกิดคุมไม่ดีอ่ะมันก็จะเกิดโรคต่างๆตามมา
00:02:01 → 00:02:03 ได้จริงๆก็ไม่ใช่แค่เส้นเลือดสมองตีบนะคะ
00:02:03 → 00:02:06 โรคหัวใเส้นเลือดหัวใจตีบหรือว่าโรคอื่นๆ
00:02:06 → 00:02:09 อีกโรคไตโรคอะไรต่างๆนะคะเนาะทีนี้ถามว่า
00:02:09 → 00:02:11 เรารู้อยู่แล้วแหละว่าเราต้องคุมปัจจัย
00:02:11 → 00:02:13 เสี่ยงแล้วเราก็พยายามคุมให้มันดีที่สุด
00:02:13 → 00:02:15 อยู่ละหรือว่าโอเคอาจจะคุมได้ไม่ได้บ้าง
00:02:15 → 00:02:18 ก็ตามส่วนใหญ่แล้วเนี่ยคนจะรู้แค่ตรง
00:02:18 → 00:02:21 เนี้ยว่าคุมปัจจัยเสี่ยงนะจะได้ไม่เกิด
00:02:21 → 00:02:23 แต่คนส่วนใหญ่อ่ะไม่รู้ว่าแล้วถ้ามันเกิด
00:02:23 → 00:02:25 ขึ้นมาจริงๆแล้วเพราะว่าต่อให้เราคุม
00:02:25 → 00:02:26 ปัจจัยเสี่ยงดีแค่ไหนก็ตามอ่ะค่ะมันจะมี
00:02:27 → 00:02:28 ปัจจัยเรื่องของพันธุกรรแล้วก็อายุที่เรา
00:02:28 → 00:02:31 คุมไม่ได้เพราะฉะนั้นเนี่ยคนทุกคนมีโอกาส
00:02:31 → 00:02:34 ที่อาจจะมีการเกิดเส้นเลือดสมองตีบเชียร
00:02:34 → 00:02:36 พันธุ์ขึ้นมานะคะซึ่งเราไม่รู้ว่าเนี่ย
00:02:36 → 00:02:40 เป็นแล้วนะแล้วมักจะไปโรงพยาบาลไม่ทันการ
00:02:40 → 00:02:42 รักษานะคะเนาะวันนี้หมอก็เลยอยากจะมา
00:02:42 → 00:02:44 โฟกัสตรงเนี้ยว่าเอ่อถ้าเกิดเราสงสัยว่า
00:02:44 → 00:02:47 เราจะเป็นสตกจริงๆเนี่ยแล้วทำไมเราต้อง
00:02:47 → 00:02:50 รีบไปโรงพยาบาลรีบแค่ไหนกี่ชั่วโมงกี่
00:02:50 → 00:02:53 นาทีนะคะทำไมต้องเป็นแบบนั้นนะคะเพราะว่า
00:02:53 → 00:02:57 มีการรักษาอะไรนะคะซึ่งเอ่อก็จะมาอธิบาย
00:02:57 → 00:02:59 ถึงเรื่องของการรักษาเส้นเลือดสมองตีบ
00:02:59 → 00:03:01 เชียเียบพันธ์ในปัจจุบันที่มีให้ฟังนะคะ
00:03:01 → 00:03:04 คร่าวๆนะคะฟังไว้เป็นความรู้ไว้เพราะว่า
00:03:04 → 00:03:07 เวลาเราเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆเนาะคนส่วน
00:03:07 → 00:03:11 ใหญ่ก็จะแบบตกใจว่าแบบทำอะไรไม่ถูกนะคะ
00:03:11 → 00:03:12 แล้วยิ่งแบบถ้าเกิดเกิดเรื่องขึ้นมาปุ๊บ
00:03:12 → 00:03:15 ไปถึงโรงพยาบาลคุณหมออธิบายอะไรตอนนั้นก็
00:03:15 → 00:03:18 คือไม่ฟังละนะคะมันเหมือนแบบชัดดาวน์ไม่
00:03:18 → 00:03:21 สามารถแบบตัดสินใจหรืออะไรได้นะคะเพราะ
00:03:21 → 00:03:23 ฉะนั้นเรารู้ไว้ก่อนนะคะไม่ให้เกิดอ่ะดี
00:03:23 → 00:03:25 ที่สุดแต่ถ้าเกิดเราก็ควรจะรู้ว่าเราจะ
00:03:25 → 00:03:28 รับมือกับมันได้ยังไงนะคะเนาะซึ่งการ
00:03:28 → 00:03:29 รักษาเส้นเลือดสมองตีบเฉียบพันนะคะ
00:03:30 → 00:03:32 ปัจจุบันเลยนะคะเวลาแบบถ้าเป็นเกิดกรณี
00:03:32 → 00:03:35 ที่มันเกิดแบบปุ๊บเฉียบพันธขึ้นมาไปถึง
00:03:35 → 00:03:37 โรงพยาบาลนะคะคุณหมอเขาจะพิจารณาอะไรนะคะ
00:03:38 → 00:03:41 ก็จะผพิจารณาการรักษาอยู่ 2 อย่างนะคะอัน
00:03:41 → 00:03:44 แรกคือเรื่องของการให้ยาละลายลิ่มเลือดนะ
00:03:44 → 00:03:46 คะแล้วก็อันที่ 2 นะคะก็คือเรื่องของการ
00:03:46 → 00:03:49 ใส่สายสวนนะคะเข้าไปลากลิ่มเลือดที่มัน
00:03:49 → 00:03:52 อุดตันเลยนะคะเนาะซึ่งเดี๋ยวหมอจะอธิบาย
00:03:52 → 00:03:54 ให้ฟังแต่ละว่าแต่ละอันคืออะไรใครทำได้
00:03:54 → 00:03:57 บ้างเหมาะกับใครนะคะแล้วก็ใครที่มีข้อ
00:03:58 → 00:04:00 ห้ามหรือว่าอะไรยังไงบ้างนะคะเนาะมาฟัง
00:04:00 → 00:04:02 อันแรกกันก่อนเลยนะคะอันแรกก็คือเรื่อง
00:04:02 → 00:04:06 ของการให้ยาละลายลิ่มเลือดนะคะเนาะเอ่อคน
00:04:06 → 00:04:08 ส่วนใหญ่จะนึกภาพไม่ออกว่าให้ยาละลายลิ่ม
00:04:08 → 00:04:10 เลือดคืออะไรนะคะยาละลายลิ่มเลือดนะคะก็
00:04:10 → 00:04:13 คือหน้าตาก็จะเป็นแบบเนี้ยก็คือเป็นขวดยา
00:04:13 → 00:04:15 นี่แหละเหมือนเวลาเราให้ยาฆ่าเชื้อหรือ
00:04:15 → 00:04:17 อะไรนะคะก็คือมันจะมาในรูปแบบฟอร์มที่
00:04:17 → 00:04:21 เป็นผงยานะคะซึ่งก็ต้องผสมกับน้ำเกลือ
00:04:21 → 00:04:23 แล้วก็จะฉีดฉีดเข้าเอ่อตัวขวดน้ำเกลือ
00:04:23 → 00:04:26 แล้วก็ให้ให้เข้าทางหลอดเลือดดำนะคะซึ่ง
00:04:26 → 00:04:29 ตัวยาเนี่ยตามชื่อเข้าเลยค่ะก็คือยาละลาย
00:04:29 → 00:04:31 ลิ่มึเลือดนะคะหรือว่าภาษาอังกฤษเราจะ
00:04:31 → 00:04:34 เรียกกันว่า rtpa นะคะเนาะซึ่งย่อมาจาก
00:04:34 → 00:04:36 recombinant tissue plasminogen
00:04:36 → 00:04:38 activator นะคะจริงๆก็ไม่ต้องรู้ตรงนี้
00:04:38 → 00:04:40 ก็ได้นะคะแต่ว่าหลายคนก็จะรู้จักแล้วนะ
00:04:40 → 00:04:42 ถ้าเกิดมีญาติหรือมีคนใกล้ตัวเป็นน่ะจะ
00:04:42 → 00:04:44 รู้ว่าอ๋อมันมีการให้ยาละลายลิ่มเลือด
00:04:44 → 00:04:48 rtpa อันเนี้ยค่ะเนาะหลักๆเลยยาไปทำอะไร
00:04:48 → 00:04:51 นะคะก็คือไปสลายลิ่มเลือดที่มันจะไปอุด
00:04:51 → 00:04:53 ตันเส้นเลือดเราที่ไปเลี้ยงสมองนั่นเองนะ
00:04:53 → 00:04:56 คะเนาะเดี๋ยวหมอจะขออนุญาตยกตัวอย่าง
00:04:56 → 00:04:58 วดีโออันนี้ให้ดูนะคะขออนุญาตใช้วีดีโอ
00:04:59 → 00:05:01 จากที่เค้าเอ่อทำมาค่อนข้างดีอยู่แล้วนะ
00:05:01 → 00:05:03 คะเดี๋ยวเปิดให้ดูนะว่าการเกิดการที่เรา
00:05:03 → 00:05:06 จะมีเส้นเลือดตีบอุดตันเนี่ยมันเกิดขึ้น
00:05:06 → 00:05:08 ได้ยังไงแล้วยามันไปทำอะไรนะคะเดี๋ยวลอง
00:05:08 → 00:05:12 ดูไปดูวีีดีโอกันนะคะแล้วเดี๋ยวอธิบาย
00:05:12 → 00:05:17 ค่ะโอเคอันนี้นะคะก็อันนี้ตั้งแต่แรกเลย
00:05:17 → 00:05:20 เนาะเดี๋ยวอันแหละอ่าเดี๋ยวขอตขอตั้งแต่
00:05:20 → 00:05:22 แรกใหม่ได้มั้ย
00:05:22 → 00:05:26 คะอ่าอันนี้นะคะจะเห็นมยคะว่าทุกอันนะคะ
00:05:26 → 00:05:29 เขาจะโปรโมทนะว่า Time each Brain นะคะ
00:05:30 → 00:05:31 เวลาคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของการรักษา
00:05:31 → 00:05:34 เส้นเลือดตีบเนาะเ่าในตัวอย่างวีีดีโออัน
00:05:34 → 00:05:36 นี้นะคะก็คือเขาแสดงให้เห็นว่าเนี่ยเวลา
00:05:36 → 00:05:39 เรามีลิ่มเลือดอุดตันนะเวลาเกิดเรื่อง
00:05:39 → 00:05:41 เนี่ยมันจะเกิดเป็นเนี่ยลิ่มเลือดเล็กๆ
00:05:41 → 00:05:44 ที่ลอยไปตามหลอดเลือดสมองของเรานะคะเนาะ
00:05:44 → 00:05:47 มันก็จะรีบลอยๆๆๆไปเรื่อยๆจนกระทั่งแบบ
00:05:47 → 00:05:51 อ่ะมันอาจจะไปอุดอยู่ตรงหลอดเลือดใดหลอด
00:05:51 → 00:05:53 เลือดนึงนะคะซึ่งส่วนใหญ่ที่เวลามันจะไป
00:05:53 → 00:05:56 อุดเนี่ยมันก็จะเกิดตามรอยทางแยกเนาะนึก
00:05:56 → 00:05:58 ภาพเหมือนว่ามันมีลิ่มเลือดมาแล้วมันก็ไป
00:05:58 → 00:06:00 อุดพอหลังจากอุดแล้วแล้วเนี่ยค่ะมันก็จะ
00:06:00 → 00:06:03 เหมือนหินเนาะหินที่แบบอุดอยู่ในแบบหลอด
00:06:03 → 00:06:05 อ่ะค่ะก็ทำให้น้ำผ่านไปไม่ได้เพราะฉะนั้น
00:06:05 → 00:06:08 เนื้อสมองตรงนั้นเนี่ยก็จะไม่มีเลือดเข้า
00:06:08 → 00:06:11 ไปเลี้ยงนะคะถ้าไม่มีเลือดเข้าไปเลี้ยงนะ
00:06:11 → 00:06:14 คะสักพักนึงสมองตรงนั้นเนี่ยก็จะเกิดการ
00:06:14 → 00:06:17 ขาดเลือดนะคะระยะแรกเนี่ยมันจะยังไม่ขาด
00:06:17 → 00:06:19 เลือดมันจะแค่เหมือนแบบเลือดไปเลี้ยงไม่
00:06:19 → 00:06:22 พอร่างกายเราฉลาดเราจะพยายามแบบเลือกเอ่อ
00:06:22 → 00:06:25 เรียกเลือดจากส่วนอื่นๆมาช่วยก่อนนะคะแต่
00:06:25 → 00:06:28 ้ามันจะทนต่อการขาดเลือดได้ระยะนึงเท่า
00:06:28 → 00:06:30 นั้นนะคะหลังจากนั้นก็จะกเป็นขาดเลือดแบบ
00:06:30 → 00:06:33 ถาวรนะคะเนาะซึ่งปัจจุบันเนี่ยเราก็เลย
00:06:33 → 00:06:36 รู้แล้วว่ายิ่งเราให้ยาคนไข้ได้เร็วที่
00:06:36 → 00:06:39 สุดเท่าไหร่อ่ะผลมันยิ่งดีนะคะ Time is
00:06:39 → 00:06:41 Brain เลยก็คือระยะเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญ
00:06:41 → 00:06:43 ที่สุดเพราะฉะนั้นเนี่ยหลายๆที่เลยนะคะ
00:06:43 → 00:06:45 เดี๋ยวนี้จะมีลดเมื่อกี้นะคะลดให้เห็น
00:06:45 → 00:06:48 เนาะว่าเดี๋ยวสตรงนี้ไว้ก่อนนะคะอ่าเมื่อ
00:06:48 → 00:06:51 กี้ค่ะก็คือจะเห็นว่าเอ๊ะทำไมต้องมีรถขับ
00:06:51 → 00:06:54 ออกมาเลยคือในรถเนี่ยเขาจะมี CT สแกนสมอง
00:06:54 → 00:06:57 เลยนะคะหลักๆคือก็เพื่อสแกนดูว่าเราไม่มี
00:06:57 → 00:07:00 เลือดออกในสมองนะสแกนอันนี้นะคะไม่ได้แบบ
00:07:00 → 00:07:02 ว่าไม่ได้ว่าเราจะดูว่าเราตำแหน่งตรงไหน
00:07:02 → 00:07:05 ขาดเลือดหรืออะไรนะคะเวลาคนไข้สงสัยว่ามี
00:07:05 → 00:07:07 เส้นเลือดสมองตีบเชียร์พันธุ์ขึ้นมาหลัก
00:07:07 → 00:07:10 การของการสแกนคือแค่ดูว่าไม่มีเลือดออก
00:07:10 → 00:07:13 เพื่อที่จะให้ยาได้นะคะเนาะซึ่งปัจจุบัน
00:07:13 → 00:07:15 เนี่ยในไทยก็มีแล้วนะคะถ้าเกิดเราแบบโทร
00:07:15 → 00:07:18 โรงพยาบาลได้เร็วมากๆนะคะแล้วมีรถ CT
00:07:18 → 00:07:21 อันเนี้ยค่ะขับออกไปเราจะสามารถสแกนได้
00:07:21 → 00:07:23 ตั้งแต่บนรถเลยนะคะแล้วเราก็เตรียมให้ยา
00:07:23 → 00:07:27 ได้ตั้งแต่บนรถได้เลยนะคะเนาะอ่ะพานี้ต่อ
00:07:27 → 00:07:30 ไปนะคะพอเรารู้รู้แล้วไม่มีเลือดอ่อนะคะ
00:07:30 → 00:07:33 หลักการของยานะคะยาคืออะไรยา rtpa เนี่ย
00:07:33 → 00:07:37 นะคะก็จะเข้าไปเอ่อตัวยาเค้าเนี่ยมีหน้า
00:07:37 → 00:07:40 ที่ไปสลายสลายไอ้ลิ้มเลือดตรงเนี้ยให้มัน
00:07:40 → 00:07:43 แตกออกอ่ะค่ะให้มันสะลละลายไปเพราะฉะนั้น
00:07:43 → 00:07:46 เนี่ยมันก็เหมือนหินเนาะที่มันอุดหลอด
00:07:46 → 00:07:49 เลือดเราอยู่แล้วเราพยายามแบบเอายาไปทำ
00:07:49 → 00:07:51 ให้หินตรงนั้นน่ะมันค่อย่อยๆแตกออกแตกออก
00:07:51 → 00:07:55 จนที่สุดเลือดมันก็ไปเลี้ยงได้ปกตินะคะ
00:07:55 → 00:07:58 เนาะก็จะทำให้ตำแหน่งของสมองตรงนั้นเนี่ย
00:07:58 → 00:08:02 ไม่เกิดการขาดเลือดแบบถาวรนะคะเนาะั้น
00:08:02 → 00:08:05 เห็นว่ายาอ่าเจากวีีดีโอก็เสร็จแล้วนะคะ
00:08:05 → 00:08:09 ก็จะเห็นว่านะคะยาเนี่ยก็คือมีลิ่มเลือด
00:08:09 → 00:08:13 ไปอุดตันคนไข้เกิดแขนขาอ่อนแรงเฉียบพัน
00:08:13 → 00:08:17 เรารีบผสมหยาฉีดยาให้เร็วที่สุดนะคะเพื่อ
00:08:17 → 00:08:21 ไปสลายลิ่มเลือดอันนั้นถ้าคนไหนที่เา้า
00:08:21 → 00:08:23 เรียกว่าเปิดหลอดเลือดได้นะคะคนไข้ก็จะ
00:08:23 → 00:08:26 กลับมาปกติเลยนะคะเนาะซึ่งอันเนี้ยสำคัญ
00:08:26 → 00:08:28 มากๆนะคะเวลาเรามีอาการของเส้นเลือดสมอง
00:08:28 → 00:08:30 ตีบเฉียบพันธุขึ้นมาแล้วอ่ะค่ะเวลาเรา
00:08:30 → 00:08:33 เป็นแบบเอ่ออ่อดแขนขาอ่อนแรงครึ่งซีกไปละ
00:08:33 → 00:08:36 นะคะถ้าเราไม่ทำอะไรเลยอ่ะคือเราปล่อยให้
00:08:36 → 00:08:38 เวลามันผ่านไปเรื่อยๆอ่ะค่ะตรงนั้นเนี่ย
00:08:38 → 00:08:41 คนไข้ก็จะกลายเป็นอัมพฤตอัมพาตถาวรจริงๆ
00:08:41 → 00:08:43 นะคะแต่ว่าถ้าเกิดเดี๋ยวเนี้ยปัจจุบัน
00:08:43 → 00:08:46 เนี้ยเรารู้แล้วว่าเกิดอาการอ่อนแรงครึ่ง
00:08:46 → 00:08:50 ซี่ขึ้นมารีบโทรนะคะเรียกรถโรงพยาบาลนะคะ
00:08:50 → 00:08:52 แล้วก็ทำตามขั้นตอนต่างๆเหล่านี้เนาะก็
00:08:52 → 00:08:54 คือซักประวัติตรวจร่างกายดูซิว่าเราเข้า
00:08:54 → 00:08:57 ได้กับกลุ่มที่ให้ยาได้มยมีเลือดออกหรือ
00:08:57 → 00:09:00 เปล่านะคะถ้าสามารถให้ยาได้นะคะก็จะได้ผล
00:09:00 → 00:09:03 การรักษาที่ดีมากๆนะคะซึ่งอันนี้นะคะหลาย
00:09:03 → 00:09:06 เคสนะคะที่เจอเนี่ยเา้าจะถามว่าเนี่ยทำไม
00:09:06 → 00:09:09 แบบบางทีอ่ะพอคือตอนคนเราไม่เป็นสกเนเรา
00:09:09 → 00:09:11 จะไม่รู้จักยาตัวนี้เลยนะคะแต่ว่าถ้าเกิด
00:09:11 → 00:09:14 ใครมีคนใกล้ตัวหรือว่าเอ่อมีคนในครอบครัว
00:09:14 → 00:09:15 เป็นหรือว่าตัวเองเป็นเนี่ยก็จะเริ่มรู้
00:09:15 → 00:09:17 แล้วว่าอ๋อไปโรงพยาบาลเนี่ยคุณหมอมีการ
00:09:17 → 00:09:20 พูดถึงเรื่องการให้ยาละลายลิ่มเลือดนะคะ
00:09:20 → 00:09:22 ซึ่งหมอเคยเจอว่าแบบคนไข้เขาก็จะเหมือน
00:09:22 → 00:09:25 แบบไปคุยกันเนาะแบบทำไมคนนี้ถึงได้ฉีด
00:09:25 → 00:09:28 ทำไมคนนี้ถึงไม่ได้ฉีดนะคะเอ๊ะคุณหมอคน
00:09:28 → 00:09:30 เนี้ยแบบรักสาไม่ถูกต้องหรือเปล่าถึงไม่
00:09:30 → 00:09:32 ฉีดยาให้เรานะคะซึ่งจริงๆอันนี้ไม่จำเป็น
00:09:32 → 00:09:36 นะคะไม่ใช่ว่าทุกคนจะให้ยาตัวนี้ได้นะคะ
00:09:36 → 00:09:38 อย่างที่บอกไปแล้วนะคะอันแรกเลยคือเรื่อง
00:09:38 → 00:09:41 ของเวลานะคะเวลาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดถ้า
00:09:41 → 00:09:44 เลยเวลาไปแล้วคุณหมอเขาจะไม่ให้ยาเนื่อง
00:09:44 → 00:09:48 จากว่าถ้ามันเลยเวลานะคะมันมีโอกาสที่
00:09:48 → 00:09:50 เพิ่มความเสี่ยงของเลือดออกในสมองเพิ่ม
00:09:50 → 00:09:54 มากขึ้นนะคะนี้เวลาเท่าไหร่ล่ะถึงจะยัง
00:09:54 → 00:09:56 ให้ยาตัวนี้ได้นะคะปัจจุบันเนาะก็ส่วน
00:09:56 → 00:10:00 ใหญ่เลยก็คือประมาณ 4 ชมครึนะคะถ้าจาก
00:10:00 → 00:10:04 ระยะเวลาที่เกิดเหตุไปจนถึงตอนที่จะฉีดยา
00:10:04 → 00:10:08 ให้คนไข้ละยังอยู่ภายใน 4 ชมครึอันนี้ถือ
00:10:08 → 00:10:12 ว่าเป็นกรณีที่อาจจะสามารถให้ยาได้นะคะ
00:10:12 → 00:10:16 นอกจาก 4 ชมครึแล้วนะคะมันจะมีบางกรณีที่
00:10:16 → 00:10:18 ไม่สามารถให้ยาได้ถึง 4 ชมครึก็คืออาจจะ
00:10:18 → 00:10:21 ให้ได้ถึงแค่ 3 ชัวโมงเท่านั้นนั่นคือ
00:10:21 → 00:10:23 เช่นคนไข้อายุเยอะมากๆนะคะเช่นแบบอายุ
00:10:23 → 00:10:28 เกิน 80 ปีนะคะหรือเป็นกรณีที่สตกเนี่ย
00:10:28 → 00:10:31 เป็นเยอะมากๆนะนะคะก็คือแบบเอ่อเวลาเรา
00:10:31 → 00:10:33 เวลาเรามีการปากเบี้ยวลิ้นแข็งแขนขา
00:10:33 → 00:10:36 ออนไลนเนี่ยมันจะมีการประเมินคะแนนว่า
00:10:36 → 00:10:39 เป็นคะแนนระดับไหนนะคะอ่าก็มีตั้งแต่ 0
00:10:39 → 00:10:43 ไปจนถึงแบบ 25 30 อะไรอย่างเงี้ยนะคะคือ
00:10:43 → 00:10:45 ถ้าเกิดเรายิ่งคะแนนเยอะเท่าไหร่อ่ะแล้ว
00:10:45 → 00:10:47 เราฉีดยาไปอ่ะโอกาสที่มันจะเลือดออกใน
00:10:47 → 00:10:49 สมองเพิ่มมากขึ้นเพราะฉะนั้นเนี่ยบางกรณี
00:10:49 → 00:10:52 ถ้าเกิดคุณหมอเคเห็นแล้วว่าโหแบบคะแนนมัน
00:10:52 → 00:10:54 เยอะมากๆไม่น่าฉีดยาเนี่ยก็อาจจะไม่ได้
00:10:54 → 00:10:57 ให้ยาฉีดนะคะหรืออีกกรณีนึงก็เหมือนกัน
00:10:57 → 00:11:00 เช่นคะแนนไม่ถึงเนาะเราเนี่ยเริ่มมีชา
00:11:00 → 00:11:03 ครึ่งซีกมาะไปถึงโรงพยาบาลได้ทันเวลาด้วย
00:11:03 → 00:11:06 นะ 4 ชมครึ่งทำไมหมอไม่ฉีดยาให้ก็เพราะ
00:11:06 → 00:11:10 ว่าเอ่อเอ่ออาการของเราอาจจะไม่ได้เยอะ
00:11:10 → 00:11:12 เพียงพอสำหรับการฉีดยานะคะอย่างที่บอกยา
00:11:12 → 00:11:15 มันเป็น 2 คมเนาะดาบ 2 คมคือยาเพิ่มเลือด
00:11:15 → 00:11:17 ไปเลี้ยงสมองแต่ก็มีโอกาสที่จะทำให้มี
00:11:17 → 00:11:19 เลือดออกเพราะฉะนั้นเนี่ยการที่จะให้ยา
00:11:19 → 00:11:22 เคสไหนหรือไม่ให้ยาเคสไหนเนี่ยก็ขึ้นอยู่
00:11:22 → 00:11:24 กับอาการของคนไข้ระยะเวลาโรคประจำตัวต่าง
00:11:25 → 00:11:28 ๆนะคะเพราะฉะนั้นเนี่ยเอ่อไม่ใช่ว่าเอ้ย
00:11:28 → 00:11:30 คุณหมอไม่ฉีดยาให้เราหรือเปล่านะคะคุณหมอ
00:11:30 → 00:11:32 ก็คือพิจารณาตามความเหมาะสมตามข้อบ่งชี้
00:11:32 → 00:11:35 แล้วนะคะเรามีหน้าที่ว่าถ้าเราสงสัยว่า
00:11:35 → 00:11:38 เราจะมีอาการของสรกแล้วเนี่ยเราต้องรีบไป
00:11:38 → 00:11:40 โรงพยาบาลให้เร็วที่สุดนะคะคือที่เคยเจอ
00:11:40 → 00:11:43 มาคือส่วนใหญ่บางทีอาการมันไม่ชัดอ่ะค่ะ
00:11:43 → 00:11:45 เช่นแค่ปากเบี้ยวนิดนึงหรือว่าชาแค่หน้า
00:11:45 → 00:11:47 หรือว่าชาแขนครึ่งซีกเนี่ยแล้วเราก็ไม่
00:11:47 → 00:11:51 ชัวเอ๊ใช่ไม่ใช่รอดูอาการที่บ้านก่อนแล้ว
00:11:51 → 00:11:53 กันนะคะซึ่งกรณีแบบนี้เนี่ยพอรอผ่านไป 3-4
00:11:53 → 00:11:56 ชั่วโมงก่อนจะไปถึงโรงพยาบาลมักจะเลยระยะ
00:11:56 → 00:11:58 เวลาที่ฉีดยาไปแล้วนะคะเพราะฉะนั้นถ้า
00:11:58 → 00:12:01 เกิดใครสงสัยว่ามีอาการเอ่อไม่ต้องกังวล
00:12:01 → 00:12:04 นะว่าไปแล้วเดี๋ยวเอ้ยไม่ใช่หรืออะไร
00:12:04 → 00:12:06 เงี้ยค่ะถ้าไม่ชัวร์ไปตรวจก่อนดีกว่า
00:12:06 → 00:12:09 ปล่อยให้มันเลยเวลาไปนะคะซึ่งอาการที่จะ
00:12:09 → 00:12:11 สงสัยเซเลอสมองตีบมีอะไรบ้างนะคะเดี๋ยว
00:12:11 → 00:12:13 หมอจะสรุปไว้ท้ายคลิปนะคะเพื่อให้ทุกคน
00:12:13 → 00:12:16 ได้จำได้ง่ายมากขึ้นเนาะอันนี้ก็จะเป็น
00:12:16 → 00:12:19 เรื่องของตัวยาฉีด rtpa นะคะโดยสรุปก็คือ
00:12:19 → 00:12:22 ถ้าเราไปโรงพยาบาลได้ทันนะเอา 4 ชมครึ่ง
00:12:23 → 00:12:24 ก่อนแล้วกันแต่จริงๆอ่ะคืออยากให้ไปเร็ว
00:12:24 → 00:12:27 ที่สุดเพราะว่าการที่ยาเข้าไปได้เร็วที่
00:12:27 → 00:12:30 สุดเท่าไหร่นะคะสมองที่ที่มันเตรียมจะขาด
00:12:30 → 00:12:32 เลือดอ่ะมันยิ่งมีโอกาสเซฟไว้ได้มากเท่า
00:12:32 → 00:12:34 นั้นเนาะเพราะงั้นเราไม่ต้องไม่ต้องแบบรอ
00:12:34 → 00:12:36 4 ชมครึ่งนะถ้าสงสัยก็คือรีบไปให้เร็ว
00:12:36 → 00:12:38 ที่สุดเลยเพียงแต่ว่าถ้าเกิดมันเกิน 4 ชม
00:12:38 → 00:12:41 ครึ่งไปแล้วอาจจะให้ยาตัวนี้ไม่ได้นะคะ
00:12:41 → 00:12:43 ส่วนที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับว่าคนไข้คะแนน
00:12:43 → 00:12:46 ความเ่ออาการเป็นมากน้อยแค่ไหนมีโรคประจำ
00:12:46 → 00:12:49 ตัวหรือเปล่ามีเบาหวานด้วยมยเคยเป็นสตกมา
00:12:49 → 00:12:50 ก่อนหรือเปล่ากินยาละลายลิ่มเลือดหรือ
00:12:51 → 00:12:52 เปล่าซึ่งอันนี้เป็นรายละเอียดของคุณหมอ
00:12:53 → 00:12:55 ที่เขาจะดูให้อีกทีนึงนะคะเราไม่ต้องรู้
00:12:55 → 00:13:00 ก็ได้นะคะเนาะทีนี้ถ้าไปไม่ทัน 4 ชมครึ
00:13:00 → 00:13:03 อ้าฟังมาละแล้วก็โอาการเกิดเกิดมาแล้ว
00:13:03 → 00:13:05 แล้วแบบสมมุติอย่างเช่นส่วนใหญ่กรณีที่
00:13:05 → 00:13:07 เจอคือบางทีแบบผู้สูงอายุอยู่ที่บ้านเรา
00:13:08 → 00:13:10 ออกมาทำงานคุณแม่อาจจะโทรมาแล้วก็แบบ
00:13:10 → 00:13:13 เนี่ยแม่อ่อนแรงแม่พูดไม่ชัดเสียงเปลี่ยน
00:13:13 → 00:13:16 ละแล้วเราก็พิจารณาแล้วว่าอุ๊ยกว่าจะกลับ
00:13:16 → 00:13:18 เข้าไปหรืออะไรมันจะเกินแล้วงั้นไม่ต้อง
00:13:18 → 00:13:21 ไปมั้ยเกิน 4 ชมครึ่งไม่ต้องไปแล้วมยไม่
00:13:21 → 00:13:24 ใช่นะคะนอกจากเกิน 4 ช่วโมงมันก็จะมียัง
00:13:24 → 00:13:27 ยังมีวิธีการรักษาอื่นๆอีกนะคะเนาะอ่าอัน
00:13:27 → 00:13:30 ที่ 2 ก็คือเราเรียกว่าเป็นการใส่สายสวน
00:13:30 → 00:13:33 เข้าไปลากลิ่มเลือดเลยสำหรับเคสที่ฉีดยา
00:13:33 → 00:13:37 แล้วยังไม่ดีขึ้นหรือเคสที่ระยะเวลาเกิน
00:13:37 → 00:13:40 แล้วฉีดยาไม่ได้นะคะเนาะการใส่สายสวนคือ
00:13:40 → 00:13:43 อะไรนะคะก็ดูในภาพนี้นะคะเราจะเรียกว่า
00:13:43 → 00:13:45 สำหรับเอ่อเส้เลือดสมองจีบเนาะเราจะเรียก
00:13:45 → 00:13:50 ว่าเ่อดูภาพก่อนนะคะเ่อเป็นอ่อภาพแรกเนาะ
00:13:50 → 00:13:53 จะเห็นว่าเอ่อไอ้สีแดงๆอันเนี้ยแทนหลอด
00:13:53 → 00:13:56 เลือดนะคะสีแดงๆเข้มตรงกลางก็คือแทนอ่า
00:13:56 → 00:13:59 เหมือนลิ่มเลือดที่มันไปอุดตันนะคะทำให้
00:13:59 → 00:14:02 เลือดมันเลี้ยงฟวไม่ได้นะคะสายตรงกลางอ่ะ
00:14:02 → 00:14:05 ก็คือสายส่วนที่เราจะใส่เข้าไปนะคะซึ่งมี
00:14:05 → 00:14:08 ตั้งแต่ใส่เข้าไปแล้วก็ไปดูดลิ่มเลือดออก
00:14:08 → 00:14:12 มาเลยนะคะเนาะเหมือนแบบชัที่เราแบบดูดของ
00:14:12 → 00:14:14 อะไรสักอย่างออกมานะคะอันที่ 2 คือแบบว่า
00:14:14 → 00:14:16 อาจจะแบบเหมือนทำให้ชิ้นลิ่มเลือดตรงนั้น
00:14:16 → 00:14:19 มันเล็กๆๆลงแล้วก็ค่อยๆลากออกมานะคะการ
00:14:19 → 00:14:21 ใส่สายสวนอันเนี้ยคนส่วนใหญ่จะรู้จัก
00:14:21 → 00:14:24 เรื่องของการใส่สายสวนหัวใจเนาะเหมือนใส่
00:14:24 → 00:14:27 ใสวนหัวใจไปใส่สเตนอะไรอย่างเงี้ยมากกว่า
00:14:27 → 00:14:29 แต่ไม่ค่อยรู้ว่ามันมีใส่ไปถึงเส้นในสมอง
00:14:29 → 00:14:32 ได้เลยนะแล้วก็ลากลิ่มเลือดที่มันน่ะอุด
00:14:32 → 00:14:36 ตันออกมานะคะแต่กรณีที่เราจะทำอันนี้นะคะ
00:14:36 → 00:14:38 เดี๋ยวเดี๋ยวเปิดวีดีโอให้ดูก่อนเนาะให้
00:14:38 → 00:14:41 เห็นภาพว่ามันคืออะไรนะคะอันนี้ก็ขอเอา
00:14:41 → 00:14:46 ตัวอย่างวีีดีโอจากอ่าคลนคลิิมาให้ดูนะคะ
00:14:46 → 00:14:49 เดี๋ยวหจะบรรยายตามไปเนาะค่ะอันนี้เขาคก็
00:14:49 → 00:14:52 ทำถึงว่าเอ่อ mechanical ectomy หรือว่า
00:14:52 → 00:14:54 การใส่สายสวนเป็นรากลิ่มเลือดเส้นเลือด
00:14:54 → 00:14:57 สมองตีมอุตันเนี่ยคืออะไรนะคะอันนี้เขาจะ
00:14:57 → 00:14:59 อธิบายให้เห็นว่าจริงๆการเกิดเส้นเลือด
00:14:59 → 00:15:00 เลือดอุตตันเนี่ยมันจะมีทั้งเส้นเล็กแล้ว
00:15:00 → 00:15:02 ก็เส้นใหญ่อย่างอันเมื่อกี้เส้นเล็กอัน
00:15:02 → 00:15:05 นี้คือเส้นใหญ่นะคะเราจะลากลิ่มเลือดได้
00:15:05 → 00:15:07 ก็ต่อเมื่อเป็นเส้นใหญ่เท่านั้นนะเพราะ
00:15:07 → 00:15:10 เส้นเล็กๆอันนี้เราใส่สายสวนไปไม่ถึงนะคะ
00:15:10 → 00:15:12 เนาะเนี่ยอย่างอันเนี้ยก็คือเป็นการอุด
00:15:12 → 00:15:14 เส้นเส้ฝอยๆที่เห็นเนี่ยก็คือเส้นเส้น
00:15:14 → 00:15:17 เล็กๆนะคะส่วนเส้นอันที่มีลิ่มเลือดใหญ่ๆ
00:15:17 → 00:15:19 อันนั้นน่ะเขาคเรียกว่าเส้นเส้นใหญ่เส้น
00:15:19 → 00:15:21 สมองใหญ่ๆที่เป็นเลี้ยงสมองนะคะหรือว่า
00:15:21 → 00:15:24 lge vel นั่นเองการที่เราจะทำรากลิ่ม
00:15:24 → 00:15:26 เลือดได้เราจะต้องเห็นก่อนว่ามันเป็นเส้น
00:15:26 → 00:15:29 ใหญ่นะไม่งั้นใส่สายสวนไม่ได้นะคะโอเคไป
00:15:29 → 00:15:31 ต่อ
00:15:31 → 00:15:34 ค่ะซึ่งวิธีการซึ่งวิธีการใส่อ่ะค่ะเนี่ย
00:15:34 → 00:15:37 ก็จะมีใส่ตั้งแต่เหมือนทำใส่ส่วนหัวใจนะ
00:15:37 → 00:15:39 คะก็คือใส่ไปทางขาหนีบก็ได้แล้วก็ผ่าน
00:15:39 → 00:15:43 หลอดเลือดแดงผ่านไปไกลมากเลยเนี่ยผ่านผๆๆ
00:15:43 → 00:15:45 ผๆไปจนขึ้นไปถึงเส้นเลือดสมองเลยนะคะแต่
00:15:45 → 00:15:48 ปัจจุบันก็มีการใส่ที่สั้นลงก็คือเช่นทำ
00:15:48 → 00:15:51 ถ่านทางเส้นเลือดที่ข้อมือขอบพับแขนอะไร
00:15:51 → 00:15:53 พวกนี้แทนนะคะไม่ได้ต้องจำเป็นต้องทำขา
00:15:53 → 00:15:57 หนี้นะคะเนาะซึ่งเราก็จะมีอุปกรณ์ที่จะไป
00:15:57 → 00:16:00 ลากลิ่มเลือดตรงเนี้ยหลายแบบนะคะอันนี้ก็
00:16:00 → 00:16:03 เป็นเทคนิคของคุณหมอผ่าตัดเค้านะคะเนาะก็
00:16:03 → 00:16:06 จะใส่สายสวนเข้าไปแบบนี้นะคะแล้วหลังจาก
00:16:06 → 00:16:11 นั้นเนี่ยก็จะลากคอตออกมานะคะเนาะจะเห็น
00:16:11 → 00:16:14 ว่ามันเป็นการเข้าไปลากลิ่มเลือดตรงๆแล้ว
00:16:14 → 00:16:17 อ่ะค่ะเพื่อเปิดเส้นเลือดนะคะให้เลือดเรา
00:16:17 → 00:16:19 อ่ะไปยังไปเลี้ยงสมองเหมือนเดิมนะคะเนาะ
00:16:19 → 00:16:21 ี่
00:16:21 → 00:16:25 ก็โอเคซึ่งอันนี้นะคะ
00:16:25 → 00:16:29 เอ่ออโอเคแค่นี้ก็ได้ค่ะซึ่งอันนี้นะคะคะ
00:16:29 → 00:16:31 ก็จะเห็นว่าแบบเป็นการรักษาที่
00:16:31 → 00:16:34 เอ่อเหมือนเราไปเอาลิ่มเลือดที่มันอุดอ่ะ
00:16:34 → 00:16:36 ออกมาเลยนะคะเพราะฉะนั้นเนี่ยเปลี่ยนการ
00:16:36 → 00:16:38 รักษาเปลี่ยนชีวิตคนไข้ได้มากเลยอ่ะจาก
00:16:38 → 00:16:42 แบบที่แบบสมมุติว่าคนไข้แบบมามาโรงพยาบาล
00:16:42 → 00:16:45 แล้วยกแขนยกขาไม่ขึ้นน่ะค่ะที่เคยเจอนะคะ
00:16:45 → 00:16:48 บางคนบางเคสเนี่ยทำไปอ่ะค่ะวันรุ่งขึ้น
00:16:48 → 00:16:50 หรือว่าไม่กี่วันเนี่ยคือคนไข้ก็สามารถ
00:16:50 → 00:16:52 แบบหรือบางคนก็คือหลังทำไม่กี่ชั่วโมง
00:16:52 → 00:16:54 เนี่ยเลือดมันกลับไปเลี้ยงสมองได้ทันก็
00:16:54 → 00:16:57 คือจากที่แบบยกแขนยกขาไม่ขึ้นเลยก็สามารถ
00:16:57 → 00:17:00 กลับมายกแขนยกขาได้ปกติหรือเกือบปกติเลย
00:17:00 → 00:17:03 นะคะเพราะฉะนั้นเนี่ยหลักการรักษาของตัว
00:17:03 → 00:17:06 เอ่อเส้นการไม่ว่าจะเป็นการให้ยาละลาย
00:17:06 → 00:17:09 ลิ่มเลือดหรือว่าการลากการใส่สายสวนไปลาก
00:17:09 → 00:17:11 ลิ่มเลือดเนี่ยก็คือเราต้องการให้คนไข้
00:17:11 → 00:17:14 อ่ะกลับมาเป็นปกติได้มากที่สุดนะคะทีนี้
00:17:14 → 00:17:17 ถามว่าแล้วถ้าเราให้ไปอ่ะแล้วมันไม่กลับ
00:17:17 → 00:17:20 มาเป็นปกติอ่ะต้องเครียดเลยไหมจริงๆคือ
00:17:20 → 00:17:23 เวลาเาวัดผลน่ะเวัดผลกันที่ 3 เดือนนะคะ
00:17:23 → 00:17:26 ไม่ใช่ว่าทุกเคสเนาะที่แบบให้ยาไปหรือว่า
00:17:26 → 00:17:29 รากลิ่มเลือดไปแล้วจะกลับมาดีปกติได้ทัน
00:17:29 → 00:17:32 ทีนะคะบางเคสเนี่ยก็ดีเลยแต่บางเคสเนี่ย
00:17:32 → 00:17:35 เพบว่าต่อให้ช่วงแรกๆที่เหมือนดูจะไม่ตอบ
00:17:35 → 00:17:38 สนองแต่พอติดตามไปเรื่อยๆอ่ะค่ะที่ 2
00:17:38 → 00:17:40 เดือน 3 เดือนอ่ะคนไข้กลับค่อยๆมีแรง
00:17:40 → 00:17:43 เพิ่มมากขึ้นร่วมกับการรักษาอื่นๆการทำ
00:17:43 → 00:17:45 กายภาพคามบาตก็กลับมาใช้ชีวิตได้เกือบ
00:17:45 → 00:17:47 ปกตินะคะซึ่งจริงๆการรักษาทั้ง 2 อย่าง
00:17:47 → 00:17:50 เนี้ยมันสามารถทำให้เพิ่มโอกาสการที่เรา
00:17:50 → 00:17:52 จะไม่ติดเตียงหรือว่าเป็นอัมพฤตอำพาถาวร
00:17:52 → 00:17:55 เนี่ยเอ่อเพิ่มโอกาสตรงเนี้ยได้ถึงประมาณ
00:17:55 → 00:17:57 เกือบ 50% เลยนะคะเนาะเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:17:57 → 00:18:00 มันเป็นอะไรที่แบบแบบเอ่อถ้าคนไข้มาทัน
00:18:00 → 00:18:04 รู้รู้อาการมาทันมาได้เร็วและมีโอกาสได้
00:18:04 → 00:18:07 รับการรักษามันเปลี่ยนชีวิตคนไข้มากๆนอก
00:18:07 → 00:18:09 จากเปลี่ยนชีวิตคนไข้แล้วก็คือเปลี่ยน
00:18:09 → 00:18:11 ชีวิตครอบครัวคนไข้ด้วยนะคะเพราะว่าการ
00:18:11 → 00:18:13 ที่คนไข้การที่จะต้องมีคนๆนึงที่แบบแขน
00:18:13 → 00:18:16 ขาวอ่อนแรงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เนี่ยนอก
00:18:16 → 00:18:18 จากกระทบกับคนไข้แล้วอ่ะทั้งร่างกายและ
00:18:18 → 00:18:21 จิตใจก็มักจะกระทบกับคนรอบข้างด้วยเนื่อง
00:18:21 → 00:18:23 จากว่าอาจจะต้องมีการที่จะต้องมีคนมาดูแล
00:18:23 → 00:18:25 นะคะเนาะเพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าเรายิ่งรักษา
00:18:25 → 00:18:28 ได้เร็วนะคะก็จะยิ่งได้ผลดีมากขึ้นเท่า
00:18:29 → 00:18:32 นั้นนะคะทีนี้อ่าถามว่ากรณีที่ 2 เนาะ
00:18:32 → 00:18:34 กรณีแรกเรารู้ไปแล้วการให้ยาละลายลิ่ม
00:18:34 → 00:18:37 เลือดอันนั้นต้องมาให้ทัน 4 ชมครึนะคะเลย
00:18:37 → 00:18:40 เวลาตรงนั้นฉีดยาไม่ได้ก็จะมาพิจารณาลาก
00:18:40 → 00:18:43 ใส่สายสวนลากลิ่มเลือดแทนนะคะใส่สายสวน
00:18:43 → 00:18:45 ลากลิ่มเลือดนะคะคุณหมอเจะฉีดฉีดสีดูแบบ
00:18:45 → 00:18:49 นี้นะคือคนไม่ใช่ว่าทุกคนจะลากได้นะคะ
00:18:49 → 00:18:52 ต้องเป็นเส้นใหญ่ๆนะคะถึงจะลากได้เนาะ
00:18:52 → 00:18:54 อย่างอันนี้ยก็จะเป็นตัวอย่างการฉีดสีคือ
00:18:54 → 00:18:57 พอเราใส่สายสวนเสร็จปุ๊บคุณหมอเขาคก็จะ
00:18:57 → 00:19:01 เอ่อสแกนชสีดูเลยว่ามันเจอลักษณะอุดตัน
00:19:01 → 00:19:03 แบบนี้มนะคะอย่างตัวอย่างภาพภาพ a เนี่ย
00:19:03 → 00:19:06 จาก CT เราจะเห็นแล้วว่าตรงลูกศรน่ะไม่มี
00:19:06 → 00:19:08 เลือดไปเลี้ยงใช่มั้คะฝั่งอีกฝั่งนึงอ่ะ
00:19:08 → 00:19:11 เป็นหลอดเลือดสีขาวปกติเนาะส่วนฝั่งเนี้ย
00:19:11 → 00:19:14 มันเป็นแบบอุดตันไปเลยพอจากภาพฉีดสีเช่น
00:19:14 → 00:19:17 ภาพ B หรือภาพ C อ่ะค่ะนะคะลองดูเทียบ 2
00:19:17 → 00:19:19 ข้างเนาะข้างนึงก็คือมีสีขาวสีขาวก็คือ
00:19:19 → 00:19:22 แทนหลอเลือดที่ไปเลี้ยงสมองนะคะจะเห็นว่า
00:19:22 → 00:19:25 ตรงลูกศรตำแหน่งลูกศรน่ะก็คือมันอุดตันไป
00:19:25 → 00:19:27 เลยกรณีแบบเนี้ยถ้าเราเห็นอย่างเงี้ยค่ะ
00:19:27 → 00:19:29 คุณหมอเค้าก็คิดว่าเออมันน่าจะใส่สายสวน
00:19:29 → 00:19:32 เข้าไปลากลิ่มเลือดที่มันอุดตันออกมาได้
00:19:32 → 00:19:34 นะคะเนาะก่อนที่จะส่งคนไข้เข้าไปอ่ะค่ะ
00:19:34 → 00:19:38 สมมุติว่าคนไข้เอ่อมาถึงโรงพยาบาลและนะคะ
00:19:38 → 00:19:40 แล้วเวลามันเลย 4 ชมครึ่งไปแล้วเนี่ยเรา
00:19:41 → 00:19:44 จะรู้ได้ไงว่าเราจะส่งเคสไหนปรึกษาทำราก
00:19:44 → 00:19:47 ลิ่มเลือดนะคะมันก็จะมีการตรวจ CT เพื่อ
00:19:47 → 00:19:50 ดูเหมือนตรวจ CT หรือ MRI แบบพิเศษนะคะ
00:19:50 → 00:19:54 เอ่อเราจะดูว่าเอ่อมันที่เราจะดูอ่ะคือ
00:19:54 → 00:19:56 เราจะดูลักษณะว่าอย่างตำแหน่งสมองที่มัน
00:19:56 → 00:19:59 เหมือนขาดเลือดเนี่ยคือเวลาหลอดเลือดอุด
00:19:59 → 00:20:01 ตันปุ๊บมันจะขาดเลือดเล็กๆก่อนแล้วหลัง
00:20:01 → 00:20:04 จากนั้นมันก็จะค่อยๆขยายขยายขยายเป็นวง
00:20:04 → 00:20:08 กว้างนะคะถ้าเราเห็นลักษณะแบบเนี้ยจาก CT
00:20:08 → 00:20:11 หรือว่า MRI นะคะก็คือว่าเอ้ยดูเหมือน
00:20:11 → 00:20:14 หลอดเลือดอ่ะจริงๆตำแหน่งที่มันขาดเลือด
00:20:14 → 00:20:17 ไปแล้วนะมันเหมือนเหมือนเป็นบริเวณเล็กๆ
00:20:17 → 00:20:19 เนาะสมุตนะคะแบบว่าอย่างเงี้ยตรงสีเหลือง
00:20:19 → 00:20:21 อ่ะจริงๆอ่ะมันเหมือนแบบอุ๊ยขาดเลือดเป็น
00:20:21 → 00:20:23 บริเวณแค่ตรงสีเหลืองเองแต่จริงๆอ่ะพอเรา
00:20:23 → 00:20:27 ฉีดฟวเข้าไปอ่ะกลายเป็นสีแดงเลยนะสีแดงก็
00:20:27 → 00:20:30 คือฟวตรงนั้นน่ะสองตรงนั้นน่ะไม่มีเลือด
00:20:30 → 00:20:32 ไปเลี้ยงแล้วนะคะแต่แค่ยังไม่ขาดเลือดแบบ
00:20:32 → 00:20:35 ถาวรนะคะซึ่งถ้าเราเห็นลักษณะแบบเนี้ย
00:20:35 → 00:20:38 แสดงว่าเราน่าจะยังเซฟเนื้อสมองตรงนี้เอา
00:20:38 → 00:20:41 ไว้ได้ถ้าเราไม่ทำอะไรอ่ะคนไข้มีโอกาสคือ
00:20:41 → 00:20:43 เกิดขาดเลือดบริเวณกว้างเลยนั่นหมายความ
00:20:43 → 00:20:46 ว่าคนไข้ก็คือจะแบบเป็นอัมพฤตอัมพาตติด
00:20:46 → 00:20:49 เตียงแน่นอนนะคะแต่ว่าตอนที่มาเนี่ยอาจจะ
00:20:49 → 00:20:53 ยังแบบแค่แบบปากเบี้ยวแขนอ่อนแรงยังยกได้
00:20:53 → 00:20:54 นิดหน่อยอะไรอย่างเงี้ยค่ะถ้าเราเห็น
00:20:54 → 00:20:57 ลักษณะแบบเนี้ยอันเนี้ยนะคะคือเป็นลักษณะ
00:20:57 → 00:21:00 ที่บ่งชีว่าคนไข้คนเนี้ยยควรได้ประโยชน์
00:21:00 → 00:21:03 จากการลากลิ่มเลือดนะคะเนาะอ่าเพราะ
00:21:03 → 00:21:05 ฉะนั้นอันนี้เป็นเทคนิคของคุณหมอเค้านะคะ
00:21:05 → 00:21:06 อันนี้เราไม่ต้องรู้แต่รู้แค่ว่าเออ
00:21:06 → 00:21:09 เดี๋ยวแบบพอมาถึงโรงพยาบาลเป็นเส้นเลือด
00:21:09 → 00:21:11 สมองตีบเฉียบพันธุทำไมบางคนได้ทำแค่ CT
00:21:11 → 00:21:14 เนาะกลุ่มจะฉีดยาเราจะทำแค่ CT เอาเร็ว
00:21:14 → 00:21:17 ที่สุดเพื่อทำยังไงก็ได้ให้ฉีดยาให้เข้า
00:21:17 → 00:21:19 ไปในร่างกายได้เร็วที่สุดแต่ถ้ามันเกิน
00:21:19 → 00:21:21 เลยเวลาฉีดยาและคุณหมอเขาจะบอกว่าเอ้ย
00:21:21 → 00:21:23 เดี๋ยวขอไปตรวจเพิ่มก่อนนะคะดูไปดู ow
00:21:23 → 00:21:26 อย่างเงี้ยบางทีญ่าก็จะเอ๊ยตรวจอะไรเยอะ
00:21:26 → 00:21:29 แยะทำไมไม่รักษาสักทีเราตรวจอันนี้เละค่ะ
00:21:29 → 00:21:30 เราจะตรวจดูว่าเนื้อสมองที่ขาดเลือดกับ
00:21:30 → 00:21:32 บริเวณที่เลือดมันไม่เป็นเลี้ยงเนี่ยมัน
00:21:32 → 00:21:35 ยังพอเซฟเนื้อสมองได้มถ้าเซฟได้อยู่เราก็
00:21:35 → 00:21:38 จะปรึกษาคุณหมอที่เป็นทีมรากลิ่มเลือด
00:21:38 → 00:21:40 เนี่ยให้เป็นรากลิ่มเลือดออกมาอีกทีนึงนะ
00:21:40 → 00:21:43 คะเพราะฉะนั้นก็ไม่ใช่ว่าทุกคนนะจะทำได้
00:21:43 → 00:21:45 เหมือนกันนะคะมันจะมีข้อบ่งชี้ของแต่ละ
00:21:45 → 00:21:48 เคสไปเนาะต้องดูว่าเออเนื้อสมองมันยังไม่
00:21:48 → 00:21:52 ได้ขาดเลือดนะอายุบริเวณที่ขาดเลือดนะคะ
00:21:52 → 00:21:55 ปัจจัยด้านต่างๆนะคะเพราะทำหัตถการทุก
00:21:55 → 00:21:57 อย่างมันมีความเสี่ยงของเลือดออกนะคะเรา
00:21:57 → 00:21:59 จะต้องเทียบประโยชน์กับเทียบความเสี่ยง
00:21:59 → 00:22:01 กันอยู่แล้วนะคะว่ากลุ่มไหนเนี่ยเ่อเป็น
00:22:01 → 00:22:03 กลุ่มที่น่าจะได้ประโยชน์จากการรักษามาก
00:22:03 → 00:22:06 ที่สุดนะนะคะเนาะอันนี้ก็จะเห็นว่าเห็น
00:22:06 → 00:22:09 มั้ยคะว่าเอ่อหมอว่าเนี่ยคนส่วนใหญ่ไม่
00:22:09 → 00:22:11 ค่อยรู้นะว่าเนี่ยเป็นสตกแล้วเนี่ยต้อง
00:22:11 → 00:22:14 รีบไปโรงพยาบาลรีบอะไรรีบไปให้น้ำเกลือ
00:22:14 → 00:22:16 หรือเปล่าไปใช้ยารับประทานธรรมดาหรือ
00:22:16 → 00:22:18 เปล่าไม่ค่ะมันก็คือมีหัตถการ 2 อย่าง
00:22:18 → 00:22:21 เนี่ยนะคะก็คือการฉีดหยากับการลากลิ่ม
00:22:21 → 00:22:24 เลือดที่เราต้องรีบจัดการยิ่งเราไปได้
00:22:24 → 00:22:27 เร็วเท่าไหร่เอ่อทำหัตถการต่างๆได้เร็ว
00:22:27 → 00:22:29 เท่าไหร่มันก็เหมือนเราเซฟเซฟเนื้อสมอง
00:22:29 → 00:22:32 ตรงนั้นน่ะได้มากขึ้นเท่านั้นนะคะเนาะมัน
00:22:32 → 00:22:34 เหมือนแบบสมมุติว่าเราเนื้อสมองที่ขาด
00:22:34 → 00:22:37 เลือดอ่ะเหมือนเราแบบใส่หนังยางรัดข้อมือ
00:22:37 → 00:22:39 อ่ะรัดไว้แน่นๆเลยอ่ะค่ะก็เหมือนแบบถ้า
00:22:39 → 00:22:41 เรารัดไว้แน่นๆอ่ะแล้วเราไม่คลายออกสักที
00:22:41 → 00:22:44 อ่ะมือเราก็จะขาดเลือดไปเรื่อยๆใช่มคะมัน
00:22:44 → 00:22:48 ก็เหมือนซีดชาม่วงจนแบบสุดท้ายไม่มีเลือด
00:22:48 → 00:22:50 ไปเลี้ยงเนื้อสมองเราก็เหมือนกันเปรียบ
00:22:50 → 00:22:53 เหมือนเส้นเลือดที่อุดตันนะคะที่ตีบหรือ
00:22:53 → 00:22:55 ตันเนี่ยมันก็คือไม่มีเลือดไปเลี้ยงตรง
00:22:55 → 00:22:58 ปลาลตรงนั้นเราแก้โดยการให้เลือดมันกลับ
00:22:58 → 00:23:00 ไปได้เร็วที่สุดเท่าไหร่นะคะก็ยิ่งมี
00:23:00 → 00:23:02 โอกาสกลับมาปกติได้มากขึ้นเท่านั้นเนาะ
00:23:02 → 00:23:05 อันเนี้ยเป็นอันที่แบบว่าคือเรารู้แหละ
00:23:05 → 00:23:07 ว่าแบบเวลาเรามีอาการเฉียบพันธุ์ขึ้นมา
00:23:07 → 00:23:09 เราต้องรีบไปโรงพยาบาลแต่ไม่ค่อยรู้ว่า
00:23:09 → 00:23:11 รีบไปแล้วรีบรีบทำอะไรนะคะเนาะเพราะ
00:23:11 → 00:23:14 ฉะนั้นถ้าเกิดเรามีความรู้ไว้คร่าวๆนะคะ
00:23:14 → 00:23:16 เวลาคุณหมอมาแนะนำว่าเออตอนนี้เป็นเสื้อ
00:23:16 → 00:23:18 เลือดตีบเฉียบพาแล้วนะเดี๋ยวคุณหมอจะฉีด
00:23:18 → 00:23:20 ยานะอย่างน้อยเราก็รู้แล้วว่าอ๋อนี่ฉีด
00:23:20 → 00:23:22 แบบนี้นะอะไรอย่างเงี้ยค่ะซึ่งทุกคนทุก
00:23:22 → 00:23:25 เคสคุณหมาอเก็จะดูโลคประจำตัวดูความ
00:23:25 → 00:23:28 เสี่ยงดูอะไรต่างๆให้ให้คนไข้แล้วก็ญาติ
00:23:28 → 00:23:31 รับทราบก่อนรักษานะคะเนาะทีนี้อ่าอีกอัน
00:23:31 → 00:23:33 นึงก็คือว่าอ่ะงั้นเรารู้แล้วว่ามันมีการ
00:23:33 → 00:23:36 รักษาแล้วเราจะรู้อ่ะได้ยังไงว่าเนี่ยเรา
00:23:36 → 00:23:38 เป็นกลุ่มที่เราสงสัยว่าจะเป็นเส้นเลือด
00:23:38 → 00:23:40 สมองตีบเฉียบพันหรือว่าเป็นสโตรกละแล้ว
00:23:40 → 00:23:42 เราต้องรีบไปโรงพยาบาลนะคะอันเนี้ยก็เป็น
00:23:42 → 00:23:45 การรณรงค์กันทั่วโลกนะคะไม่ใช่แค่ท้ายนะ
00:23:46 → 00:23:48 ทั่วโลกเพราะว่าสกเป็นอะไรที่ถ้าเป็นแล้ว
00:23:48 → 00:23:52 มันเอฟเฟคกับคนไข้กับครอบครัวกับสังคมกับ
00:23:52 → 00:23:54 การงานกับเศรษฐกิจเพราะฉะนั้นน่ะถ้ายิ่ง
00:23:54 → 00:23:56 รักษาได้เร็วเท่าไหร่มันก็ยิ่งดีนะคะ
00:23:56 → 00:23:58 เพราะฉะนั้นเขคก็รณรงค์กันทั่วโลกว่าถ้า
00:23:58 → 00:24:01 มีอาการแบบนี้รีบไปโรงพยาบาลนะเขาก็เลยทำ
00:24:01 → 00:24:04 คำขึ้นมาให้จำง่ายๆนะคะก็คือ Fast นั่น
00:24:04 → 00:24:07 เอง Fast นะคะที่แปลว่าเร็วนะนะคะยิ่งไป
00:24:07 → 00:24:11 ได้เร็วเท่าไหร่นะคะก็ยิ่งดีนะคะซึ่ง Fast
00:24:11 → 00:24:15 เนี่ยก็จะย่อมาจาก f a s t นะคะหลายคน
00:24:16 → 00:24:18 อาจจะเคยได้ยินเนาะได้ยินเพลงที่พยายาม
00:24:18 → 00:24:21 แบบประกอบหรือได้ยินสื่อที่ให้เรารู้จัก
00:24:21 → 00:24:24 โรคนี้มากขึ้นนะคะอ่าหมอจะทวนให้ฟังคร่าว
00:24:24 → 00:24:27 ๆเนาะอย่าง f f ก็คือมาจากเฟซเฟแปลว่า
00:24:27 → 00:24:30 หน้านะคะหน้าก็คือคนไข้จะมีอาการปาก
00:24:30 → 00:24:33 เบี้ยวนะคะอยู่ดีๆมุมปากตกไปข้างนึงเลยนะ
00:24:33 → 00:24:36 คะลิ้นแข็งพูดไม่ชัดอะไรอย่างเงี้ยนะคะก็
00:24:36 → 00:24:38 คือแบบน้ำลายไหลมุมปากก็คือเรื่องของ
00:24:38 → 00:24:42 อาการทางเฟนะคะ a a มาจากอารมารมในที่
00:24:42 → 00:24:45 นี้ก็คือ armm แนเลกนะก็คือแขนขานะคะแต่
00:24:45 → 00:24:47 เขาให้จำง่ายๆก็คือใช้ตัว AA ก็คือแขน
00:24:47 → 00:24:49 อ่อนแรงอยู่ดีๆแบบยกแขนได้ปกติแล้วอยู่ดี
00:24:50 → 00:24:54 ๆก็รึบไปเลยนะคะเนาะเอ่อรวมถึงขาด้วยนะคะ
00:24:54 → 00:24:57 s s คือ spe Speed คือการพูดเช่นอยู่
00:24:57 → 00:25:01 ดีๆเอ่ออยากจะพูดแล้วมันแบบนึกไม่ออกแบบ
00:25:01 → 00:25:04 เออะๆๆหรือแบบบางคนอย่างเงี้ยคุณแม่ถ้า
00:25:04 → 00:25:06 เกิดสมมุติว่าใครไม่ได้อยู่กับคุณพ่อคุณ
00:25:06 → 00:25:07 แม่ใช่มั้คะเช่นคุณพ่อคุณแม่อยู่คนละ
00:25:08 → 00:25:09 จังหวัดกันอะไรอย่างเงี้ยคุณแม่โทรมาแล้ว
00:25:09 → 00:25:12 แบบอยู่ดีๆแบบเอ๊ะทำไมลิ้นมันแข็งไปเลย
00:25:12 → 00:25:14 พูดไม่ออกเหมือนจะพูดพูดไม่ออกเงี้ยค่ะ
00:25:14 → 00:25:17 อันนี้ก็ต้องสงสัยนะคะก็คือเป็นเรื่องของ
00:25:17 → 00:25:20 Speech ที่มันเปลี่ยนไปทั้งเรื่องของการ
00:25:20 → 00:25:23 นึกคำพูดทั้งเรื่องของการพูดคำนึกคำไม่
00:25:23 → 00:25:28 ออกพูดไม่ชัดนะคะเนาะสุดท้ายทีก็คือถาม
00:25:28 → 00:25:31 Time ก็คือเวลาเขาต้องการให้รู้ว่าเวลา
00:25:31 → 00:25:34 ไปเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้นนะคะก็คือ
00:25:34 → 00:25:36 Time To Call เลยก็คือต้องรีบโทรศัพท์
00:25:36 → 00:25:38 เลยนะคะไม่ต้องแบบสมมุติเราอยู่กันคนละ
00:25:38 → 00:25:41 ที่กับกับญาติเราเงี้ยไม่ต้องรอให้เราขับ
00:25:41 → 00:25:44 รถไปดูนะก็คือต้องโทรแล้วแจ้งสถานที่ให้
00:25:44 → 00:25:47 รถโรงพยาบาลไปรับมาเลยนะคะเพื่อเพื่อให้
00:25:47 → 00:25:50 ทันยาหรือว่าการลากลิ่มเลือดอย่างที่หมอ
00:25:50 → 00:25:52 บอกไปเมื่อกี้นะคะอ้อการลากลิ่มเลือด
00:25:52 → 00:25:54 เมื่อกี้เนาะทำได้ถึงกี่ชั่วโมงนะคะลืม
00:25:54 → 00:25:57 บอกลากลิ่มเลือดอ่าให้ยาละลายลิ่มเลือด
00:25:57 → 00:25:59 เนี่ย 4 ชมครึรากลิ่มเลือดเนี่ยส่วนใหญ่่
00:25:59 → 00:26:02 อ่ะเมื่อก่อนน่ะเอาประมาณ 6 ชมนะคะแต่
00:26:02 → 00:26:05 ปัจจุบันเรู้แล้วว่ามันจะมีบางกรณีที่เรา
00:26:05 → 00:26:08 extend ออกไปอ่ะยืดเวลาออกไปมากขึ้นคน
00:26:08 → 00:26:11 ไข้กลุ่มเนี้ยยังได้ประโยชน์นะคะซึ่งรวมๆ
00:26:11 → 00:26:13 แล้วก็อาจจะถึง 24 ชมได้เลยนะคะในบางกรณี
00:26:13 → 00:26:16 เนาะเพราะฉะนั้นน่ะเราอ่ะพอมีเวลานะคะไม่
00:26:16 → 00:26:19 ใช่ว่าแบบเอ้ยแบบไปเจอแล้วคิดว่าเอ้ยมัน
00:26:19 → 00:26:20 หมดทางรักษาแล้วนะเดี๋ยวเดี๋ยวนี้
00:26:20 → 00:26:23 ปัจจุบันนะคะมันสามารถยืดเวลาในบางกลุ่ม
00:26:23 → 00:26:26 ที่คิดว่าทำแล้วจะออกเ่ามีประโยชน์นะคะ
00:26:26 → 00:26:28 ได้ถึงประมาณ 24 ช่วโมงเลยแต่ไม่ใช่ทุกเส
00:26:28 → 00:26:31 นะคะแต่ให้อย่างน้อยก็เป็นโอกาสที่เราจะ
00:26:31 → 00:26:32 ไปประเมินก่อนว่าเราใช้กลุ่มที่จะมี
00:26:32 → 00:26:34 ประโยชน์หรือเปล่าเพราะว่าสกเนี่ยส่วน
00:26:35 → 00:26:38 ใหญ่อ่ะกรณีนึงเลยที่เจออ่ะคือตื่นมาแล้ว
00:26:38 → 00:26:42 เป็นนะคะคือส่วนใหญ่อ่ะสกนะเวลาเราจะเวลา
00:26:42 → 00:26:46 เรามีอาการอ่ะเราจะรู้แบบเวลาที่เป็นน่ะ
00:26:46 → 00:26:49 ค่อนข้างชัดเนาะเพราะมันเป็นเรื่องของการ
00:26:49 → 00:26:51 ที่เส้นเลือดน่ะมันตีบหรือว่ามันตันเฉียบ
00:26:51 → 00:26:54 พันนะคะเหมือนเราแบบเปิดน้ำอยู่แล้วดีๆ
00:26:54 → 00:26:56 อยู่ดีๆน้ำหยุดไหลอ่ะเราก็รู้อเเนี่ยมัน
00:26:56 → 00:26:58 หยุดไหลตอนเนี้ยหยุดไหลตอน 10:00 นนะคะ
00:26:58 → 00:27:00 Stroke เหมือนกันนะจริงๆไม่ต้องไปจำอ่ะ
00:27:00 → 00:27:03 ค่ะ Fast First อะไรเนาะอีกอันนึงก็จะมี
00:27:03 → 00:27:05 เรื่องของเอ่อ B Fast ด้วย bfast เนี่ย
00:27:05 → 00:27:08 ก็คือเขาจะเพิ่มเนี่ยนะคะ B Fast เขา
00:27:08 → 00:27:10 เพิ่ม b กับ e ขึ้นมาด้วยก็คือ B ก็คือ
00:27:10 → 00:27:14 Balance ก็คือเวียนหัวบ้านหมุน E ก็คือ
00:27:14 → 00:27:18 อายตาเช่นเห็นภาพช้อนตามองภาพผิดปกตินะคะ
00:27:18 → 00:27:21 แล้วก็ fas อันนี้เหมือนเดิมจะเห็นว่า
00:27:21 → 00:27:24 จริงๆเราไม่ต้องจำมันคือหลักการคืออาการ
00:27:24 → 00:27:29 ของสมองที่ผิดปกตินะคะคือสมองเราอ่ะทำงาน
00:27:29 → 00:27:32 ไม่ปกติแบบเฉียบพลันนะคะคีย์เวิร์ดคือ
00:27:32 → 00:27:35 เฉียบพลันมากกว่าเช่นเวียนหัวมา 1 ปี
00:27:35 → 00:27:39 อันเนี้ยไม่น่าใช่สตกนะคะแต่ถ้าเดินๆอยู่
00:27:39 → 00:27:41 ทำงานอยู่ดีๆแล้วอยู่ดีๆเวียนหัวบ้านหมุน
00:27:41 → 00:27:44 เซแบบเฉียบพันเลยเพิ่งเป็นตอนเนี่ย 10:00
00:27:44 → 00:27:47 นยังปกติ 10:15 นอยู่ดีๆขึ้นมาเฉียบพัน
00:27:47 → 00:27:49 เลยอันเนี้ยต้องสงสัยนะคะเพราะฉะนั้น
00:27:49 → 00:27:52 อาการใดๆก็ได้เวียนหัวบ้านหมุนลิ้นแข็ง
00:27:52 → 00:27:56 พูดไม่ชัดตาเห็นภาพซ้อนปากเบี้ยวแขนขา
00:27:56 → 00:28:00 อ่อนแรงนะคะได้หมดนะคะที่เป็นอาการของ
00:28:00 → 00:28:03 สมองที่มันผิดปกติแต่คีย์เวิร์ดคือเฉียบ
00:28:03 → 00:28:06 พลันเพราะฉะนั้นคนไข้ส่วนใหญ่จะรู้อาการ
00:28:06 → 00:28:08 นะคะและอันนี้เป็นสิ่งสำคัญมากๆถ้าบอกคุณ
00:28:09 → 00:28:11 หมอได้เพราะมันจะมีผลต่อการตัดดสินใจการ
00:28:11 → 00:28:14 ฉีดยาและการใส่สายสวนลากลิ่มเลือดนะคะ
00:28:14 → 00:28:18 เนาะบางเคสแบบพอไม่รู้เวลาอันเนี้ยเราก็
00:28:18 → 00:28:21 จะเราก็จะไม่กล้าฉีดยาละลายลิ่มเลือดละ
00:28:21 → 00:28:23 การจะฉีดยาละลายลิ่มเลือดได้เราต้องรู้
00:28:23 → 00:28:27 เวลาที่เกิดเหตุค่อนข้างชัดนะคะ 10:00 น
00:28:27 → 00:28:29 ยังปกติมาเพราะฉะนั้นเนี่ยบางทีเราอาจจะ
00:28:29 → 00:28:32 ไม่ได้จำเวลาที่มันเกิดเหตุแต่เราย้อน
00:28:32 → 00:28:34 ย้อนย้อนกลับไปว่าตอนนี้ยังปกติอันนี้ยัง
00:28:34 → 00:28:38 ปกติมันก็จะพอบอกเวลาคร่าวๆได้นะคะอีก
00:28:38 → 00:28:40 กรณีนึงคือเขาเรียกว่าเป็น awakening
00:28:40 → 00:28:43 Stroke ก็คือตื่นมาแล้วเป็นเลยนะคะ
00:28:43 → 00:28:46 อันเนี้ยจะเป็นกรณีที่ยากนิดนึงเพราะว่า
00:28:46 → 00:28:48 คือเราไม่รู้ว่ามันเกิดเหตุตอนไหนแต่รู้
00:28:48 → 00:28:51 แน่ๆแหละเช่นอ่ะอย่างน้อยเรารู้เวลาเข้า
00:28:51 → 00:28:55 นอนเช่นนอนเที่ยงคอย่างปกตินะคะตื่นมา
00:28:55 → 00:28:57 18:00 นเป็นอ่ะเราก็รู้แน่ๆว่าอ่ะอย่าง
00:28:57 → 00:29:00 น้อยมันก็ไม่เกิน 6 ชมงนะคะแต่บางคนอย่าง
00:29:00 → 00:29:03 เงี้ยนอน 20:00 นตื่นมา 18:00 นเป็นอ่ะ
00:29:03 → 00:29:06 เราก็จะพอรู้คร่าวๆว่าอ่ะมัน 10 ชมมันก็
00:29:06 → 00:29:08 จะมีผลต่อการเลือกวิธีการรักษานะคะเนาะ
00:29:08 → 00:29:10 เพราะฉะนั้นเราเราพยายามรู้ระยะเวลาที่
00:29:10 → 00:29:13 เรายังแบบปกตินะคะแล้วก็ระยะเวลาที่เกิด
00:29:13 → 00:29:16 เหตุให้ได้มากที่สุดนะคะแต่ถ้าเกิดเป็น
00:29:16 → 00:29:18 กลุ่มที่ตื่นมาแล้วเป็นจริงๆ aing Stroke
00:29:18 → 00:29:21 จริงๆก็อย่างที่บอกค่ะว่าโอเคอาจจะไม่ใช่
00:29:21 → 00:29:24 โอกาสของการฉีดยาละลายลิ่มเลือดนะแต่ก็
00:29:24 → 00:29:27 ยังมีบางเคสที่เป็นโอกาสที่จะใส่สายสวน
00:29:27 → 00:29:30 ลากลิ่มเลือดได้เหมือนกันถ้าเราตรวจสมอง
00:29:30 → 00:29:32 ตรวจ CT สแกนหรือว่าตรวจดูกะ Flow ของ
00:29:33 → 00:29:34 เลือดแล้วมันยังอยู่ในกลุ่มที่เราจะทำ
00:29:35 → 00:29:38 หัตการนี้ได้นะคะเนาะอ่าเพราะฉะนั้นนะคะ
00:29:38 → 00:29:41 วันนี้นะคะก็เอ่ออยากให้รู้เรื่องของการ
00:29:41 → 00:29:45 รักษาเ่อกลุ่มเส้นเลือดสมองตีบนะคะ
00:29:45 → 00:29:49 คีย์เวิร์ดคือต้องรีบรู้อาการว่าแบบเนี้ย
00:29:49 → 00:29:52 น่าจะเป็นสกละนะคะก็อย่างที่บอกไปคือ
00:29:52 → 00:29:54 อาการของสมองอะไรก็ได้ไม่ต้องจำอ่ะคือ
00:29:54 → 00:29:57 อยู่ดีๆมันผิดปกติคอ่อสิ่งสำคัญคือมัน
00:29:57 → 00:30:00 เป็นแบบแบบเฉียบพลันนะคะเช่นหลงลืมมา 1
00:30:00 → 00:30:03 ปีอันนี้ไม่ใช่นะคะแต่ถ้าแบบตอนเนี้ยพูดๆ
00:30:03 → 00:30:06 อยู่หมอพูดๆอยู่แบบเนี้ยแล้วอยู่ดีๆแบบ
00:30:06 → 00:30:08 อีก 5 นาทีก็คือลิ้นแข็งพูดไม่ได้เลยแบบ
00:30:08 → 00:30:12 เนี้ยสงสัยสตกนะคะเนาะอาการที่เกิดขึ้น
00:30:12 → 00:30:15 อย่างเฉียบพันนะคะที่เป็นอาการสมองนะคะพอ
00:30:15 → 00:30:18 รู้แล้วเสร็จปุ๊บต้องรีบไปโรงพยาบาลนะคะ
00:30:19 → 00:30:21 เพื่อดูว่าเราเนี่ยมีโอกาสให้ยาละลายลิ่ม
00:30:21 → 00:30:25 เลือดได้มยหรือเรามีโอกาสที่จะสายๆสวนลาก
00:30:25 → 00:30:28 ลิ่มเลือดได้มนะคะเนาะซึ่งในเมืองไทยนะคะ
00:30:29 → 00:30:31 เบอร์ที่ให้โทรคือ
00:30:31 → 00:30:35 1669 นะคะเนาะส่วนใหญ่ก็เซฟเเบอร์ไว้เลย
00:30:35 → 00:30:37 เพราะว่าเวลาเกิดเรื่องหรือเกิดอะไรขึ้น
00:30:37 → 00:30:39 มาจริงๆนะคะกว่าเราจะเสิร์ชกว่าเราจะหา
00:30:39 → 00:30:42 เอ่อเอ่อเบอร์อะไรต่างๆเนี่ยบางทีมันก็ตก
00:30:42 → 00:30:44 ใจนะคะอย่างน้อยเราก็ต้องรู้เบอร์ฉุกเฉิน
00:30:44 → 00:30:47 ไว้คร่าวๆว่าเอ่อเราจะต้องโทรเบอร์ไหนนะ
00:30:47 → 00:30:50 คะเนาะสุดท้ายเราไปถึงโรงพยาบาลแล้วเราจะ
00:30:50 → 00:30:53 เป็นกลุ่มที่ให้ยาได้หรือไม่ได้หรือใส่
00:30:53 → 00:30:56 สายสวนอันนั้นเป็นเรื่องของคุณหมอที่ดูแล
00:30:56 → 00:30:59 ต้องเป็นผู้พิจารณานะคะบางคนนบอกว่าอุ๊ย
00:30:59 → 00:31:02 ขอใส่ไสสขอให้ยาได้มั้ยอย่างเงี้ยค่ะแบบ
00:31:02 → 00:31:06 ทำไมหมอไม่ให้ยาก็คือเอ่อไม่ใช่ว่าทุกกคน
00:31:06 → 00:31:09 จะจะทำแบบนั้นได้นะคะทุกการรักษามีความ
00:31:09 → 00:31:12 เสี่ยงนะคะไม่ว่าจะเป็นยาละลายลิ่มเลือด
00:31:12 → 00:31:14 หรือตัวใส่ๆสวนมันมีโอกาสที่ทำให้เกิด
00:31:14 → 00:31:16 เลือดออกสมองได้นะคะแต่ว่าเป็น
00:31:16 → 00:31:17 เปอร์เซ็นต์ที่น้อยนะไม่ได้เป็น
00:31:17 → 00:31:20 เปอร์เซ็นต์ที่เยอะยิ่งถ้าเราเลือกเคสที่
00:31:20 → 00:31:23 เอ่อได้เหมาะสมเท่าไหร่โอกาสตรงนั้นก็จะ
00:31:23 → 00:31:25 ยิ่งเกิดน้อยลงแต่ถ้าเกิดเคสไหนที่ดูมี
00:31:25 → 00:31:27 ความเสี่ยงจะมีเลือดออกเงี้ยค่ะคุณหมอบาง
00:31:27 → 00:31:30 ทีเขาก็อาจอาจจะเลือกที่จะไม่ให้มากกว่า
00:31:30 → 00:31:32 นะคะเนาะก็อันนี้ก็จะเป็นเรื่องของการ
00:31:32 → 00:31:34 รักษาเส้นเลือดสหองติดเฉียบพันธุ์ที่อยาก
00:31:34 → 00:31:37 ให้รู้นะรู้อาการรู้ว่าต้องรีบไปโรง
00:31:37 → 00:31:40 พยาบาลแล้วก็รีบโทรนะคะ 1669 นะคะเนาะก็
00:31:40 → 00:31:44 หวังว่าคลิปนี้นะคะอ่อจะเป็นประโยชน์นะคะ
00:31:44 → 00:31:47 เพราะว่าเอ่อส่วนใหญ่เนี่ยคนจะมาถามเยอะ
00:31:47 → 00:31:49 มากว่าไม่อยากเป็นสตกไม่อยากเป็นอัมพฤต
00:31:49 → 00:31:52 อัมพาตทำยังไงนะคะหมอก็จะบอกว่าไอ้ทำยัง
00:31:52 → 00:31:55 ไงอ่ะคือคุมปัจจัยเสี่ยงคุมให้ดีที่สุด
00:31:55 → 00:31:57 เท่าไหร่ยิ่งยิ่งเรามีปัจจัยเสี่ยงเยอะ
00:31:57 → 00:31:59 แล้วยิ่งเราเป็นเบาหวานด้วยมีความดันด้วย
00:31:59 → 00:32:03 ไขมันด้วยกินเหล้าด้วยสูบบุหรี่ด้วยโอกาส
00:32:03 → 00:32:06 มันก็เยอะอ่ะค่ะเนาะโลกทุกโลกอ่ะค่ะมันมี
00:32:06 → 00:32:08 เรื่องของปัจจัยเสียงขึ้นมาหมดไม่อยากติด
00:32:08 → 00:32:11 โควิดแต่ไปอยู่ที่คนเยอะๆก็มีโอกาสเยอะ
00:32:11 → 00:32:14 หน่อยนะคะอยากถ้าไม่อยากติดโควิดช่วงนั้น
00:32:14 → 00:32:16 อ่ะอยู่แต่บ้านโอกาสมันก็น้อยลงนะคะโลก
00:32:16 → 00:32:18 ทุกโลกมันก็อยู่ที่ว่าเราคุมปัจจัยเสียง
00:32:18 → 00:32:21 ได้ดีแค่ไหนแต่ถ้าต่อให้เราคุมดีที่สุดนะ
00:32:21 → 00:32:23 คุมดีที่สุดแล้วมันก็ยังมีโอกาสเกิดได้
00:32:23 → 00:32:27 อยู่นะคะเกิดแล้วทำยังไงอันนี้เป็นสิ่ง
00:32:27 → 00:32:30 สำคัญนะคะเนาะต้องรู้วิธีการรักษาไว้
00:32:30 → 00:32:32 เบื้องต้นเราจะได้รู้ความสำคัญถึงของความ
00:32:32 → 00:32:35 รีบไปโรงพยาบาลนะคะอย่างบางคนอย่างเงี้ย
00:32:35 → 00:32:37 อ่ะสมมุติว่ารู้แล้วว่าเอ้ยแขนขาอ่อนแรง
00:32:37 → 00:32:40 เอ่อๆขออาบน้ำก่อนแล้วกันแบบนี้ไม่ได้นะ
00:32:40 → 00:32:43 คะเพราะว่าขนาดเป็นคุณหมอที่อยู่งในโรง
00:32:43 → 00:32:45 พยาบาลนะปกติเวลาเจอตามเคส Stroke fast
00:32:45 → 00:32:47 track นะคะกลุ่มแบบเนี้เราจะเรียกว่า
00:32:47 → 00:32:48 Stroke fast track fast track ก็คือ
00:32:48 → 00:32:51 ถ้าคนไข้กลุ่มนี้มาคนไข้ได้เป็น priority
00:32:51 → 00:32:53 แรกเลยนะในการรักษาเพราะว่าเวลาเป็นสิ่ง
00:32:53 → 00:32:57 สำคัญนะคะหมออาจจะตรวจคนไข้คนอื่นอยู่ก็
00:32:57 → 00:33:00 คือทิ้งชาร์จเลยทิ้งแบบต้องทิ้งสมมุติว่า
00:33:00 → 00:33:02 บางทีอ่ะค่ะหมอตรวจคนไข้ opd อยู่คนไข้
00:33:02 → 00:33:05 ผู้ป่วยนอกอยู่เจอโดนตามว่ามีเคส Stroke
00:33:05 → 00:33:06 แบบนี้มาก็คือต้องรีบวิ่งไปดููให้เร็วที่
00:33:06 → 00:33:09 สุดหยุดทำทุกอย่างแล้วรักษาคนไข้ให้เร็ว
00:33:09 → 00:33:11 ที่สุดนะคะซึ่งอันนี้ก็บางคนคนที่เป็นคน
00:33:12 → 00:33:14 ที่ถูกคุณหมอทิ้งไปอาจจะไม่เข้าใจนะคะอาจ
00:33:14 → 00:33:17 จะเป็นจากกรณีนี้ก็ได้นะคะที่คุณหมอเอาจ
00:33:17 → 00:33:20 จะต้องรีบไปดูเคสเร่งด่วนนะคะเพราะถ้า
00:33:20 → 00:33:22 ยิ่งเราปล่อยเวลาให้นานเท่าไหร่คนไข้จะมี
00:33:22 → 00:33:24 โอกาสเกิดอัมพฤตอัมพาตถาวรมากยิ่งขึ้น
00:33:24 → 00:33:26 เท่านั้นนะคะเนาะอ่าสำหรับวันนี้นะคะ
00:33:26 → 00:33:30 เดี๋ยวดูนะว่ามีคำถามมั้ยอ่าตอนนี้ยังไม่
00:33:30 → 00:33:33 มีคำถามอะไรนะคะก็เดี๋ยวถ้าเกิดสมมุติว่า
00:33:33 → 00:33:36 เอ่อใครมีคำถามอะไรเนี่ยก็สามารถทิ้ง
00:33:36 → 00:33:38 คอมเมนต์ไว้ได้นะคะแล้วก็วันนี้ก็ขอจบ
00:33:38 → 00:33:43 คลิปนี้ไปก่อนเท่านี้นะคะสวัสดีค่ะ