00:00:00 → 00:00:02 เมื่อพ่อแม่ที่เคยแข็งแรงต้องป่วยเฉียบ
00:00:02 → 00:00:05 พันธุ์ด้วยโรคสตกลูกๆจะรับมืออย่างไรแล้ว
00:00:05 → 00:00:08 โลกนี้มีวิธีการสังเกตอาการก่อนที่จะเกิด
00:00:08 → 00:00:10 ขึ้นหรือไม่นี่คือหัวข้อที่เราจะคุยกันใน
00:00:11 → 00:00:13 บุปปกาหรือที่เคารพคู่มือการดูแลพ่อแม่
00:00:13 → 00:00:18 ของคนเจลูก
00:00:19 → 00:00:22 ครับจริงหรือเปล่าว่าโรคสตกเนี่ยมันไม่มี
00:00:22 → 00:00:25 สัญญาณเตือนล่วง
00:00:25 → 00:00:28 หน้าพูดง่ายๆรู้อีกทีก็สายไปแล้วมันคล้าย
00:00:28 → 00:00:31 กับฟ้าผ่า
00:00:31 → 00:00:35 ลูกๆนี่เขาควรจะตั้งหลักยังไงดีครับว่า
00:00:35 → 00:00:38 มันจะดีขึ้นมั้ยหรือมันไม่มีความหวัง
00:00:38 → 00:00:41 [เพลง]
00:00:41 → 00:00:44 แล้ววันนี้บุพการีที่เคารพ EP นี้จะชวน
00:00:44 → 00:00:47 ลูกๆมาทำความรู้จักแล้วก็ทำความเข้าใจโรค
00:00:47 → 00:00:50 สโตรกนะครับเพราะว่าลูกๆหลายๆคนนี้ก็
00:00:50 → 00:00:51 กำลังเผชิญปัญหานี้อยู่นะครับก็คือว่า
00:00:51 → 00:00:54 ต้องดูแลคุณพ่อคุณแม่ที่ป่วยด้วยโรคสโตรก
00:00:54 → 00:00:55 นะครับและแน่นอนว่าชีวิตเปลี่ยนเพราะว่า
00:00:56 → 00:00:58 ต้องใช้เวลาในการดูแลค่อนข้างเยอะมากที
00:00:58 → 00:01:01 เดียวนะครับลูกๆหลายๆคนก็เลยมักจะมีคำถาม
00:01:01 → 00:01:03 ครับว่าจริงๆแล้วโรคนี้เราจะสังเกตอย่าง
00:01:03 → 00:01:06 ไรนะครับว่าพ่อแม่เรามีแนวโน้มจะป่วยหรือ
00:01:06 → 00:01:09 เปล่าป่วยแล้วเนี่ยเราจะรับปมืออย่างไร
00:01:09 → 00:01:11 บ้างนะครับนี่ก็เลยเป็นหัวข้อที่เราจะ
00:01:11 → 00:01:14 สนทนากันในบุพการีที่เคารพนะครับวันนี้
00:01:14 → 00:01:16 เราจะสนทนากับคุณหมอผู้ช่วยศาสตราจารย์
00:01:17 → 00:01:19 นายแพทย์พาริชวงแพทย์นะครับคุณหมอเป็น
00:01:19 → 00:01:21 อาจารย์แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูเจ้าของเพจ
00:01:21 → 00:01:24 Stroke บูท Camp นะครับที่ให้คำปรึกษา
00:01:24 → 00:01:26 เกี่ยวกับโรคสโตรกนะครับที่มีคนติดตาม
00:01:26 → 00:01:28 เป็นหมื่นเลยนะครับสวัสดีครับคุณหมอครับ
00:01:28 → 00:01:31 สวัสดีครับสวัสดีครับเรื่องนี้เราเคยโยน
00:01:31 → 00:01:33 คำถามเข้าไปในเพจมนุษย์ต่างวัยครับคุณหมอ
00:01:33 → 00:01:36 แล้วก็คอมเมนต์ส่วนใหญ่ก็จะสะท้อนกลับมา
00:01:36 → 00:01:39 บอกว่าตัวเองเนี่ยก็กำลังเผชิญกับคนใน
00:01:39 → 00:01:42 บ้านที่อาจจะเป็นพ่อแม่หรือผู้สูงวัยใน
00:01:42 → 00:01:44 บ้านนะครับป่วยด้วยโรคนี้อยู่นะครับแล้ว
00:01:44 → 00:01:47 บางคนก็บอกว่าเออตัวตัวเองต้องทิ้งชีวิต
00:01:47 → 00:01:49 ไปเลยนะฮะบางคนบอกว่าเอ้ยโลกนี้มันไม่มี
00:01:49 → 00:01:52 สัญญาณเตือนเลยหรือเปล่านะครับแล้วก็มี
00:01:52 → 00:01:54 หลายๆคอมเมนต์ทีเดียวบอกว่าพอเกิดขึ้น
00:01:54 → 00:01:56 แล้วรู้สึกว่าโอหเป็นเรื่องหน้าใจหาย
00:01:56 → 00:01:58 ชีวิตปั่นป่วนมากครอบครัวต้องเปลี่ยนแปลง
00:01:58 → 00:02:01 ไปบอกป๊าที่ที่เคยเดินอยู่ดีๆเคยมีความ
00:02:01 → 00:02:04 สุขอยู่ดีๆนะครับบางทีอยู่ๆก็ล้มป่วยโดย
00:02:04 → 00:02:07 ที่ไม่ได้คาดคิดไว้นะครับหลายๆคนเนี่ยจะ
00:02:07 → 00:02:10 มีคอมเมนต์เข้ามาเล่าเรื่องเนี้ยคล้ายๆ
00:02:10 → 00:02:13 กันก็เลยอยากจะทำถามคุณหมอคำถามแรกเลย
00:02:13 → 00:02:16 ครับว่าจริงหรือเปล่าว่าโรคสตกเนี่ยมัน
00:02:16 → 00:02:18 ไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไร
00:02:18 → 00:02:24 ขึ้นคือพูดง่ายๆรู้อีกทีก็สายไปแล้ว
00:02:24 → 00:02:28 ครับถ้าพูดแบบสั้นต้องบอกว่ามันไม่เตือน
00:02:28 → 00:02:33 จริงๆอืมันคล้ายกับฟ้าผ่าครับคือมันลงลง
00:02:33 → 00:02:35 โดนก็เปรี้ยงเลยเปี้ยงเรานึกภาพนะครับ
00:02:35 → 00:02:39 สมมุติเราอยู่ในอาคารครับอายุ 50 ปีท่อ
00:02:39 → 00:02:41 น้ำวางตั้งแต่เปิดอาคารไม่เคยเปลี่ยนอื
00:02:42 → 00:02:44 ตะกันก็ค่อยๆเกาะค่อยๆเกาะไปวันนึงน้ำก็
00:02:44 → 00:02:46 ไม่ไหลหมายความว่าโรคที่มันเกิดจากการ
00:02:46 → 00:02:50 เสื่อมสภาพครับที่สะสมมาเรื่อยๆเนี่ยมัน
00:02:50 → 00:02:54 ไม่ออกอาการก็ได้แต่วันไหนมันมันถึงจุด
00:02:54 → 00:02:57 ที่มันไปไม่ได้แล้วมันตันละครับน้ำก็หยุด
00:02:57 → 00:03:00 ไหลหรืออย่างเส้นเลือดแตกเนี่ยเงี้ยอถ้า
00:03:00 → 00:03:03 เกิดว่าไม่ได้เป็นมีโรคเส้นเลือดโป่งพอง
00:03:03 → 00:03:05 หรืออะไรแต่เส้นเลือดปกติเนี่ยแต่อาศัย
00:03:05 → 00:03:08 ความชราครับกับอาศัยไลฟ์สไตล์ที่ไม่ดีผสม
00:03:08 → 00:03:12 ผสมกันเส้นเลือดก็ค่อยๆแข็งค่อยๆหนาค่อยๆ
00:03:12 → 00:03:16 เปราะบางจนวันนึงมันเจอความดันสูงครับ
00:03:16 → 00:03:20 เหมือนท่อน้ำที่เก่าจนเปราะแล้ววันนึงแรง
00:03:20 → 00:03:23 ดันปั๊มมันสูงผิดธรรมดานิดหน่อยแตกอออื
00:03:24 → 00:03:27 มันไม่เตือนครับคือถ้ามันแตกก็คือโพะเลยอ
00:03:27 → 00:03:29 เพราะฉะนั้นพูดได้ว่ามันไม่เตือนจริงๆ
00:03:29 → 00:03:32 ครับมันเป็นโรคที่ไม่เตือนทีนี้เราจะ
00:03:32 → 00:03:35 เหลือความหวังอะไรล่ะถ้าเตือนไม่ได้ฮะถ้า
00:03:35 → 00:03:37 เรากลัวมันอยู่ตลอดเวลาคงไม่ดีมั้งเพราะ
00:03:37 → 00:03:39 ว่ายังไงมันก็ไม่เตือนอยู่แล้วจะไปเฝ้าดู
00:03:39 → 00:03:43 อะไรออทำเหตุปัจจัยให้มันดีดีกว่าอือๆก็
00:03:43 → 00:03:46 อย่างเช่นที่ทราบว่ามันมีปัจจัยเสี่ยง
00:03:46 → 00:03:48 ครับปัจจัยเสี่ยงหลายๆอย่างก็แก้ไม่ได้
00:03:48 → 00:03:51 อายุมันมันเพิ่มไปนับวันไปเรื่อยๆแต่ว่า
00:03:51 → 00:03:54 ไลฟ์สไตล์เนี่ยแก้ได้ใช่มั้ยครับอืๆอย่าง
00:03:54 → 00:03:57 ที่ทราบแน่ๆก็พวกเอ่อไขมันในเลือดสูงความ
00:03:57 → 00:04:00 ดันสูงใช่มั้ยครับเอ่อหรือว่าคนที่ที่มี
00:04:00 → 00:04:02 โรคที่มันจะก่อลิ่มเลือดอยู่ในเส้นเลือด
00:04:02 → 00:04:04 อยู่แล้วหรือคนที่เป็นโรคประเภทที่รู้ว่า
00:04:04 → 00:04:06 เส้นเลือดอักเสบอยู่ตลอดเวลาเป็นแพ้ภูมิ
00:04:06 → 00:04:09 ตัวเองพวกเนี้ยครับครับมันมีความเสี่ยง
00:04:09 → 00:04:11 ที่จะเกิดการอุดตันหรือเส้นเลือดแตกอะไร
00:04:11 → 00:04:15 ได้ง่ายอืๆเหล่าเนี้ยถ้ารู้ก็พยายามควบ
00:04:15 → 00:04:17 คุมเสียอย่างเงี้ยครับมันมีอีกอีกอย่าง
00:04:17 → 00:04:21 น่าสนใจนะคือว่าสตกเนี่ยมีหลายประสบการณ์
00:04:21 → 00:04:24 ของคุณหมอหลายท่านบอกว่าครับคนที่มีการ
00:04:24 → 00:04:29 ศึกษาสูงอมีไอคสูงมีความหลายหลากของ
00:04:29 → 00:04:31 ประสบการณ์การเยอะคือเคยทำมาหลายอย่างมาก
00:04:31 → 00:04:34 เล่นกีฬาหลายประเภทเล่นดนตรีพูดได้หลาย
00:04:34 → 00:04:37 ภาษาเวลาเป็นสตกเท่าๆกันคนอื่นเนี่ยดู
00:04:37 → 00:04:40 เหมือนจะมีโอกาสในการฟื้นตัวเยอะกว่าอ้อ
00:04:40 → 00:04:42 เหรอฮะเป็นคนที่ถ้าถ้าคุณหมอนิยามมาเมื่อ
00:04:42 → 00:04:44 สักครู่นี้มันเป็นเหมือนเหมือนประมาณคน
00:04:44 → 00:04:47 ที่ใช้สมองใช้พวกนี้เยอะหรือเปล่าฮะ
00:04:47 → 00:04:48 เกี่ยวฮะเพราะการฟื้นฟูหลังเป็นสตกเนี่ย
00:04:49 → 00:04:52 จริงๆมันคือการเรียนรู้เราเคยเดินได้อือ
00:04:52 → 00:04:55 แต่ว่าป่วยเป็นสตกทำให้เดินไม่ได้หรือทำ
00:04:55 → 00:04:57 ให้พูดไม่ได้ทำให้ฟังไม่ได้หรือได้บ้าง
00:04:57 → 00:05:01 ไม่เท่าปกติการการที่เราจะกลับมาทำได้อีก
00:05:01 → 00:05:03 ครั้งหนึงอ่ะมันก็ต้องใส่การเรียนรู้ใหม่
00:05:03 → 00:05:06 มันเหมือนมีนักเรียนที่อ่อนนะครับเราสอน
00:05:06 → 00:05:08 นักเรียนที่ไม่เก่งอ่ะครับถ้าสอนเด็ก
00:05:08 → 00:05:10 จีเนียสเนี่ยแทบไม่ต้องไปยุ่งกับเขาใช่ฮะ
00:05:10 → 00:05:13 คือเอาเขาวางไว้เเรียนเองจบครับแต่ถ้า
00:05:13 → 00:05:15 เกิดว่าสอนเด็กที่อ่อนหน่อยเนี่ยเราต้อง
00:05:15 → 00:05:18 ฉลาดสอนเราต้องฉลาดดูเด็กว่าเด็กคนนี้นิด
00:05:18 → 00:05:22 อะไรเราเติมให้พอเหมาะกับเาอครับเขาจะ
00:05:22 → 00:05:24 พัฒนาได้เยอะอืครับเพราะเมื่อกี้ที่เมื่อ
00:05:24 → 00:05:26 กี้เราเราคุยเรื่องนั่นนฮะว่าทีไม่ไม่ทัน
00:05:27 → 00:05:30 ตั้งตัวอยู่ๆก็ก็ป่วยเลยก็มีคนบอกยกันคิด
00:05:30 → 00:05:32 ว่าเแข็งแรงเนี่คืออาจจะเป็นคุณพ่อหรือ
00:05:32 → 00:05:34 คุณแม่นะครับคิดว่าแข็งแรงมาโดยตลอดจนวัน
00:05:34 → 00:05:38 หนึงภัยเงียบก็มาถึงจากผู้นำครอบครัวจนมา
00:05:38 → 00:05:41 เป็นภาวะพึ่งพิงแต่โชคดีที่ full
00:05:41 → 00:05:43 recovery ได้ภายใน 3-6 เดือนอะไรนะครับ
00:05:43 → 00:05:46 บอกว่ากายภาพทำทุกอย่างให้กลับมาได้เร็ว
00:05:46 → 00:05:49 ที่สุดนะครับแล้วก็แต่ว่าเขาบอกว่าแต่พอ
00:05:49 → 00:05:52 หลังจากสตกเนี่ยคุณพ่อก็เลยมีอาการ
00:05:52 → 00:05:55 หงุดหงิดขี้โมโหเพราะทำอะไรบางอย่างเอง
00:05:55 → 00:05:57 ได้ไม่เหมือนเดิมนะครับอันนี้อันนี้ก็
00:05:57 → 00:06:00 เป็นคำถามต่อเนื่องมาจากที่เมื่อสักครู่
00:06:00 → 00:06:02 นี่เค้าถามว่าเอ้ยแล้วมันมันมีสัญญาณอะไร
00:06:02 → 00:06:04 ที่จะรู้หรือเปล่าคือสกเนี่ยมันเป็นความ
00:06:04 → 00:06:07 สูญเสียครับเพราะเราเสียฟังก์ชันอะไรบาง
00:06:07 → 00:06:10 อย่างไปความสูญเสียเนี่ยเป็นความสูญเสีย
00:06:10 → 00:06:13 ที่อาจจะใหญ่พอสมควรส่งผลกระทบกับชีวิต
00:06:13 → 00:06:14 ครับเมื่อมีความสูญเสียเนี่ยมันก็จะมี
00:06:14 → 00:06:17 ขบวนของการขบวนการทางจิตวิทยานะครับที่
00:06:17 → 00:06:20 เราจะเบื้องแรกปฏิเสธไม่ยอมรับหรือว่า
00:06:20 → 00:06:22 หรือว่าต่อพยายามต่อรองว่ามันไม่จริงละ
00:06:22 → 00:06:26 มั่งเดี๋ยวมันคงดีมั้งอย่างเงี้ยบางทีเขา
00:06:26 → 00:06:29 ไม่เข้าใจว่าสตกมันฟื้นได้ยังไงเมื่อไม่
00:06:29 → 00:06:31 เข้าใจใเนี่ยก็เลยไม่รู้ว่าจะทุ่มเท
00:06:31 → 00:06:35 สรรพกำลังลงไปตรงไหนอืเมื่อไม่ไม่มีความ
00:06:35 → 00:06:38 ตัดใจได้เดินหน้าเต็มตัวทุบหม้อข้าวเข้า
00:06:38 → 00:06:42 ตีเมืองเงี้ยครับมันก็จะหวังผลในการฟื้น
00:06:42 → 00:06:45 ฟูได้ต่ำกว่าที่ควรใครที่ไม่เข้าใจตรงนี้
00:06:45 → 00:06:48 จะไม่มีแรงสู้อืๆสตกเนี่ยคือเซลล์สมองตาย
00:06:49 → 00:06:51 ไปแล้วจำนวนนึงครับเซลล์สมองที่ตายแล้ว
00:06:51 → 00:06:53 เนี่ยไม่สามารถเ่อเกิดใหม่หรือฟื้นขึ้นมา
00:06:53 → 00:06:56 เป็นซอมบี้ได้ก็คือว่าจากไปแล้วจากไปเลย
00:06:57 → 00:06:59 แต่เนื่องจากว่าสมองเนี่ยมีประชากรเซลล
00:06:59 → 00:07:02 สมองอยู่จำนวนเป็นพันล้านมันเยอะมากเยอะ
00:07:02 → 00:07:05 มากๆมันเป็นเครือข่ายที่มีความซ้ำซากออืๆ
00:07:05 → 00:07:08 ๆคล้ายๆฮาร์ดดิสก์ที่เราต่อเป็นเรทเอาไว้
00:07:08 → 00:07:11 ครับครับคือบางทีตัวนี้ไม่อยู่มีตัวอื่น
00:07:11 → 00:07:14 ทำงานแทนกันได้นะครับเหมือนอินเทอร์เน็ต
00:07:14 → 00:07:17 Server เจ๊งก็วิ่งอ้อมโลกไปที่อื่นก็ได้
00:07:17 → 00:07:20 ในที่สุดก็ทำงานได้อื่นฮะฮะเอ่อเพราะ
00:07:20 → 00:07:23 ฉะนั้นสมองเนี่ยถ้าถ้าความเสียหายไม่เยอะ
00:07:23 → 00:07:27 ครับมันสามารถที่จะทำงานเหมือนเดิมอืโดย
00:07:27 → 00:07:31 เราไม่รู้เลยอืได้ถ้ารอยโรคเล็กและไม่ได้
00:07:31 → 00:07:34 อยู่ในจุดที่เป็นับสำคัญแต่ถ้าเป็นจุด
00:07:34 → 00:07:37 เชื่อมโยงสำคัญทีนี้หนักละอืๆก็ต้องหาหา
00:07:37 → 00:07:42 ทางแต่งตั้งครับ Server ตัวเล็กๆตัวอื่น
00:07:42 → 00:07:44 ที่มันไม่ได้ใหญ่โตแข็งแรงแต่เอ็งต้องทำ
00:07:44 → 00:07:47 งานแทนพี่เขาเอ็งต้องเป็นเป็นตัวเชื่อม
00:07:47 → 00:07:50 กลางออครับถ้าฝึกมันดีๆมันก็พอทำได้ครับ
00:07:51 → 00:07:54 ซึ่งในกรณีเนี้ก็คือฟื้นไม่เหมือนปกติ
00:07:54 → 00:07:57 ครับหรือฟื้นเหมือนปกติแต่ว่าจะมี
00:07:57 → 00:07:59 capacity ต่ำหน่อยคือทำได้ทุกอย่างอแต่
00:07:59 → 00:08:03 ทำเร็วไม่ได้อ่าแสดงว่ากรณีนี้ผู้ป่วยบาง
00:08:03 → 00:08:06 คนนี่ถ้ามันไม่ได้อยู่ในจุดสำคัญแทนที่
00:08:06 → 00:08:08 แทนที่จะแบบจะหนักใจก่อนก็พยายามให้ให้
00:08:08 → 00:08:10 กลับไปดูว่าเอ๊มันยังมีสิทธิ์ฟื้นฟูในบาง
00:08:10 → 00:08:12 กรณีที่มันในในจุดที่ไม่สำคัญใช่มั้ยฮะ
00:08:12 → 00:08:15 สมองเนี่ยมันหยุดทำงานมันเป็นสตกเซลล์
00:08:15 → 00:08:17 สมองบางส่วนมันจะตายไปเลยแต่บางส่วนมัน
00:08:17 → 00:08:20 ไม่ตายบางส่วนมันหยุดทำงานโดยมันไม่ตายอ
00:08:20 → 00:08:22 เขาเรียกว่าระเบิดลงเนี่ยคนที่โดนระเบิด
00:08:22 → 00:08:25 ลงหัวนี่ตายแน่นอนอแต่ระเบิดลงข้างๆนี่
00:08:25 → 00:08:29 แค่สลบอ่าหรือมึนๆงงๆทำงานไม่ได้ครับนั่ง
00:08:29 → 00:08:33 งงๆอยู่อืทีนี้การฟื้นฟูเนี่ยเราไม่ใช่
00:08:33 → 00:08:35 ให้ที่ตายแล้วฟื้นแต่เราไอ้ที่ตัวที่มัน
00:08:36 → 00:08:40 มันมันน่วมๆอยู่รอบๆเนี่ยปลุกมันมาทำงาน
00:08:40 → 00:08:43 ออครับต้องมีวิธีไปปลุกมันดีๆครับถ้าไป
00:08:43 → 00:08:46 เร้ามันมากเดี๋ยวมันช็อกน็อคไปอีกอืก็
00:08:46 → 00:08:49 เร้าเพอสมควรเร้าแล้วก็ค่อยๆเหนี่ยวนำเข
00:08:49 → 00:08:52 เข้ามากลับสู่วงจรการทำงานถ้าเราทำตรงนี้
00:08:52 → 00:08:55 ได้มากครับมันก็ทำให้กลับมาใกล้เคียงปกติ
00:08:55 → 00:08:58 มากที่สุดออซึ่งแสดงว่าแนวโน้มมันก็เลยจะ
00:08:58 → 00:09:01 เกิดขึ้นในกลุ่มผู้ผู้สูงอายุอย่างมั้ฮ
00:09:01 → 00:09:05 ใช่ครับคนไม่สูงอายุก็เป็นเนาะอืๆอายุ 40
00:09:05 → 00:09:08 ก็มีบางที 30 กว่าก็มีบางคนน่ะเข้าใจได้
00:09:08 → 00:09:11 เพราะว่าเกิดมาเส้นเลือดโปร่งพองโปร่ง
00:09:11 → 00:09:16 อยู่ไม่รู้อืวันนึงมันมันค่อยๆปริปริิออก
00:09:16 → 00:09:19 จนแตกอันเนี้ยพวกนี้มันก็เป็นพวกกรณียก
00:09:19 → 00:09:22 เว้นซึ่งมันก็หาครับพบไม่ได้บ่อยนักแต่
00:09:22 → 00:09:25 ส่วนมากเนี่ยมันเป็นแบบว่าอายุน้อยเป็น
00:09:25 → 00:09:30 สตกครับแล้วก็หาปัจจัยเสี่ยงหาโรคไม่เจอ
00:09:30 → 00:09:33 อืๆเพราะว่าส่วนมากประมาณมากกว่าครึ่งคือ
00:09:33 → 00:09:36 ยืนยันไม่ได้ว่าสตกมาจากไหนทำไมเส้นเลือด
00:09:36 → 00:09:39 ตีบครับโดยเฉพาะในคนอายุน้อยอือๆแต่ถ้า
00:09:39 → 00:09:42 จากการสังเกตประสบการณ์เนาะเบอกว่าเป็นไป
00:09:42 → 00:09:45 ได้มั้ยมันจะเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์อย่างเช่น
00:09:45 → 00:09:50 ว่าความเครียดสะสมครับการกินอยู่ที่ไม่ดี
00:09:50 → 00:09:53 เพราะว่ามีคนไข้หลายคนที่เป็นสรกอายุน้อย
00:09:53 → 00:09:56 แล้วถูกสภาพการบังคับอคือหลังจากเป็นสตก
00:09:56 → 00:09:59 แล้วต้องปรับวิถีชีวิตขนาดใหญ่ครับกินดี
00:09:59 → 00:10:01 อยู่ดีนอนเป็น
00:10:01 → 00:10:06 เวลางดเหล้างดบุหรี่อืๆฮะอยู่กัน 10 ปี
00:10:06 → 00:10:09 ไม่เป็นสตกอีกเลยอ่ะเออคือหมายถึงเคยเป็น
00:10:09 → 00:10:11 ครั้งนึงแล้วพอกลับไปดูแลตัวเองเสร็จก็จะ
00:10:11 → 00:10:12 ไม่กลับมาเป็นใหม่ครับมันมีหลายคนที่ผม
00:10:12 → 00:10:14 เห็นเป็นแบบนั้นซึ่งมันจะไม่เข้ากับโมเดล
00:10:14 → 00:10:16 ที่เราพูดเมื่อกี้ว่าเหมือนอาคารเก่าใช่
00:10:16 → 00:10:19 มั้ยครับครับแล้วที่เเมื่อสักครู่นี้คุณ
00:10:19 → 00:10:21 หมอบอกว่าจริงๆบางบางทีอาจจะบอกว่าบางที
00:10:21 → 00:10:23 มันไม่มีสัญญาณเตือนสัญญาณเตือนมาก่อนมัน
00:10:23 → 00:10:26 บางทีเหมือนแบบฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาแล้วถ้า
00:10:26 → 00:10:29 สมมุติว่าเราจะให้อาจจะให้เช็คลิสกับลูกๆ
00:10:29 → 00:10:32 สักสักนิดนึงเพื่อที่จะลูกๆอาจจะไประวัง
00:10:32 → 00:10:34 เรื่องความเสี่ยงเนี่ยเค้าจะต้องคอย
00:10:34 → 00:10:37 สังเกตอะไรครับว่าพ่อแม่ของตัวเองเนี่ยมี
00:10:37 → 00:10:40 แนวโน้มจะเป็นเรื่องนี้หรือเปล่าหรือควร
00:10:40 → 00:10:41 พาไปตรวจก่อนเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เกิด
00:10:41 → 00:10:46 เรื่องนี้ครับ
00:10:46 → 00:10:49 อ่าเวลาเป็นสตกก็มีอาการได้ทุกระบบความ
00:10:49 → 00:10:52 คิดความจำการพูดเอ่อการวางแผนการเคลื่อน
00:10:52 → 00:10:56 ไหวความรู้สึกคือทุกอย่างเลยอ่ะมันมัน
00:10:56 → 00:10:58 เกิดได้ทั้งหมดเพราะสมองมันทำทุกอย่างที
00:10:58 → 00:11:01 นี้เวลาเป็นมินิสตกเนี่ยมองเห็นได้ชัดมาก
00:11:01 → 00:11:05 เช่นอยู่ๆมองเห็นภาพมืดไปออมืดไปข้าง
00:11:05 → 00:11:08 เดียวอยู่ๆก็มืดไปไม่ช้านานกลับมามองได้
00:11:08 → 00:11:12 ปกติหรืออยู่ๆอ่อนแรงครับมือยกไม่ขึ้นอือ
00:11:12 → 00:11:14 แต่พอเสร็จแล้วก็เออสักครู่มีแรงแล้วฟัง
00:11:14 → 00:11:17 ภาษาพูดไม่รู้เรื่องหรือพูดไม่ออกเป็น
00:11:17 → 00:11:20 ภาษาปกติอยู่ๆก็ลิ้นไก่แข็งเอ่อลิ้นแข็ง
00:11:20 → 00:11:24 พูดไม่ชัดเออนึกคำพูดไม่ออกแบบพูดสื่อสาร
00:11:24 → 00:11:27 ไม่ได้หรืออ่อนแรงไปครึ่งซีกหรือว่าชาไป
00:11:28 → 00:11:31 ครึ่งซีกร่างกายอืแล้วก็ไม่ช้านานกลับมา
00:11:31 → 00:11:34 ดีอีกเนี่ยครับอันนี้เป็นอาการที่ที่
00:11:34 → 00:11:38 เตือนที่ที่ควรต้องระวังระวังทำไงก็คือ
00:11:38 → 00:11:41 ว่าไปหาหมอบอกหมอว่ามีอาการอย่างนี้อย่าง
00:11:41 → 00:11:45 งี้เขาก็จะไปตรวจเส้นเลือดสแกนสมองอะไรดู
00:11:45 → 00:11:48 หาร่องรอยแล้วถ้าเกิดว่าเขาเจอว่ามันมี
00:11:48 → 00:11:50 ความเสี่ยงสูงเขาอาจจะให้ยาละลายลิ่ม
00:11:50 → 00:11:54 เลือดบ้างให้ยาที่อป้องกันลดโอกาสที่มัน
00:11:54 → 00:11:58 จะเกิดการเป็นสตกจริงๆจังๆขึ้นมาอืมครับ
00:11:58 → 00:12:01 แสดงแสดงว่าถ้ามีอาการแบบนี้ถ้าคุณพ่อคุณ
00:12:01 → 00:12:03 แม่เป็นอาจจะต้องรีบบอกลูกๆก่อนหรือถ้า
00:12:03 → 00:12:05 สมมุติว่าคุณพ่อคุณพ่อคุณแม่ไปบอกลูกๆ
00:12:05 → 00:12:07 แล้วแล้วลูกๆได้ยินว่ามีอาการแบบนี้ก็ไม่
00:12:07 → 00:12:10 ควรนิ่งนอนใจควรจะพาไปตรวจก่อนอมันเป็น
00:12:10 → 00:12:13 สัญญาณบอกเราได้หน่อยนึงถัดมาครับคุณหมอ
00:12:13 → 00:12:15 เขาบอกว่าอ้าแล้วถ้าสมมุติว่าเป็นแล้วล่ะ
00:12:15 → 00:12:19 เนาะอ่าลูกๆก็จะมีคมนถามกันเข้ามาครับว่า
00:12:19 → 00:12:21 สิ่งที่ลูกต้องเผชิญเมื่อพ่อแม่เป็นสรก
00:12:22 → 00:12:24 เนี่ยความเสียหายที่เกิดขึ้นมันมันมีสัก
00:12:24 → 00:12:28 กี่ระดับอะไรบ้างคือสมองนี่มันรับผิดชอบ
00:12:28 → 00:12:30 ทุกอย่างเวลาสองของป่วยก็เลยเสียหายได้
00:12:30 → 00:12:33 ได้หลายอย่างมากขึ้นกับว่ามันไปเสียหายใน
00:12:33 → 00:12:36 วงจรที่มันควบคุมเรื่องอะไรอครับครับมัน
00:12:36 → 00:12:39 มีเ่อฟังก์ชันของร่างกายเราเวลาเป็นสตก
00:12:39 → 00:12:41 เนี่ยเรามักจะนึกถึงอาการอ่อนแรงคนจะพูด
00:12:41 → 00:12:43 ว่าเป็นสตกอ่อนแรงอันนั้นเป็นเรื่องที่
00:12:43 → 00:12:46 เห็นใจชัดที่สุดแต่จริงๆมันมีตั้งแต่
00:12:46 → 00:12:49 เรื่องว่าเป็นสตกแล้วการตื่นตัวคือตื่น
00:12:49 → 00:12:51 หรือไม่ตื่นตื่นแล้วแจ่มใสดีรู้เรื่องดี
00:12:51 → 00:12:54 ปกติมั้ยออืๆเอ่อเมื่อตื่นมาแล้วมี
00:12:54 → 00:12:57 ปฏิสัมพันธ์กับโรคภายนอกได้หรือว่าตื่นมา
00:12:57 → 00:13:00 เบิ่งตามองอยู่เฉยๆไม่ไม่รับรู้ใครคือ
00:13:00 → 00:13:04 ตื่นอืแต่ไม่รับรู้ถึงคนอื่นอฮะฮะถ้ารับ
00:13:04 → 00:13:07 รู้แล้วความรับรู้นั้นมีความซับซ้อนครับ
00:13:07 → 00:13:11 เช่นฟังภาษาเข้าใจเข้าใจเป็นคำๆหรือเข้า
00:13:11 → 00:13:14 ใจเป็นประโยคต่างกันอือๆๆเอ่อเข้าใจแล้ว
00:13:14 → 00:13:17 มีความคิดเชื่อมโยงเหตุผลได้ได้ง่าย
00:13:17 → 00:13:19 เหมือนเด็ก 2 ขวบ 3 ขวบหรือได้มากกว่า
00:13:19 → 00:13:22 นั้นเหมือนคนผู้ใหญ่ออือเชื่อมโยงความคิด
00:13:22 → 00:13:26 แล้วจำได้มยฮะเอ่อถ้าอยากสื่อสารออกมา
00:13:26 → 00:13:29 สื่อได้เป็นคำๆอืหรือว่าสื่อได้เป็นประ
00:13:29 → 00:13:31 ประโยคครับเอ่าๆบางคนมีปัญหาในการเลือก
00:13:31 → 00:13:35 โปรแกรมการเคลื่อนไหวเเรียก M axia เออ
00:13:35 → 00:13:38 ก็เป็นปัญหาที่ที่ที่ก่อกวนมากๆเหมือนกัน
00:13:38 → 00:13:43 เพราะบางทีมีแรงแต่ทำไม่ถูกอืๆอาการทาง
00:13:43 → 00:13:45 สมองเนี่ยมันทำให้เกิดอาการได้หลายหลาก
00:13:45 → 00:13:48 หลายด้านแล้วแต่ละด้านจะรุนแรงมากน้อยก็
00:13:48 → 00:13:52 ก็ก็ก็ไม่เหมือนกันอีกอืๆบางคนไม่มีปัญหา
00:13:52 → 00:13:54 อื่นเลยแต่มีปัญหาการตัดสินใจและเหตุผล
00:13:54 → 00:13:58 อ๋อเหรอฮะครับทำให้ทำอะไรที่ทำตามคำสั่ง
00:13:58 → 00:14:01 ไม่ได้หรือบังคับใเอืเพราะเช่นนี้แล้ว
00:14:01 → 00:14:03 เนี่ยมันจะมีความหหลหลักแตกต่างกันมาก
00:14:03 → 00:14:06 ครับแต่เราอาจจะขมวดเป็นกลุ่มได้ว่าอัน
00:14:06 → 00:14:09 ที่ 1 ก็คือคนที่เป็นสตกเบาที่สุดก็คือคน
00:14:09 → 00:14:12 ที่หายเหมือนกับเหมือนเหมือนปกติเลยอคือ
00:14:12 → 00:14:15 คนไข้ก็ลืมไปว่าเคยป่วยสามารถลืมได้เลย
00:14:15 → 00:14:17 ว่าเคยป่วยเพราะมีใช้ชีวิตเหมือนปกติคน
00:14:17 → 00:14:20 อื่นก็ดูไม่ออกอันนี้คือพวกดีที่สุดอครับ
00:14:20 → 00:14:23 ลองลงมาก็คือว่ามีความบกพร่องบ้างอืแต่
00:14:23 → 00:14:27 ว่าเขาอยู่ได้ไม่ต้องอาศัยใครครับถ้าแย่
00:14:27 → 00:14:31 ลงไปอีกมันก็จะขึ้นกับว่าต้องอาศัยคนอื่น
00:14:31 → 00:14:33 ช่วยอมันก็จะแบ่งเป็นพวกช่วยน้อยกับช่วย
00:14:33 → 00:14:36 มากช่วยน้อยช่วยเป็นบางครั้งบางคราวบาง
00:14:36 → 00:14:40 กิจกรรมที่ยากครับกับช่วยมากคือต้องต้อง
00:14:40 → 00:14:43 ช่วยตลอดเลยอ่ะอืๆแล้วก็เป็นพวกหนักพวก
00:14:44 → 00:14:46 หนักคือต้องเฝ้าตลอดปล่อยไม่ได้ครับเดิน
00:14:46 → 00:14:48 สะเปะสะปะไม่รู้จะหลุดออกไปนอกบ้านกลับ
00:14:48 → 00:14:52 ไม่ถูกเมื่อไหร่ไม่รู้จะมีปัญหาฟืนไฟไฟ
00:14:52 → 00:14:55 ฟ้าอครับเมื่อไหร่โหต้องเฝ้าตลอดเหมือน
00:14:55 → 00:14:58 เด็กเด็กที่เดินได้แล้วเหนื่อยกว่านะครับ
00:14:58 → 00:15:00 ทำไมฟังรูดแล้วมันคล้ายๆพวกอาการแบบสมอง
00:15:00 → 00:15:02 เสื่อมเหมือนกันครับพคือเอ่อสโตรกเป็นโรค
00:15:02 → 00:15:05 สมองเพราะฉะนั้นมันสามารถทำให้เกิดอาการ
00:15:05 → 00:15:09 สมองเสื่อมได้ออคนที่เป็นผู้สูงอายุที่
00:15:09 → 00:15:12 เป็นสตกมีโอกาสประมาณ 20 -30% ที่จะเกิด
00:15:12 → 00:15:15 ภาวะสมองเสื่อมครับครับแล้วกลุ่มที่ดูแล
00:15:15 → 00:15:17 หนักที่สุดเมื่อกี้นะพูดถึงไล่มาก็คือว่า
00:15:17 → 00:15:21 กลุ่มที่ว่าต้องเฝ้าตลอดแล้วยังต้องใช้
00:15:21 → 00:15:24 แรงงานเยอะเช่นใช้คนในการพลิกตัวเพราะคนๆ
00:15:24 → 00:15:27 คหนึ่งเนี่ยหนัก 50-60 กลเนี่ยใช่มั้ย
00:15:27 → 00:15:30 ครับจะพลิกตัวเค้าจะพยพยุงเนั่งถ้าเขาไม่
00:15:30 → 00:15:32 ช่วยหรือช่วยเองไม่ได้เลยเนี่ยก็ต้องใช้
00:15:32 → 00:15:37 คน 2-3 คนละอืๆแล้วถ้าเกิดว่าต้องทำทั้ง
00:15:37 → 00:15:41 ผลัดกลางวันกลางคืนครับมันก็จะจะเรียกว่า
00:15:41 → 00:15:44 เป็นความดูแลที่ intensive ขึ้นไปอีกเอ่อ
00:15:44 → 00:15:47 ข่าวดีก็คือว่ามีข่าวดีมีข่าวดีนะครับคน
00:15:47 → 00:15:50 ไข้ผมคนนึงเขบอกว่าสตกเป็นโรคที่ดีขึ้น
00:15:50 → 00:15:54 ทุกวันอืๆผมว่าเค้าก็ถูกอยู่พอสมควรคือ
00:15:54 → 00:15:56 คือวันที่เป็นมันแย่ที่สุดหลังจากนั้นมัน
00:15:56 → 00:15:59 ค่อยๆดีขึ้นอมันจะดีมากดีน้อยก็ก็แล้วแต่
00:15:59 → 00:16:03 ครับทีนี้เหมือนเราเราเรากู้สุขภาพกู้
00:16:03 → 00:16:06 ความสามารถคืนมาครับได้มากได้น้อยมันก็
00:16:06 → 00:16:09 ยังได้ครับมันก็ทำให้ลดปัญหาลงแล้วถ้าเรา
00:16:09 → 00:16:13 มองดูดีๆเราวางลำดับความสำคัญว่าอือปัญหา
00:16:13 → 00:16:15 เรื่องไหนส่งผลกระทบกับชีวิตของคนไข้หรือ
00:16:15 → 00:16:18 ของคนดูแลมากที่สุดเราไปโฟกัสความ effort
00:16:18 → 00:16:22 ของเราในเรื่องนั้นก่อนน่าจะยิ่งดีกระบวน
00:16:22 → 00:16:24 การมันก็จะเป็นว่าเราต้องประเมินคนไข้คน
00:16:25 → 00:16:27 ไข้คนเนี้ยในฟังก์ชันที่พูดว่าสมองมันทำ
00:16:27 → 00:16:29 ทุกอย่างอ่ะครับต้องประเมินให้รอบเลยนะ
00:16:29 → 00:16:31 เรื่องเดินคุณเป็นยังไงเรื่องบานคุณเป็น
00:16:31 → 00:16:33 ยังไงเรื่องแขนคุณเป็นยังไงเรื่องความรู้
00:16:33 → 00:16:35 สึกเป็นยังไงเรื่องความคิดความจำเรื่อง
00:16:35 → 00:16:37 ทุกอย่างที่พูดมาเมื่อกี้มิติสัมพันธ์และ
00:16:37 → 00:16:41 อะไรต่างๆครับเสร็จแล้วเรื่องไหนมันส่งผล
00:16:41 → 00:16:44 กระทบกับชีวิตมากที่สุดกระทบชีวิตคนไข้
00:16:44 → 00:16:47 มากกระทบคนไข้ญาติญาติคนไข้มากครับอันไหน
00:16:47 → 00:16:51 กระทบแล้วต้องมาแกะดูว่าทำไมมันกระทบแล้ว
00:16:51 → 00:16:54 มันมีศักยภาพจะดีขึ้นได้ไหมเราอ่ะจะต้อง
00:16:54 → 00:16:57 พยายามทำคนไข้ให้กลับมาให้ใกล้เคียงปกติ
00:16:57 → 00:16:59 ในทุกๆอย่างครับหลังจากเราประเมินทุกด้าน
00:16:59 → 00:17:05 แล้วแต่ว่าเอ่อบางทีมันก็ไม่ได้ 100% อืๆ
00:17:05 → 00:17:07 มันก็เป็นเรื่องของการเอ่อปรับตัวเข้ากับ
00:17:07 → 00:17:11 ความพิการอืซึ่งมันเป็นมิติที่เรามักจะ
00:17:11 → 00:17:14 ไม่พูดตั้งแต่แรกไม่คิดถึงมันตั้งแต่แรกอ
00:17:14 → 00:17:17 เพราะว่าเวลาเกิดความสูญเสียครับมันก็
00:17:17 → 00:17:20 ต้องครับเราก็ทำให้มันสูญเสียน้อยที่สุด
00:17:20 → 00:17:23 แต่สุดท้ายแล้วมันอาจจะมีความสูญเสียอยู่
00:17:23 → 00:17:26 ที่เราต้องอยู่กับมันอครับเราไม่ควรจะ
00:17:26 → 00:17:30 เร่งรัดนักตั้งแต่แรกว่าว่าอ๋ออ้าพิการ
00:17:30 → 00:17:33 แล้วอยู่ไปเถอะอะไรอย่างเงี้ยอืยอมรับ
00:17:33 → 00:17:35 ความพิการอยู่ไปเถอะเราควรพยายามดิ้นรน
00:17:35 → 00:17:38 ฝึกฝนแต่พอมันถึงจุดนึงเนี่ยเราก็ต้องรับ
00:17:38 → 00:17:42 กับความที่มันมันได้เท่านี้ออืซึ่งการที่
00:17:42 → 00:17:44 เราจะบอกว่ามันได้เท่านี้มั้ยเนี่ยครับ
00:17:44 → 00:17:49 เอ่อศิลปะมันอยู่ที่การประเมินครับคือมัน
00:17:49 → 00:17:51 เหมือนเราเลี้ยงต้นไม้แล้วบอกเมื่อไหร่
00:17:51 → 00:17:54 มันจะหยุดโตต้นเนี้ยอืๆเราก็ต้องวัดนะ
00:17:54 → 00:17:56 ครับครับวัดทุกวันได้มั้ยไม่ได้ต้นไม้โต
00:17:56 → 00:17:59 ทุกวันวัดไม่ได้
00:17:59 → 00:18:02 วัดทุกเดือนน่าจะดีวัดทุก 2 อาทิตย์ดีวัด
00:18:02 → 00:18:05 ทุกอาทิตย์ออใกล้ไปหน่อยอืแต่ก็ขึ้นกับ
00:18:05 → 00:18:08 ต้นไม้ด้วยครับเราฝึกพูดเราก็ต้องวัดการ
00:18:08 → 00:18:11 พูดเราฝึกเดินก็ต้องวัดการเดินอเราฝึก
00:18:11 → 00:18:13 ช่วยเหลือตัวเอง dressing เราก็ต้องเราก็
00:18:13 → 00:18:16 ต้องฝึกแล้วก็ทุกอย่างมีสเกลแล้วตัวนี้จะ
00:18:16 → 00:18:19 เป็นตัวเราบอกเราว่าเ่อคนไข้ดีขึ้นดีขึ้น
00:18:19 → 00:18:22 ดีขึ้นดีขึ้นอถ้าตราบใดยังมี Change แสดง
00:18:22 → 00:18:25 ว่ายังเป็นขาขึ้นอยู่อ่าการวัดจึงสำคัญ
00:18:26 → 00:18:28 ครับคนชอบพูดเรื่อง Golden พีด 6 เดือน
00:18:28 → 00:18:33 อ่าใช่ๆครับเอ่อมันมีมันถูกว่าช่วง 6
00:18:33 → 00:18:35 เดือนแรกการฟื้นฟจะเร็วแล้วหลังจากนั้น
00:18:35 → 00:18:39 มักจะช้าลงครับแต่แต่มันไม่จบมันไม่ใช่
00:18:39 → 00:18:42 ว่า 6 เดือนแล้วมันจะแบบตัดบัญชีตัดน้ำ
00:18:42 → 00:18:44 ตัดไฟเราอือมันยังพัฒนาได้เพราะคนไม่เป็น
00:18:44 → 00:18:47 สตกยังเรียนรู้ได้เลยอืเวลาเราเรียนรู้
00:18:47 → 00:18:49 สิ่งใหม่เนี่ยสมองเราเปลี่ยนแปลงข้างในนะ
00:18:49 → 00:18:51 ครับคนให้สตกเนี่ยก็เกิดการเรียนรู้ด้วย
00:18:51 → 00:18:54 กลไกเดียวกันเพียงแต่สมองเขาอ่ะมีรอยรอย
00:18:54 → 00:18:57 โลคอยู่ครับเพราะฉะนั้นการเรียนรู้เจะยาก
00:18:57 → 00:18:59 กว่าคนอื่นอืแต่ไม่ได้หมายคามว่าเกิน 6
00:18:59 → 00:19:02 เดือนแล้วเจะเรียนรู้อะไรไม่ได้มันขึ้น
00:19:02 → 00:19:05 กับเรื่องด้วยถ้าเป็นเรื่อง
00:19:05 → 00:19:09 ของภาษาอืเรื่องของสิ่งที่ใช้เปลือกสมอง
00:19:09 → 00:19:12 เรื่องความคิดเรื่องจินตนาการเรื่องการ
00:19:12 → 00:19:15 รับรู้มิติสัมพันธ์สมองสามารถเรียนรู้ได้
00:19:15 → 00:19:17 นานมากเลยครับ 2 2 ปี 3 ปียังพัฒนาได้
00:19:17 → 00:19:21 เลยอครับถ้าเป็นเรื่องของแขนมือตันเร็ว
00:19:21 → 00:19:24 กว่าเพราะว่าการใช้มือแบบเนี้ยขยับนิ้ว
00:19:24 → 00:19:28 สวยๆเงี้ยพวกเนี้ยต้องใช้ใช้ระบบประสาท
00:19:28 → 00:19:31 สั่งการอยู่ชุดนึงซึ่งมนุษย์มีสัตว์อื่น
00:19:31 → 00:19:34 ไม่มีอืแม้แต่ลิงก็มีแบบน้อยๆเรียกว่าคอิ
00:19:34 → 00:19:36 spinal Track คิ spinal System คือ
00:19:36 → 00:19:38 เป็น System ที่วิ่งจาก cortex ลงมาที่
00:19:38 → 00:19:43 นี่เลยครับถ้าถ้าสายส่งอันนี้เจ๊งอคุณทำ
00:19:43 → 00:19:47 ไงก็สั่งไม่ได้สวยๆออครับเพราะฉะนั้นมือ
00:19:47 → 00:19:49 เนี่ยมันจะตันได้เร็วกว่าอย่างอื่นอืแต่
00:19:49 → 00:19:52 เรื่องการเดินและการทรงตัวอยู่ตรงกลาง
00:19:52 → 00:19:55 ครับเรื่องความคิดเหตุผลเรื่องอะไรพวกนี้
00:19:55 → 00:19:59 พัฒนาได้ยาวครับเรื่องการเดินกลางๆอเพราะ
00:19:59 → 00:20:02 การเดินเนี่ยมันมันระบบควบคุมของมันเนี่ย
00:20:02 → 00:20:04 เป็นระบบที่ primitive กว่าคือมันมีระบบ
00:20:04 → 00:20:06 ที่ redundant ระบบสำรองเหมือนมียัง
00:20:07 → 00:20:10 อะไหล่อืๆที่เราเค้นเอากลับมาใช้ได้ครับ
00:20:10 → 00:20:13 ถึงแม้ไม่เนียบมากแต่ว่าเค้นได้เยอะออๆๆ
00:20:13 → 00:20:15 ที่ที่เมื่อกี้คุณหมอเล่ามาตั้งแต่ต้นก็
00:20:15 → 00:20:18 คือว่ามันมีทั้งแบบว่าพยายามฝึกให้มัน
00:20:18 → 00:20:20 กลับมาเหมือนเดิมได้มากที่สุดแต่ถ้ามัน
00:20:20 → 00:20:21 เหมือนเดิมไม่ได้มากที่สุดมันก็คือ
00:20:21 → 00:20:23 compensate มัน compensate ปิดท้ายเข้า
00:20:23 → 00:20:25 ไปอีกทีนึงใช่ครับครับครับผมก็ต่อเนื่อง
00:20:25 → 00:20:28 มาจากเมื่อเมื่อสักครู่นี้ครับพอค้นพบว่า
00:20:28 → 00:20:30 เป็นแล้วก็จะมีคอมเมนต์มาถามครับบอกว่า
00:20:30 → 00:20:32 คุณพ่อเคยเป็นแต่ปัจจุบันปัจจุบันเนี่ย
00:20:32 → 00:20:35 รักษาได้ดีขึ้นมากแต่ก็ไม่ 100% อยากทราบ
00:20:35 → 00:20:38 ว่าในการรักษาสามารถทำให้กลับมาเดินหรือ
00:20:38 → 00:20:41 กลับมาสื่อสารได้ปกติหรือไม่หรือบอกได้ย
00:20:41 → 00:20:45 ครับไม่คะว่าพัฒนาต่อไม่ได้แล้วหรือแบบ
00:20:45 → 00:20:48 ไหนที่พัฒนาต่อได้อ่าผมเข้าใจว่าอันนี้
00:20:48 → 00:20:50 ลูกๆก็อยากรู้เนาะเมื่อพ่อแม่เป็นแล้ว
00:20:50 → 00:20:52 เอ้ยมันจะกลับมาได้เหมือนเดิมหรือเปล่าก็
00:20:52 → 00:20:54 ตัวช่วยก็คือการประเมินอืเพราะถ้าไม่
00:20:54 → 00:20:57 ประเมินก็จะไม่รู้ว่ามีความเปลี่ยนแปลงมย
00:20:57 → 00:21:00 หรือมีสักเท่าไหร่เหมือนเราเป็นไข้ไม่วัด
00:21:00 → 00:21:03 ไม่อมปลอดวัดไข้ก็ไม่รู้ว่าไข้มันตกลงมัน
00:21:03 → 00:21:05 ลงหรือมันขยับบ้างมั้ยใช่มั้ยครับรักษา
00:21:06 → 00:21:08 ความดันก็ต้องวัดรักษาเบาหวานก็ต้องวัด
00:21:08 → 00:21:11 น้ำตาลเงี้ยฮะเอ่อรักษาฟื้นฟูก็ต้องวัด
00:21:11 → 00:21:15 ฟังก์ชันครับซึ่งบางทีอาจจะให้เหมาะสมก็
00:21:15 → 00:21:18 ไปหาหมอทางเวทยสาสตร์ฟื้นฟูประเมินนี้เรา
00:21:18 → 00:21:20 ประเมินอะไรนะครับหอเวลาประเมินโเอ่อ
00:21:20 → 00:21:23 ประเมินเนี่ยหมายถึงว่าเราในแต่ละเรื่อง
00:21:23 → 00:21:25 มันก็มีการประเมินไม่เหมือนกันยกตัวอย่าง
00:21:25 → 00:21:27 เช่นการเดินการเดินเนี่ยเราอาจจะดูมี
00:21:27 → 00:21:31 คะแนนการเดินเดจับเวลาความเร็วการเดิน
00:21:31 → 00:21:34 วิเคราะห์ระยะการก้าวระยะก้าวยาวก้าวสั้น
00:21:34 → 00:21:38 อือครับวั Balance ก็มีมีแบบทดสอบครับจับ
00:21:38 → 00:21:40 เวลาบ้างให้คะแนนบ้างเพื่อจะบอกว่าบาาน
00:21:41 → 00:21:43 กี่คะแนนหรือใช้คอมพิวเตอร์วัดเพื่อวัด
00:21:43 → 00:21:46 คะแนน Balance ก็ทำได้อือๆเอ่อการวัดการ
00:21:46 → 00:21:49 พูดก็มีคะแนนหรือถึงไม่มีคะแนนแต่ก็มี
00:21:49 → 00:21:52 ระดับอาการที่ที่เราประเมินแล้วหมายไว้
00:21:52 → 00:21:54 ได้ว่าวันนี้เพอฟอร์มเท่านี้พรุ่งนี้
00:21:54 → 00:21:57 เพอฟอร์มเท่าไหร่เดือนหน้าต่างกันมยอครับ
00:21:57 → 00:21:59 เหล่านี้เนี่ยการประเมินจะเป็นตัวบอกว่า
00:21:59 → 00:22:01 คนไข้เปลี่ยนไม่เปลี่ยนแต่มันต้องคู่กับ
00:22:01 → 00:22:05 การการบำบัดออือเพราะว่าถ้าเราบำบัดส่วน
00:22:05 → 00:22:07 มากเนี่ยเราจะไปฟันธงว่าไม่พัฒนาเนี่ย
00:22:07 → 00:22:10 ครับครับเอ่อมันทำได้ยากเราจะเราจะมั่นใจ
00:22:10 → 00:22:13 ว่าคนไข้ไม่ดีขึ้นก็ก็ต่อเมื่อ 1 เราใส่
00:22:14 → 00:22:16 การรักษาที่คิดว่าตรงจุดที่สุดของเขาเข้า
00:22:16 → 00:22:19 ไปแล้วต่อเนื่องเป็นเวลาระยะนึงแล้วคนไข้
00:22:19 → 00:22:21 ไม่เปลี่ยนแปลงเลยอครับอันเนี้ยบอกได้ว่า
00:22:21 → 00:22:25 สุดสักยภาพอืคำว่าสุดศักยภาพเนี่ยเป็นคำ
00:22:25 → 00:22:28 ที่ทางเวทสาสตร์ฟื้นฟูใช้บ่อยอืๆเมื่อเรา
00:22:28 → 00:22:31 มั่นใจว่าคนไข้เนี่ยเราดันสุดละดันอย่าง
00:22:31 → 00:22:33 เหมาะสมที่สุดะดูยังไงก็ต้องดันแบบนี้
00:22:33 → 00:22:36 เพราะวิเคราะห์ปัญหาแล้วอครับแล้วก็
00:22:36 → 00:22:39 ประเมินแล้วคนไข้ไม่พัฒนาอันเนี้ยเราบอก
00:22:39 → 00:22:42 ว่าสุดศักยภาพในเงื่อนไขของเขาแบบนี้เรา
00:22:42 → 00:22:45 วัดดูเาไม่เปลี่ยนแล้วเาไม่สามารถจะใส่
00:22:45 → 00:22:47 intervention มากกว่านี้ได้เพราะงั้นใน
00:22:47 → 00:22:50 ในสภาพของเขาเนี่ยเขาอาจจะสุดตรงนี้
00:22:50 → 00:22:52 เหมือนต้นไม้ต้นเนี้ยอฮมันไม่มีโอกาสได้
00:22:52 → 00:22:54 ลงดินหรอกที่บ้านไม่มีดินให้ลงมันก็จะ
00:22:54 → 00:22:57 ต้องโตเท่านี้เพราะเราอยู่ในกระถางนี้มัน
00:22:57 → 00:22:59 ไม่สามารถไปอยู่กระถางอื่นได้ด้วยออเพราะ
00:22:59 → 00:23:01 ฉะนั้นครับมันก็คงโตได้เท่านี้เพราะเรา
00:23:01 → 00:23:03 วัดมา 3 เดือนแล้วเท่านี้ครับครับเพราะ
00:23:03 → 00:23:06 ฉะนั้นเวลาลูกๆมาถามคุณหมอว่าจะดีขึ้น
00:23:06 → 00:23:08 มั้ยจะพัฒนาการโอมันมีมันมีปัจจัยอะไรพวก
00:23:08 → 00:23:10 นี้อยู่ด้วยก็ต้องดูทั้งหมดเรื่องนี้เลย
00:23:11 → 00:23:15 ใช่ครับอครับอืแล้วก็ต้องเข้าใจว่าคนไข้
00:23:15 → 00:23:16 สโตรกเนี่ยมันไม่ใช่ว่าเราเปลี่ยนอะไหล่
00:23:16 → 00:23:19 นะครับเปลี่ยนอะไหล่เสียเขวี้ยงทิ้งไปเอา
00:23:19 → 00:23:22 อะไหล่ใหม่มาแทนอืออือเราอยู่กับสมองที่
00:23:22 → 00:23:26 เสียหายอืๆแล้วก็การที่คนที่เคยเป็นสตก
00:23:26 → 00:23:30 แล้วจริงๆครับแล้วดูไม่ออกว่าเคยเป็นสตก
00:23:30 → 00:23:32 หายดีเนี่ยมันไม่ได้แปลว่าสมองเหมือนเดิม
00:23:32 → 00:23:36 อออมันแปลว่าสมองลูกนั้นน่ะมันทำงานอยู่
00:23:36 → 00:23:40 ได้ทั้งๆที่มันมีรอยโหว่อืโดยการทดแทนภาย
00:23:40 → 00:23:43 ในออครับเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:23:43 → 00:23:49 เอ่อถ้าคนที่อาการหนักก็จึงมักจะกลับมา
00:23:49 → 00:23:52 ไม่ได้ 100% โดยเฉพาะเป็นนานๆแล้วอครับ
00:23:52 → 00:23:53 แล้ว
00:23:53 → 00:23:57 ก็การที่คนที่มีอาการเมื่อกี้พูดไปนิดนึง
00:23:57 → 00:23:59 ละแต่หลุดไปประเด็นไปว่าคนที่อาการเหมือน
00:23:59 → 00:24:03 กันตั้งแต่ต้นอืๆบางคนน่ะอาการเขาเป็น
00:24:03 → 00:24:05 เท่านี้เพราะเซลล์สมองมันตายเท่าเท่านี้
00:24:05 → 00:24:07 เลยครับแต่บางคนอาการเท่านี้แต่จริงๆ
00:24:07 → 00:24:10 เซลล์สมองตายแค่นี้ที่เหลือมันเป็นหยุดทำ
00:24:10 → 00:24:13 งานอืๆคนหลังนี่ต้องฟื้นดีกว่าคนแรกแน่
00:24:13 → 00:24:15 นอนถูกมั้ยอ่าใช่ครับแต่ว่าดิฟฟังก์ชัน
00:24:15 → 00:24:19 ของระบบอ่ะมันเท่ากันอืๆคืออาการอ่อนแรง
00:24:19 → 00:24:21 ที่แสดงออกมาอ่อนเท่ากันครับขยับไม่ได้
00:24:21 → 00:24:25 เหมือนกันอืออือแต่คนแรกอ่ะแทคนี่เจ๊ง
00:24:25 → 00:24:29 เจ๊งทั้งแทรคเลยอ่ากระจุยหายไปเลยฮะแต่คน
00:24:29 → 00:24:33 หลังนี่มันมันตายแค่ 10% อีก 90% นี่มัน
00:24:33 → 00:24:37 ช้ำๆอมันหยุดทำงานเพราะมันช้ำครับครับ
00:24:37 → 00:24:41 ฟื้นได้ออใช่มั้ครับเพราะฉะนั้นภายใน 3-6
00:24:41 → 00:24:43 เดือนเนี่ยสิ่งที่มันฟื้นด้วยตัวเองเนี่ย
00:24:43 → 00:24:46 มันคือส่วนนี้อืแล้วบวกกับการฝึกครับแต่
00:24:46 → 00:24:49 ถ้ายาวกว่านี้มันเป็นเรื่องการฝึกฝนอืม
00:24:49 → 00:24:52 ครับครับเพราะฉะนั้นบาง
00:24:52 → 00:24:55 ทีลูกที่สงสัยนี่ก็อาจจะอาจจะทำความเข้า
00:24:55 → 00:24:57 ใจตรงนี้ได้นะครับว่าเอ้ยตกลงแล้วมันแบบ
00:24:57 → 00:25:00 บางคนก็แน่นนอนว่าคาดหวังว่ามันจะกลับไป
00:25:00 → 00:25:02 ปกติเหมือนเดิมเลยอย่างงั้นใช่มั้ยครับ
00:25:02 → 00:25:05 มันจะมีคำถามมาจากบรรดาลูกๆที่ที่ดูแล
00:25:05 → 00:25:08 อยู่แล้วครับก็อาจจะสงสัยว่าเออพอพ่อหรือ
00:25:08 → 00:25:10 แม่หรือว่าผู้สูงอายุในบ้านเนี่ยเป็นสตค
00:25:10 → 00:25:12 ขึ้นมาแล้วเนี่ยแน่นอนว่าเขาก็ต้องคอยดู
00:25:12 → 00:25:15 แลใช่ไหมมครับอาการก็มากน้อยแตกต่างกันไป
00:25:15 → 00:25:19 แต่ผมเข้าใจว่าลูกๆทุกคนก็หวังว่าเขาจะดี
00:25:19 → 00:25:23 ขึ้นหรือจะกลับมาปกตินะแต่ว่าโอโหคนเป็น
00:25:23 → 00:25:26 ลูกนี่แน่นอนนะครับพอชีวิตมันเปลี่ยนเนาะ
00:25:26 → 00:25:29 มันทุกอย่างมันก็เลยคาดหวังพอสมควรนะครับ
00:25:29 → 00:25:31 ว่าเมื่อไหร่จะดีขึ้นเมื่อไหร่จะรู้สึก
00:25:31 → 00:25:34 ว่าจะดูแลตัวเองได้เาจะได้เอาชีวิตไปทำ
00:25:34 → 00:25:39 อย่างอื่นจริงๆแล้วนี่ลูกๆนี่เขาควรจะ
00:25:39 → 00:25:41 ตั้งหลักยังไงดีครับว่ามันจะดีขึ้นมั้ย
00:25:41 → 00:25:46 หรือมันไม่มีความหวัง
00:25:46 → 00:25:53 แล้วเอ่อมันมีความหวังอแต่เราต้องทำใจ
00:25:53 → 00:25:57 ตั้งความคิดหรือทัศนคติฮะให้มันเอื้อต่อ
00:25:57 → 00:25:58 การ
00:25:58 → 00:26:02 เอ่อการสู้ปัญหาสกเนี่ยมันเป็นความเสีย
00:26:02 → 00:26:05 หายของสมองครับสมองส่วนที่เสียหายจนมี
00:26:05 → 00:26:08 อาการแล้วเนี่ยมันก็มีถาวรอยู่จำนวนนึง
00:26:08 → 00:26:11 ส่วนหนึ่งของสมองต้องเสียหายถาวรแน่นอนอ
00:26:11 → 00:26:13 ครับเพราะฉะนั้นในภาพรวมสมองต้องไม่ดี
00:26:13 → 00:26:16 เท่าเดิมแน่นอนเพียงแต่ว่าถ้ามันไม่หนัก
00:26:16 → 00:26:19 หนานักสมองก็อาจจะทำงานชดเชยจนเราดูไม่
00:26:19 → 00:26:22 ออกอครับแต่ถ้ามันหนักถึงระดับนึงยังไงก็
00:26:22 → 00:26:26 ต้องมีความตกค้างอืของปัญหาอือความบก
00:26:26 → 00:26:28 พร่องที่คงค้างอยู่เนี่ยจะเป็นระบบไหนก็
00:26:28 → 00:26:31 ได้เพราะสมองทำงานทุกอย่างครับเป็นตั้ง
00:26:31 → 00:26:35 แต่เรื่องความคิดตัดสินใจหรือว่าการควบ
00:26:35 → 00:26:38 คุมอารมณ์อืหรือการใช้เหตุผลก็ได้เป็น
00:26:38 → 00:26:40 เรื่องการสื่อภาษาเรื่องการทรงตัวหรือ
00:26:40 → 00:26:43 อะไรก็ได้ทุกอย่างเมื่อเราเข้าใจว่าสตก
00:26:43 → 00:26:46 มันเป็นแบบนี้แล้วเราได้พยายามใส่เอ่อ
00:26:46 → 00:26:48 พลังงานเข้าไปในกระบวนการฟื้นฟูอย่างเต็ม
00:26:48 → 00:26:51 ที่คิดว่าเหมาะสมที่สุดแล้วอครับมันเหลือ
00:26:51 → 00:26:55 ค้างทีนี้ต้องยอมรับว่าโอเคมันไม่ 100%
00:26:55 → 00:26:58 ละอืๆเมื่อมันไม่ 100% แล้วเนี่ย
00:26:58 → 00:27:02 ควรควรควรตั้งเข็มทิศไว้ตรงไหนอควรตั้ง
00:27:02 → 00:27:05 เข็มทิศที่ 1 ความสำเร็จไม่ใช่การทำให้
00:27:05 → 00:27:08 เป็น 100% ละความสำเร็จอยู่ที่ว่าอ่ะอัน
00:27:08 → 00:27:10 นี้ดีนะคือตั้งว่าความสำเร็จคืออะไรความ
00:27:10 → 00:27:14 สำเร็จคืออคืออย่าให้คนไข้ถดถอยเพราะว่า
00:27:14 → 00:27:19 อือๆๆผู้สูงอายุเนี่ยฮะมีแนวโน้มจะถอยลง
00:27:19 → 00:27:21 ครับยิ่งเป็นสตกแล้วยิ่งมีโอกาสจะถอยลง
00:27:21 → 00:27:24 เดินช้าลงทรงตัวแย่ลงในอนาคตครับแค่ไม่
00:27:24 → 00:27:28 ถอยลงก็ก็เก่งแล้วนะอืๆเอ่ออันที่ 2 2
00:27:28 → 00:27:31 พยายามที่จะเพิ่มความสามารถในประเด็นที่
00:27:31 → 00:27:34 สำคัญครับประเด็นที่สำคัญนั้นน่ะคือ
00:27:34 → 00:27:36 ประเด็นที่ทำแล้วคุณภาพชีวิตคนดูแลจะดี
00:27:36 → 00:27:39 ขึ้นอย่างที่พูดเมื่อกี้ว่าอถ้าถ้าคนไข้
00:27:40 → 00:27:43 ติดเตียงคนนึงบางทีเราบอกว่าขอพลิกตัวเอา
00:27:43 → 00:27:45 แขนเหนี่ยวตัวพลิกตะแคงเอพลิกข้างซ้ายได้
00:27:45 → 00:27:48 ข้างเดียวข้างขวายังไม่ได้ก็ยังดีเพราะ
00:27:48 → 00:27:51 มันทำแล้วมันมีผลกับชีวิตคนไข้และคนดูแล
00:27:51 → 00:27:54 ถ้าคิดไม่ออกก็หาหมอฟื้นฟูช่วยปรึกษากัน
00:27:54 → 00:27:56 เขาจะช่วยบ่งชี้ให้เราได้เพราะมันเป็น
00:27:56 → 00:27:59 สาขาเฉพาะเอยู่แล้วออืๆเอ่อแล้วมันไม่ใช่
00:27:59 → 00:28:01 เรื่องการรักษาโรคมันเป็นเรื่องการรักษา
00:28:01 → 00:28:03 คุณภาพชีวิตครับอืมันก็ไม่ได้หมายความว่า
00:28:03 → 00:28:06 มันจะลงเนินลงเหวไปอย่างรวดเร็วเนครับแต่
00:28:06 → 00:28:09 มันคือ Next Step ะอันนี้คือ Another
00:28:09 → 00:28:12 Step ออืเราก็ต้องปรับตัวรับกับอันนั้น
00:28:12 → 00:28:14 แล้วเราก็จะอยู่ด้วยกันได้จนกว่ามันจะ
00:28:14 → 00:28:18 เปลี่ยนอีกอ่าถ้าเราคิดไวอย่างนี้โอเคพอ
00:28:18 → 00:28:21 ใจว่าวันนี้เราอยู่ตรงนี้ลงเนินมา 2 ก้า
00:28:21 → 00:28:23 เราก็จะปักหลักอยู่ตรงนี้เป็นเป้าหมายเรา
00:28:24 → 00:28:26 วันไหนไถลลงไปเนินขั้นที่ับต่ำกว่านี้เรา
00:28:26 → 00:28:29 ก็บอกว่าปักหลักอีกปักหลักๆเพิ่มอ่าครับ
00:28:29 → 00:28:32 อันเนี้ยคือความสำเร็จของเราครับแสดงว่า
00:28:32 → 00:28:33 มันอยู่ที่ตอนเราตั้งเป้าหมายด้วยถ้าเรา
00:28:33 → 00:28:35 ไปตั้งเป้าหมายว่าโอ้โหมันจะให้มันเหมือน
00:28:35 → 00:28:37 เดิมต้องให้เหมือนเดิมอ่ามันมันเป็นมัน
00:28:37 → 00:28:39 อันนี้อาจจะเราก็หาหาเรื่องเจ็บใจแล้ว
00:28:39 → 00:28:42 ครับครับมันแสดงว่าลูกๆที่กำลังเผชิญอัน
00:28:42 → 00:28:45 นี้อยู่อาจจะต้องไปวางเป้าหมายที่ที่คิด
00:28:45 → 00:28:48 ว่าที่มันเหมาะสมครับพอดีกันยกตัวอย่างนะ
00:28:48 → 00:28:51 อันนี้น่าสนใจผมมีคนไข้ 2 คนอาการคล้าย
00:28:51 → 00:28:54 กันพูดก็ไม่ได้เดินก็ไม่ได้ครับคนนึง
00:28:54 → 00:28:57 เนี่ยปฏิเสธคือเขาไม่อยากฝึกฝึกพูดเพราะ
00:28:57 → 00:29:00 ว่าเขาไม่ใช่คนช่างพูดมาแต่ไหนแต่ไรแล้วเ
00:29:00 → 00:29:02 ไม่ชอบคุยกับใครอครับแล้วเรู้สึกว่าขื่น
00:29:02 → 00:29:07 ขมมากในการฝึกพูดอืๆแต่ถ้าเดินได้ออกไป
00:29:07 → 00:29:10 เห็นสนามที่บ้านครับรดน้ำต้นไม้ได้นี่เจะ
00:29:10 → 00:29:12 มีความสุขมากแสดงว่าแสดงว่าเค้าไม่มายว่า
00:29:12 → 00:29:13 จะต้องกลับมาพูดได้เหมือนเดิมเพราะว่า
00:29:13 → 00:29:15 เค้ารู้สึกว่าเป็นพูดน้อยอยู่แล้วแล้วคน
00:29:15 → 00:29:18 ดูแลมองหน้าก็รู้แล้วจะเอาอะไรออชีวิต
00:29:19 → 00:29:21 ชีวิตมีแค่นี้ไม่ไม่อยากจะสื่อสารอะไรซับ
00:29:21 → 00:29:24 ซ้อนกับใครไม่อยากวิจารณ์หนังไม่อยากอะไร
00:29:24 → 00:29:26 ครับแต่อีกคนนึงกลับกันคือต้องคุยกับ
00:29:26 → 00:29:30 เพื่อนความสุขคือสังคมครับเดินไม่ได้ไม่
00:29:30 → 00:29:32 เป็นไรฉันอยากนอนดูซีรียส์แล้วก็คุยกับ
00:29:32 → 00:29:35 เพื่อนเออมีจริงๆเอความต้องการไม่เพราะ
00:29:35 → 00:29:37 ฉะนั้นเนี่ยโกเนี่ยโกของการฟื้นฟูเนี่ย
00:29:37 → 00:29:40 มันต้องมันต้อง individualized นะครับ
00:29:40 → 00:29:44 ครับมันต้องแบบว่าโอเคหมอบอกได้ว่าคุณทำ
00:29:44 → 00:29:46 อะไรไม่ได้บ้างอยู่ระดับไหนในแต่ละเรื่อง
00:29:46 → 00:29:49 อแต่ว่าคุณน่ะอยากทำเรื่องไหนเรื่องไหน
00:29:49 → 00:29:52 สำคัญกับคุณอืถ้าอย่างกรณีว่าเป็นแล้ว
00:29:52 → 00:29:55 ครับพาคุณพ่อคุณแม่มาหาหมอในโรงพยาบาล
00:29:55 → 00:29:58 แล้วส่วนใหญ่ในโรงพยาบาลนี้เจะฟื้นฟื้นฟู
00:29:58 → 00:30:00 อะไรบ้างครับที่ที่เราบางทีเราอาจจะเห็น
00:30:00 → 00:30:03 ว่าเอเขาต้องไปฟื้นฟูโยน์ลูกบอลบ้างไป
00:30:03 → 00:30:05 เดินบ้างเออบางทีเขาจะได้พอนึกภาพออกฮะ
00:30:05 → 00:30:08 ว่าไอ้พวกนี้มันส่งผลยังไงต่อต่อต่อการ
00:30:08 → 00:30:12 ต่อพัฒนาการด้วยครับการเรียนรู้ที่ดีมี
00:30:12 → 00:30:17 ประสิทธิภาพเนี่ยจะต้องออกแบบแบบฝึกอืให้
00:30:17 → 00:30:19 เหมาะสมกับระดับความสามารถตั้งต้นครับ
00:30:19 → 00:30:22 แล้วถ้าเกิดว่าสิ่งที่จะเรียนรู้นั้นยาก
00:30:22 → 00:30:25 จะต้องมีการแบ่งแยกสิ่งที่เราเรียนรู้
00:30:25 → 00:30:29 นั้นออกเป็นงานง่ายๆอือืๆเหมือนกับเราหัด
00:30:29 → 00:30:31 หัดเขียนกไก่เนี่ยครับมันประกอบด้วยการ
00:30:31 → 00:30:35 เขียนเส้นตรงกับเส้นโค้งแล้วก็มุมแหลมอฮะ
00:30:35 → 00:30:37 บางทีจับปากกามาครั้งแรกในชีวิตให้เขียนก
00:30:38 → 00:30:40 ไก่เลยมันยากจังเลยคือเขียนทั้งตัวเลยนี่
00:30:40 → 00:30:43 ยากคุณคุณหัดเขียนเส้นเส้นเส้นตรงก่อนออ
00:30:43 → 00:30:47 ได้มั้ยแล้วหัดเขียนมุมแหลมได้มั้ยอืๆมุม
00:30:47 → 00:30:49 แหลมไปทางซ้ายมุมแหลมไปทางขวายังไม่ต้อง
00:30:49 → 00:30:52 เขียนเพราะไม่ใช้เออเขียนหลังคาโค้งๆตัว U
00:30:52 → 00:30:54 ก็ยังไม่ต้องเขียนเพราะยังไม่ใช้คุณก็
00:30:54 → 00:30:58 เลือกว่าคุณจะฝึก 1 2 3 แยกกันอืๆ 1 2
00:30:58 → 00:31:00 3 ได้ combine รวมกันเป็นเป็นอย่างงี้
00:31:00 → 00:31:03 เพรางั้นเอ่อในการฟื้นฟูเนี่ยมันคือการ
00:31:03 → 00:31:06 ฝึกทั้งหมดและการฝึกที่ดีมีความถี่ซ้ำ
00:31:06 → 00:31:09 เยอะๆฝึกตรงทักษะที่ต้องการใช้วิเคราะห์
00:31:10 → 00:31:12 แยกส่วนออกมาเหล่านี้เป็นลักษณะการฝึกที่
00:31:12 → 00:31:15 ดีไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพูดนะครับการฟัง
00:31:15 → 00:31:18 ความคิดความจำหรือการเดินการเอื้อมแขน
00:31:18 → 00:31:20 ทั้งหมดอยู่อย่างนี้หมดอครับทีนี้การฝึก
00:31:21 → 00:31:24 เนี่ยมันอาศัยสิ่งที่ขาดไม่ได้คือคนกำกับ
00:31:24 → 00:31:28 การฝึกอืๆที่จะมาบอกว่าคุณคนเนี้ยอาการ
00:31:28 → 00:31:31 อย่างเงี้ยคุณควรฝึกแบบฝึกไหนอืๆเท่าไหร่
00:31:32 → 00:31:35 ยากไงครับเครื่องมือเครื่องไม้เนี่ยมัน
00:31:35 → 00:31:38 เป็นตัวช่วยเสริมอืๆแต่ว่ามันไม่ใช่ตัว
00:31:38 → 00:31:42 แทนของคือคือต้องมีครูแล้วอุปกรณ์เนี่ย
00:31:42 → 00:31:46 อาจจะดัดแปลงได้ตามตามที่มีตามที่เข้าถึง
00:31:46 → 00:31:50 อืๆการฝึกจึงเป็นเบอร์ 1 นะครับครับยกตัว
00:31:50 → 00:31:52 อย่างเช่นคนไข้คนไข้บังคับนิ้วมือได้ไม่
00:31:53 → 00:31:55 ดีฮะแต่ถ้าเราวิเคราะห์แล้วว่าคนไข้คน
00:31:55 → 00:31:59 เนี้ยเอ่อเค้าเเไม่ได้มีปัญหาเรื่องแรง
00:31:59 → 00:32:02 ครับแต่เขามีปัญหาเรื่องความรู้สึกอืๆคือ
00:32:02 → 00:32:04 คนไข้ถ้าหลับตาแล้วเไม่รู้ว่านิ้วเงออยู่
00:32:04 → 00:32:07 องศาเท่าไหร่ออฮะๆถ้าเป็นแบบนี้เราต้อง
00:32:07 → 00:32:10 ฝึกความรู้สึกเขาก่อนครับเพื่อให้เขา
00:32:10 → 00:32:12 สามารถใช้ความรู้สึกนั้นไปกำกับการ
00:32:12 → 00:32:14 เคลื่อนไหวได้วิธีฝึกความรู้สึกก็ต้อง
00:32:14 → 00:32:17 หลับตาทายง่ายแล้วไม่มีอะไรก็มีคนมาขยับ
00:32:17 → 00:32:20 แล้วก็หลับตาแล้วก็ทายว่านี่มุมไหนมุมไหน
00:32:20 → 00:32:23 อ๋อทีนี้ข้อต่อคนเรามันมีหลายข้อครับเช่น
00:32:24 → 00:32:28 มันมีข้อนิ้วมีข้อมะเหงกมีข้อมือครับถ้า
00:32:28 → 00:32:31 ถ้าเราเราพามือเอื้อมไปเอื้อมมาชี้
00:32:31 → 00:32:33 ตำแหน่งอย่างงี้อืๆอย่างเงี้ยคือมันต้อง
00:32:33 → 00:32:36 ประมวลผลจากความรู้สึกจากนิ้วข้อมือแขน
00:32:36 → 00:32:39 ไหล่ทั้งหมดครับแต่ถ้าเกิดว่าเราทำอย่าง
00:32:39 → 00:32:41 นี้คือเราข้อมืออย่างเดียวอือๆก็คือปรับ
00:32:41 → 00:32:45 ระดับความยากในการฝึกฮะถ้าเกิดว่าเหมือน
00:32:45 → 00:32:47 อย่างเรื่องคนเดินอ่าคนที่เดินเนี่ยต้อง
00:32:47 → 00:32:51 ทำได้ 4 อย่างถึงจะเดินได้ฮะถ้าอย่างอื่น
00:32:51 → 00:32:53 ไม่เกี่ยวมีแค่ 4 อย่างนี้เดินได้เลยคือ
00:32:53 → 00:32:55 ว่าเหยียบลงน้ำหนักไปเมื่อไหร่คุมหัวเข่า
00:32:55 → 00:32:57 อยู่มั้ยอเกรงกล้ามเนื้อหน้าขากับหลังขา
00:32:57 → 00:33:00 ได้สัดส่วนมั้ยอืถ้าไม่ได้สัดส่วนเข่าอาจ
00:33:00 → 00:33:03 จะทรุดถ้าไม่ได้สัดส่วนเข่าอาจจะแอ่นอ่า
00:33:03 → 00:33:05 คุณคุมเข่าให้ได้มั่นคงมยเวลารับน้ำหนัก
00:33:05 → 00:33:09 ครับนี่ทักษะที่ 1 เออทักษะที่ 2 เวลา
00:33:09 → 00:33:11 เวลาเดินมีการโยกย้ายถ่ายเทน้ำหนัก
00:33:11 → 00:33:14 ระหว่างขาซ้ายไปขวาจากขวาไปซ้ายครับคุณ
00:33:14 → 00:33:18 สามารถถ่ายเทน้ำหนักตัวไปมาได้อย่างแคล่ว
00:33:18 → 00:33:21 คล่องแล้วก็รักษาสมดุลไม่ให้ล้มได้มั้ย
00:33:21 → 00:33:23 อันนี้เป็นทักษะที่ 2 ทักษะที่ 3 คือทรง
00:33:23 → 00:33:27 ลำตัวให้ตรงอืๆๆถ้าขาคุณน่ะเอวลงไปเนี่ย
00:33:27 → 00:33:30 คุณเดินได้แต่ข้างบนคนเอียงอ่ะมันก็จะ
00:33:30 → 00:33:33 เดินไม่ได้อืทักษะนี้ก็เป็นอีกหนึ่งทักษะ
00:33:33 → 00:33:35 ที่ต้องแยกฝึกอ๋อแล้วก็การสวิงขาก็เป็น
00:33:35 → 00:33:39 ทักษะที่ 4 ครับคือเวลาฝึกเนี่ยไม่เกี่ยว
00:33:39 → 00:33:41 กับเครื่องถ้าไม่มีเครื่องเลยนะครับอืๆมี
00:33:41 → 00:33:46 คนที่เข้าใจหลักครับแล้วก็ไปกำกับออกแบบ
00:33:46 → 00:33:49 ว่าอ๋อคนไข้คนนี้คุมเข่าไม่ดีสมมุติว่า
00:33:49 → 00:33:53 แย่มากๆอครับผมเคยมีคนไข้แย่มากๆคุมเข่า
00:33:53 → 00:33:57 ไม่ได้ผมให้นอนฝึกจะฝึกเดินแต่ให้นอน
00:33:57 → 00:34:00 เพราะว่าตอนนอนอยู่แล้วผมให้เขาเกรงขารับ
00:34:00 → 00:34:04 น้ำหนักแล้วผมใช้คนไปดันที่ส้นเท้าเในที่
00:34:04 → 00:34:07 นอนอครับให้ขาดันขึ้นมากระทุ้งขึ้นมาแล้ว
00:34:07 → 00:34:10 ใช้น้ำหนักตัวคนค่อยๆโถมลงไปทีละ 5 ก 10
00:34:10 → 00:34:14 กลอืแค่นี้เขาถึงจะเอาอยู่อืๆนี่คือลำดับ
00:34:15 → 00:34:17 ที่คนไข้ทำได้เราต้องไปหาจุดที่คนไข้ทำ
00:34:17 → 00:34:20 ได้ครับแล้วก็ค่อยๆได้คืบเอาศอกจากจุด
00:34:20 → 00:34:23 นั้นขึ้นๆมาอืออือๆเพราะฉะนั้นเอ่อการ
00:34:23 → 00:34:27 ฟื้นฟูใช้แบบฝึกเป็นสำคัญครับแบบฝึกไฮเทค
00:34:27 → 00:34:31 เคก็ได้โลเทคก็ได้อืออย่างเมื่อกี้บอกว่า
00:34:31 → 00:34:34 เราไม่มีเครื่องมือเราใช้นอนใช้ดันใช้ยืน
00:34:34 → 00:34:38 เกาะราวใช้ฝึกแต่พอเรามีโรบอตอืยกตัว
00:34:38 → 00:34:40 อย่างว่าโรบอมันมีแผ่นรองเท้าเลื่อนไป
00:34:40 → 00:34:43 เลื่อนมาอคนไข้ถูกจับเข้าไปอยู่ในเครื่อง
00:34:43 → 00:34:45 ไปยืนอยู่เหนือแผ่นรองเท้าอันนั้นแล้วก็
00:34:45 → 00:34:49 แขวนไว้ไม่ให้ล้มอืๆคนไข้ก็มีหน้าที่ทุก
00:34:49 → 00:34:52 ครั้งที่ที่ขาซ้ายมันลงน้ำหนักตัวเครื่อง
00:34:52 → 00:34:55 มันดึงตัวเขาถ่ายไปทางซ้ายน้ำหนักลงขา
00:34:55 → 00:34:58 ซ้ายแน่นอนเขาต้องเกงกล้ามเนื้อขาอรับน้ำ
00:34:58 → 00:35:00 หนักครับแล้วถ้าเขาครับไม่ไหวแล้วก็ดึง
00:35:00 → 00:35:03 ที่พยุงเพิ่มน้ำหนักเพิ่มช่วยเ้าก็รับได้
00:35:03 → 00:35:06 กี่กิโลก็รับได้เท่านั้นทำไปเรื่อยๆ
00:35:06 → 00:35:09 สมมุติว่าเ้ารับได้ 20 กลทำเรื่อยๆต่อไปเ
00:35:09 → 00:35:12 ก็ต้องทำได้ที่ 253 เพิ่มขึ้นเรื่อยๆอ
00:35:12 → 00:35:15 ครับอันนี้อันนี้ผมว่าดีตรงตรงเวลาลูกๆพา
00:35:15 → 00:35:19 พ่อแม่มามามาฟื้นฟูเอาจจะเข้าใจได้ว่า
00:35:19 → 00:35:20 เหมือนที่เมื่อกี้คุณหมอเปรียบเทียบให้
00:35:20 → 00:35:23 เห็นก็เหมือนเราฝึกเขียนกไก่คือเราให้เรา
00:35:23 → 00:35:25 เขียนทั้งตัวเบางทีมันทำไม่ได้มันต้องมัน
00:35:25 → 00:35:27 เลยต้องเหตุผลที่ทำไมมันต้องทำทีละส่วน
00:35:27 → 00:35:30 ส่วนเล็กๆน้อยๆไปใช่มั้ยครับเหมือนว่า
00:35:30 → 00:35:31 สมมุติยังไปอยู่บนเครื่องฝึกเดินบางทีเรา
00:35:31 → 00:35:34 อาจจะเห็นว่าพ่อแม่เราต้องไปซ้อมแบบยกเลง
00:35:34 → 00:35:36 อย่างนะครับเช่นไปซ้อมโยนลูกบอลหรืออะไร
00:35:36 → 00:35:38 บางดีที่บางทีเราอาจจะดูเป็นกิจกรรมเด็กๆ
00:35:38 → 00:35:41 เนี่ยแต่พวกนี้มันก็เป็นการฟื้นฟูอครับ
00:35:41 → 00:35:45 เวลาพาพ่อแม่มาฝึกอ่ะครับครับแล้วก็ดูนัก
00:35:45 → 00:35:50 บำบัดหรือว่าดูคุณหมอพาบำบัดฝึกต่างๆ
00:35:50 → 00:35:53 เนี่ยครับเอ่อควรควรสอบถามให้เข้าใจครับ
00:35:53 → 00:35:56 ว่าทำอะไรทำไปทำไมอยู่ที่บ้านจะทำได้มั้ย
00:35:56 → 00:36:00 ได้ยังไงอครับครับเอาล่ะครับผมคิดว่าวัน
00:36:00 → 00:36:02 นี้น่าจะเป็นประโยชน์กับลูกๆนะครับที่บาง
00:36:02 → 00:36:05 ทีอาจจะมีคำถามเรื่องโรคสตกแล้วก็บางที
00:36:05 → 00:36:07 กำลังดูแลอยู่ด้วยแล้วบางทีอาจจะตั้งความ
00:36:07 → 00:36:09 หวังไว้ตั้งเป้าหมายไว้ไกลเกินไปบางทีเรา
00:36:09 → 00:36:11 อยากจะต้องทำความเข้าใจเรื่องความเป็น
00:36:11 → 00:36:13 จริงด้วยนะครับครับครับเอาล่ะครับวันนี้
00:36:13 → 00:36:15 ขอบคุณคุณหมอมากๆครับขอบคุณครับสวัสดี
00:36:15 → 00:36:20 ครับขอบคุณมากครับขอบคุณครับ
00:36:20 → 00:36:24 [เพลง]