00:00:00 → 00:00:00 ก็
00:00:00 → 00:00:03 [เพลง]
00:00:04 → 00:00:06 สวัสดีทุกคนนะครับวันนี้ผัวข้อที่เราจะ
00:00:06 → 00:00:09 คุยกันนะครับก็คือว่าขาเท้าเนี่ยทำให้
00:00:09 → 00:00:13 มนุษย์ฉลาดกว่าสัตว์อื่นได้ยังไงผมข้อง
00:00:13 → 00:00:17 ค่อนข้างแปลกค่ะคำถามหลักค่ะของเรื่องที่
00:00:17 → 00:00:19 เราจะคุยกันวันนี้นะคะก็คือว่าอะไรเนี่ย
00:00:19 → 00:00:23 เป็นจุดเริ่มต้นนะคะที่ทำให้มนุษย์ค่ะ
00:00:23 → 00:00:25 ซึ่งจริงแล้วก็สมัยก่อนแล้วก็เป็นลิงสาย
00:00:25 → 00:00:27 พันธุ์นึงแล้วแต่ว่าสามารถประสบความ
00:00:27 → 00:00:30 สำเร็จมากกว่าหรือสะพานอื่นๆนะคะถ้าเกิด
00:00:30 → 00:00:33 ว่าสมุดว่าเป็นเมื่อซัก 40-50 ปีที่แล้ว
00:00:33 → 00:00:35 ค่ะนะเราพยายามค้นหาคำตอบเนี่ยแล้วก็คิด
00:00:35 → 00:00:38 ว่ามันน่าจะเป็นที่สมองนะคะเพราะว่าถ้า
00:00:38 → 00:00:40 เทียบกับเลนส์สายพันธุ์อื่นๆแล้วอ่ะคะ
00:00:40 → 00:00:43 ขนาดของสมองกับขนาดของร่างกายของเรานะคะ
00:00:43 → 00:00:45 เพราะว่าขลาดของสมองเนี่ยค่อนข้างใหญ่
00:00:45 → 00:00:48 กว่าเลนส์ทั่วไปนะคะก็คือใหญ่กว่าประมาณ
00:00:48 → 00:00:52 5-6 ครั้งไม่ใช่ไปขายของร่างกายค่ะนี่
00:00:52 → 00:00:54 ภาคจิตนาการในตอนนั้นเนี่ยก็คือนัก
00:00:54 → 00:00:57 วิทยาศาสตร์ก็จะนึกว่ามันก็เป็นลิงสักสาย
00:00:57 → 00:00:59 พันธุ์นึงแล้วก็เป็นลิงที่เริ่มฉลาด
00:00:59 → 00:01:01 ประสาทอื่นถ้าทำไม่ค่อยวิวัฒนาการให้
00:01:01 → 00:01:05 มนุษย์ค่ะแต่ปรากฏว่ามันค้างกับวัดฟอสซิล
00:01:05 → 00:01:08 หลักฐานที่ค้นพบก็คือว่าเขาเพราะว่าร่าง
00:01:08 → 00:01:10 กายของมนุษย์เนี่ยมันไม่ได้เริ่มต้นที่
00:01:10 → 00:01:13 สมองแต่ว่าถ้าในแง่ของเหตุผลจึงจะเข้าใจ
00:01:13 → 00:01:15 ได้ไม่ยากนะเพราะว่าเวลาดูลิงแตกต่างกัน
00:01:15 → 00:01:17 กับมนุษย์เนี่ยร่างกายของมนุษย์เนี่ยค่อน
00:01:17 → 00:01:20 ข้างอ่อนแอมากอย่างนี้ของพระกำลังนั้นคือ
00:01:20 → 00:01:22 ไม่ต้องเทียบเลยเราสู้อื่นถ้าไม่ได้ก็
00:01:22 → 00:01:25 ลีลาไม่ต้องพูดถึงแค่ชิ้นเป็นซีที่เรา
00:01:25 → 00:01:27 เห็นว่าเล็กกว่าแข็งแรงสู้จนเป็นซีไม่ได้
00:01:27 → 00:01:30 ในแง่ของความเร็วเนี่ยต่อให้เป็นนัก Vinci
00:01:30 → 00:01:32 วิ่งเร็วที่สุดในโลกที่เราเชื่อวิ่งเร็ว
00:01:32 → 00:01:35 เนี่ยเห็นที่เป็นสี่ตัวเล็กๆขาสั้นๆมัน
00:01:35 → 00:01:37 วิ่งได้เร็วกว่าคนที่เราไม่รู้ที่อย่าง
00:01:37 → 00:01:40 ที่สุดใช่เขายังไม่รู้ว่าเขาสามารถปีนต้น
00:01:40 → 00:01:42 ไม้ผลเขาวันเลยนะถ้าไม่เอายิ่งเร็วกว่า
00:01:42 → 00:01:45 เราเข้าไปอย่างนึงนะพอเป็นอย่างนี้นะคะดี
00:01:45 → 00:01:47 สักวันเขาจะไว้เอาอยู่ห้องเดียวที่มนุษย์
00:01:47 → 00:01:50 พอจะเทียบคนอื่นได้หรือว่าสู่คือสู้กับ 1
00:01:50 → 00:01:52 ได้แล้วก็คือเงาสมองใช่เจตนาการว่าเส้น
00:01:52 → 00:01:56 ทางการวิวัฒนาการที่มนุษย์เนี่ยต่างจาก
00:01:56 → 00:02:00 รุ่นอื่นๆเมื่อคงเริ่มคนที่สมองแม้
00:02:00 → 00:02:02 มีแต่ว่าเปลี่ยนที่คุยไปก่อนหน้าก็ถือว่า
00:02:02 → 00:02:05 พอไปศึกษาการค้นพบฟอสซิลจริงๆมันตรงข้าม
00:02:05 → 00:02:08 เพราะว่าคนเพราะว่าและตอนที่ตม.ตอนที่
00:02:08 → 00:02:10 มนุษย์เนี่ยเริ่มเปลี่ยนแปลงและอยากสาย
00:02:10 → 00:02:13 พันธุกรรมสมองไม่ได้ใหญ่กว่าเล็งเอ่อแต่
00:02:13 → 00:02:16 สิ่งที่ต่างไปก็คือเรื่องของเท้าเอาโอ้
00:02:16 → 00:02:19 น่าสนใจนะคะเนี่ยของการที่บรรพบุรุษของ
00:02:19 → 00:02:22 โรงเรียนเริ่มมาเดินไปสองขาแล้วก็เกิดการ
00:02:22 → 00:02:24 เปลี่ยนแปลงขึ้นที่ขาวก่อนค่ะเผื่อจะพูด
00:02:24 → 00:02:26 ง่ายๆก็คือว่าจุดที่ทำให้มนุษย์ต่างเลย
00:02:26 → 00:02:29 จริงๆก็คือที่เท้าแหละอยู่ที่พูดชัดกว่า
00:02:29 → 00:02:31 นั้นคือเรื่องมันเกิดขึ้นที่ฝ่าเท้าของ
00:02:31 → 00:02:35 มนุษย์เราถ้าที่นี่ในการจะเริ่มต้นเข้าใจ
00:02:35 → 00:02:37 พวกนี้ซึ่งมันต้องเริ่มต้นด้วยการที่ให้
00:02:37 → 00:02:40 สุดคือเริ่มที่คำที่ฝ่าเท้าของเราสิ่งแรก
00:02:40 → 00:02:42 เลยที่จะเห็นเมื่อเราคำที่ป่าเท้าแล้วก็
00:02:42 → 00:02:44 คือว่าเท้าของมนุษย์เราเนี่ยมันไม่ได้
00:02:44 → 00:02:47 แบงค์ราบซึ่งในรนด์อื่นๆอย่าลืมชิ้นบัญชี
00:02:47 → 00:02:49 อย่าเท้ามันจะรักหนักที่ค่อนข้างแบนก็
00:02:49 → 00:02:51 เท้าของมนุษย์เนี่ยมันจะมีความโค้งอยู่
00:02:51 → 00:02:54 ซึ่งเค้าเนี่ยบอกได้ตาเปล่าก็เห็นได้ถ้า
00:02:54 → 00:02:57 คำดูจะเห็นว่ามันมีความโค้งอยู่โดยเฉพาะ
00:02:57 → 00:03:00 ส่วนที่เป็นท่านนายของฝ่าเท้า
00:03:00 → 00:03:02 ชื่อของมันชื่อมันช้าทางกาญจนาการที่ภาค
00:03:02 → 00:03:08 เราเรียกว่าอาจ ats อาจซึ่งที่เห็นชัดที่
00:03:08 → 00:03:10 สุดมันคือโค้งที่โค้งจากหัวแม่เท้าเดี๋ยว
00:03:10 → 00:03:13 ไปที่ส้นเท้ามันนี่ชื่อภาษาทางทางกายภาพ
00:03:13 → 00:03:17 ว่ามีเดี้ยวลองจิจูดเช่าอ่าแต่ว่าชื่อ
00:03:17 → 00:03:19 นั้นอยากให้จำนะคือค่ะอยากเห็นฉันมันมี
00:03:19 → 00:03:22 ชื่อเฉพาะวันนี้โค้งอันที่สองก็คือคงที่
00:03:22 → 00:03:24 อยู่ทางนิ้วก้อยนะครับแล้วก็ยาวเนี่ยตรง
00:03:24 → 00:03:28 ไปที่ส้นเท้าและไมโครอันที่ 2 มีชื่อทาง
00:03:28 → 00:03:31 การว่าแรกตอนรัฐเช่านะครับลองจะได้น่ะ
00:03:31 → 00:03:35 หวาดแล้วก็มีโค๊กอ่าหนึ่งเป็นลักษณะโค้ง
00:03:35 → 00:03:37 ที่เอ่อ
00:03:37 → 00:03:40 นี่มันของจากฝั่งซ้ายไปทางขวาจะนิ้วโป้ง
00:03:40 → 00:03:42 ไว้ที่หนูก็เดี๋ยวฉันไม่ค่อยที่ที่นิ้ว
00:03:42 → 00:03:45 โป้งซึ่งโค้งสองอันหลังเรียนทำมันมองด้วย
00:03:45 → 00:03:47 ตาเปล่านะไม่เห็นแต่ถ้าเราไปเอ็กซเรย์ดู
00:03:47 → 00:03:49 แล้วจะเห็นเลยว่ากระดูกของเราเดี๋ยวจะ
00:03:49 → 00:03:51 เป็นลักษณะการเรียนตรงที่โค้งแบบนั้นก็
00:03:51 → 00:03:53 คือโครงจากด้านหน้าไปด้านหลังแล้วจากซ้าย
00:03:53 → 00:03:57 ไปขวาก็คือข้าวเราโดยรวมเนี่ยมีโครงทั้ง
00:03:57 → 00:04:01 หมด 3 โครงด้วยกันที่นี้คำถามคือว่าโค้ง
00:04:01 → 00:04:04 เหล่านี้ทำหน้าที่เป็นอะไรเขาจะเล่าให้
00:04:04 → 00:04:07 เดี๋ยวผมจะได้ใส่ทีเท่าเคค่ะแล้วด้วยความ
00:04:07 → 00:04:08 ที่อ่านเหล่านี้นะครับมันอาจจะซ่อนอยู่
00:04:08 → 00:04:12 ที่ส่วนใต้สุดของฝ่าเท้าก็คือดูอยู่ใต้
00:04:12 → 00:04:14 สุดเนี่ยมันทำให้มนุษย์ส่วนใหญ่แล้วคน
00:04:14 → 00:04:16 ส่วนใหญ่ไม่ได้เห็นความสำคัญหรือไม่รู้
00:04:16 → 00:04:18 ว่าจริงๆส่วนที่เป็นจุดที่สำคัญมากและอาจ
00:04:18 → 00:04:21 ที่อยู่ใต้เท้าเรานะครับต้องบอกว่ามัน
00:04:21 → 00:04:23 เป็นส่วนที่ต่างทำให้มนุษย์แตกต่างจาก
00:04:23 → 00:04:25 เล่นทั้งหมดและอย่างที่คุยก่อนหน้าคือมัน
00:04:25 → 00:04:27 เป็นปัจจัยสำคัญเลยที่ทำให้มนุษย์เนี่ย
00:04:27 → 00:04:30 ต่อมาในเวลาต่อมาและกลายเป็นสิ่งมีชีวิต
00:04:30 → 00:04:33 หรือว่าลิงที่ฉลาดที่สุดเท่าที่โลกเคยมี
00:04:33 → 00:04:36 มาซึ่งเรื่องราวนะครับของอาจจะมาถึงสมอง
00:04:36 → 00:04:39 ที่มีการมาเป็นสมองกับเราเนี่ยมันเริ่ม
00:04:39 → 00:04:43 ต้นขึ้นประมาณ 7-10 ล้านปีที่แล้วครับยัง
00:04:43 → 00:04:45 กลับไปนะคะซับพลังสิบล้านปีที่แล้วนะคะ
00:04:45 → 00:04:47 ตอนนั้นน่ะเรายังไม่เป็นหัวเซเปียนเลยนะ
00:04:47 → 00:04:49 คะแล้วก็มันพูดของมนุษย์เราน่ะก็ยังปี
00:04:49 → 00:04:52 หรือว่าต้นไม้นะครับเหมือนอื่นๆนะคะแล้ว
00:04:52 → 00:04:55 ก็แน่นอนเขาว่าบรรพบุรุษของเราในตอนนั้น
00:04:55 → 00:04:57 นะคะเท้าของเขานี่ก็เหมือนเท้าของเรื่อง
00:04:57 → 00:05:00 ทั่วไปคือมีลักษณะรูปร่างไหนๆมือของเรา
00:05:00 → 00:05:03 ทั้งคือค่อนข้างแบนราคานิ้วยาวเพื่อที่จะ
00:05:03 → 00:05:05 ให้เหมาะกับการเป็นต้นไม้ยึดเกาะกิ่งไม้
00:05:05 → 00:05:09 ต่างๆนะคะจนกระทั่งเมื่อประมาณ 7-10 ปี
00:05:09 → 00:05:11 ที่แล้วค่ะนะคะภูมิศาสตร์สึกล้านป้าย 7
00:05:12 → 00:05:14 ถึง 10 ล้านปีที่แล้วนะคะขอโทษฐานแล้วก็
00:05:14 → 00:05:16 ภูมิอากาศของโลกในเปลี่ยนแปลงไปตอนนั้น
00:05:16 → 00:05:18 เนี่ยโลกเย็นลงนะคะอุณหภูมิเฉลี่ยไม่ถ้า
00:05:18 → 00:05:21 ต่ำลงมากเลยนะคะแล้วก็เป็นแบบนี้อยู่เป็น
00:05:21 → 00:05:25 ล้านๆปีนะคะทำให้ป่านะที่บ้านพูดเราใน
00:05:25 → 00:05:28 ค่อยอาศัยอยู่นะคะมันหดเล็กลงนะคะแล้วก็
00:05:28 → 00:05:32 รอบๆกลายเป็นถุงใหญ่มากขึ้นนะคะคราวนี้มี
00:05:32 → 00:05:34 ความเชื่อกันว่าวันพุธของพวกเราน่ะน่าจะ
00:05:34 → 00:05:37 เป็นลิงน่ะที่อยู่ชายชายของป่าหน้าตา
00:05:37 → 00:05:40 เพราะฉะนั้นเนี่ยพอขนาดของป่าในหดเล็กลง
00:05:40 → 00:05:43 นะคะก็เลยทำให้ถูกผลกระทบของตรงนี้ไปเต็ม
00:05:43 → 00:05:47 ๆนะคะก็เลยทำให้จากเดิมเนี่ยที่ปีนต้นไม้
00:05:47 → 00:05:50 นะคะก็ต้องลงมาเดินหาอาหารเนี่ยบนพื้นดี
00:05:50 → 00:05:53 หรือไม่ได้ในทุ่งหญ้ามากขึ้นจากเดิมนะที่
00:05:53 → 00:05:55 เป็นแผลเป็นต้นไม้ก็ต้องเดินหากินแบบสอบ
00:05:55 → 00:05:58 ถามว่าขึ้นซอยด้วยวิถีชีวิตมันเปลี่ยนไป
00:05:58 → 00:06:00 คือสิ่งแวดล้อมที่มันเปลี่ยนไปมันทำให้
00:06:00 → 00:06:03 บรรพบุรุษถูกบังคับให้ต้องเดินไประยะทาง
00:06:03 → 00:06:07 ไกลๆมากขึ้นที่นี่เท้าเนี่ยเหมือนเดิมแต่
00:06:07 → 00:06:09 มันไม่ออกแบบมาเพื่อใช้เดินดูไม่ได้แล้ว
00:06:09 → 00:06:11 น้ำหนักแบบนี้เพราะว่าเท้าแต่เดิมเนี่ย
00:06:11 → 00:06:13 มันออกแบบมาเพื่อเกาะกิ่งไม้มันเลี้ยง
00:06:13 → 00:06:15 ตื่นมันทำให้เวลามาเดินจริงๆเพิ่งทำงาน
00:06:16 → 00:06:18 ได้แบบไม่มีประสิทธิภาพมากนักโดยเฉพาะ
00:06:18 → 00:06:21 เมื่อต้องเดินไกลมากขึ้นเรื่อยๆที่นี้ให้
00:06:21 → 00:06:23 เสียงร้องที่เปลี่ยนนั้นก็เลยมันเป็นไร
00:06:23 → 00:06:25 ปีบให้เกิดการคัดเลือกคะหรือว่าการคัด
00:06:25 → 00:06:27 เลือกตามธรรมชาติเนี่ยวิวัฒนาการเกิดขึ้น
00:06:27 → 00:06:30 เนี่ยให้เท้าของมนุษย์เนี่ยมณีการปรับ
00:06:30 → 00:06:33 เปลี่ยนให้เหมาะกับการเดินมากขึ้นจริงๆ
00:06:33 → 00:06:35 ไม่ได้มีแค่เท้าได้จริงแล้วการปรับ
00:06:35 → 00:06:38 เปลี่ยนด้วยร่างกายโดย 2 อุ้ยดีขึ้นนั้น
00:06:38 → 00:06:40 มีตั้งแต่กระดูกตั้งแต่หัวถึงเท้าแล้วก็
00:06:40 → 00:06:41 ตั้งแต่
00:06:41 → 00:06:45 กระดูกที่อยู่แถวคอนะกระดูกสันหลังกระดูก
00:06:45 → 00:06:48 เชิงกรานกระดูกต้นขาเขานี่คือเปลี่ยนหมด
00:06:48 → 00:06:49 เลยนะครับเพื่อให้เหมาะกับการใช้สงคราม
00:06:50 → 00:06:52 มากขึ้นแต่ในวันนี้นะครับในวันนี้เรื่อง
00:06:52 → 00:06:54 ที่คุยวันนี้จะขอโฟกัสแค่ที่เท้าไปก่อน
00:06:54 → 00:06:57 ค่ะหนักนะครับนี่การเปลี่ยนแปลงที่ข่าว
00:06:57 → 00:07:00 ที่เกิดขึ้นเนี่ยมันมีอะไรบ้างหลักๆมัน
00:07:00 → 00:07:03 อยู่ 2 2 อย่างด้วยกันอย่างได้นั่นก็คือ
00:07:03 → 00:07:05 เรื่องของยุคเท้าของมนุษย์นิ้วเท้ากับมัน
00:07:05 → 00:07:07 ดูแลแต่เดิมที่บอกว่ามันค่อนข้างยาวตรง
00:07:07 → 00:07:10 นี้เท้าเนี่ยมันจะเดินได้ดีมันก็มีครรภ์
00:07:10 → 00:07:13 ความยาวที่สั้นมันไม่ใช่จิกขึ้นนะคะนิ้ว
00:07:13 → 00:07:15 สั้นลงแล้วเหมือนหมาของแมวนะครับผมของ
00:07:15 → 00:07:18 เสือก็คือเดี๋ยวถ้ามีสั้นลงถ้าอันที่สอง
00:07:18 → 00:07:21 นิ้วโป้งเนี่ยจะมีความยาวเท่ากันวันอื่น
00:07:21 → 00:07:25 มากขึ้นถ้าเป็นเห็นมือมือจะเห็นว่ามึงจะ
00:07:25 → 00:07:27 แถวนิ้วโป้งเหมือนสั้นกว่าอาจจะไปนิ้ว
00:07:27 → 00:07:29 เท้านิ้วโป้งเนี่ยมันจะขึ้นมาเทียบเท่า
00:07:29 → 00:07:32 นี้อื่นเพราะอะไรเพราะน้ำหนักตัวของ
00:07:32 → 00:07:34 มนุษย์เนี่ยแต่เดิมเป็นลิงนะเวลาเดิน
00:07:34 → 00:07:36 เนี่ยน้ำหนักตรงจะตกไปทางซ้ายหรือทางก็
00:07:36 → 00:07:38 ว่างอ่ะหลังจากที่โดน 4 ฐานทั่วไปน้ำจะ
00:07:38 → 00:07:42 ฆ่าใครรอกคอบรอบตัวแต่ของมนุษย์เนี่ยน้ำ
00:07:42 → 00:07:44 หนักเราจะตกพิการกายของร่างกายใช่นะคะถ้า
00:07:44 → 00:07:47 เกิดว่าเราเคยไปสวนสัตว์นะเราก็จะเห็น
00:07:47 → 00:07:49 แล้วว่าคิม punz ในเวลาเดินก็จะเดินเองไป
00:07:49 → 00:07:52 เองมาถ่ายน้ำหนักไปด้านข้างแต่ว่าเราจะ
00:07:52 → 00:07:54 เดินแบบมั่นคงกว่าใช้เราจะมายืนขาเดียว
00:07:54 → 00:07:56 ได้ง่ายกว่าแล้วไม่การเปลี่ยนแปลงอย่าง
00:07:56 → 00:07:58 แรกเนี่ยถ้าเป็นไปที่ 2 ที่เกิดขึ้นกับ
00:07:58 → 00:08:01 เท้าแล้วก็คือตัวกระดูกของเท้าที่ว่าอ่า
00:08:01 → 00:08:03 ที่ว่าไปเนี่ยก็คือให้ตกกระดูกเท้ามาเป็น
00:08:03 → 00:08:06 เล็กๆๆเนี่ยมันมาเลี้ยงตัวที่มีลักษณะแบบ
00:08:06 → 00:08:09 มันโค้งได้ถึงสภาพของสะพานที่ทำได้หิน
00:08:09 → 00:08:12 แล้วแบบของโบกให้ส่วนของซีเมนต์ที่เชื่อม
00:08:12 → 00:08:14 กระดูกเข้าด้วยกันก็คือพวกกล้ามเนื้อเส้น
00:08:14 → 00:08:17 เอ็นต่างๆดังนั้นนะเท้าของหนูแต่ก็จะมี
00:08:17 → 00:08:19 ลักษณะทักทายภาพจะเหมือนกับเหมือนคันธนู
00:08:19 → 00:08:23 ที่วางคว่ำค่าได้ส่วนโค้งแล้วก็คือหันมา
00:08:23 → 00:08:27 ทางด้านหัวของเราถ้านี่ลองนึกภาพว่าอ่า
00:08:27 → 00:08:29 อ่าเพราะมันเหมือนคันธนูและเพราะมันโดนกด
00:08:29 → 00:08:32 ลงไปเวลาเดิมๆมันก็เหมือนโดนยื่นออกไปทำ
00:08:32 → 00:08:35 ให้มันมีแรงที่จะดีกับขึ้นแต่มันอาจทั้ง
00:08:35 → 00:08:38 สามของเราในท่าพูดขอให้เนี่ยจะพูดได้ว่า
00:08:38 → 00:08:40 มันเหมือนทำหน้าที่เหมือนเป็นสปริงที่คอย
00:08:40 → 00:08:43 ผ่อนแรงให้เราเดินได้ง่ายขึ้นค่ะหรือว่า
00:08:43 → 00:08:47 จะพูดทีก็คือมันมีใส่คนนั้นพลังงานเช่นพอ
00:08:47 → 00:08:49 เดินไปเพิ่มน้ำหนักตัวกดไปปุ๊ปมันก็ไป
00:08:49 → 00:08:52 เก็บไว้ในอ่างพอเราน้ำหนักก้าวขาถัดไปมัน
00:08:52 → 00:08:55 ก็จะดีขึ้นมาค่ะก็คือมันจะเป็นการเอาพลัง
00:08:55 → 00:08:58 งานไว้ใช้เข้าให้เดินได้ง่ายขึ้นแต่ปกติ
00:08:58 → 00:09:01 ในภาวะที่เราอ่านแล้วทำงานปกติเราจะไม่
00:09:01 → 00:09:03 เห็นความสำคัญเท่าไหร่เธอยังไม่รู้มันทำ
00:09:03 → 00:09:06 งานอยู่ค่าแต่ถ้าเราเคยเดินในพื้นที่มัน
00:09:06 → 00:09:09 แบบเบิ้ลบนทรายซึ่งทำให้อ่านมาทำงานได้
00:09:09 → 00:09:12 ไม่ดีเนี่ยจะสังเกตเลยว่าการเดิมจะยาก
00:09:12 → 00:09:14 ขึ้นใช่ค่ะอย่างถ้าเกิดว่าใครเป็นนักวิ่ง
00:09:14 → 00:09:17 เนี่ยค่ะเวลาไปซ้อมวิ่งบนชายเนี่ยเหนื่อย
00:09:17 → 00:09:19 ขึ้น 2 3 เท่านะครับเพราะว่าสปริงมันดิบ
00:09:19 → 00:09:22 ตัวไม่ได้แล้วก็มันจะมีการเมื่อยที่
00:09:22 → 00:09:24 เเบรนด์ที่น่องที่อะไรมากขึ้นที่ใช้กล้าม
00:09:24 → 00:09:28 เนื้อมากขึ้นค่ะที่นี่จริงๆเนี่ยอันนี้ใน
00:09:28 → 00:09:30 แง่ของกากที่วิ่งจากหน้าเป็นหลักนะที่
00:09:30 → 00:09:32 ขนาดด้านข้างแล้วยังมีอีกอย่างหนึ่งก็คือ
00:09:32 → 00:09:35 ว่าถ้ามันคงจากซ้ายไปขวาเนี่ยมันทำให้
00:09:35 → 00:09:37 เท้าของเรานั้นมีความแข็ง
00:09:37 → 00:09:39 แต่มันก็อย่างเงี้ยเท้าของมนุษย์เวลาเดิน
00:09:39 → 00:09:41 เนี่ยต้องนึกภาพแล้วหนักตัวตั้งตัวเนี่ย
00:09:41 → 00:09:44 มันตกไปดีขาโดยใช้เวลาเดินไม่ขึ้นตกที่ขา
00:09:44 → 00:09:47 ข้างเดียวค่ะที่นี่ตอนไม่ใช่ 60 เมตรและ
00:09:47 → 00:09:49 หนัก 60 70 กิโลกรัมแรงที่กดที่เท้าและ
00:09:49 → 00:09:52 ได้แค่ 60-70 กิโลเมตรแต่ตอนที่เดินมัน
00:09:52 → 00:09:56 คือเท้าไม่ต้องคอยดันตัวเราฉีดตัวเราไป
00:09:56 → 00:09:58 ข้างหน้าเพราะฉะนั้นหนักที่กดที่เท้า
00:09:58 → 00:09:59 เนี่ยมันจะมากกว่านั้นอีกมากกว่าน้ำหนัก
00:09:59 → 00:10:03 ตัวค่ะทาบเท้าโดยไม่แข็งเนี่ย
00:10:03 → 00:10:07 มันก็จะสามารถที่จะยวบลงไปได้ที่มันน่าจะ
00:10:07 → 00:10:10 พับไปได้และอาจที่มันทำหน้าที่ซ้ายและขวา
00:10:10 → 00:10:14 เนี่ยมันจะช่วยทำให้ให้เท้าลงของลูกได้
00:10:14 → 00:10:17 มากขึ้นอันนี้อันนี้มันขาดจะเข้าใจยากนิด
00:10:17 → 00:10:19 นึงแต่ว่าวิธีหนึ่งทดลองนั้นก็คืออยากให้
00:10:19 → 00:10:22 ลองหยิบธนบัตรนี้จากใบอะไรก็ได้สักใบนึง
00:10:23 → 00:10:25 นะครับก็คือที่ฝั่งเลยเนี่ยสังเกตว่ามัน
00:10:25 → 00:10:28 พับลงแต่ถ้าเราจับให้มันงอกขึ้นงอจะใช้ไป
00:10:28 → 00:10:30 ทว่านึงมันจะตั้งขึ้นมาได้อันนี้ต้อง
00:10:30 → 00:10:33 ทะเลาะกันดูจะเห็นภาพค่า
00:10:33 → 00:10:36 ข้าวนี้ค่ะเห็นภาพเลยว่าพอมนุษย์เนี่ยพร
00:10:36 → 00:10:39 เด้อแล้วก็มีสองขาและมั่นคงขึ้นนะคะก็ทำ
00:10:39 → 00:10:42 ให้วิธีการหากินนะคะเปลี่ยนแปลงไปเลยนะคะ
00:10:42 → 00:10:44 จากเดิมเนี่ยแค่ยืนสองขาระยะเวลาสั้นๆ
00:10:45 → 00:10:47 เพื่อเก็บผลไม้อะไรต่างกันนานๆนะคะหรือ
00:10:47 → 00:10:51 ว่าเดินสองขาเป็นคนของหาเมล็ดพืชและสั้นๆ
00:10:51 → 00:10:53 นะคะต่อมาก็เริ่มเดินไกลขึ้นนะคะเข้าไป
00:10:53 → 00:10:56 สำรวจทุ่งหญ้าอันเวิ้งว้างตั้งกว้างไกลนะ
00:10:57 → 00:10:59 คะแล้วก็เห็นได้อาหารได้ทานอะไรไปใหม่ๆ
00:10:59 → 00:11:02 มากขึ้นนะคะเราในภาพอาจเล็งสมัยเกาะเนี่ย
00:11:03 → 00:11:05 นะคะก็คือมองซ้ายนะคะแล้วก็ก็หาดูว่าเฮ้ย
00:11:05 → 00:11:08 มีนกแรงอยู่ที่ไหนถ้าเกิดนกแร้งมาแปลว่า
00:11:08 → 00:11:11 อาจจะมีซากสัตว์ที่สิงโตที่หมาในนี้นะคะ
00:11:11 → 00:11:14 อ่ะกินเหลือไว้แล้วก็สามารถไปกินอาหารพวก
00:11:14 → 00:11:17 นี้ซึ่งมีเนื้อสัตว์มีไขมันแล้วก็มีขาย
00:11:17 → 00:11:20 กระดูกในมากขึ้นนะคะซึ่งจริงๆแล้วเนี่ย
00:11:20 → 00:11:22 อาหารพวกนี้เนี่ยมันทั้งแคลอรี่เออไขมัน
00:11:22 → 00:11:25 เออโปรตีนเองเนี่ยสูงกว่าอาหารเดิมนะที่
00:11:25 → 00:11:28 เขาได้มากขึ้นซึ่งตรงเนี๊ยออกอะไรแค่มัน
00:11:28 → 00:11:30 เป็นปัจจัยสำคัญเลยนะที่ทำให้เกิดการ
00:11:30 → 00:11:33 พัฒนาหรือว่าวิบัติวิวัฒนาการของสมอง
00:11:33 → 00:11:35 เนี้ยที่ดีขึ้นหน่อยเพราะสมองของมันจะว่า
00:11:35 → 00:11:38 ไปนั่นก็คือก้อนไขมันก็จะเป็นไม่ใช่ก่อน
00:11:38 → 00:11:40 เห็นมันทำได้แต่ก้อนไขมันทุกกินพลังงาน
00:11:40 → 00:11:43 สูงมากๆเพราะฉะนั้นถ้าเราได้อาหารไม่ไป
00:11:43 → 00:11:46 เพียงพอทำให้ไขมันไม่เพียงพรโอกาสที่
00:11:46 → 00:11:48 วิวัฒนาการสมองเกิดขึ้นได้ค่ะคือมันจะบอก
00:11:48 → 00:11:51 ว่าการกินทำให้สมองพัฒนาแต่ว่ามันเหมือน
00:11:51 → 00:11:53 กับทำให้มีปัจจัยแล้วมีวัตถุดิบที่พร้อม
00:11:53 → 00:11:57 ที่สมองจะวิวัฒนาการขึ้นค่ะจนเป็นสมองแบบ
00:11:57 → 00:12:00 มนุษย์ปัจจุบันอันเป็นปัจจัยนั้นจึงยังมี
00:12:00 → 00:12:02 อีกปัจจัยสำคัญคือว่าการที่มนุษย์เนี่ยนำ
00:12:02 → 00:12:05 ความร้อนหรือใช้ไฟมาทำอาหารมันจะมีปัจจัย
00:12:05 → 00:12:08 หนึ่งเพราะอาหารเมื่อสุกนะอาหารที่ฉันนี่
00:12:08 → 00:12:10 เลยนะว่าจะเป็นอาหารกับพืชผักผลไม้หรือ
00:12:10 → 00:12:12 ว่าเนื้อสัตว์ต่างๆมันจะย่อยได้ง่ายขึ้น
00:12:12 → 00:12:14 อันนี้พอมันด้วยได้ง่ายขึ้นในสิ่งที่เกิด
00:12:14 → 00:12:16 ขึ้นก็คือว่าทางเดินอาหารของมนุษย์เนี่ย
00:12:16 → 00:12:20 มันสามารถที่จะลดขนาดลงได้ซื้อขวดเล็กลง
00:12:20 → 00:12:23 สั้นลงค่ะก็ยังสามารถดูดซึมอาหารย่อย
00:12:23 → 00:12:25 อาหารให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
00:12:25 → 00:12:28 ที่นี่สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือว่าเมื่อ
00:12:28 → 00:12:30 จบทางเดินหามันเล็กลงเนี่ยร่างกายก็
00:12:30 → 00:12:32 สามารถประหยัดพลังงานที่จะไปเลี้ยงดูทาง
00:12:32 → 00:12:35 เดินอาหารหรือว่าในสร้างข้างอาหารพลังงาน
00:12:35 → 00:12:37 ที่ประหยัดขึ้นเนี่ยเขาเชื่อว่ามันสามารถ
00:12:37 → 00:12:40 ที่มันเกี่ยวข้องกับการที่เราเอาไปใช้
00:12:40 → 00:12:42 วัฒนาการสมองเพราะคนเพราะว่าช่วงเวลาที่
00:12:42 → 00:12:45 มันเริ่มต้องบอกว่าบังคับดูดของมนุษย์นะ
00:12:45 → 00:12:47 ตอนนี้ไม่ใช่โปรโมเสคเล่นด้วยซ้ำเรื่อง
00:12:47 → 00:12:49 ใช้ใครทำอาหารเนี่ยเป็นช่วงตรงกับช่วงที่
00:12:49 → 00:12:52 สมองเริ่มมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นค่ะแล้วทั้ง
00:12:52 → 00:12:55 หมดนี้ก็คือเรื่องราวที่อธิบายให้เห็นว่า
00:12:55 → 00:12:58 การเปลี่ยนแปลงที่ทำสุดท้ายนำมาสู่วิวัฒน
00:12:58 → 00:13:00 การของสมองเนี่ยเหมือนเดิมต้นขึ้นที่การ
00:13:00 → 00:13:02 เปลี่ยนแปลงที่ข้าวของเรา
00:13:02 → 00:13:07 อธิกโค้งในขาดเท้าของเรานะฮะจะกากนะคะก็
00:13:07 → 00:13:10 คือขึ้นมาถึงฉลองนะคะแต่วิถีชีวิตแบบ
00:13:10 → 00:13:12 มนุษย์ในปัจจุบันนะครับมันก็ต้องบอกว่า
00:13:12 → 00:13:15 มันมีส่วนที่ทำให้โค้งเท้าของเราอ่าเค้า
00:13:15 → 00:13:17 เนี่ยไม่แข็งแรงเหมือนเดิมเพราะอะไรเพราะ
00:13:17 → 00:13:19 ว่าอ่าจริงมันก็คือเหมือนกันนะทั่วไปก็
00:13:19 → 00:13:21 คือถ้าเราใช้งานมันมากก็จะแข็งแรงค่ะ
00:13:21 → 00:13:24 เนี่ยเราต้องออกกำลังกายมันจะสิ่งแวดล้อม
00:13:24 → 00:13:26 แบบหรือว่าชีวิตชีวิตแบบที่เราใช้กัน
00:13:26 → 00:13:28 ปัจจุบันเนี่ยถ้าว่ากันตามตรงเนี่ยมัน
00:13:28 → 00:13:30 ต่างไปจากโลกที่เราวิวัฒนาการกันมากค่ะ
00:13:30 → 00:13:34 ต่างไปจากโลกยุคหินมากเราดูตัวอย่างจาก
00:13:34 → 00:13:36 การที่ไปศึกษาในคนที่ใช้ชีวิตแบบล่าสถาน
00:13:36 → 00:13:38 ของป่าปัจจุบันเนี่ยก็ปกตินะแค่การเดิน
00:13:38 → 00:13:40 เพื่อให้อาหารพอที่จะขึ้นในแต่ละวันนี้
00:13:40 → 00:13:43 เพื่อให้มีน้ำก่อนดื่มเนี่ยเขาพบว่าผู้
00:13:43 → 00:13:45 ที่ผู้หญิงจะต้องเดินประมาณ 10 กิโลเมตร
00:13:45 → 00:13:48 ต่อวันผู้ชายในเดินประมาณ 14 กิโลเมตรต่อ
00:13:48 → 00:13:50 วันเยอะมากแล้วยังไม่รวมว่าเขาจะต้องแบบ
00:13:50 → 00:13:52 ของด้วยเนี่ยผู้หญิงก็จะมาทั้งเล่นกัน
00:13:52 → 00:13:56 อุ้มลูกไม่ตรงเวลาหรือว่าเธอน่ะมันหายตัว
00:13:56 → 00:13:58 อย่างของเราเนี่ยจะวิ่งอาทิตย์นึงอยากจะ
00:13:58 → 00:14:01 วิ่งให้ซัก 25 กิโลกรัมนะคะถ้าเขาเดินสอง
00:14:01 → 00:14:04 วันนะคะเราโหก็ต้องเสียสละเวลามาแล้วต้อง
00:14:04 → 00:14:07 ใช้ความพยายามอย่างสูงมากเลยแล้วก็สวย
00:14:07 → 00:14:09 ก่อนนะหนูอยากจะเดินเท้าเปล่ามาตลอดซึ่ง
00:14:09 → 00:14:11 มันกันที่เท้ามันได้เดินเท้าเปล่าที่จะ
00:14:11 → 00:14:14 บอกหรือการออกกำลังกายอ่าของเท้าค่ะก็
00:14:14 → 00:14:16 ชั่วมนุษย์อย่าลืมใส่สินค้ามาประมาณซัก
00:14:16 → 00:14:18 สี่หมื่นปีที่แล้วถ้าเรามองอย่างนี้
00:14:18 → 00:14:20 วัฒนาการตั้งแต่มนุษย์เกิดขึ้นมาครั้งแรก
00:14:20 → 00:14:23 มา 2 3 2 3 ปีสองสามแสนปีที่แล้วเนี่ย
00:14:23 → 00:14:25 ฮะสิ่งหนึ่งปีที่แล้วเดี๋ยวไปยะลาที่สั้น
00:14:25 → 00:14:27 มากอันนี้ทั้งหมดในที่คุยมาทั้งหมดแล้ว 2
00:14:27 → 00:14:30 ปัจจัยเนี่ยก็คือว่าเราเดินน้อยลงทุกวัน
00:14:30 → 00:14:32 นี้เราใส่รองเท้าที่ค่อนข้างนุ่มเพราะว่า
00:14:32 → 00:14:34 อะไรเพราะเราต้องเลยมันพื้นที่แข็งและ
00:14:34 → 00:14:38 พึ่งสิ่ง Men พื้นหินซึ่งมันรับรองเท้า
00:14:38 → 00:14:40 เดี๋ยวจะช่วยลดแรงกระแทกที่เราให้ไปที่
00:14:40 → 00:14:43 พื้นค่ะแล้วก็ความร้อนของคืนอีกเนาะเพราะ
00:14:43 → 00:14:45 ว่ามันก็จะช่วยป้องกันผิวหนังที่ฝ่าเท้า
00:14:45 → 00:14:49 ของเราปัจจัยเหล่านี้นะก็คือมันทำให้อาจ
00:14:49 → 00:14:51 ของมนุษย์เนี่ยไม่พัฒนาหรือไม่แข็งแรง
00:14:51 → 00:14:55 เหมือนที่คนชนคนที่จะช่วยกับล่าสัตว์ของ
00:14:55 → 00:14:58 ป่าหรือว่าคนบรรพบุรุษของเราค่ะอีกปัจจัย
00:14:58 → 00:15:00 หนึ่งที่สำคัญนะคะคนใหม่ว่ากูว่าทันคน
00:15:00 → 00:15:03 ปัจจุบันเนี่ยอายุขัยเฉลี่ยก็คือสูงกว่า
00:15:03 → 00:15:06 อย่ายืนยาวกว่าคนโบราณมากเลยนะคะคือสมัย
00:15:06 → 00:15:08 เกาะน่าจะเข้าประมาณอายุที่ไหนซักประมาณ
00:15:08 → 00:15:10 20-30 เลยเนี่ยนะคะก็จะมีการติดเชื้อ
00:15:10 → 00:15:13 หรืออะไรเนี่ยเสียชีวิตไปแต่ว่าปัจจุบัน
00:15:13 → 00:15:15 เราแข็งแรงขึ้นมีชีวิตยืนยาวมากขึ้นนะคะ
00:15:15 → 00:15:18 คราวนี้มันก็เลยทำให้ร้านเนื้อกับเส้น
00:15:18 → 00:15:21 เอ็นล่ะค่ะโดยเฉพาะบริเวณที่เท้าเนี่ยนะ
00:15:21 → 00:15:23 คะมีแนวโน้มที่จะยิ่งไม่แข็งแรงเหมือน
00:15:23 → 00:15:25 เดิมใช้เพราะว่าเป็นนั้นก็เลยก็เลยจะเห็น
00:15:25 → 00:15:27 ว่าพอกันอยู่มากขึ้นเนี่ยก็คือตั้มหรือ
00:15:27 → 00:15:30 ต่างๆเช่นและปากมันก็ทำได้เหมือนเดิมซึ่ง
00:15:30 → 00:15:34 กรงไปถึงเท้าลงเป็นตัวอาจของเท้าด้วยที่
00:15:34 → 00:15:36 อาจจะนอนแอลงและจากเทียบก็คงจะเหมือนกับ
00:15:36 → 00:15:39 สตริงที่มี 1 นางอรยวบถ้าตรงไหนพอแล้ว
00:15:39 → 00:15:41 เดินไปนั้นมันไม่สามารถเรียกรับน้ำหนัก
00:15:41 → 00:15:43 เราไม่ได้ค่ะมันก็เลยต้องใช้กันส่วนอื่น
00:15:43 → 00:15:48 ช่วยมากขึ้นซึ่งมันก็ธิบายว่าทำไมไอ้โรค
00:15:48 → 00:15:50 ตับโรคของคนยุคปัจจุบันนี้เพราะคนอายุมาก
00:15:50 → 00:15:52 ขึ้นมันมีแนวโน้มที่จะเหมือนกับมีอาการ
00:15:52 → 00:15:56 ทางเจ็บพวกเท้าพวกเขาก็ต่างได้ง่ายขึ้น
00:15:56 → 00:15:58 ค่ะแต่มนุษย์เราก็ใช้สมองเนี่ยที่
00:15:58 → 00:16:01 วิวัฒนาการมาจนฉลาดเนี่ยเราก็ใช้คิดค้น
00:16:01 → 00:16:04 เทคโนโลยีต่างๆเพื่อมาแก้ปัญหารู้ข้อบก
00:16:04 → 00:16:06 พร่องหรือจุดอ่อนของร่างกายมนุษย์เสมอใช่
00:16:06 → 00:16:09 มั้ยอย่างตัวอย่างเช่นสมุดได้เราจะใส่ตา
00:16:09 → 00:16:11 ของมนุษย์เนี่ยก็เป็นส่วนที่มีปัญหาเพราะ
00:16:11 → 00:16:13 ว่าเบาก็มีปัญหาเรื่องของสายตาสั้นสายตา
00:16:13 → 00:16:16 ยาวเราก็คิดค้นเทคโนโลยีคือแว่นตาได้มา
00:16:16 → 00:16:19 แก้ปัญหาสายตาของมนุษย์ปัจจุบันเช่นเดียว
00:16:19 → 00:16:21 กันนะครับรองเท้าของเราเนี่ยบางรุ่นก็จะ
00:16:21 → 00:16:24 มีการเสริมอ่าขึ้นมาเพื่อช่วยในการทำงาน
00:16:24 → 00:16:27 ของอาจธรรมชาติที่อาจจะเรียกได้ว่าอ่อนแอ
00:16:27 → 00:16:31 ลงจากมนุษย์ยุคโบราณว่าเทียบกันซึ่งอ่า
00:16:31 → 00:16:34 กล่าวนี้เนี่ยอาจจะช่วยให้หลายคนเนี่ยรู้
00:16:34 → 00:16:36 สึกว่าเดินได้สบายขึ้นแล้วก็เดินได้นาน
00:16:36 → 00:16:40 ขึ้นมีแต่ก็ไม่อาจจะไม่ทุกคนค่า Out
00:16:40 → 00:16:43 อย่างนี้ก็นึกถึงสปอนเซอร์ของเราเลยนะคะ
00:16:43 → 00:16:45 ก็คือรองเท้าสเก็ตเชอร์นะคะซึ่งมีชื่อ
00:16:45 → 00:16:48 เสียงในแง่ของการชนเทศบาลแล้วนะคะคราวนี้
00:16:48 → 00:16:51 นะคะก็จะช่วยในของมีออกรุ่นใหม่ล่าสุดเลย
00:16:51 → 00:16:54 ค่ะชื่อว่ารุ่น sketcher Go Walk อาจจะ
00:16:54 → 00:16:57 เซ็ตราคาก็คือด้วยตัวอักเสบยังไงจริงแล้ว
00:16:57 → 00:16:59 เป็นตัวแผ่นรองเท้าที่ใส่เข้ามาในเท้าและ
00:17:00 → 00:17:02 เพื่อมาช่วยซัพพอร์ตองค์นี้ทำให้เราใส่
00:17:02 → 00:17:06 สบายขึ้นเดินได้นานมาคืนค่ะซอยโดยที่อ่า
00:17:06 → 00:17:08 ของเขาจะมีความยืนอยู่นะโดยที่จะไม่รู้
00:17:08 → 00:17:11 สึกว่ากฎข้าวจนทำให้เจ็บเกินไปถ้าเราจะ
00:17:11 → 00:17:13 ได้คนที่ใช้ชีวิตอะขีดหรือต้องได้เยอะ
00:17:13 → 00:17:16 เนี่ยก็จะช่วยให้เดินได้สบายมากขึ้นแต่
00:17:16 → 00:17:18 สุดท้ายแล้วนะครับจะรู้ว่ารองเท้าที่มี
00:17:18 → 00:17:21 อาจจะเหมาะสมกับเราหรือเปล่าก็คงต้องไปทด
00:17:21 → 00:17:23 ลองใส่ดูเองนะครับแล้วลองเดินด้วยตัวเอง
00:17:23 → 00:17:26 ดูและดูซิว่าเราชอบตรงเท้าที่มีลักษณะแบบ
00:17:26 → 00:17:29 นี้หรือเปล่าค่ะก็สำหรับวันนี้นะครับก็คง
00:17:29 → 00:17:32 ขอจบลงเพียงเท่านี้นะครับแล้วก็เราก็มา
00:17:32 → 00:17:35 เจอกันใหม่ในคลิปหน้านะครับสวัสดีครับแค่
00:17:35 → 00:17:37 นี้ฮ่าๆ
00:17:37 → 00:17:39 โน้ท
00:17:39 → 00:17:53 [เพลง]
00:17:53 → 00:17:56 ม.ค