00:00:00 → 00:00:03 ขอต้อนรับสู่หมอพัทรพcast Talk ความรู้
00:00:03 → 00:00:06 สุขภาพลึกและฟรีมีที่นี่
00:00:06 → 00:00:09 >> เคยรู้สึกไหมครับว่าเรื่องโรคหัวใจนี่มัน
00:00:09 → 00:00:12 ทั้งซับซ้อนทั้งหน้าสับสนเหลือเกินแต่ถ้า
00:00:12 → 00:00:15 เกิดว่ามันมีวิธีง่ายๆที่จะทำให้เราเห็น
00:00:15 → 00:00:18 ภาพรวมทั้งหมดได้ล่ะครับวันนี้แหละครับ
00:00:18 → 00:00:21 เราจะมาไขปริศนานี้กันด้วยวิธีที่น่าจะ
00:00:21 → 00:00:24 ชัดเจนที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลยคือมันไม่
00:00:24 → 00:00:27 แปลกเลยนะครับที่จะรู้สึกงงๆสับสนกันไป
00:00:27 → 00:00:29 หมดเดี๋ยวข้อมูลเรื่องคอเลสเตอรอลก็ออกมา
00:00:29 → 00:00:32 แบบนึงเรื่องอาหารการกินก็ขัดกันไปมาแล้ว
00:00:33 → 00:00:36 ตกลงปัจจัยเสี่ยงจริงๆมันคืออะไรกันแน่
00:00:36 → 00:00:39 โอเคตัวปัญหาหลักที่เราจะมาเจาะลึกกันใน
00:00:39 → 00:00:42 วันนี้ก็คือภาวะหลอดเลือดแดงแขมครับพูด
00:00:42 → 00:00:45 ง่ายๆก็คือการที่ไขมันเนี่ยมันเข้าไปเกาะ
00:00:45 → 00:00:48 สะสมในผนังหลอดเลือดของเราจนกลายเป็นพล
00:00:48 → 00:00:51 ซึ่งเจ้าพลนี่แหละที่วันดีคืนดีอาจจะแตก
00:00:51 → 00:00:54 ออกมาแล้วอุดตันเส้นเลือดได้และนี่คือแผน
00:00:54 → 00:00:57 การทั้งหมดของเราในวันนี้ครับเราจะเริ่ม
00:00:57 → 00:01:00 จากทำความเข้าใจตัวปริศนาก่อนจากนั้นก็จะ
00:01:00 → 00:01:02 ใช้โมเดลมาอธิบายปัจจัยเสี่ยงวิธีการ
00:01:02 → 00:01:04 รักษาแล้วก็ไปสู่การประเมินความเสี่ยงของ
00:01:04 → 00:01:07 ตัวเองเพื่อวางกลยุทธ์ป้องกันที่ดีที่สุด
00:01:07 → 00:01:11 ครับเอาล่ะครับมาเริ่มไขปริศนาฉินแรกกัน
00:01:11 → 00:01:14 เลยลองมองว่านี่เป็นปัญหาใหญ่ที่ซับซ้อน
00:01:14 → 00:01:18 มากๆซึ่งเรากำลังต้องการคำตอบที่มันง่ายๆ
00:01:18 → 00:01:21 และเห็นภาพชัดเจนลองจินตนาการตามดูนะครับ
00:01:21 → 00:01:25 ว่าถ้าเราสามารถเอาแนวคิดที่มันดูยุ่ง
00:01:25 → 00:01:27 เหยิงทั้งหมดเกี่ยวกับโรคหัวใจเนี่ยมารวม
00:01:27 → 00:01:30 ให้อยู่ในภาพเดียวกันได้มันจะช่วยให้เรา
00:01:30 → 00:01:33 เข้าใจทุกอย่างได้ดีขึ้นขนาดไหนและนี่
00:01:33 → 00:01:36 แหละครับคือคำตอบที่เราจะใช้กันในวันนี้
00:01:36 → 00:01:39 แนวคิดหลักของเราก็คือโมเดลกระสุนและกรอบ
00:01:39 → 00:01:43 ป้องกันซึ่งผมว่ามันเป็นกุญแจดอกสำคัญเลย
00:01:43 → 00:01:45 นะที่จะช่วยให้เราเข้าใจเรื่องความเสี่ยง
00:01:45 → 00:01:48 ทั้งหมดได้ง่ายขึ้นเยอะโมเดลนี้มีองค์
00:01:48 → 00:01:51 ประกอบหลักๆแค่ 2 ส่วนเท่านั้นครับคือ
00:01:51 → 00:01:54 กระสุนกับเกราะป้องกันเดี๋ยวเรามาดูกันที
00:01:54 → 00:01:57 ละส่วนเลยนะครับว่าแต่ละอย่างมันคืออะไร
00:01:57 → 00:02:01 กระสุนในโมเดลนี้ก็คือไโปโปโปรตีน APOB
00:02:01 → 00:02:04 ครับให้คิดภาพง่ายๆเลยว่ามันคือยานพาหนะ
00:02:04 → 00:02:08 หรือเป็นตัวขนส่งไขมันอันตรายเข้าไปทำ
00:02:08 → 00:02:10 ร้ายผนังหลอดเลือดของเราเพราะฉะนั้นยิ่ง
00:02:10 → 00:02:14 มี APOB มากเท่าไหร่ก็เหมือนเรามีกระสุน
00:02:14 → 00:02:16 พุ่งเขื่อ้อใส่ผนังหลอดเลือดมากขึ้นเท่า
00:02:16 → 00:02:19 นั้นเองครับส่วนเกราะป้องกันก็คือผนัง
00:02:19 → 00:02:22 หลอดเลือดแดงของเรานี่แหละครับแต่มันไม่
00:02:22 → 00:02:25 ใช่แค่กำแพงทื่อๆนะครับความแข็งแกร่งของ
00:02:25 → 00:02:27 มันเนี่ยขึ้นอยู่กับหลายอย่างเลยตั้งแต่
00:02:27 → 00:02:30 ว่ามันป้องกันไม่ให้กระสุนเจาะทะลุได้ดี
00:02:30 → 00:02:33 แค่ไหนไปจนถึงความสามารถในการกำจัดกระสุน
00:02:33 → 00:02:37 ที่มันหลงเข้ามาข้างในได้ดีแค่ไหนด้วยและ
00:02:37 → 00:02:40 นี่คือจุดที่สำคัญมากหลายคนอาจจะสับสน
00:02:40 → 00:02:44 ระหว่างคอเลสเตอรอลกับอาโปีถ้าใช้โมเดล
00:02:44 → 00:02:47 นี้จะเข้าใจง่ายขึ้นเยอะเลยครับถ้า B คือ
00:02:47 → 00:02:49 จำนวนกระสุนซึ่งเป็นตัวชี้วัดความเสี่ยง
00:02:49 → 00:02:52 โดยตรงคอเลสเตอรอลก็เปรียบเหมือนปริมาณ
00:02:52 → 00:02:55 ดินปืนในกระสุนแต่ละนัดนั่นแหละครับคือ
00:02:55 → 00:02:57 มันก็เกี่ยวข้องกันแต่การนับจำนวนกระสุน
00:02:57 → 00:03:00 ทั้งหมดย่อมบอกความเสี่ยงได้แม่นยำกว่า
00:03:00 → 00:03:03 เสมอจริงมั้ครับเอาล่ะพอเรามีโมเดลนี้
00:03:03 → 00:03:06 อยู่ในหัวแล้วทีนี้เรามาลองใช้มันทำความ
00:03:06 → 00:03:09 เข้าใจกันดีกว่าว่าปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่
00:03:09 → 00:03:11 เราได้ยินกันบ่อยๆเนี่ยมันส่งผลกระทบต่อ
00:03:11 → 00:03:14 โมเดลกระสุนกับเกราะป้องกันของเรายังไงจะ
00:03:14 → 00:03:16 เห็นเลยนะครับว่าปัจจัยเสี่ยงแต่ละอย่าง
00:03:16 → 00:03:19 เนี่ยมันทำงานต่างกันไปอย่างความดันโลหิต
00:03:19 → 00:03:22 สูงกับการสูบบุหรี่มันไม่ได้ไปเพิ่มจำนวน
00:03:22 → 00:03:24 กระสุนนะแต่ไปโจมตีที่เกราะป้องกันของเรา
00:03:24 → 00:03:28 ตรงๆเลยทำให้มันอ่อนแอลงส่วนเบาหวานนี่
00:03:28 → 00:03:30 คือตัวร้ายเลยครับเพราะมันเล่นเรา 2 ทาง
00:03:30 → 00:03:33 คือทั้งเพิ่มจำนวนกระสุนแล้วก็ยังทำให้
00:03:33 → 00:03:36 เกราะป้องกันของเราอ่อนแอลงไปด้วยในขณะ
00:03:36 → 00:03:38 ที่เรื่องของพันธุกรรมก็มีผลได้ทั้ง 2
00:03:38 → 00:03:41 ด้านเลยโมเดลนี้ยังช่วยตอบคำถามที่หลายคน
00:03:41 → 00:03:44 คาใจได้ด้วยนะอย่างเช่นทำไมบางคน
00:03:44 → 00:03:47 คอเลสเตอรอลสูงปรี๊ดเลยแต่กลับอายุยืนไม่
00:03:47 → 00:03:50 เห็นเป็นอะไรคำตอบก็อาจจะเป็นเพราะว่าคน
00:03:50 → 00:03:52 กลุ่มนั้นอาจจะถูกล็อตเตอรี่ทางพันธุกรรม
00:03:52 → 00:03:55 มาคือมีกรอกป้องกันที่แข็งแกร่งมากๆมา
00:03:55 → 00:03:58 ตั้งแต่เกิดทำให้ทนทานต่อกระสุนจำนวนมาก
00:03:58 → 00:04:02 ได้นั่นเองครับพอเราเข้าใจปัญหาแล้วทีนี้
00:04:02 → 00:04:05 ก็มาถึงส่วนของการลงมือทำกันบ้างมาดูกัน
00:04:05 → 00:04:08 ครับว่าวิธีการรักษาต่างๆรวมถึงการปรับ
00:04:08 → 00:04:10 เปลี่ยนไลฟ์สไตล์เนี่ยมันเข้ามามีบทบาทใน
00:04:10 → 00:04:12 โมเดลกระสุนและเกราะป้องกันของเราได้ยัง
00:04:12 → 00:04:16 ไงเป้าหมายของการป้องกันและรักษาน่ะจริงๆ
00:04:16 → 00:04:19 แล้วมันง่ายมากเลยครับมีแค่ 2 ทางเท่า
00:04:19 → 00:04:23 นั้น 1 คือลดจำนวนกระสุนให้น้อยลงหรือ 2
00:04:23 → 00:04:26 เสริมความแข็งแกร่งให้กรอบป้องกันของเรา
00:04:26 → 00:04:29 และแน่นอนว่าวิธีที่ดีที่สุดก็คือการทำ
00:04:29 → 00:04:32 ทั้ง 2 อย่างไปพร้อมๆกันเลยและนี่คือจุด
00:04:32 → 00:04:35 ที่ผมว่ามันน่าทึ่งมากเลยนะคือจะเห็นว่า
00:04:35 → 00:04:38 ทุกวิธีที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผลเนี่ยล้วน
00:04:38 → 00:04:41 ทำงานผ่านกลไกนี้ทั้งนั้นเลยไม่ว่าจะเป็น
00:04:41 → 00:04:44 ยาสตาตินที่ช่วยทั้งลุดกระสุนแล้วก็เสริม
00:04:44 → 00:04:47 กรอบไปในตัวหรือจะเป็นการออกกำลังกายการ
00:04:48 → 00:04:51 คุมอาหารการลดน้ำหนักทั้งหมดเนี้ยล้วนส่ง
00:04:51 → 00:04:55 ผลดีต่อทั้ง 2 ปัจจัยนี้ทั้งสิ้นเลยค่ะ
00:04:55 → 00:04:57 เอาล่ะนะครับทีนี้มาทำให้เรื่องนี้มัน
00:04:57 → 00:05:00 ใกล้ตัวเรามากขึ้นอีกนิดแล้วเราจะประเมิน
00:05:00 → 00:05:03 ได้ยังไงล่ะว่าเกราะป้องกันของคนนึงเนี่ย
00:05:03 → 00:05:06 มันแข็งแกร่งมากน้อยแค่ไหนถึงแม้จะยังไม่
00:05:06 → 00:05:09 มีวิธีไหนที่วัดความแข็งแกร่งของเกราะได้
00:05:09 → 00:05:12 โดยตรงเป๊ะๆนะครับแต่เราก็พอจะคาดคะเนได้
00:05:12 → 00:05:15 จากหลายๆอย่างแรกเลยคือประวัติคนใน
00:05:15 → 00:05:18 ครอบครัวอันนี้เป็นสัญญาณเริ่มต้นที่ดี
00:05:18 → 00:05:21 มากหรือการตรวจค่าแคลเซียมสกoreก็ช่วยให้
00:05:21 → 00:05:23 เห็นพลที่มีอยู่แล้วได้แม้ว่ามันจะเป็น
00:05:23 → 00:05:26 ตัวชี้วัดในระยะไทยๆก็ตามรวมถึงการ
00:05:26 → 00:05:29 พิจารณาปัจจัยเสี่ยงอื่นๆประกอบกันด้วย
00:05:29 → 00:05:32 ครับหัวใจของการจัดการความเสี่ยงทั้งหมด
00:05:32 → 00:05:34 มันอยู่ตรงนี้เลยครับคือการสร้างสมดุล
00:05:34 → 00:05:37 ระหว่าง 2 ปัจจัยนี้ให้ได้ถ้ารู้ตัวว่า
00:05:37 → 00:05:40 เรามีเกราะป้องกันที่อาจจะอ่อนแอกว่าคน
00:05:40 → 00:05:42 อื่นสิ่งที่ต้องทำก็คือต้องควบคุมจำนวน
00:05:43 → 00:05:45 กระสุนให้อยู่ในระดับที่ต่ำเป็นพิเศษ
00:05:45 → 00:05:48 เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเองและแล้วเรา
00:05:48 → 00:05:50 ก็มาถึงส่วนสุดท้ายกันแล้วครับนี่คือบท
00:05:50 → 00:05:53 สรุปของกลยุทธ์ทั้งหมดที่สามารถนำไปปรับ
00:05:53 → 00:05:56 ใช้ได้จริงเราต้องยอมรับความจริงอย่างนึง
00:05:56 → 00:05:59 ก่อนนะครับว่ามันมีบางอย่างที่เราเปลี่ยน
00:05:59 → 00:06:02 แปลงไม่ได้เลยนั่นก็คือพันธุกรรมซึ่ง
00:06:02 → 00:06:04 เปรียบเสมือนไพ่ในมือที่แต่ละคนได้รับมา
00:06:04 → 00:06:08 ไม่เหมือนกันแต่ข่าวดีก็คือมันก็มีอีก
00:06:08 → 00:06:11 หลายอย่างมากๆที่เราสามารถควบคุมและ
00:06:11 → 00:06:15 เปลี่ยนแปลงมันได้ประโยคนี้ผมว่ามันสรุป
00:06:15 → 00:06:18 ทุกอย่างได้ยอดเยี่ยมที่สุดแล้วครับเรา
00:06:18 → 00:06:20 ไม่สามารถสร้างเกราะป้องกันให้แข็งแกร่ง
00:06:20 → 00:06:23 เกินกว่าที่พันธุกรรมกำหนดมาให้ได้แต่เรา
00:06:23 → 00:06:27 ยังมีวิธีการอีกมากมายที่จะลดจำนวนกระสุน
00:06:27 → 00:06:31 ลงให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้นี่แหละครับ
00:06:31 → 00:06:34 คือหัวใจของกลยุทธ์ทั้งหมดสุดท้ายแล้วนะ
00:06:34 → 00:06:38 ครับชะตาของคนเราก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะ
00:06:38 → 00:06:41 เลือกเล่นไพ่ในมือที่เรามีอยู่อย่างไร
00:06:41 → 00:06:43 เมื่อมีข้อมูลทั้งหมดนี้แล้วแต่ละคนจะนำ
00:06:43 → 00:06:46 ไปวางแผนและป้องกันตัวเองอย่างไรต่อนี่
00:06:46 → 00:06:49 คือคำถามสำคัญที่อยากจะทิ้งท้ายไว้ให้ไป
00:06:49 → 00:06:53 ขบคิดกันต่อนะครับ
00:06:53 → 00:06:55 >> สวัสดีครับวันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง
00:06:55 → 00:06:58 สุขภาพที่สำคัญมากๆเลยนะครับคือเรื่อง
00:06:58 → 00:07:01 ความเสี่ยงโรคหัวใจโดยเฉพาะโรคหลอดเลือด
00:07:01 → 00:07:04 แดงแข็งหรือclอosisครับซึ่งเป็นสาเหตุ
00:07:04 → 00:07:07 หลักๆของหัวใจวายแล้วก็โรคหลอดเลือดสมอง
00:07:07 → 00:07:10 เลยอ่าข้อมูลที่เราจะใช้คุยกันวันนี้อ้าง
00:07:10 → 00:07:13 อิงมาจากแนวคิดเปรียบเทียบที่เอ่อน่าสนใจ
00:07:13 → 00:07:16 มากครับในบทความที่ชื่อประมาณว่าแนวคิด
00:07:16 → 00:07:19 กระสุนและกรอบป้องกันโรคหัวใจคือมันใช้
00:07:19 → 00:07:22 ภาพเปรียบเทียบที่ช่วยให้เราเห็นภาพรวม
00:07:22 → 00:07:24 ปัจจัยเสี่ยงการป้องกันได้ชัดเจนขึ้นเยอะ
00:07:24 → 00:07:27 เลยเป้าหมายของเราวันนี้ก็คือมาลองแกะ
00:07:27 → 00:07:29 กล่องดูแนวคิดนี้กันหน่อยครับว่าความ
00:07:29 → 00:07:31 เสี่ยงโรคหลอดเลือดแดงแข็งเนี่ยมันเกิด
00:07:31 → 00:07:34 ขึ้นมาได้ยังไงแล้วปัจจัยต่างๆหรือวิธี
00:07:34 → 00:07:36 รักษาป้องกันที่เราได้ยินกันบ่อยๆเนี่ย
00:07:36 → 00:07:38 มันมาเกี่ยวกับโมเดลนี้ตรงไหนลองนึกภาพ
00:07:38 → 00:07:41 ตามง่ายๆก่อนนะครับเหมือนเรากำลังเผชิญ
00:07:41 → 00:07:43 หน้ากับกระสุนซึ่งก็คือปัจจัยเสี่ยงต่างๆ
00:07:44 → 00:07:46 เนาะแต่เราเองก็มีเกราะป้องกันอยู่นั่นก็
00:07:46 → 00:07:48 คือผนังหลอดเลือดของเราเองนี่แหละครับ
00:07:48 → 00:07:51 ความเสี่ยงจะมากหรือน้อยแค่ไหนเนี่ยมันก็
00:07:51 → 00:07:53 ขึ้นกับความสมดุลของ 2 อย่างนี้โอเคครับ
00:07:54 → 00:07:56 งั้นเรามาลองคลี่คลายเรื่องนี้กันดู
00:07:56 → 00:07:59 >> ค่ะเริ่มกันที่ตัวปัญหาหลักก่อนเลยนะคะ
00:07:59 → 00:08:02 โรคหลอดเลือดแดงแข็งหรือแซโรสลโรos
00:08:02 → 00:08:06 อ่ามันคือภาวะที่มีการสะสมของคราบไขมัน
00:08:06 → 00:08:08 หรือที่เราเรียกว่าแพ็คน่ะค่ะเกิดขึ้น
00:08:08 → 00:08:11 ข้างในผนังหลอดเลือดแดงคราบพวกนี้พอมัน
00:08:11 → 00:08:15 สะสมนานๆเข้ามันก็จะหนาตัวขึ้นเรื่อยๆ
00:08:15 → 00:08:18 แล้วจุดที่อันตรายมากๆก็คือถ้ามันเกิดแตก
00:08:18 → 00:08:21 ออกมันจะทำให้เกิดลิ่มเลือดขึ้นมาแล้ว
00:08:21 → 00:08:23 ลิ่มเลือดนี่แหละค่ะที่จะไปอุดตันการไหล
00:08:23 → 00:08:26 เวียนของเลือดทำให้เกิดภาวะหัวใจวายหรือ
00:08:27 → 00:08:29 ถ้าไปเกิดที่สมองก็เป็นโรคหลอดเลือดสมอง
00:08:29 → 00:08:30 ได้ค่ะ
00:08:30 → 00:08:33 >> ครับพอเห็นภาพแล้วครับแล้วสาเหตุจริงๆที่
00:08:33 → 00:08:36 ทำให้เกิดคราบพวกนี้สะสมนี่มันคืออะไรนะ
00:08:36 → 00:08:36 ครับ
00:08:36 → 00:08:39 >> คือถ้าจะว่ากันถึงต้นตอจริงๆมันเกิดจาก
00:08:39 → 00:08:42 การที่ไขมันบางชนิดค่ะโดยเฉพาะกลุ่มที่
00:08:42 → 00:08:45 เรียกว่าสเตอsอย่างเช่นคอเลสเตอรอลที่เรา
00:08:45 → 00:08:48 คุ้นเคยกันดีนี่แหละค่ะมันซึมออกจากกระแส
00:08:48 → 00:08:51 เลือดเราเข้าไปในผนังหลอดเลือดแดงชั้นใน
00:08:51 → 00:08:54 สุดพอไขมันพวกนี้มันเข้าไปได้แล้วนะคะมัน
00:08:54 → 00:08:57 ก็มีโอกาสที่จะแบบว่าติดค้างอยู่ตรงนั้น
00:08:57 → 00:09:00 กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตัวเป็นคราบ
00:09:00 → 00:09:01 พลักต่อไปค่ะ
00:09:01 → 00:09:04 >> อ๋อครับเข้าใจแล้วครับทีนี้พอจะอธิบาย
00:09:04 → 00:09:07 กลไกที่มันซับซ้อนขึ้นเนี่ยไอ้การเปรียบ
00:09:07 → 00:09:10 เทียบเป็นกระสุนกับเกราะที่ว่ามันเข้ามา
00:09:10 → 00:09:12 ช่วยให้เข้าใจง่ายขึ้นยังไงบ้างครับ
00:09:12 → 00:09:16 >> ค่ะนั้นเรามาดูที่กระสุนกันก่อนนะคะในภาพ
00:09:16 → 00:09:19 เปรียบเทียบนี้เนี่ยกระสุนก็คืออนุภาคไข
00:09:19 → 00:09:21 มันชนิดหนึ่งที่เรียกว่าไโปรโปรตีน
00:09:21 → 00:09:25 ิปโปรteนแต่ไม่ใช่ทุกตัวนะคะเฉพาะชนิดที่
00:09:25 → 00:09:28 มีโปรตีนแอโปลิปโพโปรตีน B หรือที่เรา
00:09:28 → 00:09:30 เรียกสั้นๆว่าแอโปบีแปะอยู่เป็นเหมือน
00:09:30 → 00:09:33 ป้ายชื่อน่ะค่ะเจ้าไโปโปรตีนที่มี
00:09:33 → 00:09:35 แอร์โพบีติดอยู่นี่แหละค่ะมันทำหน้าที่
00:09:35 → 00:09:39 เหมือนเอ่อรสบรรทุกที่คอยขนส่งสเตรอลหรือ
00:09:39 → 00:09:42 ก็คือคอเลสเตอรอลเนี่ยเท่าผนังหลอดเลือด
00:09:42 → 00:09:45 ต้องย้ำนิดนึงนะคะว่าไม่ใช่ไโปรโปรตีนทุก
00:09:45 → 00:09:48 ชนิดที่เป็นตัวร้ายอย่าง HDL ที่ไหลหลาย
00:09:48 → 00:09:50 คนเรียกว่าไขมันดีอันนั้นไม่ก่อให้เกิด
00:09:50 → 00:09:53 พลักค่ะมีเฉพาะพวกที่มีแอร์โปบีนี่แหละ
00:09:53 → 00:09:56 ค่ะที่เปรียบเสมือนกระสุนในโมเดลนี้
00:09:56 → 00:09:57 >> ครับ
00:09:57 → 00:10:00 >> ทีนี้ประเด็นที่น่าสนใจมากๆเลยนะคะแล้วก็
00:10:00 → 00:10:02 อาจจะเปลี่ยนความคิดเดิมๆของหลายๆคนได้
00:10:02 → 00:10:06 เลยก็คือข้อมูลในปัจจุบันชี้ว่าจำนวนของ
00:10:06 → 00:10:09 A4B หรือก็คือจำนวนกระสุนที่มันวิ่งๆ
00:10:09 → 00:10:11 อยู่ในเลือดเราเนี่ยค่ะมันเป็นตัวบ่งชี้
00:10:11 → 00:10:14 ความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดแดงแข็งได้ดี
00:10:14 → 00:10:17 กว่าปริมาณคอเลสเตอรอลรวมหรือแม้แต่ LDL
00:10:17 → 00:10:18 คอเลส
00:10:18 → 00:10:20 ที่เราชอบเรียกว่าไขมันเลวซะอีกน่ะค่ะ
00:10:20 → 00:10:24 >> อ้าวเหรอครับปกติเราจะดูแต่ค่า LDL กันซะ
00:10:24 → 00:10:25 ส่วนใหญ่
00:10:25 → 00:10:28 >> ใช่ค่ะคือการดูจำนวน A4 B เนี่ยมันบอก
00:10:28 → 00:10:31 เราถึงจำนวนรถบรรทุกหรือจำนวนกระสุนที่
00:10:31 → 00:10:34 พร้อมจะพุ่งเข้าชนผนังหลอดเลื่อนแล้วก็ขน
00:10:34 → 00:10:37 ไขมันเข้าไปสะสมได้โดยตรงมากกว่ามัน
00:10:37 → 00:10:39 เหมือนกับว่าจำนวนกระสุนที่ยิงเข้ามา
00:10:39 → 00:10:42 เนี่ยมันสำคัญกว่าปริมาณดินปืนรวมใน
00:10:42 → 00:10:43 กระสุนทั้งหมดน่ะค่ะ
00:10:43 → 00:10:47 >> โหอันนี้น่าสนใจมากๆเลยครับแสดงว่าการที่
00:10:47 → 00:10:50 เราโฟกัสแค่ระดับคอเลสเตอรอลอย่างเดียว
00:10:50 → 00:10:52 อาจจะยังเห็นภาพไม่ครบถ้วนเท่าไหร่แล้ว
00:10:52 → 00:10:55 ตัวเกราะป้องกันล่ะครับมันคืออะไรในโมเดล
00:10:55 → 00:10:55 นี้
00:10:55 → 00:10:58 >> ค่ะส่วนเกราะป้องกันนะคะในที่นี้ก็คือ
00:10:58 → 00:11:01 สภาพความสมบูรณ์แข็งแรงของผนังหลอดเลือด
00:11:01 → 00:11:04 แดงชั้นในสุดของเราเลยค่ะที่เรียกว่า
00:11:04 → 00:11:07 อtim่าความแข็งแรงของเกราะหรือผนังหลอด
00:11:07 → 00:11:10 เลือดชั้นในเนี่ยมันก็ขึ้นอยู่กับหลายๆ
00:11:10 → 00:11:13 ปัจจัยรวมกันอย่างเช่นว่ามันยอมให้
00:11:13 → 00:11:16 ไโปโปโปรตีนหรือกระสุนเนี่ยแทรกซึมผ่าน
00:11:16 → 00:11:18 เข้าไปได้ง่ายแค่ไหนอันนี้เราเรียกว่า
00:11:18 → 00:11:21 permeability หรือความสามารถในการซึม
00:11:21 → 00:11:24 ผ่านแล้วพอกระสุนมันหลุดเข้าไปได้แล้ว
00:11:24 → 00:11:27 ผนังหลอดเลือดเนี่ยมันทำให้ไโปโปโรปรตีน
00:11:27 → 00:11:29 ติดค้างอยู่ตรงนั้นได้นานแค่ไหนอันนี้คือ
00:11:29 → 00:11:32 retention หรือการกักเก็บค่ะและสุดท้าย
00:11:32 → 00:11:34 นะคะผนังหลอดเลือดเองเนี่ยมันมีความ
00:11:34 → 00:11:37 สามารถในการกำจัดไลโปโปรตีนที่มันพลัดหลง
00:11:37 → 00:11:40 เข้าไปแล้วเนี่ยให้ออกไปจากผนังได้ดีแค่
00:11:40 → 00:11:42 ไหนอันนี้เรียกว่า clearance หรือการ
00:11:42 → 00:11:43 กำจัดออกไป
00:11:43 → 00:11:45 >> อ๋อครับ
00:11:45 → 00:11:47 >> สรุปง่ายๆก็คือเกราะที่ดีเนี่ยต้องกัน
00:11:47 → 00:11:51 กระสุนได้ดีคือซึมผ่านยากแล้วก็ไม่เหนียว
00:11:51 → 00:11:54 จนกระสุนฝังตัวง่ายเกินไปแล้วก็ต้องมี
00:11:54 → 00:11:56 ความสามารถในการเคลียร์กระสุนที่หลุดรอด
00:11:56 → 00:11:58 เข้ามาได้เก่งด้วยค่ะ
00:11:58 → 00:12:00 >> เข้าใจแล้วครับแสดงว่าความเสี่ยงของแต่ละ
00:12:00 → 00:12:03 คนเนี่ยมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่ว่ามี
00:12:03 → 00:12:06 กระสุนมากน้อยแค่ไหนเท่านั้นแต่ว่ามัน
00:12:06 → 00:12:09 ขึ้นอยู่กับปฏิสัมพันธ์หรือการปะทะกัน
00:12:09 → 00:12:12 ระหว่างจำนวนกระสุนหรือ Apple B เนี่ย
00:12:12 → 00:12:15 กับความแข็งแรงของเกราะหรือผนังหลอดเลือด
00:12:15 → 00:12:18 ของเราเองถ้าหลองนึกตามสถานการณ์จริงๆก็
00:12:18 → 00:12:20 อาจจะหมายความว่าถ้าสมมุติว่าเกราะเรา
00:12:20 → 00:12:23 แข็งแรงมากๆเลยต่อให้มีกระสุน Apple B
00:12:24 → 00:12:26 วิ่งเข้ามาเยอะหน่อยก็อาจจะยังรับมือไหว
00:12:26 → 00:12:27 ไม่เป็นอะไรง่ายๆ
00:12:27 → 00:12:28 >> ใช่ค่ะ
00:12:28 → 00:12:31 >> หรือกลับกันถ้าเกราะเราอาจจะไม่ค่อยแข็ง
00:12:31 → 00:12:34 แรงเท่าไหร่แต่โชคดีมากๆที่มีกระสุนน้อย
00:12:34 → 00:12:37 คือมี Apple B ต่ำอันนี้ก็อาจจะยังปลอด
00:12:37 → 00:12:38 ภัยอยู่
00:12:38 → 00:12:39 >> ประมาณนั้นเลยค่ะ
00:12:39 → 00:12:42 >> แต่ที่น่ากังวลที่สุดก็น่าจะเป็นกรณีที่
00:12:42 → 00:12:45 กรอกก็ดันอ่อนแอแล้วก็มีกระสุนเยอะมดมาก
00:12:45 → 00:12:48 ด้วยแบบนี้โอกาสเกิดโรคก็คงจะสูงขึ้นมาก
00:12:48 → 00:12:49 เลยใช่มั้ยครับ
00:12:49 → 00:12:50 >> ถูกต้องเลยค่ะ
00:12:50 → 00:12:53 >> แล้วทีนี้แนวคิดแบบนี้มันพอจะช่วยอธิบาย
00:12:53 → 00:12:55 เรื่องที่เราอาจจะเคยสงสัยกันบ่อยๆได้มั้
00:12:55 → 00:12:59 ครับอย่างเช่นคำถามคลาสสิคเลยทำไมบางคนไป
00:12:59 → 00:13:02 ตรวจเลือดเจาะเลือดมาคอเลสเตอรอลสูงมากๆ
00:13:02 → 00:13:05 เลยแต่กลับอายุยืนสุขภาพแข็งแรงดีไม่เห็น
00:13:05 → 00:13:07 เป็นโรคหัวใจอะไรเลยครับ
00:13:07 → 00:13:10 >> รับพรมาให้มีกรอกป้องกันที่แข็งแรงเป็น
00:13:10 → 00:13:13 พิเศษมาตั้งแต่เกิดเลยทำให้ผนังหลอดเลือด
00:13:13 → 00:13:16 ของเขาเนี่ยสามารถทนทานต่อกระสุนหรือ A4
00:13:16 → 00:13:18 B จำนวนมากๆได้ดีกว่าคนทั่วๆไปนะคะ
00:13:18 → 00:13:21 >> อ๋อเป็นเพราะเกราะเขาดีมากๆนั่นเอง
00:13:21 → 00:13:24 >> ใช่ค่ะมันก็ตอกย้ำนะคะว่าความเสี่ยงเนี่ย
00:13:24 → 00:13:27 มันเป็นเรื่องของความน่าจะเป็นแล้วก็
00:13:27 → 00:13:29 ปฏิสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยหลายๆอย่างไม่
00:13:29 → 00:13:32 ใช่สมการง่ายๆว่ามีปัจจัยเสี่ยงตัวนี้
00:13:32 → 00:13:34 แล้วจะต้องเป็นโรคเสมอไปมันเหมือนกับที่
00:13:34 → 00:13:36 คนสูบบุหรี่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นมะเร็ง
00:13:36 → 00:13:39 ปอดแต่มันคือความเสี่ยงหรือความน่าจะเป็น
00:13:39 → 00:13:41 ที่สูงขึ้นมากๆค่ะ
00:13:41 → 00:13:43 >> ครับชัดเจนเลยครับถ้าอย่างงั้นมองในมุม
00:13:43 → 00:13:46 กลับกันเหรอครับทำไมบางคนดูผลเลือดแล้ว
00:13:46 → 00:13:49 คอเลสเตอรอลก็ปกติดีไม่ได้สูงอะไรมากมาย
00:13:50 → 00:13:52 เลยแต่สุดท้ายก็ยังเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ
00:13:52 → 00:13:54 ได้อยู่ดีอันนี้เป็นเพราะอะไรครับ
00:13:54 → 00:13:57 >> ค่ะกรณีนี้โมเดลกระสุนและเกราะก็ให้คำตอบ
00:13:57 → 00:14:00 ได้เหมือนกันค่ะอาจจะเป็นไปได้ว่าคนกลุ่ม
00:14:00 → 00:14:04 นี้ถึงแม้จะมีกระสุนหรือ AB ในระดับที่
00:14:04 → 00:14:06 ไม่สูงมากนักแต่ว่าพวกเขาอาจจะมีเกราะ
00:14:06 → 00:14:09 ป้องกันที่ค่อนข้างอ่อนแออาจจะด้วยปัจจัย
00:14:09 → 00:14:12 ทางพันธุกรรมหรืออาจจะมีปัจจัยอื่นๆที่ทำ
00:14:12 → 00:14:15 ให้ผนังหลอดเลือดของเขามีความเปราะบาง
00:14:15 → 00:14:17 หรือว่าไวต่อการเกิดความเสียหายได้ง่าย
00:14:17 → 00:14:19 กว่าคนปกติดังนั้นถึงแม้จำนวนกระสุนจะไม่
00:14:19 → 00:14:22 เยอะมากก็ยังสามารถก่อให้เกิดปัญหาขึ้นมา
00:14:22 → 00:14:22 ได้ค่ะ
00:14:22 → 00:14:23 >> อื
00:14:23 → 00:14:26 >> มันแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของความไว
00:14:26 → 00:14:29 ต่อโรคในแต่ละบุคคลจริงๆค่ะคือจำนวน
00:14:29 → 00:14:31 กระสุนเท่ากันเนี่ยก็อาจจะให้ผลลัพธ์ที่
00:14:31 → 00:14:34 ต่างกันได้ขึ้นอยู่กับคุณภาพหรือความแข็ง
00:14:34 → 00:14:36 แรงของเกราะของแต่ละคนนั่นเอง
00:14:36 → 00:14:38 >> ครับเข้าใจแล้วครับทีนี้ถ้าเราจะลอง
00:14:38 → 00:14:41 เชื่อมโยงเรื่องนี้กับปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ
00:14:42 → 00:14:44 ที่เราเคยได้ยินกันบ่อยๆแล้วครับเช่นความ
00:14:44 → 00:14:47 ดันสูงเบาหวานการสูบบุหรี่พวกนี้มันเข้า
00:14:47 → 00:14:49 มาส่งผลกับโมเดลกระสุนและเกราะนี่ยังไง
00:14:49 → 00:14:50 บ้างครับ
00:14:50 → 00:14:53 >> ค่ะคือถ้าเรามองในภาพรวมที่ใหญ่ขึ้นนะคะ
00:14:53 → 00:14:56 พวกปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่เราคุ้นเคยกันดี
00:14:56 → 00:14:59 เนี่ยส่วนใหญ่มันก็จะเข้ามาส่งผลกระทบไม่
00:14:59 → 00:15:03 ต่อเกราะก็ต่อกระสุนหรือบางทีก็กระทบทั้ง
00:15:03 → 00:15:06 2 อย่างเลยค่ะอย่างเช่นความดันโลหิตสูง
00:15:06 → 00:15:09 อันนี้ค่อนข้างชัดเจนเลยค่ะว่ามันไปทำลาย
00:15:09 → 00:15:13 เกราะโดยตรงเลยทำให้ผนังหลอดเลือกเสียหาย
00:15:13 → 00:15:15 แล้วก็ยอมให้โป้ B ซึมผ่านเข้าไปในผนัง
00:15:16 → 00:15:17 ได้ง่ายขึ้น
00:15:17 → 00:15:19 >> อ๋อทำให้เกราะมันรั่วได้ง่ายขึ้น
00:15:19 → 00:15:22 >> ใช่ค่ะส่วนการสูบุหรี่นี่ก็ทำลายเกราะ
00:15:22 → 00:15:25 เหมือนกันค่ะทำให้ผนังหลอดเลือดอักเสบ
00:15:25 → 00:15:27 แล้วก็เพิ่มการซึมผ่านของ Apple B เข้า
00:15:27 → 00:15:30 ไปแถมบุหรี่ยังอาจจะส่งผลเสียต่อความดัน
00:15:31 → 00:15:34 โลหิตด้วยก็ยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก
00:15:34 → 00:15:35 >> ครับแย่ทั้งคู่เลย
00:15:35 → 00:15:38 >> ส่วนพันธุกรรมอันนี้ส่งผลได้ต่อทั้ง 2
00:15:38 → 00:15:42 อย่างเลยค่ะคือบางคนอาจจะมีพันธุกรรมที่
00:15:42 → 00:15:44 ทำให้ร่องต้องปลายสร้างกระสุนหรือ Apple
00:15:44 → 00:15:47 B เยอะกว่าคนอื่นหรือบางคนก็น้อยกว่าคน
00:15:47 → 00:15:50 อื่นก็ได้และแน่นอนว่าพันธุกรรมก็เป็นตัว
00:15:50 → 00:15:53 กำหนดพื้นฐานความแข็งแรงเริ่มแรกของกรอก
00:15:53 → 00:15:56 ของเราแต่ละคนซึ่งอันนี้เป็นส่วนที่เรา
00:15:56 → 00:15:57 เปลี่ยนแปลงมันไม่ได้ค่ะ
00:15:57 → 00:15:59 >> ครับเป็นสิ่งที่เราติดตัวมา
00:15:59 → 00:16:03 >> ค่ะแล้วก็เบาหวานหรือภาวะดื้ออินซูลินอัน
00:16:03 → 00:16:06 นี้ก็กระทบทั้ง 2 อย่างได้เหมือนกันค่ะ
00:16:06 → 00:16:08 คือคนที่เป็นเบาหวานมักจะมีแนวโน้มที่จะ
00:16:08 → 00:16:11 มีระดับ A4B สูงขึ้นกว่าคนปกติแล้วระดับ
00:16:11 → 00:16:14 น้ำตาลในเลือดที่สูงเป็นเวลานานๆเนี่ยก็
00:16:14 → 00:16:17 ยังไปทำให้เกราะของเราอ่อนแอลงได้ด้วย
00:16:17 → 00:16:19 ผ่านกลไกหลายอย่างเลยค่ะเช่นเพิ่มการ
00:16:20 → 00:16:22 อักเสบในร่างกายหรือทำให้ผนังหลอดเลือดทำ
00:16:22 → 00:16:24 งานผิดปกติไป
00:16:24 → 00:16:27 >> แสดงว่าปัจจัยเสี่ยงที่เราพูดกันมาเนี่ย
00:16:27 → 00:16:29 มันไม่ได้แยกกันเลยนะครับแต่มันทำงาน
00:16:29 → 00:16:31 เชื่อมโยงกันผ่านกลไกของกระสุนกับเกราะ
00:16:31 → 00:16:34 นี่เองทำให้ภาพรวมความเสี่ยงของคนนึงมัน
00:16:34 → 00:16:37 เปลี่ยนไปได้ตลอดเวลาขึ้นอยู่กับปัจจัย
00:16:37 → 00:16:38 เหล่านี้
00:16:38 → 00:16:40 >> ถูกต้องเลยค่ะแล้วสิ่งที่น่าสนใจมากๆเลย
00:16:40 → 00:16:43 นะคะคือพอเรามองมองผ่านเลนส์ของกระสุนและ
00:16:43 → 00:16:46 เกราะเนี่ยเราจะเห็นเลยว่าทุกๆวิธีการ
00:16:46 → 00:16:49 รักษาหรือการป้องกันที่ได้รับการพิสูจน์
00:16:49 → 00:16:51 ทางวิทยาศาสตร์แล้วนะคะว่ามันช่วยลดความ
00:16:51 → 00:16:54 เสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดได้จริงๆ
00:16:54 → 00:16:56 คือลดจำนวนการเกิดหัวใจวนหรือสตกลงได้
00:16:56 → 00:16:59 เนี่ยล้วนแต่ทำงานโดยการไปปรับสมดุลของ
00:16:59 → 00:17:02 กระสุนหรือกรอกอย่างน้อย 1 อย่างหรือบาง
00:17:02 → 00:17:04 ทีก็ปรับทั้ง 2 อย่างเลยค่ะ
00:17:04 → 00:17:05 >> อ๋อครับ
00:17:05 → 00:17:08 >> ลองดูภาคูมคะอย่างเช่นกลุ่มที่เน้นเสริม
00:17:09 → 00:17:11 ความแข็งแรงให้เกราะอันนี้ก็อย่างเช่นยา
00:17:11 → 00:17:15 ลดความดันโลหิตทั้งหลายหรือการใช้สารทด
00:17:15 → 00:17:17 แทนเกลืออย่างโพแทสเซียมคลอไรด์เพื่อช่วย
00:17:17 → 00:17:20 ควบคุมความดันหรืออาจจะมียาบางชนิดที่มี
00:17:20 → 00:17:23 ฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบที่ผนังหลอดเลือดโดย
00:17:23 → 00:17:24 ตรงค่ะ
00:17:24 → 00:17:27 >> ครับทำให้เกราะแข็งแรงขึ้น
00:17:27 → 00:17:31 >> ใช่ค่ะแล้วก็กลุ่มที่เน้นลดจำนวนกระสุน
00:17:31 → 00:17:33 อันนี้คือกลุ่มยาหลักๆที่ใช้กันแพร่หลาย
00:17:33 → 00:17:37 เลยค่ะเช่นยาลดคอเลสเตอรอลกลุ่มstatตtin
00:17:37 → 00:17:41 stadin หรือยาอีกตัวชื่อ acimite
00:17:41 → 00:17:44 ถ้าพูดถึงกลไกหลักของสแตตินนะคะมันคือไป
00:17:44 → 00:17:46 ยับยั้งเอนไซม์ที่ใช้สร้างคอเลสเตอรอลที่
00:17:46 → 00:17:49 ตับเพราะตับสร้างเองได้น้อยลงตับก็เลย
00:17:49 → 00:17:52 ต้องไปดึงเอา A4B หรือกระสุนเนี่ยจากใน
00:17:52 → 00:17:54 กระแสเลือดเข้ามาใช้มากขึ้นแทน
00:17:55 → 00:17:56 >> อืครับ
00:17:56 → 00:18:00 >> ผลก็คือระดับ A4B ในเลือดก็เลยลดลงจำนวน
00:18:00 → 00:18:03 กระสุนก็น้อยลงตามไปด้วยค่ะแล้วก็มีข้อ
00:18:03 → 00:18:05 มูลด้วยนะคะว่าสตินเองอาจจะมีฤทธิ์ช่วย
00:18:06 → 00:18:08 เสริมเกราะได้เล็กน้อยด้วยผ่านการลดการ
00:18:08 → 00:18:09 อักเสบค่ะ
00:18:09 → 00:18:11 >> อืมีประโยชน์ 2 ต่อเลย
00:18:11 → 00:18:16 >> ค่ะแล้วก็มีกลุ่มที่ส่งผลดีต่อทั้ง 2
00:18:16 → 00:18:18 อย่างเลยอันนี้ส่วนใหญ่มักจะเป็นเรื่อง
00:18:18 → 00:18:21 ของการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตค่ะเช่นการลด
00:18:21 → 00:18:24 น้ำหนักหรือลดไขมันส่วนเกินในร่างกายการ
00:18:24 → 00:18:27 ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอการทานอาหารที่
00:18:27 → 00:18:30 ดีต่อสุขภาพอย่างเช่นลดไขมันอิ่มตัวหรือ
00:18:30 → 00:18:33 ทานอาหารสไตล์medดิรเนียนการปรับเปลี่ยน
00:18:33 → 00:18:35 เหล่านี้มันมักจะส่งผลดีหลายอย่างพร้อม
00:18:35 → 00:18:40 กันค่ะคือช่วยลดทั้ง B ลดความดันลดระดับ
00:18:40 → 00:18:43 น้ำตาลในเลือดลดการอักเสบในร่างกายซึ่ง
00:18:43 → 00:18:46 ทั้งหมดนี้ก็ดีต่อทั้งการลดกระสุนและการ
00:18:46 → 00:18:49 เสริมความแข็งแรงให้เกราะไปพร้อมๆกันเลย
00:18:49 → 00:18:49 ค่ะ
00:18:49 → 00:18:53 >> โอ้โหตรงนี้แหละครับที่มันน่าสนใจจริงๆพอ
00:18:53 → 00:18:56 เราเข้าใจโมเดลกระสุนกับเกราะอันเนี้ยมัน
00:18:56 → 00:18:58 ทำให้เราเห็นภาพชัดขึ้นมากเลยนะครับว่า
00:18:58 → 00:19:01 ทำไมวิธีการต่างๆที่เราทำกันอยู่เนี่ยมัน
00:19:01 → 00:19:04 ถึงได้ผลไม่ว่าจะเป็นการกินยาการปรับ
00:19:04 → 00:19:08 อาหารการออกกำลังกายเพราะว่าสุดท้ายแล้ว
00:19:08 → 00:19:11 มันไปจัดการที่กลไกต้นทางคือไม่ว่าจะไปลด
00:19:11 → 00:19:13 จำนวนกระสุนหรือไปเสริมความแข็งแรงให้
00:19:13 → 00:19:16 เกราะหรือทำทั้ง 2 อย่างควบคู่กันไปนั่น
00:19:16 → 00:19:16 เอง
00:19:16 → 00:19:20 >> ใช่เลยค่ะทีนี้คำถามสำคัญที่มักจะตามมาก็
00:19:20 → 00:19:23 คือแล้วเราจะรู้ได้ยังไงล่ะว่ากรอกป้อง
00:19:24 → 00:19:26 กันของเราแต่ละคนเนี่ยมันแข็งแรงแค่ไหน
00:19:26 → 00:19:29 กันแน่อันนี้ต้องบอกว่าเป็นคำถามที่ท้า
00:19:29 → 00:19:31 ทายมากๆเลยนะคะเพราะว่าในปัจจุบันเนี่ย
00:19:31 → 00:19:35 เรายังไม่มีวิธีที่จะวัดความแข็งแรงตาม
00:19:35 → 00:19:37 ธรรมชาติของเกราะโดยตรงแบบที่แม่นยำจริง
00:19:37 → 00:19:40 จริงก่อนที่มันจะเริ่มเสียหายไปแล้วอ่ะนะ
00:19:40 → 00:19:43 ค่ะแต่ว่าก็พอจะมีตัวช่วยในการประเมินทาง
00:19:43 → 00:19:45 อ้อมได้อยู่บ้าง
00:19:45 → 00:19:47 >> ครับมีวิธีไหนบ้างครับพรจะบอกได้มั้ครับ
00:19:48 → 00:19:50 >> ค่ะอย่างแรกเลยก็คือประวัติครอบครัวค่ะ
00:19:50 → 00:19:53 อันนี้ถือเป็นสัญญาณหนึ่งได้ถ้าหากว่าคน
00:19:53 → 00:19:56 ในครอบครัวสายตรงของเราพ่อแม่พี่น้องเป็น
00:19:56 → 00:19:58 โรคหัวใจหรือสโตรกตั้งแต่อายุยังไม่มาก
00:19:59 → 00:20:02 นักเช่นผู้ชายก่อน 55 ผู้หญิงก่อน 65
00:20:02 → 00:20:05 อะไรแบบนี้นะค่ะก็อาจจะพออนุมานได้ว่าเรา
00:20:05 → 00:20:07 อาจจะมีความเสี่ยงทางพันธุกรรมที่ทำให้
00:20:07 → 00:20:10 เกราะของเราไม่ได้แข็งแรงที่สุดเท่าคน
00:20:10 → 00:20:11 อื่นๆ
00:20:11 → 00:20:13 >> อ๋อดูจากคนใกล้ชิด
00:20:13 → 00:20:16 >> ใช่ค่ะแล้วก็อีกวิธีคือการตรวจด้วยภาพ
00:20:16 → 00:20:19 ถ่ายทางการแพทย์ค่ะเช่นการตรวจวัดระดับ
00:20:19 → 00:20:21 แคลเซียมหรือหินปูนที่เกาะตามผนังหลด
00:20:21 → 00:20:24 เลือดหัวใจที่เรียกว่า Coronary Archery
00:20:24 → 00:20:26 Calcium Score หรือ CAC Score นะคะ
00:20:26 → 00:20:28 หรืออาจจะเป็นการทำ Ultra Sound เพื่อดู
00:20:28 → 00:20:31 ความหนาของผนังหลอดเลือดแดงใหญ่ที่คอ
00:20:31 → 00:20:33 Carotic Intima Media Sickness หรือ
00:20:33 → 00:20:37 CT วิธีการเหล่านี้มันสามารถตรวจพบการมี
00:20:37 → 00:20:40 อยู่ของคราบพลักหรือความหนาตัวผิดปกติของ
00:20:40 → 00:20:42 ผนังหลอดเลือดได้ซึ่งถ้าตรวจพบเจอเนี่ย
00:20:42 → 00:20:45 มันก็เป็นหลักฐานที่บ่งชี้ว่ากระสุนมัน
00:20:45 → 00:20:48 ได้ทะลุเกราะเข้าไปสะสมเรียบร้อยแล้ว
00:20:48 → 00:20:50 >> ครับคือมีความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว
00:20:50 → 00:20:53 >> ใช่ค่ะมันบ่งชี้ว่าคนๆนั้นมีความไวต่อการ
00:20:53 → 00:20:56 เกิดโรคหรือพูดง่ายๆก็คือเกราะของเขาไม่
00:20:56 → 00:20:59 สามารถป้องกันกระสุนได้สมบูรณ์แบบนั่นเอง
00:20:59 → 00:21:02 แต่ว่าข้อจำกัดสำคัญของวิธีอย่าง CAC
00:21:02 → 00:21:05 SCORE นะคะคือมันมักจะตรวจพบเจอก็ต่อ
00:21:05 → 00:21:08 เมื่อโรคมันดำเนินไปพอสมควรควรแล้วนะคะ
00:21:08 → 00:21:10 เหมือนกับเราไปเจอรอยกระสุนที่มันฝังอยู่
00:21:10 → 00:21:12 ในเกราะแล้วก็เริ่มขึ้นสนิมแล้วอะไร
00:21:12 → 00:21:15 ประมาณนั้นค่ะถ้าจะให้ดีที่สุดจริงๆเรา
00:21:15 → 00:21:17 ควรจะประเมินความเสี่ยงได้ก่อนหน้านั้น
00:21:17 → 00:21:18 นานแล้ว
00:21:18 → 00:21:19 >> นั่นหมายความว่าการตรวจพวกนี้ก็มี
00:21:19 → 00:21:22 ประโยชน์ในการบอกว่ามันมีความเสียหายเกิด
00:21:22 → 00:21:24 ขึ้นหรือยังแต่ก็ยังไม่ได้บอกถึงคุณภาพ
00:21:25 → 00:21:26 โดยธรรมชาติของเกราะตั้งแต่แรกเริ่มเท่า
00:21:26 → 00:21:28 ไหร่นักใช่มั้ครับ
00:21:28 → 00:21:31 >> ถูกต้องเลยค่ะดังนั้นในทางปฏิบัติสำหรับ
00:21:31 → 00:21:33 การจัดการความเสี่ยงส่วนบุคคลณปัจจุบัน
00:21:33 → 00:21:36 นี้นะคะเราอาจจะสรุปแนวทางได้ประมาณนี้
00:21:36 → 00:21:39 ค่ะคือสำหรับผู้ที่มีสัญญาณบ่งชี้ว่า
00:21:39 → 00:21:42 เกราะของตัวเองอาจจะไม่ได้แข็งแรงที่สุด
00:21:42 → 00:21:45 อย่างเช่นมีประวัติครอบครัวที่ชัดเจนหรือ
00:21:45 → 00:21:48 ตรวจเจอแคลเซียมที่หลอดเลือดหัวใจไปแล้ว
00:21:48 → 00:21:50 หรือมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆที่ทำลายเกราะ
00:21:50 → 00:21:53 อยู่ร่วมด้วยหลายอย่างเลยคนกลุ่มนี้จะได้
00:21:53 → 00:21:56 รับประโยชน์มากที่สุดจากการตั้งเป้าหมาย
00:21:56 → 00:21:59 ในการลดจำนวนกระสุนหรือ APOB ลงให้ต่ำ
00:21:59 → 00:22:02 เป็นพิเศษเลยค่ะเพื่อเป็นการชดเชยความ
00:22:02 → 00:22:04 เปราะบางเกราะที่เขามีอยู่
00:22:04 → 00:22:07 >> ครับลดกระสุนลงเยอะเพื่อชดใช้เกราะที่ไม่
00:22:07 → 00:22:08 แข็งแรง
00:22:08 → 00:22:11 >> ใช่ค่ะส่วนสำหรับทุกคนเลยไม่ว่าเกราะตาม
00:22:11 → 00:22:14 ธรรมชาติของเราจะแข็งแรงแค่ไหนก็ตามนะคะ
00:22:14 → 00:22:16 ก็ควรพยายามรักษาความสมบูรณ์ของเกราะที่
00:22:17 → 00:22:19 เรามีอยู่เนี่ยให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
00:22:19 → 00:22:22 ไปตลอดชีวิตซึ่งนั่นก็คือการควบคุมปัจจัย
00:22:22 → 00:22:24 ต่างๆที่จะไปทำลายเกราะอย่างที่คุยกันไป
00:22:24 → 00:22:26 ค่ะเช่นควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์
00:22:26 → 00:22:30 ที่ดีไม่สู่บุหรี่ควบคุมเบาหวานลดการ
00:22:30 → 00:22:32 อักเสบเรื้อรางในร่างกายแต่ก็ต้องเข้าใจ
00:22:32 → 00:22:35 นะคะว่าณวันนี้เรายังไม่มีวิธีที่จะไปอัพ
00:22:35 → 00:22:38 อัปเกรดหรือเสริมความแข็งแรงของเกราะให้
00:22:38 → 00:22:40 มันเหนือกว่าศักยภาพทางพันธุกรรมเดิมที่
00:22:40 → 00:22:42 เรามีมาได้ค่ะ
00:22:42 → 00:22:44 >> ทันได้แค่ดูแลรักษาของเดิมให้ดีที่สุด
00:22:44 → 00:22:48 >> ใช่ค่ะในทางกลับกันสำหรับกระสุนหรือ APB
00:22:48 → 00:22:51 เนี่ยเรามีเครื่องมือแล้วก็วิธีการหลาย
00:22:51 → 00:22:54 อย่างเลยทั้งยาแล้วก็การปรับวิถีชีวิตที่
00:22:54 → 00:22:56 สามารถกดระดับมันให้ต่ำลงกว่าระดับพื้น
00:22:56 → 00:22:58 ฐานตามพันธุกรรมของเราได้ค่ะ
00:22:58 → 00:23:02 >> อ๋อลดกระสุนนี้ทำได้ง่ายกว่าการเสริม
00:23:02 → 00:23:02 เกราะ
00:23:02 → 00:23:05 >> ในปัจจุบันเป็นแบบนั้นน่ะค่ะส่วนคนสวน
00:23:05 → 00:23:07 ส่วนใหญ่ก็น่าจะอยู่ตรงกลางๆระหว่าง 2
00:23:07 → 00:23:10 ขั้วนี้ความเสี่ยงในระยะยาวของแต่ละคนก็
00:23:10 → 00:23:13 จะขึ้นอยู่กับว่าเราจัดการสมดุลระหว่าง
00:23:13 → 00:23:16 กระสุนและเกราะของเราได้ดีแค่ไหนตลอดช่วง
00:23:16 → 00:23:18 ชีวิตของเราค่ะ
00:23:18 → 00:23:20 >> เป็นการสรุปที่เชื่อมโยงกลับไปสู่แนวคิด
00:23:20 → 00:23:23 หลักได้ชัดเจนมากเลยครับสรุปแล้วความ
00:23:23 → 00:23:26 เสี่ยงของโรคหลอดเลือดแมแข็งเนี่ยมันก็
00:23:26 → 00:23:29 คือผลลัพธ์ของการต่อสู้หรือปฏิสัมพันธ์
00:23:29 → 00:23:33 กันระหว่างกระสุนคือ A4B ไโพโปรตีนกับ
00:23:33 → 00:23:36 กรอบป้องกันคือความสมบูรณ์ของผนังหลอด
00:23:36 → 00:23:39 เลือดการทำความเข้าใจกรอบความคิดหรือ
00:23:39 → 00:23:42 โมเดลนี้มันช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมได้
00:23:42 → 00:23:44 ชัดเจนขึ้นมากจริงๆนะครับว่าปัจจัยเสี่ยง
00:23:44 → 00:23:47 ต่างๆแล้วก็วิธีการป้องกันหรือรักษาเนี่ย
00:23:47 → 00:23:49 มันทำงานสอดประสานกันยังไง
00:23:49 → 00:23:52 >> ใช่เลยค่ะถึงแม้ว่ามันจะเป็นภาพเปรียบ
00:23:52 → 00:23:55 เทียบที่ดูเรียบง่ายนะคะแต่โมเดลกระสุน
00:23:55 → 00:23:57 และเกราะเนี่ยมีประโยชน์มากๆเลยในการช่วย
00:23:57 → 00:24:00 ให้เราทำความเข้าใจปัญหาที่มันซับซ้อน
00:24:00 → 00:24:03 อย่างโรคหลอดเลือกแดงแข็งได้ลึกซุ้งขึ้น
00:24:03 → 00:24:05 และที่สำคัญที่สุดเลยนะคะคือมันช่วยให้
00:24:05 → 00:24:08 เราสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ
00:24:08 → 00:24:11 ของตัวเองได้อย่างมีเหตุมีผลมากขึ้นเพราะ
00:24:11 → 00:24:13 เรารู้แล้วว่าเราควรจะให้ความสำคัญกับ
00:24:13 → 00:24:15 อะไรบ้างทั้งในแง่ของการลดปัจจัยคุกคาม
00:24:16 → 00:24:18 หรือกระสุนแล้วก็การดูแลเกราะป้องกันของ
00:24:18 → 00:24:19 เราให้ดีที่สุดค่ะ
00:24:19 → 00:24:22 >> ครับการคุยกันวันนี้ทำให้เห็นภาพชัดเจน
00:24:22 → 00:24:25 แล้วก็เข้าใจกลไกต่างๆได้ดีขึ้นมากๆเลย
00:24:25 → 00:24:28 ครับแต่ในขณะเดียวกันมันก็ทิ้งคำถามที่
00:24:28 → 00:24:30 น่าสนใจไว้ให้เราได้คิดต่อเหมือนกันนะ
00:24:30 → 00:24:32 ครับคือมันทำให้เกิดคำถามสำคัญขึ้นมานะ
00:24:32 → 00:24:35 ครับว่าในเมื่อปัจจุบันเนี่ยการที่เราจะ
00:24:35 → 00:24:38 วัดความแข็งแรงโดยธรรมชาติของเกราะหรือ
00:24:38 → 00:24:40 วัดความไวต่อโรคของผนังหลอดเลือดของแต่ละ
00:24:40 → 00:24:42 คนโดยตรงก่อนที่มันจะเกิดความเสียหายจริง
00:24:42 → 00:24:45 ๆเนี่ยมันยังเป็นเรื่องที่ท้าทายมากๆแล้ว
00:24:45 → 00:24:48 ในอนาคตข้างหน้าล่ะครับมันมีความเป็นไป
00:24:48 → 00:24:50 ได้มว่าเราอาจจะมีเทคโนโลยีหรือวิธีการ
00:24:50 → 00:24:52 ตรวจแบบใหม่ๆที่จะสามารถให้ข้อมูลเชิงลึก
00:24:52 → 00:24:55 เกี่ยวกับคุณภาพของเกราะป้องกันของแต่ละ
00:24:55 → 00:24:57 บุคคลได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วก็แม่นยำมาก
00:24:57 → 00:25:00 ขึ้นเพื่อที่ว่าเราอาจจะสามารถปรับแนวทาง
00:25:00 → 00:25:02 การป้องกันหรือการดูแลให้มันเหมาะสมกับ
00:25:02 → 00:25:04 แต่ละคนได้ดียิ่งขึ้นไปอีกไม่ใช่ใช่แค่
00:25:04 → 00:25:06 การโฟกัสไปที่การนับจำนวนกระสุนเพียง
00:25:06 → 00:25:09 อย่างเดียวแต่เป็นการเข้าใจคุณภาพที่แท้
00:25:09 → 00:25:11 จริงของกรอบป้องกันของแต่ละคนซึ่งนั่นก็
00:25:11 → 00:25:13 คงเป็นเรื่องที่เราต้องติดตามความก้าว
00:25:13 → 00:25:15 หน้าทางวิทยาศาสตร์กันต่อไปนะครับ
00:25:15 → 00:25:33 [เพลง]