00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:04 world vi The
00:00:05 → 00:00:08 Voice สวัสดีครับผมวีรพงษ์ทวีศักดิ์
00:00:08 → 00:00:12 ดิฉันสุธิราพรปรีเปรมและนี่คือศัลกรรม
00:00:12 → 00:00:15 ความสุขรายการที่ฟังแล้วทำให้คุณมีความ
00:00:15 → 00:00:20 สุขมากขึ้นมีความทุกข์น้อยลงพี่อ้อยครับ
00:00:20 → 00:00:23 เมื่อเร็วๆนี้ผมไปทานอาหารที่ภัตาคารจีน
00:00:23 → 00:00:26 แห่งหนึ่งครับอืเป็นพัฒการใหญ่เลยแล้วก็
00:00:26 → 00:00:29 มีลูกค้าเยอะก็มีลูกค้าไปผมก็นั่งอยู่
00:00:29 → 00:00:31 โต๊ะนึงแล้วมีลูกค้าอีก 2 โต๊ะเมาเป็น
00:00:31 → 00:00:35 ครอบครัวใหญ่นะฮอแล้ว 2 โต๊ะเี่ก็มีโห
00:00:35 → 00:00:37 เป็นครอบครัวมามาฉลองกันน่ะนะแล้วก็ทั้ง
00:00:38 → 00:00:40 ครบ 2 ครอบครัวก็มีเด็กเล็กๆด้วยนะฮะอืใน
00:00:40 → 00:00:43 ระหว่างที่เรานั่งทานอยู่เนี่ยเราก็เห็น
00:00:43 → 00:00:45 เด็กครอบครัวนึงที่อยู่โต๊ะด้านนึงเนี่ย
00:00:45 → 00:00:48 เป็นเล็กๆเ 2-3 คนเก็วิ่งซนกันแบบเสียง
00:00:48 → 00:00:51 แบบเสียงดังอ่ะค่ะแบบน้าำคานอะไรอย่าง
00:00:51 → 00:00:53 เงี้ยอือเพราะว่าที่บอกว่าน้าำคานเพราะ
00:00:53 → 00:00:57 ว่าผมเห็นสีหน้าของคนนั่งอีกโต๊ะนึงอ่ะออ
00:00:57 → 00:01:00 ทำสีหน้าแบบหือไม่ไวเลอไม่ไหวแล้วน่า
00:01:00 → 00:01:03 รำคาญจริงๆเลยเงี้ยแล้วบ้านเก็มีครอบครัว
00:01:03 → 00:01:07 ก็มีเด็กๆมาด้วยนะเออแล้วลูกๆหลายนๆเขาก็
00:01:07 → 00:01:11 วิ่งเล่นเสียงดังเหมือนกันอ้าวแล้วแล้ว
00:01:11 → 00:01:14 เวลาที่เาเห็นลูกๆหลานๆเอ่ะค่ะวิ่งเล่น
00:01:14 → 00:01:19 น่ะไม่เป็นไรเค้าแบบชื่นคือชื่นชมอ่ะอค่ะ
00:01:19 → 00:01:22 ผมอยู่ในอาการแบบโหยอย่างงี้มันลำเอียง
00:01:22 → 00:01:25 ชัด
00:01:25 → 00:01:30 ๆจริงค่ะนี่ไงพี่เคยเจอสถานการนี้มั้ยเคย
00:01:30 → 00:01:33 ๆอย่างงี้ลำเอียงมั้ยเนี่ยลำเอียงแน่ๆเลย
00:01:33 → 00:01:35 คือผมก็เลยเกิดคำถามเฮ้ยมันเกิดอะไรขึ้น
00:01:35 → 00:01:38 น่ะค่ะอันดับแรกเรารู้สึกว่าเฮ้ยอย่างงี้
00:01:38 → 00:01:42 มันลำเองชัดๆอือแต่ว่าวินาทีต่อมาผมมี
00:01:42 → 00:01:46 ความรู้สึกว่าเอ๊ไอ้ความลังลำเอียงที่ว่า
00:01:46 → 00:01:50 เนี่ยค่ะมันมันเกิดขึ้นได้ยังไงมันมาจาก
00:01:50 → 00:01:54 ไหนออือเอ๊ะหรือว่ามันเป็นเป็นธรรมดาเป็น
00:01:55 → 00:01:58 ธรรมชาติหรือเปล่าอืมันทำให้มันน่าค้นหา
00:01:58 → 00:02:01 มากเลยพี่อ้อยวันนี้เลยมาจะมาชวนพี่อ้อย
00:02:01 → 00:02:04 มาค้นหาเนี่ยอืเออพี่อ้อยเคยเจอสถานการณ์
00:02:04 → 00:02:07 ที่แบบเฮ้ยอย่างงี้มันลำเอียงชัดๆเปล่ามี
00:02:07 → 00:02:11 มีพอเมื่อกี้พี่วีพูดอ่ะนึกถึงอันนึงขึ้น
00:02:11 → 00:02:12 มาเลยว่าเเอ
00:02:12 → 00:02:17 เอ่อลูกเราน่ารักกว่าลูกคน
00:02:17 → 00:02:21 อื่นจริงมั้ยคะแสดงว่าถ้าพูดถึงอย่าง
00:02:21 → 00:02:23 เงี้ยมันเหมือนมันเป็นธรรมชาติของคนป่ะ
00:02:23 → 00:02:26 ค่ะพี่วีใช่มั้ยนั่นน่ะสิมันเกิดคำถามไง
00:02:26 → 00:02:29 ว่าเอ๊ะเป็นธรรมชาติหรือเปล่าอือถ้าเป็น
00:02:29 → 00:02:32 ธรรมชาติหมายความว่าเราควรจะปล่อยให้มัน
00:02:32 → 00:02:35 เป็นอย่างนั้นอืหรือว่าเรามีวิธีไหนหรือ
00:02:35 → 00:02:38 ว่าเรามีเราจะเรียนรู้จากเหตุการณ์อย่าง
00:02:38 → 00:02:42 นี้แล้วทำให้เราเนี่ยถ้าเราไปตกอยู่ใน
00:02:42 → 00:02:45 สภาวะนั้นเนี่ยค่ะมันทำให้เหมือนเหมือน
00:02:45 → 00:02:48 ชื่อรายการนี้เลยอืสัตกรรมความสุขเนี่ย
00:02:48 → 00:02:50 หมายความว่าอะไรหมายความว่าเวลาที่เราไป
00:02:50 → 00:02:52 เจอเหตุการณ์เหตุการณ์หนึ่งเนี่ยค่ะมันทำ
00:02:52 → 00:02:57 ให้เราทุกข์ค่ะแต่ว่ามีวิธีมยที่เราจะเจอ
00:02:58 → 00:03:02 เหตุการณ์แบบนั้นอืแต่เราเราไม่ทุกข์เออ
00:03:02 → 00:03:06 ก็ต้องมีวิธีแต่ว่าวิเอ่ออยากตอบพี่วีนิด
00:03:06 → 00:03:10 นึงว่าแม้เป็นเรื่องธรรมชาติก็เถอะอืแต่
00:03:10 → 00:03:15 คนเราอ่ะเป็นมนุษย์อ่ะอือฝึกฝนได้อ้านะคะ
00:03:15 → 00:03:18 เพราะฉะนั้นเนี่ยหลายเรื่องที่เราไม่
00:03:18 → 00:03:20 ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติอือเพราะว่า
00:03:20 → 00:03:24 ธรรมชาตินี่มันมีแบบใช้สันธาอาณนู่นนี่นะ
00:03:24 → 00:03:27 คะเพราะงั้นบางเรื่องมันก็ไม่เหมาะสมกับ
00:03:27 → 00:03:29 การใช้ชีวิตของความเป็นมนุษย์แล้วก็สังคม
00:03:29 → 00:03:33 อืลอเราก็ต้องมาฝึกฝนแล้วก็อีกประเด็นนึง
00:03:33 → 00:03:37 ที่กระทบเลยก็คือความสุขความทุกข์ของ
00:03:37 → 00:03:39 ชีวิตเรานี่แหละเออพอพูดถึงเรื่อง
00:03:39 → 00:03:42 ธรรมชาตินะพแล้วก็พูดถึงพฤติกรรมของ
00:03:42 → 00:03:45 มนุษย์นะค่ะที่แบบว่ามันเกิดการเรียนรู้
00:03:45 → 00:03:48 เกิดการพัฒนาเนี่ยผมนึกถึงอะไรพี่อ้อย
00:03:48 → 00:03:52 อะไรคะตอนที่พี่อ้อยมีลูกเล็กๆอ่ะค่ะนะ
00:03:52 → 00:03:55 แล้วพี่อ้อยก็ป้อนนมลูกค่ะให้ลูกกินนมค่ะ
00:03:55 → 00:03:57 พอลูกกินนมอิ่มเสร็จแล้วพี่ก็ต้องทำอะไร
00:03:57 → 00:04:02 ต่อให้ลูกเร่อออเออจะอุ้มใช่ป่ะแล้วตพาด
00:04:02 → 00:04:05 ไหล่แล้วก็ให้เค้าเรอใช่เพราะถ้าเกิดเค้า
00:04:05 → 00:04:08 ไม่เรอแล้วจะเป็นยังไงเค้าจะแน่นท้องแน่น
00:04:08 → 00:04:12 ท้องแล้วก็จะแล้วก็จะร้องไห้งอแงโยเยไป
00:04:12 → 00:04:15 หมดค่ะแสดงว่าเวลาที่เรากิน
00:04:15 → 00:04:19 อิ่มแล้วเราก็ให้เค้าเรอค่ะอันนี้เป็น
00:04:19 → 00:04:21 เรื่องธรรมชาติหรือเป็นเรื่องไม่ธรรมชาติ
00:04:21 → 00:04:25 เรื่องธรรมชาติแล้วเป็นเรื่องดีมั้ยก็ไม่
00:04:25 → 00:04:28 เป็นธรรมชาติไม่เรียกว่าดีไม่ดีป่ะเออก็
00:04:28 → 00:04:31 ดีหรือไม่แต่แต่ถ้าไม่ดีไม่ดีคือมีผลต่อ
00:04:31 → 00:04:36 ตัวเราว่าถ้าถ้าไม่ไม่ให้เรอเนี่ยลูกก็จะ
00:04:36 → 00:04:38 ไม่สบายตัวอืแสดงว่าเรอนี่ดีสิใช่มั้ยฮะ
00:04:38 → 00:04:41 อ่าเรอดีเออใช่มถ้าเกิดว่ากินอิ่มแล้วไม่
00:04:41 → 00:04:44 เลอเนี่ยโอ้ไม่ดีค่ะแสดงว่ากินอิ่มแล้ว
00:04:44 → 00:04:47 เรอนี่ดีใช่มั้ยครับใช่มั้แต่ว่าถ้า
00:04:47 → 00:04:49 สมมุติว่าเป็นผู้ใหญ่ถ้าสมมุติว่าไปทาน
00:04:49 → 00:04:53 ข้าวกับพี่วีแล้วพอพี่วีอิ่มแล้วพี่วีเอ
00:04:53 → 00:04:58 เนี่ยเออจะมองหน้าทันทีเลยว่าเฮ้ยนี่ไง
00:04:58 → 00:05:02 เออเรามาถอดเรามาถอดรหัสจากสิ่งนี้กัน
00:05:02 → 00:05:04 มั้ยว่าทำไมมันเปลี่ยนแปลงไปใช่มั้ยเออ
00:05:04 → 00:05:07 ใช่ว่าสิ่งหนึ่งมันเป็นสิ่งที่เป็น
00:05:07 → 00:05:13 ธรรมชาติอือแล้วก็ถามว่าดีมั้ยดีอืเพราะ
00:05:13 → 00:05:16 ว่าถ้าเรากินอิ่มเด็กกินอิ่มแล้วไม่เลอ
00:05:16 → 00:05:19 อือมันจะแน่นท้องมันจะท้องอืดท้องเฟ้อ
00:05:19 → 00:05:21 แล้วก็จะงอแงใช่มั้ยแสดงว่าการเลอเป็น
00:05:21 → 00:05:26 เรื่องดีออืแต่ทำไมพอเวลาผ่านไปอือพอลูก
00:05:26 → 00:05:29 เราพอลูกเราเลอนเราก็ดีใจเอ๊ดีใจเแต่พอโต
00:05:29 → 00:05:33 ขึ้นผมนึกถึงเหตุการณ์เหตการณ์นึงเลยพี่
00:05:33 → 00:05:37 อ้อยอค่ะตอนที่ลูกสาวผมยังประมาณเรียน
00:05:37 → 00:05:40 ประมาณซักป 1 ป 2 อะไรอย่างเงี้ยนะคเราก็
00:05:40 → 00:05:43 สอนเข้ามาอย่างงี้ตั้งแต่เด็กๆไงว่าเลอก็
00:05:43 → 00:05:46 กินนมแล้วก็เลอก็เลอก็ดีใจอะไรเงี้ยพอ
00:05:46 → 00:05:49 อยู่บ้านกินกินข้าวกันก็เลอก็ก็เป็น
00:05:49 → 00:05:52 เรื่องปกติเหัวเราะคันขำกลิ้งอะไรเงี้ยมี
00:05:52 → 00:05:53 อยู่วันนึงครับพี่
00:05:53 → 00:05:58 อ้อยผมอ่ะก็ไปมีอาจารย์มาจากต่างประเทศนะ
00:05:58 → 00:06:01 อืเค้าก็ก็เป็นชาวอเมริกันแต่ว่าเขาอยู่
00:06:01 → 00:06:04 ที่ไต้หวันอือแล้วเขาคก็มามาเที่ยวเมือง
00:06:04 → 00:06:08 ไทยผมก็เลยพาเ้าไปกินข้าวลูกสาวไปด้วยอือ
00:06:08 → 00:06:10 แล้วระหว่างที่กำลังกินข้าวกันอยู่เนี่ย
00:06:10 → 00:06:14 พอกินได้ที่ปุ๊บเนี่ยอือในโต๊ะอาหารที่ใน
00:06:14 → 00:06:17 โรงแรมไปนะฮะค่ะลูกสาวก็
00:06:17 → 00:06:20 เลอเราก็เราตกใจไงเพราะเรามีความรู้สึก
00:06:20 → 00:06:25 ว่าคเออการเลอเป็นเรื่องดีนะแต่ว่ามันไม่
00:06:25 → 00:06:29 ใช่ที่นี่เปล่าอ่าแล้วต่อหน้าอาจารย์ซึ่ง
00:06:29 → 00:06:30 เป็น
00:06:30 → 00:06:32 ชาวต่างประเทศน่ะชาวต่างชาติน่ะเรารู้สึก
00:06:32 → 00:06:35 แบบไม่รู้จะทำหน้ายังไงอ่ะแต่ประเด็นคือ
00:06:35 → 00:06:38 อาจารย์เว่าขำไงค่ะแล้วก็หัวเราะก็เลยทำ
00:06:38 → 00:06:42 ให้เรานั่นออืมันเลยเกิดการเรียนรู้ว่า
00:06:42 → 00:06:45 เออเรื่องบางเรื่องเนี่ยมันเหมือนจะเรียก
00:06:45 → 00:06:49 ว่าเป็น 2 มาตรฐานก็ได้นะทำนองนั้นเลยค่ะ
00:06:49 → 00:06:52 พี่วีค่ะแล้วมันเกิดอะไรขึ้นแล้วเราควรจะ
00:06:53 → 00:06:57 ทำยังไงอืเมื่อกี้พี่วีพูดคำนึงว่าอเฮ้ย
00:06:57 → 00:07:01 มันไม่ใช่ที่นี่ก็คือคือโรงแรมนะเอเออมัน
00:07:01 → 00:07:05 เหมือนผิดที่ผิดทางกับใครกับใครต่อหน้า
00:07:05 → 00:07:10 ต่อสถานที่ครสถานที่แล้วก็ใครนะเวลานั้นอ
00:07:10 → 00:07:13 อืๆๆค่ะแสดงว่าตัวแปรมันอยู่ตรงนี้นี่เอง
00:07:13 → 00:07:17 นะอ่าค่ะแล้วหลายครั้งเออพอเราพูดถึง
00:07:17 → 00:07:19 อย่างงี้ปุ๊บกับใครเนี่ยพี่อ้อยอืมันมีผล
00:07:19 → 00:07:24 มยล่ะอืหลายครั้งแสดงว่าอะไรมีค่ะเราอ่ะ
00:07:24 → 00:07:28 เราพูดถึงการเรอนะค่ะเราไม่เรอต่อหน้าคน
00:07:28 → 00:07:33 แปลกหน้าเราเรอกับลูกสามีภรรยากับคนใกล้
00:07:33 → 00:07:38 ตัวในครอบครัวบ้านใช่ใช่ป่ะใช่แสดง
00:07:38 → 00:07:42 ว่าบางสิ่งบางอย่างเราทำกับคนในครอบครัว
00:07:42 → 00:07:46 บางอืแต่ว่าบางสิ่งสิ่งนั้นเราไม่ทำกับคน
00:07:46 → 00:07:50 แปลกหน้าใช่แล้วทำให้เกิดคำถามต่อมาพี่
00:07:50 → 00:07:54 อ้อยค่ะแล้วมันมีอะไรมยค่ะที่บางสิ่งบาง
00:07:54 → 00:07:59 อย่างเราไม่ทำกับคนแปลกหน้าอแต่แต่เราทำ
00:07:59 → 00:08:03 กับคนในครอบครัวค่ะแต่สิ่งนั้นเนี่ยมัน
00:08:03 → 00:08:07 เป็นการทำร้ายคนในครอบครัวอืมีทุกมีมี
00:08:07 → 00:08:12 เยอะมากยกยกตัวอย่างเช่นอะไรครับพี่ค่ะก็
00:08:12 → 00:08:17 เอ่อคนคนในบ้านคนใกล้ตัวทำอะไรนิดหน่อย
00:08:17 → 00:08:22 เออนะคะทำน้ำหกเออๆเฮ้ยไม่ระวังเลยเอเอ่อ
00:08:22 → 00:08:25 ไปเอาผ้ามาเช็ดเอออะไรอย่างเงี้ยนะคะ
00:08:25 → 00:08:32 เสียงสายตาท่าทางแค่น้ำหอือๆๆแต่ว่าพอคน
00:08:32 → 00:08:38 คนอื่นคนนอกบ้านเอเอ่อเราจะพร้อมที่จะเออ
00:08:38 → 00:08:40 ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวเช็ดๆๆเออเดี๋ยวๆๆช่วย
00:08:41 → 00:08:43 เช็ดหรือว่าอะไรอย่างเงี้ยนะคะคือจะขอโทษ
00:08:43 → 00:08:48 ง่ายจะให้อภัยง่ายจะไม่ได้เอามามองจุกจิก
00:08:48 → 00:08:53 แต่กับคนในใกล้ตัวคนในครอบครัวเนี่ยอือ
00:08:53 → 00:08:57 นิดเดียวอือไม่ได้เลยอืแล้วบางทีเกินเลย
00:08:57 → 00:09:01 ไปถึงเรื่องมีน้ำใจใจด้วยนะอือเช่นๆมี
00:09:01 → 00:09:04 อยู่คนนึงน้องที่รู้จักกันกับเนี่ยกับลูก
00:09:04 → 00:09:07 กับภรรยาเนี่ยอย่างเงี้ยน้าหุกนิดหน่อย
00:09:07 → 00:09:12 อะไรโอ๊ยอารมณ์ขึ้นหัวร้อนเร็วมากแล้วก็
00:09:12 → 00:09:15 เอ่อไม่ไม่ค่อยฟังอหมายความว่าโมโหฉุน
00:09:16 → 00:09:19 เฉียวขึ้นมาทันทีกับพฤติกรรมเล็กๆน้อยๆ
00:09:19 → 00:09:22 ที่มันเกิดขึ้นที่ที่ไม่เป็นดังใจจอือแต่
00:09:22 → 00:09:27 กับคนข้างนอกเนี่ยเอ่อขับรถไปเห็นคุณลุง
00:09:27 → 00:09:31 กำลังเข็นรถริมถนนจะขึ้นสะพานถึงขนาดจอด
00:09:31 → 00:09:36 รถไปช่วยเข็นอือ่าแล้วก็มีความรู้สึกดีใจ
00:09:36 → 00:09:39 มีความสุขภาคภูมิใจมาเล่าให้ฟังเออๆๆเออ
00:09:40 → 00:09:43 ค่ะโหปรากฏการณ์นี้มันบอกอะไรเราอ่ะพี่
00:09:43 → 00:09:45 อ้อยมันแบบอมันทำให้เราคิดเหมือนกันคุณ
00:09:45 → 00:09:48 ผู้ฟังลองลองนึกไปด้วยนะว่าในชีวิตเรามี
00:09:48 → 00:09:52 อะไรมยที่เรื่องเดียวกันเลยนะค่ะเอาแบบยก
00:09:52 → 00:09:56 ตัวอย่างน้ำหเนี่ยอืน้ำหกต่อหน้าคนอื่น
00:09:56 → 00:10:00 แล้วบอกไม่เป็นไรออือแต่ว่าน้ำหกในบ้านใน
00:10:00 → 00:10:05 บ้านเป็นเรื่องใหญ่ยอมไม่ได้ใช่ใช่ยอมไอ้
00:10:05 → 00:10:08 คำเนี้ยพี่วีดีมากเลยค่ะเป็นเรื่องใหญ่
00:10:08 → 00:10:12 ยอมไม่ได้จริงๆโกรธกคือทะเลาะกันน่ะจาก
00:10:12 → 00:10:16 น้ำหกนิดเดียวแล้วก็เสียงเอ่อพฤติกรรม
00:10:16 → 00:10:19 อะไรต่อต่ออะไรเนี่ยทำให้ทะเลาะแล้วก็
00:10:19 → 00:10:23 โกรธกันเป็นอาทิตย์อาทิตออืเอ้าทีนี้แล้ว
00:10:24 → 00:10:29 คราวนี้เราอันนี้จะก็คือก็คือ 2 มาตรฐาน
00:10:29 → 00:10:32 แหละ 2 มาตรฐานค่ะแต่ว่ามันจะเกิดมันเกิด
00:10:32 → 00:10:36 ขึ้นได้ยังไงมันเกิดขึ้นเพราะว่าคนกันเอง
00:10:36 → 00:10:40 เปล่าคือคือคือคิดว่าคำนึงที่มันผุดขึ้น
00:10:40 → 00:10:46 มาก็คือเอ่อความเคยชินรึเ่าคะอืความความ
00:10:46 → 00:10:49 ใกล้ชิดความเคยชินซึ่งพอเราเราอยู่ด้วย
00:10:49 → 00:10:53 กันตลอดเวลาใช้เวลาด้วยกันเยอะๆเนี่ยมัน
00:10:53 → 00:10:57 มันไม่มีความเกรงใจเออเกิดขึ้นพอไม่มี
00:10:57 → 00:10:59 ความเกรงใจเกิดขึ้นมีอะไรเกิดขึ้นขึ้นมา
00:10:59 → 00:11:03 ปุ๊บปัมันมันพุ่งไปเลยอ่ะอือ่ามันก็เลย
00:11:03 → 00:11:05 กลายเป็นเรื่องหยุมหยิมแล้วมีประเด็นไป
00:11:05 → 00:11:08 หมดเลยเงี้ยอค่ะแล้วผมเห็นอกอีกอันนึงนะ
00:11:08 → 00:11:11 พี่อ้อยเหตุที่มาแห่งสิ่งนี้นะอก็คือว่า
00:11:11 → 00:11:16 จริงๆแล้วอ่ะเราทุกคนเนี่ยเป็นเป็นแบบที่
00:11:16 → 00:11:19 เราเป็นนี่แหละค่ะแต่ว่าเวลาเราอยู่ในที่
00:11:20 → 00:11:23 สาธารณะเนี่ยเราจะไม่เป็นแบบที่เราเป็น
00:11:23 → 00:11:27 แบบ 100% น่ะอืเหมือนกับเราเรามีความ
00:11:27 → 00:11:31 ระมัดระวังมากขึ้นอืเราไม่ไม่อยากจะเสีย
00:11:31 → 00:11:34 ภาพพจน์อะไรอย่างเงี้่ะอืใช่มั้ยค่ะแต่
00:11:34 → 00:11:37 ว่าเวลาที่เราอยู่ในบ้านเงี้ยค่ะมันเป็น
00:11:37 → 00:11:42 ที่ที่เราแบบไม่ต้องกังวลใช่ๆเราก็ปล่อย
00:11:42 → 00:11:45 แล้วความเป็นตัวเองความเป็นตัวตนที่แท้
00:11:45 → 00:11:50 จริงอืมันก็ออกมาอืแต่พี่อ้อยกลับมองว่า
00:11:50 → 00:11:54 ไม่ยุติธรรมนะเออนั่นน่ะสิเพราะว่างี้ค่ะ
00:11:54 → 00:11:59 คนที่ใกล้ตัวเราคนในบ้านเราอ่ะเค้าอ่ะนอก
00:11:59 → 00:12:03 จากจะต้องรับความเป็นตัวตนแท้ๆของเราที่
00:12:03 → 00:12:06 เราจะทำโดยที่ว่าเออไม่ต้องเกรงอกเกรงใจ
00:12:06 → 00:12:11 อะไรเาอ่ะเออแล้วเรายังหงุดหงิดง่ายยัง
00:12:11 → 00:12:15 แบบมีอะไรอ่ะมองจุกจิกแล้วก็ทำให้มี
00:12:15 → 00:12:19 ประเด็นปัญหากันน่ะอือเออในขณะที่ออกไป
00:12:19 → 00:12:22 ข้างนอกคนไกลตัวกลายเป็นว่าเออไม่เป็นไร
00:12:22 → 00:12:26 อะไรอย่างเงี้ยแล้วก็เอ่ออะไรที่มันไม่
00:12:26 → 00:12:31 เกิดเป็นปัญหาได้ก็ก็ยอมอืแต่ในบ้านไม่
00:12:31 → 00:12:36 ยอมอือพี่ว่าเฮ้ยเาต้องทนกลิ่นเรอหรือว่า
00:12:36 → 00:12:40 ทนเสียงเรอของเราอยู่แล้วแล้วก็มีอีกหลาย
00:12:40 → 00:12:43 เรื่องที่แบบเป็นตัวเราเนี่ยที่เราไม่ไป
00:12:43 → 00:12:46 ทำสิ่งนั้นนอกบ้านน่ะอเขาอ่ะต้องรับสิ่ง
00:12:46 → 00:12:50 นี้อยู่ละอืเออแล้วเรายังไปจูกจีกหยุม
00:12:50 → 00:12:55 ยิ้มอะไรกับเขามากกว่าอืเฮ้ยไม่ยุติธรรม
00:12:55 → 00:12:59 อ่ะผมผมเจอวิธีที่เราจะแก้สถานการนี้วิธี
00:12:59 → 00:13:04 นึงแล้วพี่อ้อยอออค่ะก็คือว่าถ้าเราตัด
00:13:04 → 00:13:07 สินใจหรือว่าเราให้คุณค่ากับอะไรสักอย่าง
00:13:07 → 00:13:10 นึงนะว่าสิ่งนั้นดีสิ่งนั้นถูกต้องเนี่ย
00:13:10 → 00:13:12 นะค่ะเราจะ
00:13:12 → 00:13:16 ต้องสม่ำเสมอต้องสม่ำเสมอแล้วเราต้อง
00:13:16 → 00:13:21 เคารพสิ่งนั้นน่ะอืแล้วสม่ำเสมอเพราะอะไร
00:13:21 → 00:13:25 เพราะว่าถ้าเราเชื่อในอะไรบางอย่างนะแต่
00:13:25 → 00:13:28 ว่าเฉพาะในบางเวลาอือแล้วเราไม่สม่ำเสมอ
00:13:28 → 00:13:30 เนี่ยถึงเวลาแล้วมัน
00:13:30 → 00:13:34 จะมันเราจะควบคุมมันไม่ได้อ่ะตัวอย่างที่
00:13:35 → 00:13:37 ผมนึกถึงเพื่อจะได้เข้าใจง่ายๆนะก็คือตัว
00:13:37 → 00:13:41 อย่างก็คือเวลาที่เรากินข้าวเครับพอ้อยมี
00:13:41 → 00:13:43 เพื่อนผมคนนึงเค้าเคยเล่าให้เคเค้าเคย
00:13:43 → 00:13:46 เล่าให้ผมฟังตอนที่เเป็นเด็กค่ะอยู่ที่
00:13:46 → 00:13:48 บ้านเนี่ยที่บ้านเค้าเวลากินข้าวเนี่ย
00:13:49 → 00:13:52 เค้าก็กินข้าวปกตินะอือเราก็กินอาหาร
00:13:52 → 00:13:56 เนี่ยกินในครอบครัวปกติเนี่ยเราจะคเราจะ
00:13:56 → 00:13:59 ไม่ใช่ช้อนกลางปกติอยู่ที่บ้านน่ะค่ะๆๆ
00:13:59 → 00:14:03 แต่ว่ามีอยู่วันนึงครับคุณพ่อเ้ามีแขกมา
00:14:03 → 00:14:07 กินข้าวที่บ้านฮะอือฮึค่ะออพอมีแขกมาปึ๊บ
00:14:07 → 00:14:10 เา้าก็ใช้ช้อนกลางครับค่ะแล้วความที่
00:14:11 → 00:14:15 เพื่อนผมอ่ะตอนนั้นเป็นเด็กอืแล้วเขาก็
00:14:15 → 00:14:18 กินข้าวแล้วไม่ตักฮะตักเลยนี่ไม่เท่าไหร่
00:14:18 → 00:14:24 ฮะอเค้าถามอือถามในวงกินข้าวว่าคุณพ่อขา
00:14:24 → 00:14:29 ค่ะปกติเราไม่เห็นต้องใช้ช้อนกลางเลยออ
00:14:29 → 00:14:33 โอ้โหค่ะผมว่าเคสนี้เป็นเคสที่ดีมากนะ
00:14:33 → 00:14:36 เพราะว่าเด็กเค้าซื่อไงค่ะใช่ผมก็เลยคิด
00:14:36 → 00:14:39 ว่าออถ้าเราไม่อยากจะเกิดสถานการณ์แบบนี้
00:14:39 → 00:14:44 นะพี่อ้อยค่ะถ้าเราเชื่อว่าทำไมเวลาที่
00:14:45 → 00:14:47 เรากินข้าวกับคนอื่นต้องใช้ช้อนกลางอแล้ว
00:14:47 → 00:14:51 เราเชื่อใน
00:14:51 → 00:14:55 ในประโยชน์หรือคุณค่าของการใช้ช้อนกลาง
00:14:55 → 00:14:59 อือฮึเราก็ต้องปฏิบัติแบบนั้นในชชีวิตให้
00:14:59 → 00:15:03 เป็นปกติด้วยอืงั้นงั้นเดี๋ยวเอ่อถามพี่
00:15:03 → 00:15:08 วีนิดนึงอืนะคะพอดีมันมีเคสที่ที่เห็นภาพ
00:15:08 → 00:15:11 2 ภาพแตกต่างกันมันจะเข้ากรณีที่พี่วี
00:15:11 → 00:15:15 เล่าตรงนี้หรือเปล่าไม่แน่ใจออนะคะเป็น
00:15:15 → 00:15:20 บ้าน 3 บ้านค่ะอื 2 บ้านแรกเนี่ยภรรยา
00:15:20 → 00:15:25 เป็นคนทำงานอืหาเงินเลี้ยงครอบครัวอือ
00:15:25 → 00:15:30 สามีอยู่บ้านเฉยๆอืแล้วภรรยาก็ออกไปทำงาน
00:15:30 → 00:15:33 เนี่ยปกติอะไรอย่างเงี้ยนะคะเออแล้วก็
00:15:33 → 00:15:36 เค้าก็เหมือนยอมรับอ่ะว่าเค้าต้องเป็นคน
00:15:36 → 00:15:40 ทำงานหาเงินอืๆอีกบ้านนึงบ้านที่ 3
00:15:40 → 00:15:45 ฮะสามีทำงานหาเงินไม่กินเหล้าไม่สูบ
00:15:45 → 00:15:49 บุหรี่ไม่เที่ยวอืไม่ฟุ่มเฟือยไม่เล่นการ
00:15:49 → 00:15:50 พนัน
00:15:51 → 00:15:57 อือแต่ว่าภรรยาก็จะแบบอ่าอ้อสามีเค้าอาจ
00:15:57 → 00:16:01 จะขี้บนนิดนึงออภรรยาก็จะแบบหูยหงุดหงิด
00:16:01 → 00:16:05 ขึ้นมาเลยกับเสียงบ่นของสามีเอเออๆในขณะ
00:16:05 → 00:16:09 ที่สองบ้านแรกเออสามีไม่ทำงานเลยเออไม่มี
00:16:09 → 00:16:13 เงินเข้าบ้านเลยเออภรยาต้องทำเออเออก็เลย
00:16:13 → 00:16:18 มองว่าเอ้ยแบบเนี่ยก็คือ 2 มาตรฐานตรง
00:16:18 → 00:16:22 เนี้ยมันเข้าสู่กรณีที่ว่าเอ่อต้องต้อง
00:16:22 → 00:16:25 มองเห็นอะไรเหรอมันถึงทำให้ 2 3 บ้านนี้
00:16:25 → 00:16:29 แตกต่างกันออ้าโหผมพอพี่อ้อยเล่านี่มัน
00:16:29 → 00:16:32 ตรงกับที่เราบอกเลยพี่ห้อยอ๋อค่ะคือคำว่า
00:16:32 → 00:16:35 อะไรรมั้ในสมัยก่อนที่ผมเรียนวิชาวิชา 1
00:16:35 → 00:16:37 วิชาสังคมเนี่ยมันมีคำคำนึงที่เราได้ยิน
00:16:37 → 00:16:40 เป็นครั้งแรกค่ะแล้วอาจารย์ก็อธิบายคือคำ
00:16:40 → 00:16:44 ว่าวิชาสังคมนะมันจะมีคำว่านมฮะอ๋อนอมค่ะ
00:16:44 → 00:16:50 นอมในเอ่อ n o r นอมนอมถ้าเกิดว่านั่น
00:16:50 → 00:16:52 ก็คือมันก็เป็นคำเดียวกับคำว่า Normal
00:16:52 → 00:16:56 นั่นแหละอืเออก็คือมาตรฐานกลางของสังคม
00:16:56 → 00:16:59 อ่ะอือมาตรฐานกลางของสังคมสังคมเพราะว่า
00:16:59 → 00:17:02 ถ้าเรามีการเปรียบเทียบค่ะระหว่างบ้าน
00:17:02 → 00:17:05 นั้นกับบ้านนี้ครอบครัวนั้นกับครอบครัว
00:17:05 → 00:17:08 นี้คนนั้นกับคนนี้อือแน่นอนเลยครับพี่
00:17:08 → 00:17:12 อ้อยถ้ามีความการเปรียบเทียบอืมันจะต้อง
00:17:12 → 00:17:16 ไม่เหมือนกันอือฮึพอไม่เหมือนกันปึ๊บเรา
00:17:16 → 00:17:19 ก็จะถามว่าอันไหนถูกอันไหนผิดอันไหนดีอัน
00:17:19 → 00:17:23 ไหนอันไหนใช่อันไหนไม่ใช่ค่ะเราไม่มีทาง
00:17:23 → 00:17:27 ตัดสินได้เลยแต่ว่าอซึ่งตัวแปรในการตัด
00:17:27 → 00:17:30 สินมันยากกว่านั้นเยอะอืแต่ว่าสิ่งที่จะ
00:17:30 → 00:17:32 ช่วยในการตัดสินคืออะไรรู้มั้ยค่ะคือคำ
00:17:32 → 00:17:37 ว่านมไงอือมาตรฐานกลางๆของสังคมรวมๆอ๋อ
00:17:37 → 00:17:40 ค่ะอย่างเมื่อตะกี้นี่พี่ป้อยเล่าให้ฟัง 3
00:17:40 → 00:17:43 ครอบครัวเนี่ยค่ะถ้ามาตรฐานของสังคมรวมๆ
00:17:43 → 00:17:47 นะอือ 2 ครอบครัวแรกเราก็มองว่าแปลกะแปลก
00:17:47 → 00:17:49 แต่ว่าภรรยาเค้าไม่ก็ไม่มีปัญหาอะไรเออ
00:17:49 → 00:17:51 เพราะว่าเค้าไม่บ่น
00:17:51 → 00:17:55 ไงโอ๊ยแค่ไม่บ่นหมายถึงสามีไม่บ่นเออใช่
00:17:55 → 00:17:58 เพราะว่าประเด็นของครอบครัวที่ 3 เนี่ยทุ
00:17:58 → 00:18:01 ทุกอย่างดีหมดยกเว้นอย่างเดียวบ่นคือบ่น
00:18:01 → 00:18:04 อืแต่ 2 ครอบครัวนั้นที่เ้าไม่บ่นเพราะ
00:18:04 → 00:18:08 อะไรอื 2 ครอบครัวนั้น 2 ครอบครัวนั้นไม่
00:18:08 → 00:18:12 บ่นเพราะภรรยาเป็นคนทำงานหาเงินเลี้ยง
00:18:12 → 00:18:15 ครอบครัวใช่เค้าไม่มีสิทธิ์บ่นเค้าอ๋อไม่
00:18:15 → 00:18:17 มีสิทธิ์บนเค้ารู้สึกว่าเค้าไม่มีสิทธิ์
00:18:17 → 00:18:21 บ่นอ๋อเพราะว่าเค้าไม่ได้ทำไม่ได้มีอำนาจ
00:18:21 → 00:18:24 หน้าที่ไม่ได้มีสิทธิในการบ่นเพราะว่าคุณ
00:18:25 → 00:18:28 ไม่ได้ทำงานไงคุณก็ไม่มีสิทธิ์บ่นป่ะล่ะ
00:18:28 → 00:18:32 อย่างเงี้ยอืแต่ว่าครอบครัวที่ 3 ค่ะทำไม
00:18:32 → 00:18:35 เค้าถึงบ่นค่ะเพราะว่าดูเหมือนว่าเค้าจะ
00:18:35 → 00:18:37 มีสิทธิ์บ่นนะเพราเค้าไม่ควรทำงานหาเงิน
00:18:37 → 00:18:41 นะออืเขาก็เลยบ่นแต่ภรรยาก็หาเงินด้วย
00:18:41 → 00:18:44 แหละก็ออันนั้นก็เรื่องนึงค่ะใช่มั้ยแต่
00:18:44 → 00:18:48 ว่าก็ไม่ชอบบ่นอือย่างงี้เป็นต้นอพี่น้อย
00:18:48 → 00:18:50 เห็นมยว่าพอเอามาเปรียบเทียบปุ๊บมันมีบาง
00:18:50 → 00:18:53 สิ่งบางอย่างเปรียบได้บางอย่างก็เปรียบ
00:18:53 → 00:18:55 ไม่ได้แต่ว่าอถ้าอย่างนี้ปุ๊บเนี่ยเราเอา
00:18:55 → 00:18:59 มาตรฐานของสังคมมามาช่วยเนี่ยแล้วเราจะ
00:18:59 → 00:19:02 ค่อยๆเจออะไรบางอย่างอือย่างมาตรฐานสังคม
00:19:02 → 00:19:05 มาช่วย 2 บ้านแรกเี่ก็บอกว่าเออแปลกดี
00:19:05 → 00:19:08 เนอะอแต่เราก็ไปตัดสินเาก็ไม่ได้อีกอือ
00:19:08 → 00:19:09 ว่า
00:19:09 → 00:19:13 ทำไมคือมาตรฐานสังคมคือผู้ชายต้องทำงาน
00:19:13 → 00:19:17 อือฮึแต่ถ้าเกิดมีครอบครัวนึงเอ่อผู้ชาย
00:19:17 → 00:19:20 ทำงานหนักเลยภรรยาอยู่บ้านเป็นแม่บ้านอัน
00:19:20 → 00:19:23 นี้เราว่าแปลกมไม่แปลกไม่แปลกอันนี้คือ
00:19:23 → 00:19:27 นอมมาตรฐานสังคมบอกไม่แปลกออค่ะแต่ 2
00:19:27 → 00:19:28 ครอบครัวแรก
00:19:28 → 00:19:32 ภรรยาทำงานหาเงินเข้าบ้านสามีอยู่กับบ้าน
00:19:32 → 00:19:35 เราบอกว่าเออเรารู้สึกแปลกหน่อยๆใช่แต่
00:19:35 → 00:19:39 แปลกปึ๊บเราก็เราก็จะไปเจอตัวแปรบางอย่าง
00:19:39 → 00:19:43 ว่าอ๋อ 3 ครอบครัวนี้เนี่ยที่ไม่ทำให้
00:19:44 → 00:19:47 เกิดความขุ่นข้องหมองใจอือในครอบครัว
00:19:47 → 00:19:51 เพราะว่าประเด็นเดียวคือสามีบ่นกับไม่บ่น
00:19:51 → 00:19:54 อือฮึแต่ 2 ครอบครัวแรกนี้ไม่บ่นเพราะ
00:19:54 → 00:19:58 อะไรเ้าไม่มีสิทธิ์บ่นอือก็เไม่มีเพราะ
00:19:58 → 00:20:02 ฉะนั้นถ้าครอบครัวที่ 3 เอมองเห็นว่าก็
00:20:02 → 00:20:05 สามีเขาก็มีสิทธิ์บนน่ะเขาก็ดูแลครอบครัว
00:20:05 → 00:20:07 เขาก็เป็นคนดีอ่ะเขาก็ไม่ทำเรื่องเสียหาย
00:20:07 → 00:20:11 ให้ครอบครัวเอะไรพวกเนี้ยภรรยาก็น่าจะยอม
00:20:11 → 00:20:15 รับได้ก็จะเบาลงใช่ก็จะเบาลงออแล้วอีก
00:20:15 → 00:20:17 อย่างที่ผมเห็นนะจากเรื่องที่พี่อ้อยเล่า
00:20:17 → 00:20:20 เมื่อกี้เนี่ยพี่อ้อยผมเห็นอีกอันนึงก็
00:20:20 → 00:20:24 คืออันนี้คือมนุษย์เราเป็นอย่างนี้เลยอื
00:20:24 → 00:20:29 เรามักจะเห็นสิ่งที่เขาไม่ได้ทำ
00:20:29 → 00:20:32 เห็นสิ่งที่ไม่ได้ทำที่ที่เราอยากให้เค้า
00:20:32 → 00:20:35 ทำแต่เไม่ทำเรามักจะเห็นสิ่งนั้นแต่สิ่ง
00:20:35 → 00:20:37 ที่เทำแล้วเนี่ยเรามักจะไม่ค่อยเห็น
00:20:37 → 00:20:40 คุณค่าหรอกอือหืออย่างเช่นเมื่อตะกี้
00:20:40 → 00:20:42 เนี่ยยครอบครัวที่ 3 อ่ะเบอกว่าพี่อ้อย
00:20:42 → 00:20:45 บอกว่าอะไรบ้างทำงานแล้วก็ไม่กินเหล้าไม่
00:20:45 → 00:20:48 สูบบุหรี่อะไรงี้ใช่มั้ยโอ๊สารพัดดีเลย
00:20:48 → 00:20:50 แต่เสียอย่างเดียวคือบ่นอย่างเงี้ยใช่ๆๆ
00:20:51 → 00:20:53 เพราะอะไรเพราะว่าสิ่งนั้นคือสิ่งที่
00:20:53 → 00:20:56 เราากเราไม่อยากให้เค้าทำากเราไม่อยากให้
00:20:56 → 00:20:59 เค้าทำแต่เค้าทำออือแต่สิ่งที่เคทำอ่ะ
00:20:59 → 00:21:02 ซึ่งไม่เห็นถ้าลองคิดให้ดูนะเราจะอยกตัว
00:21:02 → 00:21:04 อย่างสมมุติมีครอบครัวสมมุติใหอีก
00:21:04 → 00:21:07 ครอบครัวนึงครอบครัวที่ 4 พี่อ้อยค่ะ
00:21:07 → 00:21:08 ครอบครัวที่ 4
00:21:08 → 00:21:13 เนี่ยสามีทำงานหาเงินเข้าบ้านค่ะแต่ว่า
00:21:13 → 00:21:16 กินเหล้าสู่บุหรี่เที่ยวกันหน่ำเลยอืแต่
00:21:16 → 00:21:21 ไม่บ่นอืๆเอามั้ยเออเอามั้ยเออจริงเอา
00:21:21 → 00:21:24 เป่าใ่ไม่เอาค่ะไม่เอาเห็นป่ะเพราะอะไร
00:21:24 → 00:21:27 เราถ้าเป็นครอบครัวสมมุติครอบครัวที่ 4
00:21:27 → 00:21:31 นะพี่อ้อยอสามีทำงานนะกินเหล้าสูบุหรี่
00:21:31 → 00:21:35 เที่ยวการพนันครบเซตอือแต่ไม่บ่นนะอือ
00:21:35 → 00:21:37 แล้วถ้าเป็นอย่างงั้นปุ๊บเนี่ยภรรยาเจะ
00:21:37 → 00:21:41 พูดว่าอะไรเลยมั้ยอโหชีวิตนี้เมันแย่มาก
00:21:41 → 00:21:44 เลยที่มีสามีแบบนี้อืเอาเข้าจริงๆเก็จะ
00:21:44 → 00:21:48 บอกว่าเขาจะอธิษฐานภาวนาขอว่าชาตินี้ถ้า
00:21:48 → 00:21:53 ถ้าเลือกสามีได้นะขอสามีที่แบบว่าทำงาน
00:21:53 → 00:21:54 แล้วไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี่ไม่เล่นการง
00:21:54 → 00:21:59 พนันน่ะอืก็พอแล้วใช่ซึ่งครอบครัวที่ 3
00:21:59 → 00:22:03 อ่ะได้สิ่งนั้นแล้วไงค่ะแต่ว่ามีอีกอชนึง
00:22:03 → 00:22:07 อ่ะคือบ่นไปเพิ่มอืเราก็เราจะวิ่งตามอยู่
00:22:07 → 00:22:10 อะไรบางอย่างเสมอเพราะว่ามนุษย์เราที่
00:22:10 → 00:22:12 สมบูรณ์พร้อมทุก
00:22:12 → 00:22:17 เรื่องไม่มีอืแล้วเราอ่ะก็จะไม่เห็นสิ่ง
00:22:17 → 00:22:21 ที่เค้าดีๆที่เขามีอืแต่เรามักจะไปเห็น
00:22:21 → 00:22:25 สิ่งที่เราอยากให้เค้ามีแต่เขาไม่มีอ่า
00:22:25 → 00:22:28 เราก็เลยทุกข์ไปเรื่อยแหละทุกข์แล้วก็ก็
00:22:28 → 00:22:31 เราก็ปฏิบัติกับเ้าลำเอียงอย่างที่บอก
00:22:31 → 00:22:36 ลำเอียงใช่อ่าก็คือเอ่อหยุมหยิ่มเล็กน้อย
00:22:36 → 00:22:39 อือ่าก็ไม่ได้แล้วก็หงุดหงิดหัวใจ
00:22:39 → 00:22:41 หงุดหงิดหัวใจเป็นทุกข์ก็เห็นอยู่อย่าง
00:22:41 → 00:22:43 งั้นน่ะแล้วก็ทุกข์อยู่อย่างงั้นน่ะอย่าง
00:22:43 → 00:22:47 งั้นภาพที่พี่วีพูดก็คือว่าถ้าเราจะไม่
00:22:47 → 00:22:52 ลำเอียงกับคนภายในกับคนภายนอกบ้านก็คือ
00:22:52 → 00:22:56 เราอ่ะต้องมองให้เห็นสิ่งที่สิ่งที่ดีของ
00:22:56 → 00:22:59 คนๆนั้นคนในบ้านใช่มากกว่าให้มากกว่าใช่
00:22:59 → 00:23:03 สิ่งที่เป็นที่เราอยากเห็นใช่มองเห็นสิ่ง
00:23:03 → 00:23:06 ที่เา้ามีอ่ะอันดับแรกให้ให้เห็นอันนั้น
00:23:06 → 00:23:10 ก่อนแล้วก็ให้คุณค่ากับสิ่งนั้นก่อนอ่า
00:23:10 → 00:23:14 แล้วเรื่องอื่นมันจะเบาบางลงอือาจจะหายไป
00:23:14 → 00:23:17 เลยก็ได้เสียงบ่นไม่เข้าหูเลยก็ได้ใช่ใช่
00:23:17 → 00:23:19 ๆแล้วมันเหมือนกับมีเหมือนกับมีเรื่อง
00:23:19 → 00:23:21 เรื่นึงเป็นเรื่องที่ส่งในโซเชียลมีเดีย
00:23:21 → 00:23:24 คล้ายๆอย่างงี้ด้วยนะเ้ามีการเอ่อพูดถึง
00:23:24 → 00:23:27 เดี๋ยวนะผมค่อยๆนึกก่อนนะพูดถึงคุณตาคุณ
00:23:27 → 00:23:31 ยาย 2 คนนะที่ที่บอกว่าเอ่อเขาคสัมภาษณ์
00:23:31 → 00:23:33 คุณตาคุณยายอ่ะที่ที่แต่งงานกันแล้วอยู่
00:23:33 → 00:23:37 กับมันจนแก่เลยนะแล้วถามคุณตาว่าถามเอ่อ
00:23:37 → 00:23:40 ถามคุณตาว่าอคุณยายเนี่ยมีข้อเสียอะไร
00:23:40 → 00:23:44 บ้างโอ้โหยเต็มไปหมดเลยเต็มหอประมาณนี้นะ
00:23:44 → 00:23:48 แล้วส่วนแล้วถามคุณยายว่าคุณตามีข้อเสีย
00:23:48 → 00:23:51 อะไรมั้ยเอ้ยเดี๋ยวๆเเถามคุณตาว่าคุณยาย
00:23:51 → 00:23:54 มีข้อไม่ดีอะไรมั้ยคุณตาบอกไม่มีเลยอ่ะ
00:23:54 → 00:23:57 คุณตาบอกไม่มีอ่าแต่ว่าพอถามคุณตาว่าคุณ
00:23:57 → 00:24:00 ยาเอ้ยถามคุยคุณยายว่าคุณตามีมั้ยมีข้อ
00:24:00 → 00:24:04 ข้อเสียอะไรมั้ยโอ้โหเพียบเลยแบบว่าเยอะ
00:24:04 → 00:24:09 เท่าดาวในท้องฟ้าเลยอ่ะอืมค่ะเอออือแล้ว
00:24:09 → 00:24:12 แล้วก็ถามบอกว่าโอ้โหยอยู่มาจนแก่แล้ว
00:24:12 → 00:24:15 อยู่กันจนแก่ได้ไงคุณตาคุณยายก็เลยบอกว่า
00:24:15 → 00:24:19 ข้อเสียเค้าอ่ะนะอือเยอะเท่าดาวในท้องฟ้า
00:24:19 → 00:24:23 เลยนะแต่ข้อดีเมีอยู่ข้อเดียวค่ะคือข้อดี
00:24:23 → 00:24:26 ของเขาคมันเหมือนเป็นพระอาทิตย์น่ะอืมี
00:24:26 → 00:24:28 อยู่เรื่องเดียวค่ะดวงเดียวเลยเป็นพระ
00:24:28 → 00:24:31 อาทิตย์เพราะว่าเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นน่ะ
00:24:31 → 00:24:36 ออฮะเราจะไม่เห็นดวงดาวเลยออค่ะเห็นป่ะ
00:24:36 → 00:24:40 อือถ้าเราหาความดีของใครสักคนนึงได้นะ
00:24:40 → 00:24:43 แล้วะเอาตรงนั้นเป็นพระอาทิตย์อ่ามันจะบท
00:24:43 → 00:24:47 บางข้อไม่ดีของเขาทั้งหมดเลยอืความดีอ่ะ
00:24:47 → 00:24:51 ถ้าเจอข้อเดียวอ่ะค่ะอือุ้ยบ้าน 3 นี้มี
00:24:51 → 00:24:54 ตั้งหลายข้อใช่ป่ะเออนี่ไงพระอทิตย์ตั้ง
00:24:54 → 00:24:59 3-4 ดวงค่ะปึ๊บเราก็จะบทบางข้อไม่ดีของ
00:24:59 → 00:25:02 เขาไปหมดเลยนะฮะออยู่ที่มองอยู่ที่มองเลย
00:25:02 → 00:25:05 ค่ะเพราะฉะนั้นเนี่ย 2 มาตรฐานหรือไม่
00:25:05 → 00:25:08 หรืออะไรก็ตามทีนะพี่ห้อยนะคุณผู้ฟังครับ
00:25:08 → 00:25:11 อค่ะสัญกรรมความสึกตอนนี้เนี่ยคุณผู้ฟัง
00:25:11 → 00:25:15 ลองไปสังเกตหาอือแล้วเราก็จะมีชีวิตที่มี
00:25:15 → 00:25:19 ความสุขมากขึ้นมีความทุกข์น้อยลงค่ะกับ
00:25:19 → 00:25:23 ทุกคนเลยอืไม่ว่าคนนั้นเทำอะไรหรือไม่ทำ
00:25:23 → 00:25:26 อะไรในบ้านนอกบ้านในบ้านนอกบ้านอือทุกคน
00:25:26 → 00:25:31 เลยอือใช้เกณฑ์เดียวกันเลยค่ะนะฮะเราก็จะ
00:25:31 → 00:25:34 มีความสุขมากขึ้นนะครับวันนี้ผมพี่วีนะ
00:25:34 → 00:25:36 ครับวีรพงษ์ทวีศักดิ์แล้วก็พี่อ้อยสุธิพร
00:25:36 → 00:25:39 ปรีเปรมครับต้องลาไปก่อนครับสวัสดีครับ
00:25:39 → 00:25:41 สวัสดี
00:25:41 → 00:25:45 ค่ะติดตามรายการทางเว็บไซต์และ
00:25:45 → 00:25:48 แอปพลิเคชันของ Thai PBS podcast
00:25:48 → 00:25:50 spotify soundcloud Google podcast
00:25:50 → 00:25:53 Apple podcast และ YouTube Channel
00:25:53 → 00:25:58 Thai PBS podcast Thai PBS podcast
00:25:58 → 00:26:00 View the world via The
00:26:00 → 00:26:09 [เพลง]
00:26:09 → 00:26:12 Voice