00:00:18 → 00:00:19 จริงๆกรณีนี้เนี่ยค่ะ
00:00:20 → 00:00:23 โอกาสของสาเหตุที่ทำให้เกิดรอยบุ๋มเป็นได้2รูปแบบ
00:00:24 → 00:00:27 อันที่ 1 ก็คือเป็นรอยบุ๋มจากตัวสิวอักเสบเอง
00:00:27 → 00:00:31 ซึ่งหลังการอักเสบก็จะมีการเกิดพังผืดใต้ผิวหนัง
00:00:31 → 00:00:34 ดึงยึดเอาบริเวณผิวชั้นบนทำให้เกิดรอยบุ๋มได้
00:00:34 → 00:00:37 อีกกรณีหนึ่งก็คือบุ๋มจากยาฉีดจริงๆ
00:00:38 → 00:00:40 สำหรับยาที่ใช้ในการฉีดสิวนะคะ
00:00:40 → 00:00:45 โดยทั่วไปก็จะใช้ยาฉีดในกลุ่ม Steroid ซึ่งจะใช้ความเข้มข้นต่ำมากๆ
00:00:45 → 00:00:49 แล้วก็เทคนิคที่ใช้ในการฉีด รวมถึงยาที่ความเข้มข้นต่ำ
00:00:49 → 00:00:55 จริงๆแล้วโอกาสที่จะทำให้เกิดรอยบุ๋มต่ำมาก แล้วก็เป็นวิธีหนึ่งที่ใช้กันทั่วไป
00:00:55 → 00:01:02 ตามคลินิกแล้วก็โรงพยาบาลที่มีการรักษาสิวต่างๆ แต่ว่าถ้าฉีดไม่ถูกวิธี
00:01:02 → 00:01:08 อาจจะฉีดลึกเกินไปความเข้มข้นของยามากเกินไปก็มีโอกาสที่จะทำให้เกิดรอยบุ๋มได้เหมือนกัน
00:01:08 → 00:01:12 สำหรับวิธีการรักษาก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าบุ๋มมากบุ๋มน้อย
00:01:12 → 00:01:17 บุ๋มในชั้นตื้นๆแค่ชั้นผิวหนังเท่านั้นหรือว่าบุ๋มเยอะในชั้นไขมันใต้ผิวหนังเลย
00:01:18 → 00:01:22 โดยทั่วไปถ้าบุ๋มไม่มากเวลาผ่านไปก็มีโอกาสที่จะค่อยๆดีขึ้นเองได้
00:01:22 → 00:01:26 แต่ถ้าเป็นมากแล้วก็เห็นชัดก็คิดว่าจำเป็นที่จะต้องมีการรักษา
00:01:26 → 00:01:34 ส่วนการรักษาโดยทั่วไปก็จะใช้เลเซอร์รวมไปจนถึงหัตถการที่เน้นไปที่การกระตุ้นคอลลาเจนและก็เลาะพังผืด
00:01:34 → 00:01:38 เลเซอร์ที่นิยมใช้ก็เช่น Fractional laser ต่างๆ
00:01:38 → 00:01:39 Fractional RF
00:01:39 → 00:01:43 Vbeam laser รวมไปจนถึงการ Subcision
00:01:46 → 00:01:51 สุดท้ายหมออยากจะแนะนำว่าการการฉีดสิวกดสิวฟังดูเหมือนจะเป็นหัตถการที่ไม่ยุ่งยาก
00:01:52 → 00:01:56 แต่อันที่จริงก็มีโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงเช่นนี้ได้เลย
00:01:56 → 00:02:00 เพราะฉะนั้นควรจะต้องทำภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นค่ะ