00:00:00 → 00:00:03 ระหว่างโรคเลือกกินอาหารกับคนที่ชอบเลือก
00:00:03 → 00:00:06 กินอาหารเนี่ยมีความแตกต่างกันอย่างไรไป
00:00:06 → 00:00:09 พูดคุยกับอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกัน
00:00:09 → 00:00:18 [เพลง]
00:00:18 → 00:00:21 ค่ะสวัสดีค่ะอาจารย์ขอเริ่มที่คำถามแรก
00:00:21 → 00:00:25 เลยนะคะอาจารย์คะภาวะ eating disorder
00:00:25 → 00:00:28 หรือว่าความผิดปกติของการกินอาหารคืออะไร
00:00:28 → 00:00:31 แล้วก็มีอะไรบ้างคะก็คือการที่มีพฤติกรรม
00:00:31 → 00:00:35 การกินที่ผิดปกติโดยที่อาจจะมีที่มา
00:00:35 → 00:00:39 สาเหตุจากจิตใจนะครับอารมณ์ความคิดต่างๆ
00:00:39 → 00:00:41 ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมที่ผิดปกติซึ่งเมื่อ
00:00:42 → 00:00:44 มีพฤติกรรมการกินที่ผิดปกติไปเนี่ยก็จะ
00:00:44 → 00:00:47 ก่อให้เกิดปัญหาทางร่างกายต่างๆตามมาได้
00:00:47 → 00:00:49 อันที่อาจจะเคยเห็นกันบ่อยก็อาจจะเป็นอนก
00:00:49 → 00:00:52 เซียจะมีความกังวลเกี่ยวกับน้ำหนักตัวที่
00:00:52 → 00:00:56 ค่อนข้างมากนะครับมากจนผิดปกติทำให้เกิด
00:00:56 → 00:00:58 พฤติกรรมอาจจะมีการอดอาหารหรือว่ามีการ
00:00:59 → 00:01:00 นับแคลอรี
00:01:00 → 00:01:03 ไม่กินนะครับหรือว่าออกกำลังกายมากจนผิด
00:01:03 → 00:01:06 ปกติทำให้น้ำหนักลดไปเยอะมากส่งผลให้ร่าง
00:01:06 → 00:01:09 กายมีปัญหาตามมาเป็นต้นนะครับหรือว่าบูรี
00:01:09 → 00:01:13 เมียนะครับก็อาจจะมีอาการที่เอิกินโดยที่
00:01:13 → 00:01:15 ควบคุมตัวเองไม่ได้นะครับกินอาหารใน
00:01:16 → 00:01:18 ปริมาณมากที่ควบคุมตัวเองไม่ได้เกิดความ
00:01:18 → 00:01:21 รู้สึกผิดขึ้นมาแล้วก็ไปมีพฤติกรรมบาง
00:01:21 → 00:01:23 อย่างเพื่อชดเชยในสิ่งที่กินเข้าไปอย่าง
00:01:23 → 00:01:26 เช่นการทำให้ตัวเองอาเจียนการใช้ยาระบาย
00:01:26 → 00:01:29 นะครับหรือว่าการออกกำลังกายที่มากจนเกิน
00:01:29 → 00:01:31 ไปซึ่งทั้งทั้งหมดเนี่ยยก็ก่อให้เกิด
00:01:31 → 00:01:33 ปัญหาทางกายตามมาได้อันนี้ก็เป็น 2 อัน
00:01:33 → 00:01:35 ที่อาจจะพบเห็นกันได้ที่เป็นอันที่สำคัญ
00:01:35 → 00:01:38 ำคัญของ eating disorders นะครับแต่จริง
00:01:38 → 00:01:41 ๆมันก็มีอื่นๆอีกมากมายแล้วโรคเลือกกิน
00:01:41 → 00:01:44 อาหารคืออะไรคะอาจารย์คือจริงๆตัวโรค
00:01:44 → 00:01:46 เนี่ยมันก็มีมานานแล้วแต่ว่าเพิ่งได้รับ
00:01:46 → 00:01:50 การมองเห็นได้รับการตระหนักถึงไม่นานมา
00:01:50 → 00:01:53 นี้นี่เองนะครับโดยที่อาการเนี่ยก็จะเป็น
00:01:53 → 00:01:57 การกินอาหารในชนิดเค้าเรียกว่าเป็นชนิด
00:01:57 → 00:02:00 ของอาหารที่ค่อนข้างแคบนะครับหรือว่าการ
00:02:00 → 00:02:03 ที่ไม่กินอาหารประเภทใดประเภทหนึ่งจากการ
00:02:03 → 00:02:08 ที่อาหารนั้นน่ะอาจจะมี Texture ที่เขา
00:02:08 → 00:02:10 ไม่ชอบอย่างเช่นอาหารบางคนจะไม่กินอาหาร
00:02:10 → 00:02:13 แหย่ๆบางคนอาจจะไม่กินอาหารที่กรอบอย่าง
00:02:13 → 00:02:15 เงี้ยครับหรือว่าบางคนก็ไม่กินอาหารที่มี
00:02:15 → 00:02:18 สีแดงไม่กินอาหารที่มีสีเขียวนะครับก็คือ
00:02:18 → 00:02:21 เป็นการเลือกกินโดย Base on Texture
00:02:21 → 00:02:25 ของอาหารหรือว่าสีเอ่อหน้าตาของอาหาร
00:02:25 → 00:02:28 อย่างเงี้ครับซึ่งแบบเนี้ยนะครับการเลือก
00:02:28 → 00:02:30 กินแบบเนี้ยไม่ได้กิเกี่ยวข้องกับความ
00:02:30 → 00:02:33 กังวลน้ำหนักนะครับไม่ได้ไม่ได้มีความ
00:02:33 → 00:02:36 กังวลเกี่ยวกับน้ำหนักหรือว่าบางคนเนี่ย
00:02:36 → 00:02:40 เออาจจะไม่กินเพราะว่ากังวลกับอ่าผลที่จะ
00:02:40 → 00:02:43 เกิดขึ้นจากการกินอย่างเช่นบางคนเคยไปกิน
00:02:43 → 00:02:47 ปลาแล้วก็มีก้างปลาติดคอนะครับจากนั้นมา
00:02:47 → 00:02:50 ก็ไม่ยอมกินอาหารที่แข็งอีกต่อไปอาหารทุก
00:02:50 → 00:02:52 อย่างที่จะเข้าปากได้ต้องผ่านการปั่นเท่า
00:02:52 → 00:02:54 นั้นอย่างเงี้ยครับอันเนี้ยมันก็เห็นได้
00:02:55 → 00:02:57 ชัดเจนว่ามันเป็นพฤติกรรมการกินซึ่งไม่
00:02:57 → 00:03:01 ปกติโรคเลือกกินอาหารมีอุบัติกาอย่างไร
00:03:01 → 00:03:04 บ้างคะก็ยังไม่ได้มีตัวเลขอุบัติกาชัดเจน
00:03:04 → 00:03:07 แต่ว่าก็มีการประมาณกันว่าน่าจะประมาณ 1%
00:03:07 → 00:03:10 หรือน้อยกว่านั้นนะครับในประชากรทั่วไป
00:03:10 → 00:03:13 อาจารย์ขาแล้วอะไรคือสาเหตุของโรคเลือก
00:03:13 → 00:03:17 กินอาหารคะโรคอาิเนี่ยก็ไม่ได้มีสาเหตุใด
00:03:17 → 00:03:20 สาเหตุหนึ่งที่เป็นสาเหตุชัดเจนว่า 1 ทำ
00:03:20 → 00:03:22 ให้เกิด 2 นะอย่างเงี้ยอาจจะตอบไม่ได้
00:03:22 → 00:03:24 ขนาดนั้นแต่ว่าอ่าก็อาจจะมีปัจจัยทาง
00:03:25 → 00:03:27 พันธุกรรมที่เข้ามาเกี่ยวข้องหากคนใน
00:03:27 → 00:03:29 ครอบครัวที่มีโรคความผิดปกติทางการกินนะ
00:03:30 → 00:03:32 ครับมันก็อาจจะส่งผลให้เพิ่มความเสี่ยง
00:03:32 → 00:03:35 ต่อต่อคนอื่นในครอบครัวได้ทำไมโรคเลือก
00:03:35 → 00:03:38 กินอาหารถึงถือว่าเป็นอาการทางสิทธิ์คะ
00:03:38 → 00:03:41 อาจารย์ก็ดังที่ได้แจ้งไปนะครับว่ามันมี
00:03:41 → 00:03:43 สาเหตุมาจากความคิดนะครับหรือว่าอารมณ์
00:03:44 → 00:03:47 บางอย่างที่ผิดปกติเกี่ยวกับอาหารนะครับ
00:03:47 → 00:03:49 อาจจะเรียกว่าเป็นความสัมพันธ์ระหว่างตัว
00:03:50 → 00:03:53 เองกับอาหารที่มันผิดปกติไปทำเทำให้ก่อ
00:03:53 → 00:03:56 ให้เกิดพฤติกรรมการกินซึ่งซึ่งผิดปกตินะ
00:03:56 → 00:03:59 ครับแล้วก็ทำให้ร่างกายผิดปกติตามไปด้วย
00:03:59 → 00:04:02 โรคทางจิตเวทไม่จำเป็นต้องมีสาเหตุนะครับ
00:04:02 → 00:04:05 เหมือนก็เหมือนกับคนจะเป็นเบาหวานจะเป็น
00:04:05 → 00:04:07 ก็คือต้องเป็นอืแล้วก็ไม่ได้เป็นความผิด
00:04:07 → 00:04:10 ของเขาไม่ได้เป็นช้อยส์ของเขาเขาไม่ได้
00:04:10 → 00:04:12 อยากเป็นไม่ได้มีใครอยากเป็นโรคทางจิตเวท
00:04:12 → 00:04:15 ค่ะอาจารย์ขาแล้วโรคเลือกกินอาหารมีความ
00:04:15 → 00:04:20 แตกต่างกับคนที่เลือกกินอาหารอย่างไรคะคน
00:04:20 → 00:04:23 ที่เลือกกินอาหารปกติสมมุติว่าคนเนี้ยไม่
00:04:23 → 00:04:26 ชอบกินหนังไก่คนเนี้ยไม่ชอบกินสะโพกไก่
00:04:26 → 00:04:28 อันเนี้ยก็อันนี้ก็คือเป็นการเลือกกินที่
00:04:28 → 00:04:31 เข้าใจได้เป็นปกติปกตินะครับแต่ในขณะที่
00:04:31 → 00:04:34 คนที่มีโรคฟิเนี่ยอาจจะมีช้อยส์ของอาหาร
00:04:34 → 00:04:37 ที่ค่อนข้างแคบมากยึดมั่นถือมั่นในกฎ
00:04:37 → 00:04:39 เกณฑ์ของการกินค่อนข้าง strict อย่างเช่น
00:04:39 → 00:04:43 คนเนี้ยถ้าถ้าอาหารไหนมีสีแดงไม่กินเลย
00:04:43 → 00:04:46 อาหารไหนมีสีเขียวไม่กินเลยอาหารไหนที่
00:04:46 → 00:04:49 มันแยอะแยะหน่อยไม่กินนะครับซึ่งพอกิน
00:04:49 → 00:04:52 อาหารได้แค่แบบเนี้ยก็จะส่งผลให้ขาดสาร
00:04:52 → 00:04:54 อาหารได้ถ้าเป็นเด็กก็อาจจะไม่โตนะครับ
00:04:54 → 00:04:56 ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็อาจจะทำให้น้ำหนักเนี่ย
00:04:56 → 00:05:00 ลงมาจนผิดปกติได้ครับ
00:05:00 → 00:05:03 อาจารย์คะแล้วเราจะมีวิธีการอย่างไรในการ
00:05:03 → 00:05:05 สังเกตคนใกล้ตัวว่าเขาอาจจะเสี่ยงหรือว่า
00:05:05 → 00:05:08 เป็นโรคที่มีความผิดปกติของการเลือกกิน
00:05:08 → 00:05:11 อาหารคะอาจจะงองเทียบกับตัวเองก็ได้ถ้า
00:05:11 → 00:05:14 คิดว่าตัวเองปกติอนะครับเอิมอาจจะดูว่า
00:05:14 → 00:05:18 ช้อยส์ของอาหารที่เขากินเนี่ยมันแคบจนผิด
00:05:18 → 00:05:20 ปกติไหมปริมาณอาหารที่เขากินเนี่ยมันน้อย
00:05:21 → 00:05:23 กว่าคนอื่นๆทั่วไปสมมุติไปนั่งกินข้าว
00:05:23 → 00:05:25 เป็นวงกับเพื่อนอย่างเงี้ย 10 คนกินหมด
00:05:25 → 00:05:28 จานได้แต่คนเนี้ยกินอยู่ 2 คำอันเนี้ยมัน
00:05:28 → 00:05:31 ก็อาจจะไม่ปกติแล้วนะครับแต่การกินน้อย
00:05:31 → 00:05:34 แบบนั้นหรือว่ากินแคบแบบนั้นไม่จำเป็นว่า
00:05:34 → 00:05:36 ต้องเป็นโรคทางความผิดปกติทางการกินนะ
00:05:37 → 00:05:38 ครับไม่จำเป็นว่าต้องเป็นโรคความผิดปกติ
00:05:38 → 00:05:41 ทางการกินเพราะว่ามันอาจจะเกิดจากสาเหตุ
00:05:41 → 00:05:44 อื่นก็ได้อย่างเช่นบางคนมีแผลในปากกิน
00:05:44 → 00:05:46 น้อยอย่างเงี้ก็เป็นได้หรือบางคนซึมเศร้า
00:05:46 → 00:05:49 นะครับก็ทำให้เบื่ออาหารไม่อยากกินก็เป็น
00:05:49 → 00:05:53 ได้ไม่จำคือความผิดปกติทางการกินไม่ได้
00:05:53 → 00:05:55 แปลว่าต้องเป็นโรคความผิดปกติทางการกิน 2
00:05:55 → 00:05:59 อย่างนี้แยกกันนะครับนอกจากเนี้ยในโรค
00:05:59 → 00:06:01 ความคามผิดปกติทางการกินบางอย่างก็อาจจะ
00:06:01 → 00:06:04 มีความคิดหมกมุ่นเกี่ยวกับอาหารค่อนข้าง
00:06:04 → 00:06:06 มากทำให้วิถีชีวิตทุกอย่างเนี่ยหมุนรอบ
00:06:06 → 00:06:11 อาหารเพื่อนชนไปกินข้าวไม่ไปนะครับไม่
00:06:11 → 00:06:13 กล้าไปเรียนเพราะว่ากลัวว่าตอนพักเที่ยง
00:06:13 → 00:06:15 ต้องไปกินข้าวกับเพื่อนอย่างเงี้ยนะครับ
00:06:15 → 00:06:18 ทำให้ชีวิตมันกระทบไปหมดออันเนี้ยก็เป็น
00:06:18 → 00:06:21 ตัวบ่งชีว่ามันไม่ปกติแล้วนะครับก็ต้อง
00:06:21 → 00:06:25 สังเกตดูแล้วอาการของโรคเลือกกินอาหารมี
00:06:25 → 00:06:28 ลักษณะเป็นอย่างไรบ้างคะกลุ่มเสียงของฟิ
00:06:28 → 00:06:31 เนี่ยนะครับก็มักจะพบได้มากในคนที่มีภาวะ
00:06:31 → 00:06:34 ออทิสติกนะครับเพราะว่าคนที่มีภาวะ
00:06:34 → 00:06:37 ออทิสติกเนี่ยมักจะมีความไวนะครับมักจะมี
00:06:37 → 00:06:41 ความไวต่อลักษณะบางประการของสิ่งต่างๆได้
00:06:41 → 00:06:43 อยู่แล้วอาหารก็เป็นหนึ่งในนั้นเขาก็อาจ
00:06:43 → 00:06:46 จะไวต่อ Texture ของอาหารไวต่อสีของอาหาร
00:06:46 → 00:06:49 นะครับแล้วก็เ้าออทิสติกก็มักจะมีลักษณะ
00:06:49 → 00:06:51 ในความที่สมมุติว่าเอาข้าวมาจานนึงอย่าง
00:06:51 → 00:06:54 เงี้ยนะครับมีอาหารหลายอย่างใช่มั้ยครับ
00:06:54 → 00:06:57 คนที่เป็นฟิเนี่ยก็อาจจะเขี่ยอาหารทุก
00:06:57 → 00:07:00 อย่างที่มีลักษณะสีแดงออกไปอย่างเงี้ยคือ
00:07:00 → 00:07:02 มันจะชัดเจนเลยว่าเออเา้าไม่กินเพราะมัน
00:07:02 → 00:07:04 เป็นสีนี้ิไม่กินเพราะว่า Texture เป็น
00:07:04 → 00:07:08 เป็นของกรอบๆอย่างเงี้ยไม่กินเลยนะครับ
00:07:08 → 00:07:11 ซึ่งพอกินอาหารได้จำกัดแบบเนี้ยสมมุติว่า
00:07:11 → 00:07:14 ไปเจาะเลือดออกมาก็อาจจะพะว่ามีการขาด
00:07:14 → 00:07:17 วิตามินบางอย่างขาดแร่ธาตุบางอย่างได้
00:07:17 → 00:07:19 ลักษณะการขาดเนี่ยอาจจะขาดเยอะจนเป็น
00:07:19 → 00:07:21 อันตรายต่อชีวิตเลยก็ได้เพราะว่าเาไม่กิน
00:07:21 → 00:07:25 อาหารชนิดใดชนิดหนึ่งเ่ะแบบไม่กินเลยซึ่ง
00:07:25 → 00:07:27 จริงๆคนปกติก็ควรจะกินอาหารที่มีหลาย
00:07:27 → 00:07:30 อย่างเพื่อได้เพื่อให้ได้สาหาอาหารครบ
00:07:30 → 00:07:33 ถ้วนถูกมั้ยครับอาจารย์คะแล้วโรคเลือกกิน
00:07:33 → 00:07:37 อาหารสามารถรักษาได้อย่างไรคะก็เอ่ออาิ
00:07:37 → 00:07:40 นี่ก็รักษาได้นะครับการรักษาที่สำคัญที่
00:07:40 → 00:07:43 สุดก็คือการทำจิตบำบัดการการทำพฤติกรรม
00:07:43 → 00:07:46 บำบัดนะครับซึ่งจุดประสงค์เนี่ยก็มักจะ
00:07:46 → 00:07:49 เป็นการฝึกให้เา้าอิมสามารถกินอาหารได้
00:07:49 → 00:07:53 กว้างขึ้นนะครับได้สามารถอดทนกับอาหารที่
00:07:53 → 00:07:56 แตกต่างออกไปได้มากขึ้นในบางรายที่การทำ
00:07:56 → 00:08:00 จิตบำบัดอาจจะยากหรือว่าไม่ได้ผลดีเท่า
00:08:00 → 00:08:02 ที่ควรอาจจะมีการพิจารณาใช้ยาได้บ้าง
00:08:02 → 00:08:05 เหมือนกันครับแต่ว่าการรักษาที่สำคัญที่
00:08:05 → 00:08:07 สุดก็คือการทำจิตบำบัดการทำพฤติกรรมบำบัด
00:08:07 → 00:08:11 ในตัวฟินะครับค่ะอาจารย์ขาแล้วถ้าปล่อย
00:08:11 → 00:08:15 เอาไว้ไม่รักษาจะเป็นอย่างไรคะครับจริงๆ
00:08:15 → 00:08:19 ถ้าสมมุติว่าเลือกกินไม่ได้ไปไม่ได้ไปไม่
00:08:19 → 00:08:22 กินอาหารกลุ่มที่มันมีความสำคัญมากๆเนี่ย
00:08:22 → 00:08:25 ก็อาจจะไม่ได้มีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้แต่
00:08:25 → 00:08:28 ว่าถ้าสมมุติว่าไปจำกัดสมมุติว่าคนเนี้ย
00:08:28 → 00:08:30 ไม่กิน
00:08:30 → 00:08:33 เอิไม่กินผักไม่กินเนื้อสัตว์เลยสมมตินะ
00:08:33 → 00:08:36 ครับก็อาจจะทำให้ขาดสมมติขาดโปรตีนไปได้
00:08:36 → 00:08:39 อย่างเงี้ยเป็นต้นนะครับซึ่งการขาดสัน
00:08:39 → 00:08:41 อาหารเนี่ยมันก็ส่งผลกับร่างกายตั้งตั้ง
00:08:41 → 00:08:46 แต่หัวจดเท้าอืบางคนอาจจะทำให้ขาดเกลือ
00:08:46 → 00:08:48 แร่บางอย่างซึ่งส่งผลต่อหัวใจทำให้หัวใจ
00:08:48 → 00:08:51 ทำงานผิดปกติไปซึ่งตเสามารถถึงแก่ชีวิต
00:08:51 → 00:08:54 ได้เพราะฉะนั้นจริงๆก็อาจจะต้องมาตรวจ
00:08:54 → 00:08:57 เพิ่มเติมดูว่ามันมันมันกระทบแค่ไหนนะ
00:08:57 → 00:08:59 ครับเพราะมันมีผลกับร่างกายด้วยไม่ได้
00:08:59 → 00:09:02 เฉพาะจิตใจไม่ได้เฉพาะพฤติกรรมเท่านั้น
00:09:02 → 00:09:06 ความจู้จี้จุกจิกกับการกินเนี่ยไม่ได้
00:09:06 → 00:09:10 ต้องเป็นโรคเสมอไปแต่ว่าถ้าจูจีมากใน
00:09:10 → 00:09:13 ระดับหนึจนจำกัดมากไปก็อาจจะก่อให้เกิด
00:09:13 → 00:09:16 โรคขึ้นมาได้เพราะฉะนั้นพ่อแม่นะครับก็
00:09:16 → 00:09:20 อยากจะให้พยายามฝึกเด็กให้สามารถกินอะไร
00:09:20 → 00:09:23 ได้หลากหลายนะครับเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไม่
00:09:23 → 00:09:27 มีการจำกัดตามช้อยของอาหารมากจนเกินไปจน
00:09:27 → 00:09:30 ก่อให้กลายเป็นไม่โตหรือว่าคาสารอาหารได้
00:09:30 → 00:09:34 นะครับไม่งั้นจะมีปัญหาตามมาขอบคุณนะคะ
00:09:34 → 00:09:37 สำหรับการรับชมรายการ TNN Health ค่ะและ
00:09:37 → 00:09:41 อย่าลืมค่ะกด Subscribe กดไลคกดแชร์ในทุก
00:09:41 → 00:09:44 ช่องทางออนไลน์ของ TNN ช่อง 16 ค่ะเพื่อ
00:09:44 → 00:09:47 ที่จะไม่พลาดการรับชมรายการสดคลิปวีีดีโอ
00:09:47 → 00:09:53 ที่น่าสนใจของทาง TNN นะคะ