00:00:00 → 00:00:02 เรื่องหลักคือไอ้หลอดเลือดหัวใจนี่แหละจะ
00:00:02 → 00:00:05 บอกว่าการวิ่งสายพานผ่านไม่ได้บอกนะว่า
00:00:05 → 00:00:09 หลอดเลือดเราไม่ติดการวิ่งผ่านคือกราฟ
00:00:09 → 00:00:11 เนี่ยมันไม่เปลี่ยนถ้ากราฟมันเปลี่ยนมัน
00:00:11 → 00:00:13 จะมีกราฟเปลี่ยนบางแบบที่บ่งบอกถึงว่า
00:00:13 → 00:00:15 อันเนี้ยน่าจะมีหัวใจขาดเลือดหลอดเลือด
00:00:16 → 00:00:19 มันน่าจะมีปีกแต่อันเนี้ยวิ่งผ่านแต่ตรวจ
00:00:19 → 00:00:21 แคลเซียมสกอร์แล้วตรวจว่ามีแคลเซียมใน
00:00:21 → 00:00:23 หลอดเลือดเท่าไหร่ตอนนี้มีอยู่ประมาณ 560
00:00:23 → 00:00:25 ซึ่งถือว่าเยอะซึ่งอันเนี้ยมันบ่งบอกว่า
00:00:25 → 00:00:27 อันเนี้ยหลอดเลือดหัวใจมันมีติดแล้ว
00:00:27 → 00:00:30 สมมุตินะปีนี้ตรวจ 560 ปีต่อไปตรวจเป็น
00:00:30 → 00:00:34 800 ปีต่อไปตรวจเป็น 1,000 นึงได้ทำลูน
00:00:34 → 00:00:36 แน่นอนเกิด heart แทackแน่นอนจะต้องมีวัน
00:00:36 → 00:00:39 นึงเจ็บแน่นหน้าอกหนามส่งโรงพยาบาลส่วน
00:00:39 → 00:00:42 หัวใจทำบลูนอันนี้คือการันตีว่าเกิดแน่
00:00:42 → 00:00:44 นอนถ้าหยุดแคลเซียมสกอไม่ได้เพราะฉะนั้น
00:00:45 → 00:00:47 อันนี้คือคีย์หลักคือคุมเค้าให้ได้คุมให้
00:00:47 → 00:00:50 อยู่ให้ขึ้นให้น้อยที่สุดเรารู้แล้วว่า
00:00:50 → 00:00:53 ตอนเนี้ยเรามีความเสี่ยงชื่อโรคมันคือ
00:00:53 → 00:00:55 อทโลสอรosเป็นภาวะที่หลอดเลือดมันเสื่อม
00:00:55 → 00:00:58 ตอนเนี้ยเราต้องยับยั้งการเสื่อมของหลอด
00:00:58 → 00:01:01 เลือดให้ได้ซึ่งถ้าเราหยุดภาวะนี้ไม่ได้
00:01:02 → 00:01:03 แล้วมันติดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆสุดท้ายมันจะ
00:01:03 → 00:01:07 ตังพอมันตังปึ๊บจะเกิดปัญหาการจะหยุดภาวะ
00:01:07 → 00:01:10 นี้โดยทั่วไปโรงพยาบาลก็จะจ่ายแอสินมาให้
00:01:10 → 00:01:13 จ่ายยาลดไขมันมาให้การกินยา 2 ตัวนี้ไม่
00:01:13 → 00:01:15 ได้การันตีว่าจะไม่เกิดเบ็ดเสร็จแล้วต้อง
00:01:15 → 00:01:19 มารู้ว่ากลไกอะไรบ้างที่ทำให้เป็นเพิ่ม
00:01:19 → 00:01:21 ขึ้นการเป็นเพิ่มขึ้นเนี่ยมันเริ่มต้นจาก
00:01:21 → 00:01:25 อะไรเริ่มต้นจากมีอะไรก็ตามที่ไปทำร้าย
00:01:25 → 00:01:27 หลอดเลือดเราเช่นความดันความดันโลหิตสูง
00:01:27 → 00:01:29 เนี่ยหลายคนที่อยากกินยาแล้วไม่ยอมกินยา
00:01:30 → 00:01:32 ความดันซึ่งผมอยากจะบอกว่าไม่คุ้มเพราะ
00:01:32 → 00:01:36 ว่าแรงดันเลือดที่สูงจะเป็นตัวทำร้ายหลอด
00:01:36 → 00:01:38 เลือดให้มันยิ่งเสื่อมลงถ้าเกิดมีแค่กด
00:01:38 → 00:01:41 ยูริกที่สูงก็ทำร้ายหลอดเลือดน้ำตาลที่
00:01:41 → 00:01:44 สูงก็ทำร้ายหลอดเลือดมีปัจจัยอะไรก็ตาม
00:01:44 → 00:01:46 ที่มาทำร้ายหลอดเลือดเราต้องยับยั้งเหล่า
00:01:46 → 00:01:48 นั้นณตอนเนี้ยคือมีเรื่องของความดันที่
00:01:48 → 00:01:50 มันทำร้ายหลอดเลือดเพราะฉะนั้นต้องคุม
00:01:50 → 00:01:53 ความดันให้ดีสเต็ปที่ 1 วัดความดันที่
00:01:53 → 00:01:55 บ้านมาให้ผมดูก่อนเดี๋ยวผมจะมีตารางวัด
00:01:56 → 00:01:58 ความดันไปให้จะให้วัดมาให้ดู 5 เวลาต่อ
00:01:58 → 00:02:01 วันตื่นเช้ามาไปฉี่ก่อนฉี่เสร็จแล้ววัด
00:02:01 → 00:02:04 เลยตั้งแต่ตอนเช้าเนาะสมมุติว่าตื่น 18:00
00:02:04 → 00:02:06 น. 18:00 น.ฉี่เสร็จวัดเลยแล้ววัดทุก 4
00:02:06 → 00:02:09 ชั่วโมงให้ผม 10:00 น. 14:00 น. 18:00 น.
00:02:09 → 00:02:11 แล้วจะนอนก็วัดอีกทีนึงวัดมาให้ผมสัก 2-3
00:02:11 → 00:02:14 วันแล้วผมอยากดูว่าความดันมันดีทั้งวัน
00:02:14 → 00:02:16 หรือเปล่าทีนี้เวลามีอะไรมาทำร้ายหลอด
00:02:16 → 00:02:18 เลือดเราหลอดเลือดเรามันจะเกิดการอักเสบ
00:02:18 → 00:02:20 มันก็จะมีค่าการอักเสบของหลอดเลือดที่มัน
00:02:20 → 00:02:22 ขึ้นมาทีเนี้ยค่าการอักเสบของหลอดเลือด
00:02:22 → 00:02:25 ตัวนึงที่ชื่อโฮโมซิสอีนเนี่ยตัวเเป็นตัว
00:02:25 → 00:02:27 ที่ทำร้ายหลอดเลือดซ้ำอีกตัวเมีลักษณะ
00:02:27 → 00:02:30 เหมือนเป็นผลึกเข็มเล็กๆถ้ามันสูงเลือด
00:02:30 → 00:02:32 มันก็จะพูดผนังหลอดเลือดให้มันยิ่งเป็น
00:02:32 → 00:02:35 รอยเสียหายตรงไหนหลอดเลือดมันอักเสบ LDL
00:02:35 → 00:02:39 มันจะไปแปะไปซ่อมไม่ให้มันฉีดขาคือปัจจัย
00:02:39 → 00:02:42 เนี่ยมันก็จะมีอีกว่า LDL มันมีแบ่งเป็น
00:02:42 → 00:02:45 ตัวใหญ่กับตัวเล็กผมจะบอกว่ายิ่งเล็กยิ่ง
00:02:45 → 00:02:47 ร้ายเพราะฉะนั้นเนี่ยนอกจากจะคุม LDL
00:02:47 → 00:02:49 แล้วเนี่ยเราต้องทำให้ LDL เราเป็นตัว
00:02:49 → 00:02:52 ใหญ่ๆ HDL เป็นอีกเรื่องนึง HDL เป็นตัว
00:02:52 → 00:02:55 ที่คอยลอกหลอดเลือดให้เราถ้ามี LDL ไป
00:02:55 → 00:02:58 เกาะ HDL จะไปจับแล้วก็ดูด LDL ดูดออกดูด
00:02:58 → 00:03:01 ออกเพราะฉะนั้นในคนที่มี HDL ต่ำก็จะเป็น
00:03:01 → 00:03:04 ความเสี่ยงนึงแต่ทีนี้เราต้องทำให้ LDL
00:03:04 → 00:03:06 เรามันเป็นตัวใหญ่ทำยังไงให้มันเป็นตัว
00:03:06 → 00:03:09 ใหญ่จริงๆมันมีการตรวจ Apo B ต่อ Apple
00:03:09 → 00:03:11 A1 เพื่อดูตัวเล็กตัวใหญ่แต่ว่าเวลาดู
00:03:11 → 00:03:14 อย่างนึงง่ายๆคือดูที่ไตกีสลถ้าไขมันไตี
00:03:14 → 00:03:17 เยอะๆตัวมันจะเล็กลงเพราะฉะนุมไตกีสไรให้
00:03:17 → 00:03:19 น้อยกว่า 100 นผมจะบอกว่า LDL ของเรา
00:03:19 → 00:03:22 เนี่ยการเป็นตัวเล็กตัวใหญ่ไม่ได้ว่าตัว
00:03:22 → 00:03:24 มาเป็นตัวเล็กเล็กแล้วเล็กเลยหรือใหญ่
00:03:24 → 00:03:26 แล้วใหญ่เลยไม่ใช่ขึ้นจากการกินอาหารของ
00:03:26 → 00:03:29 เราถ้าช่วงไหนก็ตามที่เรากินข้าวแป้งน้ำ
00:03:29 → 00:03:32 ตาลเยอะ LDL มันจะขนาดเล็กลงพอเรากินน้อย
00:03:32 → 00:03:34 ลงขนาดมันจะเป็นตัวใหญ่ขึ้นมันขึ้นกับ
00:03:34 → 00:03:37 ไลฟ์สไตล์ที่เราคุมเพราะฉะนั้นอีกค่านึง
00:03:37 → 00:03:40 ที่ต้องคุมคุมก็คือต้องคุมไตกีชรให้ดีสุด
00:03:40 → 00:03:41 ท้ายเราต้องคุมสิ่งที่มันทำร้ายหลอดเลือด
00:03:41 → 00:03:43 ให้หมดต้องคุมให้หลอดเลือดเรามันไม่มีการ
00:03:43 → 00:03:46 อักเสบต้องทำให้ LDL เรามันเป็นตัวใหญ่ๆ
00:03:46 → 00:03:49 อ้วนๆ LDL เราเนี่ยมันเล็กมันใหญ่ได้ขึ้น
00:03:49 → 00:03:51 กับอาหารที่กินสมมุติว่าวันนั้นเรากิน
00:03:51 → 00:03:53 คาร์โบไฮเรตเยอะเรากินไม่ค่อยดีมันเป็น
00:03:53 → 00:03:55 ตัวเล็กพอมันเป็นตัวเล็กแล้วเนี่ยก่อนที่
00:03:55 → 00:03:57 มันจะไปเกาะมันจะต้องเปลี่ยนตัวเองไปเป็น
00:03:57 → 00:04:00 LDL ตัวเล็กแล้วมีประจุมันถึงจะไปเกาะ
00:04:00 → 00:04:03 ติดได้เค้าเรียกว่าเป็นออกซิไซiz LDL การ
00:04:03 → 00:04:05 ที่จะเปลี่ยนจากตัวธรรมดาให้ไปเป็นตัวที่
00:04:06 → 00:04:08 มันมีประจุตรงเมันป้องกันได้ด้วยการใช้
00:04:08 → 00:04:12 โคนไซทกับไวตามินซีมันต้องป้องกันกลไกนี้
00:04:12 → 00:04:14 ด้วยเสร็จแล้วพอมันไปเกาะติดเรียบร้อย
00:04:14 → 00:04:17 ปั๊บแคลเซียมจะมาพอกตามเพื่อไม่ให้เขา้า
00:04:17 → 00:04:19 หลุดเวลาเราไปตรวจแคลเซียมสกอเราถึงเห็น
00:04:19 → 00:04:22 ไงว่าโอ้มันมีตะกอนแคลเซียมมากรอบนะตรงเ
00:04:22 → 00:04:24 วิธีป้องกันของเราเราจะต้องให้ทานไวตามิน
00:04:24 → 00:04:27 K2 ปกติเนี่ยอย่างน้อยต้องกิน 200
00:04:27 → 00:04:29 ไมโครกรัมขึ้นไปแต่ตามเปเปอร์บางทีให้กิน
00:04:29 → 00:04:32 400 ไวามิน K2 เนี่ยมีหน้าที่คือเอา
00:04:32 → 00:04:34 แคลเซียมที่อยู่ในหลอดเลือดให้ไปที่
00:04:34 → 00:04:36 กระดูกเพราะฉะนั้นน่ะเราจะกินโดสสูงหน่อย
00:04:37 → 00:04:39 ทีเนี้ยพอเวลาแคลเซียมพอกไปเรื่อยๆแล้ว
00:04:39 → 00:04:41 เกิดอะไรขึ้นอีกเวลาที่ผนังหลอดเลือดมัน
00:04:41 → 00:04:44 อักเสบเลือดซึมๆเนี่ยมันก็จะมีพวกเกล็ด
00:04:44 → 00:04:47 เลือดไปเกาะแอสินที่กินเป็นยาต้านเกล็ด
00:04:47 → 00:04:50 เลือดทำให้เกล็ดเลือดไม่ไปเกาะถึงให้ทาน
00:04:50 → 00:04:52 แล้วถ้าลิ่มเลือดที่มันสูงช่วยอุดเลือด
00:04:52 → 00:04:54 เช่นกันคนที่มีลิ่มเลือดสูงก็จะยิ่ง
00:04:54 → 00:04:57 เสี่ยงเพราะฉะนั้นน่ะทุกอย่างที่ผมเล่ามา
00:04:57 → 00:05:01 ตั้งแต่ต้นต้องคุมทั้งหมดต้องคุมตั้งแต่
00:05:01 → 00:05:03 ปัจจัยที่ทำร้ายหลอดเลือดให้ปัจจัยตรงนี้
00:05:03 → 00:05:05 ไม่มีคุมค่าการอักเสบของหลอดเลือดทั้งหมด
00:05:05 → 00:05:09 ให้ถ้าคนไหน HDL ต่ำต้องเพิ่ม HDL ขึ้นมา
00:05:09 → 00:05:12 เพื่อช่วยดูด LDL ออกคุมให้ LDL เป็นตัว
00:05:12 → 00:05:14 ใหญ่ป้องกันการเปลี่ยนเป็นตัวเล็กแล้วก็
00:05:14 → 00:05:16 ป้องกันตัวเล็กมีประจุต้องป้องกันไม่ให้
00:05:16 → 00:05:18 แคลเซียมมันเกาะป้องกันไม่ให้แคลเซียม
00:05:18 → 00:05:20 เกาะแล้วอะไรอีกต้องป้องกันไม่ให้เกล็ด
00:05:20 → 00:05:22 เลือดเกาะป้องกันไม่ให้เก็ดเลือดเกาะแล้ว
00:05:22 → 00:05:25 อะไรอีกต้องป้องกันลิ่มเลือดขนาดสูงเห็น
00:05:25 → 00:05:29 มยว่ามันจะหลายอันเวลาทำเนี่ยทำทุกอัน
00:05:29 → 00:05:32 เพราะฉะนั้นไม่ได้บอกว่าเรากินยาลดไขมัน
00:05:32 → 00:05:35 กินยาต้านเกิดเลือดแล้วมันพอความเสี่ยง
00:05:35 → 00:05:39 อีกตัวนึงไโปโปรตีนเองเป็นไขมันเหมือน LDL
00:05:39 → 00:05:41 อ่ะแหละตัวพิเศษที่ตัวเขาเป็นตัวเล็กแล้ว
00:05:42 → 00:05:44 มีประจุอยู่แล้วพร้อมเกาะติดเพราะฉะนั้น
00:05:44 → 00:05:46 เนี่ยคนที่มีไโปโปรตีน A สูงจะมีความ
00:05:46 → 00:05:48 เสี่ยงหลอดเลือดเสื่อมสูงตัวนี้ไม่ตอบ
00:05:48 → 00:05:51 สนองต่อการคุมอาหารไม่ตอบสนองต่อการออก
00:05:51 → 00:05:54 กำลังกายไม่ตอบสนองต่อการกินยาลดไขมัน
00:05:54 → 00:05:57 สแตติตินค่าปกติของตัวนี้คือต่ำกว่า 15
00:05:57 → 00:06:00 ตัวนี้มาจาก 2 อย่าง 1 คือมาจากกรรมพันธ์
00:06:00 → 00:06:02 2 คือมาจากฮอร์โมนกรรมพันธ์เนี่ยก็คือ
00:06:02 → 00:06:04 มักจะมีว่าคุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องมี
00:06:04 → 00:06:07 ประวัติว่ามีโรคหลอดเลือดแต่ทีนี้ตัว
00:06:07 → 00:06:10 เนี้ยจะมีเรื่องของฮอร์โมนผสมหมายความว่า
00:06:10 → 00:06:13 พอเวลายิ่งเมนโนอสยิ่งหมดประจำเดือนไปบาง
00:06:13 → 00:06:16 ทีเนี่ยช่วงสาวๆค่าเมันอาจจะเพียงแค่ 50
00:06:16 → 00:06:18 พอหมดประจำเดือนปั๊บค่าเนี้มันสูงขึ้น
00:06:18 → 00:06:20 เพราะฉะนั้นเนี่ยก็ต้องกลุ่มตัวนี้ด้วย
00:06:20 → 00:06:23 ให้มันลดลงเราต้องปรับฮอร์โมนเพื่อลดตัว
00:06:23 → 00:06:27 นี้ต่อมาสุดท้ายสิ่งที่ผมอยากให้ทำเนี่ย
00:06:27 → 00:06:30 มันจะเป็นการทำ low oอกซyจน thapy ทำในคน
00:06:30 → 00:06:31 ที่มีปัญหาหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือด
00:06:31 → 00:06:34 สมองพอเวลามีภาวะออกซิเจนต่ำไปกระตุ้น
00:06:34 → 00:06:36 เส้นทางเดิมๆมันขนส่งออกซิเจนไปน้อยลง
00:06:36 → 00:06:38 ร่างกายเราจะกระตุ้นให้สร้างหลอดเลือด
00:06:38 → 00:06:40 ใหม่เพิ่มเติมเลยเพราะเขาอยากเพิ่มการขน
00:06:40 → 00:06:42 ส่งออกซิเจนเพราะฉะนั้นในเคสที่เป็นโรค
00:06:42 → 00:06:44 หลอดเลือดทำเนี่ยจะดีแล้วก็จะรู้สึกฟิต
00:06:44 → 00:06:48 ขึ้นเวลาทำคู่กับลดการอักเสบในช่องท้องทำ
00:06:48 → 00:06:51 คู่กับกัดrepร Yeah.