00:00:06 → 00:00:08 คนเราเนี่ยเมื่อมีความสัมพันธ์กันหรือชอบ
00:00:08 → 00:00:12 พอใครสักคนเนี่ยเราก็อยากให้เขาหรือเธอคน
00:00:12 → 00:00:15 นั้นเนี่ยเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเราแต่
00:00:15 → 00:00:18 ถ้าไม่ยอมฝ่ายหนึ่งฝ่ายนายเนี่ยไม่ยอม
00:00:18 → 00:00:22 หรือไม่อยากนะถึงขั้นปิดกั้นสิ่งแรกที่
00:00:22 → 00:00:24 คิดก็คือเขาไม่พร้อมที่จะมีความสัมพันธ์
00:00:24 → 00:00:26 กับเราจริงจังใช่ไหมเราเอาไว้ควงเล่นใช่
00:00:26 → 00:00:29 ไหมแต่ไม่ได้คิดจะพัฒนามากกว่านี้ใช่ไหม
00:00:29 → 00:00:31 เพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าฝ่ายหนึ่งเนี่ยบอกอีก
00:00:31 → 00:00:34 ฝ่ายหนึ่งว่าอย่าเพิ่งไปบอกใครนะปิดเงียบ
00:00:34 → 00:00:37 ไว้ก่อนนะว่าเราเป็นแฟนกันหรืออะไรนะและ
00:00:37 → 00:00:39 ให้เก็บความสัมพันธ์ให้เป็นความลับนะมัน
00:00:39 → 00:00:41 คงไม่ใช่เรื่องดีแน่
00:00:41 → 00:00:43 [เพลง]
00:00:43 → 00:00:46 ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัยฟังราย
00:00:46 → 00:00:49 การโรงหมอการดิฉันสุรีพรวงสถิตพรค่ะ
00:00:50 → 00:00:52 เอสทช้อยพีเรียส
00:00:52 → 00:00:55 มาค่ะคุณผู้ฟังวันนี้เราจะคุยกันถึง
00:00:55 → 00:00:57 เรื่องนี้เชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยมี
00:00:57 → 00:01:01 ประสบการณ์หรือไม่มีก็ฟังเอาไว้นะคะเรา
00:01:01 → 00:01:03 อาจจะได้ประสบการณ์นี้จากตัวเราเองหรือ
00:01:03 → 00:01:05 จากการฟังคนอื่นก็ได้กับเรื่องของความรัก
00:01:05 → 00:01:10 ความลับมีมีนะแต่บอกไม่ได้ทำไมถึงบอกไม่
00:01:10 → 00:01:13 ได้ไม่รู้เหมือนกันนะคะเดี๋ยวคุยกับผู้
00:01:13 → 00:01:15 ช่วยศาสตราจารย์ดรจันทร์วิภาดิลรง
00:01:15 → 00:01:17 สัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิมหาวิทยาลัยราชภัฏ
00:01:17 → 00:01:20 บ้านสมเด็จเจ้าพระยาผู้เชี่ยวชาญด้านความ
00:01:20 → 00:01:22 สัมพันธ์และครอบครัวค่ะสวัสดีค่ะอาจารย์
00:01:22 → 00:01:25 ค่ะสวัสดีค่ะสวัสดีค่ะท่านผู้ฟังทุกท่าน
00:01:25 → 00:01:28 ค่ะโอ๊ยเวลาคนเรามีความรักเราก็อยากจะให้
00:01:28 → 00:01:33 โลกรู้เพื่อนรู้โลกรู้นะคะแต่มันแบบอื้อ
00:01:33 → 00:01:36 มีแต่บอกไม่ได้ก็ไม่รู้ว่าเหตุผลคนใดมัน
00:01:36 → 00:01:38 น่าจะมีหลากหลายวันนี้ก็เลยเอาหัวข้อ
00:01:38 → 00:01:41 เนี้ยเอาเรื่องนี้เนี่ยนะคะที่มันยังค้าง
00:01:41 → 00:01:44 คาใจมาคุยกับอาจารย์แล้วก็ให้ได้คุณผู้
00:01:44 → 00:01:46 ฟังได้ฟังด้วยว่าบางทีมันอาจจะไม่ได้อยาก
00:01:46 → 00:01:49 จะให้เป็นความลับหรอกแต่มันอาจจะมีเหตุก็
00:01:49 → 00:01:51 ได้นะหรือมันเป็นข้อตกลงหรือยังไงหรือ
00:01:51 → 00:01:52 เปล่า
00:01:52 → 00:03:36 อันนี้ไม่แน่ใจเดี๋ยวต้องวันนี้ต้องคุยกันนะฮะก็ลองมาดูนะคะคือจริงๆแล้วเนี่ยส่วนนึงของการที่จะเปิดเผยหรือไม่เปิดเผยกรณีเรามีความรักเนี่ยส่วนนึงเนี่ยมันก็ขึ้นกับวัฒนธรรมของสังคมนั้นๆด้วยนะฮะอย่างถ้าย้อนไปสมัยต้นรัตนโกสินทร์หรืออยุธยาผู้หญิงเนี่ยบอกไม่ได้พูดไม่ได้แสดงแม้แต่จะยิ้มให้ผู้ชายก็ยังไม่ได้มันดูเป็นการผิดนะฮะในยุคนั้นนะคะแต่ในยุคนี้มันไม่ใช่นะคะแต่ก็นั่นแหละนะคะเอ๊ะแล้วทำไมมันต้องเป็นเรื่องของความละอายหรือมันก็ไม่ใช่นะคะบางทีมันไอ้โลกโซเชียลเนี่ยมันทำให้คนขยันเยอะหรือว่ามั้ยนะฮะเอ่อเอาโดยปกติก่อนละกันนะคะเราพูดถึงคนคนทั่วๆไปเนี่ยนะคะว่าเมื่อผู้หญิงผู้ชายเราเนี่ยเริ่มพูดคุยกันเริ่มรู้สึกว่าเออปิ๊งคนนี้และนะฮะเราก็จะเริ่มพูดคุยดูใจกันไปเรื่อยๆก่อน
00:03:36 → 00:03:39 นั่นแหละแต่เดี๋ยวเรามาลองคุยกันก่อนนะฮะ
00:03:39 → 00:03:42 คุยให้ท่านผู้ฟังฟังว่าตัวท่านผู้ฟังฟัง
00:03:42 → 00:03:45 แล้วเนี่ยสรุปว่าน่าจะบอกกล่าวใครต่อใคร
00:03:45 → 00:03:49 ไหมหรือจะเก็บเป็นความลับไว้ก่อนมั้ยอะไร
00:03:49 → 00:03:51 อย่างเงี้ยนะคะเราลองมาดูกันก่อนนะคะ
00:03:51 → 00:03:54 เพราะฉะนั้นในระยะแรกๆเนี่ยโดยทั่วไปอ่ะ
00:03:54 → 00:03:57 นะฮะนี่เราพูดถึง in General นะในคนทั่ว
00:03:57 → 00:04:00 ไปเนี่ยก็คือยังไม่อยากจะแสดงออกอยู่แล้ว
00:04:00 → 00:04:03 เลยทั่วๆไปนะคะถ้ามันยังไม่ชัวร์แต่ก็
00:04:03 → 00:04:05 ต้องใช้ทั้งหญิงแหละโดยเฉพาะผู้ชายนี่
00:04:05 → 00:04:07 แหละเขากลัวเสียหน้ามากถ้าสมมุติว่าเขา
00:04:07 → 00:04:10 ตั้งใจจริงนะคะที่จะจีบผู้หญิงคนนี้แล้ว
00:04:10 → 00:04:14 ปรากฏว่าไม่ติดไม่เสียหน้ามากเลยไม่เชื่อ
00:04:14 → 00:04:17 ลองดูคลิปหลายคลิปที่ขอแต่งงานและผู้หญิง
00:04:17 → 00:04:20 ปฏิเสธอ่ะเสียเซลฟ์มันเป็นอะไรที่แย่สุดๆ
00:04:20 → 00:04:22 นะคะ
00:04:22 → 00:04:25 ทีนี้พอความสัมพันธ์ต่อมาพัฒนาขึ้นนะคะ
00:04:25 → 00:04:29 ความสัมพันธ์ชัดเจนขึ้นเริ่มๆแล้วเธอเจ็บ
00:04:29 → 00:04:32 ฉันนะเออฉันรู้นะว่าเธอมาจีบนะอะไรอย่าง
00:04:32 → 00:04:36 นี้นะคะบางคู่ก็อาจจะแสดงออกนะฮะบางคู่ก็
00:04:36 → 00:04:38 อาจจะยังไม่อยู่นั่นแหละนะอาจจะเพราะเขิน
00:04:38 → 00:04:42 อายกลัวโดนล้อนะฮะหรือยังเลือกที่จะไม่
00:04:42 → 00:04:45 แสดงอะไรออกไปก่อนนะฮะยังไม่ชัวร์มากพอ
00:04:45 → 00:04:47 ถึงมันจะพัฒนาขึ้นก็ตามนะคะ
00:04:48 → 00:04:51 ทีนี้ถ้ามีคนถามในระยะนี้บางคนก็อ่ะแต่
00:04:51 → 00:04:54 ถามมาก็บอกไปกับใครอ่ะเห็นเดินอยู่น่ะใช่
00:04:54 → 00:04:57 เปล่าอะไรเงี้ยเออก็ดูๆกันอยู่อะไรเงี้ย
00:04:57 → 00:05:02 นะคะก็อาจจะบอกแต่ถ้าอันนี้มันสไตล์ของ
00:05:02 → 00:05:04 แต่ละคนไม่เหมือนกันนะฮะสไตล์แต่ละคนก็
00:05:04 → 00:05:07 ยังไงก็ได้ที่สบายใจบางคนก็อาจจะบอกบางคน
00:05:07 → 00:05:10 ก็อาจจะยิ้มๆไม่รับอะไรอย่างเงี้ยนะฮะก็
00:05:10 → 00:05:14 แล้วแต่นะฮะอันนี้มันก็ไม่ได้ตั้งใจต้อง
00:05:14 → 00:05:17 ใช้คำว่าที่ทำแบบนี้ไม่ได้ตั้งใจจะปิด
00:05:17 → 00:05:19 เป็นความลับแต่อาจจะเพราะว่าชอบหรือหวง
00:05:19 → 00:05:22 แหนความเป็นส่วนตัวจริงไหมคะนะฮะโดยเฉพาะ
00:05:22 → 00:05:26 ดาราทั้งหลายเนี่ยนะฮะคนของสังคมเนี่ยคน
00:05:26 → 00:05:29 ก็อยากจะไปขุดคุ้ยอยากจะรู้เรื่องส่วนตัว
00:05:29 → 00:05:32 ของเขาจนมันสูญเสียความเป็นส่วนตัวไปก็มี
00:05:32 → 00:05:36 นะคะคนดังทั้งหลายเนี่ยมันก็จะมีโลก
00:05:36 → 00:05:39 โซเชียลที่เข้าตามติดอยู่ตลอดเวลาลืมความ
00:05:39 → 00:05:40 เป็นส่วนตัว
00:05:40 → 00:05:41 นะคะ
00:05:42 → 00:06:39 นี่พอต่อมานะคะบางคู่เนี่ยอาจจะความสัมพันธ์มากขึ้นแล้วนะเมื่อกี้นี้จากเริ่มต้นปิ๊งๆนะคะแล้วเราก็มาพูดคุยกันดูใจกันสักระยะเริ่มเริ่มโอเคแล้วนะคะบางคนความสัมพันธ์พัฒนาขึ้นมาอีกขั้นนึงเนี่ยบางคนก็อาจจะตั้งใจเก็บเป็นความลับไว้ก่อนโดยความสมัครใจของเราคุยกันก่อนด้วยเหตุผลหลายอย่างนะฮะ
00:06:39 → 00:06:40 ต่างๆกันไปแต่ทั้งคู่สมัครใจนะต้องเข้าใจก่อนนะว่าทั้งผู้สมัครใจที่จะปิดเป็นความลับนะเช่นความรักในออฟฟิศเดียวกันอันนี้บางทีไม่อยากให้เพื่อนรู้โดยเฉพาะถ้าเกิดเป็นนายเป็นลูกน้องอีกเนี่ยนะเออใช่เลยนะคะเพราะว่าบางทีเนี่ยมันเพื่อนกลุ่มเดียวกันหรือเป็นรักข้ามรุ่นเช่นผู้หญิงอายุมากกว่าผู้ชายอายุน้อยกว่าอะไรเงี้ยนะคะก็จะทำให้ยังไม่อยากบอกใครหรือรู้ว่าคนเนี้ยพ่อแม่ไม่โอเคพ่อแม่บอกไม่ถูกใจไอ้เจ้าหนี้ตั้งแต่ต้นและอะไรอย่างเงี้ยนะคะหรือว่าเป็น
00:06:40 → 00:07:05 lgbt
00:07:05 → 00:07:10 ถูกไหมคะหรือว่ากลุ่มเพื่อนไม่โอเคกับคนนี้เช่นบอกนี่เธอเธอจะคบใครฉันไม่ว่าอะไรอีแต่คนนี้ฉันไม่เอานะอะไรอย่างเงี้ยก็กลัวเพื่อนโกรธเพื่อนไม่โอเคหรือเป็นรักต้องห้ามค่ะรักต้องห้ามเช่นเขามีเจ้าของแล้วแล้วเราก็รักกันอันนี้รับนะฮะอันนี้คือสมัครใจทั้งสองฝ่ายก็คือไม่เปิดเผยนะฮะอันนี้เก็บไว้เงียบเก็บเลยนะ
00:07:10 → 00:07:11 ซึ่งไม่รู้แหละว่าคือเขาไม่ได้มีข้อตกลงว่าขอเก็บเป็นความลับ
00:07:11 → 00:07:11
00:07:11 → 00:07:34 ปีเขาไม่ได้ระบุขนาดนั้นแต่ว่าจะรับนานแค่ไหนจนทำให้เรารู้สึกว่าเฮ้ยอันนี้คือทั้งสองฝ่ายยังยังสมัครใจที่จะปิดเป็นความลับนะคะแล้วก็ดูลู่ทางไปก่อนนะคะซึ่งโดยปกติเนี่ยคุณสุรีย์พรว่าไหมคะว่าคนเราเนี่ยเมื่อมีความสัมพันธ์กันหรือชอบผักพอใครสักคนเนี่ยเราก็อยากให้เขาหรือเธอคนนั้นเนี่ย
00:07:34 → 00:07:59 เข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรานะฮะเช่นรู้จักเพื่อนเรารู้จักเพื่อนที่ทำงานเรารู้จักครอบครัวเราอะไรต่างๆถูกไหมคะแต่ถ้านะคะไม่ยอมฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเนี่ยไม่ยอมหรือไม่อยากนะถึงขั้นปิดกั้นไม่พร้อมที่จะให้เป็นเอ่อมันแสดงถึงอะไรคะมันแสดงได้อย่างสิ่งแรกที่คิดก็คือ
00:07:59 → 00:08:02 เขาไม่พร้อมที่จะมีความสัมพันธ์กับเรา
00:08:02 → 00:08:05 จริงจังใช่ไหมถูกไหมคะคือเราเราเอาไว้ควง
00:08:05 → 00:08:07 เล่นใช่ไหมแต่ไม่ได้คิดจะพัฒนามากกว่านี้
00:08:07 → 00:08:10 ใช่ไหมมันก็จะเกิดความคิดนี้ขึ้นมาเป็น
00:08:10 → 00:08:12 ความคิดแรกที่เกิดขึ้นแน่นอน
00:08:12 → 00:08:17 เพราะฉะนั้นเนี่ยถ้ามีการฝ่ายหนึ่งบอกอีก
00:08:17 → 00:08:20 ฝ่ายหนึ่งว่าอย่าเพิ่งไปบอกใครนะปิดเงียบ
00:08:20 → 00:08:22 ไว้ก่อนนะว่าเราเป็นแฟนกันหรืออะไรนะให้
00:08:22 → 00:08:25 เก็บความสัมพันธ์ที่เป็นความลับนะมันคง
00:08:25 → 00:08:26 ไม่ใช่เรื่องดีแน่
00:08:26 → 00:08:31 มันนำไปสู่ความระแวงกันและเอ๊ะทำไมทำไม
00:08:31 → 00:08:34 ฉันถึงเปิดเผยไม่ได้บางคนบอกห้ามเอารูป
00:08:34 → 00:08:36 คู่โพสต์นะโพสต์ไม่ได้นะอะไรอย่างเงี้ยนะ
00:08:36 → 00:08:40 ฮะอันนี้มันสันนิษฐานได้หลายอย่างนะคะอาจ
00:08:40 → 00:08:41 จะเพราะว่า
00:08:41 → 00:08:44 เขามีความสัมพันธ์พร้อมกันหลายคนหรือ
00:08:44 → 00:08:48 เปล่าคบซ้อนเปล่าเนี่ยนะฮะอ่าหรือเขาไม่
00:08:48 → 00:08:51 คิดจริงจังกับเราใช่ไหมเนี่ยเขาถึงได้
00:08:51 → 00:08:55 ไม่เปิดเผยความสัมพันธ์ของเราถูกมั้ยคะจะ
00:08:55 → 00:09:12 มีเลือกคนอื่นในอนาคต
00:09:12 → 00:09:13 ยังไม่เปิดเผยกับครอบครัวกับเพื่อนกับอะไรเลยเพราะว่ายังไม่ใช่อ่ะเราอ่ะยังไม่ใช่มันจะคนละแบบกับเมื่อกี้ที่อาจารย์บอกว่าอันนั้นเขามีหลายคนหรือเปล่าแต่อันนี้คืออาจจะยังไม่มีแต่ยังไม่ชัวร์ฉันอาจจะเจอคนอื่นอีก
00:09:13 → 00:09:14
00:09:14 → 00:09:16 ใช่เผื่อไว้เปิดทางไว้ให้ตัวเองไงนะฮะแล้วก็อันต่อไปก็คือยังไม่แน่ใจในคนๆนี้ว่าจะใช่คนที่พร้อมจะคบจริงๆด้วยหรือเปล่าก็ยังไม่อยากเปิดเผยเพราะว่าถ้าเปิดเผยไปแล้วตัวเองจะเสียเสียโอกาสเห็นไหมคะแล้วก็อีกเหตุผลอื่นๆอีกเยอะแยะไปหมดเลยนะฮะแต่มันก็
00:09:16 → 00:09:35 [เพลง]
00:09:35 → 00:09:41 อย่างนึงที่จะทำให้มองเห็นก็คือการที่บอกว่าให้เก็บความสัมพันธ์ของเราเป็นความลับก่อนเนี่ย
00:09:41 → 00:09:43 มันก็เกิด question Mark
00:09:43 → 00:10:40 แล้วถูกไหมถ้าไม่ใช่ทั้งสองฝ่ายสมัครใจกันแบบตอนต้นถึงต่อให้สมัครใจในตอนต้นคบกันไปอีกสักระยะหนึ่งก็ยังให้ปิดอยู่นั่นแหละฉันอยากจะเปิดแล้วคือมันมีระยะเวลาที่มันต้องพอสมควรแล้วแหละว่าเฮ้ยมันเป็นความลับต่อไปไม่ได้แล้วแหละมันจะเป็นความลับทำไมมันอย่างที่อาจารย์บอกเลยว่าคำถามมันเกิดขึ้นเยอะแล้วก็หาคำตอบไม่ได้ซะด้วยก็คงไม่ตอบเราแน่นอนแล้วก็ทีนี้ในสังคมปัจจุบันเอางี้นะคะในยุคของวัฒนธรรมปัจจุบันเนี่ยก็ถือว่าผู้หญิงเนี่ยมีสิทธิ์นะคะที่จะเปิดเผยที่จะแสดงออกเรื่องความรักอะไรอ่ะใช่จะไม่พาก็ไม่เถียงนะคะแต่อยากให้ท่านผู้ฟังโดยเฉพาะสาวๆเนี่ยลองคิดตรองดูนะคะชั่งน้ำหนักดูว่าเราควรแสดงออกมากไหมเพราะว่าบางครั้งเนี่ยบางคนเนี่ยเปิดตัวเขาใช้คำว่าเปิดตัวแรงเปิดตัวแรกนะฮะ
00:10:40 → 00:11:39 มันก็คนในโซเชียลเนี่ยก็มีทั้งคนที่รักเราคนที่ไม่รักเราคนที่ไม่รู้จักเราเลยแต่หมั่นไส้มันน่ะมันเปิดตัวแรงซะอย่างนี้เดี๋ยวคอยดูเวลามันเฟลเลิกกันเมื่อไหร่กูจะหัวเราะเยาะแล้วพอเขาเลิกกันจริงๆนะฮะสะใจเลยอ่ะสะใจคนเหล่านี้มากนะคะเพราะฉะนั้นเราก็เป็นฝ่ายเจ็บปวดถูกไหมคะคนที่เปิดตัวแรงๆเนี่ยมันก็จะเป็นฝ่ายเจ็บป่วยเพราะว่าให้นึกไว้เลยค่ะว่าผู้หญิงทุกคนเนี่ยและผู้ชายทุกคนน่ะ
00:11:39 → 00:11:40 หนึ่งในร้อยล้านมั้งที่จะคบมีแฟนแค่คนเดียวตลอดชีวิตแหละเอ้าน้อยมากใช่ไหมคะหมายถึงเจอคนนี้รักคนนี้แล้วแต่งงานกับคนนี้อยู่กันไปจนแก่ตายด้วยกันเนี่ยใช่เอาตะแกรงมาล่อนแล้วร่อนอีกนี่ยังหาไม่เจอเลยเพราะฉะนั้นให้คิดเลยค่ะว่าการที่เราคบใครก็ตามเนี่ยเผื่อใจไว้ด้วยว่าเขาจะยังไม่ใช่ใช่ไหมคะเราอาจจะเจอคนที่
00:11:40 → 00:11:41 2 3 4 5 6 7
00:11:41 → 00:11:46 เพราะฉะนั้นถ้าการที่เราเปิดตัวแรง
00:11:46 → 00:11:52 มันเป็นผลเสียกับเราไหมนะเพราะคนสมัยนี้เขาก็ไม่ได้คิดแค่การเป็นแฟนใช่ไหมเขาก็จะคิดลึกๆๆต่อไปถึงความสัมพันธ์ว่าเราถึงขั้นไหนๆๆๆๆแล้วยิ่งเรามันมีออนไลน์เนี่ย
00:11:52 → 00:11:58 [เพลง]
00:11:58 → 00:12:02 มันเป็นผลลบต่อสาวๆทั้งนั้นแหละค่ะในความ
00:12:02 → 00:12:06 รู้สึกของของอาจารย์วิภานะคะก็อยากให้
00:12:06 → 00:12:09 ท่านผู้ฟังลองพิจารณาดูนะคะอย่าเอาตาม
00:12:09 → 00:12:12 กระแสโซเชียลหรือเอาตามความมันในอารมณ์
00:12:12 → 00:12:15 ว่าฉันมีลูกโพสต์ฉันได้โชว์คนนั้นคนนี้
00:12:15 → 00:12:19 ว่าฉันคบกับใครฉันอะไรกับใครอยากเปิดเผย
00:12:19 → 00:12:22 ตัวตนอะไรอย่างนี้ก็ดีค่ะไม่ใช่ไม่ดี
00:12:22 → 00:12:26 เพราะมันเป็นการเป็นการเช็คด้วยว่าคนของ
00:12:26 → 00:12:28 เราเนี่ยไปโพสต์กับคนอื่นหรือเปล่าแต่ว่า
00:12:28 → 00:12:32 อย่าแรงนะเอออย่าแรงนะมันจะขาดทุนมากกว่า
00:12:32 → 00:12:37 กำไรนะคะค่อยๆๆอาจจะเห็นลำไยแค่แนวแขนไว้
00:12:37 → 00:12:41 ก่อนหรือว่าแบบเงาๆแว๊บๆบอมๆกันไปก่อนเออ
00:12:41 → 00:12:45 ก็ได้เรามีนักสืบโซเชียลเยอะนะคะมันก็มี
00:12:45 → 00:12:48 ทั้งผลดีผลเสียแหละนะคะบางคนเขาก็จะช่วย
00:12:48 → 00:12:51 เราสืบว่าคนเนี้ยไปเดินกับใครหรือเปล่าไป
00:12:51 → 00:12:53 โพสต์หรือใครอีกหรือเปล่าอะไรอย่างนี้ก็
00:12:53 → 00:12:56 ได้ค่ะแต่ว่าตัวเราเองเนี่ยอย่าแรงนะคะ
00:12:56 → 00:12:58 มันเหมือนกับว่า Generation มันเปลี่ยนไป
00:12:58 → 00:13:02 สังคมมันเปลี่ยนไปเนี่ยการการที่จะเปิด
00:13:02 → 00:13:04 เผยหรืออะไรอย่างนี้สังคมยุคนี้มีความ
00:13:04 → 00:13:07 เปิดเผยมากกว่าในในยุคก่อนตอนที่เรายัง
00:13:07 → 00:13:09 นอนเป็นสาวๆอยู่ด้วยซ้ำไป
00:13:09 → 00:13:14 แค่จะเจอกันยังยากเลยจับมือกันยิ่งแล้ว
00:13:14 → 00:13:17 ใหญ่เลยที่ผ่านมาเมื่อกี่ปีเองนั้นยังผู้
00:13:17 → 00:13:20 ใหญ่สมัยก่อนเนี่ยเขาเขาจะมองถึงอนาคตคุณ
00:13:20 → 00:13:23 สุรีย์พรสังเกตไหมนะฮะต่อให้เป็นยุคเราก็
00:13:24 → 00:13:27 เหอะนะคะเราจะมองอนาคตไกลๆแต่หนุ่มสาวที่
00:13:27 → 00:13:30 เขาเกิดในยุคของไอทีเนี่ยเขาจะมองอะไร
00:13:30 → 00:13:33 ใกล้ๆเอาความสุขณวันนี้เอาความพอใจในวัน
00:13:33 → 00:13:36 นี้เพราะชีวิตไม่ยืนยาวฉันอาจจะไม่ได้
00:13:36 → 00:13:38 อยู่แก่ตายก็ได้
00:13:38 → 00:13:42 มันก็จะมีผลกับทุกเรื่องเอาง่ายๆเรื่อง
00:13:42 → 00:13:45 การออมเงินเงี้ยเด็กสมัยนี้จะไม่ค่อยออม
00:13:45 → 00:13:48 เงินมีแล้วใช้หาความสุขณปัจจุบันเก็บไว้
00:13:48 → 00:13:51 ส่วนนึงแต่ได้มากนักไม่เหมือนคนสมัยก่อน
00:13:51 → 00:13:54 แกอย่างเดียวเจ็บจนไม่ไปไหนเลยเพราะอะไร
00:13:54 → 00:13:58 คะเขาเอาความสุขณบัดนี้อนาคตเป็นเรื่อง
00:13:58 → 00:14:01 ไกลซึ่งฉันอาจจะไปไม่ถึงด้วยซ้ำเพราะฉัน
00:14:01 → 00:14:03 จะตายก่อนเพราะฉะนั้นเมื่อฉันหาความสุข
00:14:03 → 00:14:07 ตรงนี้ได้ฉันหานะคะอย่างนี้เป็นต้นก็
00:14:07 → 00:14:08 เพราะฉะนั้นก็เลยบอกว่าถ้างั้นมีแล้วก็
00:14:08 → 00:14:12 เปิดตัวไปเลยโชว์ไปเลยว่าฉันมีเรื่องแต่ง
00:14:12 → 00:14:15 งานใช่ไหมคะสมัยก่อนคิดแล้วคิดอีกเพราะ
00:14:15 → 00:14:17 เราคิดว่าเราจะแต่งหนเดียวตลอดชีวิตแต่
00:14:17 → 00:14:19 สมัยนี้เขาบอกแต่งไปเหอะอยู่ไม่ได้ก็เลิก
00:14:19 → 00:14:22 กันหาใหม่ถูกมั้ยคะ
00:14:22 → 00:14:25 มันมันแนวคิดผิดกันแต่ว่าไม่ได้บอกว่าผิด
00:14:25 → 00:14:27 หรือถูกแต่หมายถึงว่ามันต่างกันระหว่าง
00:14:27 → 00:14:31 แนวคิดคนเก่ากับคนใหม่ก็เลยเกิดแก่ของ 2
00:14:31 → 00:14:33 วัยขึ้นมาด้วยความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน
00:14:33 → 00:14:33 เพราะว่า
00:14:33 → 00:14:36 คนรุ่นใหม่เนี่ยเขาได้รับ
00:14:36 → 00:14:39 ข่าวสารโดยเฉพาะจากต่างประเทศในเยอะ
00:14:39 → 00:14:43 อารยธรรมตะวันตกที่มันเข้ามามากมายถาโถม
00:14:43 → 00:14:47 ใช้คำว่าถาโถมยิ่งกว่าสึนามิอีกอะไรอย่าง
00:14:47 → 00:14:49 นี้นะคะเพราะฉะนั้นคนเก่าเนี่ยก็จะได้
00:14:49 → 00:14:53 วัฒนธรรมเก่าถูกสั่งสอนมาแบบเก่านะคะ
00:14:53 → 00:14:55 วัฒนธรรมสังคมเก่าซึ่งไม่มีใครผิดไม่มี
00:14:55 → 00:14:58 ใครถูกค่ะเพียงแต่ต้องเข้าใจกันและกันนะ
00:14:58 → 00:15:02 คะก็เป็นไปตามยุคตามสมัยเพียงแต่ว่าคิด
00:15:02 → 00:15:05 ยาวๆเหลือมั้ยคะอยากจะพูดเรื่องรักใน
00:15:05 → 00:15:08 ออฟฟิศสักนิดนึงอันนี้คือเหมือนเพิ่งฟัง
00:15:08 → 00:15:11 มาเหมือนเพิ่งฟังมารักในออฟฟิศถามว่าเคย
00:15:11 → 00:15:13 เกิดขึ้นไหมเคยเกิดขึ้นกับตัวเองเช่น
00:15:13 → 00:15:17 เดียวกันแต่เราผ่านมันมาแล้วอ้าวงั้นถาม
00:15:17 → 00:15:19 คุณสุรีย์พรได้ตอนนั้นอยากเปิดเผยมั้ยคะ
00:15:19 → 00:15:25 ไม่ค่ะเพราะคือเอ่อมันมีหลายกระแสความ
00:15:25 → 00:15:27 ความอ่ะตอนนั้นเนี่ยที่หลายๆคนยังไม่รู้
00:15:27 → 00:15:31 แต่เราก็รู้ๆกันอยู่ 2 คนในออฟฟิศใช่ไหม
00:15:31 → 00:15:35 คะมันมีกระแสของที่เรารู้จักภายนอกว่าคน
00:15:35 → 00:15:38 ในออฟฟิศอ่ะไม่ไม่ค่อยชอบเขาเท่าไหร่
00:15:38 → 00:15:41 เห็นถึงความแตกต่างในหน้าที่การงานด้วย
00:15:41 → 00:15:45 ส่วนหนึ่งความสามารถอีกส่วนหนึ่งคือ
00:15:45 → 00:15:47 เหมือนเขาจะด้อยกว่าเราไปในทิศทางที่ที่
00:15:47 → 00:15:51 หลายคนมองค่ะอันนี้ไม่ได้เขารู้ว่าเขายัง
00:15:51 → 00:15:53 ไม่ได้รู้นะคะแต่เรารู้ว่าทุกคนมองเขาใน
00:15:53 → 00:15:56 ลักษณะแบบนี้เราก็เลยบอกว่าไม่อยากไม่
00:15:56 → 00:15:59 กล้าเปิดใช่เพราะว่าไม่งั้นก็เสียงค้าน
00:15:59 → 00:16:03 เยอะตีรุนแรงแน่นอน
00:16:03 → 00:16:06 ประมาณนี้ค่ะหรือแม้กระทั่งแบบผู้ใหญ่ใน
00:16:06 → 00:16:09 ออฟฟิศหรืออะไรอย่างเงี้ยค่ะมันก็มีบ้าง
00:16:09 → 00:16:13 แหละค่ะเคยเจออ่ะนะคะแต่ก็เราๆๆพึงรู้ไว้
00:16:13 → 00:16:16 อยู่แล้วว่าเขามีครอบครัวอยู่แล้วค่ะ
00:16:16 → 00:16:18 เพราะฉะนั้นเราไม่เอาตัวลงไปในไฟกองไฟตรง
00:16:18 → 00:16:21 นั้นดีมากนะคะค่ะ
00:16:21 → 00:16:24 นะคะเพราะฉะนั้นแสดงว่าเรามีความรักอย่าง
00:16:24 → 00:16:28 มีสติค่ะนะคะมันมันหลายคนที่มาปรึกษา
00:16:28 → 00:16:32 อาจารย์วิภาแล้วเจอเจอจากประสบการณ์เนี่ย
00:16:32 → 00:16:35 นะคะมันมีแม้กระทั่งบางคนในที่มีความรัก
00:16:35 → 00:16:38 ในออฟฟิศแล้วเฟลอย่างงี้นะคะแล้วเฟลคือ
00:16:38 → 00:16:41 ไม่ได้จบด้วยการแต่งงานเนี่ยมีฝ่ายหนึ่ง
00:16:41 → 00:16:45 ที่ออกเลยค่ะคืออยู่เห็ดทนเห็นหน้าหรือทน
00:16:45 → 00:16:48 รับภาวะของสิ่งแวดล้อมในออฟฟิศเดียวกัน
00:16:48 → 00:16:52 ต่อไปไม่ได้นะคะลาออกเลยอย่างนี้ค่ะมัน
00:16:52 → 00:16:55 เสียทั้งชีวิตเพราะฉะนั้นต้องการที่การ
00:16:55 → 00:16:58 ที่คนเราคิดจะมีความรักในออฟฟิศไม่ใช่
00:16:58 → 00:17:01 เรื่องผิดนะคะแต่อาจารย์นิภาอยากให้ข้อ
00:17:01 → 00:17:05 เตือนใจไว้นะฮะสัก 4-5 ข้อนะคะข้อที่ 1
00:17:05 → 00:17:09 ก็คือถามตัวเองก่อนว่าพร้อมที่จะรับผลที่
00:17:09 → 00:17:14 จะตามมาไหมนะผลที่จะตามมาเนี่ยเช่นคนใน
00:17:14 → 00:17:17 ออฟฟิศต้องเม้าท์มอยเราแน่นะฮะถูกจับตา
00:17:17 → 00:17:21 มองถูกซุบซิบนินทานะคะยิ่งความรักเราไม่
00:17:21 → 00:17:24 ราบรื่นเนี่ยนะฮะมันจะมองหน้าคนที่ทำงาน
00:17:24 → 00:17:26 ร่วมกันแล้วก็มองหน้าเขาหรือเธอคนนั้น
00:17:26 → 00:17:30 เนี่ยต่อไปอีกไม่ได้เนี่ยค่ะอันนี้ถามนะ
00:17:30 → 00:17:33 คะเตือนใจว่าพร้อมหรือยังที่จะรับผลที่
00:17:33 → 00:17:36 ตามมาเราไหวไหมไหวไหมกับสิ่งที่จะตามมานะ
00:17:36 → 00:17:37 คะ
00:17:37 → 00:17:40 ข้อ 2 ค่ะเธอหรือเขาคนนั้นน่ะเก็บความลับ
00:17:40 → 00:17:43 ได้ดีมั้ย
00:17:43 → 00:17:47 เวลาที่เราเราเป็นแฟนกันเราก็จะรู้อะไร
00:17:47 → 00:17:50 ต่ออะไรของกันและกันนะฮะในเรื่องที่เป็น
00:17:50 → 00:17:53 เรื่องรับเฉพาะอะไรต่างๆเนี่ยแล้วมันอยู่
00:17:53 → 00:17:56 ในออฟฟิศเดียวกันน่ะเขาเอาไปเล่าให้
00:17:56 → 00:17:58 เพื่อนคนอื่นฟังไหม
00:17:58 → 00:18:01 เล่ากึ่งนินทากึ่งอะไรอย่างนี้แล้วยิ่ง
00:18:01 → 00:18:04 เวลาที่เราเลิกลากันไปแล้วเนี่ยมันคงไม่
00:18:04 → 00:18:06 ใช่ในเรื่องแง่บวกแน่นอนที่จะต้องเอามา
00:18:06 → 00:18:09 คุยกับคนอื่นถูกไหมคะเพราะฉะนั้นต้องถาม
00:18:09 → 00:18:11 ว่าเข้าหรือเธอคนนั้นน่ะเก็บความลับได้ดี
00:18:11 → 00:18:16 พอไหมอันที่ 3 ค่ะยิ่งถ้าคุณเธอหรือเขาคน
00:18:16 → 00:18:18 นั้นน่ะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาเราหรือเป็น
00:18:18 → 00:18:21 ผู้บังคับบัญชาเรายิ่งเหยียบแย่เลยค่ะ
00:18:21 → 00:18:25 เพราะอะไรคะคนจะซุบซิบนินทาว่ามาคบกัน
00:18:25 → 00:18:29 เนี่ยหวังผลเปล่านะฮะบริสุทธิ์ใจหรือ
00:18:29 → 00:18:30 เปล่านะฮะ
00:18:30 → 00:18:34 ทำดีก็เสมอตัวค่ะทำไม่ดีเนี่ยก็จะหาว่า
00:18:34 → 00:18:36 ไม่ยุติธรรมเช่นสมมุติว่าเขาเป็นผู้ใต้
00:18:36 → 00:18:38 บังคับบัญชาเราแล้วเขาทำงานดีเราให้
00:18:38 → 00:18:41 รางวัลเค้าได้ 2 ขั้นได้เงินเดือนขึ้นก็
00:18:41 → 00:18:46 หาว่าเล่นเส้นอ่าเป็นแฟนกันนี่เล่าอะไร
00:18:46 → 00:18:49 อย่างเงี้ยนะฮะหรือ
00:18:49 → 00:18:52 คอนของเขาเป็นผู้บังคับบัญชาเราหรือเป็น
00:18:52 → 00:18:55 ผู้ใต้บังคับบัญชาก็ตามมันก็จะถูกทั้งสอง
00:18:55 → 00:18:57 อย่างอ่ะค่ะที่ถูกนินทาว่าร้ายแบบนี้
00:18:57 → 00:18:59 เนี่ยอาจารย์เอาเรื่องจริงมาคุยเรื่อง
00:18:59 → 00:19:02 จริงอันนี้พร้อมหรือยังที่จะรับเรื่องนี้
00:19:02 → 00:19:04 นะคะแล้วก็
00:19:04 → 00:19:08 อันต่อไปที่อยากจะเตือนก็คือการอยู่ด้วย
00:19:08 → 00:19:12 กันตลอดเวลาเจอหน้าในออฟฟิศเจอเช้าก็เจอ
00:19:12 → 00:19:15 ถึงเย็นกินข้าวกลางวันด้วยกันแถมบางทีไป
00:19:15 → 00:19:17 ส่งอีกกินข้าวเย็นด้วยกันอีก
00:19:17 → 00:19:20 อยู่ด้วยกันตลอดเวลาเนี่ยควรจะต้องหา
00:19:20 → 00:19:23 กิจกรรมที่ต่างคนต่างชอบบ้างหรือทั้งคู่
00:19:23 → 00:19:26 ไม่ชอบเลยแล้วไปหากิจกรรมใหม่ๆทำร่วมกัน
00:19:26 → 00:19:30 นะคะต้องแยกกันบ้างต้องมีความเป็นส่วนตัว
00:19:30 → 00:19:33 บ้างอะไรบ้างนะคะอย่างนี้มันถึงจะอันนี้
00:19:33 → 00:19:35 คือข้อสนใจนะคะและข้อเตือนใจข้อสุดท้าย
00:19:35 → 00:19:39 ซึ่งสำคัญมากขอให้ดาวไว้ 5 ดาวเลยถ้าคิด
00:19:39 → 00:19:43 จะคบกันในออฟฟิศต้องวางตัวให้ดีค่ะนะคะ
00:19:43 → 00:19:47 การวางตัวให้ดีเนี่ยก็คืออย่าแสดงความรัก
00:19:47 → 00:19:51 หวานกันจนออกนอกหน้านะฮะแล้วก็ต้องให้
00:19:51 → 00:19:54 ความสำคัญกับงานมากกว่าเรื่องของความรัก
00:19:54 → 00:19:58 นะคะแล้วก็อย่าทำให้ผลงานตกต่ำจนเป็นที่
00:19:58 → 00:20:03 ครหาได้แล้วก็อย่าปิดประตูคุยกันเข้าใจ
00:20:03 → 00:20:05 ไหมคะยกตัวอย่างเช่น
00:20:05 → 00:20:08 เข้าไปอยู่ในห้องกันสองต่อสองอันนี้นะคะ
00:20:08 → 00:20:11 หรือว่าปิดประตูไม่ให้ใครเห็นเนี่ยคนเขา
00:20:11 → 00:20:14 จะนึกไปได้ต่างๆนานาเพราะฉะนั้นเห็นไหมคะ
00:20:14 → 00:20:17 ว่าการวางตัวที่ดีเนี่ยถ้าเรานะคะไม่แสดง
00:20:17 → 00:20:20 ความรักจึงออกนอกหน้าอย่างที่บอกนะคะแล้ว
00:20:20 → 00:20:23 ก็เห็นงานสำคัญกว่าเรื่องของความรักทำผล
00:20:23 → 00:20:26 งานให้ดีอยู่ตลอดเวลานะคะแล้วก็อย่าปิด
00:20:26 → 00:20:29 ประตูเป็นความลับแบบอยู่มิดชิดกันสองต่อ
00:20:29 → 00:20:32 สองเนี่ยมันก็จะทำให้การนินทาว่าร้ายในรถ
00:20:32 → 00:20:34 ลงหรือการจ้องมองเนี่ยลดลงเป็นที่ยอมรับ
00:20:34 → 00:20:38 มากขึ้นเพราะฉะนั้นการวางตัวนี้สำคัญแต่
00:20:38 → 00:20:41 อย่างไรก็ตามนะคะคิดให้ดีนะฮะถึงข้อเตือน
00:20:41 → 00:20:45 ใจทั้ง 5 ข้อนี่ก่อนที่จะคิดมีความรักใน
00:20:45 → 00:20:48 ออฟฟิศค่ะเอ้ยบางทีถ้ายิ่งถ้าเกิดเรารู้
00:20:48 → 00:20:51 พฤติกรรมสมมติว่าในระหว่างนั้นเนี่ยความ
00:20:51 → 00:20:53 รักของเราที่อยู่ในออฟฟิศเนี่ยมันมีฝ่าย
00:20:53 → 00:20:55 ใดฝ่ายหนึ่งที่มันอาจจะแบบ
00:20:55 → 00:20:58 เอาเขาอาจจะไม่ได้คิดอะไรก็ได้นะหยอกล้อ
00:20:58 → 00:21:01 กับคนอื่นค่ะหรือสนิทกับคนเพื่อนร่วมงาน
00:21:01 → 00:21:05 หรืออะไรเงี้ยมาเราก็จะเริ่มแบบอ่า
00:21:05 → 00:21:08 ยังไงเกิดตาขวางขึ้นมาล่ะไม่เป็นไรล่ะไม่
00:21:08 → 00:21:09 มีสมาธิทำงานค่ะ
00:21:09 → 00:21:13 ใช่เพราะฉะนั้นจริงๆความรักในออฟฟิศมีได้
00:21:13 → 00:21:16 มั้ยมีได้นะแต่อย่างที่อาจารย์บอกเลยว่า
00:21:16 → 00:21:19 คือการวางตัวว่าเราเราให้เราเราต้องให้
00:21:19 → 00:21:21 ความสำคัญในตรงนั้นเนี่ยมันควรจะเป็นอะไร
00:21:21 → 00:21:25 ความรักหรือว่าเป็นเรื่องของงานค่ะก็ค่อย
00:21:25 → 00:21:30 ไปกุ้งยิงๆๆ 2 คนก็ได้มีบางคู่นะคะ
00:21:30 → 00:21:35 ปิดเงียบมากเลยค่ะแล้วปรากฏว่าคบกัน 8 ปี
00:21:35 → 00:21:38 แจกการ์ดคนเซอร์ไพรส์กันหมดเลยเพราะไม่
00:21:38 → 00:21:40 เคยมีใครรู้เลยว่าคู่นี้
00:21:40 → 00:21:44 ชอบพอกันมา 8 ปีนะคะเขาทำได้เจ๋งมากเลยนะ
00:21:44 → 00:21:47 คะอันนี้ก็เป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์มากแต่
00:21:47 → 00:21:50 ว่าบางๆบางคนเขามันไม่ใช่อย่างนั้นน่ะมัน
00:21:50 → 00:21:52 ก็กลายเป็นว่าคอย
00:21:52 → 00:21:55 จองจับผิดข่อยมันก็จะปัญหาเยอะแยะตามมา
00:21:55 → 00:21:58 สิ่งที่เยอะแยะอย่างที่ฟังหลายๆครั้ง
00:21:58 → 00:22:00 เนี่ยหลายคนบอกว่าส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง
00:22:00 → 00:22:04 นะคะที่รู้สึกว่าอยู่ไม่ได้อ่ะมันทนไม่
00:22:04 → 00:22:06 ได้อ่ะตัวเองอ่ะทำไมถึงต้องถูกเก็บเป็น
00:22:06 → 00:22:10 ความลับอ่ะอยู่ในออฟฟิศส่วนนึงแล้วนะแล้ว
00:22:10 → 00:22:12 พอวันนึงปึ๊บในเมื่อเขาไม่ยอมเปิดเผยตัว
00:22:12 → 00:22:14 เองเนี่ยพอเราถอยปุ๊บกลับกลายเป็นว่าเขา
00:22:14 → 00:22:18 ไปมีคนมามีคนใหม่ซึ่งอยู่ในออฟฟิศ
00:22:18 → 00:22:22 โอ้โหมันจะซ้ำจะซ้อนไงก็เป็นคำถามว่าถ้า
00:22:22 → 00:22:25 งั้นเนี่ยลาออกดีกว่านะ
00:22:25 → 00:22:27 ก็เลยมันต้องลาออกขนาดนั้นไหมจำเป็นขนาด
00:22:27 → 00:22:30 นั้นไหมคือใจแต่ละคนอาจจะรับสถานการณ์ได้
00:22:30 → 00:22:33 ไม่เหมือนกันเนาะใช่เนาะมันขึ้นอยู่กับคน
00:22:33 → 00:22:37 บริสุทธิ์คนละบริบทแล้วก็การตัดสินใจของ
00:22:37 → 00:22:40 แต่ละคนบุคลิกภาพตั้งแต่ละคนก็มีส่วนด้วย
00:22:40 → 00:22:43 ค่ะมันประสบการณ์ด้วยไหมคะถ้าเกิดมาบ่อยๆ
00:22:43 → 00:22:46 อาจจะรู้สึกว่าเออก็ต่างคนต่างอยู่
00:22:46 → 00:22:57 ก็อยู่ได้ก็อยู่ได้ก็คือแบบไม่น่าจะมีปัญหาอะไรค่ะแต่ถ้าเกิดมันมีปัญหาขึ้นมาความลับที่เป็นความลับแต่บังเอิญมีคนมารู้อย่างนี้นะคะเราจะทำยังไงได้บ้าง
00:22:57 → 00:22:59 [เสียงหัวเราะ]
00:22:59 → 00:23:29 ยอมรับไป
00:23:29 → 00:23:30 หรือว่าแบบก็แล้วแต่กรณีนะคะคือคือถ้าคิดว่าการยอมรับไปมันไม่ได้ทำให้เกิดเสียหายอะไรก็รับไปใช่ไหมคะแต่ว่าถ้าคิดว่ามันเปิดเผยแล้วเนี่ยมันจะเสียกับตัวเรามากกว่าเราก็เฉยๆซะเพราะว่าถ้าเราไม่อะไรคะไม่ต้องไปโพนทนาให้ใครเขาฟังอีกฝ่ายหนึ่งพูดฝ่ายเดียวแล้วก็ไม่ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นแต่สำคัญคือใจเราต่างหากล่ะคะนะฮะเราขี้มักจะ
00:23:30 → 00:23:31 Control
00:23:31 → 00:23:48 ใจเราไม่ได้อ่ะนะฮะที่จะรู้สึกซัดสายไปกับมันน่ะใช่ไหมล่ะคะในกรณีของที่คุณสุรีย์พรว่าอยู่ไม่ได้แล้วต้องลาออกเพราะใจเราไม่ได้ไงคะทำใจไม่ได้อดทนหน่อยละกันเนาะถ้างั้นถามอาจารย์อย่างนี้มีคำถามสุดท้ายว่า
00:23:48 → 00:23:54 เอ่อมีความรักแล้วควรจะมีความรักไหมอ่ะจริงๆ
00:23:54 → 00:24:02 มีความรักเราควรจะมีความลับไหมถ้าเราคิดว่าความสัมพันธ์เนี่ยเราอยากจะไปมากกว่านั้นไม่ควรรับค่ะ
00:24:02 → 00:24:06 นะคะเพราะยังไงเนี่ยสักวันโลกต้องรู้ถูก
00:24:06 → 00:24:11 ไหมคะแล้วก็เป็นการดีซะอีกที่ทำให้โรค
00:24:11 → 00:24:13 เนี่ยรับรู้แล้วอย่างที่บอกว่าสังคม
00:24:13 → 00:24:17 โซเชียลเขาชอบมีนักสืบช่วยตรวจสอบอ่าช่วย
00:24:17 → 00:24:21 ตรวจสอบว่าคนคนนี้อะไรหรือเปล่าอะไรเคยมี
00:24:21 → 00:24:23 อะไรกับใครหรือเปล่าทำให้เราสบายใจได้มาก
00:24:23 → 00:24:26 ขึ้นนะคะเพราะฉะนั้นถ้าความรักที่เป็น
00:24:26 → 00:24:28 ความสมัครใจของทั้งสองฝ่ายเนี่ยไม่ควรจะ
00:24:28 → 00:24:32 ปิดหรอกค่ะนะคะถึงแม้ว่าในตอนต้นจะต้อง
00:24:32 → 00:24:35 ปิดอย่างที่บอกนะคะอาจจะด้วยเหตุผลอะไร
00:24:35 → 00:24:37 สารพัดที่เราพูดกันมาเนี่ย
00:24:37 → 00:24:40 แต่สักวันหนึ่งเราก็อยากอยู่ให้สังคมรู้
00:24:40 → 00:24:42 ใช่ไหมคะอย่างเปิดเผยถ้าเราจะมีความ
00:24:42 → 00:24:45 สัมพันธ์ที่จริงจังกับคนๆนี้แล้วค่ะแต่
00:24:45 → 00:24:48 เราอาจจะค่อยๆแง้มเช่นกรณีของการที่เป็น
00:24:48 → 00:24:51 พ่อแม่ไม่ชอบครอบครัวไม่ชอบหรือ lgbt
00:24:51 → 00:24:55 อย่างเงี้ยค่ะนะคะก็ต้องค่อยๆแง้มค่อยๆ
00:24:55 → 00:24:57 ให้เขารับรู้ทีละนิดทีละนิดทีละนิดไม่ใช่
00:24:57 → 00:25:00 บึ้มมาทีเดียวช่องเลยอะไรอย่างเงี้ย
00:25:00 → 00:25:04 นะคะก็ก็เป็นเรื่องดีค่ะก็ค่อยๆเป็นค่อยๆ
00:25:04 → 00:25:08 ไปแต่ว่ามันก็ไม่ควรจะรับจนแบบว่าไอ้ตกลง
00:25:08 → 00:25:11 ฉันไม่มีตัวตนในสังคมของเธออันนี้มันไม่
00:25:11 → 00:25:14 โอเคไม่โอเคไม่ยุติธรรมต่ออีกฝ่ายนึงที่
00:25:14 → 00:25:17 ถูกสั่งให้เป็นความลับมันควรจะให้เกียรติ
00:25:17 → 00:25:20 ซึ่งกันและกันถ้าเรารักกันแล้วมันต้องให้
00:25:20 → 00:25:24 เกียรติกันถูกต้องค่ะฮ่าๆๆ
00:25:24 → 00:25:27 ส่วนที่เหลืออยู่ที่คุณผู้ฟังและสำหรับคน
00:25:27 → 00:25:30 ที่กำลังมีความรู้นะคะ
00:25:30 → 00:25:33 ก็วันนี้ขอบคุณอาจารย์นิภาค่ะสวัสดีค่ะ
00:25:33 → 00:25:35 หมดเวลาแล้วค่ะคุณผู้ฟังพบกันใหม่ครั้ง
00:25:35 → 00:25:38 หน้ากับรายการโรงหมอทางไทยพีบีเอสพอตค้า
00:25:38 → 00:25:42 สาววันนี้ลาไปก่อนสวัสดีค่ะ This Is
00:25:42 → 00:25:45 ทำไมการรับหน้าที่หรืองานที่ไม่ถนัดทำให้
00:25:45 → 00:25:47 เกิดคำถามและความสงสัยที่นำไปสู่ความคิด
00:25:47 → 00:25:50 ที่ว่าสิ่งที่เรากำลังจะทำคงดีไม่พอ
00:25:50 → 00:25:53 ด็อกเตอร์สุรวุฒิวงศ์ทังสวัสดิ์นัก
00:25:53 → 00:25:55 จิตวิทยาการศึกษามาเล่าให้ฟังครับ
00:25:55 → 00:25:58 จริงๆต้องบอกว่าไอ้การสงสัยตัวเองเนี่ย
00:25:58 → 00:26:03 ครับกับการที่เรามีความรอบคอบถ่อมตัวเป็น
00:26:03 → 00:26:34 คนละเรื่องกันนะ
00:26:34 → 00:26:37 ลองหาอะไรที่มันแบบทำให้เราสามารถเติม
00:26:37 → 00:26:39 ความรู้เติมความสามารถเพื่อให้เราผ่าน
00:26:39 → 00:26:41 Project นั้นไปได้หรืออย่างน้อยเราอาจจะ
00:26:41 → 00:26:43 ทำทั้งที่กลัวนั่นแหละอาจจะทั้งที่กลัว
00:26:43 → 00:26:45 อาจจะทั้งที่ไม่มั่นใจแต่เราก็จะทำเพราะ
00:26:45 → 00:26:47 เรารู้สึกว่าสิ่งนี้มันเรียนรู้ได้แล้ว
00:26:47 → 00:26:49 มันอาจจะแบบมีความจำเป็นที่เราจะต้องสู้
00:26:49 → 00:26:51 แต่ทีนี้พอเป็นเรื่องของการสงสัยในตัวเอง
00:26:51 → 00:26:53 เนี่ยภาษาอังกฤษมันคือแบบ Self Drive ก็
00:26:54 → 00:26:56 คือแปลว่าเรากำลังสงสัยในคุณค่าของตัวเรา
00:26:56 → 00:26:59 โดย Concept มันจะไม่ใช่เป็นการแค่สงสัย
00:26:59 → 00:27:01 ว่าเรามีความสามารถไหมนะแต่มันจะเป็นความ
00:27:01 → 00:27:03 สงสัยและไม่ได้เชื่อมั่นในตัวเองในภาพรวม
00:27:03 → 00:27:05 หมายความว่าตัวเขาอ่ะเมื่อย้อนมองตัวเอง
00:27:05 → 00:27:07 ครับเขาจะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เป็นคน
00:27:07 → 00:27:10 เก่งไม่ได้เป็นคนดีไม่ได้เป็นคนพิเศษอะไร
00:27:10 → 00:27:12 เลยและเป็นไปได้ว่าคนอื่นก็ไม่ได้ให้ความ
00:27:12 → 00:27:15 สำคัญกับเขาเขาคงไม่ได้มีค่าพอในสายตาใคร
00:27:15 → 00:27:18 เลยพวกเนี้ยมันจะเป็นภาพรวมของการสงสัยใน
00:27:18 → 00:27:20 ตัวเองสงสัยในคุณค่าให้สงสัยในความดีงาม
00:27:20 → 00:27:23 สงสัยว่าตัวเรามันดีพอที่จะแบบใช้ชีวิต
00:27:23 → 00:27:25 หรือแม้กระทั่งดีพอจะทำงานต่างๆหรือเปล่า
00:27:25 → 00:27:28 อย่างเงี้ยครับแต่ว่าไอ้ความสงสัยเนี่ย
00:27:28 → 00:27:30 มันเป็นเหมือนขั้นที่แบบเริ่มๆเพราะบ่ง
00:27:30 → 00:27:32 ที่แบบจะทำให้เรารู้สึกไม่มั่นใจหรือว่า
00:27:32 → 00:27:35 steam ตกหรือว่ารู้สึกแบบเราดีไม่พอคือ
00:27:35 → 00:27:36 ถ้าเราดีไม่พอเนี่ยมันคือเหมือนแบบชัวร์
00:27:36 → 00:27:38 ไปเลยว่าเราไม่ดีมันคือคำพูดที่แบบชัดเจน
00:27:38 → 00:27:41 ว่าเราไม่ดีแต่ถ้าเกิดว่ามันมีคำว่าสงสัย
00:27:41 → 00:27:44 คือแบบเราสงสัยว่าเราคงไม่ดีเราคงไม่ดี
00:27:44 → 00:27:46 ละมั้งอย่างเงี้ยฮะมันจะมีความก้ำๆกึ่งๆ
00:27:46 → 00:27:55 ที่ยังไม่ถูกเกินจริงๆ
00:27:55 → 00:27:58 ติดตามรายการทางเว็บไซต์และ Application
00:27:58 → 00:28:00 ของไทยพีแบสถ์
00:28:00 → 00:28:03 spotify soundcloud Google podcast
00:28:03 → 00:28:05 Apple podcast และ YouTube Channel
00:28:05 → 00:28:12 Thai PBS portcast Thai PBS
00:28:12 → 00:28:18 [เพลง]