00:00:00 → 00:00:02 ตัวปัจจัยที่มันทำร้ายหลอดเลือดคือยูริก
00:00:02 → 00:00:04 ยูริกเนี่ยมีลักษณะเป็นผลึกเข็มเวลามันไป
00:00:04 → 00:00:07 ตกตะกอนในข้อมันเลยปวดข้อแต่เนี่ยเวลาเรา
00:00:07 → 00:00:09 ตรวจเราตรวจในเลือดมันอยู่ในหลอดเลือดเรา
00:00:09 → 00:00:11 ผลึกเข็มเนี่ยเวลาไปอยู่ในข้อยัง 7 ข้อ
00:00:11 → 00:00:13 เลยเวลาอยู่ในหลอดเลือดเนี่ยมันก็จะครูด
00:00:13 → 00:00:16 ผนังหลอดเลือดให้มันเป็นรอยเสียหายเพราะ
00:00:16 → 00:00:18 ฉะนั้นเวลายูริกสูงเมันเลยทำร้ายหลอด
00:00:18 → 00:00:19 เลือดยูริกเนี่ยมันสัมพันธ์กับความดัน
00:00:20 → 00:00:22 โลหิตสูงบางคนคิดว่าเป็นความดันโลหิตสูง
00:00:22 → 00:00:24 แล้วรักษาไม่ได้ไม่จริงโรคเหล่านี้รักษา
00:00:24 → 00:00:26 ให้หายขาดได้หมดโดยที่ไม่ต้องกินยาตลอด
00:00:26 → 00:00:29 ชีวิตยาต่างๆยาลดความดันมันคุมปลายเหตุ
00:00:29 → 00:00:32 คอยคุมความดันไม่ให้สูงแต่สิ่งที่จะรักษา
00:00:32 → 00:00:36 ฟื้นฟูต้นเหตุของโลกได้คือปับไลฟ์สไตล์
00:00:36 → 00:00:40 แinต่างๆของตัวเองยูริเนี่ยทำร้ายหลอด
00:00:40 → 00:00:43 เลือดกับทำร้ายไตปกติแล้วไตของคนเราอ่ะ
00:00:43 → 00:00:45 มันเป็นตะแกงถี่เอาไว้เหมือนกรองน้ำให้
00:00:45 → 00:00:47 น้ำออกมามันสะอาดอ่ะทีเนี้ยโปรตีนเ่ะมัน
00:00:47 → 00:00:49 เป็นโมเลกุลใหญ่ปกติมันจะไม่หลุดออกมา
00:00:49 → 00:00:52 อยู่ในปัสสาวะโดยมากเวลาหลุดออกมาเหลุด
00:00:52 → 00:00:53 ออกมาจากแรงดันในหลอดเลือดมันเยอะแล้ว
00:00:53 → 00:00:57 โปรตีนเลยหลุดออกมาแต่ว่าพวกเนี้ยแก้ได้ 3
00:00:57 → 00:01:00 เดือนเนี่ยค่าพวกเนี้ยกลับมาปกปกติด้าน
00:01:00 → 00:01:03 เลยครับถ้าร่วมด้วยช่วยกันร่วมด้วยช่วย
00:01:03 → 00:01:05 กันทำอะไรบ้างเรามาเริ่มกันที่ยูริกก่อน
00:01:05 → 00:01:07 แล้วกันเราจะห้ามกินอาหารอยู่ 3 กลุ่มอัน
00:01:07 → 00:01:11 ที่ 1 แอลกอฮอล์อันที่ 2 คือน้ำตาลกับ
00:01:11 → 00:01:14 ผลไม้เพราะฉันห้ามดื่มน้ำผลไม้ผลไม้อย่า
00:01:14 → 00:01:17 ทานเยอะวันนึงผลไม้ทานได้เท่ากับมือส้ม
00:01:17 → 00:01:20 ลูกนึงทานได้แค่เนี้ยแล้วก็น้ำตาลจาก
00:01:20 → 00:01:25 ผลไม้จะอยู่ในน้ำเชื่อมที่ใส่ลงไปในขนม
00:01:25 → 00:01:28 ใส่ลงไปในเครื่องดื่มต่างๆถ้าจะกินให้กิน
00:01:28 → 00:01:31 เป็นพวกพวกสปารกิโซดาคือโซดาและแต่งริม
00:01:31 → 00:01:34 น่ะสุดท้ายแล้วเนี่ยเราไม่อยากให้ติดหวาน
00:01:34 → 00:01:36 แม้ไม่มีน้ำตาล 0 แควแต่มันมีสารให้ความ
00:01:37 → 00:01:39 หวานพอกินสารให้ความหวานจะติดความหวานคำ
00:01:39 → 00:01:43 แนะนำต่อไปของหมอคือถ้าเกิดจะกินให้เอา
00:01:43 → 00:01:45 โซดามาผสมปกติเนี่ยจะแนะนำให้เอาโซดามา
00:01:45 → 00:01:47 ผสมขวดนึงกับกระป๋องนึงอ่ะกลายเป็น 2
00:01:47 → 00:01:49 เท่าเลยกินได้ 2 วันจริงๆอ่ะเขาต้องลดน้ำ
00:01:49 → 00:01:52 หนักกฎข้อแรกของการลดน้ำหนักอยู่ที่การ
00:01:52 → 00:01:55 นอนอย่านอนดึกนอนดึกน้ำหนักเจะลดยากเพราะ
00:01:55 → 00:01:59 ว่ามันต้องใช้ฮอร์โมนต่างๆอ่ะในการช่วยทำ
00:01:59 → 00:02:01 ให้เผาผลาญช่วยให้ลดอย่างน้อยขอก่อน
00:02:01 → 00:02:04 เที่ยงคืนต่อมาข้อที่ 2 เรื่องอาหารถ้า
00:02:04 → 00:02:07 เป็นไปได้ขอวันละ 2 มื้อนอกมื้อไม่กิน
00:02:07 → 00:02:10 อะไรเลยนอกจากน้ำเปล่าจะไม่ให้มีจุบจิตใน
00:02:10 → 00:02:12 มื้อเนี่ยสิ่งที่อยากให้กินลดลงคืออาหาร
00:02:12 → 00:02:14 ในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตอันนี้หมอแนะนำของหมอ
00:02:14 → 00:02:18 นะปกติแล้วอ่ะหมอเป็นคนไม่กินข้าวเลยแต่
00:02:18 → 00:02:20 หมอกินผักแทงข้าวผักที่หมอชอบคือ
00:02:20 → 00:02:22 บร็อกโคลี่สมมติกินกะเพราบร็อกโคอรี่ลวก
00:02:22 → 00:02:25 มาถ้วยนึงแล้วก็เอากะเพราใส่บร็อกโคลี่
00:02:25 → 00:02:28 แล้วกินบร็อกโคอรี่แทนข้าวคืองี้หมอเราจะ
00:02:28 → 00:02:30 บอกว่านอนดีจะทำให้การลดน้ำหนักมันทำต่อ
00:02:30 → 00:02:33 เนื่องได้ยาวๆการลดน้ำหนักเนี่ย 80% อยู่
00:02:33 → 00:02:35 ที่อาหาร 20% อยู่ที่ออกกำลังกายเพราะฉะน
00:02:35 → 00:02:38 ผมโฟกัสในส่วนที่มันได้ผลก่อนถ้าออกกำลัง
00:02:38 → 00:02:40 กายด้วยได้ยิ่งดีแต่ออกกำลังกายเนี่ยมัน
00:02:40 → 00:02:44 จะเป็นเฟสหลังหมายความว่าเวลาเราคุมอาหาร
00:02:44 → 00:02:46 อย่างเดียวอ่ะน้ำหนักมันจะลดลงไปถึงจุด
00:02:46 → 00:02:48 นึงแล้วมันจะนิ่งทีเนี้ยตั้งแต่จุดนั้น
00:02:48 → 00:02:51 น่ะต้องออกกำลังกายช่วยและช่วยให้มันแบบ
00:02:51 → 00:02:54 ลงๆไปอีกเรื่อยๆที่เหลือเป็นหน้าที่หมอ
00:02:54 → 00:02:58 และในการเอาสารอาหารเข้าไปช่วยเา No.