00:00:00 → 00:00:01 ก็สวัสดีทุกคนนะครับวันนี้ก็จะเป็นตอนที่
00:00:01 → 00:00:03 11 แล้วนะครับของเรื่องที่เราคุยกันมานะ
00:00:03 → 00:00:06 ครับก็คือชีวิตในคราว Bio นะครับวันนี้นะ
00:00:06 → 00:00:08 ครับหัวข้อที่เราจะคุยกันในเป็นเรื่องของ
00:00:08 → 00:00:11 การนำจร้าเนี่ยมารักษาโรคนะครับชื่อว่า
00:00:11 → 00:00:13 หลายคนนะครับอาจจะเคยได้ยินเรื่องนี้มา
00:00:13 → 00:00:15 บ้านนะครับเพราะว่าถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่อง
00:00:15 → 00:00:17 ใหม่นะครับจะได้ความแปลกของมันนะครับมัน
00:00:17 → 00:00:19 ก็จะทำให้มีการพูดถึงกันเยอะนะครับแต่
00:00:19 → 00:00:21 สำหรับท่านที่ไม่เคยได้ยินนะครับเราสงสัย
00:00:21 → 00:00:24 ว่าอุจจาระเนี่ยจะนำมาใช้รักษาโรคก็ยังไง
00:00:24 → 00:00:27 วันนี้เราจะมาคุยหัวข้อนี้กันนะครับโดย
00:00:27 → 00:00:29 ที่ใน Episode นี้ผมจะเน้นไปที่การเล่านะ
00:00:29 → 00:00:32 ครับเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังว่าอุจจาระ
00:00:32 → 00:00:35 เนี่ยนำมาใช้รักษาโรคเนี่ยได้ยังไงแต่
00:00:35 → 00:00:37 ก่อนที่เราจะเข้าเนื้อหาคอยวันนี้นะครับ
00:00:37 → 00:00:39 คอพูดถึงผู้สนับสนุนซีรีส์ใส่เข้าไปโอโห้
00:00:39 → 00:00:42 เราเป็นเกาะนะครับก็คือบริษัทมดกัดนะครับ
00:00:42 → 00:00:44 บริษัทรถกันนะครับเป็นบริษัทที่ก่อตั้ง
00:00:44 → 00:00:46 ขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์นักวิจัยนะครับที่
00:00:46 → 00:00:48 เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีเกี่ยวกับ
00:00:48 → 00:00:50 ไมโครไบโอมนะครับจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี
00:00:50 → 00:00:53 พระจอมเกล้าธนบุรีบางมดนะครับประสานรถการ
00:00:53 → 00:00:55 เนี่ยเขาให้บริการตรวจวิเคราะห์นะครับจู
00:00:55 → 00:00:58 ชินลำไส้กับบุคคลทั่วไปเพื่อให้ผู้ที่ไป
00:00:58 → 00:01:00 รับการตัวไหนรู้ว่าขอเคลียร์หรือว่า
00:01:00 → 00:01:02 จุลินทรีย์ในลำไส้ของตัวเองเป็นยังไงบ้าง
00:01:02 → 00:01:05 นะครับแล้วก็ไม่ใช่แค่รู้ว่าไปทุเรียนนำ
00:01:05 → 00:01:07 ใช่เนี่ยอยู่ในสภาพไหนนะครับแต่ว่าทั้ง
00:01:07 → 00:01:09 หมดการ์ดก็มีนักโภชนาการนะครับที่คอยให้
00:01:09 → 00:01:12 คำปรึกษานะครับให้คำแนะนำเรื่องของการกิน
00:01:12 → 00:01:14 ด้วยเพื่อที่ให้คุณเนี่ยสามารถปรับ
00:01:14 → 00:01:16 จุลินทรีย์ในลำไส้ให้มีสภาพที่ดีขึ้นได้
00:01:16 → 00:01:19 ซึ่งก็ตรงตาม Concept ของมดกัดนะครับที่
00:01:19 → 00:01:22 ว่าสุขภาพดีให้ผู้เชี่ยวชาญจุลินทรีย์ดู
00:01:22 → 00:01:25 แลคุณโดยเฉพาะสำหรับใครที่สนใจและก็อยาก
00:01:25 → 00:01:26 ได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมดครับนะครับ
00:01:27 → 00:01:29 ผมจะเล่าเพิ่มเติมในตอนท้ายของคลิปนะครับ
00:01:29 → 00:01:31 แล้วก็จะมี link ไปข้างล่างนะครับสามารถ
00:01:31 → 00:01:34 ที่จะกดเข้าไปดูได้นะครับกลับมาที่เรื่อง
00:01:34 → 00:01:37 คราวนะครับผมขอเริ่มต้นเรื่องราวในพี่สอน
00:01:37 → 00:01:38 นี้นะครับเรื่องของผู้ป่วยหญิงคนนึงนะ
00:01:38 → 00:01:40 ครับซึ่งเป็นเรื่องจริงนะครับที่เกิดขึ้น
00:01:40 → 00:01:44 ในปีค.ศ 1988 นะครับก็คือประมาณสัก 30 ปี
00:01:44 → 00:01:46 ที่แล้วนะครับเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นที่
00:01:46 → 00:01:49 ประเทศออสเตรเลียนะครับผู้ป่วยหญิงคนนี้
00:01:49 → 00:01:51 นะครับบ่ปัจจุบันก็จะมีชื่อเหมือนกับชื่อ
00:01:51 → 00:01:54 เรียกเล่นๆนะครับที่รู้จักอะไรเวลาพูดถึง
00:01:54 → 00:01:56 นะว่าโจซีนะครับเพราะว่าไม่ได้เปิดเผย
00:01:56 → 00:01:59 ชื่อจริงนามสกุลจริงของผู้ป่วย josie
00:01:59 → 00:02:01 เนี่ยจะเปิดครั้งแรกนะครับก็มีเรื่องของ
00:02:01 → 00:02:03 อาการปวดท้องนะครับก็จะมีอาการท้องเสีย
00:02:04 → 00:02:07 เนี้ยออกไปหาหมอตั้งๆก็เหมือนเป็นการปวด
00:02:07 → 00:02:09 ท้องธรรมดานะครับท้องเสียธรรมดาแต่ว่า
00:02:09 → 00:02:12 อาการเนี่ยมันลากยาวไปเรื่อยๆนะครับโดย
00:02:12 → 00:02:15 ที่ทั้งหมดในมาเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่ตัว
00:02:15 → 00:02:17 C เนี่ยก็เดินทางไปเที่ยวที่เกาะฟิจินะ
00:02:17 → 00:02:19 ครับเพราะกลับมาก็เริ่มต้นในการท้องเสีย
00:02:19 → 00:02:22 และการท้องเสียก็ลากยาวหรือรังไปเรื่อยๆ
00:02:22 → 00:02:24 นะครับหลังจากที่อาการเริ่มเป็นอยู่หลาย
00:02:24 → 00:02:26 วันนะครับมันไม่หายสักทีเนี่ยตัว C ในก็
00:02:26 → 00:02:29 เริ่มไปหาหมอนะครับก็ได้ยามากินนะครับได้
00:02:29 → 00:02:32 เพราะยาต่างๆมารักษานะครับแต่การเนี่ยก็
00:02:32 → 00:02:34 ไม่ค่อยดีขึ้นนะครับเผื่อจะมีดีขึ้นช่วง
00:02:34 → 00:02:37 บางช่วงแล้วก็อาการกลับไปย่างเองและกรรม
00:02:37 → 00:02:39 ข้างล่างยาวไปเลยนะครับจากวันนี้ก็ตาย
00:02:39 → 00:02:41 เป็นสัปดาห์จากสัปดาห์นั้นก็ลากยาวเป็น
00:02:41 → 00:02:44 เดือนซึ่งบางช่วงนี้ก็จะเหมือนอาการดี
00:02:44 → 00:02:46 ขึ้นเล็กน้อยนะครับให้รู้สึกเหมือนดีใจ
00:02:46 → 00:02:48 แต่เราเนี่ยก็กลับมาเป็นใหม่นะครับไปหา
00:02:48 → 00:02:51 หมอมาหลายคนมากนะครับเป็นมหาต่อกี่คนดีคน
00:02:51 → 00:02:53 เนี่ยก็ไม่ดีขึ้นแล้วก็ไม่ได้คำตอบที่ชัด
00:02:53 → 00:02:56 เจนนะคะว่าตัวเองป่วยเป็นโรคอะไรแล้ว
00:02:56 → 00:02:58 อาการมันก็เลวร้ายลงนะครับถึงจุดที่วัน
00:02:58 → 00:03:00 นึงเนี่ยเธอต้องเข้าห้องน้ำแล้วเป็นอีก
00:03:00 → 00:03:02 ครั้งต่อวันเลยนะครับคือนึกว่าไม่สามารถ
00:03:02 → 00:03:05 ที่ทำอะไรในชีวิตได้เลยไปทำงานก็ไม่ได้นะ
00:03:05 → 00:03:07 ครับไปเที่ยวไปเดินทางที่ต่างๆก็เข้าไม่
00:03:07 → 00:03:09 ได้เพราะต้องคอยเข้าห้องน้ำนะครับแล้วก็
00:03:09 → 00:03:11 ระหว่างเดินทางก็กลัวว่าจะไม่มีห้องน้ำ
00:03:11 → 00:03:14 ให้เข้าแล้วก็เหมือนกับว่าจะไม่มีใครที่
00:03:14 → 00:03:16 สามารถช่วยเหลือได้นะครับหมอเรียกก็ให้คำ
00:03:16 → 00:03:18 ตอบไม่ได้ว่าป่วยเป็นโรคอะไรนะครับอาการ
00:03:18 → 00:03:21 ก็ไม่ดีขึ้นจนกระทั่งตัวที่เองรู้สึก
00:03:21 → 00:03:24 เครียดนะครับแล้วก็เริ่มมีภาวะซึมเศร้าใน
00:03:24 → 00:03:26 เกิดขึ้นแล้วก็เริ่มมีความคิดในที่อยากจะ
00:03:26 → 00:03:29 ฆ่าตัวตายมากขึ้นสุดท้ายนะครับเจ้า C
00:03:29 → 00:03:31 เนี่ยก็ได้พบกับหมอคนเองนะครับชื่อว่าหมอ
00:03:31 → 00:03:35 ทอมัสโบรช์ดีนะครับซึ่งหมอธวัช Body นะ
00:03:35 → 00:03:36 ครับเป็นสัตว์อาจารย์ที่เชี่ยวชาญทั้ง
00:03:36 → 00:03:39 เกี่ยวกับโรคทางเดินอาหารอยู่ที่เมือง
00:03:39 → 00:03:42 ซิดนีย์ประเทศออสเตรเลียตัวบอสโกลดี้เอง
00:03:42 → 00:03:44 ในช่วงแรกก็จนปัญญาเหมือนกันนะครับก็เขา
00:03:44 → 00:03:46 ก็พยายามจะรักษา Jones 4 วิธีการต่างๆนะ
00:03:46 → 00:03:49 ครับที่บอกเป็นวิธีมาตรฐานนะครับแล้วก็
00:03:49 → 00:03:51 ยามหาวิธีการใหม่ๆนะครับเพื่อจะมาช่วย
00:03:51 → 00:03:54 รักษาหรือทำให้อาการไอดีขึ้นแต่ว่ามันก็
00:03:54 → 00:03:56 ว่าใช้วิธีไหนก็ตามมีอาการก็ไม่ดีขึ้นสัก
00:03:56 → 00:03:59 ทีนะครับสุดท้ายเนี่ยเขาก็เลยต้องกลับไป
00:03:59 → 00:04:01 ค้นงานวิจัยเหรียญเก่านะครับเพื่อไปดูว่า
00:04:01 → 00:04:04 มันพอจะมีการรักษาอะไรบ้างในอดีตนะครับ
00:04:04 → 00:04:07 ที่อาจจะพอช่วยเหลือคนแค่ของเขาได้บ้างจน
00:04:07 → 00:04:09 กระทั่งเนี่ยตัวหมอมโนดีเนี่ยเข้าไปสะดุด
00:04:09 → 00:04:12 กับรายงานนะครับผลงานการรักษานะครับหรือ
00:04:12 → 00:04:15 ที่รู้ว่าเป็น KFC พรของหมอคนนึงนะครับขอ
00:04:15 → 00:04:18 เป็นหมอดูที่คอนโดนะครับชื่อว่าหมอเบญ
00:04:18 → 00:04:20 ไอซ์แมนนะครับเป็นหมอชาวอเมริกันการรัก
00:04:20 → 00:04:22 สาวเขาได้ตีพิมพ์ไว้ตั้งแต่ปีค.ศ 1958
00:04:22 → 00:04:25 หรือว่าประมาณ 30 ปีก่อนหน้าแล้วก็รักษา
00:04:25 → 00:04:27 ที่หมอโบว์ดีสะดุดเนี่ยนะครับเพราะว่าแก
00:04:27 → 00:04:30 รักษาที่ต้องบอกว่าแปลกนะครับและแหวกแนว
00:04:30 → 00:04:33 มากเพราะมันคือการนำอุจจาระเนี่ยมาใช้
00:04:33 → 00:04:35 รักษาโรคผมก็อยากจะชวนมาดูกันนะคะว่าหมอ
00:04:35 → 00:04:38 ไอสแลนด์เนี่ยเขาคิดอะไรนะครับแล้วก็ทำไม
00:04:38 → 00:04:40 เขาถึงได้เราเอาอุจจาระเนี่ยมาใช้รักษา
00:04:40 → 00:04:42 โรคอย่างแรกสุดเลยนะครับต้องเริ่มจากปี
00:04:42 → 00:04:46 ก่อนนะครับก็คือปีคศ 1950 8 นะครับซึ่ง
00:04:46 → 00:04:49 ก็คือประมาณสัก 60 70 ปีที่แล้วนะครับใน
00:04:49 → 00:04:52 ช่วงยุคนั้นเนี่ยพ่อยาปฏิชีวนะเดี๋ยว
00:04:52 → 00:04:54 เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานนะครับแล้วก็มีใช้กัน
00:04:54 → 00:04:56 ได้แค่เล็กเรียกว่าสลักสิบกว่าปีเองนะ
00:04:56 → 00:04:58 ครับคิดดูนะครับอย่างเรานะครับเราใช้
00:04:58 → 00:05:00 Facebook ใช้แต่เด็ดๆกันมาถ้านานกว่า
00:05:00 → 00:05:02 นั้นอีกนะครับเพราะฉันก็จะยุคนั้นในอา
00:05:02 → 00:05:05 ประชุมราชตัวเป็นของใหม่มากและบ่อนี้อยู่
00:05:05 → 00:05:07 ข้างๆนะครับก็สังเกตว่าคนไข้หลายคนนะครับ
00:05:07 → 00:05:10 ที่ได้รับยาปฏิชีวนะเนี่ยจะมีอาการท้อง
00:05:10 → 00:05:13 เสียเกิดขึ้นหลังจากที่ได้ยาปฏิชีวนะซึ่ง
00:05:13 → 00:05:15 ตัวหมอไอศและก็เป็นหมอหมอศัลยแพทย์นะครับ
00:05:15 → 00:05:18 เป็นหมอพักตัดจะได้ก่อนผ่าตัดเขาก็มีการ
00:05:18 → 00:05:20 นำยาปฏิชีวนะเนี่ยมาให้ผู้ป่วยก่อนเพื่อ
00:05:20 → 00:05:23 ที่จะลดความเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อ
00:05:23 → 00:05:25 ระหว่างที่ผ่าตัดนะครับหรือว่าการติด
00:05:25 → 00:05:28 เชื้อที่เกิดขึ้นหลังการผ่าตัดเขาก็พบว่า
00:05:28 → 00:05:31 คนไข้ของหลายคนในพระยาปฏิชีวนะเนี่ยจะมี
00:05:31 → 00:05:34 อาการท้องเสียตามมาหลังผ่าตัดซึ่งส่วน
00:05:34 → 00:05:36 ใหญ่เนี่ยมันก็เป็นมาม่านะคะท้องเสียไม่
00:05:36 → 00:05:39 นานมากแล้วก็หายไปได้เองไม่ต้องทำอะไรแต่
00:05:39 → 00:05:41 นานๆทีเนี่ยจะมีผู้ป่วยบางคนที่อาการท้อง
00:05:41 → 00:05:44 เสียรุนแรงมากนะครับถึงขั้นที่เรียกว่า
00:05:44 → 00:05:46 ผู้ป่วยสามารถจะเสียชีวิตจากอาการท้อง
00:05:46 → 00:05:48 เสียได้เลยแล้วในตัวรายงานของเค้านะครับ
00:05:48 → 00:05:51 ใน Case Report เขียนไปในระหว่างสารการ
00:05:51 → 00:05:54 แพทย์เนี่ยเขาเล่าถึงประสบการณ์นะครับของ
00:05:54 → 00:05:56 เขาที่รักษาผู้ป่วยทั้งหมด 4 คนด้วยกันนะ
00:05:56 → 00:06:00 ครับใน 4 คนเป็นผู้ชาย 3 คนผู้หญิง 1 คน
00:06:00 → 00:06:02 และทั้งหมดนี้จะเป็นคนที่มีอาการท้องเสีย
00:06:02 → 00:06:04 ต้องการท้องเสียไม่หายนะครับอาการท้อง
00:06:04 → 00:06:07 เสียมันเรื้อรังนานมากๆค่ะนานเป็นเดือนจน
00:06:07 → 00:06:10 กระทั่งผู้ป่วยในกันคือร่างกายในโซมาก
00:06:10 → 00:06:13 ป่วยมากถึงขณะที่ 3 ใน 4 คนเนี่ยป่วยหนัก
00:06:13 → 00:06:16 จนต้องเข้าห้อง ICU ในยุคสมัยของหมอให้
00:06:16 → 00:06:18 สแกนนะครับก็ยังไม่รู้นะครับว่าคนไข้ของ
00:06:18 → 00:06:21 เขาเรียกเป็นอะไรนะคะทำไมถึงท้องเสียแต่
00:06:21 → 00:06:23 ปัจจุบันนะครับหรือว่าภาวะที่เกิดขึ้นกับ
00:06:23 → 00:06:25 คนไข้ของหมอ iceman เนี่ยออกมันมีชื่อ
00:06:25 → 00:06:27 เรียกนะคะว่า pseudomembranous
00:06:27 → 00:06:30 enterocolitis นะครับซึ่งภาวะติดปกตินี้
00:06:30 → 00:06:32 นะครับหรือว่าโลกนี้นะคะมันจะเกิดการเสีย
00:06:32 → 00:06:34 สมดุลของจุลินทรีย์นะทำไส้เกาะนะครับแล้ว
00:06:34 → 00:06:36 ทำให้แบตเตอรี่ชนิดนึงนะครับที่มีชื่อว่า
00:06:36 → 00:06:39 คอสทิเดียมดีเซลเนี่ยหรือว่าเรียกย่อนะ
00:06:39 → 00:06:42 ครับนี่ระยะว่า CD เนี่ยนะครับมันเพิ่ม
00:06:42 → 00:06:45 จำนวนมากขึ้นแล้วพอมันเพิ่มจำนวนยอดถึง
00:06:45 → 00:06:47 จุดนึงเนี่ยมันก็เช่นกันหลังสารเคมีออกมา
00:06:47 → 00:06:48 นะครับแม่ช่วยตัวนี้มันจะสร้างสรรค์ที
00:06:48 → 00:06:51 เนี่ยออกมาแล้วทำให้เกิดอาการป่วยได้แล้ว
00:06:51 → 00:06:54 ก็อย่างที่บอกนะครับว่าคือในปี 1958 นะ
00:06:54 → 00:06:56 ครับก็คือยุงนะเนี่ยวงการแพร่ในยังไม่รู้
00:06:56 → 00:06:58 จักโรคนี้นะครับแล้วก็ยังไม่รู้จัก
00:06:58 → 00:07:00 แบคทีเรียที่ทำให้เกิดตรงนี้ด้วยเปิดตัว 4
00:07:00 → 00:07:03 เด็กยังไม่รู้จักกว่าจะรู้จักตัว C เด็ก
00:07:03 → 00:07:06 เนี่ยก็จะเข้าประมาณปีคศ 1970 กว่านะครับ
00:07:06 → 00:07:08 ก็คือประมาณ X 10 กว่าปีต่อมาก็จะรู้จัก
00:07:09 → 00:07:12 ไปช่วยตัวนี้แล้วต่อให้รู้จักนะคะว่าตัว C
00:07:12 → 00:07:14 เดียวเนี่ยเป็นตัวต้นเหตุนะครับยุคสมัย
00:07:14 → 00:07:16 นั้นก็ไม่มียาปฏิชีวนะที่จะสามารถฆ่า
00:07:16 → 00:07:19 เชื้อแบคทีเรียจะมีได้ซึ่งก็คือยาที่มี
00:07:19 → 00:07:21 ชื่อว่าแฟนข้อมัยซินนะครับก็คือจะมาพบใน
00:07:21 → 00:07:24 ช่วงออนไลน์ปีให้หลังอย่างไรก็ตามนะครับ
00:07:24 → 00:07:26 ว่าหมอในยุคแล้วเนี่ยนะครับในสมัยหมอ
00:07:26 → 00:07:29 ไอสแลนด์เนี่ยจะไม่รู้จักโรคนี้นะครับแต่
00:07:29 → 00:07:31 บ่ได้ก็มีเหมือนกับการเดานะครับรู้เลยว่า
00:07:31 → 00:07:33 ตั้งศูนย์บริขารก็ได้นะครับว่าได้อาการ
00:07:33 → 00:07:36 ท้องเสียที่พบในคนป่วยเหล่าเนี้ยที่ได้
00:07:36 → 00:07:39 อยากไปชิวนะเนี่ยมันน่าจะเกี่ยวข้องกับ
00:07:39 → 00:07:41 การที่ตัวยาปฏิชีวนะเนี่ยเหมือนกับมันไป
00:07:41 → 00:07:43 ฆ่าเชื้อไปช่วยลำไส้นะครับรู้ว่ามันไปทำ
00:07:43 → 00:07:46 ให้สมดุลของธรรมชาติในลำไส้เนี่ยมัน
00:07:46 → 00:07:50 เปลี่ยนไปก็เลยมีไอเดียที่คิดขึ้นมาว่า
00:07:50 → 00:07:53 ถ้าต้นเหตุมันเกิดจากการที่สมดุลของ
00:07:53 → 00:07:56 ธรรมชาตินำไส้มันเปลี่ยนไปเราก็ต้องหา
00:07:56 → 00:08:00 วิธีคืนสมดุลให้กับธรรมชาติในลำไส้และก็
00:08:00 → 00:08:02 ถือว่าเราจะคืนสมดุลให้กับธรรมชาติในลำ
00:08:02 → 00:08:06 ไส้ใหญ่ได้ยังไงก็บอกไอซ์แมนเนี่ยเขามอง
00:08:06 → 00:08:08 นะครับว่าในเวลานั้นเนี่ยผู้ป่วยของเขา
00:08:08 → 00:08:10 นี้อาการหนักมากเรียกว่าชีวิตเดียวแขวน
00:08:10 → 00:08:13 อยู่บนเส้นด้าย 3 คนที่อยู่ใน CU เนี่ยนะ
00:08:13 → 00:08:16 ครับคือถ้าไม่ทำอะไรผู้ป่วยช่วยแน่ๆก็บอก
00:08:16 → 00:08:18 ให้แม่แล้วก็ทีเนี่ยเขาก็เลยตัดสินใจที่
00:08:18 → 00:08:21 จะทดลองคืนสมดุลด้วยการนำอุจจาระของคน
00:08:21 → 00:08:24 ปกติเนี่ยสวนนะครับคือใส่สายสวนเข้าไปใน
00:08:24 → 00:08:26 ลำไส้ของผู้ป่วยแล้วก็ฉีดอุจจาระของคน
00:08:26 → 00:08:28 อื่นเข้าไปที่นี่ฟังมาถึงตรงนี้นะครับผม
00:08:28 → 00:08:30 เชื่อว่าหลายคนอาจจะนึกสงสัยขึ้นมานะครับ
00:08:31 → 00:08:33 ว่าไอ้หมอเนี่ยสามารถทดลองกันง่ายอย่าง
00:08:33 → 00:08:35 นี้เลยเหรอครับก็คือคิดอะไรขึ้นมาแล้วก็
00:08:35 → 00:08:37 ทดลองเลยโดยที่ไม่เห็นกลับไม่ต้องขอ
00:08:37 → 00:08:39 อนุญาตหรือไม่มีในแง่ของจริยธรรมในของการ
00:08:39 → 00:08:42 ทดลองคำตอบก็คือว่าในยุคนั้นนะครับมันยัง
00:08:42 → 00:08:44 ไม่มีคนเกณฑ์พรุ่งนี้นะครับคือเรียกว่า
00:08:44 → 00:08:47 หมอไม่ต้องเหมือนกับไปขออนุญาตอะไรมากมาย
00:08:47 → 00:08:50 นะครับคือมี id อะไรใหม่ๆที่น่าสนใจคุย
00:08:50 → 00:08:53 กันแล้วก็สามารถทดลองรักษาไม่ได้เลยดัง
00:08:53 → 00:08:55 นั้นการรักษาแบบพิสดารแบบนี้นะครับมันก็
00:08:55 → 00:08:57 เลยสามารถที่จะเกิดขึ้นได้ในยุคนั้นซึ่ง
00:08:57 → 00:09:00 ปัจจุบันนี้ก็คงทำแบบนี้ไม่ได้แต่ว่าเหตุ
00:09:00 → 00:09:02 ผลการรักษาที่ออกมาเนี่ยนะครับมันค่อน
00:09:02 → 00:09:05 ข้างน่าทึ่งมากก็คือว่าภายในเวลาแค่ไม่
00:09:05 → 00:09:07 กี่วันนะครับหลังจากที่ผู้ป่วยขอทั้ง 4
00:09:07 → 00:09:09 คนนะครับซึ่งเรียกว่าอาการร่อแร่นะครับ
00:09:09 → 00:09:12 ต่างๆเนี่ยได้รับอุจจาระของคนอื่นเข้าไป
00:09:12 → 00:09:16 เนี่ยปรากฏว่าอาการดีขึ้นนะครับแล้วหลัง
00:09:16 → 00:09:19 ภายในแค่ไม่กี่วันถัดมานะครับอาการก็ดี
00:09:19 → 00:09:21 ขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งผู้ป่วยสามารถที่จะ
00:09:21 → 00:09:23 เดินนะครับออกจากโรงพยาบาลได้ด้วยตัวเอง
00:09:23 → 00:09:25 ก็คือพูดง่ายๆคือเดินออกไปเหมือนคนปกติ
00:09:25 → 00:09:27 เลยการรักษานี้นะครับก็เลยเดี๋ยวความสนใจ
00:09:27 → 00:09:30 ค่อนข้างมากนะครับอยู่ช่วงเวลาหนึ่งชั้นๆ
00:09:30 → 00:09:32 นะครับแต่ก็ไม่มากนักนะครับเพราะว่าจริงๆ
00:09:32 → 00:09:35 รอบเนี้ยในยุคนั้นเนี่ยมันก็ไม่ใช่โรคที่
00:09:35 → 00:09:37 พบได้บ่อยมากนะครับแล้วก็ที่ป่วยหนักขณะ
00:09:37 → 00:09:40 ที่เราว่าจะรอแรกต่างๆหน่อยก็ยิ่งดีน้อย
00:09:40 → 00:09:43 ลงไปอีกดังนั้นเนี่ยก็เรียกว่าเป็นการ
00:09:43 → 00:09:46 รักษาที่ไปใช้กับผู้ป่วยจำนวนน้อยเท่า
00:09:46 → 00:09:48 นั้นเองแล้วยิ่งต่อมานะครับเมื่อวงการ
00:09:48 → 00:09:50 แพทย์นึงรู้จักโรคนี้มากขึ้นนะครับแล้ว
00:09:50 → 00:09:52 เข้าใจโรคไตโรคนี้นะครับ pseudomembranous
00:09:52 → 00:09:55 ออกใครเตะซื้อนะครับมาขึ้นแล้วก็รู้วัด
00:09:55 → 00:09:57 โรงเรียนมันเกิดเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า
00:09:57 → 00:10:00 4 Dead เนี่ยเราไปยังมีการค้นพบยาปลูก
00:10:00 → 00:10:01 เจ้าหน้าที่สามารถข้ามไปช่วยตัวนี้ได้
00:10:01 → 00:10:04 เนี่ยก็คือยาเป็นเข้าไปเซ็นอย่างที่ว่าไป
00:10:04 → 00:10:06 การรักษาด้วยการนำเอาชนะมาใช้รักษาเนี่ย
00:10:06 → 00:10:08 มันก็เลยไม่จำเป็นนะครับหมอก็เลยหันไป
00:10:08 → 00:10:11 เลือกใช้ยาปฏิชีวนะที่ชื่อแหวนเข้าไป Set
00:10:11 → 00:10:13 ในการรักษาโรคนี้แทนได้เลยจากนั้นนะครับ
00:10:13 → 00:10:15 ก็เหมือนก็เป็นที่รู้กันทั่วๆไปนะครับ
00:10:15 → 00:10:16 ซึ่งเป็นเรื่องจริงนะครับว่าอุจจาระเนี่ย
00:10:16 → 00:10:19 มันอันตรายนะครับก็คือมันเป็นมีสิ่งที่
00:10:19 → 00:10:22 สามารถก่อให้เกิดโรคมากมายนะครับตอนนั้น
00:10:22 → 00:10:24 กันนะจร๊ะของคนคนนึงเดี๋ยวไปเซ็นในลำไส้
00:10:24 → 00:10:26 คนเนี่ยมันมีความเสี่ยงที่สูงอยู่ด้วยตัว
00:10:26 → 00:10:30 มันเองเพราะว่ายังไงในอุจจาระของแต่ละคน
00:10:30 → 00:10:32 ก็จะมีเชื้อจุลินทรีย์อยู่มากมายซึ่งใน
00:10:32 → 00:10:34 สมัยก่อนเนี่ยต้องบอกว่าเราก็ยังไม่ค่อย
00:10:34 → 00:10:36 มีความรู้นะครับแล้วก็จุลินทรีย์เหล่านี้
00:10:36 → 00:10:39 จะมีอยู่เนี่ยเราก็ไม่สามารถควบคุมได้เรา
00:10:39 → 00:10:42 ไม่มีทางรู้เลยว่าคนที่รับอุจจาระเน็ตจะ
00:10:42 → 00:10:44 ติดเชื้ออะไรบ้างนะครับซึ่งก็จะมีทาง
00:10:44 → 00:10:46 เชื่อแบคทีเรียนะครับเชื้อไวรัสเชื้อรานะ
00:10:46 → 00:10:49 ครับแล้วก็เชิญอื่นที่หมอในวงการแพทย์ใน
00:10:49 → 00:10:51 ยังไม่รู้จักมากมายสุดท้ายนะครับการรักษา
00:10:51 → 00:10:54 เนี่ยก็เลยถูกลืมไปจากวงการแพทย์นะครับจน
00:10:54 → 00:10:57 กระทั่งศาสนาจารย์โบดี้นะครับไปอ่านพบ
00:10:57 → 00:10:59 Case Report นะครับและงานวิจัยของหมอ
00:10:59 → 00:11:02 อ๋อ the man การรักษาแบบนี้นะครับใน
00:11:02 → 00:11:04 ปัจจุบันในมันก็จะมีชื่อเรียกที่เป็นทาง
00:11:04 → 00:11:07 การมากขึ้นนะครับว่าฟรีเข้าไม่เข้าไปเข้า
00:11:07 → 00:11:09 ท่าทางสถานเตชั่นนะครับที่เข้าที่แปลว่า
00:11:09 → 00:11:11 อุจจาระนะครับแล้วก็ไม่ครบ belta ก็ตัว
00:11:11 → 00:11:15 จุลินทรีย์ในลำไส้นะครับแล้วก็ Class แต่
00:11:15 → 00:11:17 ฉันก็ไม่ถึงการปลูกถ่ายนะครับนิยมเรียก
00:11:17 → 00:11:20 ชื่อย่อนะคะว่า FM ทีนะครับก็คือฟรีเข้า
00:11:20 → 00:11:23 มาเข้าไปเอาตังค์ Cloud Station
00:11:23 → 00:11:25 ปัจจุบันอย่างก็จะเป็นส่วนการที่เอาจะรัก
00:11:25 → 00:11:28 คนคนนึงนะครับไปใส่ในอีกคนคนนึงแล้วนะ
00:11:28 → 00:11:29 ครับแต่ว่าจะประสงค์การที่นำอุจจาระของคน
00:11:29 → 00:11:32 นึงนะครับแล้วก็นำมาผ่านกระบวนการนะครับ
00:11:32 → 00:11:36 แยกจุลินทรีย์นะครับแล้วก็ค่อยปลูกถ่าย
00:11:36 → 00:11:38 เข้าไปในลำไส้ของอีกคนหนึ่งดังนั้นก็เป็น
00:11:38 → 00:11:40 ชื่อใหม่นะครับเป็นชื่อ FM ทีอย่างที่ว่า
00:11:40 → 00:11:42 ไปนะครับว่าคือจะไม่ใช่การน้ำอุ่นพละ
00:11:42 → 00:11:45 เนี่ยใส่เข้าไปตรงๆมันใช้กรอกจะมีการนำ
00:11:45 → 00:11:48 อุจจาระของคนที่ให้นะครับผู้บริจาคในมัก
00:11:48 → 00:11:50 ร้องนะครับแล้วคัดเลือกนะครับแล้วก็นำ
00:11:50 → 00:11:52 จุลินทรีย์และแบคทีเรียเที่ยวการเนี่ยไป
00:11:52 → 00:11:56 ใส่เข้าไปในลำไส้ของผู้ป่วยนะครับคุณไม่
00:11:56 → 00:11:58 ถึงตรงนี้นะครับผมชั่วหลายคนอาจจะกำลัง
00:11:58 → 00:12:00 คิดนะครับว่าไอ้วิธีการรักษาแบบนี้และก็
00:12:00 → 00:12:03 คืออุจจาระเนี่ยนำไปใส่สวนกลับเข้าในลำ
00:12:03 → 00:12:05 ไส้เนี่ยมันฟังดูผิดธรรมชาติถูกไหมครับ
00:12:05 → 00:12:08 เพราะว่าเหมือนกับเราคุ้นเคยกันดีก็ธุระ
00:12:08 → 00:12:10 และนำสิ่งที่ร่างกายดับอยากจะกำจัดออกมา
00:12:10 → 00:12:12 จากร่างกายนะครับแล้วเราจะใส่กลับเข้าไป
00:12:12 → 00:12:19 เนี่ยมันก็มีกำลังการสวนหรือฝืนธรรมชาติ
00:12:19 → 00:12:23 จริงๆแล้วเนี่ยกันรักษาแบบเนี้ยจะว่าผิด
00:12:23 → 00:12:25 ธรรมชาติมันก็ไม่เชิงซะทีเดียวนะครับ
00:12:25 → 00:12:27 เพราะในธรรมชาตินะครับก็มีปรากฏการณ์นะ
00:12:27 → 00:12:29 ครับหรือพฤติกรรมหลายๆอย่างนะครับที่ฟัง
00:12:29 → 00:12:31 ดูก็คล้ายๆกับการรักษาแบบนี้เหมือนกันนะ
00:12:31 → 00:12:33 ครับซึ่งผมอยากจะเล่าให้ฟังนิดนึงนะครับ
00:12:33 → 00:12:35 ที่ทางวิทยาศาสตร์เดี๋ยวจะมีคำเรียก
00:12:35 → 00:12:38 พฤติกรรมการกินอึนะครับของสัตว์เนี่ย
00:12:38 → 00:12:41 อย่างเป็นทางการว่าขอโปรไฟลกี้นะครับเข้า
00:12:41 → 00:12:44 ประสาทกี้ก็คือตามชื่อนะครับฝากี้ฝาก
00:12:44 → 00:12:45 เนี่ยเพราะว่ากินนะครับคอโปรดหมายถึงตัว
00:12:45 → 00:12:50 ถ้ากูจะละนะครับก็คือสัตว์เนี่ยมันมี
00:12:50 → 00:12:52 พฤติกรรมที่กินอื่นของตัวเองหรือว่าไปกิน
00:12:52 → 00:12:54 อื่นของสัตว์อื่นซึ่งเป็นพฤติกรรมที่พบ
00:12:54 → 00:12:57 ได้ในสัตว์หลายๆชนิดด้วยกันนะครับตัว
00:12:57 → 00:12:58 อย่างเช่นนะครับผมเชื่อว่าคนที่เลี้ยง
00:12:58 → 00:13:01 กระต่ายนะครับก็จะขึ้นอุ้ยดีเพราะว่าคน
00:13:01 → 00:13:02 ที่เล่นกระต่ายนี้ก็จะรู้ว่าเมื่อกระต่าย
00:13:02 → 00:13:05 คือออกมาแล้วเนี่ยเราไม่ควรที่ความสะอาด
00:13:05 → 00:13:07 กรงของกระต่ายนะครับคนจะทิ้งอือเอาไว้สัก
00:13:07 → 00:13:09 ระยะหนึ่งก่อนเพราะกระต่ายในจะต้องหมั่น
00:13:09 → 00:13:13 เล็มกินอื่นเขามันเหตุผลก็คือว่ากระต่าย
00:13:13 → 00:13:15 มันมีทางเดินอาหารที่สั้นนะครับทำให้มัน
00:13:15 → 00:13:18 ไม่สามารถย่อยและดูดซึมสารอาหารทั้งหมดๆ
00:13:18 → 00:13:20 อย่างเพียงพอที่ร่างกายต้องการตั้งนั้น
00:13:20 → 00:13:22 การกินอื่นของออกกระต่ายเนี่ยมันก็ไม่ก็
00:13:22 → 00:13:25 เป็นการทำให้อาหารได้ผ่านจะระบบทางเดิน
00:13:25 → 00:13:28 อาหารเนี่ย 2 รอบนะครับสองสามรอบเพื่อให้
00:13:28 → 00:13:29 กับไอ้อ้อยอีกครั้งนึงแล้วก็ดูดซึมสาร
00:13:29 → 00:13:32 อาหารกลับไปเพิ่มอีกถ้าไม่ทำเช่นนี้นะ
00:13:32 → 00:13:34 ครับคือไม่ให้มันกินของตัวเองเนี่ยก็มี
00:13:34 → 00:13:37 ความเสี่ยงที่ตัวกระต่ายในจะขาดสารอาหาร
00:13:37 → 00:13:40 ได้หรือในช้างป่านะครับก็ก็จะมีพิธีการ
00:13:40 → 00:13:43 ที่คนนึงสังเกตนะครับว่าเมื่อช้างตัวเมีย
00:13:43 → 00:13:45 นะครับหรือว่าช้างที่เป็นก็เป็นหัวหน้า
00:13:45 → 00:13:48 ฝูงเนี่ยออกมานะครับลูกช้างเนี่ยที่เดิน
00:13:48 → 00:13:51 ตามมาก็จะนิยมใช้งงเนี่ยตักตึกเนี่ยขึ้น
00:13:51 → 00:13:54 มาแล้วก็ใส่เข้านี้ปากซึ่งพฤติกรรมการคิด
00:13:54 → 00:13:57 หรือแบบเนี้ยมันไม่ใช่ไม่เชิงว่าจะกินแบบ
00:13:57 → 00:13:59 จริงจังเหมือนกินอาหารนะครับแต่เหมือนการ
00:13:59 → 00:14:02 คคือมันน้อยๆหอมเหมือนเป็นอาหารเสริมเท่า
00:14:02 → 00:14:05 นั้นซึ่งปัจจุบันนี้นะครับเราก็เข้าใจคำ
00:14:05 → 00:14:07 ที่บายมากขึ้นนะครับรู้เหตุผลมากขึ้นนะ
00:14:07 → 00:14:10 ครับก็คือว่าวิธีการเนี่ยมันทำให้ลูกช้า
00:14:10 → 00:14:12 นะครับซึ่งเกิดมาไม่นานแล้วก็ยังมี
00:14:12 → 00:14:14 จุลินทรีย์ลำไส้ที่ไม่หลักหลายมากเนี่ยจะ
00:14:14 → 00:14:17 รับจุลินทรีย์จากช้างนะครับจะมีอายุมาก
00:14:17 → 00:14:20 เนี่ยเข้าไปในลำไส้ของตัวเองทำให้มันก็
00:14:20 → 00:14:22 ระบบนิเวศของจุลินทรีย์ในลำไส้เนี่ยแข็ง
00:14:22 → 00:14:25 แกร่งมากขึ้นอีกรายหนึ่งที่น่าสนใจนะครับ
00:14:25 → 00:14:28 จะรักษาการที่ขอน้ำอุจจาระเหนียวใช่รักษา
00:14:28 → 00:14:31 คล้ายกับที่พบในมนุษย์เหตุการณ์ได้บันทึก
00:14:31 → 00:14:33 ไว้โดยต่อนักเรียนศาสตร์นะครับที่ชื่อว่า
00:14:33 → 00:14:35 Jane goodall นะครับซึ่งชื่อว่าในคนที่
00:14:35 → 00:14:37 อยู่ในวงการชีววิทยาในจะรู้จักหรือว่า
00:14:37 → 00:14:39 คุ้นเคยกับชื่อที่ดีนะครับเพราะถือว่า
00:14:39 → 00:14:43 เป็นผู้ที่บุกเบิกนะครับในการศึกษาเข้าใจ
00:14:43 → 00:14:46 พฤติกรรมของชิมแปนซีเนี่ยคนแรกของโลกนะ
00:14:46 → 00:14:48 ครับเราเป็นคนที่มีความรู้ความเข้าใจโอ
00:14:48 → 00:14:50 พฤติกรรมโอชินชีเน่มากที่สุดคนของโลกได้
00:14:50 → 00:14:53 บันทึกนะครับที่แจ้งคุณดอนเคยไปศึกษาชิด
00:14:53 → 00:14:56 บัญชีที่กอมเบนะชนะพรรคนะครับในทันชั้น
00:14:56 → 00:14:59 เนี่ยก็มีการเขียนบันทึกไว้ว่าตัวชิ้น
00:14:59 → 00:15:01 บัญชีแต่ถ้าเป็นบางครั้งเนี่ยมันจะมี
00:15:01 → 00:15:03 อาการเหมือนท้องเสียเนี่ยเกิดขึ้นนะครับ
00:15:03 → 00:15:06 ก็คือจะถ่ายแล้วก็ถ่ายบ่อยแล้วพฤติกรรม
00:15:06 → 00:15:08 ที่น่าสนใจคือว่าลิงมันท้องเสียในหลาย
00:15:08 → 00:15:10 ครั้งก็จะเป็นเลือกกินอึดของลิงตัวอื่นนะ
00:15:10 → 00:15:13 ครับแต่มันจะไม่กลับเต็มที่บอกไปคือไม่
00:15:13 → 00:15:15 ได้กินเยอะมากครับกินเหมือนกินๆเข้าไปนิด
00:15:15 → 00:15:17 หน่อยนะครับแล้วก็จะคิดอยู่แค่ช่วงเวลา
00:15:17 → 00:15:19 หนึ่งเท่านั้นเองเพราะอาการท้องเสียดีๆ
00:15:19 → 00:15:22 ขึ้นมันก็จะเลิกพฤติกรรมนี้ไปซึ่งเป็นครู
00:15:22 → 00:15:24 ดอยเนี่ยเขาก็ช่วยพริกอันนี้มันเป็น
00:15:24 → 00:15:26 พฤติกรรมที่เหมือนกับเป็นการรักษาตัวเอง
00:15:26 → 00:15:28 นะครับของลิงในธรรมชาติโดยสรุปนะครับใจ
00:15:28 → 00:15:31 พฤติกรรมที่เล่ามาทั้งหมดนะครับที่คำของ
00:15:31 → 00:15:33 การกินอื่นนะครับมันเป็นพฤติกรรมที่ไม่
00:15:33 → 00:15:35 ผิดธรรมชาติเสร็จทีเดียวนะครับเพราะว่าพบ
00:15:35 → 00:15:37 ได้ในธรรมชาติแล้วเราปัจจุบันอย่างที่ว่า
00:15:37 → 00:15:39 ไปเพิ่มแล้วก็เข้าใจเหตุผลที่อยู่เบื้อง
00:15:39 → 00:15:41 หลังของพฤติกรรมในอยู่พอสมควร
00:15:41 → 00:15:44 ที่จะกลับวันนี้ของมนุษย์นะครับในแง่ของ
00:15:44 → 00:15:46 มนุษย์ถ้าเรามองกลับไปในประสาทเนี่ยเราก็
00:15:46 → 00:15:48 จะภาวะกันนำอุจจาระมาเป็นส่วนหนึ่งของการ
00:15:48 → 00:15:51 รักษาโรคเนี่ยมันก็มีใช้กันมานานแล้วนะ
00:15:51 → 00:15:54 ครับหลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดในน่าจะเป็น
00:15:54 → 00:15:56 บันทึกที่มาจากทางจีนนะครับก็คือเป็นตำรา
00:15:56 → 00:15:59 แพทย์ฉุกเฉินของเกอร์หงส์นะครับซึ่งรวบ
00:15:59 → 00:16:02 รวมไว้ว่ามันมีพนกร้อยปีที่แล้วแล้วก็มี
00:16:02 → 00:16:05 การระบุวิธีการรักษานะครับของคนที่ท้อง
00:16:05 → 00:16:08 เสียรุนแรงเนี่ยเขาก็บอกว่าถ้าให้ดื่มยา
00:16:08 → 00:16:11 นะครับซึ่งทำมาจากจร๊ะของคนที่ไม่ป่วย
00:16:11 → 00:16:14 เนี่ยจะสามารถรักษาอาการท้องเสียรุนแรง
00:16:14 → 00:16:17 ได้หรืออีกบันทึกนึงนะครับก็จะจีนเหมือน
00:16:17 → 00:16:19 กันนะครับก็คือเกิดขึ้นประมาณช่วงศตวรรษ
00:16:19 → 00:16:23 ที่ 16 นะครับก็จะมีหมออ๋ออ๋อที่เขียนถึง
00:16:23 → 00:16:26 การรักษานะครับที่ดำอุจจาระตากแห้งเนี่ย
00:16:26 → 00:16:28 มาทำปัญญานะครับแล้วก็รู้ว่าเป็นซุป
00:16:28 → 00:16:31 เหลืองนะครับซึ่งสามารถใช้รักษาผู้ป่วย
00:16:31 → 00:16:33 ที่มีอาการของโรคระบบทางเดินอาหารว่าท้อง
00:16:33 → 00:16:36 เสียได้อย่างไรก็ตามนะครับบันทึกโบราณ
00:16:36 → 00:16:37 เหล่านี้นะครับมันก็ไม่ได้มีการลงราย
00:16:37 → 00:16:40 ละเอียดไม่มากนะครับแล้วก็ที่สำคัญคือไม่
00:16:40 → 00:16:42 มีการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบที่ทำให้เรา
00:16:42 → 00:16:45 สามารถเข้าใจได้ว่าผู้ป่วยกรณีไหนบ้างที่
00:16:45 → 00:16:48 จะได้รับประโยชน์จากการรักษาแบบนี้หรือ
00:16:48 → 00:16:49 ว่าใครบ้างที่ไม่ควรแล้วกันรักษานะครับ
00:16:49 → 00:16:52 แล้วมารักษาไปแล้วเนี่ยจะได้ผลดีมากน้อย
00:16:52 → 00:16:55 แค่ไหนหรือว่ามีผลข้างเคียงอะไรตามมาบ้าง
00:16:55 → 00:16:57 นะครับว่าจะเป็นผลข้างเคียงระยะสั้นหรือ
00:16:57 → 00:17:00 ระยะยาวก็ตามซึ่งข้อมูลพื้นฐานแต่ตอนนี้
00:17:00 → 00:17:02 มันเป็นข้อมูลที่การแพทย์แผนปัจจุบัน
00:17:02 → 00:17:04 เนี่ยต้องรู้นะครับเพราะว่ามันเป็นสิ่ง
00:17:04 → 00:17:06 ที่เราต้องอธิบายให้กับผู้ป่วยฟังนะครับ
00:17:06 → 00:17:08 หรือว่าเราจะมีตัวเลขให้ชัดเจนว่าการ
00:17:08 → 00:17:11 รักษาไปแล้วและคาดหวังเนี่ยว่าจะดีขึ้น
00:17:11 → 00:17:13 เท่าไหร่แล้วก็มีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน
00:17:13 → 00:17:16 ดังนั้นนะครับบันทึกต่างๆเหล่านี้มันก็จะ
00:17:16 → 00:17:18 เป็นเหมือนเป็นเข้าจำกัดนะครับที่ทำให้
00:17:18 → 00:17:21 เราไม่สามารถที่จะนำมาใช้เป็นการรักษาใน
00:17:21 → 00:17:23 ยุคปัจจุบันได้ตัวอย่างนึงนะครับที่น่าสน
00:17:23 → 00:17:25 ใจในประสาทนะครับก็คือการค้นเพราะว่าการ
00:17:25 → 00:17:28 ใช้อุจจาระเพื่อรักษาเนี่ยมาได้จะใช้ Time
00:17:28 → 00:17:31 สปีชีส์ได้ด้วยนะครับก็คือว่าเธอของสัตว์
00:17:31 → 00:17:33 อื่นอาจจะช่วยรักษาโรคทางเดินอาหารในมุด
00:17:33 → 00:17:36 มนุษย์ได้ด้วยซึ่งตัวอย่างนะคะมันมาจาก
00:17:36 → 00:17:39 เป็นเหตุการณ์นะครับที่มีการบอกเล่ากันมา
00:17:39 → 00:17:41 นะครับของทหารเยอรมันในช่วงสงครามโลก
00:17:41 → 00:17:43 ครั้งที่สองก็คือในช่วงเวลานั้นนะครับก็
00:17:43 → 00:17:45 จะมีทหารของเยอรมันในที่ท้องเสียนะครับ
00:17:45 → 00:17:47 เกิดการติดเชื้อนะครับแล้วก็มีอาการหนัก
00:17:47 → 00:17:50 มากแล้วก็แล้วกันบอกเล่าจากชนพื้นเมืองใน
00:17:50 → 00:17:54 อเมริกานะว่าคือของอู่เนี่ยสามารถนำมาใช้
00:17:54 → 00:17:56 รักษาโรคอาการท้องเสียได้ทหารเยอรมันส่วน
00:17:56 → 00:17:58 หนึ่งที่ท้องเสียรุนแรงนะครับจะเรียกว่า
00:17:58 → 00:18:02 ไม่มีทางอีกแล้วนะครับก็เลยต้องไปทดลองนำ
00:18:02 → 00:18:04 เออของอู่เนี่ยไม่ใช่รักษาก็เพราะว่า
00:18:04 → 00:18:07 สามารถช่วยให้อาการดีขึ้นได้จริงๆตัว
00:18:07 → 00:18:09 อย่างน่ะดีเราเนี่ยนะครับก็อย่างที่บอกไป
00:18:09 → 00:18:11 ก็คือตอนที่ทำไปเดี๋ยวมันไม่มีใครรู้คำ
00:18:11 → 00:18:13 ที่บายนะครับแต่ปัจจุบันเนี่ยเมื่อเรา
00:18:13 → 00:18:15 เข้าใจเรื่องของจุลินทรีย์ในลำไส้ใหญ่มาก
00:18:15 → 00:18:17 ขึ้นนะครับก็คือเรื่องที่เราคุยกันมาทั้ง
00:18:17 → 00:18:20 หมดนะครับเราก็เลยสามารถเข้าใจปรากฏการณ์
00:18:20 → 00:18:22 เหล่านี้ได้มากขึ้นนะครับว่ามันเกี่ยว
00:18:22 → 00:18:24 ข้องกับการปรับสมดุลนะครับของจุลินทรีย์
00:18:24 → 00:18:27 ในลำไส้ของเรานั่นเองตอนนี้กลับมาดูผู้
00:18:27 → 00:18:29 ป่วยของหมอโปโลดีนะครับก็คือ josie นะ
00:18:29 → 00:18:32 ครับว่าผลการรักษาในเป็นยังไงบ้างหลังจาก
00:18:32 → 00:18:35 ที่ josie นะครับแล้วก็รักษาผ่านไปแค่กี่
00:18:35 → 00:18:37 วันเท่านั้นนะครับอาการที่เป็นมาเป็น
00:18:37 → 00:18:39 เดือนของเธอเนี่ยก็ดีขึ้นนะครับจะเห็นได้
00:18:39 → 00:18:43 ชัดความถี่ในการเข้าน้ำและก็น้อยลงนะครับ
00:18:43 → 00:18:45 แล้วก็ความรุนแรงของการท้องเสียเนี่ยก็ดี
00:18:45 → 00:18:48 ขึ้นจดตั้งโจทย์ c-next ปลาที่จะออกไป
00:18:48 → 00:18:50 ข้างนอกครั้งนะครับแล้วก็กลับไปใช้ชีวิต
00:18:50 → 00:18:52 แบบปกติเนี่ยไม่ได้มากขึ้นโดยที่ไม่ต้อง
00:18:52 → 00:18:55 กังวลเรื่องเข้าห้องน้ำต่อไปแล้วต่อมาไม่
00:18:55 → 00:18:56 นานนะครับก็คือเป็นหลักเดือนเนี่ยอาการ
00:18:56 → 00:18:59 ของเธอเนี่ยก็หายตัวลึกว่าเป็นเหมือนคน
00:18:59 → 00:19:01 ปกติเลยนะผู้ชนะการไปทำงานแล้วจะใช้ชีวิต
00:19:01 → 00:19:03 เหมือนคนปกติได้เลยนะจากนั้นมานะครับตัว
00:19:04 → 00:19:06 หมอโพนี่เองเนี่ยเขาก็ประทับใจนะครับวิธี
00:19:06 → 00:19:09 การรักษาด้วยวิธีนี้นะครับแล้วก็เขาก็
00:19:09 → 00:19:11 เริ่มมองหาผู้ป่วยคนอื่นนะครับเขาจะเลือก
00:19:11 → 00:19:13 ผู้ป่วยที่เดียวกันให้คล้ายกับโจร C ก็
00:19:13 → 00:19:16 คือว่าเป็นผู้ป่วยที่ท้องเสียเรื้อรังนะ
00:19:16 → 00:19:18 ครับหาสาเหตุไม่ชัดเจนนะครับแล้วก็ทดลอง
00:19:18 → 00:19:21 ด้วยวิธีต่างๆเนี่ยไม่ได้ผลนะครับก็นำมา
00:19:21 → 00:19:24 ทดลองดูวิธีการแบบนี้และเพิ่มเติมในช่วง
00:19:24 → 00:19:27 ได้นะครับหมอโพนี่เองเขาก็ไม่กล้าที่จะตี
00:19:27 → 00:19:29 พิมพ์ผลงานนะครับหรือว่ารายงานผลการรักษา
00:19:29 → 00:19:32 ของเขาให้กับวงการแพทย์หรือว่าให้หมอคน
00:19:32 → 00:19:34 อื่นได้รับรู้ทั่วไปนะครับส่วนหนึ่งก็คง
00:19:34 → 00:19:36 เป็นเรื่องของความกลัวนะครับเพราะวิธีการ
00:19:36 → 00:19:39 ของเขาได้ค่อนข้างแปลกนะครับเขาก็รักษาไป
00:19:39 → 00:19:41 เรื่อยๆนะครับก็เก็บข้อมูลไปเรื่อยๆนะ
00:19:41 → 00:19:43 ครับกระทั่งรู้สึกมั่นใจมากขึ้นนะครับมี
00:19:43 → 00:19:46 ข้อมูลผู้ป่วยประมาณ 5-10 5 คนได้กันนะ
00:19:46 → 00:19:49 ครับแล้วก็ได้ 55 คนในอย่างที่ว่าไปคือ
00:19:49 → 00:19:51 เป็นคนที่ป่วยหนักนะครับรักษาด้วยวิธี
00:19:51 → 00:19:54 อื่นแล้วไม่ได้ผลในผู้ป่วย 55 คนของเขานะ
00:19:55 → 00:19:58 ครับก็มียี่สิบคนนะครับที่หรือว่าหายดี
00:19:58 → 00:20:00 เลยนะครับหายขาดเลยนะครับอ่ะถ้าเก้าคน
00:20:00 → 00:20:03 เนี่ยขออาการดีขึ้นนะครับหลังการรักษาไม่
00:20:03 → 00:20:06 ว่าจะยังไม่หายขาดก็ตามแล้วก็ที่ไม่ได้ผล
00:20:06 → 00:20:08 เลยนะครับเพื่อการไม่ดีขึ้น 26 คนด้วยกัน
00:20:08 → 00:20:11 ซึ่งหลังจากที่เขาเก็บข้อมูลมามากจำนวน
00:20:11 → 00:20:14 นักเรียนที่ว่าไปนะครับ 55 คนเขาก็มั่นใจ
00:20:14 → 00:20:16 มากขึ้นนะครับแล้วก็สรุปแล้วก็เขียนเป็น
00:20:16 → 00:20:18 รายงานออกมานะครับแล้วก็ติพิมให้วงการ
00:20:18 → 00:20:21 แพทย์หรือให้บอกคนอื่นๆได้รับรู้ในปีคศ
00:20:21 → 00:20:23 2000 ที่ผ่านมานี้เองนะครับแล้วจากนั้น
00:20:23 → 00:20:25 นะครับก็มีหมอจากสะพานการแพทย์อื่นทั่ว
00:20:25 → 00:20:28 โลกเนี่ยนำวิธีการรักษาเนี่ยไปทดลองใช้
00:20:28 → 00:20:30 น้ำมากขึ้นนะครับข้อมูลค่ามากขึ้นแล้วก็
00:20:30 → 00:20:33 มีงานวิจัยตีพิมพ์ออกมามากขึ้นแล้วก็
00:20:33 → 00:20:36 รักษาและมันก็ได้ผลค่อนข้างดีนะครับทำให้
00:20:36 → 00:20:38 การรักษานี้นะครับเป็นหนึ่งในทางเลือกนะ
00:20:38 → 00:20:41 ครับที่ยอมความนิยมมากขึ้นอย่างไรก็ตามนะ
00:20:41 → 00:20:43 ครับการรักษาด้วยวิธีที่ว่าแอปเต็มทีนะ
00:20:43 → 00:20:46 ครับพี่ก็ไม่ค่อยเอาตังค์ start เนี่ยก็
00:20:46 → 00:20:48 ยังมีหลายอย่างที่ว่าการแพทย์ยังไม่รู้
00:20:48 → 00:20:51 ยังไม่เข้าใจนะครับเช่นถ้านำไปใช้ในผู้
00:20:51 → 00:20:53 ป่วยจำนวนมากมันจะมีผลข้างเคียงอะไรที่
00:20:53 → 00:20:56 ไม่พบตอนที่เราทดลองในคนจำนวนไม่น้อยหรือ
00:20:56 → 00:20:59 เปล่าครับอันนี้เรายังไม่รู้แล้วก็เราก็
00:20:59 → 00:21:01 ไม่รู้ผลข้างจะพยายามว่าจะเป็นยังไงนะ
00:21:01 → 00:21:04 ครับเช่น of มันจะมีผลให้ผู้ป่วยมีความ
00:21:04 → 00:21:06 เสี่ยงโรคอันอื่นเพิ่มขึ้นหรือเปล่าว่าจะ
00:21:06 → 00:21:09 เป็นเรื่องของรบกวนนะครับโรคเบาหวานโรค
00:21:09 → 00:21:11 พวกเขาตัวเองมูลนะครับหรือว่าเราคลิปภูมิ
00:21:11 → 00:21:13 คุ้มกันในมันหันกลับมาทำร้ายร่างกายเรา
00:21:13 → 00:21:17 เองต้องจะมันก็จะเป็นพวกโรคจิตเวชนะครับ
00:21:17 → 00:21:20 โรคทางสมองนะครับปรากฏใจอื่นแล้วก็หรือมา
00:21:20 → 00:21:21 แต่โรคบางเพลงว่าชนิดเนี่ยก็จะมีความ
00:21:21 → 00:21:24 เสี่ยงได้เพราะว่าอะไรเพราะอย่างที่เรา
00:21:24 → 00:21:26 คุยกันในไลน์พี่โสดก็น่านะคะว่า
00:21:26 → 00:21:28 จุลินทรีย์ในลำไส้เนี่ยมันสำคัญมากนะคะ
00:21:28 → 00:21:30 เราไม่เกี่ยวข้องกับโรคเหล่านี้ทั้งหมด
00:21:30 → 00:21:32 แต่ถ้ามองในมุมกลับนะครับเราก็จะเห็นว่า
00:21:32 → 00:21:35 การปลูกถ่ายจุลินทรีย์เนี่ยมันก็อาจจะ
00:21:35 → 00:21:37 กลายเป็นวิธีการใหม่นะครับในการรักษาโรค
00:21:37 → 00:21:40 นี้ได้เช่นเดียวกันในวันหน้านะครับเราจะ
00:21:40 → 00:21:42 เห็นการปลูกถ่ายคืน C เนี่ยมีบทบาทในการ
00:21:42 → 00:21:45 รักษาโรคอย่างพวกเราอัลไซเมอร์นะครับโรค
00:21:45 → 00:21:47 เบาหวานโรคมะเร็งแล้วก็เป็นได้นะครับซึ่ง
00:21:47 → 00:21:51 ก็คงต้องติดตามข้อมูลต่อไปนะครับแต่ชอบคน
00:21:51 → 00:21:53 ส่วนใหญ่นะครับรวมถึงตัวตัวผมเองตัวคุณ
00:21:53 → 00:21:56 ด้วยนะครับแต่ตอนนี้เราคงไม่ต้องไปคิดถึง
00:21:56 → 00:21:58 ขั้นนั้นนะครับเพราะว่าสิ่งสำคัญคือการดู
00:21:58 → 00:22:01 แลสมดุลเขาจูนและร่างกายของเราให้มันดี
00:22:01 → 00:22:03 ที่สุดเท่าที่เป็นไปได้นะครับซึ่งวิธีการ
00:22:03 → 00:22:06 นี้ก็ทำได้ไม่ยากนะครับอย่างที่เราคุยกัน
00:22:06 → 00:22:08 ไปในไหลพิโสดไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเรื่อง
00:22:08 → 00:22:11 อาหารนะครับกินหาที่ลักษณะข้างครีมเอา
00:22:11 → 00:22:13 เต็กนะครับหรือว่าอาจจะมีเรื่องของอาหาร
00:22:13 → 00:22:15 เสริมเพราะไปเอาเต็กขอเพิ่มเติมนะครับ
00:22:15 → 00:22:17 เดี๋ยวของการออกกำลังกายนะครับและเรื่อง
00:22:17 → 00:22:20 ของการรับมือกับความเครียดต่างๆนะครับ
00:22:20 → 00:22:23 ก่อนที่จะจบที่ 2 นี้นะครับเราก็มาสรุป
00:22:23 → 00:22:25 เรื่องที่คุยทั้งหมดอีกสักครั้งนะครับว่า
00:22:25 → 00:22:27 เราคุยอะไรกันได้บ้างข้อที่ 1 นะครับผม
00:22:27 → 00:22:29 เปิด Episode นี้ดูเรื่องของผู้ป่วยที่
00:22:29 → 00:22:32 ชื่อว่าโจซีนะครับที่บอกว่ามาหาหมอด้วย
00:22:32 → 00:22:35 การท้องเสียแล้วก็เป็นการเสียที่ไม่มีใคร
00:22:35 → 00:22:37 รักษาได้จนกระทั่งสุดท้ายเนี่ยไปเจอกับ
00:22:37 → 00:22:39 อ๊อดชื่อว่าหมอโพนี่นะครับแล้วการพบกัน
00:22:39 → 00:22:42 ของทั้งสองคนนะคะนำไปสู่การที่หมอโพนี่
00:22:42 → 00:22:44 เนี่ยเป็นคนพบกเร Case Report นะครับ
00:22:44 → 00:22:48 เก่าของบ่อที่เชื่อหมอไอซ์แมนข้อที่สอนนะ
00:22:48 → 00:22:50 ครับเราคุยถึงหมอไอ Man นะครับมาคุยถึง
00:22:50 → 00:22:52 เหตุผลเบื้องหลังว่าทำไมเขาถึงได้ทดลองนำ
00:22:52 → 00:22:56 อุจจาระมาใช้รักษาผู้ป่วยซึ่งเข้ามาว่า
00:22:56 → 00:22:58 มันเป็นการคืนสมดุลธรรมชาติให้กับลำไส้
00:22:58 → 00:23:02 ข้อหน้าร้านนะครับเราก็ไปดูภาพที่ใหญ่
00:23:02 → 00:23:04 ขึ้นก็คือมองไปในธรรมชาตินะครับเพื่อเห็น
00:23:04 → 00:23:07 ว่าให้พฤติกรรมของการกินอื่นๆนะครับหรือ
00:23:07 → 00:23:09 ที่ภาษาวิทยาศาสตร์เรียกว่าขอบฟ้ากี้
00:23:09 → 00:23:12 เนี่ยมันเป็นเหมือนกับสิ่งที่พบได้ใน
00:23:12 → 00:23:15 ธรรมชาตินะครับไม่ใช่สิ่งผิดปกติรู้สิ่ง
00:23:15 → 00:23:16 ผิดธรรมชาติสักทีเดียวและเราก็ได้เห็น
00:23:16 → 00:23:19 พฤติกรรมในชิมบัญชีนะครับที่เหมือนกับว่า
00:23:19 → 00:23:21 ใครๆก็เหมือนกับมันรักษาตัวเองด้วยการไป
00:23:21 → 00:23:24 กินอื่นของลิงตัวอื่นนะครับข้อที่ 4 นะ
00:23:24 → 00:23:27 ครับเราย้อนไปดูในประสาทกันนะครับแล้วก็
00:23:27 → 00:23:30 ได้เห็นว่าในอดีตในก็มีหมอนะครับสมัย
00:23:30 → 00:23:32 โบราณเนี่ยที่คนเพราะว่าจร้าเนี่ยสามารถ
00:23:32 → 00:23:34 นำมาใช้รักษาโรคได้เหมือนกันนะครับว่า
00:23:34 → 00:23:36 shop เป็นโรคทางระบบทางเดินอาหาร
00:23:36 → 00:23:38 แล้วเราก็จบไปสอนนี้นะครับด้วยการชี้ให้
00:23:38 → 00:23:41 เห็นว่าหัวใจนะครับหรือว่าหลักการสำคัญ
00:23:41 → 00:23:44 ของการนำอุจจาระไม่ใช่รักษาเนี่ยมันมา
00:23:44 → 00:23:45 อยู่ที่ตัวอุจจาระนะคะจะมาอยู่ที่
00:23:45 → 00:23:48 จุลินทรีย์นะครับที่อยู่ข้างในลำไส้มัน
00:23:48 → 00:23:51 คือการเพียงปรับสมดุลของจุลินทรีย์หน่วย
00:23:51 → 00:23:53 เป็นการเติมจุลินทรีย์ที่ขาดหายไปกลับคืน
00:23:53 → 00:23:57 เข้าไปในลำไส้แน่นอนว่าจุลินทรีย์เนี่ย
00:23:57 → 00:23:59 มันไม่จำเป็นต้องมาจากอุจจาระนะครับเพราะ
00:23:59 → 00:24:01 ว่าในอนาคตและเมื่อเรามีความรู้ที่ดีขึ้น
00:24:01 → 00:24:03 นะครับเข้าใจกับจุลินทรีย์มากแค่นี้ด้วย
00:24:03 → 00:24:06 เนี่ยเราก็สามารถนำจุลินทรีย์ที่มาจาก
00:24:06 → 00:24:08 แหล่งอื่นได้เช่นอาจจะมาจากการเพาะเลี้ยง
00:24:08 → 00:24:11 ขึ้นมานะครับในห้องปฏิบัติการนะครับหรือ
00:24:11 → 00:24:14 ว่าจะมากินในรูปของอาหารเสริมก็ได้นะครับ
00:24:14 → 00:24:16 หรือว่าในรูปของยาก็ได้โดยที่ไม่ต้องไป
00:24:16 → 00:24:19 ยุ่งกับอุจจาระและทั้งหมดนี้นะครับก็ช่วย
00:24:19 → 00:24:21 ให้เห็นว่าสมดุลของจุลินทรีย์เนี่ยหรือ
00:24:21 → 00:24:24 ว่าระบบนิเวศน์ในลำไส้ของเราเนี่ยมัน
00:24:24 → 00:24:27 สำคัญต่อสุขภาพเรามากแค่ไหนแล้วทำไมเรา
00:24:27 → 00:24:29 ควรจะดูแลระบบนิเวศภายในลำไส้ของเราเนี่ย
00:24:29 → 00:24:32 ให้ดีที่สุดเท่าที่พอจะทำได้นะครับเพราะ
00:24:32 → 00:24:34 ว่าขอจบไปเป็นโสดมีไว้ตรงนี้นะครับแต่วัน
00:24:34 → 00:24:37 จากกันไปไหนก็อยากจะขอแนะนำให้รู้จักกับ
00:24:37 → 00:24:39 มดกัดนะครับผู้สนับสนุนชีวิตของเราอีกสัก
00:24:39 → 00:24:41 ครั้งนะคะรู้จักบริษัทมดกัดนะครับซึ่ง
00:24:41 → 00:24:44 สับสนซีรีส์ไมโครไบโอมของเรานะครับประชัน
00:24:44 → 00:24:46 บทกันนะครับเป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นโดย
00:24:46 → 00:24:48 นักเรียนศาสตร์นักวิจัยนะคะที่ชำนาญนะ
00:24:48 → 00:24:50 ครับทางด้านเทคโนโลยีเกี่ยวกับไม่เข้าไป
00:24:50 → 00:24:52 โอมห์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า
00:24:53 → 00:24:56 ธนบุรีบางมดที่บดสำหรับการเข้าทำอะไรนะ
00:24:56 → 00:24:59 ครับเขามีให้บริการนะครับถั่วเพราะ
00:24:59 → 00:25:01 จุลินทรีย์นำไส้และบุคคลทั่วไปเพื่อให้
00:25:01 → 00:25:04 เรารู้ว่าสภาวะของจุลินทรีย์ในลำไส้ของ
00:25:04 → 00:25:06 เราเนี่ยเป็นยังไงบ้างชนิดจุดเด่นนะครับ
00:25:06 → 00:25:09 ลงความพิเศษของมดกัดนะครับก็คือจะเป็นการ
00:25:09 → 00:25:12 ตรวจที่ตรวจทุนซีครบนะครับครบทุกตัวที่
00:25:12 → 00:25:15 ปัจจุบันเรามีข้อมูลสำคัญต่อสุขภาพทั้ง
00:25:15 → 00:25:18 จุลินทรีย์ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานจาก
00:25:18 → 00:25:20 ปกติของร่างกายครับคือจุลินทรีย์ที่
00:25:20 → 00:25:21 เกี่ยวข้องกับสุขภาพดีแล้วก็จุลินทรีย์
00:25:21 → 00:25:25 ที่เกี่ยวข้องกับอาการเจ็บป่วยแล้วก็มี
00:25:25 → 00:25:26 ความแม่นยำนะครับเพราะว่าฐานข้อมูลที่นำ
00:25:26 → 00:25:28 มาเปรียบเทียบในจะเป็นฐานข้อมูลที่เทียบ
00:25:28 → 00:25:31 กับข้อมูลคนไทยด้วยกันนะครับประชากรไทย
00:25:31 → 00:25:33 ซึ่งจะมีความต่างไปจากคนชาติอื่นแล้วก็
00:25:33 → 00:25:36 ต่างไปจากชาวตะวันตกแล้วการตรวจก็จะมี
00:25:36 → 00:25:38 ลักษณะเป็นองค์รวมนะครับก็คือจุลินทรีย์
00:25:38 → 00:25:40 ที่เกี่ยวข้องกันบอกต่างๆของร่างกายนะ
00:25:40 → 00:25:42 ครับตัวอย่างเช่นระบบจุลินทรีย์ที่เกี่ยว
00:25:42 → 00:25:44 ข้องกับระบบเมตาบอริซึ่มนะครับหรือระบบ
00:25:44 → 00:25:46 เผาผลาญของร่างกายซึ่งเป็นระบบที่จะบอก
00:25:46 → 00:25:49 ว่าเราอ้วนง่ายหรือว่าเราอ้วนยากนะครับ
00:25:49 → 00:25:51 ต่อจนในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของ
00:25:51 → 00:25:53 ระบบภูมิคุ้มกันนะครับเกี่ยวข้องกับภาวะ
00:25:53 → 00:25:56 เกษตรที่เราคุยกันไปในไลค์พิโสดนะครับ
00:25:56 → 00:25:58 ต้องเลยจากนี้ก็เป็นเรื่องของจุลินทรีย์
00:25:58 → 00:26:00 ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานมีทางเดินอาหาร
00:26:00 → 00:26:03 และการย่อยอาหารแล้วก็เป็นพวกจุลินทรีย์
00:26:03 → 00:26:05 ที่เกี่ยวข้องกับโรคต่างๆนะครับตัวอย่าง
00:26:05 → 00:26:07 เช่นครับพวกลำไส้แปรปรวนนะครับที่เราคุย
00:26:07 → 00:26:09 กันไปแล้วนะครับแล้วก็จุลินทรีย์ที่
00:26:09 → 00:26:11 สัมพันธ์กับโลกคนอื่นๆเช่นโรคเบาหวานนะ
00:26:11 → 00:26:14 ครับเพราะมะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นต้นยังไงของ
00:26:14 → 00:26:16 การรายงานผลนะครับก็จะรายงานปวดมาในรูป
00:26:16 → 00:26:18 แบบที่สามารถเข้าใจง่ายนะครับคือมีการใช้
00:26:18 → 00:26:21 ชาร์จนะครับใช้พกกราฟเนี่ยมาเพื่อให้อ๋อ
00:26:21 → 00:26:24 สามารถที่จะเข้าใจผลการตรวจได้ง่ายต่อ
00:26:24 → 00:26:26 เนื่องจากนั้นในทั้งหมดก็มีผู้เชี่ยวชาญ
00:26:26 → 00:26:29 นะคะที่คอยแนะนำวิธีการเพาะกินนะครับหรือ
00:26:29 → 00:26:31 ว่าปรับปรุงให้จุลินทรีย์นำใช่ของเรา
00:26:31 → 00:26:34 เนี่ยพอดีขึ้นด้วยที่จะอิงจากข้อมูลที่
00:26:34 → 00:26:37 ตรวจได้นะครับคำแนะนำอาหารที่เหมาะสมกับ
00:26:37 → 00:26:40 จุลินทรีย์ของเราด้วยทั้งหมดคะเนี่ยก็จะ
00:26:40 → 00:26:42 มีแพ็คเกจหลายแพ็คเกจนะครับเป็นแพ็คเกจ
00:26:42 → 00:26:44 สวยลายแบบที่จะเหมาะกับคนที่มีความ
00:26:44 → 00:26:46 ต้องการต่างกับไปแล้วก็เหมาะกับแต่ละช่วง
00:26:46 → 00:26:49 วัยที่ต่างไปและที่สำคัญข้อนะครับก็คือ
00:26:49 → 00:26:51 การตรวจกับมดการเนี่ยคือทำได้ง่ายมากนะ
00:26:51 → 00:26:53 ครับต้องเดินทางไปไหนนะครับเพราะว่าเรา
00:26:53 → 00:26:55 สามารถที่จะเก็บอุจจาระเองจากที่บ้านได้
00:26:55 → 00:26:58 แล้วก็ส่งผ่านชุดตรวจที่ทั้งหมดการเนี่ย
00:26:58 → 00:27:01 เตรียมไว้ให้เนี่ยกับอ่ะอีกครั้งหลับของ
00:27:01 → 00:27:03 ทั้งหมดการ์ดแล้วจะใครสั่งตอนนี้สนใจ
00:27:03 → 00:27:05 บริการของมันก๊าซนะครับก็สามารถที่จะเข้า
00:27:05 → 00:27:07 ไปดูได้นะครับผมจะแปะลิงค์ไว้ให้ข้างล่าง
00:27:07 → 00:27:09 ครับ Description นะครับหรือว่าในคอมเม้น
00:27:09 → 00:27:11 นะครับก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่ม
00:27:11 → 00:27:12 เติมหรือว่าสอบถามเพิ่มเติมได้
00:27:12 → 00:27:24 [เพลง]