00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับมีคนเคยสงสัยมครับว่าน้ำเหลือง
00:00:03 → 00:00:06 มันคืออะไรกันแน่นะครับมันมาจากไหนมีหน้า
00:00:06 → 00:00:10 ที่อย่างไรแล้วมันมีปัญหาแล้วเกิดอะไร
00:00:10 → 00:00:13 ขึ้นนะครับเคยได้ยินคำว่าน้ำเหลืองไม่ดี
00:00:13 → 00:00:15 มันหมายความว่าอะไรมันเป็นปัญหาที่น้ำ
00:00:15 → 00:00:17 เหลืองจริงหรือเปล่าวันนี้ผมก็เลยอยากจะ
00:00:17 → 00:00:19 มาไขข้อข้องใจตรงเนี้ยให้ทุกคนฟังกันเลย
00:00:19 → 00:00:22 นะครับพบกับผมนะครับนายแพทย์ธนีธนียวันนะ
00:00:22 → 00:00:24 ครับเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐ
00:00:24 → 00:00:26 อเมริกานะครับเชี่ยวชาญโรคปอดการปลูกถย
00:00:26 → 00:00:29 ปอดและวิกฤตบำบัดนะครับก่อนอื่นเลยนะครับ
00:00:30 → 00:00:31 น้ำเหลืองเนี่ยภาษาทางการแพทย์หรือภาษา
00:00:32 → 00:00:34 อังกฤษเราจะเรียกว่า lymphatic fluid นะ
00:00:34 → 00:00:37 ครับหรือ lymph lym pH นะครับตัวนี้
00:00:37 → 00:00:40 เนี่ยมันก็คือน้ำเหลืองซึ่งสีของมันจริงๆ
00:00:40 → 00:00:42 มันก็ไม่ได้เหลืองตลอดเวลานะครับส่วนใหญ่
00:00:42 → 00:00:45 แล้วมันจะใสซะด้วยซ้ำไปเป็นน้ำใสๆเลยนะ
00:00:45 → 00:00:47 ครับอาจจะมีขุ่นบ้างนะครับหรือว่าสีออกไป
00:00:48 → 00:00:51 จากค่อนข้างทางขาวขุ่นหรือเหลืองนิดๆนะ
00:00:51 → 00:00:53 ครับมันก็ขึ้นอยู่กับว่าส่วนประกอบของน้ำ
00:00:53 → 00:00:56 เหลืองในแต่ละคนนั้นมันเป็นอย่างไรนะครับ
00:00:56 → 00:00:58 ในแต่ละคนก็จะมีส่วนประกอบที่แตกต่างกัน
00:00:58 → 00:01:01 ไปแล้วที่สำคัญคือมันแตกต่างกันตามช่วง
00:01:01 → 00:01:04 ของวันนะฮะแล้วก็ตามสภาพร่างกายด้วยเช่น
00:01:04 → 00:01:07 กันอ่าตรงเเริ่มน่าสนใจขึ้นมาแล้วใช่มั้ย
00:01:07 → 00:01:10 ครับน้ำเหลืองเนี่ยนะครับมันมีความสำคัญ
00:01:10 → 00:01:14 เป็นอย่างมากเลยในแง่ของภูมิคุ้มกันนะ
00:01:14 → 00:01:17 ครับมันทำหน้าที่ในแง่ของการสร้างภูมิ
00:01:17 → 00:01:20 คุ้มกันแล้วก็เป็นน้ำที่พาเอาเซลล์ภูมิ
00:01:20 → 00:01:22 คุ้มกันต่างๆของเราเนี่ยไปยังจุดหมายที่
00:01:22 → 00:01:26 มันควรจะไปนะครับอ่ามันมีความสำคัญในแง่
00:01:26 → 00:01:28 ของภูมคุ้มกันของเราเป็นอย่างยิ่งและอีก
00:01:28 → 00:01:31 อย่างนึงซึ่งมันสำคัญไม่แพแท้กันก็คือมัน
00:01:31 → 00:01:33 มีหน้าที่ในการลำเลียงโปรตีนแล้วก็ไขมัน
00:01:33 → 00:01:36 จากอาหารที่เรากินเข้าไปนี่แหละครับอ่านะ
00:01:36 → 00:01:38 ครับเรื่องเนี้ยคงไม่ค่อยมีคนรู้เท่าไหร่
00:01:38 → 00:01:43 นะครับทีนี้มันน้ำเหลืองเนี่ยนะครับบอก
00:01:43 → 00:01:46 ว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันละ
00:01:46 → 00:01:50 นะครับดังนั้นเราอาจะต้องได้ยินคำต่อไปก็
00:01:50 → 00:01:53 คือต่อมน้ำเหลืองนะครับถูกมั้ยฮะต่อมน้ำ
00:01:53 → 00:01:55 เหลืองมันคืออะไรเวลาน้ำเหลืองเราเนี่ย
00:01:55 → 00:01:58 มันก็จะเดินทางไปตามท่อน้ำเหลืองถูกมั้ย
00:01:58 → 00:02:00 ครับมันก็เหมือนท่อส่งน้ำธรรมดาแต่แต่ว่า
00:02:00 → 00:02:02 มันจะมีสถานีของมันอยู่เป็นช่วงๆก็คือไอ้
00:02:02 → 00:02:04 ต่อมน้ำเหลืองพวกนี้นี่แหละครับแล้วต่อม
00:02:04 → 00:02:06 น้ำเหลืองเนี่ยนะครับมันก็เป็นศูนย์รวม
00:02:06 → 00:02:08 ของเซลล์ภูมิคุ้มกันหลายๆชนิดที่มีความ
00:02:08 → 00:02:11 สำคัญมากนะครับดังนั้นเวลาถ้าเกิดเรามี
00:02:11 → 00:02:13 เชื้อโรคอะไรักอย่างเข้ามาในร่างกายเนี่ย
00:02:13 → 00:02:16 มันก็จะผ่านตามน้ำเหลืองพวกเแหละครับมา
00:02:16 → 00:02:20 เข้าไปสู่ตัวน้ำเหลืองท่อนำน้ำเหลืองแล้ว
00:02:20 → 00:02:23 ก็ไปสู่ตัวต่อมน้ำเหลืองของเรานะครับซึ่ง
00:02:23 → 00:02:26 ต่อมน้ำเหลืองเป็นจุดที่แบบมีเซลล์ภูมิ
00:02:26 → 00:02:28 กันของเราเยอะแยะไปหมดทำหน้าที่ในการตอบ
00:02:28 → 00:02:31 สนองต่อสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย
00:02:31 → 00:02:33 ของเรานั่นเองนะครับอ่านี่คือเป็นสิ่งที่
00:02:33 → 00:02:37 สำคัญแล้วทราบมครับว่าต่อมเรืมลืของเรา
00:02:37 → 00:02:40 มันอยู่ตรงไหนอ่านะครับตอมเหลืมเหลืองของ
00:02:40 → 00:02:43 เราเนี่ยมันมีทั่วร่างกายเลยแต่ว่ามันจะ
00:02:43 → 00:02:46 อยู่เยอะตรงพวกข้อพับต่างๆแล้วก็เส้น
00:02:46 → 00:02:49 เลือดนะครับข้อพับต่างๆเช่นตรงไหนบ้างนะ
00:02:49 → 00:02:52 ครับข้างคอตรงนี้มีมีต่อมเหลืองๆือยู่นะ
00:02:52 → 00:02:55 ครับหูด้านหน้าก็มีต่อมน้ำเหลืองนะครับ
00:02:55 → 00:02:58 รักแร้ 2 ข้างของเรามีต่อมน้ำเหลืองตรง
00:02:58 → 00:03:01 เหนือไหปลาร้าก็มีต่อมน้ำเหลืองๆถ้าลึกลง
00:03:01 → 00:03:02 ไปข้างในร่างกายของเราเนี่ยมันจะมีเส้น
00:03:02 → 00:03:04 เลือดใหญ่เส้นเลือดนึงนะครับที่เป็นเส้น
00:03:04 → 00:03:07 เลือดแดงใหญ่ตรงนั้นเนี่ยรอบๆเลยจะมีต่อม
00:03:07 → 00:03:10 เหล้มๆเต็มไปหมดเลยนะครับรวมทั้งขาหนีบ
00:03:10 → 00:03:13 ของเราก็มีต่อมน้ำเหลืองข้อพับแขนข้อพับ
00:03:13 → 00:03:15 ขาก็มีต่อมน้ำเหลืองตรงนั้นจะเป็นบริเวณ
00:03:15 → 00:03:17 ที่ต่อมน้ำเหลืองมันอยู่กันค่อนข้างที่จะ
00:03:17 → 00:03:20 เยอะนะครับแต่ก็ไม่เพียงแค่นั้นนะครับใน
00:03:20 → 00:03:23 อวัยวะต่างๆของเราถ้าเกิดว่าเราผ่าออกมา
00:03:23 → 00:03:25 ดูเนี่ยมันจะมีต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใน
00:03:25 → 00:03:28 อวัยวะนั้นอีกทีนึงนะครับหรือบางครั้งอาจ
00:03:28 → 00:03:30 จะเป็นต่อมใหญ่ที่แบบมองเห็นบางครั้งเป็น
00:03:30 → 00:03:34 ต่อมเล็กที่มองไม่เห็นนะฮะอ่าอวัยวะต่างๆ
00:03:34 → 00:03:36 พวกเนี้ยจะมีต่อมเหลืองๆือยู่ตรงนั้น
00:03:36 → 00:03:39 เพื่อเป็นสถานีเหมือนกับสถานีตำรวจเพื่อ
00:03:39 → 00:03:41 ที่จะป้องกันไม่ให้สิ่งแปลกปลอมเข้ามาใน
00:03:41 → 00:03:43 ร่างกายแล้วไปทำอันตรายก่อร่างกายเราได้
00:03:43 → 00:03:46 นะครับมันจะอยู่ตรงนั้นเพราะว่าเวลามี
00:03:46 → 00:03:48 เชื้อโรคเข้ามาไม่ว่าจะทางใดทางหนึ่งเช่น
00:03:48 → 00:03:51 ทางผิวหนังนะครับทางเลือดทางน้ำลายทางการ
00:03:51 → 00:03:54 หายใจหรือทางอาหารการกินที่เรากินเข้าไป
00:03:54 → 00:03:57 เนี่ยนะครับมันก็จะพยายามซึมไอ้เชื้อโลก
00:03:57 → 00:03:59 พวกเนี้ยมันจะพยายามซึมเข้าสู่ร่างกายของ
00:03:59 → 00:04:01 เราแล้วซึมเข้าไปตรงที่มันมีน้ำเหลืองมี
00:04:01 → 00:04:03 เลือดนะครับตัวเนี้ยน้ำเหลืองกับเลือดมัน
00:04:03 → 00:04:07 ก็จะพาพวกเนี้ยไปไหนครับไปที่ต่อมน้ำเหลื
00:04:07 → 00:04:09 นั่นเองซึ่งมีเซลล์ภูมิคกันอยู่เต็มไปหมด
00:04:09 → 00:04:11 นะครับเซลล์ภูมิคกันพวกนี้ก็จะมีหน้าที่
00:04:11 → 00:04:14 ในการตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอมต่างๆนะครับ
00:04:14 → 00:04:17 อ่าแล้วที่สำคัญผมเคยเล่าไปแล้วว่าทอนซิน
00:04:18 → 00:04:20 ของเรานี่ก็เป็นอวัยวะต่อมเหลืองๆอย่าง
00:04:20 → 00:04:22 นึงนะครับมันก็เป็นต่อมเหลืองๆอย่างนึง
00:04:22 → 00:04:26 ซึ่งอยู่ในช่องคอเราที่สำคัญหลายๆคนอาจจะ
00:04:26 → 00:04:29 ยังไม่รู้นะครับว่ามันมีอวัยวะที่สำคัญ
00:04:29 → 00:04:33 อีก 3 3 อย่างที่นับเป็นตัวที่มีมีความ
00:04:33 → 00:04:35 เกี่ยวข้องกับต่ำมเหลืองเป็นอย่างยิ่งนะ
00:04:35 → 00:04:38 ครับคือไขกระดูกของคนเราไข้กระดูกเนี่ย
00:04:38 → 00:04:40 เป็นอวัยวะที่เอาไว้สร้างเม็ดเลือดสร้าง
00:04:40 → 00:04:42 เกล็ดเลือดแล้วก็สร้างเม็ดเลือดขาวดัง
00:04:42 → 00:04:44 นั้นจึงมีความสำคัญมากๆเกี่ยวข้องกับภูมิ
00:04:44 → 00:04:47 กกกันของเรานะครับอ่าอีกอย่างนึงก็คือ
00:04:48 → 00:04:50 ม้ามของเรานั่นเองนะครับม้ามเนี่ยมันเป็น
00:04:50 → 00:04:52 อวัยวะต่อมน้ำเหลืองอย่างหนึ่งนะครับใน
00:04:52 → 00:04:54 นั้นจะมีการเจริญเติบโตของเม็ดเลือดแดง
00:04:54 → 00:04:58 และก็เม็ดเลือดขาวนะครับโดยตัวเม็ดเลือด
00:04:58 → 00:05:00 ขาวเนี่ยนะครับมันจะเป็นเป็นเซลล์ภูมิ
00:05:00 → 00:05:03 คุ้มกันของร่างกายนะครับดังนั้นที่ม้าม
00:05:03 → 00:05:06 เราก็จะมีเซลล์พวกนี้อยู่นะครับแต่พูดมา
00:05:06 → 00:05:09 ถึงตรงนี้ก็คงมีคนสงสัยว่าเฮ้ยเราเห็นบาง
00:05:09 → 00:05:11 คนน่ะตัดม้ามออกไปไม่ว่าจะตัดเพราะว่า
00:05:11 → 00:05:14 เอ่อเกิดอุบัติเหตุม้ามฉีกต้องตัดม้ามออก
00:05:14 → 00:05:16 นะครับหรือว่าเป็นโรคอะไรบางอย่างที่
00:05:16 → 00:05:18 จำเป็นต้องตัดม้ามออกแล้วเจะเป็นอะไร
00:05:18 → 00:05:21 เปล่านะครับก็ต้องบอกว่าคนเราไม่มีม้าม
00:05:21 → 00:05:24 เนี่ยสามารถมีชีวิตอยู่ได้นะครับสามารถมี
00:05:24 → 00:05:26 ชีวิตอยู่ได้เพียงแต่ว่าจะมีโอกาสติด
00:05:26 → 00:05:29 เชื้อบางชนิดง่ายขึ้นเท่านั้นนะครับถ้า
00:05:29 → 00:05:33 ท่านไหนเป็นแพทย์เข้ามาฟังตรงนี้เนี่ยตัว
00:05:33 → 00:05:35 ม้ามเนี่ยนะครับถ้าเราตัดออกแล้วเนี่ยนะ
00:05:35 → 00:05:39 ครับสิ่งที่จะมีปัญหาก็คือว่าร่างกายเรา
00:05:39 → 00:05:42 จะไม่ค่อยสามารถกำจัดสิ่งมีชีวิตพวก
00:05:42 → 00:05:45 แบคทีเรียชนิดที่มันมีแคปซูลหุ้มได้นะ
00:05:45 → 00:05:48 ครับตัวพวกนี้ก็ยกตัวอย่างเช่นเชื้อ
00:05:48 → 00:05:53 streptococcus นะครับ pia นะครับ
00:05:53 → 00:05:54 hemophilia
00:05:55 → 00:05:58 meningitis พวกเนี้ยมันจะมีตัวแคปซูล
00:05:58 → 00:06:02 อยู่ซึ่งมันจำเป็นจะต้องอาศัยสิ่งพิเศษใน
00:06:02 → 00:06:04 ม้ามนะครับม้ามมันจะสร้างแอนติบอดี้ออกมา
00:06:04 → 00:06:06 ตัวนึงแล้วเอาไปจับกับแคปซูลพวกเนี้ยทำ
00:06:06 → 00:06:08 ให้แคปซูลมันทำงานไม่ได้นะครับปกติแคปซูล
00:06:08 → 00:06:11 มันมีไว้มันลื่นๆเพื่อเวลาเซลล์พุ้มกัน
00:06:11 → 00:06:13 ของเรามาเจอมันจับไม่ได้นะครับมันลื่นจับ
00:06:13 → 00:06:15 ไม่ได้แต่ว่าพอมีแอนติบอดี้ที่ร่างกายมัน
00:06:15 → 00:06:17 สร้างมากรอบปุ๊บเนี่ยมันทำให้มันไม่ลื่น
00:06:17 → 00:06:19 จับได้ง่ายเซลล์ภูมิกันของเราก็จับไอ้ไอ้
00:06:19 → 00:06:22 สารพวกเนี้ยแล้วก็ฆ่าแบคทีเรียได้นะครับ
00:06:23 → 00:06:25 ถ้าเราตัดม้ามออกไปเนี่ยแอนติบอดี้ยังมี
00:06:25 → 00:06:28 อยู่นะครับแต่ว่ามันจะมีได้น้อยลงนะครับ
00:06:28 → 00:06:30 มันจะสู้คนที่ไม่ได้ตัด้าไม่ได้แต่ว่าไม่
00:06:30 → 00:06:32 ได้หมายความว่าคนที่ตัดม้ามออกไปแล้วจะ
00:06:32 → 00:06:34 ไม่มีชีวิตรอดนะครับมีชีวิตรอดอยู่ได้
00:06:34 → 00:06:37 เพราะว่าอวัยวะอื่นๆยังทำหน้าที่แทนได้
00:06:37 → 00:06:39 เพียงแต่ว่าอาจจะสู้ไม่ได้เท่านั้นเองนะ
00:06:39 → 00:06:42 ครับอวัยวะอื่นๆที่ว่าก็คือไขกระดูกแล้ว
00:06:42 → 00:06:44 ก็ต่อมน้ำเหลืองนั่นเองนะครับม้ำเนี่ย
00:06:44 → 00:06:46 เปรียบเสมือนต่อมน้ำเหลืองอันใหญ่ๆอ่ะพูด
00:06:46 → 00:06:50 ง่ายๆแล้วนะครับอ่ะมาถึงอวัยวะที่ 3 ซึ่ง
00:06:50 → 00:06:52 อยู่ในกลุ่มของน้ำเหลืองนั่นเองก็คือต่อม
00:06:52 → 00:06:56 ไทมัสนะครับต่อมไทมัสนี้หลายๆคนอาจจะไม่
00:06:56 → 00:06:59 เคยได้ยินนะครับมันไม่ใช่ต่อมไทรรอยด์นะ
00:06:59 → 00:07:01 ครับคนละอย่างกันต่อมไทรอยเราจะมีลักษณะ
00:07:01 → 00:07:04 เหมือนผีเสื้ออยู่ตรงบริเวณคอนะครับเล็กๆ
00:07:04 → 00:07:06 เท่าเนี้ยประมาณกลมๆขนาดเท่านี้นะครับแต่
00:07:06 → 00:07:10 ต่อมไทมัสเนี่ยนะครับมันจะอยู่ใกล้ๆหัวใจ
00:07:10 → 00:07:12 นะครับลงไปในทรวงอกข้างเนี้ยลึกๆเข้าไป
00:07:12 → 00:07:14 ข้างในลักษณะคล้ายๆต่อมไทรอยเหมือนกันแต่
00:07:14 → 00:07:16 ว่ามันใหญ่กว่าเล็กน้อยนะครับมันจะมีความ
00:07:16 → 00:07:19 สำคัญมากในเด็กในเด็กเนี่ยจะต่อมขนาดใหญ่
00:07:19 → 00:07:21 เลยแต่พอโตขึ้นเรื่อยๆแล้วมันจะฝ่อลงฝ่อ
00:07:21 → 00:07:24 ลงเรื่อยๆนะครับในคนที่อายุเยอะๆบางทีเรา
00:07:25 → 00:07:27 ทำ CT สแกนไปเราก็ไม่เห็นเลยด้วยครับว่า
00:07:27 → 00:07:29 มันอยู่ตรงนั้นนะครับดังนั้นปัจจุบันบ
00:07:29 → 00:07:32 เนี่ยเรารู้ว่าตอนเนี้ยเราคุยมาถึงตรงนี้
00:07:32 → 00:07:35 เราก็คงจะทราบว่าโอเคต่อมน้ำเหลืองของเรา
00:07:35 → 00:07:38 นะครับน้ำเหลืองของเราเนี่ยมันมีอวัยวะ
00:07:38 → 00:07:40 ที่เกี่ยวข้องก็คือตัวต่อมเหลืองที่อยู่
00:07:40 → 00:07:43 ตามข้อพับต่างๆนะครับมีม้ำมีไขกระดูกแล้ว
00:07:43 → 00:07:45 ก็มีต่อมไทมัสซึ่งมีความเกี่ยวข้องนะครับ
00:07:45 → 00:07:47 พวกนี้เป็นอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับภูมิ
00:07:47 → 00:07:52 ต้านทานเราทั้งหมดนะฮะทีนี้แล้วน้ำเหลือง
00:07:52 → 00:07:54 มันมาจากไหนล่ะนะครับน้ำเหลืองมันก็
00:07:54 → 00:07:56 เหมือนกับเลือดอครับเลือดเราเนี่ยก็จะมี
00:07:56 → 00:08:00 ส่วนที่เป็นน้ำนะครับโปรตีนสารต่างๆสาร
00:08:00 → 00:08:02 เคมีต่างๆแล้วก็ส่วนที่เป็นเม็ดเลือดเป็น
00:08:02 → 00:08:05 เซลล์นะครับในน้ำเหลืองมันก็เหมือนกันนะ
00:08:05 → 00:08:07 ฮะเพียงแต่ว่ามันจะไม่มีเม็ดเลือดแดงแล้ว
00:08:07 → 00:08:09 มันก็จะไม่มีเกล็ดเลือดเหมือนเลือดเรา
00:08:09 → 00:08:11 เท่านั้นนะครับส่วนที่เป็นน้ำของน้ำ
00:08:11 → 00:08:14 เหลืองเนี่ยมันมาจากเลือดเรานี่แหละครับ
00:08:14 → 00:08:18 น่าเลือดเรานี่แะนะครับเวลาเลือดเราเนี่ย
00:08:18 → 00:08:20 มันถูกบีบออกไปจากหัวใจมันก็จะเข้าสู่
00:08:21 → 00:08:23 เส้นเลือดใหญ่แล้วก็ไปสู่เส้นเลือดเล็กๆ
00:08:23 → 00:08:25 ลงไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงเส้นเลือดฝอยนะ
00:08:25 → 00:08:27 ครับตรงบริเวณเส้นเลือดฝอยนี้เองจะมีการ
00:08:27 → 00:08:30 รั่วของน้ำออกมาจากเส้นเลือดเข้าไปสู่
00:08:30 → 00:08:34 เซลล์รอบๆเรานะครับแต่การรั่วออกไปเรื่อย
00:08:34 → 00:08:35 ๆอย่างเงี้ยนะครับมันก็จะทำให้ปริมาณ
00:08:35 → 00:08:38 เลือดของเรามีลดลงไปเรื่อยๆถูกมั้ครับ
00:08:38 → 00:08:40 ร่างกายเราไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้นนะ
00:08:40 → 00:08:43 ครับมันก็จึงมีการรวบรวมเอาน้ำที่รั่วออก
00:08:43 → 00:08:45 ไปจากเส้นเลือดพวกนี้เข้าไปสู่ท่อน้ำ
00:08:45 → 00:08:48 เหลืองแล้วก็นำสุดท้ายกลับเข้าไปสู่ระบบ
00:08:48 → 00:08:50 ไหลเวนเลือดอีกต่อนึงนั่นเองนะครับจึง
00:08:50 → 00:08:53 เป็นที่มาของน้ำในน้ำเหลืองนี้ก็คือน้ำ
00:08:53 → 00:08:56 ของเลือดเรานี่แหละครับแล้วมันก็จะสีใสๆ
00:08:56 → 00:08:58 นะครับไม่ใช่สีเหลืองอย่างที่เราเข้าใจ
00:08:58 → 00:09:02 กันนะครับครับอ่าตรงนี้สำคัญตรงนี้นะครับ
00:09:02 → 00:09:05 ทีนี้แล้วน้ำตัวนี้เนี่ยมันมีส่วนประกอบ
00:09:05 → 00:09:08 อะไรบ้างนะครับน้ำในนี้มันก็จะมีส่วน
00:09:08 → 00:09:11 ประกอบของสารเคมีต่างๆที่ร่างกายสร้าง
00:09:11 → 00:09:14 ขึ้นมานะครับสารไซโตไคน์สารพวกต่างๆพวก
00:09:14 → 00:09:17 เนี้ยโปรตีนนะครับต่างๆที่ร่างกายสร้าง
00:09:17 → 00:09:20 ขึ้นมาแล้วที่สำคัญก็คือมันมีตัวโปรตีน
00:09:20 → 00:09:23 แล้วก็ไขมันด้วยนะครับเวลาที่เราทานอาหาร
00:09:23 → 00:09:26 เข้าไปแรกๆเนี่ยนะครับมันจะมีการดูดซึมไข
00:09:26 → 00:09:28 มันแล้วไขพันธุ์พวกเนี้ยมันจะถูกดูดซึม
00:09:28 → 00:09:31 ผ่านเข้าไปทางน้ำเหลืองเรานี่แหละครับ
00:09:31 → 00:09:33 เวลาที่เรามีไขมันเยอะๆเนี่ยนะครับมันจะ
00:09:33 → 00:09:36 ทำให้ตัวน้ำเหลืองของเราเนี่ยขุ่นนะครับ
00:09:36 → 00:09:39 ก็จะมีลักษณะออกขาวขุ่นๆนะครับนั่นก็เป็น
00:09:39 → 00:09:42 สาเหตุที่ทำไมน้ำเหลืองของเราในแต่ละช่วง
00:09:42 → 00:09:45 วันนี้มันสีไม่เหมือนกันนะครับมันก็ขึ้น
00:09:45 → 00:09:47 อยู่กับส่วนประกอบนะครับถ้ามีไขมันเยอะ
00:09:47 → 00:09:49 มันก็จะสีขุ่นๆหน่อยนะครับอ่าตรงนี้เป็น
00:09:50 → 00:09:52 ส่วนที่สำคัญมากๆนะครับว่ามันมาจากไหนนะ
00:09:52 → 00:09:55 ฮะอันนี้ผมจะขอนอกเรื่องไปนิดนึงนะครับ
00:09:55 → 00:09:58 ว่าน้ำของเลือดเนี่ยนะครับเวลาเราพูดถึง
00:09:58 → 00:09:59 เลือดเนี่ยเราจะพูดถึงส่วนที่มันเป็น
00:09:59 → 00:10:01 เซลล์นะครับแล้วก็ส่วนที่มันเป็นน้ำนะ
00:10:01 → 00:10:04 ครับเซลล์ก็คือเซลล์ไม่มเลือดแดงแมเลือด
00:10:04 → 00:10:06 ขาวแล้วก็เกล็ดเลือดนะครับแล้วก็ส่วนที่
00:10:06 → 00:10:09 มันเป็นน้ำนะครับทีนี้ส่วนที่มันเป็นน้ำ
00:10:09 → 00:10:12 เนี่ยคนที่เรียนสายวิทย์มาอาจจะเคยได้ยิน
00:10:12 → 00:10:16 คำว่าพลาสมาแล้วก็คำว่าเซรั่มนะครับอ้า
00:10:16 → 00:10:19 เฮ้ยมันคืออะไรมันต่างกันยังไงนะครับ 2
00:10:19 → 00:10:22 อย่างนี้นะครับพลาสม่าเนี่ยนะครับมันก็
00:10:22 → 00:10:25 เป็นส่วนน้ำเลือดนี้แหละครับที่มันยังมี
00:10:25 → 00:10:29 สารทำให้เลือดแข็งตัวอยู่ในนั้นแต่เซรั่ม
00:10:29 → 00:10:31 เนี่ยมันไม่มีสารที่ทำให้เลือดแข็งตัว
00:10:31 → 00:10:33 อยู่ในนั้นแล้วนะครับเวลาที่เราแยกกันนี่
00:10:33 → 00:10:35 เราแยกกันได้ยังไงนะครับสมมุติว่าเราเจาะ
00:10:35 → 00:10:37 เลือดออกมาไว้ในหลอดแก้วหลอดนึงนะครับ
00:10:37 → 00:10:40 แล้วเราปล่อยไว้เนี่ยสักพักเลือดข้างล่าง
00:10:40 → 00:10:43 มันจะแข็งตัวนะครับมันจะแข็งตัวแล้วก็
00:10:43 → 00:10:45 กลุ่มที่มันเป็นเซลล์เลือดอะไรพวกเนี้ย
00:10:45 → 00:10:47 มันจะแข็งตัวแล้วตกอยู่ข้างล่างนะครับนี่
00:10:47 → 00:10:51 ในกรณีปกติการที่เลือดมันแข็งตัวได้นั้น
00:10:51 → 00:10:53 มันจำเป็นจะต้องใช้สารที่ทำให้เลือดแข็ง
00:10:53 → 00:10:55 ตัวที่มีอยู่ในเลือดเราอยู่แล้วนะครับพอ
00:10:55 → 00:10:58 มันใช้สารไปหมดส่วนที่เป็นน้ำที่เหลือ
00:10:58 → 00:10:59 เนี่ยมันก็จะไม่มีสารที่ที่ทำให้เลือด
00:10:59 → 00:11:03 แข็งตัวส่วนนี้แหละครับที่มันเรียกว่า
00:11:03 → 00:11:06 เซรั่มนะครับแต่ถ้าเกิดว่าเราดันเติมสาร
00:11:07 → 00:11:08 ที่ป้องกันไม่ให้เลือดมันแข็งตัวล่ะจะ
00:11:08 → 00:11:12 เกิดอะไรขึ้นนะครับถ้าเลือดมันไม่แข็งตัว
00:11:12 → 00:11:14 ปุ๊บสารซึ่งทำให้เลือดแข็งตัวมันก็ไม่ถูก
00:11:14 → 00:11:16 ใช้มันก็ยังเหลืออยู่ในนั้นถ้าเราปล่อย
00:11:17 → 00:11:18 ทิ้งไว้นานๆไอ้เลือดตัวเนี้ยมันก็จะตก
00:11:18 → 00:11:20 ตะกอนลงมาเหมือนกันเพียงแต่มันไม่จับกัน
00:11:20 → 00:11:23 เป็นลิ่มนะครับมันก็จะแยกชั้นเหมือนกัน
00:11:23 → 00:11:25 เพราะว่าเม็ดเลือดแดงเม็ดเลือดขาวแล้วก็
00:11:25 → 00:11:26 เกลดเลือดมันหนักกว่ามันก็หล่นอยู่ข้าง
00:11:26 → 00:11:28 ล่างส่วนข้างบนที่มันเบาๆเนี่ยจะเป็นส่วน
00:11:28 → 00:11:31 น้ำนะครับส่วนน้ำที่ยังมีสารแข็งตัวของ
00:11:31 → 00:11:35 เลือดครบถ้วนเราจะเรียกว่าพลาสมานะครับ
00:11:35 → 00:11:38 อ่าตรงนี้เรียกพลาสมาบางทีคุยมาถึงตรงนี้
00:11:38 → 00:11:41 ก็อาจจะมีคนงงว่าเฮ้ยแล้วเซรุ่มงูอ่ะมัน
00:11:41 → 00:11:44 มันมาจากไรนเซรุ่มนี่คือยังไงนะครับ
00:11:44 → 00:11:46 เซรุ่มเนี่ยจริงๆก็คือมันก็เขียนเหมือน
00:11:46 → 00:11:48 กันแหละครับแต่อ่านจริงๆมันต้องอ่านว่า
00:11:48 → 00:11:50 เซรัมนะครับซีรัมนะฮะมันไม่ได้อ่านว่า
00:11:50 → 00:11:53 เซรุ่มนะครับแล้วก็แต่ว่าเราก็เรียกอะไร
00:11:53 → 00:11:55 ก็ได้ที่ทำให้เราเข้าใจง่ายก็แล้วกันนะ
00:11:55 → 00:11:58 ครับตัวเนี้ยจริงๆก็คืออย่างที่ผมอธิบาย
00:11:58 → 00:12:00 ไปเลยนะครับมันมันก็คือน้ำที่อยู่ในเลือด
00:12:00 → 00:12:02 แล้วก็น้ำส่วนนั้นนี่มันมีส่วนที่เป็น
00:12:02 → 00:12:07 ภูมิคุ้มกันมีมีเซลล์มีอ่าสารต่างๆโปรตีน
00:12:07 → 00:12:09 ต่างๆอยู่ในนั้นเช่นกันนะครับพวกโปรตีน
00:12:09 → 00:12:11 พวกเนี้ยมันก็อย่างเดียวกันกับน้ำเหลือง
00:12:11 → 00:12:13 เพราะว่าสุดท้ายแล้วมันกลายไปเป็นน้ำ
00:12:13 → 00:12:15 เหลืองได้ตรงส่วนที่มันซึมออกมาข้างนอก
00:12:15 → 00:12:17 เส้นเลือดนั่นเองนะครับอ่าดังนั้นตอนนี้
00:12:17 → 00:12:20 เรารู้แล้วนะครับว่าน้ำเหลืองของเราเนี่ย
00:12:20 → 00:12:23 มันส่วนที่มันเป็นน้ำเนี่ยสร้างมาจาก
00:12:23 → 00:12:26 เลือดของเราเองนะครับแล้วก็ส่วนหนึ่งที่
00:12:26 → 00:12:28 เป็นโปรตีนแล้วก็ไขมันเนี่ยถูกดูดซึมมา
00:12:28 → 00:12:31 จากทางเดินอาหารของเรานะครับและส่วนที่
00:12:31 → 00:12:33 มันเป็นเซลล์ก็ถูกสร้างมาจากอวัยวะน้ำ
00:12:33 → 00:12:36 เหลืองต่างๆของเราก็คือต่อมน้ำเหลืองม้าม
00:12:36 → 00:12:39 ต่อมไทมัสแล้วก็ไข่กระดูกนะครับนั้นตอน
00:12:39 → 00:12:41 นี้เรารู้แล้วว่าเออน้ำเหลืองมันคืออะไร
00:12:41 → 00:12:43 สีมันก็ไม่ได้เหลืองนะครับมันมีความสำคัญ
00:12:43 → 00:12:47 มากๆในแง่ของการเป็นตัวภูมิคุ้มกันให้กับ
00:12:47 → 00:12:49 ร่างกายของเรานะครับแล้วก็อีกอย่างนึงก็
00:12:49 → 00:12:51 คือมันนำเอาสารน้ำที่รั่วออกไปจากเส้น
00:12:51 → 00:12:56 เลือดเราเข้าสู่ตัวอะไรครับไหลเว้นโลหิต
00:12:56 → 00:12:59 ของเราอีกรอบหนึ่งนะครับทีนี้มาถึงคำว่า
00:12:59 → 00:13:02 น้ำเหลืองมันไม่ดีบางคนเเคยได้ยินว่า
00:13:02 → 00:13:07 เนี่ยเราเกาแล้วมันเป็นแผลเยอะยุงกัดแล้ว
00:13:07 → 00:13:10 มันก็ตุ่มแดงแพ้เยอะเลยอย่างเงี้ยมันเค้า
00:13:10 → 00:13:12 เรียกว่าโบราณเ้าเรียกว่าน้ำเหลืองไม่ดี
00:13:12 → 00:13:16 นะครับจริงๆน้ำเหลืองเนี่ยมันไม่ได้ไม่ดี
00:13:16 → 00:13:18 หรอกครับมันเป็นเพราะว่าท่านแพ้แล้วก็มี
00:13:18 → 00:13:21 ปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งต่างๆมากกว่าปกติ
00:13:21 → 00:13:24 นั่นเองนะครับบางกรณีเป็นการแพ้แบบจริงๆ
00:13:24 → 00:13:27 นะก็จะมีผื่นแดงขึ้นมาเยอะๆเลยนะครับแล้ว
00:13:27 → 00:13:29 ก็เราเกามากๆนะครับเพราะเราคันเห็นมมั้ย
00:13:29 → 00:13:32 ฮะเกาๆๆแล้วเกิดอะไรขึ้นมันก็เป็นแผลนะ
00:13:32 → 00:13:35 ครับเป็นแผลแล้วมันก็จะมีน้ำซึออกมาแล้ว
00:13:36 → 00:13:38 เราก็จะเรียกว่าอ๋อเนี่ยน้ำเหลืองซึ่ง
00:13:38 → 00:13:40 จริงๆมันก็คือน้ำเหลืองเรานั่นแหละครับ
00:13:40 → 00:13:43 ที่ซึมออกมานะฮะบางกรณีมันก็จะสีใสๆบาง
00:13:43 → 00:13:45 กรณีก็จะสีออกเหลืองๆหน่อยแล้วบางกรณีมัน
00:13:46 → 00:13:48 ก็จะกลายไปเป็นเกล็ดที่แข็งๆเพราะว่าตรง
00:13:48 → 00:13:50 นั้นเนี่ยมันมีสารที่ทำให้เลือดแข็งตัว
00:13:50 → 00:13:52 มันต้องเป็นเกล็ดมาป้องกันไม่ให้น้ำมัน
00:13:52 → 00:13:55 รั่วออกมาเรื่อยๆนะครับดังนั้นโรคน้ำ
00:13:55 → 00:13:58 เหลืองไม่ดีจริงๆไม่มีหรอกครับนะฮะไม่มี
00:13:58 → 00:14:00 หรอกครับมันเป็นโรคอย่างอื่นซะมากกว่า
00:14:00 → 00:14:04 เช่นโรคผิวนางอักเสบโรคแพ้โรคเอกซีต่างๆ
00:14:04 → 00:14:06 พวกนี้นะครับหรืออะไรทำนองเนี้ยนะครับ
00:14:06 → 00:14:08 ทั้งหมดมันมีคำอธิบายได้ทางการแพทย์นะ
00:14:08 → 00:14:13 ครับอ่าจะได้ไม่สับสนต่อไปนะครับผมว่าผม
00:14:13 → 00:14:16 รู้สึกเอ่อจำความได้มาตั้งแต่เด็กๆก็เคย
00:14:16 → 00:14:18 มีคนบอกเรื่องว่าน้ำเหลืองไม่ดีอะไรอย่าง
00:14:18 → 00:14:20 เงี้ยครับพอมาเรียนแพทย์เองก็ถึงเข้าใจ
00:14:20 → 00:14:22 ว่าอ๋อมันไม่ใช่น้ำเหลืองมันไม่ดีนะน้ำ
00:14:22 → 00:14:24 เหลืองมันดีแต่ว่ามันทำหน้าที่ของมันมาก
00:14:24 → 00:14:27 จนเกินไปเท่านั้นเองไม่ได้มีอะไรผิดปกติ
00:14:27 → 00:14:29 นะครับทีนี้
00:14:29 → 00:14:32 เคยเห็นคนที่เป็นโรคเท้าช้างมยครับอ่า
00:14:32 → 00:14:36 เวลาที่เท้าช้างเนี่ยเราเราติดมาจากยุง
00:14:36 → 00:14:39 อย่างนึงนะครับแล้วก็เท้าเนี่ยมันจะบวม
00:14:39 → 00:14:41 เป่งเลยอยู่ข้างที่เป็นหรือบางคนก็บวมจน
00:14:41 → 00:14:44 ถึงอันทะเลยนะครับมันจะบวงเยอะเลยนะครับ
00:14:44 → 00:14:46 พวกนี้เนี่ยมันเกิดขึ้นเพราะว่าตัว
00:14:46 → 00:14:48 ปรสิทธิ์ที่มันอยู่ในยุงเนี่ยมันไปอุดตัน
00:14:48 → 00:14:51 ท่อน้ำเหลืองของเรานะครับแล้วพอมันอุดตัน
00:14:51 → 00:14:54 ท่อน้ำเหลืองเกิดอะไรขึ้นอย่างที่ผมบอกเ
00:14:54 → 00:14:56 ครับเลือดเนี่ยมันถูกบีบเข้าทางเส้นเลือด
00:14:56 → 00:14:58 แล้วพอไปส่วนปลายของเส้นเลือดตรงเส้น
00:14:58 → 00:15:01 เลือดสอยปุ๊บน้ำมันจะรั่วออกข้างนอกแล้ว
00:15:01 → 00:15:03 น้ำเนี่ยมันจะกลับเข้าสู่เส้นเลือดใหม่
00:15:04 → 00:15:06 ได้มันจะต้องอาศัยท่อน้ำเหลืองถ้าท่อน้ำ
00:15:06 → 00:15:08 เหลืองท่านตันล่ะมันจะไปไหนล่ะมันก็ไปไม่
00:15:09 → 00:15:11 ได้นะครับมันก็ค้างอยู่ตรงขานั่นแหละครับ
00:15:11 → 00:15:13 นั่นจึงเป็นที่มาของโรคเท้าช้างมันก็จะ
00:15:13 → 00:15:16 ค้างอยู่ตรงนั้นแล้วพวกนี้เนี่ยน่าเสีย
00:15:16 → 00:15:19 ดายคือมันไม่มีทางหายนะครับถ้าเป็นขนาด
00:15:19 → 00:15:21 ที่ขายใหญ่ๆนะมันไม่มีทางหายมันมีแค่ว่า
00:15:21 → 00:15:24 เราอาจจะผ่าตัดได้บ้างเล็กๆน้อยๆเพื่อ
00:15:24 → 00:15:26 ความอ่าสวยงามแล้วก็เพื่อให้แขามันไม่
00:15:27 → 00:15:29 หนักจนเกินไปทำให้คนไข้อาจจะเดินได้ดีมาก
00:15:29 → 00:15:32 ขึ้นนิดหน่อยแต่ว่ามันผ่าให้มันหายไปเลย
00:15:32 → 00:15:34 ไม่ได้นะครับแล้วมันก็ไม่มียาอะไรที่ทำ
00:15:34 → 00:15:36 ให้มันหายไปได้เลยนะครับ
00:15:36 → 00:15:39 อ่าพวกเนี้ยนะครับมันก็เป็นสิ่งที่มีความ
00:15:39 → 00:15:41 สำคัญที่เราอาจจำเป็นจะต้องรู้นิดนึงว่า
00:15:41 → 00:15:45 เอ้ยมันมีที่มาที่ไปยังไงบ้างนะครับอ่า
00:15:45 → 00:15:47 ดังนั้นวันนี้กล่าวโดยสรุปนะครับน้ำ
00:15:47 → 00:15:49 เหลืองของเราเนี่ยมันก็มาจากเลือดของเรา
00:15:49 → 00:15:52 ดีๆนั่นเองส่วนที่เป็นเซลล์ก็จะมาจาก
00:15:53 → 00:15:56 เซลล์แมเลือดขาวต่างๆตามม้ำนะครับไข
00:15:56 → 00:15:59 กระดูกแล้วก็ต่อมไทมัสรววมถึงต่อมน้ำ
00:15:59 → 00:16:02 เหลืองด้วยนะครับน้ำเหลืองมีความสำคัญมาก
00:16:02 → 00:16:05 ๆในแง่ของภูมิต้านทานในแง่ของการลำเลียง
00:16:05 → 00:16:08 ไขมันแล้วก็โปรตีนนะครับตรงนี้สำคัญที่
00:16:08 → 00:16:11 สุดเลยแล้วอวัยวะน้ำเหลืองก็อย่างที่
00:16:11 → 00:16:13 เมื่อกี้พูดไปนะครับมีต่อมน้ำเหลืองมี
00:16:13 → 00:16:17 ต่อมไทมัสนะครับมีไข่กระดูกมีน้ำแล้วก็มี
00:16:17 → 00:16:20 ท่อนำน้ำเหลืองต่างๆนะครับ
00:16:20 → 00:16:23 อ่าคำว่าน้ำเหลืองไม่ดีไม่มีนะครับมันมี
00:16:23 → 00:16:26 แต่โรคเฉพาะเจาะจงดังนั้นถ้าคนไหนที่บอก
00:16:26 → 00:16:28 ว่าตัวเองเป็นน้ำเหลืองไม่ดีมีคนบอกว่า
00:16:28 → 00:16:30 น้ำเหลืองไม่ดีนะครับอันนั้นแนะนำว่าให้
00:16:30 → 00:16:32 ไปตรวจกับแพทย์เพราะว่ามันมีคำอธิบายได้
00:16:33 → 00:16:36 ชัดเจนแล้วที่สำคัญคือหลายๆครั้งเรารักษา
00:16:36 → 00:16:39 จนกลับมาเป็นปกติได้นะครับโอเควันนี้ก็
00:16:39 → 00:16:41 เล่าเล่นๆเท่านี้นะครับใครมีอะไรสงสัยก็
00:16:41 → 00:16:43 สอบถามมาได้นะครับขอบคุณมากครับสวัสดี
00:16:43 → 00:16:46 ครับ