00:00:00 → 00:00:05 [เพลง]
00:00:05 → 00:00:09 สวัสดีครับผมวีระพงษ์ทวีศักดิ์และนี่คือ
00:00:09 → 00:00:11 ศัลยกรรมความสุข
00:00:12 → 00:00:39 [เพลง]
00:00:39 → 00:00:42 รายการศัลยกรรมความสุขเนี่ยเราก็จะมี
00:00:42 → 00:00:44 เนื้อหาหลากหลายนะครับแต่ว่าเมื่อเร็วๆ
00:00:45 → 00:00:47 นี้ครับคุณผู้ฟังผมเกิดความคิดขึ้นมาแล้ว
00:00:47 → 00:00:48 ครับว่า
00:00:48 → 00:00:52 ในโลกใบนี้มันมีอะไรของจริงมันมีอะไรของ
00:00:52 → 00:00:54 ปลอมอะไรจริงอะไรปลอม
00:00:54 → 00:00:58 อะไรจริงอะไรสมมุตินะมันก็เกิดความสับสน
00:00:58 → 00:01:00 วุ่นวายกันแล้ว
00:01:00 → 00:01:04 ของจริงกับของปลอมเนี่ยมันก็ทำให้เรา
00:01:04 → 00:01:06 สับสนวุ่นวายและทำให้ชีวิตเราสับสน
00:01:06 → 00:01:09 อลหม่านแล้วก็นำไปสู่ความทุกข์ความเครียด
00:01:09 → 00:01:13 ความกังวลมากมายก่ายกองนะครับแต่ว่าวัน
00:01:13 → 00:01:16 นี้ครับยังเป็นเหมือนเดิมนะครับตอนนี้จะ
00:01:16 → 00:01:18 เป็นตอนพิเศษก็คือผมไม่ได้มาพูดคุยคน
00:01:18 → 00:01:23 เดียวครับแต่ว่าผมจะมาพูดคุยกับป้าอ้อยนะ
00:01:23 → 00:01:26 ครับมนุษย์ป้าทาเปลี่ยนโลกในหัวข้อว่า
00:01:26 → 00:01:29 ด้วยเรื่องของคำว่าสมมุติ
00:01:29 → 00:01:32 [เพลง]
00:01:33 → 00:01:35 นะครับคุณผู้ฟังครับต้องสวัสดีครับปอย
00:01:35 → 00:01:38 ครับสวัสดีค่ะอาจารย์เรามาพบคุณผู้ฟัง
00:01:38 → 00:01:41 ด้วยค่ะผมเชื่อว่าคุณผู้ฟังที่เคยฟังตอน
00:01:41 → 00:01:45 ที่ผมพูดคุยกับป้าอ้อยนะครับมนุษย์ป้าท้า
00:01:45 → 00:01:46 เปลี่ยนโลกไปแล้วเนี่ย
00:01:46 → 00:01:50 หลายท่านเนี่ยคงรอเลยแหละรอเจอกับป้าอ้อย
00:01:50 → 00:01:53 นะมนุษย์ป้าท้าเปลี่ยนโลกดูสิว่าเราจะมา
00:01:53 → 00:01:56 เปลี่ยนอะไรอีกดี
00:01:56 → 00:01:59 หัวข้อวันนี้ครับต้อยเวลาที่พูดคำว่า
00:01:59 → 00:02:02 สมมุติ
00:02:02 → 00:02:04 ในโลกปัจจุบันนี้
00:02:04 → 00:02:10 เรื่องสมมุติถ้ามองแบบแบนๆไปเลยนะคะก็คือ
00:02:10 → 00:02:16 หนังละคร
00:02:16 → 00:02:20 แต่น่าสนใจนะหนังละครเนี่ยเป็นเรื่อง
00:02:20 → 00:02:24 สมมุติไม่ใช่เรื่องจริงแต่ว่ามันเข้ากับ
00:02:24 → 00:02:27 สิ่งที่เรากำลังจะคุยเลยนะว่าแต่ทำไมเวลา
00:02:27 → 00:02:29 ที่คนดูหนังดูละครซึ่งรู้ว่าเป็นเรื่อง
00:02:29 → 00:02:32 สมมุติทั้งสิ้นแต่ว่าดูแล้วอินแล้วร้อง
00:02:32 → 00:02:37 ห่มร้องไห้
00:02:37 → 00:02:39 คือเรารู้ว่าเป็นเรื่องสมมุติไม่ใช่
00:02:39 → 00:02:42 เรื่องจริงแล้วที่เขาตายๆกันเนี่ยในหนัง
00:02:42 → 00:02:44 อ่ะเดี๋ยวเขาก็ตื่นมาแล้วไปเล่นเรื่อง
00:02:44 → 00:02:49 อื่นแต่เราร้องไห้รู้ทั้งรู้แต่ก็อิน
00:02:49 → 00:02:52 โอ้ผมคิดว่าประเด็นนี้สำคัญมากก็คือหมาย
00:02:52 → 00:02:53 ความว่าอะไรหมายความว่า
00:02:53 → 00:02:56 ในชีวิตเราปัจจุบันนี้มันเต็มไปด้วย
00:02:56 → 00:02:58 เรื่องสมมุติ
00:02:58 → 00:02:59 แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ว่าเรื่องไหน
00:02:59 → 00:03:01 เป็นเรื่องสมมุติหรือเรื่องจริง
00:03:01 → 00:03:05 แต่ประเด็นมันอยู่ตรงที่ว่าเราอ่ะเอา
00:03:05 → 00:03:07 เรื่องสมมุติมาเป็นจริงเป็นจังในชีวิต
00:03:07 → 00:03:12 แล้วทำให้เราชีวิตเนี่ยมีความทุกข์ความ
00:03:12 → 00:03:14 เครียดความเศร้า
00:03:14 → 00:03:16 แล้วก็สับสนอลหม่านเลย
00:03:16 → 00:03:19 ถ้าอย่างนั้นเนี่ยมาประเด็นนี้เลยเรื่อง
00:03:19 → 00:03:22 สมมุติที่ทำให้ชีวิตเราขุ่นมัวเศร้าหมอง
00:03:22 → 00:03:23 แล้วทุกข์หนัก
00:03:24 → 00:03:26 เหมือนกับชีวิตติดลมเนี่ย
00:03:26 → 00:03:29 มีเรื่องไหนในชีวิตของป้าอ้อยที่เหมือน
00:03:29 → 00:03:32 กับติดลมเพราะเรื่องสมมุติแล้ว
00:03:32 → 00:03:37 หลุดหลุดแล้วหลุดได้ยังไงอ่ามีเรื่องอะไร
00:03:37 → 00:03:38 บ้างครับ
00:03:38 → 00:03:43 จริงๆแล้วเรื่องสมมุติในชีวิตของทุกคน
00:03:43 → 00:03:48 เนี่ยมันเยอะแยะเต็มไปหมดเลยแต่เราอ่ะไป
00:03:48 → 00:03:50 เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องจริง
00:03:50 → 00:03:55 นะคะมันเป็นมันเป็นเรื่องจริงแล้วพอเรา
00:03:55 → 00:03:57 เข้าใจว่าเป็นเรื่องจริงเราก็จะยึดว่า
00:03:57 → 00:04:00 เนี่ยอันนี้มันคือสิ่งที่เราต้องทำแบบนี้
00:04:00 → 00:04:05 นะคะเมื่อไหร่ที่มันไม่เป็นแบบนี้เราก็จะ
00:04:05 → 00:04:09 ขุ่นข้องหมองใจเป็นทุกข์อะไรก็ตามนะคะ
00:04:09 → 00:04:12 เพราะฉะนั้นเรื่องสมมติจริงๆแล้วเนี่ยป้า
00:04:12 → 00:04:16 อ้อยมองว่าเรื่องสมมุติอ่ะในชีวิตเรา 24
00:04:16 → 00:04:17 ชั่วโมง
00:04:17 → 00:04:32 มีมากกว่าเรื่องจริงอีกนะจ๊ะ
00:04:32 → 00:04:37 ก็คือเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เอ่อคิด
00:04:37 → 00:04:43 ว่าทุกบ้านนะคะที่เอ่อเป็นพ่อแม่ก็คือถ้า
00:04:43 → 00:04:47 จะทุกข์มากก็คือเรื่องลูกนะคะก็เลยอยาก
00:04:48 → 00:04:52 แบ่งปันเรื่องลูกนะคะว่าเอ๊ะเรื่องลูก
00:04:52 → 00:04:56 เนี่ยถ้าพูดถึงในหัวข้อสมมติเนี่ยมันคือ
00:04:56 → 00:05:00 ยังไงคือลูกนี้เป็นเรื่องของจริงนะลูกของ
00:05:00 → 00:05:02 เราเป็นของจริงหรือของสมมุติ
00:05:02 → 00:05:05 เขาเป็นลูกเราจริงหรือเปล่าลูกเราจริง
00:05:05 → 00:05:09 หรือสมมุติ
00:05:09 → 00:05:12 จริงถ้าเกิดว่าเราเป็นพ่อเป็นแม่เราก็มี
00:05:12 → 00:05:16 ลูกเขาก็เป็นลูกเราจริงๆใช่แล้วอะไร
00:05:16 → 00:05:18 สมมุติอ่ะครับ
00:05:18 → 00:05:22 พอเขามีสถานะเป็นลูกเราจริง
00:05:22 → 00:05:26 เวลาเราเลี้ยงดูนะคะเวลาเราเลี้ยงดูบน
00:05:26 → 00:05:28 เส้นทางดำเนินชีวิต
00:05:28 → 00:05:31 ของพ่อแม่เนี่ยที่เลี้ยงดูลูกเนี่ย
00:05:31 → 00:05:34 มันจะมีอะไรต่ออะไรที่มันเป็นปัจจัยอื่นๆ
00:05:34 → 00:05:37 เข้ามาเยอะแยะไปหมดเลยเช่น
00:05:37 → 00:05:41 ประสบการณ์ในอดีตเช่นคำสั่งสอนของพ่อแม่
00:05:41 → 00:05:45 ประเพณีอะไรเยอะแยะไปหมดเลยที่มันมา
00:05:45 → 00:05:46 เกี่ยวข้อง
00:05:46 → 00:05:50 อย่างความสมมติที่เกี่ยวข้องกับลูกของๆ
00:05:50 → 00:05:54 ตัวป้าอ้อยเองเนี่ยนะคะก็คือว่ามีความ
00:05:54 → 00:05:55 เชื่อ
00:05:55 → 00:06:00 นะคะคำนี้มันจะผูกกับคำว่าสมมติและมันจะ
00:06:00 → 00:06:02 ทำให้เกิดพฤติกรรม
00:06:02 → 00:06:08 ที่เราแสดงออกที่ผิดเพี้ยนถ้าเราเอาสมมติ
00:06:08 → 00:06:12 มายึดว่ามันเป็นเรื่องจริงนะคะคือพอตัว
00:06:12 → 00:06:14 เองเป็นแม่ปุ๊บเนี่ยเราถูกสั่งสอนมาว่า
00:06:14 → 00:06:17 ลูกต้องเชื่อฟังพ่อแม่
00:06:17 → 00:06:20 นะคะเพราะฉะนั้นพ่อแม่
00:06:20 → 00:06:24 กำหนดว่าอะไรสอนว่ายังไงเนี่ยลูกต้อง
00:06:24 → 00:06:26 เชื่อฟังและ
00:06:26 → 00:06:30 พ่อแม่เนี่ยจะบอกว่าเป็น
00:06:30 → 00:06:33 ทางหนทางที่
00:06:33 → 00:06:36 นำทางชีวิตลูกเป็นผู้นำเป็นผู้นำชีวิตลูก
00:06:36 → 00:06:40 เราก็ลืมตัวค่ะพอเราเป็นแม่ปุ๊บเนี่ยถ้า
00:06:40 → 00:06:44 ฉันสั่งว่าอะไรเธอต้องทำตามนั้น
00:06:44 → 00:06:48 พอเธอไม่ทำปุ๊บพอเธอคิดเห็นปุ๊บเธออ่ะ
00:06:48 → 00:06:55 ดื้อเธอใช้ไม่ได้เธอแย่นะคะสมัยก่อนเนี่ย
00:06:55 → 00:06:58 ถ้าพูดถึงลูกป้าอ้อยเนี่ย
00:06:58 → 00:07:03 เขาบอกเข้ามาหลังจากที่เราเราคุยกันแล้ว
00:07:03 → 00:07:07 เราแก้ปัญหากันแล้วนะคะเขามาบอกว่าแม่รู้
00:07:07 → 00:07:12 ไหมสมัยก่อนน่ะแม่อ่ะคือนางยักษ์สำหรับ
00:07:12 → 00:07:13 เขา
00:07:13 → 00:07:16 กลับบ้านมาปุ๊บเนี่ยเราเราไปซ้ายเข้าไป
00:07:16 → 00:07:19 ขวามันกลับบ้านเร็วเรานึกว่าเราจะมีความ
00:07:19 → 00:07:22 สุขกันกับลูกกลับมาทำไมจะมาจับจับผิดอะไร
00:07:22 → 00:07:28 ลูกคือคือเราจะเดินกันคนละทางตลอดนะคะเรา
00:07:28 → 00:07:32 จะมีช่องว่างคือมามากเพราะว่าแม่คือนาง
00:07:32 → 00:07:33 ยักษ์
00:07:33 → 00:07:38 แต่หลังจากที่ป้าอ้อยเนี่ยแก้ไขตัวเอง
00:07:38 → 00:07:40 เปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างที่เล่าเมื่อตอน
00:07:40 → 00:07:42 ที่แล้วนะคะ
00:07:42 → 00:07:45 พอเปลี่ยนไปแล้วเนี่ยตัวตัวเราเองนะคะ
00:07:45 → 00:07:46 เป็นคนเปลี่ยน
00:07:46 → 00:07:49 ตอนที่เราไม่เข้าใจเนี่ยตอนที่แม่เป็นนาง
00:07:49 → 00:07:52 ยักษ์เนี่ยเราอยากเปลี่ยนรูปลูกนิสัยไม่
00:07:52 → 00:07:55 ดีลูกดื้อไปอบรมสั่งสอนเรียนไม่ดีฉันต้อง
00:07:55 → 00:07:58 เอาไปเรียนพิเศษเพิ่มเติมทุกอย่างคือแก้
00:07:58 → 00:08:03 ที่ลูกหมดเลยพอหลังจากที่เราเอ๊ะเมื่อตอน
00:08:03 → 00:08:05 ที่แล้วนะคะพอเราเอ๊ะเราต้องเปลี่ยนตัว
00:08:05 → 00:08:10 เองสิเราก็เลยค่อยๆเปลี่ยนที่ตัวเองนะคะ
00:08:10 → 00:08:13 แล้วเดี๋ยวจะเล่าตัวอย่างว่าเราเช่นเรา
00:08:13 → 00:08:17 เปลี่ยนอะไรบ้างนะคะตอนนี้จากแม่คือนาง
00:08:17 → 00:08:22 ยักษ์กลายเป็นแม่คือเพื่อนรักนะคะแล้วเขา
00:08:22 → 00:08:25 อ่ะเปลี่ยนตัวเองเป็นผู้พิทักษ์แม่ไปแล้ว
00:08:25 → 00:08:28 ก็คือเช่น
00:08:28 → 00:08:31 ว่าพอเดินไปด้วยกันเนี่ยแม่ๆๆตรงนี้มัน
00:08:31 → 00:08:36 ทางลาดนะอ่าดูดีๆนะเดี๋ยวล้มนะคะหรือวัน
00:08:36 → 00:08:39 ไหนเรากลับดึกอ่ะเธอก็จะโทรตามแม่ว่าแม่
00:08:39 → 00:08:42 มันกี่โมงแล้วเนี่ยทำไมยังไม่ถึงบ้านอีก
00:08:42 → 00:08:44 ซึ่งเมื่อก่อนนี้อาจารย์หนึ่งที่เล่าว่า
00:08:45 → 00:08:48 มันคนละทางก็จะไม่มีทางสนใจเราเลยหรือบาง
00:08:48 → 00:08:51 วันเนี่ยที่เรามีธุระออกบ้านทุกวันเนี่ย
00:08:51 → 00:08:56 เธอก็จะบอกว่าคุณคุณออกบ้านทุกวันไม่ได้
00:08:56 → 00:08:58 นะคุณต้องพักผ่อนบ้าง
00:08:58 → 00:09:01 อย่างนี้ค่ะคือเขาเป็นองครักษ์ผู้พิทักษ์
00:09:01 → 00:09:05 แม่ไปแล้วนะคะจากนางยักษ์จากเดิมใช่ไหม
00:09:05 → 00:09:08 แล้วก็เปลี่ยนมาเป็นเพื่อนรักแล้วเขาก็
00:09:08 → 00:09:11 เป็นคนพิทักษ์แม่ผมเชื่อว่านะคือมันเห็น
00:09:11 → 00:09:14 ภาพชัดมากเลยสมัยก่อนนะก็คงประมาณว่าถ้า
00:09:14 → 00:09:21 แม่ออกข้างนอกบ่อยๆลูก
00:09:21 → 00:09:25 กลับมาเลยใช่ไหมแต่ตอนนี้นี่พอเปลี่ยน
00:09:25 → 00:09:27 ปุ๊บพลิกเลยพลิกเลยพลิกเลยเป็นคนละเรื่อง
00:09:27 → 00:09:31 เลยทีนี้จุดที่มันทำให้เกิดต้องเปลี่ยน
00:09:31 → 00:09:38 นี่มันเกิดอะไรขึ้น
00:09:38 → 00:09:41 สมัยก่อนเนี่ยอย่างที่บอกว่าตัวเองเนี่ย
00:09:42 → 00:09:46 ยังติดว่าฉันเป็นแม่ฉันต้องจัดการเธอได้
00:09:46 → 00:09:49 เธอคือลูกฉัน
00:09:49 → 00:09:53 เธอไม่เชื่อฟังฉันไม่ได้นะคะแล้วพอเวลา
00:09:53 → 00:09:56 เขามีความเป็นตัวของตัวเองเวลาเขาเถียง
00:09:56 → 00:09:59 เวลาเขาขึ้นเสียงเวลาอะไรเนี่ย
00:09:59 → 00:10:00 ในเมื่อฉันน่ะ
00:10:00 → 00:10:04 อยู่เหนือเธอฉันเป็นแม่ของเธอนี่เพราะ
00:10:04 → 00:10:06 ฉะนั้นเนี่ยฉันน่ะอยู่เหนือเธอ
00:10:06 → 00:10:10 ถ้าเธอมา 3 เดซิเบลฉันต้องไป 4 ถ้าเธอมา 5
00:10:10 → 00:10:14 ชั้นต้องไป 6 เพราะฉันจะเอาชนะเธอเพราะ
00:10:14 → 00:10:19 เธอต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของฉันฉันเป็น
00:10:19 → 00:10:22 แม่ฉันเหนือเธอมันก็เลยตุ๊บตั๊บตุ๊บตั๊บ
00:10:22 → 00:10:26 ตะลุมบอนกันแม่ลูกบอกแล้วพอมันเป็นอย่าง
00:10:26 → 00:10:30 นี้มาเป็นคือเป็นสิบๆปีหาอาจารย์
00:10:30 → 00:10:34 มันความสัมพันธ์แม่ลูกเนี่ยมันย่ำแย่แบบ
00:10:34 → 00:10:37 ลงไปทุกที
00:10:37 → 00:10:41 ก็เลยเอ๊ะ
00:10:42 → 00:10:45 ฉันไม่ใช่ละสิ่งที่ฉันทำเนี่ย
00:10:45 → 00:10:47 มันไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องหรอก
00:10:47 → 00:10:52 ถ้าถูกมันต้องดีมันต้องมีความสุขสิเพราะ
00:10:52 → 00:10:55 ฉะนั้นอะไรที่เรายืนอยู่บนจุดวันนี้แล้ว
00:10:55 → 00:10:57 มันยังไม่ดียังไม่มีความสุขเนี่ย
00:10:57 → 00:10:59 มันต้องเอ๊ะ
00:10:59 → 00:11:02 นะคะแล้วก็มาทบทวนดู
00:11:02 → 00:11:05 เราก็เลยมาทบทวนดู
00:11:05 → 00:11:08 เราแก่มาจนป่านนี้
00:11:08 → 00:11:11 เราก็ยังไม่ได้ทำอะไร
00:11:11 → 00:11:14 คิดอะไรที่ถูกทั้งหมดเลยเนี่ยเรายังไม่
00:11:14 → 00:11:18 ได้แบบดีที่สุดทั้งๆที่เราคิดนะว่าเราดี
00:11:18 → 00:11:19 ที่สุดมาก่อนนะ
00:11:19 → 00:11:22 เราก็ยังไม่ได้ดีที่สุดแล้วยังไม่ได้
00:11:22 → 00:11:25 เจริญก้าวหน้าที่สุดเรายังไม่ได้ success
00:11:25 → 00:11:26 เรายังไม่ได้
00:11:26 → 00:11:31 ร่ำรวยเรายังไม่ได้มีความสุขที่สุดเพราะ
00:11:31 → 00:11:33 ฉะนั้นเนี่ย
00:11:33 → 00:11:37 สิ่งที่เราทำมาเนี่ยทำยังไงดีน้อ
00:11:37 → 00:11:40 งั้นเราต้องลองเปลี่ยนดู
00:11:40 → 00:11:45 ถ้าเราคิดแบบเดิมว่าเราจะทำอะไรแบบเดิม
00:11:45 → 00:11:47 มันเป็นเหมือนอัตโนมัติ
00:11:47 → 00:11:50 เพราะอย่างที่บอกว่าลูกใส่มา 3 เดซิเบล
00:11:50 → 00:11:53 ฉันกลับไปมันเป็นอัตโนมัติเพื่อจะเอาชนะ
00:11:53 → 00:11:56 แต่พอเรารู้แล้วว่าตกลงไม่มีใครชนะเพราะ
00:11:56 → 00:11:59 มันแพ้ทั้งคู่เราก็ต้องเปลี่ยนใหม่เพราะ
00:11:59 → 00:12:02 ลูกเถียงลูกขึ้นเสียงลูกดื้อ
00:12:03 → 00:12:06 เมื่อก่อนต้องใส่กลับตอนนี้ต้องหยุดตัว
00:12:06 → 00:12:09 เองเนี่ยอาจารย์เห็นใช่ไหมคะว่าเรากลับมา
00:12:09 → 00:12:13 หยุดที่ตัวเองกลับมาเปลี่ยนที่ตัวเองเรา
00:12:13 → 00:12:14 ก็หยุด
00:12:14 → 00:12:17 แล้วเราก็ดูว่าเอ๊ะ
00:12:17 → 00:12:21 ลูกคือเปลี่ยนเหมือนแทนที่จะโต้ตอบกลับ
00:12:21 → 00:12:25 ทันทีเราเปลี่ยนมาว่าฉันเรียนรู้ดูซิว่า
00:12:25 → 00:12:29 เวลาคนมันโกรธอ่ะเวลาลูกเราโกรธแล้วเขา
00:12:29 → 00:12:33 ใช้เสียงอะไรเขาใช้ภาษาอะไรเขาเรียกว่า
00:12:33 → 00:12:37 ท่าทางเขาแบบเป็นยังไงโอ้โหหน้าตาแดงตา
00:12:37 → 00:12:40 ถมึงถึงเกรี้ยวกราดมือเกร็งอะไรก็ตาม
00:12:40 → 00:12:44 เนี่ยแล้วเราก็นิ่งดู
00:12:44 → 00:12:47 เฮ้ยคนเรามันเวลามันโกรธมันเป็นแบบนี้เอง
00:12:47 → 00:12:51 หรอแสดงว่าจริงๆแล้วฉันก็เป็นแบบนี้แหละ
00:12:51 → 00:12:56 ก็เลยเปลี่ยนมาดูตัวโกรธแล้วก็เรียนรู้
00:12:56 → 00:12:59 ทั้งไม่ว่าร่างกายสายตาน้ำเสียงคำพูดคือ
00:12:59 → 00:13:03 คำพูดเนี่ยจริงๆแล้วมันจะออกมาแบบอ่าอะไร
00:13:03 → 00:13:06 นะพูดอะไรก็ได้อีกฝ่ายเจ็บเพื่อเอาชนะ
00:13:06 → 00:13:09 ซึ่งไม่มีประโยชน์อะไรเลยแบบมีแต่ทำร้าย
00:13:09 → 00:13:13 จิตใจกันแต่พอเรานิ่งค่ะอาจารย์
00:13:13 → 00:13:15 เขางง
00:13:15 → 00:13:20 เมื่อก่อนซัดกันไปนัวเนียๆพอเรานิ่งเค้า
00:13:20 → 00:13:21 งง
00:13:21 → 00:13:23 เอ๊ะทำไมนิ่ง
00:13:23 → 00:13:25 แล้วเขาก็หยุดเอง
00:13:25 → 00:13:29 แล้วพอหลังจากที่พอหยุดพอนิ่งกันไป
00:13:29 → 00:13:34 แล้วเขาก็ถามเรากลับมาว่า
00:13:34 → 00:13:37 แล้วนิ่งทำไมอ่ะอะไรอย่างเงี้ยเราเราก็
00:13:37 → 00:13:42 ตอบไปว่าเออเราแบบเราเราไม่ไม่อยากใช้
00:13:42 → 00:13:45 วิธีการเดิมแล้วแหละนะคะเรารู้ว่ามันไม่
00:13:45 → 00:13:49 ดีต่อทั้งทั้งแม่และลูกเพราะฉะนั้นแม่ก็
00:13:49 → 00:13:54 เลยมองดูว่าแม่จะทำยังไงต่อไปได้บ้าง
00:13:54 → 00:13:57 อย่างเงี้ยเพราะฉะนั้นสิ่งที่เรารู้ก็คือ
00:13:57 → 00:14:01 ฉันนี่แหละต้องเปลี่ยนตัวเองนะคะถ้าเรา
00:14:01 → 00:14:03 นี่แค่เรานิ่ง
00:14:03 → 00:14:07 ลูกเราก็หยุดแล้วอ่ะแล้วเขาแล้วเขาจะกลับ
00:14:07 → 00:14:10 เราต่างก็ค่อยๆ
00:14:10 → 00:14:15 ทำดาวค่อยๆสงบลงค่ะ
00:14:15 → 00:14:18 ตอนนี้เนี่ยถ้าเกิดใครฟังอยู่แล้วก็เป็น
00:14:18 → 00:14:22 มีประเด็นมีลูกวัยรุ่นแล้วก็ไม่เข้าใจกัน
00:14:22 → 00:14:25 แล้วก็ต้องต่อสู้ขัดแย้งกันเสมอแล้วก็
00:14:25 → 00:14:28 ต่างเสียงดังใส่กันนี้วันนี้จะได้เคล็ด
00:14:28 → 00:14:30 ลับเลยนะแล้วเป็นเคล็ดลับที่น่าอัศจรรย์
00:14:30 → 00:14:35 มากนะพอเราไม่ตอบกลับเขาก็เอ๊ะบ้างนะ
00:14:35 → 00:14:37 เพราะเขาเอ๊ะบ้างเนี่ย
00:14:37 → 00:14:40 แล้วเขาก็จะค่อยๆสงบลงแล้วผมคิดว่าจุด
00:14:40 → 00:14:44 สำคัญมันเริ่มจากตรงนี้เลยนะแล้วก็เมื่อ
00:14:44 → 00:14:47 กี้ผมนึกย้อนกลับไปตั้งแต่ตอนแรกเลยที่
00:14:47 → 00:14:50 พี่อ้อยถามบอกว่าเรื่องสมมุติเงี้ยแล้ว
00:14:50 → 00:14:53 บอกว่าลูกเป็นเรื่องสมมุติหรือของหรือของ
00:14:53 → 00:14:54 จริง
00:14:54 → 00:14:56 ประเด็นอยู่ตรงที่ว่าเมื่อตะกี้นี้ผมก็
00:14:56 → 00:14:58 เลยโยงกลับไปว่า
00:14:58 → 00:15:02 ลูกอ่ะเป็นของจริงแต่ว่าถ้าเราใช้คำว่า
00:15:02 → 00:15:05 ลูกของเรา
00:15:05 → 00:15:07 ไอ้คำว่าของเราเนี่ย
00:15:07 → 00:15:09 เป็นของสมบูรณ์
00:15:09 → 00:15:12 เพราะเขาเป็นลูกแต่เขาไม่ได้ของเรา
00:15:12 → 00:15:17 เขาก็มีเขาก็มีตัวตนของเขาแล้วพอเราเริ่ม
00:15:17 → 00:15:19 สังเกตตรงนี้ปุ๊บเนี่ยแล้วเราผมชอบ
00:15:19 → 00:15:22 ประเด็นที่ไม่ค่อยบอกว่าป้อนบอกว่าเรา
00:15:22 → 00:15:24 เริ่มที่การเปลี่ยนตัวเอง
00:15:24 → 00:15:28 แล้วหลายคนก็คงคิดในใจว่าเราเราเปลี่ยน
00:15:28 → 00:15:32 ความคิดที่ว่าเราเหนือเขาแล้วเมื่อกี้ที่
00:15:32 → 00:15:35 ชอบอีกอันนึงคือที่บอกว่ามันทำให้เราเกิด
00:15:35 → 00:15:39 ความเข้าใจเขาไปด้วยว่าก็เราอายุขนาดนี้
00:15:39 → 00:15:42 แล้วความคิดเราหรือพฤติกรรมของเราหรือก็
00:15:42 → 00:15:45 ยังไม่สมบูรณ์เลยแล้วเราจะไปคาดหวังไป
00:15:45 → 00:15:48 เค้นเอาความสมบูรณ์ความดีงามความถูกต้อง
00:15:48 → 00:15:50 จากลูกเราได้ยังไงเนี่ยพอเราเริ่มจากตรง
00:15:50 → 00:15:52 นี้แล้วเราก็เกิดการเปลี่ยนแปลงตัวเอง
00:15:52 → 00:15:57 เอ๊ะเองหาวิธีเปลี่ยนเองอย่างนึกวิธีไม่
00:15:57 → 00:15:59 ออกก็แค่ไม่ตอบโต้
00:15:59 → 00:16:04 การไปว่าการไม่ตอบโต้นี่แหละคือวิธี
00:16:04 → 00:16:08 แล้วความตั้งใจที่จะเปลี่ยนลูกแล้วพอเรา
00:16:08 → 00:16:10 หยุดว่าเราไม่เปลี่ยนเขาเนี่ยไอ้ความตั้ง
00:16:10 → 00:16:12 ใจว่าจะไม่เปลี่ยนแล้วเนี่ยกลายเป็นสิ่ง
00:16:12 → 00:16:17 ที่ไปเบียดลูกใช่ค่ะคุณผู้ฟังครับมันกลาย
00:16:17 → 00:16:18 เป็น
00:16:18 → 00:16:21 จะว่าเป็นเทคนิคเป็นกลยุทธ์ที่จะว่าซับ
00:16:21 → 00:16:23 ซ้อนเข้าไม่ได้นะ
00:16:23 → 00:16:27 ธรรมดามากแต่ว่าอานุภาพแล้วประสิทธิภาพ
00:16:27 → 00:16:29 รุนแรงมาก
00:16:29 → 00:16:31 แล้วหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นมันพัฒนาต่อ
00:16:31 → 00:16:33 ไปยังไง
00:16:33 → 00:16:37 ก็ก่อนที่จะไปต่อนะคะก็อยากอยากจะพูดถึง
00:16:37 → 00:16:41 คำที่อาจารย์กล่าวถึงเมื่อกี้นี้คือคำว่า
00:16:41 → 00:16:47 เจ้าของลูกคำนี้มันทำให้พ่อแม่เขาเรียก
00:16:47 → 00:16:50 ว่าแหลมมีพฤติกรรมปฏิสัมพันธ์กับลูกเนี่ย
00:16:50 → 00:16:54 ผิดเพี้ยนไปหมดเพราะว่าคิดว่าเพราะความ
00:16:54 → 00:16:58 รักนะจริงๆแล้วจริงๆความรักเป็นเรื่องดี
00:16:58 → 00:17:04 แต่ว่าพอใช้มันผิดมันเลยกลายเป็นโทษแล้ว
00:17:04 → 00:17:07 โทษนั้นมันไม่ได้ไม่ได้ให้แก่แก่ตัวพ่อ
00:17:07 → 00:17:10 แม่อย่างเดียวแต่มันให้แก่ลูกด้วยนะคะมัน
00:17:10 → 00:17:13 ไปผูกกับคำว่าพอเขาเป็นลูกแล้วเราเป็น
00:17:13 → 00:17:16 เจ้าของเขาเรารักเขาเราอยากให้เขาได้สิ่ง
00:17:16 → 00:17:21 ที่ดีที่สุดเพราะฉะนั้นเธออ่ะพึ่งอายุ 10
00:17:21 → 00:17:25 ขวบอ่า 15 ขวบเธอไม่มีทางที่จะรู้ดีเท่า
00:17:25 → 00:17:28 ชั้น 30 40 หรอกเพราะฉะนั้นฉันอาบน้ำ
00:17:28 → 00:17:31 ร้อนมาก่อนเธอฉันรู้ว่าอะไรดีไม่ดีเพราะ
00:17:31 → 00:17:33 ฉะนั้นทำตามฉันบอก
00:17:33 → 00:17:35 1 2 3 อย่างนี้อะไรอย่าไปนอกลู่นอกทาง
00:17:35 → 00:17:40 เพราะว่าฉันเป็นเจ้าของเธอแล้วเธอก็ควรจะ
00:17:40 → 00:17:42 ต้องเชื่อฟังเพราะฉันรักเธออย่างนี้นะคะ
00:17:42 → 00:17:46 เพราะฉะนั้นพอคำว่าเจ้าของในตัวลูกเนี่ย
00:17:46 → 00:17:49 มันเกิดขึ้นในหัวพ่อแม่เนี่ยพฤติกรรมมัน
00:17:49 → 00:17:52 จะผิดเพี้ยนไปหมดเลยจริงๆเนี่ยเขาก็คือ
00:17:52 → 00:17:57 มนุษย์คนหนึ่งที่มีสายเลือดของเรานะคะ
00:17:57 → 00:18:01 แล้วก็เขาเท่าเทียมเราเขาก็มีความสุขความ
00:18:01 → 00:18:04 ทุกข์ความชอบความไม่ชอบอะไรต่ออะไรที่
00:18:04 → 00:18:07 เป็นตัวของเขานะคะอันไหนที่ดีเราก็
00:18:07 → 00:18:10 สนับสนุนอันไหนที่ไม่ดีเราก็ประคับประคอง
00:18:10 → 00:18:12 อะไรประมาณนั้น
00:18:12 → 00:18:15 แต่อันหนึ่งที่ก่อนที่จะไปถึงแบบสเต็ปต่อ
00:18:15 → 00:18:19 ไปนะอาจารย์อันนึงที่ไม่พูดไม่ได้เลยก็
00:18:19 → 00:18:21 คือพ่อแม่เนี่ย
00:18:21 → 00:18:27 เวลาตัวเองเคยมีฝันมีมีความคาดหวังอะไร
00:18:27 → 00:18:32 ที่แบบอยากจะทำสิ่งนั้นแล้วไม่ได้
00:18:32 → 00:18:34 พอมีลูกอ่ะ
00:18:34 → 00:18:38 มักจะเอาไอ้สิ่งนั้นไปยัดให้ลูกเอาความ
00:18:38 → 00:18:41 ฝันของตัวเองให้ลูกแบกต่อให้ลูกแบกต่อ
00:18:41 → 00:18:45 แล้วตัวเองอ่ะมีความสุขนะคะเช่น
00:18:45 → 00:18:50 ว่าสมมุติว่าฉันเคยสมัยก่อนยากจนมากเลยนะ
00:18:50 → 00:18:55 คะยากจนมากเลยก็ต้องไปเรียนขอทุนนู่นนี่
00:18:55 → 00:18:58 หรืออะไรก็ตามเรียนมหาลัยก็ต้องเรียน
00:18:58 → 00:19:03 มหาลัยที่เขาเรียกว่าอะไรใช้จ่ายน้อยสุด
00:19:03 → 00:19:07 มหาลัยดีๆที่ฉันอยากเรียนเนี่ยฉันก็ไม่
00:19:07 → 00:19:08 สามารถหรอก
00:19:08 → 00:19:11 คราวนี้พอตัวเองสร้างฐานะมาเริ่มเป็นปึก
00:19:11 → 00:19:14 แผ่นมีลูกเลี้ยงลูกได้ดีเนี่ยลูกจะต้อง
00:19:14 → 00:19:19 เข้ามาหาวิทยาลัยแห่งนี้คณะนี้
00:19:19 → 00:19:20 เฮ้ย
00:19:20 → 00:19:23 ลูกเขาชอบเหมือนคุณหรือเปล่า
00:19:23 → 00:19:28 สมมุติว่าลูกลูกชอบร้องเพลงแต่คุณน่ะอยาก
00:19:28 → 00:19:31 เรียนรัฐศาสตร์นิติศาสตร์อย่างงี้เป็นต้น
00:19:31 → 00:19:36 ปรากฏว่าคุณก็โอ้โหให้ลูกไปเรียนพิเศษ
00:19:36 → 00:19:40 นู่นนี่ทำทุกอย่างเลยเพื่อให้ลูกได้ได้
00:19:40 → 00:19:43 เข้ามหาวิทยาลัยนี้ได้เหรียญขนาดนี้
00:19:43 → 00:19:49 แต่คุณถามใจลูกไหมว่าจริงๆแล้วลูกรักลูก
00:19:49 → 00:19:55 ชอบอะไรยังไงอันนี้คือสิ่งที่แบบเป็นเยอะ
00:19:55 → 00:19:59 มากอาจารย์แล้วมันสร้างความทุกข์ให้ทั้ง
00:19:59 → 00:20:00 พ่อและแม่นะ
00:20:00 → 00:20:04 แล้วก็ลูกด้วยอันนี้เป็นเป็นประเด็นที่
00:20:04 → 00:20:06 พ่อพูดถึงนี่เป็นประเด็นคลาสสิคมากเลยนะ
00:20:06 → 00:20:12 แล้วเจอได้ในทุกที่แล้วเจอได้ในทุกในแต่
00:20:12 → 00:20:15 ละปีนะผมจะมีประเด็นบอกว่าพอช่วง
00:20:15 → 00:20:19 เอ็นทรานซ์ก็จะมีพ่อแม่หรือลูกมาปรึกษา
00:20:19 → 00:20:20 เสมอเลยว่า
00:20:20 → 00:20:24 ลูกอยากเรียนอันนี้แต่พ่อแม่อยากให้อัน
00:20:24 → 00:20:27 นี้นะหรือแล้วก็เกิดความขัดแย้งกันแล้วก็
00:20:27 → 00:20:29 เกิดความขุ่นมัว
00:20:29 → 00:20:32 แต่ประเด็นที่เรื่องที่ผมนึกถึงเรื่องนี้
00:20:32 → 00:20:34 นะแล้วผมนึกถึงแล้วผมจำได้ตลอดเลยก็คือ
00:20:34 → 00:20:39 ว่าผมเคยไปบรรยายที่นึงนะฮะให้กับอ่า
00:20:39 → 00:20:42 เขาเรียกว่าเป็นคณะแพทย์ศาสตร์นะ
00:20:42 → 00:20:46 คือคนที่เรียนจบแพทย์นี่คือคนที่สอบแพทย์
00:20:46 → 00:20:48 ได้นี่คือเก่งอ่ะนะ
00:20:48 → 00:20:50 ใช่มั้ยแล้วเรียนจบ 7 ปีเนี่ยแล้วก็ได้
00:20:51 → 00:20:52 เกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทองนี่โอ้โห
00:20:52 → 00:20:56 สุดยอดเลยนะแต่ว่าวันนึงเนี่ยเด็กคนนี้มา
00:20:56 → 00:21:00 ปรึกษาผมบอกว่าอาจารย์ครับผมกำลังจะจบ
00:21:00 → 00:21:02 แพทย์แล้วปี 7 เกียรตินิยมอันดับ 1
00:21:02 → 00:21:09 เหรียญทองครับแต่ผมไม่ได้อยากเป็นหมอครับ
00:21:09 → 00:21:12 เกิดความสงสัยว่าแล้วมาถึงวันนี้ได้ไง
00:21:12 → 00:21:17 คำตอบเขาก็คือ 2 ข้อก็คือไม่ใช่พ่อแม่
00:21:17 → 00:21:19 อย่างเดียวนะครูครับ
00:21:19 → 00:21:23 ครูเขาบอกว่าผมคะแนนถึงครับคะแนนดีแบบนี้
00:21:23 → 00:21:26 ติดแพทย์แน่นอนและถ้าเกิดว่าเด็กคนหนึ่งม
00:21:26 → 00:21:29 6 คะแนนถึงแล้วสอบติดแพทย์เนี่ยมันเป็น
00:21:29 → 00:21:32 ชื่อเสียงของโรงเรียนและเป็นชื่อความภาค
00:21:32 → 00:21:33 ภูมิใจของครู
00:21:33 → 00:21:36 แต่ว่าเด็กไม่ได้อยากเป็นไงแล้วพอครูแนะ
00:21:36 → 00:21:41 นำว่าคะแนนถึงปึ๊บ
00:21:41 → 00:21:45 เป็นแพทย์ดีไปเลยนะจนจบเลย
00:21:45 → 00:21:48 แต่เด็กไม่ได้ชอบก็คือเด็กคนนี้ก็จะต้อง
00:21:48 → 00:21:49 แบบ
00:21:49 → 00:21:53 ความคาดหวังอะไรของของโรงเรียนของครูของ
00:21:53 → 00:21:57 พ่อแม่ก็จะเต็มไปด้วยความทุกข์
00:21:57 → 00:22:00 เพราะฉะนั้นผมคิดว่าประเด็นนี้
00:22:00 → 00:22:02 วันนี้เราเริ่มเปิดประเด็นด้วยคำว่าสมมติ
00:22:02 → 00:22:06 แล้วก็นำมาสู่ความสัมพันธ์อันหนึ่งซึ่ง
00:22:06 → 00:22:08 เป็นเรื่องสมมุติแต่ว่าเราเป็นจริงเป็น
00:22:08 → 00:22:11 จังแล้วทำให้เราแบบตอนนี้ทุก
00:22:11 → 00:22:15 ๆฝ่ายเต็มไปด้วยความทุกข์ความขุ่นมัวทุก
00:22:15 → 00:22:18 ฝ่ายก็คือความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับ
00:22:18 → 00:22:19 ลูก
00:22:19 → 00:22:22 เพราะเราแยกไม่ออกว่าอะไรคือจริงอะไรคือ
00:22:22 → 00:22:23 สมมุติ
00:22:23 → 00:22:28 แล้วเราก็ยึดติดกับมันแล้วก็ยังมีเรื่อง
00:22:28 → 00:22:31 ของวัฒนธรรมความเชื่อเกี่ยวกับพ่อแม่กับ
00:22:31 → 00:22:32 ลูกอีก
00:22:32 → 00:22:36 แล้วก็เราก็แบกสิ่งนี้มาจนกระทั่งผมเชื่อ
00:22:36 → 00:22:40 ว่าคุณผู้ฟังจะเข้าใจได้ทันทีเลยว่า
00:22:40 → 00:22:43 มันทำให้คนในสังคมเนี่ยเต็มไปด้วยความ
00:22:43 → 00:22:44 ทุกข์ขนาดไหน
00:22:44 → 00:22:48 ถ้าเป็นคำของแม่อ้อยที่พูดเสมอๆก็คือติด
00:22:48 → 00:22:53 ลมติดลมความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูกซึ่ง
00:22:53 → 00:22:55 เป็นเรื่องสมมุติ
00:22:55 → 00:22:56 แล้วเราเอาคิดว่ามันเป็นเรื่องเป็นจริง
00:22:56 → 00:22:58 เป็นจังแล้วก็
00:22:58 → 00:23:02 ถือปฏิบัติตามนั้นแต่ว่าคุณผู้ฟังครับวัน
00:23:02 → 00:23:04 นี้เราได้เคล็ดลับเกี่ยวกับเรื่องนี้ความ
00:23:04 → 00:23:05 สัมพันธ์
00:23:05 → 00:23:08 คุณพ่อคุณแม่หรือคุณผู้ฟังที่เป็นพ่อแม่
00:23:08 → 00:23:10 นะหรือแม้กระทั่งเป็นลูกเนี่ย
00:23:10 → 00:23:14 ที่ฟังอยู่แล้วพบว่าเรากำลังติดลมเรื่อง
00:23:15 → 00:23:17 ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูก
00:23:17 → 00:23:20 วันนี้แม่อ้อยได้ชี้ให้เห็นว่าเราหลุดออก
00:23:20 → 00:23:24 มาได้ก็ด้วยกลยุทธ์เดิมนะเอ๊ะ
00:23:24 → 00:23:28 ถ้ามันชีวิตเราดำเนินไปแบบนี้แล้วมีความ
00:23:28 → 00:23:31 ทุกข์แสดงว่าไม่ใช่ของมันไม่ถูกต้องแล้ว
00:23:31 → 00:23:34 แล้วเราจะทำยังไงแล้วอ้อยก็บอกว่าอันดับ
00:23:34 → 00:23:38 แรกตั้งข้อสังเกต AV ไว้ก่อนแล้วส่วนจะทำ
00:23:38 → 00:23:39 ยังไงเนี่ย
00:23:39 → 00:23:42 ถ้าไม่รู้ว่าจะทำยังไงนะอย่างแรกก็คือ
00:23:42 → 00:23:48 อย่าทำเหมือนเดิม
00:23:48 → 00:23:52 แล้วไม่ว่ายกตัวอย่างชัดเจนมากก็คือเรา
00:23:52 → 00:23:56 เชื่อว่าเราเป็นผู้นำเป็นผู้ควบคุมลูกเรา
00:23:56 → 00:23:58 ต้องถูกเสมอ
00:23:58 → 00:24:02 ลูกเถียงเราต้องสวนกลับไปให้หนักกว่าเดิม
00:24:02 → 00:24:06 อันนั้นไม่ทำแบบนั้นแต่วิธีเดิมวิธีใหม่
00:24:06 → 00:24:10 ก็คือทำไงดียังไม่รู้แต่ว่าไม่สวยแบบเดิม
00:24:10 → 00:24:20 ไม่สนแบบเดิมก็คือเงียบเงียบ
00:24:20 → 00:24:24 เองเพราะเราก็เป็นแบบนั้นแต่ว่าที่สำคัญ
00:24:24 → 00:24:28 ที่ผมชอบซื้อคือพอเราเงียบปึ๊บกลายเป็น
00:24:28 → 00:24:33 ว่าลูกงงลูกก็เอ๊ะเหมือนกันวันนี้แม่มา
00:24:33 → 00:24:34 แปลก
00:24:34 → 00:24:37 ต้องกินยาผิดกินยาผิด
00:24:37 → 00:24:40 เขาเขาก็เลยไม่เพิ่มความดังนะแล้วเขาก็
00:24:40 → 00:24:45 หยุดเลยแล้วสมัยก่อนเนี่ยเราก็ยึดติดกับ
00:24:45 → 00:24:48 สมมุติว่าเราจะต้องเปลี่ยนเขา
00:24:48 → 00:24:51 แต่พอเราวางอันนี้ลองเราเอ๊ะไม่แล้วเรา
00:24:51 → 00:24:53 ไม่ต้องการจะเปลี่ยนเขาแล้วเราต้องพยายาม
00:24:53 → 00:24:56 จะเปลี่ยนตัวเองกลายเป็นว่าคุณผู้ฟังครับ
00:24:56 → 00:25:00 สิ่งนี้แหละคือสิ่งที่เปลี่ยนเขา
00:25:00 → 00:25:02 แล้วเปลี่ยนเขาไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
00:25:03 → 00:25:06 คุณผู้ฟังครับผมคิดว่าสมัยก่อนเนี่ยผมคิด
00:25:06 → 00:25:08 ว่า podcast ตอนหนึ่งครึ่งชั่วโมงเนี่ย
00:25:08 → 00:25:10 มันยาวเหมือนกันนะ
00:25:10 → 00:25:13 แต่ตั้งแต่มาคุยกับป้าอ้อยเนี่ยรู้สึกว่า
00:25:13 → 00:25:15 ครึ่งชั่วโมงไม่
00:25:15 → 00:25:21 ทันแต่ว่าผมคิดว่ากำลังดีที่เราก็ส่งมอบ
00:25:21 → 00:25:23 แง่คิดมุมมอง
00:25:23 → 00:25:26 ครั้งหนึ่งก็เรื่องหนึ่งคราวนี้เนี่ยเรา
00:25:26 → 00:25:29 ได้เรื่องว่าอะไรสมมุติอะไรจริงโดยเฉพาะ
00:25:29 → 00:25:30 อย่างยิ่งเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างแม่
00:25:30 → 00:25:31 ลูก
00:25:31 → 00:25:35 แล้วพอเราเอ๊ะเราจะพบวิธีแล้วเราก็จะ
00:25:35 → 00:25:37 สามารถเปลี่ยนแปลง
00:25:37 → 00:25:40 จากคนคนหนึ่งแม่อ้อยเนี่ยซึ่งเคยเป็น
00:25:40 → 00:25:44 นางยักษ์สำหรับลูกเนี่ยเปลี่ยนเป็นเพื่อน
00:25:44 → 00:25:45 รัก
00:25:45 → 00:25:48 แล้วก็เปลี่ยนรูปจากเดิมที่เป็นภาระเป็น
00:25:48 → 00:25:51 อะไรตอนนี้กลายเป็นคนละเรื่องเลย
00:25:51 → 00:25:54 เปลี่ยนรูปจากเดิมที่บอกว่าแม่ออกจากบ้าน
00:25:54 → 00:25:58 ไปยิ่งยิ่งบ่อยยิ่งดีตอนนี้อยู่บ้านบ้าง
00:25:58 → 00:25:59 นะแม่
00:25:59 → 00:26:03 จากที่ไม่กลับเลยดีสบายใจตอนนี้บอกกลับ
00:26:03 → 00:26:07 ได้แล้วเป็นห่วงเป็นห่วงคุณผู้ฟังครับ
00:26:07 → 00:26:09 podcast ตอนนี้นะครับศัลยกรรมความสุขตอน
00:26:09 → 00:26:13 เรื่องราวของความสมมุติระหว่างพ่อแม่กับ
00:26:13 → 00:26:17 ลูกที่ทำให้เราเคยทุกข์นะครับเรามาใช้แง่
00:26:17 → 00:26:20 คิดมุมมองของตัวเองเปลี่ยนแล้วเราก็จะ
00:26:20 → 00:26:23 กลายเป็นมีชีวิตที่มีความสุขขึ้นนะครับ
00:26:23 → 00:26:25 เพื่อนๆครับรายการศัลยกรรมความสุขในวัน
00:26:25 → 00:26:28 นี้ผมวีระพงษ์ทวีศักดิ์และป้าอ้อยนะครับ
00:26:28 → 00:26:30 มนุษย์ป้าท้าเป็นโรคก็ต้องขอลาไปก่อนนะ
00:26:30 → 00:26:33 ครับสวัสดีครับสวัสดีค่ะ
00:26:33 → 00:26:43 [เพลง]
00:26:43 → 00:26:57
00:26:57 → 00:27:06 [เพลง]
00:27:06 → 00:27:22
00:27:22 → 00:27:31 [ปรบมือ]
00:27:31 → 00:27:57 [เพลง]
00:29:23 → 00:29:26 Google
00:29:26 → 00:29:41 [เพลง]
00:29:41 → 00:29:46