00:00:00 → 00:00:02 สวัสดีครับวันนี้ผมจะมาเล่าเกี่ยวข้องกับ
00:00:02 → 00:00:05 โรคเริมให้ทุกคนฟังนะครับโรคนี้เป็นโรค
00:00:05 → 00:00:07 ที่หลายคนสอบถามกันเข้ามาเยอะเลยทีเดียว
00:00:07 → 00:00:11 นะครับว่าทำไมมันถึงเป็นได้ไปติดมาจากไหน
00:00:11 → 00:00:13 แล้ววิธีในการป้องกันไม่ให้ติดมันทำยังไง
00:00:13 → 00:00:15 ถ้าเราเป็นขึ้นมาแล้วเนี่ยทำไมมันถึง
00:00:15 → 00:00:18 รักษาไม่หายขาดซะทีนะครับแล้วเดี๋ยวเนี้ย
00:00:18 → 00:00:20 โรคต่างๆมันก็มีวัคซีนกันแล้วทำไมโรคนี้
00:00:20 → 00:00:23 มันถึงไม่มีวัคซีนขึ้นมารวมทั้งเริมเนี่ย
00:00:23 → 00:00:26 มันมีอันตรายอะไรกับร่างกายเราระยะยาว
00:00:26 → 00:00:28 หรือเปล่าเดี๋ยววันนี้จะเล่าให้ทุกคนฟัง
00:00:28 → 00:00:30 กันเลยนะครับพราะพบกับผมนะครับนายแพทย์
00:00:30 → 00:00:32 ธนีธนียวัณเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศ
00:00:32 → 00:00:35 สหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญโรคปอดการปลูกถ่าย
00:00:35 → 00:00:38 ปอดและวิกฤตบำบัดนะครับโรคเริมนะครับต้อง
00:00:38 → 00:00:41 ขอบอกไว้ก่อนเลยนะครับว่ามันเป็นภาษาไทย
00:00:41 → 00:00:44 คำว่าเริมเป็นภาษาไทยไม่ใช่ภาษาอังกฤษนะ
00:00:44 → 00:00:47 ครับดังนั้นถ้าท่านไปต่างประเทศแล้วไป
00:00:47 → 00:00:51 เรียกว่าเริมเนี่ยฝรั่งฟังไม่เข้าใจครับ
00:00:51 → 00:00:54 ถ้าเป็นเริมที่ปากเนี่ยเราจะเรียกว่า cold
00:00:54 → 00:00:57 source นะครับแต่ถ้าเป็นเริมตรงบริเวณ
00:00:57 → 00:00:59 อวัยวะเพศซึ่งมันเกิดจากเชื้อที่เป็นคนละ
00:00:59 → 00:01:02 ชิ้นกับที่ปากนะแต่มีความใกล้เคียงกัน
00:01:02 → 00:01:04 แล้วเดี๋ยววันนี้เราจะลงรายละเอียดด้วยนะ
00:01:04 → 00:01:06 ครับถ้าเป็นที่อวัยวะเพศเราจะเรียกเริม
00:01:06 → 00:01:08 บริเวณนั้นว่า genital source นะครับ
00:01:08 → 00:01:11 genital ก็คืออวัยวะเพศ source ก็คือไอ้
00:01:11 → 00:01:14 ตัวโรคเริมนี่แหละนะครับอ่ะทีนี้พอเรา
00:01:14 → 00:01:18 เข้าใจเรื่องของคำศัพท์แล้วเริมอาการเป็น
00:01:18 → 00:01:21 ยังไงนะครับเริมเนี่ยลักษณะของมันก็จะ
00:01:21 → 00:01:24 เป็นผื่นตุ่มน้ำใสกลมๆเล็กๆนะครับประมาณ
00:01:24 → 00:01:26 สักมิลนึงหรือใหญ่กว่านั้นนิดหน่อยนะครับ
00:01:26 → 00:01:29 แล้วมันก็จะเจ็บแสบมากเลยมันขึ้นได้ตรง
00:01:29 → 00:01:32 บริเวณปากนะครับแล้วก็ตรงบริเวณอวัยวเพศ
00:01:32 → 00:01:34 อาการก็จะเหมือนกันเปี๊ยบเลยนะครับแต่
00:01:35 → 00:01:37 เชื้อที่ทำให้เกิดขึ้นเนี่ยจะมีความแตก
00:01:37 → 00:01:40 ต่างกันเล็กน้อยนะครับโดยทั้ง 2 เชื้อนะ
00:01:40 → 00:01:44 จะมีชื่อเรียกว่า Herby Simplex Virus
00:01:44 → 00:01:46 นะครับถ้าเป็นที่ปากมักจะเป็น Herby
00:01:47 → 00:01:49 Simplex Virus Type ที่ 1 แต่ถ้าเป็น
00:01:49 → 00:01:52 ที่อวัยวะเพศมักจะเป็น Herby Simplex
00:01:52 → 00:01:55 Virus Type ที่ 2 นะครับทั้ง 2 ตัว
00:01:55 → 00:01:57 เนี้ยมีความใกล้เคียงกันในเรื่องของ
00:01:57 → 00:02:00 พันธุกรรมกรรมเป็นอย่างมากอาจจะมีจุดแตก
00:02:00 → 00:02:03 ต่างกันบ้างเล็กน้อยนะครับทำให้บริเวณที่
00:02:03 → 00:02:06 มันชอบอยู่เนี่ยแตกต่างกันไปนะครับอย่าง
00:02:06 → 00:02:09 ไรก็ตามครับเดี๋ยวนี้เนี่ยเนื่องจากว่า
00:02:09 → 00:02:11 มันมีการถ่ายทอดทางเพศสัมพันธ์กันค่อน
00:02:11 → 00:02:16 ข้างเยอะทำให้เราเจอHerีสชนิดที่ 1 ตรง
00:02:16 → 00:02:19 บริเวณอวัยวะเพศได้และเราก็เจอHerีสชนิด
00:02:19 → 00:02:23 ที่ 2 ตรงบริเวณปากได้เช่นกันเพราะว่าการ
00:02:23 → 00:02:25 มีเพศสัมพันธ์นี่แหละนะครับขอเริ่มต้น
00:02:25 → 00:02:27 ด้วย Herpy Simplex Virus Type ที่ 1
00:02:27 → 00:02:31 ก่อนว่ามันมาจากไหนนะครับต้องบอกอย่างี้
00:02:31 → 00:02:35 ครับว่าไทปที่ 1 เนี่ยมันส่วนใหญ่นะครับ
00:02:35 → 00:02:37 ไม่ได้ติดต่อทางเพศสัมพันธ์แต่มันมาจาก
00:02:37 → 00:02:40 พ่อแม่เรานี่แหละหรือเพื่อนๆเราเออมาได้
00:02:40 → 00:02:45 ยังไงมันมาจากทางน้ำลายครับพวกนี้เนี่ย
00:02:45 → 00:02:48 มันอยู่ในสิ่งขัดหลังอยู่ในเส้นประสาทได้
00:02:48 → 00:02:50 นะครับแล้วก็คุณไม่จำเป็นจะต้องมีอาการ
00:02:50 → 00:02:53 เลยก็ได้ไม่จำเป็นต้องมีตุ่มที่ปากไม่มี
00:02:53 → 00:02:56 อาการอะไรเลยเหมือนคนปกติเลยมันก็สามารถ
00:02:56 → 00:02:59 ที่จะมีไวรัสออกมาได้ครับและถ้าเราไปกิน
00:02:59 → 00:03:02 ข้าวกินอาหารจานเดียวกับคนอื่นเค้าโดยไม่
00:03:02 → 00:03:05 มีช้อนกลางนะครับหรืออยู่ใกล้ชิดกันเราก็
00:03:05 → 00:03:07 มีโอกาสที่จะได้รับเชื้อตัวนี้เข้าไปทาง
00:03:07 → 00:03:11 ปากครับแล้วพอมันเข้าไปทางปากเนี่ยมันก็
00:03:11 → 00:03:15 จะเข้าไปอยู่ในปมประสาทของเส้นสเอ่อเส้น
00:03:15 → 00:03:18 ประสาทสมองตัวนึงชื่อว่า trieminal nerve
00:03:18 → 00:03:20 นะครับ triminal nerve เนี่ยมันเป็นเส้น
00:03:20 → 00:03:22 ประสาทสมองแล้วมันก็จะมีปมประสาทอยู่แล้ว
00:03:22 → 00:03:24 ไอ้เชื้อเนี่ยมันชอบไปอยู่ตรงนั้นเมื่อ
00:03:25 → 00:03:27 ไหร่ก็แล้วแต่ที่ภูมิต้านทานของเราตกนะ
00:03:27 → 00:03:29 ครับมันก็จะออกมาแสดงอาการเกิดเป็นผื่น
00:03:29 → 00:03:34 แบบนั้นขึ้นมานะครับแต่ทีนี้ชนิดที่ 1
00:03:34 → 00:03:37 เนี่ยเนื่องจากว่ามันอยู่ที่เส้นประสาท
00:03:37 → 00:03:39 สมองไจminal nve ซึ่งมันเป็นเส้นประสาท
00:03:39 → 00:03:42 สมองคู่ที่ 5 เนี่ยมันก็ไม่ได้ออกมาได้
00:03:42 → 00:03:44 ที่ปากอย่างเดียวนะตรงบริเวณไหนที่เส้น
00:03:44 → 00:03:47 ประสาทไปเลี้ยงมันก็ออกมาตรงนั้นได้นะ
00:03:47 → 00:03:51 ครับเช่นมันออกที่ตาก็ได้ที่ปากก็ได้หรือ
00:03:51 → 00:03:54 ในช่องปากช่องคอข้างในก็ได้เหมือนกันแล้ว
00:03:54 → 00:03:57 ถ้าโชคร้ายนะครับมันสามารถเข้าไปในสมอง
00:03:57 → 00:03:59 เกิดเป็นภาวะที่รุนแรงได้เราเรียกว่า
00:03:59 → 00:04:03 herpies enis และภาวะเนี้ยอันตรายถึง
00:04:03 → 00:04:06 ชีวิตถ้าเกิดว่ารักษาไม่ทันนะครับแล้วต่อ
00:04:06 → 00:04:08 ให้รักษาทันบางคนก็จะมีผลข้างเคียงระยะ
00:04:08 → 00:04:11 ยาวได้อีกถ้ารักษาได้ช้าเกินไปนะครับแต่
00:04:11 → 00:04:14 พวกนั้นเนี่ยต้องบอกว่าส่วนใหญ่คุณไม่
00:04:14 → 00:04:16 ต้องกังวลนะครับเพราะว่ามันมักจะเกิดในคน
00:04:16 → 00:04:18 ที่มีภูมิต้านทานอ่อนแอถ้าเป็นคนปกติไม่
00:04:18 → 00:04:21 ค่อยเกิดอะไรนะครับดังนั้นตอนนี้เรารู้
00:04:21 → 00:04:24 แล้วนะครับว่าการติด Herb Simplex Virus
00:04:24 → 00:04:27 Type ที่ 1 เนี่ยมันมักจะมาจากน้ำลาย
00:04:27 → 00:04:29 แล้วก็อาจจะได้มาจากคุณพ่อคุณแม่คนใน
00:04:29 → 00:04:31 ครอบครัวเพื่อนฝูงใครก็แล้วแต่นะครับได้
00:04:31 → 00:04:35 มาตั้งแต่เด็กๆแล้วด้วยแล้วคนที่ถ่ายทอด
00:04:35 → 00:04:37 ให้เราเนี่ยเค้าไม่ต้องมีอาการอะไรเลยสัก
00:04:37 → 00:04:40 อย่างนะฮะงั้นเหตุผลที่คนเรามีเชื้อตัว
00:04:40 → 00:04:42 นี้อยู่ตรงเนี้ยก็เพราะแบบนี้นั่นแหละ
00:04:42 → 00:04:45 ครับแล้วเชื้อตัวนี้มันชอบปมประสาทตรง
00:04:45 → 00:04:48 บริเวณหน้าของเรานะไอ้เส้นประสาทสมองคู่
00:04:48 → 00:04:51 ที่ 5 nิveนี่แหละมันชอบตัวนี้มากๆมันก็
00:04:51 → 00:04:55 เลยอยู่ตรงบริเวณนั้นได้ดีนะครับต่อมาตัว
00:04:55 → 00:04:58 ที่ 2 Herp simple virus Type ที่ 2
00:04:58 → 00:05:01 ตัวนี้มันเป็นตัวที่ถ่ายทอดทางการมี
00:05:01 → 00:05:04 เพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันครับอ่างั้น
00:05:05 → 00:05:07 ตัวที่ 1 ถ้าคุณบอกว่าทำไมมีตุ่มๆขึ้นที่
00:05:07 → 00:05:10 ปากเป็นเริมอันเนี้ยมันมาจากไหนไม่ได้
00:05:10 → 00:05:13 เกี่ยวอะไรกับเพศสัมพันธ์ครับนะคุณไม่
00:05:13 → 00:05:15 ต้องกังวลไม่งั้นบางคนก็จะสับสนเฮ้ยลูก
00:05:15 → 00:05:17 ของฉันเกิดมามันก็มีไอ้นี่ขึ้นมาที่ปาก
00:05:17 → 00:05:21 แล้วทำไมเเป็นได้ทั้งๆที่ก็เพิ่งเด็กเ้า
00:05:21 → 00:05:24 เกิดมาเนี่ย 5-6 ขวบเองทำไมมันเป็นไม่ได้
00:05:24 → 00:05:26 เกี่ยวอะไรกับปีเพศสัมพันธพันแน่นอนอ่ะก็
00:05:26 → 00:05:30 ก็ถ่ายท่อมจากพ่อแม่นี่แหละครับนะฮะทีนี้
00:05:30 → 00:05:33 ในเรื่องของเพศสัมพันธ์เนี่ยต้องบอกอย่าง
00:05:33 → 00:05:36 นี้ครับว่าเชื้อ Herpy Simplex virus
00:05:36 → 00:05:40 Type ที่ 2 เนี่ยนะครับมันก็สามารถที่จะ
00:05:40 → 00:05:42 ออกมาในสิ่งคัดหลังของช่องคลอดหรือ
00:05:43 → 00:05:46 องคชาติได้โดยที่คุณไม่จำเป็นจะต้องมี
00:05:46 → 00:05:49 อาการของโรคอยู่เลยคุณไม่จำเป็นจะต้องมี
00:05:49 → 00:05:52 ตุ่มใสๆที่มันเจ็บที่มันแสบอยู่ตรงอวัยวะ
00:05:52 → 00:05:56 เพศมันก็ออกมาได้แล้วครับและนี่แหละคือ
00:05:56 → 00:05:59 สิ่งที่อันตรายเพราะว่าอะไรรู้มั้ยครับ
00:05:59 → 00:06:03 เพราะว่ามันไม่มียาป้องกันครับใช่มั้ย
00:06:03 → 00:06:05 สมมุติว่าคุณเลือกที่จะมีเพศสัมพันธ์กับ
00:06:05 → 00:06:08 คนคนนึงคุณเชื่อใจเค้ามากคุณรู้แน่นอนว่า
00:06:08 → 00:06:12 เค้าไม่เป็นอ่าโรค HIV คุณแน่ใจว่าอวัยวะ
00:06:12 → 00:06:15 เพศของเขาไม่มีกลิ่นผิดปกตินะครับไม่มี
00:06:15 → 00:06:17 รอยแผลไม่มีอะไรสักอย่างที่มันผิดปกติคุณ
00:06:17 → 00:06:20 คิดว่าเออมั่นใจมีการตรวจเลือดอย่างดีและ
00:06:20 → 00:06:22 นะครับมั่นใจว่าเค้าไม่เป็นตรวจเลือดทุก
00:06:22 → 00:06:25 อย่างอ่ะไม่มีซิฟิไม่มีน้องในไม่มี HIV
00:06:25 → 00:06:28 ไม่มีอะไรสักอย่างเลยแล้วคุณมีเพศสัมพันธ
00:06:28 → 00:06:31 กับเขาถ้าเกิดว่าเค้าเคยเป็น Herpy Sytex
00:06:31 → 00:06:34 Virus Typ ที่ 2 หรือเริมเนี่ยตรงอวัยว
00:06:34 → 00:06:37 เพศของเขานะต่อให้เขาไม่มีอาการอะไรเลย
00:06:37 → 00:06:41 คุณก็ติดได้ครับเพราะว่ามันมีสิ่งหนึ่ง
00:06:41 → 00:06:44 ซึ่งเรียกว่า asymptomatic shadding นะ
00:06:44 → 00:06:46 ครับ asymptomatic แปลว่าไม่มีอาการ
00:06:46 → 00:06:49 shading ก็คือการที่ไวรัสมันสามารถออกมา
00:06:49 → 00:06:51 ในสิ่งขั้นหลังได้เช่นเดียวกับการที่
00:06:51 → 00:06:54 ไวรัสมันออกมาในน้ำลายของคุณได้นั่นแหละ
00:06:54 → 00:06:57 นะครับดังนั้นถ้าเกิดว่าคุณมีอาการแบบ
00:06:57 → 00:07:01 เนี้ยก็อาจจะโชคร้ายได้โดยเฉพาะถ้าคุณมี
00:07:01 → 00:07:03 เพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ใส่ถุงยางป้องกันนะ
00:07:03 → 00:07:07 ครับถ้าโรค HIV เรายังมียา Prexosure
00:07:07 → 00:07:09 Prophylaxis กับ Post Exposure
00:07:09 → 00:07:12 Prophylaxis ใช่มั้ฮะแต่ Herpace เนี่ย
00:07:12 → 00:07:16 หรือเริมเนี่ยเราไม่มีนะครับไม่มีดังนั้น
00:07:16 → 00:07:18 มันมีวิธีเดียวที่คุณจะป้องกันมันได้ก็
00:07:18 → 00:07:22 คือการใส่ถุงยางเท่านั้นเลยครับเท่านั้น
00:07:22 → 00:07:25 เป็นวิธีเดียวเลยต่อให้เค้าไม่มีรอยโรค
00:07:25 → 00:07:28 คุณก็ติดมาได้นะครับตรงนี้ผมย้ำนักย้ำหนา
00:07:28 → 00:07:30 เพราะว่าหลายคนจะได้เข้าใจจริงๆไม่งั้น
00:07:30 → 00:07:32 อาจจะบอกว่าเอ้ยเราจะไปติดมาได้ยังไงก็ดู
00:07:32 → 00:07:35 เค้าสะอาดดีไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลยก็นี่
00:07:35 → 00:07:36 แหละครับเหตุผลนะครับคุณไม่จำเป็นต้องมี
00:07:36 → 00:07:40 อาการเชื้อมันก็ออกมาได้แล้วครับนะฮะที
00:07:40 → 00:07:41 นี้ต่อ
00:07:42 → 00:07:45 มาแล้วไอ้เชื้อตัวนี้เนี่ยมันมันมีปัญหา
00:07:45 → 00:07:49 อะไรระยะยาวมยต้องบอกอย่างี้ครับว่าโชคดี
00:07:49 → 00:07:51 ครับว่าไอ้เชื้อ Herpy Simplex เนี่ยมัน
00:07:51 → 00:07:54 ไม่ก่อมะเร็งนะครับมันไม่ได้อยู่ในร่าง
00:07:54 → 00:07:56 กายเรานานๆแล้วกลายเป็นมะเร็งขึ้นมาแต่
00:07:56 → 00:07:58 เพื่อนๆของมันในกลุ่ม Herpies Simple
00:07:58 → 00:08:01 เอ่ออยู่ในกลุ่ม Herpies ไว virus เนี่ย
00:08:01 → 00:08:03 มันจะมีบางตัวที่เกี่ยวข้องกับการเกิด
00:08:03 → 00:08:06 มะเร็งได้เช่น bar virus นะครับซึ่งถือ
00:08:06 → 00:08:08 เป็น Herpes virus เหมือนกันแต่เป็น
00:08:08 → 00:08:12 Herpes virus Type ที่ 4 แล้วก็ Herpy
00:08:12 → 00:08:14 virus Type ที่ 8 หรือเรียกว่า
00:08:14 → 00:08:17 Carposyoma virus ตัวนี้เนี่ยทั้ง 2
00:08:17 → 00:08:19 ตัวทั้ง EBV แล้วก็ Herbit virus Type
00:08:19 → 00:08:21 ที่ 8 เนี่ยมันสามารถทำให้เกิดมะเร็งได้
00:08:21 → 00:08:25 นะครับถ้าเป็น EBV มันจะเกิดมะเร็งต่อมนม
00:08:25 → 00:08:28 เ่อต่อมน้ำเหลืองต่างๆได้นะครับอ่าเนี้ย
00:08:28 → 00:08:30 ก็คือสิ่งที่น่ากลัวอย่างหนึ่งแล้วก็ถ้า
00:08:30 → 00:08:33 มันเป็นกรณีของ Herpies virus Type ที่
00:08:33 → 00:08:35 8 เนี่ยนะครับก็จะเกิดมะเร็งได้หลาย
00:08:35 → 00:08:38 อย่างนะครับเช่น Mulicentric Castle Man
00:08:38 → 00:08:40 ในคนที่เป็น HIV แล้วติดเชื้อนี้นะครับ
00:08:40 → 00:08:43 คosyomaในคนที่ภูมิต้านทานต่ำหรือติด
00:08:43 → 00:08:46 เชื้อ HIV นะครับหรือ Primary Effusion
00:08:46 → 00:08:49 Lymoma นะครับซึ่งพวกเนี้ยคุณไม่ต้องจำ
00:08:49 → 00:08:53 ชื่อมันก็ได้แต่ว่ารู้ว่ามันมีตัว EBV
00:08:53 → 00:08:55 แล้วก็ Herpirus Type ที่ 8 เนี่ยทำให้
00:08:55 → 00:08:58 เกิดมะเร็งได้อย่างไรก็ตามครับเริมทั้ง 2
00:08:58 → 00:09:00 ชนิดไม่ได้ทำให้คุณเกิดมะเร็งอะไรขึ้นมา
00:09:00 → 00:09:04 นะครับไม่ได้ทำให้เกิดมะเร็งนะตรงนี้ขอ
00:09:04 → 00:09:06 ให้เข้าใจว่าจะได้สบายใจขึ้นมาส่วนหนึ่ง
00:09:06 → 00:09:10 นะครับทีนี้สมมุติว่าคุณเป็นเริมที่ปะมัน
00:09:10 → 00:09:14 จะเอาไปติดคนอื่นได้ยังไงนะครับติดโดยการ
00:09:14 → 00:09:17 สัมผัสครับถ้าคุณเอามือไปโดนอยู่มาเรื่อย
00:09:17 → 00:09:19 ๆเนี่ยคุณอาจจะติดมาที่มือของตัวเองก็ได้
00:09:19 → 00:09:21 แล้วมันเจ็บมากด้วยนะถ้ามันเป็นที่นิ้ว
00:09:21 → 00:09:23 เนี่ยมันจะเป็นตุ่มใสๆที่นิ้วแล้วมันเจ็บ
00:09:23 → 00:09:25 มากๆเราจะเรียกว่า herpatic with นะครับ
00:09:25 → 00:09:28 อันเนี้ยเจ็บมากๆแล้วส่วนใหญ่คนที่เป็น
00:09:28 → 00:09:31 ที่นิวเนี่ยมักจะเป็นหมอฟันถ้าเกิดว่า
00:09:31 → 00:09:34 เอ่อถุงถุงมือที่ใส่มันขาดหรือว่าอาจจะดู
00:09:34 → 00:09:37 แลความสะอาดไม่ดีแล้วไปโดนตรงบริเวณที่คน
00:09:37 → 00:09:40 ไข้เป็นแล้วก็ติดมาได้นะครับอ่าติดมาได้
00:09:40 → 00:09:44 อันเนี้ยก็มันอาจจะเป็นส่วนที่ทำให้เรา
00:09:44 → 00:09:46 ได้รับเชื้อเข้ามาเชื้อพวกเนี้ยต้องบอก
00:09:46 → 00:09:48 ว่ามันตายไม่ได้ยากอะไรนะครับเพราะว่ามัน
00:09:48 → 00:09:51 มีเปลือกไขมันเปลือกไขมันปุ๊บเนี่ยเราใช้
00:09:51 → 00:09:53 แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อก็ได้นะครับสบู่ก็ได้นะ
00:09:53 → 00:09:56 ครับหรือคลอเก็ซีนหรือน้ำยาฆ่าเชื้อทั่วๆ
00:09:56 → 00:09:58 ไปเนี่ยเชื้อมันก็ตายแล้วมันอยู่ข้างนอก
00:09:58 → 00:10:00 ได้ไม่นานหรอกครับนะเจอพวกเนี้ยเรียบร้อย
00:10:00 → 00:10:02 หมดนะครับดังนั้นอันนี้ก็เป็นวิธีในการ
00:10:02 → 00:10:05 ป้องกันไม่ให้เราเอาเชื้อไปติดคนอื่นถ้า
00:10:05 → 00:10:07 เกิดว่าเรามีตุ่มใส่ขึ้นตามตัวแล้วเรา
00:10:07 → 00:10:08 อยู่บ้านเดียวกับคนอื่นอันนี้ก็ต้องล้าง
00:10:08 → 00:10:11 มือบ่อยๆนะครับอย่าไปจับแล้วไปป้ายตามที่
00:10:11 → 00:10:13 ต่างๆเป็นต้นนะครับถ้าตรงไหนที่มันมี
00:10:13 → 00:10:15 เชื้ออยู่เราก็เอาแอลกอฮอล์ไปเช็ดเอาสบู่
00:10:15 → 00:10:18 เอาน้ำยาฆ่าเชื้อไปถูมันก็จะตายเรียบร้อย
00:10:18 → 00:10:23 แล้วนะครับทีนี้ครับถามว่าแล้วเชื้อมัน
00:10:23 → 00:10:26 เข้าสู่ร่างกายเราแล้วมันยังไงต่อนะครับ
00:10:26 → 00:10:28 อย่าง herpy simple virus type ที่ 1
00:10:28 → 00:10:30 เนี่ยมันก็อยู่ในปมประสาทของเส้นประสาท
00:10:30 → 00:10:32 สมองคู่ที่ 5 อยู่ตรงหน้าเรานี่แหละนะ
00:10:32 → 00:10:35 ครับแต่ถ้าเป็น typ ที่ 2 เนี่ยมันจะอยู่
00:10:35 → 00:10:38 ตรงสิ่งที่เรียกว่า cral dorsal root
00:10:38 → 00:10:41 แกงนะครับ secral ก็คือกระดูกเชิงการนะ
00:10:41 → 00:10:44 ครับมันจะมีกระดูกเชิงการตรงนั้นน่ะมันจะ
00:10:44 → 00:10:46 มีอ่าสันหลังของเรานะครับสันหลังเราจะมี
00:10:46 → 00:10:48 เส้นประสาทออกมาแล้วมีปมประสาท
00:10:48 → 00:10:50 ตรงนั้นนั่นแหละครับที่เขาเรียกว่าdoซal
00:10:50 → 00:10:51 root แกงเกลี่ยนที่เชื้อมันชอบเข้าไป
00:10:52 → 00:10:55 อยู่ในนั้นมันเข้าไปอยู่แล้วทำไมเราถึง
00:10:55 → 00:10:58 กำจัดมันไม่ได้ซักทีเหตุผลเป็นอย่างี้
00:10:58 → 00:11:01 ครับเชื้อเปีดไวรัสเนี่ยเวลามันเข้าไปสู่
00:11:01 → 00:11:05 ปมประสาทแล้วนะครับมันมีหลากหลายวิธีที่
00:11:05 → 00:11:08 จะหลบเลี่ยงภูมิต้านทานของเรานะครับตรง
00:11:08 → 00:11:12 นี้ขอลงวิทยาศาสตร์นิดนึงนะฮะมันจะสามารถ
00:11:12 → 00:11:14 ที่จะมีโปรตีนตัวนึงชื่อว่า
00:11:14 → 00:11:18 ICP47 ตัวเนี้ยมันจะไปยับยั้งสิ่งนึง
00:11:18 → 00:11:20 ซึ่งเรียกว่า tap tap นะครับทำให้ร่าง
00:11:20 → 00:11:23 กายของเราไอ้เซลล์ประสาทตัวนั้นน่ะไม่
00:11:23 → 00:11:27 สามารถแสดงชิ้นส่วนผิดปกติของไวรัสไว้บน
00:11:27 → 00:11:30 ผิวเซลล์ได้นะครับโดยผ่านทางสิ่งที่เรียก
00:11:30 → 00:11:33 ว่า MHC class 1 Major Hist Compatib
00:11:33 → 00:11:36 Complex Class ที่ 1 นะครับถ้าไม่มีการ
00:11:36 → 00:11:38 แสดงชิ้นส่วนไวรัสบนผิวเซลล์ภูมิต้านทาน
00:11:38 → 00:11:40 ของเราก็จะไม่รู้ว่าเซลล์เนี้ยมันมีไวรัส
00:11:40 → 00:11:43 อยู่ก็จะไม่โดนทำลายครับแต่ไม่ใช่แค่มี
00:11:43 → 00:11:46 วิธีเดียวครับมันมีวิธีอื่นอีกคือไอ้
00:11:46 → 00:11:47 ไวรัสตัวนี้เนี่ย
00:11:47 → 00:11:50 มันจะไปแบ่งตัวในนิวเคลียสของเรานะครับ
00:11:50 → 00:11:52 แล้วมันก็จะเอาอ่าเยื่อหุ้มนิวเคลียสมา
00:11:52 → 00:11:55 เป็นเปลือกของมันแล้วหลังจากนี้จะแสดง
00:11:55 → 00:11:58 สิ่งต่างๆบนผิวของตัวไวรัสซึ่งเรียกว่า
00:11:58 → 00:12:00 ไกลโคโปรตีนมีหลากหลายชนิดเลยครับและ
00:12:01 → 00:12:03 ไกลโคโปรตีนของไอ้ตัวไวรัสเริมเนี่ยมัน
00:12:03 → 00:12:06 สามารถที่จะบล็อกไม่ให้ภูมิต้านทานของเรา
00:12:06 → 00:12:08 ไปทำลายมันได้นะครับสามารถบล็อกการทำงาน
00:12:08 → 00:12:11 ของcompลmentนได้สามารถบล็อกการทำงานของ
00:12:11 → 00:12:14 แอนตบอดี้ได้นะครับตรงนี้ถ้าใครอยากจะรู้
00:12:14 → 00:12:16 รายละเอียดลึกๆจริงๆก็สามารถตามไปอ่านได้
00:12:16 → 00:12:19 นะนะครับในเว็บไซต์ต่างๆอันนี้ก็มีอ่าพูด
00:12:19 → 00:12:21 ไว้ชัดเจนนะครับแต่ว่าผมจะขอลงแค่นี้แล้ว
00:12:21 → 00:12:23 กันไม่งั้นเดี๋จะลำบากแล้วก็เข้าใจยาก
00:12:23 → 00:12:27 เกินไปนะครับมันมีหลายวิธีในการหลบเลี่ยง
00:12:27 → 00:12:30 ภูมิต้านทานรวมทั้งมันมีอีกวิธีนึงอ่าตัว
00:12:30 → 00:12:33 นี้จะมีการที่มันมียีนตัวนึงชื่อว่า
00:12:33 → 00:12:36 latency associated transcript นะครับ
00:12:36 → 00:12:37 latency associate transcript เนี่ย
00:12:37 → 00:12:41 คือมันจะทำให้ตัวมันเองอยู่ในภาวะจำศีล
00:12:41 → 00:12:44 แล้วมันจะไม่แสดงตัวตนอะไรออกมาเลยแต่มัน
00:12:44 → 00:12:46 จะทำให้เซลล์ประสาทไม่ตายมันมันก็อยู่ของ
00:12:46 → 00:12:49 มันอย่างงั้นแหละพอมันไม่ตายไม่มีการ
00:12:49 → 00:12:52 อักเสบมันก็ไม่โดนทำลายและเนี่ยครับคือ
00:12:52 → 00:12:54 เหตุผลที่ทำให้มันอยู่รอดในร่างกายเราโดย
00:12:54 → 00:12:58 ที่มันไม่หายไปไหนนะครับและเมื่อไหร่ก็
00:12:58 → 00:13:01 ตามที่ภูมิต้านทานของเราอ่อนแอมันก็จะออก
00:13:01 → 00:13:05 มาแสดงอาการครับเช่นคุณกำลังมีประจำเดือน
00:13:05 → 00:13:09 อยู่คุณเป็นไข้คุณไม่สบายคุณอดหลับอนุทำ
00:13:09 → 00:13:12 intermitting fasting ที่แบบสุดยอดนาน
00:13:12 → 00:13:15 ไปเลยทั้งๆที่ไม่เคยทำมาก่อนมันก็จะออกมา
00:13:15 → 00:13:18 คุณเครียดมากมันก็จะออกมานะครับดังนั้น
00:13:18 → 00:13:22 อะไรก็แล้วแต่ที่คุณมีปัญหาแบบเนี้ยมันก็
00:13:22 → 00:13:24 จะทำให้ภูมิต้านทานของคุณอ่อนแอลงและ
00:13:24 → 00:13:26 เชื้อมันก็จะได้เวลาแบ่งตัวมันก็จะออกมา
00:13:26 → 00:13:29 แสดงอาการให้คุณเห็นนั่นแหละครับนะอันนี้
00:13:29 → 00:13:32 เป็นสิ่งที่เราต้องเข้าใจนะครับว่าเอ่อ
00:13:32 → 00:13:35 ถ้าเราอยากจะป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นมา
00:13:35 → 00:13:37 จริงๆคุณก็ต้องออกกำลังกายสม่ำเสมอนอน
00:13:37 → 00:13:40 หลับพักผ่อนให้เพียงพอทานอาหารให้มัน
00:13:40 → 00:13:43 สมดุลนะครับไม่น้อยเกินไปไม่มากจนเกินไป
00:13:43 → 00:13:45 นะครับสารเสพติดต่างๆก็อย่าไปใช้อะไร
00:13:45 → 00:13:47 อย่างเงี้ยเป็นต้นนะครับแล้วก็ดูแลร่าง
00:13:47 → 00:13:49 กายของตัวเองให้ดีมันจะได้มีภูมิต้านทาน
00:13:49 → 00:13:52 ที่แข็งแรงแล้วก็ไม่ให้เชื้อมันออกมาแบบ
00:13:52 → 00:13:53 นี้อีกนะ
00:13:53 → 00:13:58 ครับแล้วทีนี้ต่อมาสมมุติว่าคุณเป็นเริม
00:13:58 → 00:14:01 เนี่ยบ่อยๆแล้วทั้งๆที่ดูแลร่างกายตัวเอง
00:14:01 → 00:14:04 แล้วอ่ะหรือบางคนมันดูแลไม่ได้จริงๆแล้ว
00:14:04 → 00:14:08 มันเป็นบ่อยทำยังไงดีเออทำยังไงดีนะครับ
00:14:08 → 00:14:11 ต้องบอกอย่างงี้ครับในขณะที่เรามีเริม
00:14:11 → 00:14:14 เกิดขึ้นมานะครับเริมส่วนใหญ่เนี่ยมันหาย
00:14:14 → 00:14:16 เองได้นะมันใช้เวลาหน่อยแต่มันก็หายเอง
00:14:16 → 00:14:19 แต่ถ้ามันเจ็บมากแสบมากเนี่ยเราก็จะมียา
00:14:19 → 00:14:23 ครับซึ่งอันเนี้ยมีคนเข้าใจผิดหลายคนมาก
00:14:23 → 00:14:26 เลยคือไปที่ร้านขายยาแล้วจะได้ครีมอันนึง
00:14:27 → 00:14:30 มาทาก็คือครีมต้านไวรัสเริมชื่ออซวียครีม
00:14:31 → 00:14:33 ต้องบอกเลยครับตัวเนี้ยไม่ค่อยได้ผลถ้า
00:14:33 → 00:14:37 ถามผมนะไม่ได้ผลเลยอย่าไปใช้นะครับแต่ถาม
00:14:37 → 00:14:39 ว่าทำไมมันยังมีขายอยู่อันนี้ก็ตอบไม่ได้
00:14:39 → 00:14:41 เหมือนกันนะครับเพราะว่าเรารู้ว่า
00:14:41 → 00:14:42 ประสิทธิภาพของไอ้พวกเนี้ยไม่ค่อยดีเท่า
00:14:43 → 00:14:45 ไหร่แล้วก็ไอ้ยาต้านไวรัสที่อยู่ในครีม
00:14:45 → 00:14:48 พวกเนี้ยมันไม่ค่อยสามารถซึมเข้าไปในผิว
00:14:48 → 00:14:52 หนังของเราทำให้เชื้อมันไม่โดนฆ่าครับนะ
00:14:52 → 00:14:54 ถ้าจะใช้มันจริงๆเนี่ยต้องใช้ตั้งแต่ตุ่ม
00:14:54 → 00:14:56 มันเริ่มขึ้นน่ะตั้งแต่แรกๆเลยอ่ะซึ่งถ้า
00:14:56 → 00:14:59 ตุ่มมันเริ่มขึ้นตอนช่วงแรกนะครับการ
00:14:59 → 00:15:01 วินิจฉัยว่าเป็นเริมเนี่ยก็ยากหน่อยนะ
00:15:01 → 00:15:03 ครับเราต้องเคยเป็นน่ะมันถึงจะรู้ว่า
00:15:03 → 00:15:05 อันเนี้ยเริมและแล้วถ้าใช้ตั้งแต่ตอนนั้น
00:15:05 → 00:15:08 อาจจะได้ผลบ้างแต่ถ้าจะให้ได้ผลจริงๆก็
00:15:08 → 00:15:13 ต้องเป็นยากินครับเช่นยาอไซโลเวียหรือวา
00:15:13 → 00:15:15 อไซโลเวีย 2 ตัวนี้จะเป็นตัวที่ใช้กัน
00:15:15 → 00:15:19 เยอะที่สุดนะครับถ้าเป็นอะไซโลเวียมันอาจ
00:15:19 → 00:15:21 จะต้องกินบ่อยหน่อยคือวันละ 5 ครั้งแต่
00:15:21 → 00:15:24 ถ้าวาล์วอซเวียนี้กินแค่วันละ 2 ครั้งก็
00:15:24 → 00:15:26 พอแต่แน่นอนครับของที่กินน้อยครั้งมันก็
00:15:26 → 00:15:29 แพงกว่านะครับราคาก็อาจจะสูงหน่อยถ้าเกิด
00:15:29 → 00:15:31 คนที่ไม่สามารถจ่ายได้ก็จำเป็นจะต้องกิน
00:15:31 → 00:15:34 แบบ 5 ครั้งนะครับอ่าแล้วไอ้ยาตัวนี้
00:15:35 → 00:15:37 เนี่ยอ่าถ้าคุณกินระยะสั้นๆไม่ค่อยมี
00:15:37 → 00:15:39 ปัญหาอะไรนะปัญหาที่เราเจอได้ก็อาจจะมี
00:15:40 → 00:15:42 อาการคลื่นไส้อาเจียนท้องเสียเนี่ยบางคน
00:15:42 → 00:15:46 นะครับอาการทางระบบประสาทเช่นอาจจะมึนหัว
00:15:46 → 00:15:48 นะครับนอนไม่หลับกระสับกระส่ายพวกเนี้ยมี
00:15:48 → 00:15:50 ได้บ้างนะครับแต่ถ้ามันเป็นรุนแรงมากจริง
00:15:50 → 00:15:53 ๆอันนั้นก็อาจจะต้องอยู่ในโรงพยาบาลโดย
00:15:53 → 00:15:55 เฉพาะคนที่เขาจำเป็นจะต้องให้ยาแบบเนี้ย
00:15:55 → 00:15:58 เข้าเส้นเลือดในคนที่มันเป็นอ่าเริมขึ้น
00:15:58 → 00:16:00 สมองนะครับหรือที่เมื่อกี้เราบอกไปว่า
00:16:00 → 00:16:03 ชื่อ Herbes enhaltis นะครับพวกเนี้ยอาจ
00:16:03 → 00:16:05 จะต้องให้ยาเข้าทางเส้นเลือดนะครับแล้วก็
00:16:06 → 00:16:08 มีอันตรายได้แล้วพวกนั้นน่ะคือสิ่งที่คุณ
00:16:08 → 00:16:10 จะต้องรู้อย่างนึงก็คืออไซโคเวียเนี่ยมัน
00:16:10 → 00:16:13 สามารถกลายไปเป็นคริสตัลในไตได้ทำให้เกิด
00:16:13 → 00:16:16 อาการไตวายดังนั้นคุณต้องดื่มน้ำเยอะๆถ้า
00:16:16 → 00:16:17 คุณกินยาพวกนี้เพื่อไม่ให้มันกลายไปเป็น
00:16:17 → 00:16:21 คริสตัลไปอุดตันท่อในไตนะครับอ่ะกินยาพวก
00:16:21 → 00:16:24 นี้ดื่มน้ำเยอะๆเลยนะครับถ้าดื่มน้ำไม่พอ
00:16:24 → 00:16:27 คุณอาจจะมีปัญหาได้โดยเฉพาะคนที่มีปัญหา
00:16:27 → 00:16:30 โรคไตตั้งแต่แรกถ้าคุณมีปัญหาโรคไตตั้ง
00:16:30 → 00:16:33 แต่แรกคุณจะต้องปรึกษาเภสัชชกรเสมอเพราะ
00:16:33 → 00:16:36 ว่าจะต้องมีการปรับขนาดยาให้เหมาะสมไม่
00:16:36 → 00:16:38 ฉะนั้นก็จะเกิดผลข้างเคียงโดยเฉพาะผลข้าง
00:16:38 → 00:16:41 เคียงทางระบบประสาทสูงมากขึ้นและก็ผลข้าง
00:16:41 → 00:16:43 เคียงทางไตก็สูงเพิ่มขึ้นเช่นกันนะนะครับ
00:16:43 → 00:16:45 อ่าตรงนี้เป็นสิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวข้อง
00:16:45 → 00:16:49 กับยาในการรักษาเมื่อคุณมีอาการเริมขึ้น
00:16:49 → 00:16:50 มาเดี๋ยวนั้นนะ
00:16:50 → 00:16:54 ครับอ่าอาจจะมีข้อยกเว้นอีกอย่างนึงซึ่ง
00:16:54 → 00:16:57 ถ้าเกิดคุณเป็นเริมที่ขึ้นที่ตานะครับ
00:16:57 → 00:16:59 ชื่อว่า Herbies Catitis พวกนี้ต้อง
00:16:59 → 00:17:02 รักษากับหมอตาถ้าคุณไม่รักษากับหมอตาตา
00:17:02 → 00:17:04 บอดได้นะครับตรงนี้ต้องไปหาหมอตานะมันจะ
00:17:04 → 00:17:07 มีทั้งยาหยอดยากินคู่กันไม่งั้นอาจจะ
00:17:07 → 00:17:09 อันตรายได้นะ
00:17:09 → 00:17:12 ครับทีนี้มาถึงเรื่องของการป้องกันแหละ
00:17:12 → 00:17:14 เมื่อกี้เราบอกแล้วว่าถ้าคุณรักษาสุขภาพ
00:17:14 → 00:17:17 ให้ดีแต่มันยังเกิดขึ้นน่ะทำยังไงดีเออทำ
00:17:17 → 00:17:21 ยังไงดีนะครับอย่างี้ครับโดยทั่วไปถ้า
00:17:21 → 00:17:24 เกิดคุณมีอาการกำเริบของเริมตั้งแต่ 6
00:17:24 → 00:17:27 ครั้งต่อปีขึ้นไปหรือถ้ามันน้อยกว่า 6
00:17:27 → 00:17:30 ครั้งอ่ะแต่ทุกครั้งที่เป็นน่ะมันทรมาน
00:17:30 → 00:17:32 มากเลยอ่ะมันเจ็บมันแสบมันทรมานมันใช้
00:17:32 → 00:17:34 ชีวิตไม่ได้เลยแล้วก็หลังจากหายแล้วมัน
00:17:34 → 00:17:38 ปวดอีกนานเลยมันเจ็บอีกนานเลยทำยังไงดีก็
00:17:38 → 00:17:40 เหลือแค่วิธีที่ต้องกินยาพวกนี้ครับ
00:17:40 → 00:17:44 อไซโลเวียเนี่ยปกติคุณอาจจะต้องกินทั้ง
00:17:44 → 00:17:48 หมด 5 ครั้งในการรักษาแต่ถ้าเป็นในการ
00:17:48 → 00:17:50 ป้องกันเนี่ยคุณกินแค่ 2 ครั้งก็คือเช้า
00:17:50 → 00:17:52 กับเย็นเท่านั้นแต่ต้องกินไปตลอดนะกินไป
00:17:52 → 00:17:55 เรื่อยๆเลยนะครับหรืออาจจะเป็นวา
00:17:55 → 00:17:58 อไซโลเวียซึ่งคุณกินแค่วันละ 1 ครั้งก็พอ
00:17:58 → 00:18:01 ในการป้องกันต้องกินทุกวันคนที่กินไอ้พวก
00:18:01 → 00:18:03 นี้ทุกวันเนี่ยจะต้องมีการดื่มน้ำให้
00:18:03 → 00:18:05 เพียงพอครับเพราะคุณกินระยะยาวมันอาจจะ
00:18:05 → 00:18:08 เกิดผลต่อไตได้โดยเฉพาะคนที่ดื่มน้ำไม่พอ
00:18:08 → 00:18:11 นะครับนี่คือวิธีในการป้องกันแล้วก็โดย
00:18:11 → 00:18:13 ทั่วไปเราจะให้กินประมาณสัก 6 เดือนถึงปี
00:18:13 → 00:18:16 แล้วเราค่อยมาลองคุยกันใหม่ว่าคุณจะลอง
00:18:16 → 00:18:20 หยุดดีมยนะครับถ้าหยุดแล้วมันอาจจะกลับมา
00:18:20 → 00:18:21 เป็นอีกก็ได้นะแต่ถ้าเกิดคุณอยากจะลองดู
00:18:21 → 00:18:24 ก็ได้นะครับประสิทธิภาพในการป้องกันของ
00:18:25 → 00:18:28 มันเนี่ยมันจะอยู่ที่ประมาณ 80% หมายความ
00:18:28 → 00:18:32 ว่าถ้าเกิดคุณกินยาพวกเนี้ยดีๆแล้วเนี่ย
00:18:32 → 00:18:34 โอกาสที่คุณจะเกิดโรคเริมขึ้นมาแล้ว
00:18:34 → 00:18:38 กำเริบเนี่ยมันน้อยลง 80% นะครับแล้วมัน
00:18:38 → 00:18:41 ก็จะลดโอกาสที่เชื้อไวรัสเริมเนี่ยจะออก
00:18:41 → 00:18:44 มาในสิ่งคัดหลังของเราได้ประมาณสัก 50%
00:18:44 → 00:18:46 แต่ไม่ได้แปลว่าคุณไม่สามารถถ่ายทอดเชื้อ
00:18:46 → 00:18:48 ได้นะเพราะว่าหมายความว่า 50% ลดลงอีก 50%
00:18:48 → 00:18:50 มันก็ยังอยู่เหมือนเดิมแปลว่าคุณยัง
00:18:50 → 00:18:53 สามารถถ่ายทอดเชื้อให้กับคนอื่นได้การมี
00:18:53 → 00:18:55 เพศสัมพันธ์นะครับก็จะต้องมีความระมัด
00:18:55 → 00:18:57 ระวังอยู่ดีนั่นแหละเพราะมันไม่มียาอย่าง
00:18:57 → 00:19:01 อื่นที่สามารถป้องกันได้นะครับอ่าแล้ว
00:19:01 → 00:19:03 สำหรับบางคนครับเราจะรู้ได้ยังไงว่าเรา
00:19:03 → 00:19:06 เป็นเริมแล้วมันยังอยู่ในร่างกายเราอัน
00:19:06 → 00:19:08 นี้ไม่ยากครับเราสามารถตรวจเลือดหา
00:19:08 → 00:19:11 แอนตี้บอดี้ได้นะครับหาแอนตบอดี้นี้ก็คือ
00:19:11 → 00:19:14 immunoglobin gplex virus type ที่ 1
00:19:14 → 00:19:17 แล้วก็ type ที่ 2 ถ้าเราเป็นคนที่ไม่มี
00:19:17 → 00:19:19 แอนติบี้พวกนี้อยู่ในร่างกายเลยนะก็แปล
00:19:19 → 00:19:21 ว่าเราไม่เคยติดเชื้อพวกนี้ครับหรือเรา
00:19:21 → 00:19:23 อาจจะมีภูมิต้านทันบกพร่องอะไรสักอย่าง
00:19:23 → 00:19:26 นึงก็ได้และอันเนี้ยจริงๆไม่ได้ดีนะ
00:19:26 → 00:19:28 อันตรายด้วยซ้ำไปเพราะถ้าเกิดคุณไม่เคย
00:19:28 → 00:19:30 ได้รับเชื้อไวรัสตัวนี้เข้ามาในร่างกาย
00:19:30 → 00:19:33 เลยแปลว่าคุณไม่มีภูมิเลยถ้าเกิดคุณไป
00:19:33 → 00:19:35 บังเอิญมีเพศสัมพันธ์กับคนที่เขาเคยเป็น
00:19:35 → 00:19:38 โรคนี้มาก่อนแล้วเชื้อมันออกมาพอดีแล้ว
00:19:38 → 00:19:41 คุณได้รับเข้าไปเวลาคุณเป็นเริมเนี่ยจะ
00:19:41 → 00:19:45 รุนแรงมากนะครับแล้วมันจะเจ็บมากด้วยซ้ำ
00:19:45 → 00:19:47 ไปอันหน้าต้องรีบไปรักษาเลยนะครับไม่
00:19:47 → 00:19:51 ฉะนั้นเนี่ยอาจจะลำบากได้นะครับอ่าอันนี้
00:19:51 → 00:19:54 คือวิธีในการป้องกันนะครับต่อมาสิ่งที่
00:19:54 → 00:19:57 อยากจะพูดอีกอย่างนึงก็คืออาซคเวียมันไป
00:19:57 → 00:20:00 ทำอะไรในร่างกายตรงนี้จะขอเอ่อเล่าทาง
00:20:00 → 00:20:03 วิทยาศาสตร์เพิ่มนิดนึงตั้งแต่ไซโลเวียทำ
00:20:03 → 00:20:05 อะไรแล้วก็เอ่อเชื้อherปpีสเนี่ยมันมัน
00:20:05 → 00:20:09 ยังไงกันแน่นะครับHerpีไวรัสเนี่ยใน
00:20:09 → 00:20:12 มนุษย์มันมีทั้งหมด 8 ตัว 1-8 นะครับแล้ว
00:20:12 → 00:20:16 ก็จะแบ่งตามชนิดต่างๆชนิดที่เราเจอกันที่
00:20:16 → 00:20:18 เราพูดกันถึงวันเนี้เราเรียกว่า alpha
00:20:18 → 00:20:20 herby นะครับ Alpha Herpy Virus คือ
00:20:20 → 00:20:22 Herpies ที่มันชอบอยู่ในปมประสาทมีทั้ง
00:20:22 → 00:20:25 หมด 3 ตัวเริ่มตัวที่ 1 กับตัวที่ 2 นะ
00:20:25 → 00:20:28 ครับตัวที่ 3 ก็คือไวรัสที่เรียกว่า virer
00:20:28 → 00:20:31 ไวรัสงูสวัสดใสซึ่งมันเป็นไวรัสชนิดเดียว
00:20:31 → 00:20:33 กันนั่นแหละแต่ถ้าเกิดติดในเด็กตอนเด็กๆ
00:20:33 → 00:20:35 มันเป็นสุขใสถุ่มๆทั้งตัวนะครับโตขึ้นถ้า
00:20:35 → 00:20:37 มันเข้าไปซ่อนอยู่ในร่างกายมันจะออกมาตาม
00:20:37 → 00:20:40 ปมประสาทแล้วก็เป็นงูสวัดดอันนั้นคือเป็น
00:20:40 → 00:20:43 กรณีที่มันเอ่อเกิดซ้ำนะครับซึ่ง
00:20:43 → 00:20:46 งูสวัสดิ์เนี่ยเรามีวัคซีนนะครับแล้วก็
00:20:46 → 00:20:49 เอ่อเรื่องของสุขสัยเราก็มีวัคซีนเหมือน
00:20:49 → 00:20:51 กันนะครับแต่ว่าไอ้เริมเนี่ยเรายังไม่มี
00:20:51 → 00:20:55 วัคซีนนะครับเชื้อตัวนี้เนี่ยมันเป็น
00:20:55 → 00:20:59 เชื้อที่มีองค์ประกอบทางพันธุกรรมเป็น DNA
00:20:59 → 00:21:01 2 สายหรือสายคู่ที่เราเรียกว่า Double
00:21:01 → 00:21:04 Strand DNA มันเข้าสู่เซลล์ของเราเนี่ย
00:21:04 → 00:21:06 เซลล์ประสาทตรงนี้นะครับมันก็จะถูก
00:21:06 → 00:21:08 ลำเลียงเข้าไปในนิวเคลียสโดยสิ่งนึงซึ่ง
00:21:08 → 00:21:10 เรียกว่า micro true นะครับเข้าไปใน
00:21:10 → 00:21:12 นิวเคลียสมันก็จะทำการแบ่งตัวแล้วก็ออกมา
00:21:12 → 00:21:14 จากนิวเคลียสแล้วหลังจากนั้นมันก็จะออกมา
00:21:14 → 00:21:16 จากเซลล์ได้นะครับขึ้นอยู่กับว่าภูมิต้าน
00:21:16 → 00:21:18 ของคุณเป็นยังไงหรือว่ามันจะต้องการอยู่
00:21:18 → 00:21:21 สงบๆแบบที่จำศีลก็แล้วแต่ว่ามันจะทำแบบ
00:21:21 → 00:21:25 ไหนนะครับนี่คือการทำงานของมันทีนี้แล้ว
00:21:25 → 00:21:27 เวลาที่เราให้ยาอไซโลเวียเข้าไปมันไปทำ
00:21:27 → 00:21:32 อะไรนะครับอไซโลเวียเนี่ยมันจะเข้าไปใน
00:21:32 → 00:21:34 ตัวไวรัสนะครับตรงเซลล์ตรงนั้นแล้วไวรัส
00:21:34 → 00:21:36 เนี่ยมันจะมีสิ่งนึงซึ่งเรียกว่าเอนไซม์
00:21:36 → 00:21:39 ไทมidีนไคนสมันจะเปลี่ยนให้อไซโควียตัว
00:21:39 → 00:21:42 เนี้ยกลายไปเป็น
00:21:42 → 00:21:45 phอosฟilatedแล้วก็เป็นไซโควียแล้วก็มี
00:21:45 → 00:21:48 หมู่ฟอสเฟต 1 หมู่นะครับหรือไซโควีย
00:21:48 → 00:21:50 monโนฟอสเฟตแล้วหลังจากนั้นจะมีเอนไซม์
00:21:50 → 00:21:52 ของเซลล์มนุษย์นี่แหละเปลี่ยนให้กลายไป
00:21:52 → 00:21:56 เป็นฟอสเฟตแบบ 3 ตัวคืออไซโลเวียไทฟอสเฟต
00:21:56 → 00:21:59 ซึ่งตัวเนี้ยมันจะไปขัดขวางสิ่งหนึ่งของ
00:21:59 → 00:22:04 ไวรัสที่เรียกว่า DNA poer นะครับนี่คือ
00:22:04 → 00:22:08 ขั้นตอนการทำงานของยาตัวนี้ในร่างกายดัง
00:22:08 → 00:22:12 นั้นถามว่ามีโอกาสดื้อยานี้มยมีครับแต่
00:22:12 → 00:22:15 น้อยมากมันจะเกิดการดื้อยาส่วนใหญ่ในคน
00:22:15 → 00:22:19 ที่มีภูมิต้านทานบกพร่องเช่นคนที่อ่าเป็น
00:22:19 → 00:22:22 HIV นะครับคนที่กินยากดภูมิต้านทานอยู่
00:22:22 → 00:22:24 มีโอกาสดื้อยาแต่ถ้าเกิดว่าเป็นพวกเรา
00:22:24 → 00:22:27 ธรรมดาเนี่ยแล้วเกิดเราภูมิตกบ่อยๆอ่าเรา
00:22:27 → 00:22:29 จำเป็นจะต้องกินยาอไซโลเวียนานๆถามว่า
00:22:29 → 00:22:32 ดื้อได้มั้ยโอกาสน้อยมากๆไม่ค่อยดื้อครับ
00:22:32 → 00:22:35 แลนี่ยังถือว่าโชคดีถ้ามันจะดื้อมันดื้อ
00:22:35 → 00:22:37 ยังไงนะครับนี่สำหรับนักเรียนแพทย์นะมัน
00:22:37 → 00:22:40 จะดื้อตรงที่ไวรัสมีการเปลี่ยนแปลงไทมีน
00:22:40 → 00:22:45 ไนสนะครับไทมีนไนสเนี่ยเอิ่มมันจะมันจะ
00:22:45 → 00:22:47 เรียกอีกชื่อนึงมันมาจากยีนตัวนึงชื่อว่า
00:22:48 → 00:22:51 UL23 นะครับถ้า UL23 เกิดการเปลี่ยนแปลง
00:22:51 → 00:22:53 ทางพันธุกรรมเนี่ยทำให้ไมีนไนสมันเปลี่ยน
00:22:53 → 00:22:56 ไปยาตัวเนี้ยจะไม่ได้ผลอีกต่อไปคุณก็ต้อง
00:22:56 → 00:22:59 ไปใช้ยาตัวอื่นซึ่งมันมักจะอันตรายกว่า
00:22:59 → 00:23:02 เช่นยาฟอสเนตเป็นต้นนะครับตงนี้ก็คงจะไม่
00:23:02 → 00:23:06 ลงรายละเอียดแล้วกันนะครับแต่ถ้าเกิดว่า
00:23:06 → 00:23:10 โชคร้ายคือไอ้ตัวไซโลเบียเนี่ยจริงๆสุด
00:23:10 → 00:23:12 ท้ายแล้วนะครับมันต้องไปขัดขวาง DNA
00:23:12 → 00:23:15 polymสของไวรัสนะครับแต่ถ้า DNA poิสของ
00:23:15 → 00:23:18 ไวรัสมันเกิดการกายพันธุ์ล่ะอันนั้นก็ใช้
00:23:18 → 00:23:21 ยาพวกนี้ไม่ได้อะไรสักอย่างเลยนะครับ DNA
00:23:21 → 00:23:23 polymerสเนี่ยมันเป็น
00:23:23 → 00:23:26 เอิ่มเป็นการกลายพันธุ์ของยีนตัวนึงชื่อ
00:23:26 → 00:23:28 ว่า UL30 นะครับอ่าอันนี้ถ้าใครอยากจะ
00:23:28 → 00:23:32 เป็นคนเพิ่มเติมก็ลองไปหาดูได้นะครับโอเค
00:23:32 → 00:23:34 ทีนี้พอเราทราบแล้วนะครับว่าไอ้เชื้อ
00:23:34 → 00:23:37 ไวรัสมันเป็นยังไงติดมาได้จากไหนบ้างนะ
00:23:37 → 00:23:39 ครับแล้วก็วิธีในการรักษาวิธีป้องกันเป็น
00:23:39 → 00:23:44 ยังไงทำไมถึงไม่มีวัคซีนซักทีขนาดโรคเอ่อ
00:23:44 → 00:23:47 งูสวัดดเรายังมีวัคซีนเลยทำไมไอ้ Herp
00:23:47 → 00:23:50 ไวรัสเนี่ย Herp Sinflex ไวรัส Type ที่
00:23:50 → 00:23:52 1 กับ Type ที่ 2 เนี่ยมันก็เพื่อนๆกับ
00:23:52 → 00:23:54 ไอ้ตัว
00:23:54 → 00:23:57 ไวรัสเรื่องของงูสวัสดใช่เหรอทำไมถึงยัง
00:23:57 → 00:24:01 ไม่มีวัคซีนเหตุผลนะครับเพราะว่าตัว Herb
00:24:01 → 00:24:03 Syimplex virus เนี่ยมีกลไกในการหลบ
00:24:03 → 00:24:07 เลี่ยงภูมิต้านทานเยอะมากกว่าไวรัสที่ทำ
00:24:07 → 00:24:12 ให้เกิดเอ่อตัวงูสวัดนะครับอย่างไรก็ตาม
00:24:12 → 00:24:15 ครับตอนนี้ทาง Moderna เนี่ยเขากำลัง
00:24:15 → 00:24:19 พัฒนาวัคซีนตัวนึงอยู่นะครับชื่อ mRNA
00:24:19 → 00:24:23 1608 ขณะนี้กำลังอยู่ในการทดลองเฟสที่ 1
00:24:23 → 00:24:27 แล้วก็ 2 นะครับโดยทำแล้วสำเร็จดีเนี่ย
00:24:27 → 00:24:29 คาดว่าจะเข้าสู่เฟส 3 ได้ในช่วงประมาณ
00:24:29 → 00:24:31 สซักปลาย
00:24:31 → 00:24:33 2025-2026 และถ้าสุขมุดทุกๆอย่างมันได้
00:24:33 → 00:24:35 ผลดีจริงๆเนี่ย
00:24:35 → 00:24:39 เร็วที่สุดคือ 2027 มีโอกาสได้ใช้นะครับ
00:24:39 → 00:24:43 นี่คือมองในแง่ดีที่สุดนะแต่เอาจริงๆถ้า
00:24:43 → 00:24:45 ไม่สำเร็จหรือว่ายังไงก็แล้วแต่เนี่ยมัน
00:24:45 → 00:24:47 อาจจะไม่ได้ใช้ครับเพราะว่าในสมัยก่อนก็
00:24:47 → 00:24:51 เคยมีคนสร้างไอ้ตัวเนี้ยเอ่อวัคซีนเพื่อ
00:24:51 → 00:24:55 เอามาจัดการกับตัว Herp Simpleกัสแล้วแต่
00:24:55 → 00:24:58 มันไม่ค่อยได้ผลครับเออดังนั้นเราก็ต้อง
00:24:58 → 00:25:01 มาดูว่าครั้งเนี้ยมันจะได้ผลหรือเปล่าถ้า
00:25:01 → 00:25:04 ได้ผลก็เร็วที่สุดก็คงปี
00:25:04 → 00:25:07 นะครับแต่ถ้าเกิดว่ามันช้ากว่านั้นก็ต้อง
00:25:07 → 00:25:10 รอดูกันต่อไปว่าจะเมื่อไหร่ออกมานะครับ
00:25:10 → 00:25:12 โอเควันนี้ผมคิดว่าน่าจะเป็นทุกอย่าง
00:25:12 → 00:25:14 เกี่ยวข้องกับเรื่องของโรคเริมนะครับทั้ง
00:25:14 → 00:25:17 ในแง่ของมันติดมาจากไหนทำไมเราถึงเป็นซ้ำ
00:25:17 → 00:25:20 ๆได้แล้วมันถึงไม่ยอมหายไปสักทีเราจะป้อง
00:25:20 → 00:25:22 กันมาได้ยังไงป้องกันไม่ให้คนติดได้ยังไง
00:25:22 → 00:25:24 การมีเพศสัมพันธ์ถึงแม้ว่าคุณจะไม่มีรอย
00:25:24 → 00:25:27 โรคไม่มีแผลไม่มีตุ่มใส่อยู่ตรงไหนก็แล้ว
00:25:27 → 00:25:29 แต่คุณก็ยังสามารถถ่ายทอดโรคไปให้คู่ของ
00:25:29 → 00:25:31 คุณได้มีวิธีเดียวในการป้องกันก็คือการ
00:25:31 → 00:25:34 ใช้ถุงยางการใช้ยาเฉยๆเนี่ยป้องกันไม่ได้
00:25:34 → 00:25:37 นะครับแล้วเราก็ไม่มีวิธีที่บอกว่าให้คุณ
00:25:37 → 00:25:39 กินอไซโลเวียก่อนมีเพศสัมพันธ์นะครับอัน
00:25:39 → 00:25:41 นั้นน่ะไม่ได้ช่วยอะไรเลยนะครับแล้วก็ไม่
00:25:41 → 00:25:43 แนะนำด้วยเพราะว่าการทำแบบนั้นเรื่อยๆน่ะ
00:25:43 → 00:25:46 โอกาสการดื้อยาจะสูงกว่าการที่คุณกินระยะ
00:25:46 → 00:25:48 ยาวแต่ถ้าเกิดคุณคิดอยากจะกินระยะยาว
00:25:48 → 00:25:50 อันเนี้ก็ลองปรึกษาคุณหมอที่เป็นคนรักษา
00:25:50 → 00:25:53 นะครับคุณสามารถทำได้นะแต่ว่ามันยังไม่
00:25:53 → 00:25:56 ได้อยู่ในอ่าหัวข้อที่เค้าใช้กันนะครับ
00:25:56 → 00:25:58 ยังไม่ได้อยู่ในข้อบงชัว่าคุณจะกินเพื่อ
00:25:58 → 00:26:01 ป้องกันการติดเชื้ออันนั้นยังไม่มีนะครับ
00:26:01 → 00:26:04 แล้วก็อาจจะต้องมีการไปคุยกันเป็นรายๆไป
00:26:04 → 00:26:07 ว่าสามารถทำได้หรือไม่ในกรณีของคุณนะครับ
00:26:07 → 00:26:09 โอเควันนี้ผมก็เล่าให้ฟังเพียงเท่านี้นะ
00:26:09 → 00:26:11 ครับถ้าใครมีอะไรสงสัยก็สอบถามมานะครับ
00:26:11 → 00:26:14 ขอบคุณมากครับสวัสดี