00:00:00 → 00:00:04 การรักษาโรควิตพลไปทั่วแบบไม่ชยา Part 4
00:00:04 → 00:00:07 ก็ 3 คลิปที่แล้วนะครับเราพูดถึงการรักษา
00:00:07 → 00:00:10 โรควิตกไปทั่วแบบไม่ชยาโดยการจัดการที่
00:00:10 → 00:00:13 ความคิดนะครับแล้วก็จัดการที่อาการทางกาย
00:00:13 → 00:00:15 นะครับอันนี้พารนี้เป็นพารสุดท้ายและเรา
00:00:15 → 00:00:17 มาดูการจัดการที่พฤติกรรมกันนะครับว่าทำ
00:00:18 → 00:00:23 ยังไงนะครับก็ไปดูกันเลยก็เราจะต้องยกตัว
00:00:23 → 00:00:26 อย่างกันก่อนนะฮะว่าไอ้พฤติกรรมที่มันทำ
00:00:26 → 00:00:28 ให้ความกวลยังคงอยู่เป็นยังไงนะครับที่
00:00:28 → 00:00:31 เจอบ่อยๆก็คือ 1 ก็คือการ reassurance นะ
00:00:31 → 00:00:34 ครับอย่างเช่นอ่าเรากลัวว่าลูกสาวจะเกิด
00:00:34 → 00:00:36 อุบัติเหตุนะครับมีอาการทงกายน้อยไม่หลับ
00:00:37 → 00:00:40 ปวดไม่ตำตัวนะฮะเราจะใช้พฤติกรรมก็คือเรา
00:00:40 → 00:00:44 โทรไปเช็คลูกสาวว่ายังอยู่ดีอยู่ยนะครับ
00:00:44 → 00:00:47 แล้วทำให้ความกังวลมันลดลงแค่ชั่วคราวนะ
00:00:47 → 00:00:49 ครับแต่ว่าระยะยาวเนี่ยมันยังทำให้เรา
00:00:49 → 00:00:52 เชื่อว่าลูกสาวน่าจะเกิดอุบัติเหตุหรือ
00:00:52 → 00:00:54 เกิดอันตรายแน่เลยนะครับอันนี้คือ
00:00:54 → 00:00:56 reassurance นะครับอันที่ 2 ก็คือ
00:00:56 → 00:00:59 avoidance Behavior หรือว่าหลีกหนีนะ
00:00:59 → 00:01:01 ครับจะยกตัวอย่างบ่อยๆในคลิปก่อนหน้านี้
00:01:01 → 00:01:03 นะฮะอย่างเช่นการไปพรีเซนหน้าชั้นแล้วเรา
00:01:03 → 00:01:05 ก็มีความกังวลนะครับแล้วก็หลีกหนีการ
00:01:05 → 00:01:08 พรีเซนอาจจะให้เพื่อนพีเซนแทนนะครับมันก็
00:01:08 → 00:01:10 ยังทำให้ความเชื่อว่าเราจะพีเซนไม่ได้
00:01:10 → 00:01:12 หรือว่าคนอื่นจะมองเราไม่ดีเนี่ยมันยังคง
00:01:12 → 00:01:15 อยู่นะครับอันนี้ปัญหาพฤติกรรม 2 อันหลัก
00:01:15 → 00:01:18 ๆที่มันจะทำให้เกิดความกังวลอยู่ทีนี้เรา
00:01:18 → 00:01:20 จะจัดการพฤติกรรมยังไงนะฮะอย่างเช่น
00:01:20 → 00:01:22 เรื่องการ avoid dan สีีเนี่ยอย่างเช่น
00:01:23 → 00:01:24 เราไปพรีเซนหน้าชั้นเราไม่กล้านะครับแล้ว
00:01:25 → 00:01:29 ก็หลีกหนีพฤติกรรมนั้นนะครับทีนี้เราก็
00:01:29 → 00:01:31 คือเราประชเดินกับมันนะครับแล้วดูว่ามัน
00:01:31 → 00:01:33 เกิดอย่างที่เราคิดหรือเปล่านะครับอย่าง
00:01:33 → 00:01:36 ที่เรากลัวหรือเปล่าเพื่อพิสูจน์นั่นเอง
00:01:36 → 00:01:38 นะครับอันที่ 2 ก็คือถ้ามันเกิดขึ้นอย่าง
00:01:38 → 00:01:41 นั้นจริงๆเราก็จะได้เรียนรู้ว่าเราจะจัด
00:01:41 → 00:01:46 การเหตุการณ์ที่มันตามมานั้นยังไงนะครับ
00:01:46 → 00:01:49 อย่างที่ 2 ก็คือพฤติกรรมที่มันการถาม
00:01:49 → 00:01:52 บ่อยๆทำซ้ำๆนะครับยกตัวอย่างคุณพ่อกังวล
00:01:52 → 00:01:55 เรื่องลูกสาวนะครับเราก็แค่ไม่ต้องถามนะ
00:01:55 → 00:01:58 ครับแล้วลองดูซิว่ามันจะเกิดหรือเปล่านะ
00:01:58 → 00:02:00 ครับอาจะโจทไว้ก็ได้ว่ามันเกิดไม่เกิดนะ
00:02:00 → 00:02:03 ครับมันก็จะทำให้เราเกิดอ่าประสบการณ์
00:02:03 → 00:02:05 ใหม่ๆนะครับแล้วมันประสบการณ์ใหม่ๆมันแน่
00:02:06 → 00:02:09 นอนมันจะเปลี่ยนอาการเก่าๆที่มันมีนะครับ
00:02:09 → 00:02:12 อ้อแล้วก็อยากจะฝากว่าจริงๆความกังวลก็มี
00:02:12 → 00:02:15 ประโยชน์นะครับความกังวลทำให้คนเราเนี่ย
00:02:15 → 00:02:17 เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่จะเข้า
00:02:17 → 00:02:20 มานะครับอย่างเช่นถ้าสอบเราไม่กังวลนะ
00:02:20 → 00:02:22 ครับเราไม่อ่านนะครับเราก็ทำไม่ได้นะครับ
00:02:22 → 00:02:25 จริงๆความกวลมีประโยชน์นะครับถ้ามันอยู่
00:02:25 → 00:02:29 ในระดับที่เหมาะสมนะครับบางอย่างถ้ากวล
00:02:29 → 00:02:30 มากเกินไป
00:02:30 → 00:02:32 นะครับแล้วมันไม่เกิดเลยนะครับโอกาสเกิด
00:02:33 → 00:02:36 จริงๆเป็น 0 นะเรากังวลนะฮะก็กลัวฟรีนะ
00:02:36 → 00:02:39 ครับไม่คุ้มเลยนะครับคือไม่เกิดด้วยซ้ำ
00:02:39 → 00:02:44 แต่ว่าก็กังวลไปก่อนนะครับก็ก็จะจะฝากว่า
00:02:44 → 00:02:46 ทุกคนให้กังวลอย่างระดับที่พอเหมาะนะครับ
00:02:47 → 00:02:51 ที่กังวลมากเกินไปก็ปล่อยวานะครับมองโลก
00:02:51 → 00:02:54 ตามความเป็นจริงนะครับก็น่าจะประมาณนี้
00:02:54 → 00:02:56 ครับถ้าคลิปหน้าอาจจะพูดถึงเกี่ยวกับ
00:02:56 → 00:03:00 เรื่องการใช้ยานะครับในโรควิตกกวนหลายๆ
00:03:00 → 00:03:03 แบบนะครับคนถามมาค่อนข้างเยอะในคอมเมนต์
00:03:03 → 00:03:05 นะฮะ