00:00:00 → 00:00:03 บนโซเชียลแชร์เตือนว่าอย่ากินยาโดยไม่
00:00:03 → 00:00:05 จำเป็นผู้ป่วยรายหนึ่งได้รับยาปฏิชีวนะ
00:00:06 → 00:00:08 หลังกินยา 1 สัปดาห์ท้องเสียปวดท้องภาพ
00:00:08 → 00:00:11 ทางซ้ายคือเอ็กซเรย์ผู้ป่วยลำไส้ใหญ่
00:00:11 → 00:00:13 อักเสบขยายจนเต็มท้อง
00:00:13 → 00:00:14 ชัวร์หรอ
00:00:14 → 00:00:18 [เพลง]
00:00:18 → 00:00:20 เรื่องนี้ถ้าจริงก็มีประโยชน์และควรรีบ
00:00:20 → 00:00:22 บอกเตือนกันครับแต่ก่อนจะแชร์ต่อต้องเช็ค
00:00:22 → 00:00:24 ให้ถูกชัวร์ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์สำนักข่าว
00:00:24 → 00:00:27 ไทยอสมทสอบถามกับอาจารย์พิเศษภาควิชา
00:00:27 → 00:00:29 เภสัชวิทยาคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์
00:00:30 → 00:00:32 มหาวิทยาลัยและประธานคณะทำงานสร้างความ
00:00:32 → 00:00:35 เข้มแข็งของประชาชนด้านการใช้ยาอย่างสม
00:00:35 → 00:00:38 เหตุผลกินยาปฏิชีวนะทำให้ลำไส้โป่งพองได้
00:00:38 → 00:00:41 จริงไหมครับเรื่องนี้จริงนะครับลำไส้โป่ง
00:00:41 → 00:00:43 พองที่เห็นในภาพเอกซเรย์นั้นเราเรียกว่า
00:00:43 → 00:00:46 เป็นลำไส้ใหญ่อักเสบซึ่งก็จะมีอาการต่างๆ
00:00:46 → 00:00:49 อีกได้แก่มีท้องร่วงซึ่งในกรณีนี้จะ
00:00:49 → 00:00:53 รุนแรงแล้วก็ปวดท้องแน่นท้องมีไข้ขึ้นต่อ
00:00:53 → 00:00:55 มาก็จะมีโรคเช่นมีเชื้อเข้าไปในกระแส
00:00:55 → 00:00:58 เลือดแล้วก็อาจจะเสียชีวิตได้ชื่อโรคที่
00:00:58 → 00:01:00 ว่าเนี่ยถ้าเรียกตามจุดตั้งต้นเราก็เรียก
00:01:00 → 00:01:04 ว่าแอนตี้ไบโอติกแอสโซ่ซีเอ็ดโคไลติเรียก
00:01:04 → 00:01:06 ย่อๆว่า AA C ถ้ามองจากมุมที่ใช้
00:01:06 → 00:01:10 แบคทีเรียก่อพิษเป็นตัวตั้งเราก็เรียกว่า
00:01:10 → 00:01:13 difficide ได้ area แปลจากข้างหลังก็คือ
00:01:13 → 00:01:16 ทองร่วงจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่าสี
00:01:16 → 00:01:19 ดริฟเจ้าซีดริฟต์เนี่ยเป็นแบคทีที่สร้าง
00:01:19 → 00:01:21 สารพิษคนจำนวนหนึ่งมีแบคทีเรียนี้ซ่อน
00:01:21 → 00:01:23 อยู่แล้วโดยปกติก็ไม่ได้ทำให้เราเกิดโรค
00:01:23 → 00:01:26 เพราะว่าในลำไส้ใหญ่ของเราจะมีแบคทีเรีย
00:01:27 → 00:01:29 อยู่มากมายในลักษณะที่เรียกว่าเป็นระบบ
00:01:29 → 00:01:33 นิเวศเมื่อเราใช้ยาปฏิชีวนะโดยเฉพาะยา
00:01:33 → 00:01:36 ปฏิชีวนะที่ออกฤทธิ์กว้างมันก็จะไปทำลาย
00:01:36 → 00:01:39 แบคทีเรียที่เรียกว่า Normal Flora คือ
00:01:39 → 00:01:41 แบคทีเรียประจำถิ่นเป็นเพื่อนของเราและ
00:01:41 → 00:01:44 ตายไปแทบทั้งหมดเลยขึ้นกับว่าเราใช้ยา
00:01:44 → 00:01:46 ปฏิชีวนะที่ออกฤทธิ์กว้างมากน้อยเพียงใด
00:01:46 → 00:01:49 ยาปฏิชีวนะมีทั้งแบบออกฤทธิ์แคบและออก
00:01:49 → 00:01:53 ฤทธิ์กว้างซึ่งแคบนี่ดีนะแค่นี้ดีคือเจาะ
00:01:53 → 00:01:56 จงกับแบคทีเรียที่เราต้องการจะรักษามันก็
00:01:56 → 00:01:59 จะไปรบกวนแบคทีเรียอื่นๆในร่างกายเราโดย
00:01:59 → 00:02:01 เฉพาะในลำไส้เนี่ยน้อยแต่ถ้ายาปฏิชีวนะ
00:02:01 → 00:02:04 ที่ออกกว้างก็หมายความว่าเรามีแบคทีเรีย
00:02:04 → 00:02:06 อยู่ชนิดเดียวอ่ะที่เป็นเป้าหมายในการ
00:02:06 → 00:02:09 รักษาแต่ยาปฏิชีวนะนี้ทำลายแบคทีเรียแทบ
00:02:09 → 00:02:11 ทุกชนิดทำลายไปแทบทั้งหมดเท่าที่มันเจอ
00:02:11 → 00:02:13 แล้วมันออกฤทธิ์ได้ดังนั้นการใช้ยา
00:02:13 → 00:02:15 ปฏิชีวนะที่ออกไปกว้างเนี่ยเราควรหลีก
00:02:15 → 00:02:18 เลี่ยงเสมอเลยจนกว่าแพทย์จะวินิจฉัยสงสัย
00:02:18 → 00:02:21 ว่ามันจำเป็นจริงๆโรคเอเอซีนี้เกิดจากกิน
00:02:21 → 00:02:24 ยาปฏิชีวนะมากหรือน้อยแค่ไหนครับจริงๆ
00:02:24 → 00:02:27 แล้วก็ไม่ต้องมากเลยนะครับคือเพียงพอที่
00:02:27 → 00:02:30 จะทำลายแบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ของ
00:02:30 → 00:02:34 เราให้ลดปริมาณลงหรือตามเคสที่อยู่ใน
00:02:34 → 00:02:36 Facebook เนี่ยเขาก็บอกว่าใช้ยาไป 1
00:02:36 → 00:02:38 สัปดาห์แล้วใครบ้างที่จะเสี่ยงเป็นโรค
00:02:38 → 00:02:41 เอเอซีครับจะรู้ได้ยังไงเรามีความเสี่ยง
00:02:41 → 00:02:44 หรือเปล่าตอบว่าไม่รู้เลยครับในประชากร
00:02:44 → 00:02:47 ไทยคาดว่าประชาชนประมาณสักร้อยละ 20 ที่
00:02:47 → 00:02:50 จะมีแบคทีเรียนี้ซ่อนอยู่แล้วในลำไส้ใหญ่
00:02:50 → 00:02:53 ถ้าเราบังเอิญไปเจอยาปฏิชีวนะที่ออกฤทธิ์
00:02:53 → 00:02:56 กว้างที่ว่าแล้วก็ไปทำลายแบคทีเรียดีในลำ
00:02:56 → 00:02:58 ไส้ของเราและเจ้า 4 Deep มันเพิ่มปริมาณ
00:02:58 → 00:03:00 มากๆขึ้นมาเมื่อไหร่เนี่ยเราก็มีความ
00:03:00 → 00:03:03 เสี่ยงที่จะเป็นโรคเอเอซีดีครับถ้าหากคุณ
00:03:03 → 00:03:06 หมอวินิจฉัยได้ละอ่าคนนี้เป็น aac คุณหมอ
00:03:06 → 00:03:10 ก็จะให้ยาปฏิชีวนะบางชนิดที่เจาะจงต่อ 4
00:03:10 → 00:03:13 Diff แล้วก็สามารถทำให้เราหายจากอาการ
00:03:13 → 00:03:15 นั้นได้นอกจากนั้นในต่างประเทศยังมีวิธี
00:03:15 → 00:03:19 รักษาโรคนี้อีกแบบโดยการใช้อุจจาระเขา
00:03:19 → 00:03:22 เรียกว่า People Translate คือการเอา
00:03:22 → 00:03:25 อุจจาระของคนที่สุขภาพดีที่เขาไม่ได้ใช้
00:03:25 → 00:03:28 ยาปฏิชีวนะมันเลยระยะหนึ่งนานๆแล้วแล้ว
00:03:28 → 00:03:31 ตรวจดูก็ไม่มี cdf อยู่ในอุจจาระคุณหมอก็
00:03:31 → 00:03:34 จะเอาอุจจาระของคนๆนั้นไปทำกระบวนการบาง
00:03:34 → 00:03:37 อย่างเสร็จแล้วก็เอามาใส่เข้าไปทางก้น
00:03:37 → 00:03:40 เข้าไปอยู่ในลำไส้ใหญ่บางกรณีอาจจะเอา
00:03:40 → 00:03:42 อุจจาระมาใส่ในแคปซูลแล้วก็กินเข้าไป
00:03:42 → 00:03:45 เพื่อให้แบคทีเรียไปเจริญเติบโตสร้าง
00:03:45 → 00:03:49 สภาวะสมดุลกลับคืนมาใหม่ให้เจ้า cdf ลด
00:03:49 → 00:03:51 ปริมาณลงดังนั้นสิ่งสำคัญในการลดความ
00:03:51 → 00:03:54 เสี่ยงโรคเอเอซีคือเมื่อเจ็บป่วยในครั้ง
00:03:54 → 00:03:58 ถัดไปให้ตั้งคำถามก่อนเราจำเป็นต้องใช้ยา
00:03:58 → 00:04:00 ปฏิชีวนะจริงๆหรือเราติดเชื้อแบคทีเรีย
00:04:00 → 00:04:03 แล้วจริงๆหรือขอให้ประชาชนจะให้แม่นว่า
00:04:03 → 00:04:07 โรคหวัดน้ำมูกไหลไอเจ็บคอเกือบทุกกรณีเลย
00:04:07 → 00:04:10 ไม่ได้เกิดจากแบคทีเรียนะครับไม่ต้องการ
00:04:10 → 00:04:13 ยาปฏิชีวนะครับแต่สรุปแล้วที่มีการแชร์
00:04:13 → 00:04:15 เตือนอาการลำไส้โป่งพองจากการกินยา
00:04:15 → 00:04:17 ปฏิชีวนะนี่เป็นยังไงครับอันนี้เป็น
00:04:17 → 00:04:19 เรื่องจริงนะครับแชร์ต่อได้เลยส่งต่อไป
00:04:19 → 00:04:22 พร้อมกับคลิปทัวร์ก่อนแชร์นี้เลยก็จะได้
00:04:22 → 00:04:24 รายละเอียดเพิ่มเติมกำกับไปด้วยเลยครับ
00:04:24 → 00:04:26 เยียวยารักษาอย่างเข้าใจเพิ่มความปลอดภัย
00:04:26 → 00:04:29 และโอกาสหายโรคนะครับส่งเรื่องน่าสงสัย
00:04:29 → 00:04:31 แจ้งเตือนภัยข้อมูลเท็จเพียงแอดไลน์ศูนย์
00:04:31 → 00:04:33 ชัวร์ก่อนแชร์ไว้นะครับเข้าไปที่เพิ่ม
00:04:33 → 00:04:35 เพื่อนแล้วพิมพ์ค้นหาแอปชัวร์แอนด์แชร์
00:04:35 → 00:04:37 ยังมีอีกหลายเรื่องน่าสงสัยเพื่อสังคม
00:04:37 → 00:04:39 ออนไลน์หากได้รับอะไรมาอย่าเพิ่งแชร์ต่อ
00:04:39 → 00:04:44 ร่วมตรวจสอบไปด้วยกันกับช่วงก่อนแชร์
00:04:44 → 00:04:49 ชัวร์ก่อนแชร์ถ้าไม่แน่อย่าแชร์นะคะ
00:04:49 → 00:04:53 สนับสนุนโดยกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและ
00:04:53 → 00:04:54 สร้างสรรค์
00:04:54 → 00:05:00 สื่อสร้างสรรค์เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม