00:00:00 → 00:00:02 โรคซึมเศร้ามองผ่านมุมมองของสารซึปราสาท
00:00:02 → 00:00:04 นะครับก็เวลาอธิบายโรคซึมเศร้าเนี่ยจะมี
00:00:04 → 00:00:06 หลายทฤษฎีรองรับนะหนึ่งในทฤษฎีที่เป็นที่
00:00:06 → 00:00:10 นิยมก็คือสารสืบประสาทผิดปกตินะครับซึ่ง
00:00:10 → 00:00:12 สารสื่อประสาทผิดปกติมันคืออะไรนะครับก็
00:00:12 → 00:00:16 ต้องไปนึกถึงที่เรียกว่าโมโนเอนะโมโนคือ
00:00:16 → 00:00:19 อะไรก็คือเป็นหมู่ของอันนึงที่เรียกว่า OH
00:00:19 → 00:00:22 ก็คือหมู่อะมิโนที่มันต่อกับโอโรติลักษณะ
00:00:22 → 00:00:25 โครงสร้างทางเคมีของสารเหล่านี้นะครับได้
00:00:25 → 00:00:29 แก่เซรโตนินโดปามีนนพีนฟรินนะครับซึ่งอ่า
00:00:29 → 00:00:31 แต่ละสารเนี่ยก็จะมีอ่าฤทธิ์ที่ต่างกันไป
00:00:31 → 00:00:35 นะครับโดยตั้งแต่ปีศตวรรษที่ 1950 นะครับ
00:00:35 → 00:00:37 เขาก็มีการให้ยาตั้เ่ายาความดันตัวนึงคือ
00:00:37 → 00:00:41 เรซอพีนเป็นยาที่ลดพวกโมโนมีนนี่แหละนะ
00:00:41 → 00:00:43 ครับแล้วทำให้ผลทั้งเฮงเกิดก็คือมีอาการ
00:00:43 → 00:00:46 คล้ายๆโรคซึมเศร้าเกิดขึ้นมาหลังจากนั้น
00:00:46 → 00:00:48 ก็มีคนคิดค้นยาที่เกี่ยวข้องกับสาร
00:00:49 → 00:00:52 โมโนเอีนที่ใช้รักษาโรคซึมเศร้าตามมาหลัง
00:00:52 → 00:00:54 จากนั้นนะครับซึ่งสารตัวแรกที่เราจะพูด
00:00:54 → 00:00:57 ถึงก็คือสารเซโรโตนินเซโรโตนินเกี่ยวข้อง
00:00:57 → 00:00:59 กับหลายๆอย่างตั้งแต่ความปวด
00:01:00 → 00:01:04 ความหิวความอิ่มความอยากอาหารการนอนหลับ
00:01:04 → 00:01:07 อารมณ์ทางเพศแล้วก็ความรู้สึกสงบข้างในใจ
00:01:07 → 00:01:10 นะครับซึ่งถ้าเซาโตนินมันนอกจากอยู่ใน
00:01:10 → 00:01:13 สมองของฤทธิ์ที่อื่นในร่างกายด้วยนะครับ
00:01:13 → 00:01:15 เซรโตนินเนี่ยถ้าไปที่ระบบทางเดินอาหารนะ
00:01:15 → 00:01:17 ครับก็จะกระตุ้นการบีบตัวและเคลื่อนตัว
00:01:17 → 00:01:20 ของลำไส้แล้วก็กระเพาะกระตุ้นการหลั่งน้ำ
00:01:20 → 00:01:22 ย่อยกระตุ้นความอยากอาหารแต่บางทีก็ทำให้
00:01:22 → 00:01:25 เกิดอาการคลื่นไส้ได้แล้วถ้าเซรตินไปจับ
00:01:25 → 00:01:27 ที่ตัวระบบหลอดหลอดเลือดและหัวใจนะครับ
00:01:27 → 00:01:30 หัวใจก็จะบีบตัวแรงพืดหลอดเลิกก็จะหดตัว
00:01:30 → 00:01:33 ส่งผลให้ความดรหิตเนี่ยสูงขึ้นได้นะครับ
00:01:33 → 00:01:35 ซึ่งมันก็นำมาที่ผลั่งเคียงเวลากินยาต้าน
00:01:35 → 00:01:38 เศร้าที่มันยุ่งกับเซโรโตนินก็จะทำให้
00:01:38 → 00:01:40 เกิดอาการหิวบ่อยได้หรือว่าคลื่นไส้
00:01:40 → 00:01:43 อาเจียนได้อารมณ์ทางเพศมันลดลงได้แล้วบาง
00:01:43 → 00:01:46 ทีความรหิตก็สูงขึ้นได้มีอาการใจสั่นได้
00:01:46 → 00:01:49 นะครับอันนี้คือสารตัวแรกก็คือเซรโตนิน
00:01:49 → 00:01:52 เนาะสารตัวที่ 2 จะพูดถึงก็คือโดปามีน
00:01:52 → 00:01:53 โดปามีนเกี่ยวข้องกับเรื่องของความรู้สึก
00:01:53 → 00:01:57 พึงพอใจความรู้สึกรักใคร่ความรู้สึกยินดี
00:01:57 → 00:01:59 ความรู้สึกตื่นตัวกระฉับกระเฉงความรู้สึก
00:01:59 → 00:02:02 การมีสมาธิแล้วก็การมี motivation นะครับ
00:02:02 → 00:02:05 ถ้าสารโดปามินมันผิดปกตินะครับก็จะทำให้
00:02:05 → 00:02:06 เกิดอาการของซึมเศร้าก็คือมีความรู้สึก
00:02:06 → 00:02:09 ว่าไม่อยากทำอะไรทำอะไรก็ไม่มีคุณความสุข
00:02:09 → 00:02:12 ไม่มี motivation ในการใช้ชีวิตก็คือเป็น
00:02:12 → 00:02:15 แอนฮีโรเนียหรือว่าอาการสิ้นดินดีนะครับ
00:02:15 → 00:02:18 นอกจากนั้นโดปามีนเกี่ยวข้องกับเรื่องของ
00:02:18 → 00:02:20 การเคลื่อนไหวร่วมด้วยเราพบว่าในคนไข้
00:02:20 → 00:02:23 พาคินสารมีโดปามีนที่ผิดปกติในส่วนของการ
00:02:23 → 00:02:26 เคลื่อนไหวก็จะมีการเคลื่อนไหวที่ช้าลง
00:02:26 → 00:02:28 เป็นลักษณะของพาซินซิึมได้นะครับแล้วนอก
00:02:29 → 00:02:30 จากสารโดปามีนก็เกี่ยวข้องกับเรื่องของ
00:02:30 → 00:02:34 การหลั่งโปรแลคตินด้วยการมีโดปามินเยอะๆ
00:02:34 → 00:02:37 ในเลือดก็จะยั้งการหลั่งโปรแลคตินนะครับ
00:02:37 → 00:02:39 ในคนไข้ที่กินยาต้านโรคจิตหรือว่ายาต้าน
00:02:39 → 00:02:41 เศร้าบางตัวนี่ไม่มีผลกับโดปามีนจะทำให้
00:02:41 → 00:02:43 มีผลข้างเคียงเรื่องของการเคลื่อนไหวผิด
00:02:43 → 00:02:46 ปกติก็คือพันคโซนิึมได้มีผลข้างเคียง
00:02:46 → 00:02:48 เรื่องของน้ำลมไหลได้เพราะโฮมปแลกตินมัน
00:02:48 → 00:02:51 สูงขึ้นนะครับอันนี้ผลของทั้งเคียงที่พบ
00:02:51 → 00:02:53 ได้สารตัวที่ 3 ที่เกี่ยวข้องก็คือสาร
00:02:53 → 00:02:55 นพฟินนะครับก็มีความรู้สึกเกี่ยวข้องกับ
00:02:55 → 00:02:57 เรื่องของการเรี่ยวแรง
00:02:57 → 00:03:00 การตื่นตัวการควบคุมอารมณ์แล้วก็สมาธินะ
00:03:00 → 00:03:04 ครับถ้าสารน้องเพียนผิดปกติเรี่ยวแรงก็จะ
00:03:04 → 00:03:08 ลดลงสมาธิจดจ่อก็จะลงการควบคุมอรมก็จะแย่
00:03:08 → 00:03:11 ลงนะครับซึ่งไอ้ทฤษฎีพวกเนี้ยสำคัญยังไง
00:03:11 → 00:03:13 นะครับก็สำคัญที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของ
00:03:13 → 00:03:17 การเลือกยาบางตัวนะครับเช่นยาที่ยุ่งกับ
00:03:17 → 00:03:19 ไซโดตonนินอย่างเดียวก็คือกลุ่ม SSRI
00:03:19 → 00:03:22 ไซโดตonนินฟิน
00:03:22 → 00:03:23 เอ่อ
00:03:24 → 00:03:26 SSI ก็คือเซตารีนฟูอกิ
00:03:26 → 00:03:29 เอซโรมนะครับตัวนี้เกี่ยวข้องกับก็ยุ่ง
00:03:29 → 00:03:32 กับเซโดตินอย่างเดียวเนาะมันก็จะมีฤทธิ์
00:03:32 → 00:03:35 เป็นแบบนึงในการรักษานะครับซึ่งก็จะมีผล
00:03:35 → 00:03:37 เคียงที่ยุ่งกับเซโดตนินเป็นหลักนะครับ
00:03:37 → 00:03:40 ส่วนถ้าเป็นกลุ่ม SNRI ก็คือยุ่งกับ
00:03:40 → 00:03:44 เซโดตonนินกับนพนฟินก็อย่างเช่นยาเวลาซีน
00:03:44 → 00:03:46 vวฟาซีนดูอกซิตินเนี่ยนะครับพอมันยุ่งกับ
00:03:46 → 00:03:49 นฟีนร่วมด้วยเนี่ยเราก็ใช้ให้คนไข้ที่มี
00:03:49 → 00:03:52 ปัญหาเรื่องของเรวแรงenนergyที่มันน้อยลง
00:03:52 → 00:03:54 แล้วก็จะไปเพิ่มนฟินให้มีเรแรงที่เพิ่ม
00:03:54 → 00:03:57 มากขึ้นนะครับหรือในคนไข้บางคนถ้ามีปัญหา
00:03:57 → 00:04:00 เกี่ยวข้องกับนพินกับโดปามีนเป็นหลักเรา
00:04:00 → 00:04:04 จะให้ยากลุ่ม NDRI ก็คือยาชื่อยาคือบูโพน
00:04:04 → 00:04:07 ยาเนี่ยใช้สามารถใช้รักษาเรื่องของสมาธิ
00:04:07 → 00:04:09 สั้นได้ด้วยแล้วก็ใช้เรื่องของเที่ยวแรง
00:04:09 → 00:04:12 ได้ motivation ได้แล้วก็จะไม่มีปัญหา
00:04:12 → 00:04:14 เรื่องของอารมณ์ทางเพศเพราะมันไม่ยุ่งกับ
00:04:14 → 00:04:17 เซรโตนินนะครับก็ไอ้ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
00:04:17 → 00:04:20 เนี่ยก็จะให้หมอเป็นคนเรียนรู้เพื่ออิง
00:04:20 → 00:04:24 กับอาการของคนไข้ว่าคนไข้อาจจะขาดสารตัว
00:04:24 → 00:04:27 นี้อาจจะมีตัวนี้ผิดปกตินะครับในปัจจุบัน
00:04:27 → 00:04:29 เนี่ยยังไม่มีการเจาะเลือดดูระดับพวก
00:04:29 → 00:04:33 โมโนเอีนหรือว่าการสแกนสมองดูว่าโมโนตรง
00:04:33 → 00:04:36 ไหนผิดปกติอะไรยังไงนะครับเรามีแต่การดู
00:04:36 → 00:04:39 อาการของคนไข้เป็นหลักแล้วก็ให้ยา bas on
00:04:39 → 00:04:42 อาการของเค้านะครับแล้วก็รอดูผลของการ
00:04:42 → 00:04:45 รักษาอ้าตัวยานะครับอ่านี้เป็นทฤษฎีอัน
00:04:45 → 00:04:48 นึงที่อธิบายการเกิดโรคซึมเศร้าด้วยทฤษฎี
00:04:48 → 00:04:52 สารสื่อประสาทจริงๆมันมีทฤษฎีอื่นอีกนะ
00:04:52 → 00:04:54 ครับแล้วก็นอกจากนั้นมันจะมีการรักษาอื่น
00:04:54 → 00:04:56 ๆนอกจากการใช้ยานะครับซึ่งสำคัญไม่แพ้กับ
00:04:56 → 00:04:58 ยาเลยตั้งแต่การบำบัดการออกกำลังกายฝึก
00:04:58 → 00:05:02 สตินั่งสมาธิฝึกหายใจการปรับอาหารการปรับ
00:05:02 → 00:05:04 การนอนหลับนะครับอ่าการเข้าสังคมการปรับ
00:05:04 → 00:05:06 สิ่งแวดล้อมในชีวิตนะครับซึ่งมันต้อง
00:05:06 → 00:05:08 รักษาร่วมไปหลายๆอย่างพร้อมๆกันถึงจะได้
00:05:08 → 00:05:13 ประสิทธิภาพการรักษาที่ดีที่สุดนะครับ