00:00:00 → 00:00:10 [เสียงดนตรี]
00:00:10 → 00:00:11 เฮ้อ
00:00:11 → 00:00:13 เอ้า เป็นอะไรอีกนี่
00:00:15 → 00:00:17 หนูลงรูปใน IG ค่ะอาจารย์ ดูดิ
00:00:17 → 00:00:19 มันก็สวยดี
00:00:19 → 00:00:22 ใช่ไหม แต่ comment เขาว่าหนู
00:00:23 → 00:00:28 เฮ้อ...ไม่เป็นไรหรอกปราก บางทีเราก็ควบคุมความคิดคนอื่นเขาไม่ได้หรอก
00:00:29 → 00:00:30 จะทำงานไหวไหมนี่วันนี้
00:00:33 → 00:00:34 ได้ค่ะอาจารย์
00:00:35 → 00:00:38 นี่นะ ถ้าคนนึงเขามี Empathy เหมือนอาจารย์
00:00:38 → 00:00:39 หนูก็สบายใจไปแล้ว
00:00:40 → 00:00:40 อืม
00:00:41 → 00:00:42 ถ่ายต่อเลยค่ะ
00:00:43 → 00:00:46 อาจารย์บุ๋มครับ Empathy นี่มันคืออะไรครับ
00:00:46 → 00:00:47 Empathy นะคะคือ...
00:00:47 → 00:00:48 เขาทำหน้ายังไงคะ
00:00:49 → 00:00:53 อู้ว รู้สึกว่าจะเกินเบอร์ตรงนี้ไปด้วย
00:00:53 → 00:00:56 - สุดยอดเลย รู้สึก รู้สึกถึงตรงนี้ได้ - รู้สึกได้ รู้สึกได้
00:00:56 → 00:00:56 ตกใจสิคะ
00:00:57 → 00:00:57 โกรธค่ะ
00:00:58 → 00:00:59 ยิ้มค่ะ
00:00:59 → 00:01:00 มีความสุข
00:01:00 → 00:01:01 เศร้า
00:01:01 → 00:01:02 โอเคนะคะ
00:01:03 → 00:01:06 วันนี้ Brain Strong คุยเรื่องสมองให้เป็นเรื่องสนุก
00:01:06 → 00:01:07 อยู่กับอาจารย์บุ๋มครับ
00:01:07 → 00:01:10 อาจารย์บุ๋มครับ Empathy นี่มันคืออะไรครับ
00:01:10 → 00:01:16 Empathy คือคนที่เรามีความรู้สึกรู้ซึ้ง ถึงความรู้สึกของผู้อื่น
00:01:16 → 00:01:19 โดยที่ไม่ใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลาง
00:01:19 → 00:01:21 ที่อาจารย์เต้ได้คุยกับน้องทีมงาน
00:01:21 → 00:01:23 แล้วอาจารย์เต้รู้สึกเห็นอกเห็นใจเขา
00:01:23 → 00:01:26 นี่เป็นอีกหนึ่งมิติของ Empathy
00:01:26 → 00:01:28 เพราะ Empathy มี 3 มิติ
00:01:28 → 00:01:30 มิติแรกคือความคิด
00:01:30 → 00:01:32 มิติที่ 2 คือความรู้สึก
00:01:32 → 00:01:34 มิติที่ 3 คือสังคม
00:01:34 → 00:01:36 พูดอย่างนี้นะคะ อาจารย์เต้ยังไม่ค่อยเห็นภาพ
00:01:36 → 00:01:39 - เดี๋ยวมาลองทำกิจกรรมนี้ดูนะคะ - ดีครับผม
00:01:39 → 00:01:43 อาจารย์เต้ลองดูนะคะว่า อาจารย์เต้คิดยังไงและสึกยังไงนะคะ
00:01:46 → 00:01:47 รู้สึกยังไงคะ
00:01:47 → 00:01:48 รู้สึกว่ามันคงจะหนัก
00:01:48 → 00:01:50 อาจารย์บุ๋มพยายามที่จะยก ให้ผมช่วยไหม
00:01:50 → 00:01:53 โอเค อาจารย์เต้ลองถือดูสิคะ หนักไหมคะ
00:01:53 → 00:01:55 เอ้า มันก็...มันก็ไม่ได้หนักขนาดนั้นนะ
00:01:55 → 00:01:57 อาจารย์เต้ลองดูสิคะ
00:01:57 → 00:02:00 สิ่งนี้อาจารย์เต้ผ่าน 3 ส่วนเลยค่ะ
00:02:00 → 00:02:00 ยังไงครับ
00:02:00 → 00:02:03 ส่วนแรกคือ อาจารย์คิดว่ากระเป๋านั้นหนัก
00:02:03 → 00:02:04 อืม ใช่
00:02:04 → 00:02:07 พออาจารย์เต้เห็นรูปแบบของท่าทาง แล้วรู้สึกว่าหนัก
00:02:07 → 00:02:09 อันที่ 2 คืออาจารย์เต้มีความรู้สึกว่า
00:02:09 → 00:02:12 เฮ้ย อาจารย์บุ๋มต้องหนัก ดูยกยาก
00:02:12 → 00:02:15 อันที่ 3 คืออาจารย์เต้อยากช่วย
00:02:15 → 00:02:16 อ๋อ
00:02:16 → 00:02:18 อันนี้มันจะผ่าน Empathy ทั้ง 3 ส่วน
00:02:18 → 00:02:20 เราคิดอย่างไร มิติที่ 1
00:02:20 → 00:02:21 รู้สึกอย่างไร มิติที่ 2
00:02:22 → 00:02:25 และสังคม ก็คือเราจะให้ความช่วยเหลือ
00:02:25 → 00:02:28 หรือเราจะเข้าไปอยู่ในส่วนนั้น อย่างเหมาะสมได้อย่างไร
00:02:28 → 00:02:29 อืม
00:02:29 → 00:02:32 ทั้ง 3 มิตินี้ มันเกี่ยวยังไงกับสมองครับนี่
00:02:32 → 00:02:33 เกี่ยวมากเลยค่ะ
00:02:33 → 00:02:36 จะเป็นการทำงานร่วมกันใน 5 ส่วนค่ะ
00:02:36 → 00:02:41 คืนในส่วนหน้า ส่วนหลัง ส่วนข้าง ส่วนใน และส่วนขมับ
00:02:41 → 00:02:43 แต่มีตัวหนึ่งค่ะ น่าสนใจมาก
00:02:43 → 00:02:45 ส่วนนั้นเรียกว่า เซลล์กระจกเงา
00:02:45 → 00:02:48 - ภาษาอังกฤษคือ Mirror Neurons ค่ะอาจารย์ - Mirror Neurons
00:02:48 → 00:02:52 มันเป็นตัวที่สร้างตัวการประสานงาน ให้เกิด Empathy เกิดขึ้น
00:02:52 → 00:02:54 มันจะทำงานให้เรามีทั้งระบบความคิด
00:02:55 → 00:02:56 มีระบบความรู้สึก
00:02:56 → 00:03:00 และอยากจะช่วยเหลือ ให้มันเกิดการทำงานที่เหมาะสม
00:03:00 → 00:03:04 แบบที่รู้สึกถึงความรู้สึกของคนอื่น ไม่ใช่ตัวเองเป็นศูนย์กลาง
00:03:04 → 00:03:07 แล้วเราจะรู้ได้ยังไงครับว่า ตอนนี้เรามี Empathy อยู่มากน้อยขนาดไหน
00:03:07 → 00:03:11 จริง ๆ มันมีวิธีหลายแบบ ตั้งแต่การทดสอบ หรือการตรวจสมองโดยตรง
00:03:11 → 00:03:15 แต่วันนี้เราจะมีวิธีการทดสอบง่าย ๆ ที่เราจะมาทำร่วมกันค่ะ
00:03:16 → 00:03:16 ดีครับ
00:03:16 → 00:03:16 พร้อมไหมคะ
00:03:16 → 00:03:18 พร้อมมาก คุณผู้ชมพร้อมหรือเปล่า
00:03:18 → 00:03:19 เรามาทำด้วยกันครับ
00:03:19 → 00:03:23 [เสียงดนตรี]
00:03:23 → 00:03:26 อาจารย์บุ๋มครับ แบบทดสอบนี้ มันคือแบบทดสอบอะไร
00:03:26 → 00:03:29 แบบทดสอบภาพสะท้อนอารมณ์ค่ะ
00:03:29 → 00:03:30 จะเริ่มยกภาพ
00:03:30 → 00:03:33 แล้วจะมีคำถาม ถามอาจารย์เต้อยู่ 3 คำถาม
00:03:34 → 00:03:36 แล้วก็ให้อาจารย์เต้ทำตาม แล้วก็ตอบ
00:03:36 → 00:03:37 เราเริ่มเลยนะคะ
00:03:37 → 00:03:37 ได้เลยครับ
00:03:37 → 00:03:39 ภาพที่ 1 ค่ะอาจารย์เต้
00:03:39 → 00:03:39 ครับ
00:03:39 → 00:03:41 อาจารย์เต้ทำหน้าเลยค่ะ
00:03:41 → 00:03:43 - ทำหน้ายังไงครับ - ให้เหมือนเขาเลยค่ะ
00:03:43 → 00:03:44 - รู้สึกอย่างนี้เลย - ได้ ๆ
00:03:44 → 00:03:46 - เอ้า 1, 2, 3 - ดูองศาก่อน ดูองศา
00:03:48 → 00:03:50 - เหมือนเลยนะคะอาจารย์ - เหมือนไหม เหมือนไหม
00:03:50 → 00:03:50 เหมือนเลย
00:03:50 → 00:03:51 [เสียงหัวเราะ]
00:03:51 → 00:03:52 อาจารย์รู้สึกยังไงบ้างคะ
00:03:52 → 00:03:54 ก็น่าจะมีความสุขดี
00:03:54 → 00:03:56 แล้วก็คงจะมีข่าวดีในชีวิต
00:03:56 → 00:03:57 นั่นไง
00:03:57 → 00:04:00 เราจะรู้สึกว่า นี่มันความเหมาะสมที่เกิดขึ้นกับหน้านี้
00:04:00 → 00:04:02 มันมีอะไรบ้างเกิดขึ้นในสังคม
00:04:02 → 00:04:05 - เราลองดูภาพที่ 2 ดีไหมคะ - ได้ ๆ
00:04:05 → 00:04:07 ในภาพที่ 2 นะคะ เราเริ่มเลยค่ะ
00:04:08 → 00:04:09 เขาทำหน้ายังไงคะ
00:04:10 → 00:04:14 อู้ว รู้สึกว่าจะเกินเบอร์ตรงนี้ไปด้วย
00:04:14 → 00:04:17 - สุดยอดเลย รู้สึก รู้สึกถึงตรงนี้ได้ - รู้สึกได้ รู้สึกได้
00:04:17 → 00:04:20 แล้วถ้าเกิดมีสิ่งนี้เกิดขึ้น ต่อหน้าอาจารย์เต้
00:04:20 → 00:04:25 อาจารย์เต้คิดว่าเราจะมีการร่วมในการจัดการ ภาพที่คนอยู่ต่อหน้าอย่างนี้ยังไง
00:04:25 → 00:04:27 อา...อันดับแรกก็อาจจะถามว่า
00:04:27 → 00:04:30 โอเคหรือเปล่า ชีวิตโอเคอยู่หรือเปล่า
00:04:30 → 00:04:34 มีอะไรพอที่จะเข้าไปช่วยเหลือ ให้คลายความโกรธนี้ลงไปได้หรือเปล่า
00:04:34 → 00:04:38 ใช่ งั้นเราจะต้องการบรรเทา ความโกรธเขาใช่ไหมคะ
00:04:38 → 00:04:39 โอเค
00:04:39 → 00:04:41 - ไหนลองภาพที่ 3 - ภาพที่ 3 ภาพที่ 3
00:04:41 → 00:04:42 เริ่มเลยนะคะ
00:04:42 → 00:04:43 ปุ๊บ ภาพที่ 3 ค่ะ
00:04:44 → 00:04:46 เออ...เดาอารมณ์ไม่ออก
00:04:46 → 00:04:49 เพราะว่าหน้าเขาดูเฉย ๆ มาก เดี๋ยวทำหน้าให้ดูนะ
00:04:49 → 00:04:54 นั่นเลยนะคะ ถ้าอย่างนี้ อาจารย์เต้ อยากจะมีปฏิสัมพันธ์ยังไงกับเขาคะ
00:04:54 → 00:04:55 หน้าเฉย ๆ อย่างนี้
00:04:55 → 00:04:58 ก็อาจจะต้องดูอารมณ์ก่อน ว่าเขาอยากจะพูดคุยกับเราหรือเปล่า
00:04:58 → 00:05:00 หน้าเขานิ่งเฉยขนาดนั้นน่ะ
00:05:00 → 00:05:02 เราก็เริ่มจะ เอ๊ะ เขากำลังคิดอะไร
00:05:02 → 00:05:05 - หน้าเฉย ๆ นี่อาจจะยากนิดนึง - ยาก...ยากนิดนึง
00:05:05 → 00:05:07 หน้าต่อไปนะคะอาจารย์เต้
00:05:07 → 00:05:10 โอ้โฮ หน้าเขาดูเศร้า
00:05:10 → 00:05:13 เหมือนกับเจออะไรสักอย่างในชีวิตมา เดี๋ยวทำหน้าให้ดูนะ
00:05:13 → 00:05:15 ฮือ...
00:05:15 → 00:05:17 โอ้ ดูเศร้ามากเลย แล้วเราจะจัดการยังไงคะ
00:05:17 → 00:05:20 คำถามแรกที่ผมอาจจะถามก็คงจะเป็น
00:05:20 → 00:05:21 โอเคหรือเปล่า ชีวิตโอเคหรือเปล่า
00:05:21 → 00:05:24 มีอะไรที่จะให้ช่วยเหลือได้ไหม เพราะว่าดูเศร้าขนาดนี้
00:05:24 → 00:05:25 ใช่เลย
00:05:25 → 00:05:28 อันนี้คือการที่เรามีมิติทั้ง 3 มิติเลยนะคะ
00:05:28 → 00:05:28 ครับ
00:05:28 → 00:05:29 เดี๋ยวลองดูนะคะ
00:05:30 → 00:05:31 มา !
00:05:31 → 00:05:32 มา ! พึบพับ
00:05:33 → 00:05:35 นี่เขาไปตกใจอะไรมานี่
00:05:37 → 00:05:38 ประมาณนี้
00:05:38 → 00:05:41 ถ้าเขากลัวอย่างนี้ เราจะมีการมีส่วนร่วมกับกิจกรรมนี้ยังไงคะ
00:05:41 → 00:05:44 ก็อาจจะดูก่อนว่าเขากลัวอะไร
00:05:44 → 00:05:46 เราอาจจะกลัวไปกับเขาด้วย
00:05:46 → 00:05:49 มันอาจจะเป็นสิ่งที่กำลังจะทำร้ายเรา เหมือนกันอะไรอย่างนี้ครับ
00:05:49 → 00:05:53 อืม นี่ไงคะอาจารย์เต้จะสังเกตได้ว่า มีอยู่ 3 ส่วนเลย
00:05:53 → 00:05:56 ที่อาจารย์เต้เมื่อเห็นคนรอบข้าง
00:05:56 → 00:06:00 มีสีหน้า หรือมีกริยาท่าทางหรือพฤติกรรม
00:06:00 → 00:06:05 ทั้งความคิด ความรู้สึก แล้วก็การช่วยเหลือ หรือการเข้าสังคม
00:06:06 → 00:06:08 อาจารย์เต้จะต้องฝึก 3 ส่วนนี้ค่ะ
00:06:08 → 00:06:10 3 ส่วนนี้คือมิติของ Empathy
00:06:10 → 00:06:12 นี่คือแบบทดสอบง่าย ๆ
00:06:12 → 00:06:17 ซึ่งจะเห็นได้ว่าอารมณ์ทั้ง 5 อารมณ์นี้ เป็น 5 อารมณ์พื้นฐานของคน
00:06:17 → 00:06:20 เพราะฉะนั้น ถ้าเราเข้าใจ รู้สึก
00:06:20 → 00:06:23 แล้วก็สามารถที่จะจัดการ กับอารมณ์พื้นฐานนี้ได้
00:06:23 → 00:06:25 ก็ถือว่าเรามีภาวะ Empathy ที่ดีแล้วค่ะ
00:06:25 → 00:06:29 มันจะมีคนที่ไม่สามารถที่จะอ่านสีหน้าออก ได้หรือครับ
00:06:29 → 00:06:31 มีแน่นอนเลยค่ะ ถ้าเขามีปัญหาของทางด้านสมอง
00:06:31 → 00:06:35 เขาอาจจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบเราที่แตกต่างออกไป
00:06:35 → 00:06:38 แล้วก็ใช้อารมณ์ของตัวเองเป็นสำคัญ
00:06:38 → 00:06:39 เช่น อาจจะโมโห
00:06:39 → 00:06:43 โมโหเรา ทั้งที่ไม่มีเหตุการณ์อะไร ที่มันน่าโมโหเลย แต่โมโห
00:06:43 → 00:06:45 เพราะฉะนั้นถ้าเป็นอย่างนี้ ก็ควรจะต้องปรึกษาแพทย์ค่ะ
00:06:45 → 00:06:46 อืม
00:06:46 → 00:06:49 มีวิธีในการที่จะเพิ่ม Empathy ไหม
00:06:49 → 00:06:53 มีค่ะ เราสามารถที่จะฝึกในชีวิตประจำวันได้
00:06:53 → 00:06:55 เพราะฉะนั้น ชวนคุณผู้ชมมาทำด้วยกันครับ
00:06:55 → 00:06:58 [เสียงดนตรี]
00:06:58 → 00:07:03 จากที่ได้ยินก็คือว่า อาจารย์จะได้ยินคำว่า เซลล์กระจกเงา
00:07:03 → 00:07:03 ใช่
00:07:03 → 00:07:06 เซลล์กระจกเงาจะมีการทำงานอยู่ 2 ส่วน
00:07:06 → 00:07:08 ส่วนแรกคือผ่านการมองเห็น
00:07:08 → 00:07:10 ส่วนที่ 2 คือผ่านการได้ยิน
00:07:10 → 00:07:10 อืม
00:07:10 → 00:07:13 เดี๋ยวเราจะใช้อุปกรณ์ง่าย ๆ ที่บ้าน ผ่านการมองเห็นนะคะ
00:07:13 → 00:07:14 ครับ
00:07:14 → 00:07:16 คือกระจกนี้เอง
00:07:16 → 00:07:16 อ๋อ
00:07:16 → 00:07:19 วิธีการก็คือ เรามองตัวเองในกระจกค่ะ
00:07:19 → 00:07:21 เวลามองนี่ เราสั่งสมอง
00:07:21 → 00:07:24 ว่าเราต้องการให้แสดงสีหน้าอย่างไร
00:07:24 → 00:07:27 แล้วเราก็สามารถที่จะแสดงสีหน้านั้นได้ทันที
00:07:28 → 00:07:29 อาจารย์เต้ลองดูสิคะ
00:07:29 → 00:07:32 ได้ครับ คุณผู้ชมหลาย ๆ ท่าน อาจจะลองทำไปด้วยกับเรา
00:07:32 → 00:07:34 สมมุติบุ๋มทำเป็นสมองให้กับอาจารย์
00:07:34 → 00:07:34 ได้ครับ
00:07:34 → 00:07:35 ไหนลองยิ้มสิคะ
00:07:36 → 00:07:37 โกรธสิคะ
00:07:38 → 00:07:40 รู้สึกดีใจมาก
00:07:41 → 00:07:42 ตกใจค่ะ
00:07:42 → 00:07:45 โอ้โฮ สุดยอดมาก นี่คือทำถูกหมดนะคะ
00:07:45 → 00:07:46 ทำถูกหมด
00:07:46 → 00:07:51 เพราะฉะนั้น รูปแบบก็คือต้องทำให้เร็ว ทำให้ทัน และถูกต้องด้วยนะคะ
00:07:51 → 00:07:55 อันนี้แสดงว่าเราจะเข้าใจในการทำงานของสมอง
00:07:55 → 00:07:57 เชื่อมโยงไปกับการแสดงสีหน้า
00:07:57 → 00:07:58 - เราเริ่มดูอีกครั้งดีไหมคะ - ได้ครับ ได้ครับ
00:07:58 → 00:08:00 เอาค่ะ เดี๋ยวตกใจสิคะ
00:08:00 → 00:08:01 โกรธค่ะ
00:08:01 → 00:08:02 ยิ้มค่ะ
00:08:03 → 00:08:04 มีความสุข
00:08:04 → 00:08:05 เศร้า
00:08:05 → 00:08:06 โอเคนะคะ
00:08:06 → 00:08:07 เราก็ทำอย่างนี้ได้
00:08:07 → 00:08:09 แต่ถ้าเราทำเก่งขนาดนี้แล้ว
00:08:09 → 00:08:13 เราผ่านไปสู่การที่จะเอาความรู้สึกนี้ เอื้อเฟื้อต่อสังคมได้เลย
00:08:13 → 00:08:16 อาจารย์บุ๋มครับ ที่จะฝึกกับกระจกนี่ ควรจะฝึกบ่อยขนาดไหน
00:08:16 → 00:08:18 บ่อยครั้งเลยที่ต้องการ
00:08:18 → 00:08:21 มันมีข้อดีตรงที่ทำได้ด้วยตัวเรานะ
00:08:21 → 00:08:23 ถ้าจะให้ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
00:08:23 → 00:08:26 ก็คือต้องทำกับคนที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา
00:08:26 → 00:08:27 เป็นครอบครัว หรือเป็นเพื่อนก็ได้
00:08:28 → 00:08:29 ยังไงครับ นั่นแปลว่า ไม่ต้องใช้กระจกอย่างนี้หรือ
00:08:29 → 00:08:33 ก็ได้เลย อย่างเช่นตัวบุ๋มเอง บุ๋มเจออาจารย์เต้ บุ๋มยิ้มให้อาจารย์เต้
00:08:34 → 00:08:35 อาจารย์เต้ก็ยิ้มกลับ
00:08:35 → 00:08:37 ยิ้มตอบทันทีเหมือนเป็นอัตโนมัติเลย
00:08:37 → 00:08:37 มันเป็นอัตโนมัติ
00:08:37 → 00:08:39 มันเหมือนเป็นการสะท้อนอารมณ์เนอะ
00:08:39 → 00:08:41 ว่าอีกฝ่ายหนึ่งรู้สึกอย่างไร
00:08:41 → 00:08:42 แล้วสะท้อนกลับไป
00:08:44 → 00:08:47 วันนี้ตื่นเช้าตามที่ตั้งใจเลย
00:08:47 → 00:08:48 รู้สึกดี
00:08:48 → 00:08:51 การฝึกจากการได้ยิน ก็ทำให้เกิด Empathy ได้เช่นเดียวกัน
00:08:51 → 00:08:54 อาจารย์เต้ลองชื่นชมตัวเองเล็ก ๆ น้อย ๆ นะคะ
00:08:55 → 00:08:56 การชื่นชมนี้จะต้องเป็นเรื่องจริง
00:08:56 → 00:08:57 อุ๊ย
00:08:57 → 00:08:58 แล้วต้องรู้สึกกับมันจริง ๆ
00:08:59 → 00:08:59 มันจึงจะได้ผลค่ะ
00:09:00 → 00:09:00 โอเค ได้ครับ ได้
00:09:01 → 00:09:04 วันนี้ตื่นเช้าตามที่ตั้งใจเลย รู้สึกดี
00:09:05 → 00:09:09 ดีใจมาก ๆ เลย ที่ได้มาทำตอนนี้กับอาจารย์บุ๋ม
00:09:09 → 00:09:12 ดีใจมาก ๆ ที่ได้มาทำตอนนี้เพื่อคุณผู้ชม
00:09:13 → 00:09:15 โอ้โฮ ขอบคุณมาก เห็นไหมคะ เห็นชัดเลย
00:09:15 → 00:09:18 เห็นตั้งแต่สีหน้าของอาจารย์ เห็นตั้งแต่ความรู้สึก
00:09:18 → 00:09:22 มันเป็นการที่ทำให้เรารู้สึก ถึงความรู้สึกของตัวเอง
00:09:22 → 00:09:25 ทำให้อาจารย์ฝึกความเป็น Empathy ของตัวเอง
00:09:25 → 00:09:28 แล้วควรฝึกบ่อย ๆ แล้วฝึกให้เป็นชีวิตประจำวัน
00:09:28 → 00:09:29 ให้เป็นพฤติกรรมเราเลยนะคะ
00:09:29 → 00:09:32 พลังนี้มันส่งมาที่คนรอบ ๆ ข้างได้ด้วย
00:09:32 → 00:09:34 ส่งมาถึงบุ๋มได้ด้วย อย่างนี้ถูกต้องแล้วค่ะ
00:09:34 → 00:09:36 เรื่องของการชื่นชมนี่
00:09:36 → 00:09:38 มันคงไม่จำเป็นจะต้องเป็นสิ่งใหญ่ ๆ ในชีวิตถูกไหม
00:09:38 → 00:09:42 เราสามารถที่จะชื่นชม สิ่งรอบ ๆ ตัวเราที่เกิดขึ้น
00:09:42 → 00:09:43 รวมถึงสร้างพลังบวก
00:09:43 → 00:09:46 ไม่ใช่เฉพาะตัวเอง แต่ให้กับคนอื่นด้วย
00:09:46 → 00:09:46 ค่ะ
00:09:48 → 00:09:51 อาจารย์บุ๋มครับ ดูเหมือนว่าในการที่เราจะเข้าใจ
00:09:51 → 00:09:54 หรือรู้สึกได้ถึงความรู้สึกของคนอื่นนี่
00:09:54 → 00:09:56 มันคงจะต้องใช้ความรู้สึกของตัวเองเป็นหลัก อยู่ด้วยเหมือนกัน
00:09:56 → 00:09:59 ถ้าเกิดสมมุติว่า เรามีพื้นอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไร
00:09:59 → 00:10:01 หรือเราไปเจออะไรสักอย่างที่มันไม่ค่อยดี
00:10:01 → 00:10:03 มันจะส่งผลต่อ Empathy ตี้ของเราไหมครับ
00:10:03 → 00:10:07 คือถ้ามันเกิดซ้ำ ๆ บ่อย ๆ จนเป็นพฤติกรรม มันส่งผลแน่นอนค่ะ
00:10:07 → 00:10:11 เพราะฉะนั้น เราไม่ควรที่จะหัดให้ตัวเราเอง เป็นศูนย์กลางอยู่เรื่อย ๆ
00:10:11 → 00:10:14 การที่เราจะหัดให้ตัวเราเอง
00:10:14 → 00:10:17 แปลว่าเราไม่ได้ทำมิติของ Empathy
00:10:17 → 00:10:21 เพราะฉะนั้น พยายามเลยค่ะ ฝึกคิด ฝึกรู้สึก
00:10:21 → 00:10:23 แล้วก็ฝึกอย่าให้ตัวเองเป็นศูนย์กลาง
00:10:23 → 00:10:26 แต่จุดหนึ่งที่เป็นจุดที่เราต้องคิดก็คือว่า
00:10:26 → 00:10:28 Empathy ที่เยอะ ๆ ของเรา
00:10:28 → 00:10:32 เราใช้กับใคร สถานที่ไหน ใช้อย่างไร
00:10:32 → 00:10:34 ควรใช้ให้ถูกต้องและเหมาะสม
00:10:34 → 00:10:37 ตรงนี้ก็เป็นอีกอันหนึ่งค่ะ ที่เราจะต้องมีการปรับจัด
00:10:37 → 00:10:38 อ๋อ
00:10:38 → 00:10:42 อย่างนี้ก็แปลว่า Empathy ก็ต้องดูเรื่องของกาละ และเทศะ
00:10:42 → 00:10:44 และที่สำคัญ ต้องไม่เบียดเบียนตัวเองด้วยใช่ไหม
00:10:44 → 00:10:45 ใช่เลยค่ะ
00:10:45 → 00:10:48 ตอนนี้ผมกำลังเผื่อแผ่ Empathy สำหรับผู้ชมทุกท่านนะครับ
00:10:48 → 00:10:51 - อาจารย์บุ๋มรู้สึกไหมนี่ - ได้รับจากอาจารย์ด้วยค่ะ
00:10:51 → 00:10:55 [เสียงดนตรี]
00:10:55 → 00:10:59 วันนี้ตื่นเช้าตามที่ตั้งใจเลย รู้สึกดี
00:11:00 → 00:11:02 ความรู้ทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้
00:11:02 → 00:11:04 มหาวิทยาลัยมหิดล
00:11:04 → 00:11:05 ปัญญาของแผ่นดิน