00:00:15 → 00:00:19 ยาพาราเซตามอลจัดเป็นยาสามัญประจำบ้าน
00:00:19 → 00:00:22 ที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลายเป็นอันดับต้นๆเลยนะคะ
00:00:22 → 00:00:24 เนื่องจากว่าหาซื้อได้ง่าย
00:00:24 → 00:00:27 ใช้ได้ทั้งสำหรับอาการลดไข้แล้วก็ลดอาการปวด
00:00:27 → 00:00:31 แต่ว่าขึ้นชื่อว่ายาค่ะ ก็ควรจะต้องมีการใช้อย่างถูกวิธี
00:00:31 → 00:00:34 เพื่อที่จะลดผลข้างเคียงต่อสุขภาพที่จะตามมาได้ค่ะ
00:00:34 → 00:00:37 วันนี้หมอมีข้อควรรู้ 3 ข้อ
00:00:37 → 00:00:40 เกี่ยวกับการใช้ตัวยาพาราเซตามอลมาฝากกันค่ะ
00:00:40 → 00:00:44 ข้อแรกก็คือเรื่องของขนาดในการใช้ยาในแต่ละครั้งค่ะ
00:00:44 → 00:00:47 ตัวยาพาราเซตามอลสำหรับผู้ใหญ่โดยทั่วไปที่เราใช้กันอะค่ะ
00:00:47 → 00:00:50 จะมีขนาดเม็ดละ 500 มิลลิกรัม
00:00:50 → 00:00:53 ในคนที่มีน้ำหนักตัวไม่เกิน 50 กิโลกรัม
00:00:53 → 00:00:56 ควรจะรับประทาน/ครั้ง ไม่เกินครั้งละ 1 เม็ด
00:00:56 → 00:01:00 ส่วนในคนที่น้ำหนักตัว 51 กิโลกรัม - 67 กิโลกรัม
00:01:00 → 00:01:03 ก็ควรที่จะรับประทาน/ครั้ง ไม่เกิน 1 เม็ดครึ่ง
00:01:03 → 00:01:06 ส่วนคนที่น้ำหนักตัว 67 กิโลกรัมขึ้นไป
00:01:06 → 00:01:10 ก็จะสามารถรับประทานได้ไม่เกินครั้งละ 2 เม็ดค่ะ
00:01:10 → 00:01:14 และในการรับประทานในแต่ละครั้งอะค่ะ ควรจะให้ห่างกันอย่างน้อย 4 ชั่วโมง
00:01:14 → 00:01:18 และในหนึ่งวันไม่ควรที่จะรับประทานเกิน 8 เม็ดค่ะ
00:01:18 → 00:01:22 เพราะว่าไม่งั้นเนี่ยจะเกิดความเสี่ยงต่อการทำให้เกิดพิษที่ตับตามมา
00:01:22 → 00:01:27 ข้อ 2 ก็คือไม่ควรทานยาพาราเซตามอลร่วมกับแอลกอฮอล์ค่ะ
00:01:27 → 00:01:30 หรือว่าไม่ควรจะทานในระยะเวลาที่ใกล้เคียงกัน
00:01:30 → 00:01:32 เพราะทั้งยาพาราเซตามอลและแอลกอฮอล์ค่ะ
00:01:32 → 00:01:35 ล้วนส่งผลทำให้เกิดพิษต่อตับได้
00:01:35 → 00:01:40 ยิ่งถ้าทานร่วมกันนะคะก็จะทำให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดตับอักเสบตามมาค่ะ
00:01:40 → 00:01:43 และข้อ 3 นะคะ เนื่องจากยาพาราเซตามอลเนี่ย
00:01:43 → 00:01:45 เป็นยาที่ต้องถูกกำจัดที่ตับ
00:01:45 → 00:01:48 ในคนที่มีการทำงานของตับบกพร่องอะค่ะ
00:01:48 → 00:01:51 ไม่ว่าจะเป็นภาวะตับอักเสบจากการติดเชื้อไวรัส
00:01:51 → 00:01:54 คนที่มีปัญหาตับแข็งหรือว่ามะเร็งที่ตับ
00:01:54 → 00:01:57 ควรจะต้องปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยาพาราเซตามอลนะคะ
00:01:57 → 00:01:59 เพราะว่าอาจจะต้องปรับขนาดของยา
00:01:59 → 00:02:02 หรือว่าอาจจะต้องปรับเปลี่ยนไปใช้ยาในกลุ่มอื่นแทนค่ะ