00:00:00 → 00:00:02 สวัสดีครับวันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องเกี่ยว
00:00:03 → 00:00:06 ข้องกับการลวงโลกครั้งที่เรียกว่าใหญ่มาก
00:00:06 → 00:00:08 ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ทางด้านการ
00:00:08 → 00:00:12 แพทย์เลยนะครับนั่นก็คือเรื่องของบริษัท
00:00:12 → 00:00:16 teros ซึ่งก่อตั้งโดยคุณเอลิซาเบท hes
00:00:16 → 00:00:18 นะครับบางคนอาจจะเคยได้ยินชื่อมาแล้วนะ
00:00:18 → 00:00:21 ครับถ้าบางคนอาจจะไม่เคยได้ยินผมก็จะเล่า
00:00:21 → 00:00:23 ให้ฟังในวันนี้ว่ามันมีที่มาที่ไปอย่างไร
00:00:23 → 00:00:26 นะครับแล้วมันเป็นอุทาหรณ์สอนให้เราต้อง
00:00:26 → 00:00:29 ระมัดระวังการที่เราจะเชื่อเทคโนโลยี
00:00:29 → 00:00:33 เชื่อในงานวิจัยต่างๆเชื่อในสิ่งที่คนพูด
00:00:33 → 00:00:35 กันต่อๆมาไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นใครก็ตามนะ
00:00:35 → 00:00:38 ครับพบกับผมนะครับนายแพทย์ทนีธนียวันนะ
00:00:38 → 00:00:40 ครับเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐ
00:00:40 → 00:00:43 อเมริกานะครับเชี่ยวชาญโรคปอดการปลูกถ่าย
00:00:43 → 00:00:47 ปอดและวิกฤตบำบัดนะครับสำหรับบริษัท teros
00:00:47 → 00:00:50 นั้นเขาก็มีการผลิตเทคโนโลยีอันนึ่งขึ้น
00:00:50 → 00:00:53 มานะครับเรียกว่าเครื่อง Edison นะครับ
00:00:53 → 00:00:55 เครื่องนี้ก็เป็นเครื่องลักษณะสี่เหลี่ยม
00:00:55 → 00:00:57 สูงประมาณเท่ากล่องอย่างเงี้ยนะครับเล็กๆ
00:00:57 → 00:01:00 เลยนะครับแล้วเทคโนโลยีของเค้าเนี่ยก็
00:01:00 → 00:01:03 เป็นการที่ให้คนมาแล้วก็ตรวจเลือดโดยการ
00:01:03 → 00:01:05 เจาะเลือดจากปลายนิ้วมา 1 หยดนะครับเอา
00:01:05 → 00:01:08 เลือดตัวนี้ไปใส่ไว้ในชิปแล้วก็ใส่เข้าไป
00:01:08 → 00:01:10 ในเครื่อง theranos โดยการทำงานของ
00:01:10 → 00:01:11 เครื่องนั้นเครื่องมันจะมีการติดต่อกับ
00:01:11 → 00:01:14 อินเทอร์เน็ตนะครับแล้วก็ดูฐานข้อมูลทาง
00:01:14 → 00:01:18 ด้านโรคต่างๆวิเคราะห์ผลเลือดในหนหยด
00:01:18 → 00:01:20 เนี่ยนะครับแล้วสามารถบอกได้เลยว่าคนไข้
00:01:20 → 00:01:23 คนนี้เป็นโรคอะไรอยู่นะครับมีมะเร็งมั้ย
00:01:23 → 00:01:26 มีโรคเบาหวานมีโรคอะไรคุมได้แค่ไหนเราก็
00:01:26 → 00:01:28 ต้องตรวจอะไรเพิ่มเติมมันก็จะบอกเข้ามาใน
00:01:28 → 00:01:30 เลือด 1 หยดนะครับ
00:01:30 → 00:01:34 ซึ่งอันเนี้ยก็เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก
00:01:34 → 00:01:37 ในช่วงนั้นเพราะว่าคนที่เขาก่อตั้งบริษัท
00:01:37 → 00:01:39 ที่เขาคคิดเทคโนโลยีนี้ก็คือคุณเอลิซาเบธ
00:01:39 → 00:01:43 Home นะครับแล้วมีผู้ลงทุนแบบระดับยักษ์
00:01:43 → 00:01:48 ใหญ่ของโลกเลยนะครับเอ่อมีมีไม่ว่าไม่ว่า
00:01:48 → 00:01:50 จะเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองใหญ่
00:01:50 → 00:01:52 ๆนะครับบริษัทใหญ่ๆก็ร่วมลงทุนกับเขาทำ
00:01:52 → 00:01:56 ให้คุณอลิซาเบธโมนะครับมีหน้ามีตาขึ้นมา
00:01:56 → 00:01:59 แล้วก็เ่อนิติยสาร forbes นะครับจัดให้
00:01:59 → 00:02:03 ว่าเป็นผู้หญิงคนนึงซึ่งร่ำรวยได้ด้วยตัว
00:02:03 → 00:02:06 เองเป็นเศรษฐีระดับพันล้านด้วยตัวเองใน
00:02:06 → 00:02:10 วัยที่อายุน้อยที่สุดนะครับอ้าขนาดนั้น
00:02:10 → 00:02:13 เลยนะครับแล้วที่มาที่ไปนี่มันมายังไงนะ
00:02:13 → 00:02:15 ครับคุณเอลิซา abth โฮมเนี่ยครับเขาก็
00:02:15 → 00:02:18 เป็นนักเรียนที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดนะ
00:02:18 → 00:02:22 ครับคณะวิศวกรรมเคมีนะครับเเรียนวิศวกรรม
00:02:22 → 00:02:25 เคมีนะครับแต่เขาเรียนไม่จบเขาขอออกมา
00:02:25 → 00:02:28 ก่อนเพื่อที่จะก่อตั้งบริษัทเนอสโดยการ
00:02:28 → 00:02:30 สร้างเทคโนโลยีอันนี้ขึ้นมาเพื่อที่จะ
00:02:30 → 00:02:34 ช่วยให้ชาวโลกได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
00:02:34 → 00:02:36 นะครับโดยเค้าพยายามจะสร้างเครื่อง Edison
00:02:36 → 00:02:39 ตัวนี้ขึ้นมาแล้วก็อ่ามีการบอกว่าเออ
00:02:39 → 00:02:42 เนี่ยการใช้เลือดเพียงแค่ 1 หยดเนี่ยนะ
00:02:42 → 00:02:45 มันสามารถที่จะทำให้เราสามารถวิเคราะห์
00:02:45 → 00:02:47 ได้แล้วก็บอกว่าเป็นโรคอะไรได้ควบคุมได้
00:02:47 → 00:02:51 ยังไงนะครับแล้วมันเร็วมากเลยนะครับใส่เข
00:02:51 → 00:02:53 ประโยชน์นึงแป๊บเดียวก็กลับมาได้นะครับ
00:02:53 → 00:02:55 แล้วที่สำคัญก็คือคุณเอลิทโฮมเนี่ยนะครับ
00:02:55 → 00:02:57 เขาก็มีเส้นสายกันค่อนข้างที่จะเยอะนะ
00:02:57 → 00:03:00 ครับเราก็รู้จักนักการเมืองนะนะครับอาศัย
00:03:00 → 00:03:03 การที่เา้าอ่ามีหน้าตาดีนะครับมีการพูดจา
00:03:03 → 00:03:07 ที่ฉะฉานนะครับเอ่อลงข่าวลงหนังสือพิมพ์
00:03:07 → 00:03:10 ลงสัมภาษณ์แล้วก็มีคนแนะนำให้รู้จักกับ
00:03:10 → 00:03:13 CEO ดังๆของบริษัทต่างๆนะครับก็มีบริษัท
00:03:13 → 00:03:16 ต่างๆโรงพยาบาลใหญ่ๆนักการเมืองหลายๆคนนะ
00:03:16 → 00:03:20 ครับมาร่วมลงทุนกับเค้านะครับจนกระทั่ง
00:03:20 → 00:03:24 เค้าในน่าจะประมาณสักปี 2015 ประมาณเนะ
00:03:24 → 00:03:27 ครับกลายเป็นหนึ่งคนที่รวยที่สุดในโลก
00:03:27 → 00:03:30 ด้วยวัยเพียงแค่ 30 กว่าเท่านั้นเองเองนะ
00:03:30 → 00:03:32 ครับแล้วก็สร้างเนื้อสร้างตัวมาด้วยตัว
00:03:32 → 00:03:34 เองนะครับนั่นก็คือเป็นสิ่งที่เขาทำได้นะ
00:03:34 → 00:03:38 ครับแม้กระทั่งประธานอธิบดีโไบเดนนะใน
00:03:38 → 00:03:41 สมัยเ่าตอนช่วงรัฐบาลของโอบามานะครับก็
00:03:41 → 00:03:45 ได้รับเชิญไปดูที่แลบของเขานะครับแล้วคุณ
00:03:45 → 00:03:48 โอเอ่อคุณโจไบเดนเนี่ยเขาก็ตอนช่วงนั้น
00:03:48 → 00:03:50 เป็นเป็นช่วงที่คุณโจไบเดนเขาก็เห็นว่า
00:03:50 → 00:03:52 เฮ้ยไอ้บริษัทเนี้ยมันเจ๋งมากเลย
00:03:52 → 00:03:56 เทคโนโลยีมันดีมากแต่ที่ไหนได้คือแลบที่
00:03:56 → 00:03:59 ให้คุณโจไบเดนไปดูเนี่ยเป็นแลบจัดฉากนะ
00:03:59 → 00:04:01 ครับแล้วเรื่องมันก็มาโป๊ะออกตอนหลังตรง
00:04:01 → 00:04:04 ที่ว่าไอ้เทคโนโลยีอย่างเงี้เนี่ยคือเรา
00:04:04 → 00:04:07 ฟังแล้วรู้สึกมันไม่น่าใช่นะครับมันไม่
00:04:07 → 00:04:09 น่าใช่นะก็เริ่มมีคนตะหงิดตะหงิดขึ้นมา
00:04:09 → 00:04:12 หลายคนละแต่ในช่วงนั้นเนี่ยทางข่าวก็ยัง
00:04:12 → 00:04:14 ประโคมกันว่าเออมันน่าจะเป็นเทคโนโลยีที่
00:04:15 → 00:04:17 ดีนะครับดีจนหมดเพราะว่ามันมีแต่ละคน
00:04:17 → 00:04:20 เนี่ยมาร่วมลงทุนเป็นหลักพันล้านนะครับ
00:04:20 → 00:04:23 แล้วก็ทุกๆคนสนับสนุนจนกระทั่งทางบริษัท
00:04:23 → 00:04:26 ของเนอเนี่ยทำสัญญากับเอ่อร้าน Wall
00:04:26 → 00:04:28 Green นะครับ Wall Green เนี่ยก็อยู่ใน
00:04:28 → 00:04:30 เครือของ Walmart นะครับอ่าเจ้าพ่อ
00:04:30 → 00:04:32 Walmart นี่แหละครับที่รวยมากๆในอเมริกา
00:04:32 → 00:04:35 นะครับแล้วเขาก็ Wall Green เนี่ยมัน
00:04:35 → 00:04:38 เป็นร้านที่ขายพวกยาพวกอาหารเสริมพวก
00:04:38 → 00:04:42 เนี้ยนะครับซึ่งมันจะมีเ่อที่มีทั่วไปใน
00:04:42 → 00:04:44 อเมริกานะครับก็เอา teros เนี่ยเข้าไปทำ
00:04:44 → 00:04:47 เป็นพาร์ทเนอร์กับตัว walgreen โดยตั้ง
00:04:47 → 00:04:51 teros ไว้ใน walgreen เลยนะครับอ่าช่วง
00:04:51 → 00:04:53 นั้นน่ะผมจำได้ว่าเพราะว่าผมเนี่ยเพิ่งไป
00:04:53 → 00:04:56 มาอเมริกาใหม่ๆนะครับแล้วก็ยังเรียนอยู่
00:04:56 → 00:04:58 ในช่วงนั้นด้วยนะครับแล้วก็เราไปดูที่
00:04:58 → 00:05:00 walgreen เนี่ยเขาจะเอาบริษัท teros
00:05:00 → 00:05:02 ขึ้นมาซึ่งเป็นบริษัทที่แบบตอนช่วงนั้น
00:05:02 → 00:05:05 ดังมากเอาเข้ามาไว้ในที่ walgreen เรา
00:05:05 → 00:05:06 สามารถที่จะไปที่นั่นแล้วขอเจาะเลือดแล้ว
00:05:06 → 00:05:09 ตรวจได้เลยว่าเฮ้ยเราเป็นอะไรนะ
00:05:09 → 00:05:13 ครับแต่เอาเข้าสักพักนึงเนี่ยคือนอกเหนือ
00:05:13 → 00:05:16 จากมีคนสงสัยละต่อไปก็เริ่มมีคนสงสัย
00:05:16 → 00:05:19 เพิ่มขึ้นอีกว่าเอ๊ะทำไมเราไปเจาะเลือด
00:05:19 → 00:05:21 แล้วเอาไปตรวจเนี่ยผลมันถึงได้ชักช้า
00:05:21 → 00:05:24 เหลือเกินมันไม่ได้นะครับทำไมผลมันถึงไม่
00:05:24 → 00:05:26 ได้แล้วบางครั้งต้องมาเจาะใหม่แล้วบางที
00:05:26 → 00:05:28 เจาะไป 1 หยดมันไม่ได้ก็ต้องมาเจาะเพิ่ม
00:05:28 → 00:05:30 แต่สุดท้ายก็ต้องเจาะเอาเส้นเลือดตรง
00:05:30 → 00:05:32 เนี้ยเจาะไปเป็นหลอดเหมือนกันที่ปกติเรา
00:05:32 → 00:05:35 เจาะเลือดกันทำไมถึงเป็นแบบนั้นก็เริ่มมี
00:05:35 → 00:05:38 คนสงสัยหลังจากนั้นก็เริ่มเลยครับเริ่มมี
00:05:38 → 00:05:40 การสาวไส้พยายามดูว่าเอ๊ะมันตกลงมันเกิด
00:05:40 → 00:05:44 อะไรขึ้นนะครับก็คือมีเอ่อนักวิทยาศาสตร์
00:05:44 → 00:05:46 ทางด้านการแพทย์หลายๆคนน่ะไปดูว่าเอ๊ตกลง
00:05:46 → 00:05:50 ไอ้เทคโนโลยีนี้เนี่ยมันไม่เคยมีใครไปดู
00:05:50 → 00:05:53 เลยนะครับว่ามันมันเป็นเทคโนโลยีอะไรมัน
00:05:53 → 00:05:55 ทำงานอย่างไรมีหลักการอย่างไรแล้ว
00:05:55 → 00:05:58 สิทธิบัตรที่มันจดเนี่ยมันก็เขียนงงๆอยู่
00:05:58 → 00:06:00 หลายที่อยู่เหมือนกันนะครับแล้วก็พอเข้า
00:06:00 → 00:06:02 ไปดูจริงๆเนี่ยคือมันมันเป็นเครื่องป่า
00:06:02 → 00:06:04 มันไม่ได้ทำอะไรนะฮะส่วนเลือดที่ตอนหลัง
00:06:04 → 00:06:07 เนี่ยที่มันช้าเพราะว่ามันเอาประโยชน์
00:06:07 → 00:06:09 เดียวมันวิเคราะห์อะไรไม่ได้ครับนะฮะแล้ว
00:06:09 → 00:06:12 เขาเอาเลือดตัวเนี้ยส่งไปที่แลบคนอื่นที่
00:06:12 → 00:06:14 เขาจ้างเป็น outsourcing ไว้เพื่อที่จะ
00:06:14 → 00:06:17 ให้วิเคราะห์เลือดให้เขานะครับแล้วใน
00:06:17 → 00:06:18 เลือดดอดเดี่ยวเนื่องจากมันทำอะไรไม่ได้
00:06:18 → 00:06:21 สุดท้ายเก็เลยต้องพยายามขอมาเจาะให้เป็น
00:06:21 → 00:06:23 หลอดใหญ่ๆซึ่งเป็นการตรวจเลือดโดยธรรมดา
00:06:23 → 00:06:25 แล้วมันก็ไม่ได้บอกอะไรนอกเหนือจากบอกบอก
00:06:25 → 00:06:28 ครับเออเบาหวานเท่านี้ซึ่งเบาหวานเท่านี้
00:06:28 → 00:06:30 เ่อมีไขมันเท่านั้นนะเอ่อค่าการแขงตัวของ
00:06:30 → 00:06:33 เลือดเป็นแบบนนนแบบนี้ซึ่งก็ไม่ต่างจาก
00:06:33 → 00:06:36 การเจาะเลือดธรรมดาครับนะฮะพอเรื่องมัน
00:06:36 → 00:06:38 เริ่มแดงขึ้นมาอย่างเงี้นะครับทุกๆคนก็
00:06:38 → 00:06:41 เริ่มรู้สึกเฮ้ยนี่มันไม่ใช่ะเริ่มจะ
00:06:41 → 00:06:44 เริ่มจะไม่เอาด้วยะเริ่มจะไม่ลงทุนด้วยขอ
00:06:44 → 00:06:47 ถอนทุนออกนะครับเนี่ยมันก็เริ่มกลายเป็น
00:06:47 → 00:06:50 การลวงโลกที่ใหญ่ที่สุดมากๆครั้งหนึ่ง
00:06:50 → 00:06:52 แล้วที่อเมริกาเนี่ยนะครับศาลตัดสินให้
00:06:52 → 00:06:57 คุณ Home เนี่ยมีความผิดฐานฉ้อโกงหลอกลวง
00:06:57 → 00:07:00 ประชาชนหลอกลวงกระบวนเอ่อระบบสาสารสุขของ
00:07:00 → 00:07:03 อเมริกาเนี่ยเมื่อมกราคมปี 2022 นี่เอง
00:07:03 → 00:07:06 แล้วก็ตัดสินว่าต้องเข้าคุก 11 ปีในช่วง
00:07:06 → 00:07:11 เดือนเ่อพฤศจิกายนที่ผ่านมานะครับแล้วก็
00:07:11 → 00:07:13 เอ่อแฟนของเขเนี่ยก็โดนไปด้วยนะครับอ่า
00:07:13 → 00:07:15 แฟนของเขาเนี่ยที่เขารู้สึกว่าจะไปเจอกัน
00:07:15 → 00:07:17 ที่สแตนฟอร์ดเหมือนกันนะครับก็โดนไปด้วย
00:07:17 → 00:07:20 นะฮะนั่นก็คือเนี่ยมันใหญ่มากเลยแล้วก็
00:07:20 → 00:07:24 ตอนนั้นเนี่ยถ้าท่านฟังเรื่องเนี้ยตอนแรก
00:07:24 → 00:07:26 ๆที่มันออกมาใหม่ๆทุกท่านจะคิดว่าแบบ
00:07:26 → 00:07:29 โอ้โหบริษันนี้มันจะต้องมาเปลี่ยนโลกเลย
00:07:29 → 00:07:31 อ่ะเปลี่ยนเทคโนโลยีเลยแล้วมันจะต้องได้
00:07:31 → 00:07:34 ผลแน่ๆนะครับเลือดหยดเดียวมันจะต้อง
00:07:34 → 00:07:36 เปลี่ยนวงการทางการแพทย์แบบชัดเจนแน่ๆนะ
00:07:36 → 00:07:40 ครับทำไมก็เพราะว่ามีทุกคนน่ะใหญ่ๆบิ๊กๆ
00:07:40 → 00:07:44 ระดับนักการเมืองชั้นนำของอเมริกานะครับ
00:07:44 → 00:07:47 กระทรวงกะลาโขมอย่างเงี้ยมาลงทุนให้อ่ะนะ
00:07:47 → 00:07:50 ครับเอ่อโจไบเดนนะครับมายังกล่าวชมอย่าง
00:07:50 → 00:07:53 เงี้ยนะครับแล้วก็บริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆมา
00:07:53 → 00:07:56 ร่วมลงทุนเป็นเป็นพันเป็นหมื่นล้านน่ะนะ
00:07:56 → 00:07:59 ครับแล้วผู้หญิงคนเนี้ยก็ได้เข้านิติยา
00:07:59 → 00:08:02 เข้าเ่อลงนิติยสาร forbes นะครับคือดัง
00:08:02 → 00:08:05 มากในตอนนั้นทุกๆคนก็ต้องคิดเหมือนกันว่า
00:08:05 → 00:08:07 เฮ้ยมันแบบเนี้ยมันต้องเป็นเรื่องจริงละ
00:08:07 → 00:08:10 เชื่อไว้ก่อนละนะครับแต่สุดท้ายมันไม่
00:08:10 → 00:08:13 จริงนะครับในทางการแพทย์น่ะตอนนั้นที่ผม
00:08:13 → 00:08:16 ได้ยินข่าวครั้งเนี้ยผมรู้สึกว่ามันมันผม
00:08:16 → 00:08:18 ก็รู้สึกแปลกๆตั้งแต่แรกเพราะว่าเลือดหยด
00:08:18 → 00:08:21 เดียวเนี่ยเราคิดในทางการแพทย์คิดให้ตาย
00:08:21 → 00:08:23 ยังไงนะตอนนั้นผมก็คิดว่าด้วยเทคโนโลยี
00:08:23 → 00:08:25 ที่มีอยู่ในปัจจุบันน่ะไม่มีทางที่สามารถ
00:08:25 → 00:08:27 ที่จะทำแบบนั้นได้ต่อให้มันจะคุยกับ
00:08:27 → 00:08:29 อินเทอร์เน็ตทั้งโลกยังไงก็ไม่มีทางที่จะ
00:08:29 → 00:08:32 สามารถวิเคราะห์ทุกๆอย่างจากเลือด 1 หยด
00:08:32 → 00:08:36 ได้นะครับเพราะว่ามันจะต้องวิเคราะห์สาร
00:08:36 → 00:08:38 ต่างๆที่อยู่ในเลือดนะครับซึ่งมันมีเยอะ
00:08:38 → 00:08:40 แยะไปหมดนะครับเม็ดเลือดในนั้นมันมีอะไร
00:08:40 → 00:08:43 บ้างนะครับมีอะไรอยู่ในนั้นทั้งหมดเต็มไป
00:08:43 → 00:08:46 หมดเลยนะฮะซึ่งเครื่องเครื่องเดียวมันจะ
00:08:46 → 00:08:48 ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับเป็นไปไม่ได้ผมก็
00:08:48 → 00:08:51 เลยรู้สึกว่าเอ้ยมันก็ไม่จริงน่ะตอนนั้น
00:08:51 → 00:08:53 เพื่อนผมก็เคยมีคนบอกว่าเฮ้ยไปลองเครื่อง
00:08:53 → 00:08:55 แนสที่ Wall Green ดีมั้ยอยากไปลองเล่น
00:08:55 → 00:08:59 ดูอะไรเงี้ยแต่ผมบอกไม่เอาหรอกในในสมองผม
00:08:59 → 00:09:02 คิดนะปลอมหรือว่าไม่อยากเจ็บตัวโดยไปโดน
00:09:02 → 00:09:04 โดนหลอกแล้วเดี๋ยวโดนเก็บตังค์นะครับผมก็
00:09:04 → 00:09:06 ไม่เอานะฮะตอนนั้นผมคิดอยู่ในหัวว่าเอก็
00:09:07 → 00:09:09 ไม่จริงแล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆครับหลัง
00:09:09 → 00:09:11 จากนั้นสักพักนึงมันหายไปเลยนะวกรีนก็ยก
00:09:11 → 00:09:14 เลิกสัญญาในปีถัดมาทันทีเลยเพราะว่าเกิด
00:09:14 → 00:09:17 เรื่องขึ้นมาเต็มไปหมดนะฮะตรงเนี้ยมันก็
00:09:17 → 00:09:21 เลยเป็นการบอกเลยว่าท่านจะต้องอย่าไป
00:09:21 → 00:09:24 เชื่อในสิ่งสิ่งใดสิ่งหนึ่งซึ่งมันดู
00:09:24 → 00:09:27 เหมือนกับจะดีเกินจริงอ่ะครับดูดีเกิน
00:09:27 → 00:09:31 จริงดูเวอร์จนเกินไปถึงแม้ว่าคนที่ออกมา
00:09:31 → 00:09:34 พูดเรื่องนั้นเนี่ยจะมีน้ำหนักมากขนาดไหน
00:09:34 → 00:09:36 ก็ตามอย่างกรณีเนี้ยคือเค้ามีน้ำหนักมาก
00:09:36 → 00:09:40 ขนาดว่าใครครับนักเรียนสแตนฟอร์ดครับ
00:09:40 → 00:09:42 สแตนฟอร์ดเป็นมหาวิทยาลัยดังระดับโลกเลย
00:09:42 → 00:09:47 นะครับอ่าวิศวกรรมเคมีสแตนฟอร์ดนะฮะดัง
00:09:47 → 00:09:51 มากออกหนังสือพิมพ์ออกไปพูดเรื่องเอ่อการ
00:09:51 → 00:09:54 ให้กำลังใจการสร้างแรงบันดาลใจผู้หญิงคนเ
00:09:54 → 00:09:56 ไปพูดมาทุกทุกงานทุกวงการพูดมันหมดเลยนะ
00:09:56 → 00:09:59 ครับอ่างั้นตอนนั้นก็ต้องดังมากเหมือน
00:09:59 → 00:10:01 เป็นไอดอลของทุกๆคนว่าเฮ้ยผู้หญิงคนนี้
00:10:01 → 00:10:04 เก่งมากๆเลยทำไมเค้าถึงมีความฉลาดเฉลียว
00:10:04 → 00:10:09 ขนาดนี้เค้าเอ่อจะเหมือนกับเอ่อสีฟจอบคน
00:10:09 → 00:10:11 ต่อไปหรือเปล่านะครับหรือบางคนที่บอกว่า
00:10:11 → 00:10:13 โอ้เนี่ยเป็นนักวิทยาศาสตร์เหมือนเหมือบิ
00:10:13 → 00:10:16 เตสที่เรียนบิเตสเอ่ออะไพวกเนี้ยเรียนไม่
00:10:16 → 00:10:21 จบแต่ว่าออกมาแล้วแบบเฮ้ยเก่งเลยก็ต้อง
00:10:21 → 00:10:24 ระวังนะครับมันไม่ใช่แล้วนะครับแลอย่าง
00:10:24 → 00:10:28 เนี้ยมันสอนให้เรารู้หลายๆอย่างเหมือนกัน
00:10:28 → 00:10:30 นะครับในเรื่องของพวกเนี่ยเราต้องเราต้อง
00:10:30 → 00:10:32 ดูเทคโนโลยีดีๆอย่างที่เมืองไทยอันมีอัน
00:10:32 → 00:10:35 นึงที่ผมอยากจะเตือนไว้นะครับก็คือเรื่อง
00:10:35 → 00:10:38 ของ Life Blood analysis นะครับที่ท่าน
00:10:38 → 00:10:40 อาจจะเคยได้ยินคือเอาเลือดไปเจาะเลือดไป 1
00:10:40 → 00:10:43 หยดแล้วเอาไป 2 กล้องนะครับดูขยายแล้วดู
00:10:43 → 00:10:45 ลักษณะของไม่เลือดแล้วบอกได้ว่าเป็นอะไร
00:10:45 → 00:10:47 เป็นอันโน้นอันเนี้ยอันเนี้ยต้องบอกตรงๆ
00:10:47 → 00:10:49 นะครับมันคือ pud Science ก็คือเป็น
00:10:49 → 00:10:53 วิทยาศาสตร์ปลอมนะต้องขอบอกเลยว่าย้ำอีก
00:10:53 → 00:10:54 รอบนึงผมเคยพูดไปในคลิปนึงแล้วว่ามันเป็น
00:10:54 → 00:10:58 วิทยาศาสปลอมแต่ว่ามันปลอมจริงๆนะฮะแล้ว
00:10:58 → 00:11:01 ไม่มีงานวิจัยอะไรที่ยอมรับเรื่องนี้เลย
00:11:01 → 00:11:04 นะครับแล้วอย่างที่ผมเคยเล่าไปถ้า
00:11:04 → 00:11:06 เทคโนโลยีใดก็ตามที่มันมีประโยชน์ทางการ
00:11:06 → 00:11:10 แพทย์แบบชัดเจนจริงๆนะครับแล้วมันราคาดี
00:11:10 → 00:11:13 สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือประกันจะต้องจ่าย
00:11:13 → 00:11:16 ให้ท่านครับประกันจะต้องจ่ายนะฮะถ้า
00:11:16 → 00:11:19 ประกันไม่จ่ายก็มีอยู่แค่ความหมายไม่กี่
00:11:19 → 00:11:22 อันหรอกครับคืออันแรกเนี่ยคืองานวิจัย
00:11:22 → 00:11:24 เนี่ยมันยังสรุปไม่ได้ว่าสิ่งนั้นเมันมี
00:11:24 → 00:11:26 ประโยชน์จริงหรือเปล่านะครับมันแปลว่าถ้า
00:11:27 → 00:11:28 ท่านท่านไม่รู้ว่าไม่สนน่ะท่านอยากจะจ่าย
00:11:28 → 00:11:30 ตังค์เก็แล้วแต่ท่านแล้วกันแต่ประกันไม่
00:11:30 → 00:11:32 จ่ายให้ท่านครับเพราะถ้ามันมีประโยชน์
00:11:32 → 00:11:34 จริงๆอ่ะประกันจะโดนบังคับให้จ่ายให้ท่าน
00:11:34 → 00:11:37 ให้ได้นะครับนั่นก็คือสิ่งหนึ่งแล้วเวลา
00:11:38 → 00:11:39 ที่เา้าวิเคราะห์เนี่ยเลือดผมก็อยากจะบอก
00:11:40 → 00:11:44 ว่าเออเค้าดูอะไรกันนะครับอ้าแล้วผมจะบอก
00:11:44 → 00:11:48 ด้วยว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงในทางการแพทย์
00:11:48 → 00:11:51 ข้อแรกเลยนะครับการที่เค้าไปดูเนี่ยอัน
00:11:51 → 00:11:54 นี้เล่าไปนอกเรื่องของ alab Home กับเนอ
00:11:54 → 00:11:56 แล้วกันนะครับเพราะว่าถือว่าแถมให้แล้ว
00:11:56 → 00:11:58 กันเช่นถ้าเราไปดูไ Blood อสิเจาะเลือดไป
00:11:58 → 00:12:00 นรไปส่อง 2 กล้องจุลทัศน์ใหญ่ๆดูให้ท่าน
00:12:00 → 00:12:03 ดูได้บนจอได้นะครับเม็ดเลือดที่มาเรียง
00:12:03 → 00:12:05 ตัวกันเป็นเม็ดเลือดแบบเรียงๆเหมือนเป็น
00:12:05 → 00:12:07 เหรียญเป็นตั้งๆไครับในทางการแพทย์เราจะ
00:12:07 → 00:12:09 เรียกว่า ral formation นะครับคือการ
00:12:09 → 00:12:11 เรียงเหรียญเป็นเลือดอย่างเงี้ยแล้วคนที่
00:12:11 → 00:12:14 เขาอ่านเขาจะบอกว่าเนี่ยเลือดมันเป็นกรด
00:12:14 → 00:12:17 มันเลยกลายเป็นเหรียญตั้งๆอย่างนี้นะครับ
00:12:17 → 00:12:20 จริงๆไม่ใช่ครับไอ้ rul formation ในทาง
00:12:20 → 00:12:22 การแพทย์มันมีจริงๆนะครับมันมีโรคๆหนึ่ง
00:12:22 → 00:12:25 จริงๆที่มันเป็นแบบนั้นแต่มันเกิดขึ้น
00:12:25 → 00:12:27 เป็น artifact ได้ artifact หมายความว่า
00:12:27 → 00:12:29 มันเป็นของปลอมครับ
00:12:29 → 00:12:32 มันเป็นของปลอมซึ่งเกิดขึ้นโดยไม่เกี่ยว
00:12:32 → 00:12:34 อะไรกับโรคเลยนะครับทำไมมันถึงเกิดขึ้น
00:12:34 → 00:12:38 ได้นะครับเวลาพวกนี้เเราหยดเลือดไปไอ้ของ
00:12:38 → 00:12:40 พวกเนี้ยมันจะเกิดขึ้นได้โดยเฉพาะขอบๆของ
00:12:40 → 00:12:44 เลือดตรงกลางที่เม็ดเลือดมันอยู่ห่างๆกัน
00:12:44 → 00:12:47 เคลื่อนไหวได้ปกติมันจะไม่เกิดครับดัง
00:12:47 → 00:12:49 นั้นเวลาในทางการแพทย์เ่ะเวลาที่เราดู
00:12:49 → 00:12:51 สไลด์เลือดเนี่ยในสไลด์เลือดเราก็จะมีการ
00:12:51 → 00:12:53 เอาเลือดไปหยดแล้วเอาไถสไลด์นะครับแล้วก็
00:12:53 → 00:12:56 ไปดูว่าแต่ละที่มันเป็นยังไงเราจะให้ดู
00:12:56 → 00:12:58 ตรงกลางเราจะไม่ไปดูตรงปลายเพราะว่าตรง
00:12:58 → 00:13:01 ปลายเนี่ยมันมีเกิดไอู้ formation เลือด
00:13:01 → 00:13:03 เป็นเม็ดๆอย่างนี้ได้แล้วก็เลดเป็นเลือด
00:13:03 → 00:13:06 ที่ลักษณะผิดปกติได้นะครับมีหนามีอะไรได้
00:13:06 → 00:13:08 นะครับแต่ตรงนั้นมันเกิดขึ้นเพราะว่า
00:13:08 → 00:13:11 ปัจจัยทางกายภาพจากการไปไถสไลด์จากอากาศ
00:13:11 → 00:13:14 จากสิ่งปนเปื้อนต่างๆทั้งหมดเราก็ไม่
00:13:14 → 00:13:16 สามารถที่จะใช้ตรงนั้นในการวิิวิเคราะห์
00:13:16 → 00:13:19 อะไรต่างๆได้นะทางการแพทย์เราสอนนักเรียน
00:13:19 → 00:13:22 แพทย์แบบนี้ผมก็เรียนมาแบบนี้ผมก็ต้องไป
00:13:22 → 00:13:25 อ่านกับอาจารย์ที่เป็นนักเรียเอ่อเป็นคน
00:13:25 → 00:13:27 ที่เชี่ยวชาญทางด้านระบบเลือดนะครับเราก็
00:13:27 → 00:13:30 เรียนกันมาแบบนี้นะฮะแต่ไอ้การไปหยดแล้ว
00:13:30 → 00:13:31 ไปเจออะไรประหลาดเนี่ยมันเป็นเพราะเรื่อง
00:13:31 → 00:13:33 อย่าเงี้ละครับนอกเหนือจากนั้นเเจออะไร
00:13:33 → 00:13:36 บ้างอาจจะเจอผลึกใสๆอยู่ในนั้นแล้วเบอก
00:13:36 → 00:13:39 ว่าอะไรครับนี่เป็นยูริกเป็นผลึก
00:13:39 → 00:13:42 คอเลสเตอรอลมั่วแล้วครับนะฮะต้องถามเลย
00:13:42 → 00:13:45 ว่าลักษณะผลึกยูริกหน้าตามันเป็นยังไงนะ
00:13:45 → 00:13:48 ครับพลึกยูริกเนี่ยทางด้านการแพทย์เรารู้
00:13:48 → 00:13:50 ว่าส่วนใหญ่แล้วจะเจอในเมเลือดขาวนะครับ
00:13:50 → 00:13:53 ลักษณะมันเหมือนเป็นเป็นเส้นเป็นแหลมๆ
00:13:53 → 00:13:55 อย่างงี้ขึ้นมานะครับเหมือนเหมือนเอาลูก
00:13:55 → 00:13:57 ชิ้นไปเหมือนไม้จิ้มลูกชิ้นนะครับหน้าตา
00:13:57 → 00:13:59 เป็นเป็นแบบนั้นนะครับแล้วมันจะไม่เป็น
00:13:59 → 00:14:02 อย่างอื่นนะพวกนั้นเป็นผลึกยูริกผลึก
00:14:02 → 00:14:04 อย่างอื่นก็น่าจะจะไม่เหมือนแบบที่เขา
00:14:04 → 00:14:07 เห็นนะครับแล้วถามว่าเออทำไมรูปร่างที่
00:14:07 → 00:14:10 มันใสๆเป็นเหมือนผลึกอะไรสักอย่างในใน
00:14:10 → 00:14:12 Life Blood analis เนี่ยมันคืออะไร
00:14:12 → 00:14:14 ส่วนใหญ่แล้วมันเกิดจากการป่นเปื้อนนะ
00:14:14 → 00:14:17 ครับพวกฝุ่นพวกแก้วที่มันเอ่อสไลด์ต่างๆ
00:14:17 → 00:14:19 ที่มันแตกๆออกมาเนี่ยมันทำให้เกิดรอยแบบ
00:14:19 → 00:14:21 นั้นได้นะครับอ่าบางคนก็จะบอกโอ้ยไม่ใช่
00:14:21 → 00:14:25 หรอกอย่างงั้นถผมไปมองดูในแง่ลบทำไมมัน
00:14:25 → 00:14:27 เป็นเทคโนโลยีใหม่ก็ไม่ใช่นะครับเพราะไม่
00:14:27 → 00:14:29 อย่างงั้นเนี่ยทางโลกเต้องยอมรับกันแล้ว
00:14:29 → 00:14:31 นะครับปัจจุบันเนี่ยทางโลกไม่ได้ยอมรับนะ
00:14:31 → 00:14:35 ครับน่ะมีอะไรอย่างอื่นอีกอ่ะมีบอกว่า
00:14:35 → 00:14:37 เนี่ยเมลแดงมันมีตุ่มๆออกมาข้างๆงแล้ว
00:14:37 → 00:14:40 ตุ่มๆเนี่ยเคไปบอกว่าอะไรครับอ๋อเป็น
00:14:40 → 00:14:43 แบคทีเรียเป็นยีสที่มันออกมาแล้วบอกว่า
00:14:43 → 00:14:45 เนี่ยเลือดท่านมีแบคทีเรียเลือดท่านไม่
00:14:46 → 00:14:48 สมดุลท่านจะต้องไปรับประทานอาหารเสริมของ
00:14:48 → 00:14:51 เราท่านถึงจะดีขึ้นนะครับไม่ใช่หรอกครับ
00:14:51 → 00:14:54 ถ้าท่านมีแบคทีเรียเจอในเลือดที่ขนาดมอง
00:14:54 → 00:14:56 เห็นได้ขนาดนั้นน่ะท่านตายไปแล้วครับหรือ
00:14:56 → 00:14:58 ไม่ท่านก็ต้องติดเชื้อรุนแรงในกระแสเลือด
00:14:58 → 00:15:00 ต้องนอนลงไปพยาบาลแล้วครับท่านไม่ได้เดิน
00:15:00 → 00:15:02 เข้าไปตรวจได้อย่างงั้นแล้วครับแบคทีเรีย
00:15:02 → 00:15:05 มันไม่ได้อยู่ตรงนั้นครับนะฮะแล้วก็รอย
00:15:05 → 00:15:08 อะไรต่างๆเช่นแบบอาจจะไปเห็นเป็นเส้นๆ
00:15:08 → 00:15:10 อะไรสักอย่างบอกว่าโอ้นั่นมันเป็นพยาธิ
00:15:10 → 00:15:13 อ่ะถ้าเป็นพยาธในเลือดท่านก็คงจะแย่ไป
00:15:13 → 00:15:15 แล้วเหมือนกันนะครับพยาธิมันไม่ได้หน้าตา
00:15:15 → 00:15:18 แบบนั้นบางทีท่านไปเห็นเนี่ยมันคือพวกเศษ
00:15:18 → 00:15:20 อะไรซักอย่างเศษฝุ่นแถวนั้นน่ะแล้วเค้า
00:15:20 → 00:15:21 เช็ดไม่ดีแล้วมันเป็นรอยรอยยังไงเค้าก็
00:15:22 → 00:15:24 เลยอ่านเป็นพยาธินะฮะหรือเม็ดแดงที่มี
00:15:24 → 00:15:28 หนามอ้าเม็ดเลแดงที่มีหนามเนี่ยเค้าก็จะ
00:15:28 → 00:15:30 บอกไว้ว่าเออเนี่ยไตท่านไม่ดีหรือเปล่า
00:15:30 → 00:15:33 ท่านไม่ได้ระบบไหลเวือนเลือดไม่ดีไตไม่ดี
00:15:33 → 00:15:35 ไม่เกี่ยวอะไรอะไรกันเลยครับพวกเก็เกิด
00:15:35 → 00:15:37 จากปัจจัยทางกายภาพเหมือนกับที่ผมอธิบาย
00:15:37 → 00:15:39 เรื่องของแมเลือดที่มันเรียงๆกันเป็น
00:15:39 → 00:15:41 เหรียญนั้นเหมือนกันนะครับหรือู formation
00:15:41 → 00:15:43 นะครับในทางการแพทย์เนี่มันมีไมเลือด
00:15:43 → 00:15:45 อย่างนั้นจริงๆแต่เวลาที่เราอ่านเนี่ยเรา
00:15:45 → 00:15:47 ต้องอ่านตรงกลางของสไลด์จากการไถแบบ
00:15:47 → 00:15:50 มาตรฐานไม่ใช่ว่าการอ่านเนี่ยทำด้วยการ
00:15:50 → 00:15:53 เอาไปหยดแล้วก็ไปดูตรงเออตรงขอบๆมันมีไอ้
00:15:53 → 00:15:55 ตัวนี้อยู่นะท่านอาจจะมีนิดนึงท่านอาจจะ
00:15:55 → 00:15:59 มีไม่เยอะแบบนี้ไม่ได้ครับนะอันนี้มันไม่
00:15:59 → 00:16:01 ถูกต้องทั้งหมดเลยนะครับแต่ก็เนื่องจาก
00:16:01 → 00:16:04 ว่ามันเป็นทางด้านของธุรกิจต่างๆขึ้นมา
00:16:04 → 00:16:06 มันก็เลยไม่สามารถไปควบคุมอะไรมันได้ขนาด
00:16:06 → 00:16:08 นั้นแล้วก็อันเนี้ยมันมีปัญหาอย่างเงี้ย
00:16:08 → 00:16:11 ทั่วโลกที่อเมริกาก็มีเช่นกันแล้วพอมันมี
00:16:11 → 00:16:13 ที่อเมริกามีที่เยอรมันมีที่สวิสมี
00:16:13 → 00:16:16 ฝรั่งเศสมีทุกที่เนี่ยคนที่เเอาไปใช้
00:16:16 → 00:16:19 เนี่ยเขาคก็จะอ้างว่าโอ้เป็นเทคโนโลยีที่
00:16:19 → 00:16:22 ต่างประเทศยอมรับใช้กันอ่าท่านคุ้นๆมั้ย
00:16:22 → 00:16:25 ครับที่อเมริกาก็ทำที่นี่ก็ทำที่นั่นก็ทำ
00:16:25 → 00:16:28 แล้วพอท่านไปลองทำสิ่งที่เขาจะบอกท่านก็
00:16:28 → 00:16:30 คือ
00:16:30 → 00:16:33 สามารถมารับการตรวจเลือดได้ฟรีตรวจเลือด
00:16:33 → 00:16:37 ปลายนิ้วทำทำ Life Blood analysis ได้
00:16:37 → 00:16:40 ฟรีหรือว่าไปจับไอ้เครื่องที่เป็นเ่าผมก็
00:16:40 → 00:16:42 ไม่แน่ใจว่าเลือกเครื่องอะไรเหมือนกันจับ
00:16:42 → 00:16:44 เสร็จปุ๊บมันก็จะสแกนทางร่างกายของท่านนะ
00:16:44 → 00:16:46 ครับแล้วบอกได้ว่าโอ้ตับไตท่านมีปัญหา
00:16:46 → 00:16:48 มั้ยตับอ่อนมีปัญหาตรงนโนตรงนี้มีปัญหา
00:16:48 → 00:16:50 ได้หรือเปล่านะครับแต่พอเอาไปเจาะแล้วเอา
00:16:51 → 00:16:53 ไปตรวจที่ผมบอกท่านได้เลยนะครับว่าทุก
00:16:53 → 00:16:56 ท่านที่เข้าไปตาะเนี่ยจะต้องมีอะไรที่
00:16:56 → 00:16:59 เป็นความผิดปกติสักอย่างหนึ่งแน่ๆไม่มี
00:16:59 → 00:17:02 ใครเข้าไปแล้วมันปกติหมดทุกอย่างเลยไม่มี
00:17:02 → 00:17:04 นะครับเท่าที่รู้มายังไม่มีนะครับแล้วพอ
00:17:04 → 00:17:06 หลังจากนั้นก็จะเกิดอะไรขึ้นครับเค้าก็จะ
00:17:06 → 00:17:08 บอกว่า
00:17:08 → 00:17:11 โคท่านนะเอ่อเลือดลมมันยังไหลเวียนไม่
00:17:11 → 00:17:13 ค่อยดีตรงเนี้ยการไหลเวียนของเลือดไม่ดี
00:17:14 → 00:17:16 นะครับน่าจะต้องไปรับประทานอาหารเสริมตรง
00:17:16 → 00:17:19 นี้เพิ่มขึ้นนะต้องได้รับวิตามินฉีดเพิ่ม
00:17:19 → 00:17:22 ขึ้นมันจะได้ช่วยตรงนี้ได้นะครับท่านอาจ
00:17:22 → 00:17:24 จะมีโลหะหนักเกินในร่างกายจะต้องไปทำคช
00:17:24 → 00:17:27 therapy นะครับไปทำโนนทำนี้สุดท้ายแล้ว
00:17:27 → 00:17:31 ก็ถ้าท่านไม่เอาเกิดอะไรขึ้นบางคนก็ถ้า
00:17:31 → 00:17:33 ถ้าเจอคนที่โอเคหน่อยเค้าก็จะโอเคเอ่อไม่
00:17:33 → 00:17:36 เป็นไรครับขอบคุณมากนะครับเอ่อก็ยังไงก็
00:17:36 → 00:17:38 ขอให้มีสุขภาพที่แข็งแรงแต่ถ้าเกิดคนไหน
00:17:38 → 00:17:41 ที่เจอบางคนที่ไม่ดีลเค้าจะเกิดอะไรขึ้น
00:17:41 → 00:17:46 เค้าก็จะบอกเลยว่าคุณให้ราคากับสุขภาพของ
00:17:46 → 00:17:47 คุณมากแค่
00:17:47 → 00:17:50 ไหนคุ้นๆคำนี้มั้ยครับจะเริ่มรู้สึกว่า
00:17:50 → 00:17:53 หงุดหงิดขึ้นมาละไอ้นี่ก็ไม่เอานั่นก็ไม่
00:17:53 → 00:17:55 เอาทำไมอาหารเสริมไม่เอาทำไมขายคอร์สแล้ว
00:17:55 → 00:17:58 ทำไม่เอาทำไมเวิตามินก็ไม่เอาคีเลชั่นก็
00:17:58 → 00:18:01 ไม่เอาก็จะปิดทายด้วยคำพวกเนี้ยนะครับคุณ
00:18:01 → 00:18:05 ให้ค่ากับสุขภาพของคุณมากแค่ไหนนะครับบาง
00:18:05 → 00:18:07 คนก็โกรธแล้วก็เดินหนีไปเลยอย่างนี้ก็มี
00:18:07 → 00:18:09 เหมือนกันนะผมก็ผมก็เคยได้ยินข่าวแบบนี้
00:18:10 → 00:18:13 มาจากบางคนเหมือนกันนะครับแต่ว่าก็ถ้ามัน
00:18:13 → 00:18:14 เป็นทางการแพทย์เนี่ยเราไม่มีการบังคับ
00:18:14 → 00:18:16 อย่างนั้นหรอกนะครับถ้าเาจะไม่รับกันไม่
00:18:16 → 00:18:19 รับการบริการเราก็ไม่ได้พูดอะไรก็ก็เป็น
00:18:19 → 00:18:21 เรื่องของเคสิทธิ์ของเคนะครับแล้วก็
00:18:21 → 00:18:23 เรื่องพวกเนี้ยมันแน่นอนว่ามันเป็น pud
00:18:23 → 00:18:26 sci ก็คือในทางการแพทย์ในทางวิทยศาสตร์
00:18:26 → 00:18:29 นั้นมันไม่มีข้อมูลอะไรรองรับที่สามารถ
00:18:29 → 00:18:30 ที่จะบอกว่ามันเป็นเช่นนั้นได้ดังนั้น
00:18:30 → 00:18:33 เนี่ยเรื่องพวกเนี้ยต้องระวังให้มากๆนะ
00:18:33 → 00:18:36 ก่อนที่เราจะเชื่ออะไรนะครับงั้นโดยสรุป
00:18:36 → 00:18:38 เนี่ยเรื่องของคุณ Elizabeth Home หรือ
00:18:38 → 00:18:41 บริษัท teros แล้วก็เรื่องของ bl เ Life
00:18:41 → 00:18:43 Blood analysis ต่างๆเนี่ยมันคล้ายกัน
00:18:43 → 00:18:45 มากเลยนะครับก็คือเป็นเทคโนโลยีซึ่งฟังดู
00:18:45 → 00:18:47 แล้วเนี่ยมันไม่น่าจะเป็นจริงได้ด้วย
00:18:47 → 00:18:50 เทคโนโลยีในปัจจุบันนี้นะครับมันดูเหมือน
00:18:50 → 00:18:52 เกินจริงถ้ามันดูเหมือนเกินจริงมันก็คือ
00:18:52 → 00:18:56 เกินจริงครับแล้วอะไรก็ตามซึ่งแม้ว่ามัน
00:18:56 → 00:18:57 จะมีความน่าเชื่อถือแค่ไหนมีนัก
00:18:57 → 00:19:00 วิทยาศาสตร์รางวัลนบลมีคนโน้นคนนี้มาลง
00:19:00 → 00:19:02 ทุนใหญ่ระดับโจไบเดนมาดูนะครับใหญ่ระดับ
00:19:02 → 00:19:06 เอ่อกระทรวงกลาโหมของอเมริกามาลงทุนให้นะ
00:19:06 → 00:19:08 ครับพวกเนี้ย CEO ใหญ่ๆมาลงทุนให้ยังหลอก
00:19:08 → 00:19:13 ลวงประชากรทั้งโลกเลยครับนะฮะยังหลอกลวง
00:19:13 → 00:19:15 ได้ขนาดนั้นดังนั้นเนี่ยท่านจะต้องมี
00:19:15 → 00:19:17 วิจารณาญาณคิดหน่อยนะครับแล้วอะไรที่มัน
00:19:18 → 00:19:20 ดูเกินจริงก็อย่าเพิ่งไปเชื่อนะครับอย่า
00:19:20 → 00:19:23 เพิ่งไปคิดว่าโอ้เราเนี่ยได้มีโอกาสร่วง
00:19:23 → 00:19:26 รู้ความลับสวรรค์เรารู้งานวิจัยที่ก้าว
00:19:26 → 00:19:29 หน้าที่สุดในโลกนะครับแล้วเราจะฉลาดกว่า
00:19:29 → 00:19:31 คนทั้งโลกคนอื่นที่หมอที่เขาไม่แนะนำ
00:19:31 → 00:19:34 เนี่ยเป็นหมอคนที่เาโบราณนะครับตามโลกไม่
00:19:35 → 00:19:38 ทันอ่าเค้าไม่ได้อยู่ในวงการนี้อ่านะครับ
00:19:38 → 00:19:40 แต่เราเนี่ยต่อให้เราไม่ได้เป็นหมอเรามี
00:19:40 → 00:19:43 โอกาสรับรู้ข้อมูลพวกนี้ก่อนดังนั้นเรา
00:19:43 → 00:19:45 เนี่ยเก่งที่สุดเราเอาความรู้ไปเผยแพร่
00:19:45 → 00:19:48 รีบแชร์แชร์แล้วได้บุญนแชร์แล้วส่งไปให้
00:19:48 → 00:19:51 พ่อแม่เราให้ญาติพี่น้องเราจะดีท่านกำลัง
00:19:51 → 00:19:53 ทำบาปอย่างมหันนะครับแต่แล้วก็ท่านเนี่ย
00:19:53 → 00:19:56 ไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะครับงั้นตรงเต้อง
00:19:56 → 00:19:57 ระวังให้ดีๆนะครับไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่
00:19:58 → 00:20:00 พิจารณาให้ดีก่อนนะหาข้อมูลให้ดีแล้วข้อ
00:20:00 → 00:20:03 มูลพวกนี้จะเชื่อได้มากที่สุดก็คือจะต้อง
00:20:03 → 00:20:06 ออกมาจากองค์กรที่มันเป็นที่ยอมรับในทาง
00:20:06 → 00:20:11 การแพทย์เช่น Who CDC fda ของอเมริกา
00:20:11 → 00:20:13 อย่างนี้เป็นต้นนะครับถ้าออกมาจากการแชร์
00:20:13 → 00:20:15 ข้อมูลทางอื่นในทางธุรกิจในทาง
00:20:15 → 00:20:18 อินเทอร์เน็ตเอ่อทาง LINE ทาง Facebook
00:20:18 → 00:20:21 ทางอะไรก็แล้วแต่อย่าเพิ่งเชื่อนะครับ
00:20:21 → 00:20:23 อย่าเพิ่งเชื่อพิจารณาให้ดีก่อนนะครับ
00:20:23 → 00:20:25 โอเควันนี้ก็มาเล่าเล่นๆเท่านี้นะครับ
00:20:25 → 00:20:30 ขอบคุณมากครับสวัสดีครับ