00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับวันนี้ผมจะมาพูดถึงเรื่องของ
00:00:03 → 00:00:07 ภาคต่อในกรณีวิเคราะห์คนไทย 2 คนที่ไปปีน
00:00:07 → 00:00:11 เขาที่ตรงเนปาลนะครับแล้วก็เสียชีวิตนะฮะ
00:00:11 → 00:00:13 เพราะว่ามันก็มีประเด็นอื่นอีกซึ่งผมยัง
00:00:13 → 00:00:15 ไม่ได้พูดในคลิปแรกไปนะครับเนื่องจากว่า
00:00:15 → 00:00:17 มันจะยาวซะเกินไปก็เลยจะเอามาพูดคลิปนี้
00:00:17 → 00:00:20 เลยนะครับแล้วก็จะพูดถึงวิธีในการเตรียม
00:00:20 → 00:00:24 ตัวถ้าเกิดว่าท่านต้องการจะไปปีนเขาที่
00:00:24 → 00:00:26 สูงขนาดนั้นแล้วก็มีความหนาวเย็นขนาดนั้น
00:00:26 → 00:00:29 ว่าท่านควรจะต้องเตรียมตัวอะไรบ้างนะครับ
00:00:29 → 00:00:31 พบกับผมนะครับนายแพทย์ธานีทางนี้วันนะ
00:00:31 → 00:00:33 ครับเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐ
00:00:33 → 00:00:35 อเมริกานะครับเชี่ยวชาญโรคปลอดการปลูก
00:00:35 → 00:00:38 ถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะครับสำหรับเรื่อง
00:00:38 → 00:00:43 ของการปีนภูเขาสูงนะครับในกรณีนี้ที่ใน
00:00:43 → 00:00:45 ป่าเนี่ยนะครับก็มีคนคอมเมนต์กันเข้ามา
00:00:45 → 00:00:48 ว่าอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับโรคที่เรียก
00:00:48 → 00:00:51 ว่าเป็น altitudexness หรือเปล่านะครับ
00:00:51 → 00:00:53 หรือเกี่ยวข้องกับความสูงนั่นเองซึ่งจริง
00:00:53 → 00:00:55 ๆมันมีความเกี่ยวข้องกันนะครับแต่ว่าผม
00:00:55 → 00:00:57 ไม่ได้เอามาเป็นประเด็นพูดวิเคราะห์เยอะ
00:00:57 → 00:01:01 ในกรณีคลิปแรกนะครับเพราะว่าถ้าเราดูจาก
00:01:01 → 00:01:04 อาการป่วยของคนไข้ที่บรรยายมาในข่าวเนี่ย
00:01:04 → 00:01:08 นะครับก็พบว่ามีอาการน้ำแข็งกัดหรือ Frost
00:01:08 → 00:01:10 Bike ที่ค่อนข้างรุนแรงที่มือและเท้านะ
00:01:10 → 00:01:13 ครับแล้วไม่มีอาการอย่างอื่นที่แนบมากับ
00:01:13 → 00:01:16 ตัวคลิปเลยนะครับทำให้ผมก็ไม่ทราบว่าตกลง
00:01:16 → 00:01:19 แล้วเนี่ยมันมีอาการอะไรที่อย่างอื่นอีก
00:01:19 → 00:01:21 หรือเปล่านะครับดังนั้นเนี่ยในคลิปหน้า
00:01:21 → 00:01:23 ที่ผมอยากเอามาพูดก่อนก็เรื่องของ force
00:01:23 → 00:01:25 Bright นะครับแล้วก็เรื่องของ hypother
00:01:25 → 00:01:27 เมียหรืออาการที่อุณหภูมิร่างกาย 3 นั่น
00:01:27 → 00:01:30 เองนะครับแต่วันนี้เนี่ยเราจะพูดกันถึง
00:01:30 → 00:01:31 เรื่องของ
00:01:31 → 00:01:33 altituditness นะครับว่ามันคืออะไรนะ
00:01:33 → 00:01:35 ครับแล้วมันมีวิธีในการป้องกันและรักษา
00:01:36 → 00:01:40 อย่างไรมันเกิดขึ้นได้อย่างไรนะครับก็คือ
00:01:40 → 00:01:43 เอาทิชชู่นี้ก็คือเป็นระดับความสูงนะครับ
00:01:43 → 00:01:46 ถ้าเราขึ้นไปบนที่สูงมากๆเนี่ยเราก็จะมี
00:01:46 → 00:01:49 การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายหลากหลายอย่าง
00:01:49 → 00:01:52 เลยนะครับแต่ว่าหลักๆที่จะมีผลต่อการเสีย
00:01:52 → 00:01:55 ชีวิตของคนไข้ได้เนี่ยก็คือระบบทั้งสมอง
00:01:55 → 00:01:58 นะครับแล้วก็ทางปอดนะครับทางสมองเนี่ยนะ
00:01:58 → 00:02:02 ฮะคือคือถ้าปกติเวลาเราขึ้นที่สูงเนี่ย
00:02:02 → 00:02:06 ครับสิ่งที่เกิดปัญหาขึ้นมาเลยนะฮะ
00:02:06 → 00:02:09 ออกซิเจนในบริเวณที่สูงเนี่ยมันจะมีน้อย
00:02:09 → 00:02:12 นะครับคือความดันของออกซิเจนมันจะน้อยใน
00:02:12 → 00:02:14 อากาศมันคืออากาศมันจะเบาบางลงนั่นเองนะ
00:02:14 → 00:02:16 ฮะแต่เปอร์เซ็นของออกซิเจนมันยังเท่าเดิม
00:02:16 → 00:02:18 นะครับเท่ากับระดับน้ำทะเลนะฮะ
00:02:18 → 00:02:21 เปอร์เซ็นต์ของออกซิเจนเนี่ยก็คือในอากาศ
00:02:21 → 00:02:24 ปริมาตรสมมุติ 100 ปริมาตรเนี่ยนะครับมัน
00:02:24 → 00:02:27 จะมีออกซิเจนอยู่ทั้งหมด 21% นะครับไม่
00:02:27 → 00:02:30 ว่าจะอยู่ตรงไหนของโลกมันก็ 21% เพียงแต่
00:02:30 → 00:02:33 ว่าถ้าเราไปอยู่ในที่สูงเนี่ยนะครับ 21%
00:02:33 → 00:02:36 ที่ว่าเนี่ยมันหายากหน่อยนะครับคือมันเบา
00:02:36 → 00:02:39 บางมากซะจนออกซิเจนโมเลกุลที่มันมีอยู่บน
00:02:39 → 00:02:42 อากาศที่เอ่อที่สูงเนี่ยมันกระจายกัน
00:02:42 → 00:02:44 กว้างเหลือเกินนะครับมันไม่ได้กระจุกตัว
00:02:44 → 00:02:47 รวมอยู่ด้วยกันเหมือนกรณีที่อยู่ในระดับ
00:02:47 → 00:02:49 น้ำทะเลนะครับดังนั้นเนี่ยเวลาที่
00:02:49 → 00:02:53 ออกซิเจนในระดับภูเขาสูงๆเนี่ยมันมีน้อย
00:02:53 → 00:02:55 นะครับคนเราก็จะเกิดปัญหาขึ้นมาก็คือช่วง
00:02:55 → 00:02:58 แรกเนี่ยจะมีการพยายามหายใจให้มันเร็ว
00:02:58 → 00:03:01 ขึ้นก่อนเพราะว่าออกซิเจนตกเราก็เหนื่อย
00:03:01 → 00:03:02 เราก็ต้องการออกซิเจนเข้าไปในร่างกายถูก
00:03:02 → 00:03:06 ไหมครับนั่นแหละครับคือมันเป็นปฏิกิริยา
00:03:06 → 00:03:09 แรกที่ร่างกายจะทำนะครับแล้วก็แน่นอนว่า
00:03:09 → 00:03:11 อวัยวะต่างๆซึ่งมีความจำเป็นจะต้องใช้
00:03:11 → 00:03:14 ออกซิเจนเนี่ยมันก็ต้องการเลือดเพิ่มขึ้น
00:03:14 → 00:03:17 เนื่องจากว่าออกซิเจนมันจะเข้ามาสู่เม็ด
00:03:17 → 00:03:19 เลือดก่อนนะครับแล้วก็ในเม็ดเลือดเนี่ย
00:03:19 → 00:03:21 มันอยู่ในน้ำเลือดน้ำเลือดก็จะต้องมีการ
00:03:21 → 00:03:24 ส่งต่อไปให้ตามอวัยวะต่างๆที่นี้ถ้าเกิด
00:03:24 → 00:03:26 ว่าให้เม็ดเลือดที่ขนส่งมาเนี่ยมันไม่
00:03:26 → 00:03:29 ค่อยมีออกซิเจนติดมาด้วยเลยนะครับมันมี
00:03:29 → 00:03:31 ทางเดียวที่จะทำให้มันได้เลือดมากขึ้นก็
00:03:31 → 00:03:34 ทำยังไงก็ได้ให้เลือดมันมาเยอะๆขึ้นเยอะๆ
00:03:34 → 00:03:37 ขึ้นนะครับวิธีที่ร่างกายมันทำแบบนี้นะ
00:03:37 → 00:03:40 ครับก็คือการขยายหลอดเลือดนะครับอ่ะขยาย
00:03:40 → 00:03:43 ทุกที่ที่มันจะขยายได้นะครับอ่าขยายที่
00:03:43 → 00:03:46 สมองอ่าอันเนี้ยเราจะเรียกว่า resol
00:03:46 → 00:03:49 dietation นะครับ Best ก็คือมาจากคำว่า
00:03:49 → 00:03:51 basel หรือเบโซก็คือเป็นเส้นเลือดนั่น
00:03:51 → 00:03:53 เองนะครับหรือหลอดเลือดดันเลยเทสต์คือการ
00:03:53 → 00:03:57 ขยายนะครับถ้าเป็นที่สมองเราจะเรียกว่า
00:03:57 → 00:04:00 เบโซเทลนะครับก็คือเป็นหลอดเลือดสมองการ
00:04:00 → 00:04:02 ขยายนะครับการที่มันขยายเนี่ยก็เป็นการ
00:04:02 → 00:04:05 ที่ทำให้มีน้ำเลือดมาเลี้ยงที่สมองเพิ่ม
00:04:05 → 00:04:07 ขึ้นเพื่อที่จะเอาออกซิเจนมาให้เหมือน
00:04:07 → 00:04:10 เดิมเพราะว่าสมองเราใช้ออกซิเจนปริมาณมาก
00:04:10 → 00:04:13 ถูกไหมครับพอมันเป็นแบบนี้เนี่ยสิ่งที่
00:04:13 → 00:04:16 เกิดขึ้นตามมาเลยก็คือการที่สมองมันมี
00:04:16 → 00:04:18 ปริมาตรจำกัดอยู่ในโพรงกะโหลกโซนซึ่งขยาย
00:04:18 → 00:04:20 ไม่ได้ถ้าเราอัดน้ำเข้าไปอัดเลือดเข้าไป
00:04:21 → 00:04:24 เยอะๆสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือความดันใน
00:04:24 → 00:04:26 โพรงกะโหลกมันจะสูงขึ้นครับถ้ามันสูงขึ้น
00:04:27 → 00:04:29 ต่างมากๆเนี่ยนะครับมันก็จะมีผลต่อระบบ
00:04:29 → 00:04:32 ต่างๆของสมองนะครับไม่ว่าจะเป็นระบบการ
00:04:32 → 00:04:35 คิดเกิดการปวดหัวนะครับการที่เส้นเลือด
00:04:35 → 00:04:37 มันขยายเยอะๆเนี่ยมันจะปวดหัวเหมือนคนที่
00:04:37 → 00:04:39 เป็นไมเกรนเนี่ยนะครับเส้นเลือดมันขยายใน
00:04:39 → 00:04:42 หัวมันก็จะปวดได้นะครับพวกนี้ก็จะปวดหัว
00:04:42 → 00:04:44 เหมือนกันแล้วมันกดมากๆหน้าที่การทำงาน
00:04:44 → 00:04:47 ของสมองมันก็จะเสียไปก็จะเริ่มมีอาการรู้
00:04:47 → 00:04:50 สึกมันสับสนนะครับไม่ค่อยสบายตัวนะครับมี
00:04:50 → 00:04:52 การคลื่นไส้อาเจียนไม่อยากอาหารนะครับ
00:04:52 → 00:04:56 เคลียร์นะครับถ้าเป็นมากๆก็จะเพ้อสับสน
00:04:56 → 00:04:59 ไม่รู้เรื่องนะครับอ่าหรือบางทีหลอนไปเลย
00:04:59 → 00:05:01 ก็ได้นะครับครับแล้วถ้ามันเป็นมากกว่า
00:05:01 → 00:05:03 นั้นไปเรื่อยๆเนี่ยคือปริมาตรของสมองที่
00:05:03 → 00:05:06 มันมีอยู่จำกัดในโพรงกะโหลกเนี่ยนะครับมี
00:05:06 → 00:05:08 น้ำเลือดอัดเข้าไปอัดเข้าไปความดันสูง
00:05:08 → 00:05:11 ขึ้นสูงขึ้นสูงขึ้นสมองมันไปไหนครับสมอง
00:05:11 → 00:05:14 มันไหลแล้วก็เลื่อนลงมากดบริเวณก้านสมอง
00:05:14 → 00:05:17 นะครับเพราะว่าก้านสมองของเราเนี่ยจะ
00:05:17 → 00:05:19 กะโหลกเราไปที่ไขสันหลังมันจะมีรูอยู่รู
00:05:19 → 00:05:21 หนึ่งนะครับภาษาทางการแพทย์เราจะเรียกว่า
00:05:21 → 00:05:24 formen magnum นะครับตรงนี้มันเป็นรู
00:05:24 → 00:05:27 ซึ่งสมองอยู่ข้างบนแล้วก็มีไขสันหลังเข้า
00:05:27 → 00:05:30 ไปในรูตรงนี้แล้วก็ลงไปสู่กระดูกสันหลัง
00:05:30 → 00:05:32 ของเรานะครับไอ้ตรงรูตรงนี้มีความสำคัญ
00:05:32 → 00:05:35 มากคือถ้าสมองมันบวมมากๆนะครับมันก็จะ
00:05:35 → 00:05:38 เลื่อนไปกดไอ้ตรงเนี้ยทำให้จากรูเนี่ยที่
00:05:38 → 00:05:41 มันแค่อยู่แล้วมันโดนเบียดบี้ไปพอมันบี้
00:05:41 → 00:05:43 ไปเนี่ยแคบมากแคบมากสมองมันไหลลงไปในรู
00:05:43 → 00:05:46 ตรงเนี้ยนะครับคือไอ้ส่วนทีแรกที่ไหลลงไป
00:05:46 → 00:05:49 เนี่ยคือเป็นส่วนที่ควบคุมศูนย์การหายใจ 0
00:05:49 → 00:05:52 การอ่าความดันโลหิตสูตรหัวใจทุกอย่างเลย
00:05:52 → 00:05:54 ที่มันสำคัญต่อร่างกายดังนั้นศูนย์ที่มัน
00:05:54 → 00:05:57 สำคัญต่อร่างกายพวกเนี้ยโดนสมองทั้ง
00:05:57 → 00:05:59 อันเนี่ยกดทับและเลื่อนเข้าไปในรูเล็กๆ
00:05:59 → 00:06:02 ซึ่งมันก็ตายถูกไหมครับอย่างนั้นก็คือจะ
00:06:02 → 00:06:05 ไม่รอดนั่นก็คือปัญหาของการที่เกิดสมอง
00:06:05 → 00:06:08 บวมนะครับหรือที่เราเรียกว่า terrible ดี
00:06:08 → 00:06:10 มากนะครับถ้าเป็นภาษาทางการแพทย์นะครับ
00:06:10 → 00:06:13 เวลาที่เราขึ้นที่สูงแล้วก็เกิดสมองบวม
00:06:13 → 00:06:16 อันนี้เราจะเรียกว่า High
00:06:16 → 00:06:19 altitudealer ดีมากนะครับหรือ hace นั่น
00:06:19 → 00:06:23 เองนะครับนี่ก็คือเป็นปัญหานะฮะทีนี้ถ้า
00:06:23 → 00:06:28 สมองมันบวมจนมันเลื่อนเลยเราจะเรียกว่า
00:06:28 → 00:06:31 การเลื่อนหรือไส้เลื่อนนั่นเองแต่ว่าอัน
00:06:31 → 00:06:33 นี้ไม่ใช่ไส้เลื่อนในสมองเลือดนะฮะเราก็
00:06:33 → 00:06:34 เรียกว่า
00:06:34 → 00:06:37 นะครับทีนี้อาการทางสมองเนี่ยมันก็จะมี
00:06:37 → 00:06:40 ตั้งแต่เริ่มต้นที่มันเป็นน้อยๆก่อนนะ
00:06:40 → 00:06:42 ครับอาการที่เป็นน้อยๆเนี่ยเราจะเรียกว่า
00:06:42 → 00:06:45 cute Mountain sixness นะครับ acute
00:06:45 → 00:06:49 mountaintness นะฮะคือมีพูดง่ายๆขึ้นไป
00:06:49 → 00:06:51 ที่สูงๆมีภูเขาอะไรเงี้ยสูงๆแล้วเราจะ
00:06:51 → 00:06:54 เริ่มป่วยนะครับอาการแรกเลยของคนที่เริ่ม
00:06:54 → 00:06:57 ป่วยก็คือว่าจะมีอาการปวดหัวนะครับปวดหัว
00:06:57 → 00:07:00 ก่อนเลยนะครับแล้วก็ไม่ไม่ค่อยอยากอาหาร
00:07:00 → 00:07:03 เบื่อหรือบางคนจะมีคลื่นไส้นะครับอันนี้
00:07:03 → 00:07:05 อาการแรกถ้ามันเป็นแรงขึ้นแรงขึ้นกว่า
00:07:05 → 00:07:08 นั้นก็ตามลำดับอย่างที่เมื่อกี้ผมไล่ให้
00:07:08 → 00:07:10 ฟังนะครับอันนี้คืออาการทางสมองเป็นหลัก
00:07:10 → 00:07:14 ก่อนนะครับอีกอาการหนึ่งซึ่งเจอได้บ่อยก็
00:07:14 → 00:07:16 คืออาการทางปอดที่ทำให้คนไข้เสียชีวิตได้
00:07:16 → 00:07:19 นะครับอาการทางปอดเนี่ยสิ่งที่เกิดขึ้น
00:07:19 → 00:07:22 เส้นเลือดในปอดเนี่ยมันเป็นเส้นเลือดชนิด
00:07:22 → 00:07:25 เดียวในร่างกายทั้งหมดเลยที่ทำงานแตกต่าง
00:07:25 → 00:07:27 จากระบบอื่นๆนะครับระบบอื่นๆของร่างกาย
00:07:27 → 00:07:30 เส้นเลือดทุกที่ในร่างกายทุกอวัยวะของ
00:07:30 → 00:07:33 ร่างกายนะครับเวลาที่ออกซิเจนมันต่ำมันจะ
00:07:33 → 00:07:36 ขยายตัวแต่ถ้าเป็นในปอดมันจะหดตัวอ่า
00:07:36 → 00:07:40 อันเนี้ยตรงกันข้ามกับที่หลายๆคนอาจจะ
00:07:40 → 00:07:43 เข้าใจนะครับคือในปอดเนี่ยแทนที่มันจะ
00:07:43 → 00:07:46 เป็นคำว่า resolate tension คือเป็นการ
00:07:46 → 00:07:47 ขยายของหลอดเลือดในปอดมันจะเป็น
00:07:47 → 00:07:50 construction คือการหดตัวนะครับถามว่า
00:07:50 → 00:07:53 ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นคือโดยปกติถ้าเกิดว่า
00:07:53 → 00:07:56 ออกซิเจนเรามีปริมาณต่ำเนี่ยนะครับปอดของ
00:07:56 → 00:07:58 เราเนี่ยมันจะต้องพยายามเอาเลือดที่มี
00:07:58 → 00:08:01 อยู่ในปอดไปไว้ตรงไหนก็ได้ที่มันมี
00:08:01 → 00:08:03 ออกซิเจนสูงให้ได้นะครับ
00:08:03 → 00:08:06 เช่นในปอดเราสมมุติว่าบริเวณตรงนี้ของผม
00:08:06 → 00:08:09 นะฮะออกซิเจนต่ำถ้าเลื่อนมันมาเลี้ยงตรง
00:08:09 → 00:08:11 เยอะๆมันก็ไม่มีประโยชน์ถูกไหมครับแต่ถ้า
00:08:11 → 00:08:13 บริเวณข้างๆนี้นะครับออกซิเจนสูงมากๆนะ
00:08:13 → 00:08:15 ครับมันก็ต้องพยายามทำยังไงก็ได้เอาเลือด
00:08:15 → 00:08:17 มาเลี้ยงข้างนี้ให้น้อยแต่เอาเลือดไป
00:08:17 → 00:08:19 เลี้ยงตรงนี้ให้เยอะนะครับมันก็เลยเกิด
00:08:19 → 00:08:21 การหดตัวของเราเลือดตรงนี้แล้วขยายตัวของ
00:08:21 → 00:08:24 เราเลือดตรงนี้ขยายตัวตรงที่มีออกซิเจน
00:08:24 → 00:08:26 เยอะแล้วขอตัวตรงที่มีออกซิเจนน้อยนี่คือ
00:08:26 → 00:08:30 การทำงานปกติของปอดแต่ปัญหามันอยู่ตรงที่
00:08:30 → 00:08:33 ว่าขึ้นไปข้างบนเนี่ยออกซิเจนต่ำมากทุกๆ
00:08:33 → 00:08:35 ที่ในปอดเนี่ยมันก็ออกซิเจนต่ำเพราะว่า
00:08:35 → 00:08:38 เราหายใจออกซิมันต่ำเข้าไปถูกไหมครับพอ
00:08:38 → 00:08:40 มันต่ำแบบเนี้ยมันหลอกร่างกายเราคือร่าง
00:08:40 → 00:08:43 กายเรามันก็ไม่รู้จะตอบสนองไงมันก็หดเส้น
00:08:43 → 00:08:46 เลือดหมดทั้งปอดเลยนะครับก็นั่นน่ะคือ
00:08:46 → 00:08:48 เกิดปัญหาขึ้นมาถามว่าหดเส้นเลือดแล้วมัน
00:08:48 → 00:08:51 เกิดอะไรขึ้นนะครับถ้าเรามีระบบปิดอะไร
00:08:51 → 00:08:53 สักอย่างแล้วเราไปบี้ให้ระบบนั้นมันเล็ก
00:08:53 → 00:08:56 ลงสิ่งที่เกิดขึ้นคือความดันในนะมันจะสูง
00:08:56 → 00:08:58 ขึ้นนะฮะอันเนี้ยก็จะเกิดความดันในช่อง
00:08:58 → 00:09:01 ปอดสูงขึ้นหรือที่เราเรียกว่า pomador
00:09:01 → 00:09:04 hypertension นะครับ High altitude
00:09:04 → 00:09:06 pull Mary hypertension คือความดันใน
00:09:06 → 00:09:08 เส้นเลือดของปอดมันสูงนะครับเพราะมันสูง
00:09:08 → 00:09:11 มากๆมันส่งไปเลี้ยงหัวใจข้างซ้ายและไม่
00:09:11 → 00:09:13 เพียงพอเลือดก็ไปเลี้ยงทางร่างกายได้ไม่
00:09:13 → 00:09:15 เพียงพออันนี้ก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่แล้วนอก
00:09:15 → 00:09:17 เหนือจากนั้นคือการที่อยู่ๆเส้นเลือดมัน
00:09:17 → 00:09:20 หดหมดเลยเนี่ยครับคือน้ำเลือดที่เรามี
00:09:20 → 00:09:22 สมมุติว่าเลือดมันเดินทางนี้นะครับผ่าน
00:09:22 → 00:09:24 เส้นเลือดที่ปอดแล้วก็ออกไปสู่อีกข้าง
00:09:24 → 00:09:27 หนึ่งซึ่งเป็นหัวใจห้องซ้ายนะครับเลือด
00:09:27 → 00:09:29 มันเดินมาปกติก็เดินได้แต่ว่าถ้าเกิด
00:09:29 → 00:09:31 เมื่อไหร่หลอดเลือดมันหดตัวอย่างเงี้ย
00:09:31 → 00:09:34 เลื่อนมาถึงอ้าวไปไม่ได้มันไปไหนครับไป
00:09:34 → 00:09:36 ไม่ได้มันรั่วออกไปข้างนอกนะครับอ่ามัน
00:09:36 → 00:09:38 รั่วออกไปข้างนอกรอกเส้นเลือดนอกเส้น
00:09:38 → 00:09:41 เลือดก็คือตรงไหนครับตรงถุงลมในปอดมันก็
00:09:41 → 00:09:44 จะเกิดภาวะน้ำท่วมปอดนั่นเองหรือที่เรา
00:09:44 → 00:09:47 เรียกว่า High altitude promenadry ID
00:09:48 → 00:09:50 มากนะครับใครเอาจู่ๆก็คือที่สูง
00:09:50 → 00:09:52 promenadry คือปอดจะดีมากคือบวมน้ำนะ
00:09:52 → 00:09:55 ครับคือน้ำพวกนี้มันก็รั่วออกมาด้วยกลไก
00:09:55 → 00:09:58 ดังนี้นั่นเองนะครับนั่นก็คือเป็นปัญหา
00:09:58 → 00:10:02 ที่เราเจอหลักๆเลยนะครับแต่ว่าในทางพญาธิ
00:10:02 → 00:10:05 สรีรวิทยาของการเกิดปัญหาพวกนี้มันยุ่ง
00:10:05 → 00:10:07 กว่านี้เยอะนะครับอันนี้คือเป็นแค่คร่าวๆ
00:10:07 → 00:10:07 นะครับ
00:10:08 → 00:10:11 แล้วก็มีอีกอย่างหนึ่งของเรื่องสมองที่ผม
00:10:11 → 00:10:14 อยากจะเล่าต่อไปว่าไอ้พวกนี้คือสิ่งที่ทำ
00:10:14 → 00:10:16 ให้คนเราเสียชีวิตได้นะครับแล้ว 2 อย่าง
00:10:16 → 00:10:18 นี้มันมักจะมาคู่กันยิ่งเป็นรุนแรงเท่า
00:10:18 → 00:10:21 ไหร่มันยิ่งมีหมดทุกอย่างนะครับแล้วถ้า
00:10:21 → 00:10:24 ลองคิดดูถ้าท่านมีสมองบวมนะครับแล้วก็ปอด
00:10:24 → 00:10:26 บวมน้ำท่านหายใจก็ไม่ได้นะครับหายใจไม่
00:10:26 → 00:10:29 ได้คือลมเข้าไปก็ไม่มีออกซิเจนอยู่แล้ว
00:10:29 → 00:10:31 หายใจไม่ได้สมองก็บวมอย่างนี้ท่านก็จะ
00:10:31 → 00:10:34 เสียชีวิตได้นะครับทีนี้อาการอะไรที่จะ
00:10:34 → 00:10:37 บอกว่าเราเริ่มมีอาการทางปอดและอ่ะแน่นอน
00:10:37 → 00:10:40 ทุกๆคนขึ้นไปบนที่สูงอากาศมันเบาบาง
00:10:40 → 00:10:42 ออกซิเจนน้อยเนี่ยท่านทุกท่านก็จะต้อง
00:10:42 → 00:10:44 เหนื่อยถูกไหมครับจะต้องหายใจเร็วนะฮะแต่
00:10:44 → 00:10:47 คนที่เริ่มมีภูมิลี่ดีมากหรือน้ำท่วมปอด
00:10:47 → 00:10:48 ที่เรียกว่า
00:10:48 → 00:10:51 hhape หรือ High altitude ผมไม่ได้ดี
00:10:51 → 00:10:54 มากตัวนี้เนี่ยอาการแรกเริ่มก็คือไอก่อน
00:10:54 → 00:10:56 นะครับไอไม่หยุดเลยนะครับไอแห้งๆเนี่ย
00:10:56 → 00:11:00 เหมือนกับคนเป็นหวัดนี่แหละครับไอแบบตลอด
00:11:00 → 00:11:03 เวลาเลยนะครับคือไอแรกซ์นานเลยนี่คือ
00:11:03 → 00:11:05 อาการแรกที่ท่านจะต้องระวังแล้วนะครับว่า
00:11:05 → 00:11:08 มันเกิดขึ้นแล้วนะครับแต่ถ้ามันเป็นมาก
00:11:08 → 00:11:10 กว่านั้นท่านอาจจะไอแล้วเสมหะมันมีเลือด
00:11:10 → 00:11:12 ออกมาเลยก็ได้นะอาจจะเป็นสีชมพูตอนแรกๆ
00:11:12 → 00:11:14 ชมพูจางๆแล้วหลังจากนั้นมันจะเริ่มมี
00:11:14 → 00:11:15 เลือดเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นนะครับจะดูน่า
00:11:15 → 00:11:18 กลัวขึ้นเรื่อยๆแล้วก็หายใจไม่ออกแล้ว
00:11:18 → 00:11:20 นั่นก็จะทำให้ท่านเสียชีวิตได้นะครับนี่
00:11:21 → 00:11:25 คืออาการที่ทำให้คนเสียชีวิตได้ทีนี้ถาม
00:11:25 → 00:11:29 ว่าแล้วมันจะมีเหตุผลอะไรที่คนเนี่ยจะ
00:11:29 → 00:11:30 เกิดแบบนี้เราจะทำนายมันได้ก่อนหรือเปล่า
00:11:30 → 00:11:33 ในการเกิดแล้วเราจะป้องกันมันได้ยังไงคน
00:11:33 → 00:11:34 ที่จะไปที่สูงๆแบบนั้นจะต้องทำยังไงบ้าง
00:11:34 → 00:11:37 นะครับอ่ะ
00:11:37 → 00:11:39 สิ่งหนึ่งซึ่งผมอยากจะบอกเลยนะครับปัจจัย
00:11:39 → 00:11:42 เสี่ยงที่สำคัญที่สุดก็คือการเคลื่อนที่
00:11:42 → 00:11:45 สูงด้วยความเร็วที่มากเกินไปนะครับคือ
00:11:45 → 00:11:47 ร่างกายเรายังไม่ทันปรับตัวแล้วรีบขึ้น
00:11:47 → 00:11:50 รีบขึ้นรีบขึ้นแบบเนี้ยมันจะยิ่งเป็นนะ
00:11:50 → 00:11:52 ครับโดยเฉพาะคนที่เคยเป็นไอ้พวกนี้มาก่อน
00:11:52 → 00:11:54 แล้วเนี่ยมันจะยิ่งเป็นง่ายขึ้นกว่าคน
00:11:54 → 00:11:57 ทั่วๆไปเลยนะครับนี่คือแค่ปัจจัยที่
00:11:57 → 00:12:00 สามารถใช้ในการบอกได้ว่ามีโอกาสเป็นสูง
00:12:00 → 00:12:03 ขึ้นหรือเปล่าคือการขึ้นไปที่สูงเร็วๆกับ
00:12:03 → 00:12:05 อันที่ 2 เคยเป็นมาก่อนนะความสูงอันนั้น
00:12:05 → 00:12:08 นะครับส่วนที่เหลือที่คนอื่นเขาพูดกัน
00:12:08 → 00:12:11 เนี่ยนะครับมันไม่ค่อยไม่ค่อยจริงแล้วก็
00:12:11 → 00:12:13 หลักฐานเนี่ยมันยังไม่ค่อยเยอะนะตัวอย่าง
00:12:13 → 00:12:15 เช่นถ้าบางคนที่เป็นนักบินเขาเรื่อยๆนะ
00:12:15 → 00:12:18 ครับอาจจะเคยได้ยินหมอรุ่นก่อนเขาบอกมา
00:12:18 → 00:12:20 ว่าคนที่อายุเยอะๆแล้วถ้าเกิดไปปีนเขา
00:12:21 → 00:12:24 เนี่ยมันจะมีการเกิด
00:12:24 → 00:12:28 ตัวสมองบวมเนี่ยยากกว่าคนอายุน้อยซึ่งตรง
00:12:28 → 00:12:29 นี้ยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนนะครับแต่
00:12:30 → 00:12:32 ว่ามันก็มีรายงานบ้างนะครับแล้วที่สำคัญ
00:12:32 → 00:12:35 ที่ท่านจะต้องรู้ก็คือต่อให้ท่านเป็นนัก
00:12:35 → 00:12:38 กีฬาที่ฟิตร่างกายดีแข็งแรงนะครับออก
00:12:38 → 00:12:41 กำลังกายทุกวันก็ไม่ได้เป็นการบอกว่าท่าน
00:12:41 → 00:12:44 จะไม่เสี่ยงต่อไอ้ของพวกนี้นะครับอ่าทุก
00:12:44 → 00:12:45 คนจะเสี่ยงเหมือนกันหมดเลยไม่ว่าจะเป็น
00:12:45 → 00:12:49 ผู้หญิงผู้ชายคนท้องเด็กหรืออะไรพวกนี้นะ
00:12:49 → 00:12:51 ครับเสี่ยงเหมือนกันหมดเลยนะครับดังนั้น
00:12:51 → 00:12:54 สิ่งเหล่านี้ที่ท่านจะต้องระวังนะครับและ
00:12:54 → 00:12:57 อย่างอื่นที่จะต้องระวังก็คือว่าถ้าท่าน
00:12:57 → 00:13:00 ยิ่งออกแรงเยอะมันยิ่งเป็นนะครับยิ่งเป็น
00:13:00 → 00:13:02 บางคนออกแรงเยอะแล้วอย่างที่ผมบอกเส้น
00:13:02 → 00:13:05 เลือดมันจะขยายทุกๆที่ใช่ไหมครับแล้วถ้า
00:13:05 → 00:13:08 ไปออกแรงเยอะเนี่ยการใช้แรงใช้อัดแรง
00:13:08 → 00:13:11 เนี่ยนะครับสมองยิ่งบวมง่ายนะครับแล้วบาง
00:13:11 → 00:13:14 คนมันมีเส้นเลือดที่จอประสาทตาแตกไปด้วย
00:13:14 → 00:13:15 นะครับเพราะว่าเส้นเลือดที่มันมาเลี้ยง
00:13:15 → 00:13:17 ปราสาทตาเนี่ยมันก็ขยายอยู่แล้วนะครับการ
00:13:17 → 00:13:20 อัดการออกแรงนะครับมันก็จะเพิ่มความดันใน
00:13:21 → 00:13:22 ของพวกนี้เยอะขึ้นบางทีเส้นเลือดมันแตก
00:13:22 → 00:13:25 ออกไปถ้าตาบอดเลยนะครับตาบอดอยู่บนภูเขา
00:13:25 → 00:13:28 นี่ก็อันนี้ลำบากมากเลยนะครับก็ต้องระวัง
00:13:28 → 00:13:31 มากๆดังนั้นการออกกำลังกายอย่างรุนแรง
00:13:31 → 00:13:34 อย่างฝืนขึ้นไปนะครับก็เป็นสิ่งที่ไม่ควร
00:13:34 → 00:13:35 นะครับเพราะยิ่งทำมันยิ่งเป็นนะครับก็
00:13:35 → 00:13:39 ต้องระวังตรงนี้ไว้ด้วยนะฮะอ่านี่คือสิ่ง
00:13:39 → 00:13:42 ที่ท่านจะต้องทราบในแง่ของความเสี่ยงนะ
00:13:42 → 00:13:46 ครับอ่าทีนี้แล้วเอ่อถ้าเรารู้ความเสี่ยง
00:13:46 → 00:13:48 และเราไปตรวจร่างกายมาแล้วว่าเราไม่ได้มี
00:13:48 → 00:13:50 โรคอะไรที่มันแปลกประหลาดอะไรพวกนี้นะ
00:13:50 → 00:13:53 ครับอ่าเราจะมีวิธีอะไรอย่างอื่นไหมบางคน
00:13:53 → 00:13:55 บอกว่าเออเนี่ยก็มีการประเมินทั้งร่างกาย
00:13:55 → 00:13:57 ทุกอย่างเพื่อตรวจนะครับบางคนบอกว่าไป
00:13:57 → 00:14:00 ตรวจเลือดดูโน่นดูนี่มันก็พอบอกได้นะครับ
00:14:00 → 00:14:02 พอบอกได้ว่าท่านมีโรคประจำตัวอะไรไหมซึ่ง
00:14:03 → 00:14:05 มันอาจจะทำให้ท่านมีความเสี่ยงต่อการเกิด
00:14:05 → 00:14:07 โรคภัยไข้เจ็บอะไรมากกว่าคนอื่นเขานะครับ
00:14:07 → 00:14:09 ตรงนี้ก็เกี่ยวข้องด้วยนะครับแต่ว่าถ้า
00:14:09 → 00:14:11 เจาะเลือดดูอะไรพวกนี้ยังไม่ทราบนะครับ
00:14:11 → 00:14:15 คือที่เริ่มปอดเนี่ยนะฮะยังไม่สามารถบอก
00:14:15 → 00:14:17 ได้ว่าคนไหนที่จะมีความเสี่ยงนะครับเหตุ
00:14:17 → 00:14:19 ผลเพราะว่ามันขึ้นอยู่กับหลักหลายปัจจัย
00:14:19 → 00:14:21 มากเลยนะครับอันนี้พูดให้นักเรียนแพทย์
00:14:21 → 00:14:24 ฟังนะครับสำหรับในฐานะที่ผมเป็นอาจารย์
00:14:24 → 00:14:26 โรคปอดแล้วกันบอกว่าโอเคจริงๆมันมีเหตุผล
00:14:26 → 00:14:28 เหมือนกันว่าทำไมแต่ละคนเนี่ยตอบสนองต่อ
00:14:28 → 00:14:32 พวกนี้ไม่เหมือนกันยกตัวอย่างเช่นอันนี้
00:14:32 → 00:14:33 เป็นภาษาทางการแพทย์หน่อยนะครับถ้าเกิด
00:14:33 → 00:14:36 ใครฟังผ่านมาก็ผ่านฟังเล่นๆสนุกๆแล้วกัน
00:14:36 → 00:14:39 นะครับเช่นมีการกลายพันธุ์ของยีนส์ชื่อ
00:14:39 → 00:14:44 ว่าเอ่อ pmpr to นะครับอ่า BM pear 2
00:14:44 → 00:14:46 เนี่ยเป็นยีนส์ซึ่งเวลามันกลายพันธุ์พวก
00:14:46 → 00:14:49 นี้แล้วจะเกิดเป็นเอ่อความดันโล่ปอดสูง
00:14:49 → 00:14:51 เนี่ยหรือพูดไม่ให้ไป tension ซึ่งมัน
00:14:51 → 00:14:52 เป็นในครอบครัวเยอะๆนะครับถ้าตัวนี้มีการ
00:14:52 → 00:14:56 กลายพันธุ์อ่ะมีโอกาสเกิดเหตุเยอะขึ้นนะ
00:14:56 → 00:14:58 ครับเพราะว่ามันจะทำให้ความดันโลหะในปอด
00:14:58 → 00:15:01 สูงมากเร็วกว่าคนปกติอันนี้ก็จะเกิดง่าย
00:15:01 → 00:15:04 ขึ้นคนที่มีการกลายพันธุ์ของยีนกลุ่มที่
00:15:04 → 00:15:06 เรียกว่า heat Shock Protein Seventy
00:15:06 → 00:15:09 หรือว่าพวกไฮค๊อกซิก iscomex Factor
00:15:09 → 00:15:11 แอลฟาพวกนี้นะครับก็คือจะมีการตอบสนอง
00:15:11 → 00:15:13 ซึ่งไม่เหมือนกับคนอื่นเขาแล้วมีโอกาส
00:15:13 → 00:15:16 เกิดพวกนี้ขึ้นมาได้คนที่ไม่สามารถสร้าง
00:15:16 → 00:15:18 ไนตริกออกไซด์ขึ้นมาทำให้เส้นเลือดปอด
00:15:18 → 00:15:20 ขยายได้ดีเนี่ยพวกนี้ก็จะเกิดปัญหาคนที่
00:15:21 → 00:15:23 สร้างเอ็นดูสิรินซึ่งมันเป็นเรโซน
00:15:23 → 00:15:25 สติ๊กเกอร์ที่รุนแรงมากๆมันทำให้เส้น
00:15:25 → 00:15:28 เลือดหดในปอดรุนแรงมากๆก็ยิ่งเป็นดังนั้น
00:15:28 → 00:15:30 อะไรก็แล้วแต่ที่สามารถทำให้เส้นเลือดใน
00:15:30 → 00:15:32 ปอดหดมากกว่าปกติแล้วก็ขยายได้ยากๆเนี่ย
00:15:32 → 00:15:36 นะครับนั่นก็คือปัญหานะครับอ่ะนี้กลับมา
00:15:36 → 00:15:39 สู่อ่าของคนปกติแล้วที่เราจะต้องรู้โอเค
00:15:39 → 00:15:43 สมมุติว่าเราจะขึ้นไปบนภูเขานั่นน่ะแล้ว
00:15:43 → 00:15:45 เราไปตรวจร่างกายมาเรียบร้อยละโอเคเรา
00:15:45 → 00:15:48 พร้อมแล้วนะครับอ่าในในสิ่งที่เราจะต้อง
00:15:48 → 00:15:51 คิดนะครับในแง่ของการป้องกันภาวะพวกเนี้ย
00:15:51 → 00:15:53 ทั้งหมดเลยนะครับเราต้องทำยังไงนะฮะ
00:15:53 → 00:15:55 ประการแรกนะครับ
00:15:55 → 00:16:00 ตอนจองทัวร์ตอนจองทัวร์ก่อนเลยนะครับเวลา
00:16:00 → 00:16:03 จองท่านจะต้องรู้ว่าในกรุ๊ปนั้นของท่าน
00:16:03 → 00:16:06 เนี่ยมีใครบ้างนะครับคือบางกรุ๊ปเนี่ยถ้า
00:16:06 → 00:16:09 เกิดว่ามีไกด์หลายๆคนหน่อยอันนี้จะโชคดี
00:16:09 → 00:16:11 แล้วครับเพราะว่ามันแปลว่าท่านเลือกทัวร์
00:16:11 → 00:16:13 ที่ดีมีไกด์เยอะแล้วเกิดคนไหนมีปัญหา
00:16:13 → 00:16:17 เนี่ยไกด์ให้พาลงมาก่อนได้หรือว่ารอหยุด
00:16:17 → 00:16:20 ตรงนั้นก่อนก็ได้ยังไม่ต้องตามชาวบ้านเขา
00:16:20 → 00:16:22 ไปนะครับคือเราก็ต้องรอให้อาการดีขึ้น
00:16:22 → 00:16:24 ก่อนแล้วค่อยตามไปหรือว่าถ้าพิจารณาแล้ว
00:16:24 → 00:16:26 ไม่ดีขึ้นอย่างนี้ต้องพาลงนะครับแต่ถ้า
00:16:26 → 00:16:30 เขามีไกด์อยู่แค่คนสองคนแล้วท่วมเป็น 10
00:16:30 → 00:16:32 20 คนอย่างเงี้ยอันนี้อาจจะไม่ปลอดภัย
00:16:32 → 00:16:35 ถูกไหมครับมันก็อาจจะเกิดคนนึงป่วยอ้าวทำ
00:16:35 → 00:16:38 ยังไงดีนะครับทิ้งลูกหาบทิ้งไกด์ไว้ก็ก็
00:16:38 → 00:16:40 ลำบากนะครับดังนั้นท่านจะต้องรู้ว่าใน
00:16:40 → 00:16:42 กรุ๊ปของท่านเนี่ยมีไกด์อยู่กี่คนมีลูก
00:16:42 → 00:16:44 ห่างกี่คนนะครับแล้วมันเหมาะสมกับจำนวน
00:16:45 → 00:16:47 ไหมเกิดมีคนนึงป่วยแล้วไกด์ที่อยู่กับเรา
00:16:47 → 00:16:49 ได้หรือเปล่านะครับอ่าหรือบางคนพอเงิน
00:16:49 → 00:16:53 น้อยเนี่ยก็จะเร่งๆๆให้รีบๆขึ้นเพราะว่า
00:16:53 → 00:16:55 คนอื่นเขาอยากจะขึ้นแต่เราป่วยเนี่ยมัน
00:16:55 → 00:16:57 เราก็มีความรู้สึกว่าเราถ่วงเขาหรือเปล่า
00:16:57 → 00:17:00 นะถ้าเราถ้าเราคนนึงเราก็ดึงเกาดึงไกด์
00:17:00 → 00:17:03 เขาไว้คนนึงอย่างนี้นะครับเราก็ไม่อยากจะ
00:17:03 → 00:17:04 ทำดังนั้นเนี่ยถ้าท่านจะไปท่านก็ต้องดู
00:17:04 → 00:17:07 เรื่องนี้ก่อนอันที่ 2 ที่ท่านต้องดูแน่ๆ
00:17:07 → 00:17:11 เลยนะครับก็คือเรื่องของประกันนะครับคือ
00:17:11 → 00:17:13 ผมจำไม่ได้แล้วคือผมเคยดูเรื่องพวกนี้ไว้
00:17:13 → 00:17:16 สมัยที่ผมอ่านเรื่องพวกนี้เยอะๆนะฮะมันจะ
00:17:16 → 00:17:19 มีประกันที่เวลาที่ป่วยมากๆนะครับที่เรา
00:17:19 → 00:17:21 อยู่ในประกันการขึ้นที่สูงพวกนี้แหละครับ
00:17:21 → 00:17:24 ที่เราสามารถจะเรียกเฮลิคอปเตอร์พาลงมา
00:17:24 → 00:17:27 ได้เลยนะครับอ่ามันจะมีประกันแบบนี้แต่
00:17:27 → 00:17:29 ว่าประกันพวกนี้มันผมไม่แน่ใจว่าการอะไร
00:17:29 → 00:17:31 นะครับแต่รู้สึกว่ามันน่าจะหายากท่านต้อง
00:17:31 → 00:17:33 ไปหาข้อมูลเอาเองนะครับเพราะว่าถ้าท่าน
00:17:33 → 00:17:34 อยากไปท่านก็ต้องรู้นะครับส่วนผมไม่ได้
00:17:34 → 00:17:36 อยากไปนะครับผมไม่ต้องรู้ก็ได้นะครับถ้า
00:17:36 → 00:17:39 น้องหาดูนะครับเพราะว่าบางทีเนี่ยคือไอ้
00:17:39 → 00:17:41 การเรียก toricofter ขึ้นไปข้างบนแล้วพา
00:17:41 → 00:17:44 ท่านลงมาเนี่ยมันแพงมากนะครับอ่า 5-6,000
00:17:44 → 00:17:47 ดอลลาร์อะไรเงี้ยคือก็เป็นแสนนะครับแพง
00:17:47 → 00:17:49 มากๆดังนั้นถ้าท่านไม่ทำประกันพวกนี้ไป
00:17:49 → 00:17:51 ก่อนเนี่ยโอกาสที่ท่านจะได้รับการพาตัวลง
00:17:51 → 00:17:53 มามันไม่ได้ง่ายนะครับคือส่วนใหญ่ก็จะ
00:17:53 → 00:17:55 ต้องหามกันลงมาซึ่งท่านก็ต้องจ้างลูกค้า
00:17:55 → 00:17:57 หรือว่าต้องให้มีคนทิ้งไว้นะครับหรือท่าน
00:17:57 → 00:18:00 ก็ต้องพยายามลงตัวเองหรืออะไรก็แล้วแต่นะ
00:18:00 → 00:18:02 ครับดังนั้นเนี่ยอันนี้ท่านจะต้องศึกษาดู
00:18:02 → 00:18:04 ว่าประกันของท่านมันจะดีหรือเปล่าในการ
00:18:04 → 00:18:06 ที่จะขึ้นที่สูงมีการสามารถเรียก
00:18:06 → 00:18:08 เฮลิคอปเตอร์รับท่านออกมาได้เลยหรือเปล่า
00:18:08 → 00:18:12 อะไรแบบนี้นะครับอ่าขั้นตอนต่อไปเรื่อง
00:18:12 → 00:18:14 ของการปฏิบัติตัวนะครับคือเรื่องของการ
00:18:14 → 00:18:18 ปฏิบัติตัวขั้นแรกก็คือว่าอย่าฝืนอย่า
00:18:18 → 00:18:20 ขึ้นที่สูงอย่างรวดเร็วถ้าเกิดว่าท่าน
00:18:20 → 00:18:23 นั่งเครื่องบินจากประเทศไทยเนี่ยแล้วไปลง
00:18:23 → 00:18:27 ที่เนปาลโดยตรงเอวิสใกล้ๆทางขึ้นไป fsam
00:18:27 → 00:18:29 เนี่ยคือมันจะมีสนามบินอันเล็กๆอันนึงผม
00:18:29 → 00:18:31 จำชื่อไม่ได้แล้วถ้าท่านไปลงตรงนั้นเลย
00:18:31 → 00:18:34 เนี่ยร้อยทั้งร้อยนะครับท่านจะเกิดภาวะ
00:18:34 → 00:18:36 พวกนี้ขึ้นมาอย่างน้อยๆก็เกิด Cube
00:18:36 → 00:18:38 Mountain sixness นะครับคืออาการมันอาจ
00:18:39 → 00:18:41 จะไม่ได้เป็นทันทีที่ท่านไปถึงนะครับอ่า
00:18:41 → 00:18:44 บางคนพูดว่าเอ้ยไปถึงแล้วไม่เห็นปวดหัว
00:18:44 → 00:18:47 เนี่ยสบายดีกินข้าวได้ไม่นะครับอาการพวก
00:18:47 → 00:18:50 นี้บางที 6-12 ชั่วโมงท่านถึงจะเริ่มนะ
00:18:50 → 00:18:52 ครับบางคนก็เร็วกว่านั้นบางคนก็ช้ากว่า
00:18:52 → 00:18:54 นั้นอันที่บอกไม่ได้นะครับแต่ว่าบางคน
00:18:54 → 00:18:56 เนี่ย 12 ชั่วโมงมาถึงจะเกิดดังนั้นท่าน
00:18:56 → 00:18:58 อย่าเพิ่งหลงดีใจว่าท่านไม่เป็นอะไรนะ
00:18:58 → 00:19:02 ครับแล้วถ้าท่านไปถึงสิ่งที่ท่านควรจะ
00:19:02 → 00:19:03 ต้องทำนะฮะนอกเหนือจากการโอเครู้ว่า
00:19:03 → 00:19:06 เต็นท์ของตัวเองอยู่ตรงไหนนะครับกินข้าว
00:19:06 → 00:19:08 ให้เพียงพอท่านจะต้องมีพลังงานให้เพียงพอ
00:19:08 → 00:19:09 เพราะถ้าอยู่ในที่หนาวขนาดนั้นเนี่ยพลัง
00:19:09 → 00:19:11 งานที่เพียงพอท่านจะยิ่งหนาวและร่างกาย
00:19:11 → 00:19:14 ท่านมันยิ่งแย่นะครับท่านก็ต้องกินให้พอ
00:19:14 → 00:19:17 แล้วก็นอกเหนือจากนั้นก็คือเรื่องของการ
00:19:17 → 00:19:20 ขึ้นที่สูงนะครับอย่าขึ้นเร็วนะครับขึ้น
00:19:20 → 00:19:23 แต่ละสเต็ปเนี่ยเราต้องพักอย่างน้อยๆก็ 2
00:19:23 → 00:19:26 วันหรือมากกว่านั้นนะครับอ่าตรงนี้เป็น
00:19:26 → 00:19:28 สิ่งสำคัญสิ่งที่ท่านจะต้องเตรียมไปแน่ๆ
00:19:28 → 00:19:31 เลยก็คือออกซิเจนนะครับถ้าท่านจะยิ่งขึ้น
00:19:31 → 00:19:33 ที่สูงยังไงการขึ้นออกซิเจนการมีออกซิเจน
00:19:33 → 00:19:35 ติดตัวไว้เนี่ยจะดีนะครับเพราะว่าไอ้โรค
00:19:36 → 00:19:38 ทั้งหมดที่เมื่อกี้ผมบอกไปเนี่ยมันแก้ไข
00:19:38 → 00:19:40 ได้ด้วยออกซิเจนแล้วมันก็เกิดจากการขาด
00:19:40 → 00:19:42 ออกซิเจนนะครับดังนั้นต้องมีออกซิเจนเสมอ
00:19:42 → 00:19:44 นะครับไม่มีไม่ได้นะครับยิ่งถ้าท่านไม่
00:19:44 → 00:19:47 ใช่คนที่เชี่ยวชาญมากๆแล้วเพราะว่าบางคน
00:19:47 → 00:19:49 อาจจะบอกว่าก็มันมีคนขึ้นไปโดยที่ไม่ใช้
00:19:49 → 00:19:51 ออกซิเจนนี่แต่ท่านมั่นใจหรือเปล่าว่า
00:19:51 → 00:19:53 ท่านจะเป็นคนๆนั้นนะครับท่านมีไว้ดีกว่า
00:19:53 → 00:19:55 นะครับเพื่อความปลอดภัยนะครับแล้วก็ต้อง
00:19:55 → 00:19:58 แน่ใจว่ามีเพียงพอด้วยนะครับขั้นต่อไป
00:19:58 → 00:20:21 เรื่อง
00:20:21 → 00:20:58 [เพลง]
00:20:58 → 00:21:02 ไม่ดีไม่ดีแล้วทำยังไงสมองสั่งให้ร่างกาย
00:21:02 → 00:21:06 เราหายใจช้าลงครับตอนแรกหายใจเร็วขึ้นต่อ
00:21:06 → 00:21:08 หลั่งหายใจช้าลงหายใจช้าลงแล้วมันเกิด
00:21:08 → 00:21:11 อะไรขึ้นอีกนะครับหายใจช้าลงแล้วเนี่ยมัน
00:21:11 → 00:21:14 ก็จะพยายามถ้าการหายใจมันเร็วขึ้นร่างกาย
00:21:14 → 00:21:16 จะเป็นด่างเพิ่มขึ้นเพราะมันขับกรรมไม่
00:21:16 → 00:21:18 ต้องใส่ออกไปถ้าเราหายใจช้าลงมันก็จะเก็บ
00:21:18 → 00:21:20 ความร้อนใส่ไว้ทำให้เลิศของเราไม่ค่อย
00:21:20 → 00:21:23 เป็นดาบนะครับแต่ผลเสียของมันก็จะมีอีก
00:21:23 → 00:21:25 แล้วออกซิเจนก็ได้ไม่พอแต่ร่างกายเรามัน
00:21:25 → 00:21:28 จะไม่สั่นนะครับมันจะสั่งเป็นแบบนี้มันก็
00:21:28 → 00:21:30 คือโดนที่สูงหลอกร่างกายเราให้มันทำแบบ
00:21:30 → 00:21:33 นี้ขึ้นมานะครับนั่นคือปัญหาหลักๆเลยนะฮะ
00:21:33 → 00:21:37 แต่ว่ามันไม่ได้มีอยู่แค่นั้นครับคือร่าง
00:21:37 → 00:21:39 กายเรามันก็มีการปรับตัวเหมือนกันก็คือ
00:21:39 → 00:21:42 เวลาที่ร่างกายเราเนี่ยเอ่อมันมีความเป็น
00:21:42 → 00:21:45 ด่างสูงจากการหายใจความเป็นด่างเนี่ยต่อ
00:21:45 → 00:21:47 ให้เราปรับตัวที่สมองยังไงมันก็ยังกลับมา
00:21:47 → 00:21:50 ค่า pH หรือว่าค่าความกรดกดดันของร่างกาย
00:21:50 → 00:21:55 เราเนี่ยจะไม่กลับสู่ปกติจนกว่าจะมีการทำ
00:21:55 → 00:21:58 งานของอวัยวะหนึ่งมาทดแทนก็คือไตนั่นเอง
00:21:58 → 00:22:01 นะครับไตเราเนี่ยสามารถที่จะขับด่างทิ้ง
00:22:01 → 00:22:04 ออกไปได้นะครับเลือดเรามันเป็นด่างถ้าไต
00:22:04 → 00:22:06 มันขับด่างออกไปได้เนี่ยครับเลือดเรามัน
00:22:06 → 00:22:09 ก็จะกลับสู่ pH ปกติแล้วเนี่ยคือการปรับ
00:22:09 → 00:22:11 ตัวของร่างกายหรือที่เรียกว่า
00:22:11 → 00:22:14 accinmentization นะครับ Accord
00:22:14 → 00:22:17 metalization นะไม่ใช่ adaptation นะ
00:22:17 → 00:22:18 ครับ adaptation ที่เป็นคำหนึ่ง
00:22:18 → 00:22:21 adaptation คือการปรับตัวอันนี้หมายความ
00:22:21 → 00:22:24 ว่าอย่างพวก terra ที่เขาปีนขึ้นไปลงทุก
00:22:24 → 00:22:26 วันๆพวกนี้เขาจะบินเร็วแค่ไหนก็ได้นะครับ
00:22:26 → 00:22:29 แบกของกี่กิโลเขาก็ไม่ไม่มีปัญหาอะไรนะ
00:22:29 → 00:22:31 ครับนั่นคือเขาปรับตัวเรียบร้อยแล้วไม่
00:22:31 → 00:22:33 ได้มีปัญหาอะไรนะครับแต่ท่านน่ะเป็นแบบ
00:22:33 → 00:22:35 เขาไม่ได้สิ่งที่ท่านทำได้คือระยะสั้นนะ
00:22:35 → 00:22:40 ครับคือการทำไทเทเนชั่นนะครับมันคืออะไร
00:22:40 → 00:22:43 ก่อนที่ไตเราจะสามารถขับไอ้พวกด่านพวก
00:22:43 → 00:22:45 เนี้ยออกไปจากร่างกายได้เนี่ยมันใช้เวลา
00:22:45 → 00:22:49 อย่างน้อยๆก็ประมาณสัก 2 วัน 2 วันนี้คือ
00:22:49 → 00:22:51 เริ่มต้นแล้วนะครับกว่ามันจะทำเต็มที่
00:22:51 → 00:22:55 เนี่ยมันจะใช้เวลา 7 วัน 7 วันนะฮะมันแปล
00:22:55 → 00:22:56 ว่าอะไรมันแปลว่าท่านขึ้นที่สูงไปได้
00:22:56 → 00:23:58 เนี่ยแล้วท่านก็ต้องค้างอยู่ตรง
00:23:58 → 00:24:00 ได้เร็วขึ้นแล้วเราก็จะขึ้นที่สูงได้เร็ว
00:24:00 → 00:24:04 ขึ้นอันนี้เป็นเป็นผลจาก Asset ทดลองใหม่
00:24:04 → 00:24:06 ข้อที่เราจะต้องรู้เกี่ยวกับ Asset ทดลอง
00:24:06 → 00:24:09 ไมค์นะครับคือเวลาคนที่กินแล้วทรมานเนี่ย
00:24:09 → 00:24:12 บางคนจะมีอาการปลายมือปลายเท้าชานะครับ
00:24:12 → 00:24:14 ซึ่งมันแยกยากมากเพราะว่าข้างบนมันก็หนาว
00:24:14 → 00:24:16 มันก็ชาอยู่แล้วนะครับอันนี้ก็มีได้ชาปาก
00:24:16 → 00:24:20 ก็ได้นะครับและก็คนพวกที่เราใช้พวกนี้
00:24:20 → 00:24:23 เนี่ยเวลากินพวกน้ำซ่าพวกโค้กแปปซี่อะไร
00:24:23 → 00:24:26 เงี้ยมันจะรู้สึกจืดอันนี้เป็นอะไรที่
00:24:26 → 00:24:27 ประหลาดอย่างนึงนะครับเพราะว่ามันไปยุ่ง
00:24:27 → 00:24:30 กับเอนไซม์คาร์บอเนตต่างๆนะครับแล้วเรา
00:24:30 → 00:24:32 ไม่ลงรายละเอียดแล้วกันนะแต่ถ้าเป็นนาย
00:24:32 → 00:24:33 สิบแพทย์นักศึกษาแพทย์ต้องรู้นะครับ
00:24:33 → 00:24:35 เรื่องห้องนี้นะฮะไม่ว่าเดี๋ยวอาจารย์เขา
00:24:35 → 00:24:37 ตีหัวเอานะฮะเราก็ต้องไปอ่านมาเพิ่มนะ
00:24:37 → 00:24:42 ครับอ่ะนี่คือคำเอ่อเป็นตัวซอไม้ที่
00:24:42 → 00:24:44 สามารถกินได้แล้วเก็บไว้กับตัวอะไรครับ
00:24:44 → 00:24:48 มันช่วยนะฮะตัวที่ 2 ที่อยากจะให้มีติด
00:24:48 → 00:24:51 ตัวคือสติอยชื่อว่า dext smoant นะครับ
00:24:51 → 00:24:55 เด็กสมัยก่อนตัวนี้เนี่ยไม่เอ่อลืมพูดไป
00:24:55 → 00:24:58 อย่างนึงคือทรมานเนี่ยมันเป็นยาที่มีสาร
00:24:58 → 00:25:00 เราฟาร์มเป็นส่วนประกอบดังนั้นคนที่เคย
00:25:00 → 00:25:04 แพ้โซฟาแบบรุนแรงมากๆจะต้องระวังว่าท่าน
00:25:04 → 00:25:07 อาจจะแพ้ Accessory ก็ได้นั่นหมายความว่า
00:25:07 → 00:25:11 ถ้าท่านมีประวัติแพ้ซัลฟารุนแรงท่านจะไป
00:25:11 → 00:25:15 ที่สูงท่านจะต้องทดลองกิน acetate ก่อนดู
00:25:15 → 00:25:18 ว่ามันมีปัญหาอะไรหรือเปล่าคือไปหาหมอทาง
00:25:18 → 00:25:20 ด้านโรคภูมิแพ้ให้เขาทดลองยาขนาดต่ำมากๆ
00:25:21 → 00:25:22 ก่อนแล้วค่อยๆเพิ่มขนาดดูซิว่าท่านกิน
00:25:22 → 00:25:24 แล้วมีปัญหาอะไรไหมส่วนใหญ่ไม่มีปัญหานะ
00:25:24 → 00:25:27 ครับแต่การไม่ดีกว่าแก้เพราะถ้าท่านกิน
00:25:27 → 00:25:29 แล้วขึ้นไปมีปัญหาข้างบนเนี่ยแย่แน่ๆนะ
00:25:29 → 00:25:31 ครับไม่มีบุคลากรทางการแพทย์อยู่ข้างบน
00:25:31 → 00:25:33 ดังนั้นท่านจะต้องลองตั้งแต่แรกก่อนนะ
00:25:33 → 00:25:36 ครับแล้วก็ต้องมีจำนวนยาที่เพียงพอต่อการ
00:25:36 → 00:25:39 ขึ้นและลงด้วยนะครับมีให้เพียงพอนะฮะอัน
00:25:39 → 00:25:41 ที่ 2 คือ
00:25:41 → 00:25:43 dexamethol ซึ่งมันเป็นสเตียรอยด์ตัวนึง
00:25:43 → 00:25:46 นะครับขนาดที่กินเนี่ยอยู่ที่ประมาณ 2-4
00:25:46 → 00:25:49 มิลลิกรัมทุกๆ 6 ชั่วโมงนะครับหรือ 4
00:25:49 → 00:25:51 ครั้งต่อวันนะครับกินตั้งแต่วันที่ถ้า
00:25:51 → 00:25:54 เกิดคนที่กิน azatos ใหม่ไม่ได้ก็ต้องกิน
00:25:54 → 00:25:57 ไอ้ตัวเนี้ยแหละครับแต่ว่าโดยทั่วๆไปเรา
00:25:57 → 00:25:59 จะไม่ให้กินตัวนี้นะครับเราใช้ตัวนี้เป็น
00:25:59 → 00:26:04 ยาที่กดอาการกดอาการยาตัวนี้มันแตกต่าง
00:26:04 → 00:26:06 จาก acetosolomize ก็คือว่ามันกดอาการ
00:26:06 → 00:26:11 ท่านแต่มันไม่สามารถทำให้กระบวนการปรับ
00:26:11 → 00:26:13 ตัวของท่านเร็วขึ้นได้มันทำไม่ได้นะครับ
00:26:13 → 00:26:17 เช่นถ้าท่านเริ่มมีอาการสับสนเริ่มเป็น
00:26:17 → 00:26:20 แล้วนะครับกินไอ้ตัวนี้เข้าไปมันจะช่วยนะ
00:26:20 → 00:26:22 ครับปวดหัวมากๆกินเข้าไปมันจะช่วยนะครับ
00:26:22 → 00:26:25 แต่ต้องกินตลอดเวลานะครับแล้วบางทีข้อควร
00:26:25 → 00:26:28 ระวังของยาตัวนี้ก็คือว่าถ้าท่านกินนะ
00:26:28 → 00:26:30 ครับแล้วอาการท่านดีขึ้นมันไม่ได้หมาย
00:26:30 → 00:26:32 ความว่าท่านปรับตัวเรียบร้อยแล้วนะครับ
00:26:32 → 00:26:34 แล้วถ้าเกิดท่านยังคงขึ้นที่สูงต่อไปอีก
00:26:34 → 00:26:35 นะอาการท่านก็จะรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
00:26:35 → 00:26:38 ดังนั้นเนี่ยคนไหนที่กินยาแล้วต้องระวัง
00:26:38 → 00:26:41 ตัวว่าเออเราอยู่ตรงเนี้ยมานานในระดับ
00:26:41 → 00:26:44 ความสูงตรงเนี้ยเกินอย่างน้อยก็ 3-4 วัน
00:26:44 → 00:26:46 หรือยังถ้าเกิดเกินและอ่ะเรากินมา 4 วัน
00:26:46 → 00:26:48 ละโอเคเราสามารถขึ้นสเต็ปต่อไปได้เพราะ
00:26:48 → 00:26:52 ว่าทั่วๆไปมันใช้ประมาณ 1 อาทิตย์กว่าไอ
00:26:52 → 00:26:53 จะปรับตัวอย่างที่ผมบอกไปเมื่อกี้นี้เอง
00:26:54 → 00:26:56 ทั่วๆไปจะให้ Accessories คู่ไปก่อนแล้ว
00:26:56 → 00:26:59 ก็ในกรณีที่เกิดอาการจริงๆเราจึงจะกิน
00:26:59 → 00:27:01 dext Zone นะครับแล้วก็ต้องมีให้พอกับ
00:27:01 → 00:27:04 ทริปท่านขึ้นลงด้วยนะครับเพื่อความแน่นอน
00:27:04 → 00:27:05 นะฮะ
00:27:05 → 00:27:08 เป็นยาสเตียรอยด์กินนานๆก็ไม่ดีนะครับน้ำ
00:27:08 → 00:27:11 ตาลขึ้นเป็นยากดภูมิแล้วก็มากๆก็อาจจะมี
00:27:11 → 00:27:13 อาการทางระบบประสาทก็ได้มันหลอนขึ้นมา
00:27:13 → 00:27:16 อย่างนี้นะครับเพี้ยนหงุดหงิดขี้โมโหได้
00:27:16 → 00:27:18 มีหมดทุกอย่างเลยนะครับพวกนี้ดังนั้นเรา
00:27:18 → 00:27:20 จะไม่ค่อยให้กินเกิน 1 อาทิตย์นะฮะแล้ว
00:27:20 → 00:27:23 ท่านก็จะควรจะแคลนขึ้นลงตรงนี้อย่าให้มัน
00:27:23 → 00:27:28 เกินนั้นนะครับอ่ายาอีกตัวนึงสำหรับคลิป
00:27:28 → 00:27:29 นะครับหรือ High altitude promary ดี
00:27:29 → 00:27:32 มากนะครับตัวนี้เนี่ยจะเป็นยาชื่อว่าใน
00:27:32 → 00:27:35 สถิติ์นะครับมันเป็นยาซึ่งขยายหลอดเลือด
00:27:35 → 00:27:38 ในปอดได้นะครับยาในฟิลิปปินส์เนี่ยมัน
00:27:38 → 00:27:40 เป็นยาขยายหลอดเลือดแต่มันก็ทำให้ความดัน
00:27:40 → 00:27:44 ของท่านลดด้วยเช่นกันนะครับยาตัวนี้เราจะ
00:27:44 → 00:27:47 ใช้เราจะต้องใช้แบบ slow List หรือว่า
00:27:47 → 00:27:49 extendolete หมายความว่ากินเข้าไปแล้ว
00:27:49 → 00:27:51 ต้องได้ยาแบบที่มันค่อยๆปล่อยออกมาออก
00:27:51 → 00:27:54 ฤทธิ์ช้านะครับอย่าไปเอายาชนิดที่มันออก
00:27:54 → 00:27:57 ฤทธิ์เร็วมาเด็ดขาดถ้าออกฤทธิ์เร็วท่านจะ
00:27:57 → 00:27:59 มีปัญหาอย่างอื่นตามมาทันทีท่านอาจจะมี
00:27:59 → 00:28:01 โรคหัวใจกำเริบขึ้นมาอะไรพวกนี้ก็ได้นะ
00:28:01 → 00:28:05 ครับอย่าทำแบบนั้นให้เอาแบบ extended คือ
00:28:05 → 00:28:09 ค่อยๆปล่อยออกมาคนไหนซึ่งควรจะต้องกินใน
00:28:09 → 00:28:13 fed ก็มีกรณีเดียวเลยครับคนที่เคยมี
00:28:13 → 00:28:16 ประวัติว่าเคยมีภูมิอะไรดีมากมาก่อนเรา
00:28:16 → 00:28:18 ไม่สามารถทำนายได้ทั้งสิ้นว่าคนไหนจะเกิด
00:28:18 → 00:28:20 คนไหนจะไม่เกิดยกเว้นให้คนที่เคยเกิดมา
00:28:20 → 00:28:22 ก่อนเท่านั้นนะครับที่เราจะให้กินนะแต่
00:28:22 → 00:28:24 นอกเหนือจากนั้นเราไม่ได้ให้กินตัวนี้นะ
00:28:24 → 00:28:27 ฮะแต่อาจจะพอมีเผื่อไว้ก็ได้แล้วท่านก็
00:28:27 → 00:28:29 สังเกตอาการตัวเองว่าถ้าท่านไอมากๆนั่น
00:28:29 → 00:28:32 แหละท่านเกิดแล้วนะครับอ่านี่คือยาที่
00:28:32 → 00:28:35 อยากจะให้มีไว้อีกตัวนึงซึ่งอยากจะให้มี
00:28:35 → 00:28:38 ไว้คือยาขยายหลอดลมตัวหนึ่งนะครับอ่าบาง
00:28:38 → 00:28:40 คนอาจจะเคยได้ยิน Went To Rim ถูกไหม
00:28:40 → 00:28:43 ครับอ่า mentory อาญาพ่นปากพ่นโรคหอบนี่
00:28:43 → 00:28:46 แหละครับแต่ถ้าๆเป็นไปได้นะครับมันจะมี
00:28:46 → 00:28:47 อีกตัวนึงซึ่งออกฤทธิ์ยาวกว่า ventolin
00:28:47 → 00:28:51 เช่นอ่ะตัวที่อ่าชื่อว่า Sound meteral
00:28:51 → 00:28:53 นะครับ formateral พวกนี้จะออกฤทธิ์ยาว
00:28:53 → 00:28:55 กว่าคือพ่นแค่วันละ 2 ครั้งได้หรือครั้ง
00:28:55 → 00:28:58 นึงได้นะครับคนที่เริ่มๆมีอาการเนี่ยว่า
00:28:58 → 00:29:01 ตัวนี้เข้าไปก็ช่วยพอได้นะครับแต่ว่าก็
00:29:01 → 00:29:02 เหมือนกันท่านจะต้องหัดพ่นให้เป็นก่อนไม่
00:29:02 → 00:29:04 ใช่ว่าอยู่ๆไปหัดเอาข้างบนแล้วพ่นแล้วคิด
00:29:04 → 00:29:06 ว่ามันจะได้ผลนะครับถ้าท่านไม่เคยพ่นยา
00:29:06 → 00:29:09 เข้าปอดมาก่อนเนี่ยหักก่อนครับหรือไม่
00:29:09 → 00:29:10 เช่นนั้นก็ซื้ออุปกรณ์ที่เรียกว่า spacer
00:29:10 → 00:29:14 ไปก่อนคือตัวพ่นมันกดแล้วมันจะมีมีตัวฟู่
00:29:14 → 00:29:16 ออกมานะครับท่านจะมีตัวนึงเป็นกระบอกเอา
00:29:16 → 00:29:18 ไปติดกับมันแล้วก็พ่นเข้าไปในกระบอกแล้ว
00:29:18 → 00:29:20 หายใจเข้าไปแต่ตัวนี้ก็ช่วยเหมือนกันนะฮะ
00:29:20 → 00:29:22 ช่วยในการป้องกันด้วยนะครับท่านอาจจะใช้
00:29:22 → 00:29:25 เช้าเย็นก็พอนะครับถ้าเป็นตัวที่ออกฤทธิ์
00:29:25 → 00:29:26 ยาวแต่ถ้าเป็น ventolin ท่านอาจจะต้องทำ
00:29:26 → 00:29:29 สีครั้งต่อวันซึ่งพอเสียงของมันก็คือมือ
00:29:29 → 00:29:32 สั่นใจสั่นนะครับถ้าพ่นถ้าคนไหนที่ไวมากๆ
00:29:32 → 00:29:36 ก็จะเป็นแบบนี้นะครับนี่ก็คือยาที่อยากจะ
00:29:36 → 00:29:38 ให้ท่านไปหาหมอแล้วเตรียมตัวไว้ตั้งแต่
00:29:38 → 00:29:43 แรกนะครับอัตราสลายโซน slow release ใน
00:29:43 → 00:29:45 ฟิลิปปินส์สำหรับคนที่เคยปีนมาปีนภูเขา
00:29:45 → 00:29:47 สูงๆแล้วเกิดเรื่องมาก่อนนะครับต้องมี
00:29:47 → 00:29:50 เผื่อไว้นะครับแล้วก็ยาพ่นขยายหลอดลมมัน
00:29:50 → 00:29:53 ไม่ใช่ไปขยายหลอดลมนะครับมันไปทำให้น้ำใน
00:29:54 → 00:29:55 ปอดเนี่ยมันหายไปได้เร็วขึ้นสำหรับใน
00:29:55 → 00:29:59 สิทธิ์นักศึกษาแพทย์ที่เข้ามาฟัง bet มัน
00:29:59 → 00:30:00 ทำให้น้ำในปอดเนี่ยมันหายไปได้เร็วขึ้น
00:30:00 → 00:30:03 หน่อยนึงหน่อยนึงนะครับไม่ได้ไม่ได้เยอะ
00:30:03 → 00:30:05 นะครับแต่ว่ามันก็มีประโยชน์ในกรณีพวกนี้
00:30:05 → 00:30:08 เหมือนกันเตรียมไว้ก็ดีนะครับนี่คือยา 4
00:30:08 → 00:30:11 ตัวที่ท่านจะต้องเตรียมไปนอกเหนือจากยา
00:30:11 → 00:30:14 ประจำตัวยาแก้โรคอะไรก็แล้วแต่ของท่านนะ
00:30:14 → 00:30:16 ครับก็คือเตรียมไปละกันแต่ไอ้ 4 ตัวนี้จะ
00:30:16 → 00:30:18 เฉพาะเจาะจงมากกับการเคลื่อนที่สูงนะครับ
00:30:18 → 00:30:21 ขึ้นที่สูงสูงแค่ไหนถ้าถึงจะเริ่มมีอาการ
00:30:21 → 00:30:25 ก็คือสูงจากระดับน้ำทะเลสักประมาณ 1 กิโล
00:30:25 → 00:30:27 ครึ่งถึง 2 กมเนี่ยท่านจะเริ่มมีอาการ
00:30:27 → 00:30:29 แล้วถ้าท่านไหนที่จะต้องไปสูงกว่าพวกนั้น
00:30:29 → 00:30:31 นะครับเตรียมไว้เลยครับเพราะว่าโอกาสเกิด
00:30:31 → 00:30:33 เนี่ยมันแทบจะ 100% เลยทีเดียวโดยเฉพาะ
00:30:33 → 00:30:35 ถ้าไปจากประเทศไทยซึ่งไม่ได้อยู่ในที่สูง
00:30:35 → 00:30:38 เลยนะครับอยู่ในที่ต่ำๆด้วยซ้ำไปนะครับ
00:30:38 → 00:30:40 ประเทศไทยถ้าขึ้นไปบนภูเขาสูงๆแบบเนเปาก็
00:30:40 → 00:30:43 เกิดเรื่องได้นะครับคนที่เขามาจากที่สูง
00:30:43 → 00:30:45 อยู่แล้วนะครับพวกนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร
00:30:45 → 00:30:47 เท่าไหร่นะครับอ่าก็อาจจะมีปัญหาน้อยกว่า
00:30:47 → 00:30:52 เราก็ได้นะครับอ่ะทีนี้สมมุติว่าเราเจอคน
00:30:52 → 00:30:54 ที่มันเริ่มเป็นแบบนั้นละเริ่มแบบโอปีน
00:30:54 → 00:30:56 เขาดูเหนื่อยดูไอๆตลอดเลยนะครับเริ่ม
00:30:56 → 00:31:00 สับสนเริ่มเพ้อละไอ้เนี่ยคือเป็นเป็นแล้ว
00:31:00 → 00:31:03 ห้ามขึ้นต่อนะครับวิธีในการรักษาตอนนั้น
00:31:03 → 00:31:05 คือเอาออกซิเจนให้เลยครับให้ออกซิเจนให้
00:31:05 → 00:31:08 ตลอดเลยนะฮะแล้วอย่าขึ้นให้อยู่ตรงนั้นนะ
00:31:08 → 00:31:10 ครับแล้วเราดูว่าดีคือดีขึ้นหรือเปล่าให้
00:31:10 → 00:31:13 กินสเตียรอยด์ dext หรือถ้ากินไม่ได้ก็
00:31:13 → 00:31:16 ต้องฉีดเข้าไปนะครับ 2-4 มิลลิกรัมเข้า
00:31:16 → 00:31:19 กินเข้าไปนะครับทุกๆ 6 ชั่วโมงหรือว่าถ้า
00:31:19 → 00:31:21 เรามีแบบฉีดก็ฉีดเข้ากล้ามเนื้อตรงตรง
00:31:21 → 00:31:23 ไหล่ตรงไหนสักที่หนึ่งก็ได้นะครับฉีด
00:31:23 → 00:31:25 บรรทุก 6 ชั่วโมงจนกว่าเขาจะดีขึ้นดีขึ้น
00:31:25 → 00:31:27 เราก็ต้องรอไปอีกสัก 2 วันก่อนที่เราจะ
00:31:27 → 00:31:29 ขึ้นไปข้างบนต่อได้นะครับอย่าลืมว่าต้อง
00:31:29 → 00:31:32 ใช้เวลาในการปรับตัว dexameter Zone ไม่
00:31:32 → 00:31:34 ช่วยในการปรับตัวอ่ะเซตทางซอน My ช่วย
00:31:34 → 00:31:36 ท่านได้นะครับต้องรู้ตรงนี้ไว้ด้วยนะครับ
00:31:36 → 00:31:39 แล้วถ้าผ่านไปซักอาทิตย์นึงทุกๆอย่างมัน
00:31:39 → 00:31:41 ไม่ดีขึ้นท่านต้องลงแล้วครับท่านไม่มี
00:31:41 → 00:31:43 โอกาสจะได้ขึ้นไปสูงกว่านั้นแล้วต้องไป
00:31:43 → 00:31:45 เตรียมตัวมาใหม่รอบหน้านะฮะถ้าท่านยังขืน
00:31:45 → 00:31:47 ขึ้นไปต่อก็อันนี้อันตรายต่อตัวท่านเองนะ
00:31:47 → 00:31:51 ครับดังนั้นก่อนที่จะขึ้นสรุปให้ฟังอีกที
00:31:51 → 00:31:55 นึงนะครับคือท่านจะต้องไปแน่ใจก่อนว่า
00:31:55 → 00:31:57 เช็คร่างกายมาให้เรียบร้อยแล้วนะครับการ
00:31:57 → 00:31:59 ขึ้นจะต้องซึ่งไม่เร็วจนเกินไปนะครับไม่
00:32:00 → 00:32:02 เร็วเกินจนเกินไปเนี่ยก็คือถ้าคนที่เคยมี
00:32:02 → 00:32:04 ปัญหามาก่อนจริงๆเราจะแนะนำให้เกินไม่
00:32:04 → 00:32:07 เกิน 400-500 เมตรนะครับ 400-500 เมตรต่อ
00:32:07 → 00:32:10 วันนะครับอย่าขึ้นเกินนั้นนะครับอ่า
00:32:10 → 00:32:13 เตรียมออกซิเจนให้เพียงพอนะครับอ่าเตรียม
00:32:13 → 00:32:16 ออกซิเจนให้เพียงพอแล้วก็เรียนรู้ว่า
00:32:16 → 00:32:19 อาการพวกนี้คืออะไรมีตั้งแต่ปวดหัวคลื่น
00:32:19 → 00:32:22 ไส้อาเจียนไม่อยากอาหารสับสนนะครับจน
00:32:22 → 00:32:24 กระทั่งเพ้อไม่รู้เรื่องอะไรไปเลยนะครับ
00:32:24 → 00:32:26 หรือฉากเนี่ยอันนี้แย่แล้วนะครับแล้วก็
00:32:26 → 00:32:28 อาการไอเยอะๆนะครับไม่ใช่เป็นเพราะอาการ
00:32:28 → 00:32:30 มันหนาวแล้วท่านถึงไอนะครับมันไอเพราะว่า
00:32:30 → 00:32:33 มีน้ำท่วมปอดจากโรคพวกนี้ที่ผมบอกไปนะ
00:32:33 → 00:32:36 ครับแล้วก็ยาซึ่งสามารถที่จะช่วยทำให้
00:32:36 → 00:32:39 ท่านปรับตัวได้เร็วขึ้นก็คือ diamox หรือ
00:32:39 → 00:32:42 amos เอ่อหรือเอ่อหรือ
00:32:42 → 00:32:45 อ่อเรียกไม่ถูก Asset ทดสอบมานะครับ
00:32:45 → 00:32:49 125-250 mg เช้าเย็นถ้าท่านมีแพ้ซัลฟา
00:32:49 → 00:32:50 ไปตรวจก่อนว่าท่านจะกินได้หรือเปล่านะ
00:32:50 → 00:32:53 ครับกินอย่างเงี้ยตั้งแต่ 24 ชั่วโมงแรก
00:32:53 → 00:32:55 ก่อนที่ท่านจะขึ้นไปแล้วก็กินมันจนท่านลง
00:32:55 → 00:33:57 มาเนี่ยจะปลอดภัยที่สุดนะครับแล้วก็อัน
00:33:57 → 00:34:00 น่ากลัวตรงนี้ฮะแล้ว Asset เขาทรายมัน
00:34:00 → 00:34:02 เป็นยาขับปัสสาวะด้วยท่านก็จะปัสสาวะมาก
00:34:02 → 00:34:04 กว่าปกติถ้าท่านกินน้ำเข้าไปไม่เพียงพอ
00:34:04 → 00:34:07 เนี่ยก็จะแย่ได้นะครับอ่านอกเหนือจากนั้น
00:34:07 → 00:34:09 ท่านก็ต้องดูได้กรุ๊ปทัวร์ของท่านมีกี่คน
00:34:09 → 00:34:13 นะครับอ่ามีไกด์กี่คนมันเพียงพอไหมในกรณี
00:34:13 → 00:34:15 ที่ท่านป่วยที่จะทิ้งไกด์ไว้ให้ท่านคนนึง
00:34:15 → 00:34:17 นะครับหรือมีประกันซึ่งสามารถที่จะเอา
00:34:17 → 00:34:19 เฮลิคอปเตอร์ไปรับท่านลงมาได้หรือเปล่านะ
00:34:19 → 00:34:21 ครับตรงนี้สำคัญมากๆนะครับเพราะว่าถ้า
00:34:21 → 00:34:24 ท่านไม่มีไม่มีเงินที่จะให้เขายังไงเขาก็
00:34:24 → 00:34:26 ไม่เรียกมาให้ท่านแน่ๆนะครับหรือถ้า
00:34:26 → 00:34:28 ประกันของท่านไม่ดีเขาก็ไม่สามารถที่จะทำ
00:34:28 → 00:34:30 อย่างนั้นให้ท่านได้แน่ๆนะครับมันก็ต้อง
00:34:30 → 00:34:33 ระวังตรงนี้ไว้หน่อยนะครับโอเคก็เล่ามา
00:34:33 → 00:34:35 ยาวขนาดนี้หวังว่าทุกๆคนคงจะได้ประโยชน์
00:34:35 → 00:34:38 จากกรณีศึกษาอันนี้นะครับผมไม่อยากจะให้
00:34:38 → 00:34:41 ทุกๆคนเนี่ยคือไปแล้วก็เสี่ยงชีวิตตัวเอง
00:34:41 → 00:34:43 โดยที่ท่านไม่ทราบอะไรนะครับคือคนเรา
00:34:43 → 00:34:46 เนี่ยบางเหตุการณ์เนี่ยมันเกิดขึ้นแล้ว
00:34:46 → 00:34:49 เราก็ต้องให้เป็นอุทาหรณ์สอนทุกๆคนที่คิด
00:34:49 → 00:34:52 จะทำแบบเดียวกันว่าเราจะมีวิธีในการดูแล
00:34:52 → 00:34:55 ป้องกันตัวเองอย่างไรนะครับแล้วเคสเหล่า
00:34:55 → 00:34:58 นี้ไว้ทีในการรักษาผมจะยังไม่ลงลงลึกถึง
00:34:58 → 00:35:00 รายละเอียดนะครับแต่ที่ดีที่สุดคือให้
00:35:00 → 00:35:02 ออกซิเจนแล้วรีบพาลงมานะครับถ้าอาการหนัก
00:35:02 → 00:35:04 ต้องพาลงมาเสมอไม่มีการอยู่กับที่นะครับ
00:35:04 → 00:35:07 โอเควันนี้ก็เท่านี้นะครับขอบคุณมากครับ
00:35:07 → 00:35:10 สวัสดีครับ