00:00:00 → 00:00:03 [เสียงดนตรี]
00:00:03 → 00:00:06 You're listening to Mahidol Channel Podcast.
00:00:06 → 00:00:08 Listen for a better life.
00:00:08 → 00:00:11 ฟังเพื่อชีวิตที่ดีกว่า
00:00:11 → 00:00:14 และนี่คือรายการพอดแคสต์ของช่อง Mahidol Channel
00:00:14 → 00:00:16 โดย มหาวิทยาลัยมหิดล
00:00:16 → 00:00:20 [เสียงดนตรี]
00:00:20 → 00:00:23 เครียด เศร้า มีความทุกข์ หาทางออกไม่ได้ ไม่รู้จะคุยกับใคร
00:00:23 → 00:00:26 อยากให้ทุกคนมาฟังมหิดลแชนแนลพอดแคสต์
00:00:26 → 00:00:29 ที่จะมาช่วยคุณในการจัดการ ปัญหาสุขภาพทางใจ
00:00:29 → 00:00:33 ในรายการ Re-Mind รู้ทันปัญหาสุขภาพจิต สำรวจอารมณ์ความคิด
00:00:34 → 00:00:36 เข้าใจพฤติกรรมของตนเองและคนใกล้ตัว
00:00:36 → 00:00:39 กับผม หมอหลิว นายแพทย์สมบูรณ์ หทัยอยู่สุข
00:00:40 → 00:00:45 จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
00:00:45 → 00:00:49 เป็นอย่างไรบ้างครับ กับเย็นวันจันทร์ต้นสัปดาห์
00:00:49 → 00:00:53 ที่เราคุยกันไปเมื่อ EP ที่แล้ว เราคุยกันเรื่องของ Burnout ใช่ไหมครับ
00:00:54 → 00:00:56 EP นี้ เราอยากจะมาชวนคุยกันอีกเรื่องหนึ่ง
00:00:56 → 00:00:58 ที่ผมเกริ่นไปตั้งแต่ EP ที่แล้วว่า
00:00:59 → 00:01:02 แล้วถ้าเราอยากทำงานให้ได้ดี ๆ
00:01:02 → 00:01:06 เราอยากใช้เวลาที่มีอยู่ 24 ชั่วโมง
00:01:06 → 00:01:08 ให้มันมีคุณค่า
00:01:08 → 00:01:09 ให้เรารู้สึกว่า
00:01:10 → 00:01:13 ทำไม 24 ชั่วโมงของเรา บางทีมันไม่เท่าคนอื่น
00:01:13 → 00:01:16 แต่มันจะทำอย่างไรให้มันมีคุณค่าเท่า ๆ กัน
00:01:16 → 00:01:22 แล้วผลิตผลงาน หรือผลิตสิ่งที่เรารู้สึกว่า มีคุณค่าได้เท่ากับอีกหลาย ๆ คน
00:01:22 → 00:01:26 ที่เราชื่นชม แล้วเราก็ยอมรับนับถือ
00:01:27 → 00:01:28 เราจะทำกันอย่างไร
00:01:28 → 00:01:32 แล้วเราจะให้ความสำคัญกับงาน หรือสิ่งที่เราทำในชีวิตอย่างไร
00:01:33 → 00:01:40 วันนี้ผมอยากชวนคุณผู้ฟังและคุณผู้ชมทุกท่าน ได้มารู้จักกับวิธีเพิ่มความ Productive
00:01:40 → 00:01:43 และในช่วงท้ายก็ตรงกันข้าม
00:01:43 → 00:01:48 ผมอยากจะชวนทุกคนมาฟัง ในเรื่องของ Counterproductive นะครับ
00:01:48 → 00:01:50 ซึ่งถ้าไปมองแล้ว คนที่ Productive
00:01:50 → 00:01:53 เขาจะมีลักษณะอย่างไร หรือเขาจะทำอะไรออกมา
00:01:53 → 00:01:57 ผมเชื่อว่า Productive แต่ละคน ให้ความหมายไม่เหมือนกัน
00:01:57 → 00:01:58 แต่ชวนคิดอย่างนี้ครับว่า
00:01:59 → 00:02:03 เวลาที่เรามี Productivity หรือว่าเราเป็นคน Productive
00:02:04 → 00:02:05 เราควรจะเป็นคนอย่างไร
00:02:06 → 00:02:07 คือคนที่ทำงานได้เยอะ ๆ ไหม
00:02:08 → 00:02:12 หรือเป็นคนที่ทำงานที่มีคุณค่า แล้วทำได้สำเร็จ
00:02:13 → 00:02:14 แบบไหนกันแน่
00:02:14 → 00:02:17 ดังนั้นจริง ๆ การที่เราจะเป็น คนที่มี Productive ได้
00:02:17 → 00:02:22 เราต้องมีการจัดลำดับความสำคัญในการใช้ชีวิต
00:02:22 → 00:02:26 เน้นย้ำอย่างนี้นะครับ "ในการใช้ชีวิต" ขีดเส้นใต้ 2 เส้น
00:02:26 → 00:02:29 ไม่ใช่เฉพาะเรื่องของการจัดการเวลาเท่านั้น
00:02:29 → 00:02:34 Productive เอง ไม่ใช่การบริหารเวลา เพื่อที่จะทำได้ทุกอย่าง
00:02:34 → 00:02:37 เราไม่มีทางทำได้ทุกอย่างแน่ ๆ นะครับ
00:02:37 → 00:02:42 ในช่วงอายุหรือในช่วงวัยที่ มันมีอะไรต่ออะไรเข้ามามหาศาล
00:02:42 → 00:02:45 แต่บางทีมันก็เป็นเรื่องของการบริหารความคิด
00:02:45 → 00:02:47 เพื่อจะไปจัดการเวลา
00:02:47 → 00:02:52 เพื่อจะไปทำงานหรือทำบางสิ่งบางอย่าง ออกมาได้อย่างมีคุณภาพ
00:02:52 → 00:02:55 ได้อย่างมีความสำคัญ ได้เหมาะกับสิ่งที่เรามีอยู่
00:02:55 → 00:03:00 จริง ๆ มันก็อาจจะคล้าย ๆ กับ เรื่องของการบริหารจัดการต่าง ๆ
00:03:00 → 00:03:02 คล้าย ๆ กับเรื่องของเศรษฐศาสตร์
00:03:02 → 00:03:06 ที่เวลามีอยู่น้อย แต่สิ่งที่ต้องทำ มันมีอยู่เยอะ
00:03:06 → 00:03:08 แล้วมันจะไปลงตัวอย่างไร
00:03:08 → 00:03:10 เพื่อให้สิ่งที่มันทำมา
00:03:10 → 00:03:11 มันทำให้เราพอใจ
00:03:11 → 00:03:14 มันทำให้คนที่ได้รับผลจากสิ่งเหล่านั้นพอใจ
00:03:15 → 00:03:15 อย่างนี้ครับ
00:03:15 → 00:03:19 เวลาที่เราทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด หรือทำงานอย่างหนึ่งอย่างใด
00:03:20 → 00:03:23 คนเรานะครับ จะมีความแตกต่างกันคือ
00:03:23 → 00:03:26 เราจะให้คุณค่าไม่เหมือนกัน
00:03:26 → 00:03:30 บางคนให้คุณค่าในงานที่ออกมามาก ๆ
00:03:30 → 00:03:31 มาก ๆ มาก ๆ เลย
00:03:32 → 00:03:33 ดังนั้น Productive ของเขาคนนั้น
00:03:34 → 00:03:36 มันอาจจะเป็นเรื่องของปริมาณงานที่ออกมามาก
00:03:36 → 00:03:40 แต่บางคน Productive ไม่ใช่ปริมาณงานที่มาก
00:03:40 → 00:03:44 แต่เป็นสิ่งที่เขารู้สึกว่าทำแล้วดีที่สุด
00:03:44 → 00:03:47 ดีที่สุดก็คือ ในชิ้นงานนั้น ๆ เขารู้สึกว่า "มันใช่"
00:03:48 → 00:03:48 มันต้องแบบนี้
00:03:48 → 00:03:51 มันดีที่สุดเท่านั้น มันถึงจะ Productive ในสายตาเขา
00:03:52 → 00:03:55 ดังนั้น Productive ของแต่ละคน อาจจะไม่เหมือนกัน
00:03:56 → 00:03:59 ผมอยากจะชวนทุกคน กลับไปทบทวนตัวเองหน่อยนะครับว่า
00:03:59 → 00:04:02 ถ้าโฟกัสเป็นเรื่องงาน เราให้คุณค่ากับเรื่องอะไรกันแน่
00:04:03 → 00:04:04 ปริมาณงาน
00:04:04 → 00:04:05 คุณภาพของงาน
00:04:06 → 00:04:09 หรือบางคนคือความสนุกในการทำงาน
00:04:09 → 00:04:13 บางคนชอบเลยนะถ้าไปทำงานแล้ว Enjoy
00:04:13 → 00:04:16 มีเพื่อนร่วมงานที่ดี ไปที่ไหนแล้วรู้สึกทักทายใครต่อใครได้
00:04:16 → 00:04:18 เขาก็รู้สึกว่าเขา Productive ในวันนั้น
00:04:18 → 00:04:22 หรือบางคนต้องการ การทำแล้วได้รับการยอมรับสูง ๆ
00:04:23 → 00:04:25 ทำแล้วเขารู้สึกว่ามีคนชื่นชมในผลงาน
00:04:25 → 00:04:29 ว่านี่วันโน้นได้ไปฟังคุณหมอพูดบรรยายที่นั่น
00:04:29 → 00:04:31 แล้วชื่นชมเลย
00:04:31 → 00:04:33 ผมอาจจะมองว่า ผม Productive
00:04:33 → 00:04:35 หรือบางคนคือมองที่ว่า
00:04:35 → 00:04:37 ผลของงานที่ทำนั้น
00:04:37 → 00:04:40 มันทำให้เกิดประโยชน์มากแค่ไหน
00:04:41 → 00:04:44 ผมยกตัวอย่างเช่น บางคนทำงานเกี่ยวกับสุขภาพ
00:04:44 → 00:04:46 เช่น เป็นบุคลากรทางการแพทย์
00:04:46 → 00:04:50 เขารู้สึกว่าเขาทำไปแล้ว ผู้รับบริการได้ผลลัพธ์ที่ดี
00:04:50 → 00:04:51 เขาก็รู้สึกว่า Productive
00:04:51 → 00:04:55 บางคนเช่น ทำเรื่องของออกแบบบ้าน สมมุติ
00:04:55 → 00:04:58 ทำแล้ว ลูกค้าซื้อบ้านอยู่ แล้วมีความสุข
00:04:59 → 00:05:00 เขาก็รู้สึกว่าเขา Productive
00:05:01 → 00:05:06 ดังนั้น จริง ๆ แล้ว Productive จะขึ้นอยู่กับ Value
00:05:06 → 00:05:09 จะขึ้นอยู่กับการให้คุณค่า การให้ความหมายของคน ๆ นั้น
00:05:09 → 00:05:11 ซึ่งไม่เหมือนกัน
00:05:11 → 00:05:14 แล้วมันก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันด้วยนะครับ
00:05:14 → 00:05:15 เพราะว่าอย่างไรก็ตามแล้ว
00:05:15 → 00:05:18 แต่ละคน การให้คุณค่าและความหมาย ไม่เหมือนกันแน่ ๆ
00:05:18 → 00:05:22 แล้วมันก็ส่งผลต่อความ Productive ที่ไม่เหมือนกันนะครับ
00:05:23 → 00:05:24 ย้อนคิดตรงนี้ให้ดีนะครับ
00:05:25 → 00:05:26 เพื่อที่เดี๋ยวเราจะไปกันต่อ
00:05:26 → 00:05:29 ว่าเราจะไปดูว่า วิธีการสร้าง Productive ทำอย่างไร
00:05:29 → 00:05:30 แต่ว่าเราต้องแน่ใจก่อนว่า
00:05:30 → 00:05:33 ตัวเราเอง เราให้คุณค่าและความหมาย กับอะไรกันแน่
00:05:33 → 00:05:35 แล้วเราจะไปสร้าง Productive กับมันอย่างไร
00:05:36 → 00:05:41 [เสียงดนตรี]
00:05:41 → 00:05:44 หลังจากที่เรารู้แล้วว่า Productive คืออะไร
00:05:44 → 00:05:48 เรารู้แล้วว่าคุณค่าและความหมายของแต่ละอัน ส่งผลต่อ Productive อย่างไร
00:05:49 → 00:05:54 ผมจะชวนทุกคนมารู้จักกับ วิธีการเพิ่มความ Productive ให้ตัวเอง
00:05:54 → 00:05:56 แบ่งเป็นทั้งหมด 7 ข้อนะครับ
00:05:57 → 00:05:58 มาที่ข้อแรกนะครับ
00:05:59 → 00:06:02 คือการแบ่งพื้นที่การทำงานให้ชัดเจน
00:06:02 → 00:06:05 แบ่งพื้นที่การทำงานคืออะไร
00:06:05 → 00:06:08 แบ่งพื้นที่การทำงาน คือ พื้นที่ทางกายภาพเลยนะครับ
00:06:08 → 00:06:10 โดยเฉพาะในยุคปัจจุบัน
00:06:10 → 00:06:12 บางคน work from home
00:06:12 → 00:06:15 ดังนั้นคือการแบ่งพื้นที่การทํางาน ให้ชัดเจนเลยนะครับ
00:06:15 → 00:06:17 ผมพูดถึงออฟฟิศก่อนแล้วกัน ออฟฟิศทั่ว ๆ ไปก่อน
00:06:17 → 00:06:19 ที่เรานั่งกัน ทำงานอยู่ สำหรับพนักงานออฟฟิศ
00:06:19 → 00:06:23 มุมไหนเป็นมุมที่เราจะเอาไว้เป็นมุมพิมพ์งาน
00:06:23 → 00:06:25 บริเวณไหนเป็นบริเวณที่จะประชุมงาน
00:06:25 → 00:06:29 บริเวณไหนเป็นบริเวณที่จะ หย่อนใจในที่ทำงานของเรา
00:06:29 → 00:06:30 มีสัดส่วนชัดเจน
00:06:31 → 00:06:33 ถ้าเป็นที่บ้านของเรา
00:06:33 → 00:06:36 ซึ่งผมเชื่อว่าอาจจะยากกว่าที่ออฟฟิศ
00:06:36 → 00:06:39 เพราะว่าที่บ้านบางทีพื้นที่มันเคยเป็น ที่อยู่อาศัยอย่างเดียวใช่ไหม
00:06:39 → 00:06:40 พอต้องมาทำงานได้ด้วยนี่
00:06:40 → 00:06:42 มันก็...บางทีมันก็ทับซ้อนกัน
00:06:43 → 00:06:45 แต่ถ้าแบ่งได้ มันก็ควรจะมีนะครับ
00:06:45 → 00:06:47 เช่น มีห้องที่สำหรับทำงานโดยเฉพาะเลย
00:06:48 → 00:06:50 แต่ถ้าบางบ้าน อาจจะกว้างไม่พอ หรือบางคอนโดกว้างไม่พอ
00:06:50 → 00:06:52 เราใช้วิธีการแบ่งพื้นที่
00:06:52 → 00:06:55 หรือกั้นสัดส่วนก็ได้ครับ มีฉากมากั้น
00:06:55 → 00:06:58 หรือมีชั้นเตี้ย ๆ มาวาง หรือมีต้นไม้มาวาง อันนี้
00:06:58 → 00:07:02 บางทีมันก็ช่วยเรื่องของ การแบ่งพื้นที่ทางกายภาพในบ้านได้
00:07:02 → 00:07:04 หรือโซนนี้สำหรับลูก
00:07:04 → 00:07:06 โซนนี้สำหรับคุณยาย
00:07:06 → 00:07:10 โซนนี้สำหรับอะไร อันนี้ก็ต้องแบ่งกันไปให้ชัดเจน
00:07:10 → 00:07:13 การแบ่งพื้นที่การทำงานให้ชัดเจน
00:07:13 → 00:07:16 มันเป็นการบอกสมองของเรา
00:07:17 → 00:07:19 มันเป็นการตั้งเงื่อนไขกับสมองของเรา
00:07:20 → 00:07:22 เช่น สมมุติผมนั่งโต๊ะตัวนี้
00:07:22 → 00:07:24 หมายความว่า ผมต้องทำงาน
00:07:24 → 00:07:29 เมื่อไหร่ที่เรามานั่งตรงโต๊ะตัวนี้ ด้วยเก้าอี้ตัวนี้ที่มีพนักพิงแบบนี้
00:07:29 → 00:07:32 เรารู้สึกว่า เออ ฉันต้องทำงานแล้ว
00:07:33 → 00:07:34 ฉันจะไม่เอามือถือขึ้นมากด
00:07:35 → 00:07:37 เพราะว่าฉันชินกับการที่นั่งตรงนี้ แล้วต้องทำงาน
00:07:39 → 00:07:40 สมองเราสอนง่าย ๆ แบบนี้เลยนะครับ
00:07:40 → 00:07:43 มันไม่ซับซ้อน แค่แบ่งพื้นที่ให้ชัด
00:07:43 → 00:07:45 จัดวางอะไรต่าง ๆ นานาให้ชัด
00:07:46 → 00:07:48 ในทางเดียวกัน
00:07:48 → 00:07:50 ก็คือพื้นที่อื่น เช่น
00:07:50 → 00:07:52 ตรงนี้เป็นโซนพักผ่อน
00:07:52 → 00:07:54 เป็นโซนที่เราจะนั่งเพื่อดูทีวี
00:07:55 → 00:07:57 เราก็จะไม่เอาคอมพิวเตอร์ไปนั่งทำงาน
00:07:58 → 00:08:03 เราก็จะไม่เอามือถือไป Conference ตรงนั้น
00:08:03 → 00:08:06 เพราะว่ามันจะเป็นการที่บอกสมองว่า
00:08:06 → 00:08:08 ตกลงเป็นที่ทำงานหรือเป็นที่พักผ่อนกันแน่
00:08:09 → 00:08:11 มันจะทำให้สมองงงครับ
00:08:11 → 00:08:13 สมองงง การเรียนรู้ไม่เกิด
00:08:14 → 00:08:16 ก็จะเกิดความสับสนเวลาที่ต้องทำอะไรบางอย่าง
00:08:16 → 00:08:21 แล้วมันจะทำให้ทุก ๆ อย่างในชีวิต ดูสับสนและผสมปนเปกันไปทั้งหมด
00:08:22 → 00:08:24 ง่าย ๆ ถ้าเราไปดูเด็กเล็ก
00:08:24 → 00:08:25 บ้านไหนมีลูกเล็กนะครับ
00:08:25 → 00:08:29 ช่วง work from home บางทีลูกจะงงแล้ว
00:08:29 → 00:08:32 เวลาที่พ่อแม่ไม่ได้ไปทำงานทุกวัน บางวันพ่อแม่อยู่บ้าน
00:08:32 → 00:08:34 กิจวัตรเขารวนครับ
00:08:34 → 00:08:35 เด็กน่ะ สังเกตได้ง่าย ๆ เลย
00:08:35 → 00:08:38 เมื่อไหร่ที่เขารวน เขาจะมีอาการงอแง
00:08:38 → 00:08:40 เขาอาจจะมีการร้องกวนผิดปกติ
00:08:41 → 00:08:44 วันไหนบางทีพ่อแม่อยู่บ้าน เขาก็รู้สึกว่าเขานึกว่าเป็นวันหยุด
00:08:44 → 00:08:45 เขาก็จะเข้ามาหาพ่อกับแม่
00:08:46 → 00:08:49 แต่ถ้าเราตั้งกติกาเงื่อนไขให้ชัดเจน เช่น
00:08:49 → 00:08:51 มุมนี้เป็นมุมที่แม่จะนั่งทำงาน
00:08:51 → 00:08:54 มุมนี้เป็นมุมที่พ่อจะนั่งประชุม
00:08:54 → 00:08:55 หนูเข้ามาไม่ได้
00:08:55 → 00:08:59 หรือถ้าเมื่อไหร่ที่ พ่อกับแม่นั่งเก้าอี้ตัวนี้แล้ว
00:08:59 → 00:09:01 แสดงว่าพ่อแม่ต้องทำงาน
00:09:02 → 00:09:04 หนูจะเข้ามายุ่งไม่ได้
00:09:04 → 00:09:06 หนูต้องไปอยู่กับคุณยาย หนูต้องไปอยู่กับพี่เลี้ยง
00:09:07 → 00:09:09 แบบนี้ เด็กเข้าใจเลยนะครับ
00:09:09 → 00:09:12 แสดงว่ามนุษย์เราเรียนรู้ได้ สมองทุกสมองเรียนรู้ได้
00:09:12 → 00:09:15 ถ้าเกิดการแบ่งพื้นที่ทางกายภาพอย่างชัดเจน
00:09:15 → 00:09:17 เป็นวิธีง่าย ๆ วิธีแรก
00:09:18 → 00:09:21 วิธีที่ 2 ในการเพิ่ม Productive คืออะไร
00:09:21 → 00:09:25 คือ การที่เราไม่ทำงานแบบ Multitasking
00:09:26 → 00:09:29 หลาย ๆ คนปัจจุบันชอบทำใช่ไหม
00:09:29 → 00:09:31 เช่น บางคนฟังพอดแคสต์อยูุ่
00:09:32 → 00:09:35 หมอก็เชื่อว่า บางทีกำลังเปิดดูอย่างอื่นไปด้วย
00:09:35 → 00:09:40 บางคนสมัครสื่อออนไลน์ ที่เปิดได้หลาย ๆ แอปพร้อม ๆ กัน
00:09:40 → 00:09:42 บางทีแอบเปิดโซเชียลอื่น ๆ ไปด้วยนะ
00:09:42 → 00:09:43 กลับมาก่อน กลับมาก่อน
00:09:43 → 00:09:45 กลับมาอยู่กับพอดแคสต์นี้ก่อน
00:09:45 → 00:09:46 แล้วจะเพิ่ม Productive ยังไง
00:09:47 → 00:09:48 เราไม่ควร Multitasking นะครับ
00:09:49 → 00:09:50 เพราะอะไรรู้ไหมครับ
00:09:50 → 00:09:54 จริง ๆ แล้วสมองของเราไม่ได้เก่งขนาดนั้นนะ
00:09:54 → 00:09:58 มนุษย์เราไม่ได้ถูกออกแบบมา เพื่อการ Multitasking
00:09:58 → 00:10:01 การคงสมาธิ การโฟกัส
00:10:01 → 00:10:05 ทำได้อย่างเดียว ในขณะจิตเดียวเท่านั้น
00:10:05 → 00:10:07 ไม่สามารถทำได้หลาย ๆ อย่างพร้อม ๆ กัน
00:10:08 → 00:10:10 ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น เขาถึงบอกไงครับว่า
00:10:10 → 00:10:11 เวลาขับรถ
00:10:11 → 00:10:13 ไม่แนะนำให้คุยโทรศัพท์
00:10:13 → 00:10:14 เพราะอะไร
00:10:14 → 00:10:16 เพราะมันจะมีการแบ่งสมาธิไป
00:10:17 → 00:10:18 เพื่อไปใช้กับการคุย
00:10:18 → 00:10:21 แทนที่จะโฟกัสถนนที่อยู่ตรงหน้า
00:10:21 → 00:10:22 แล้วมันทำให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรง
00:10:22 → 00:10:24 แล้วหลาย ๆ คนพอเวลาเกิดอุบัติเหตุ ก็จะรู้สึกว่า
00:10:24 → 00:10:27 รู้งี้ฉันไม่โทรศัพท์ดีกว่า
00:10:27 → 00:10:29 ทุกคนก็รู้งี้กันหมดนะ
00:10:29 → 00:10:32 เหมือนกันครับ เวลาทำงานก็เช่นเดียวกัน
00:10:32 → 00:10:34 บางทีถ้างานผิดพลาด เรารู้สึกว่า
00:10:34 → 00:10:37 รู้งี้ เราไม่ทำอันโน้นอันนี้ไปด้วย ระหว่างที่ทำงานดีกว่า
00:10:37 → 00:10:41 เพราะคนเราไม่ได้ถูกออกแบบมา เพื่อ Multitasking ไงครับ
00:10:41 → 00:10:47 ดังนั้น การโฟกัส การคงสมาธิกับการทำงาน ถึงเป็นเรื่องสำคัญ
00:10:47 → 00:10:51 งานหลาย ๆ อย่าง บางทียิ่งงานที่เราทำแล้วชิน
00:10:51 → 00:10:53 เรามักจะลืมในการโฟกัส
00:10:53 → 00:10:56 เรามักจะคิดว่า โอ๊ย ง่าย ๆ เดี๋ยวเราก็ทำเสร็จ
00:10:56 → 00:10:57 แต่หลายต่อหลายรายแล้วนะครับ
00:10:57 → 00:10:59 ตกม้าตายจากเรื่องง่าย ๆ นี่แหละ
00:10:59 → 00:11:01 จากเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่แหละ
00:11:01 → 00:11:03 แล้วบางทีส่งผลมหาศาล
00:11:03 → 00:11:06 แล้วเราก็นึกว่า รู้งี้ให้ฉันไม่ Multitasking ดีกว่า
00:11:06 → 00:11:08 ดังนั้น ลดการ Multitasking นะครับ
00:11:08 → 00:11:12 โดยเฉพาะในน้อง ๆ ในวัยรุ่น
00:11:12 → 00:11:14 หรือว่าในวัยของนักศึกษา
00:11:14 → 00:11:17 บางทีเขาชินกับเรื่องของ Multitasking เป็นอย่างมาก
00:11:17 → 00:11:23 จนกระทั่งไม่รู้ว่า จริง ๆ แล้ว คนเรา ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อ Multitasking
00:11:23 → 00:11:26 แล้ววิธีการที่ 3 ของการเพิ่มความ Productive
00:11:26 → 00:11:28 คือเรื่องของการจัดลำดับความสำคัญ
00:11:29 → 00:11:30 ชวนมองอย่างนี้ครับว่า
00:11:30 → 00:11:32 งานในชีวิตของคนเรานี่
00:11:32 → 00:11:38 ถ้าเราแบ่ง มันจะมีทั้งงานที่สำคัญ กับไม่สำคัญใช่ไหมครับ
00:11:38 → 00:11:41 ผมเพิ่มอีกตัวแปรหนึ่งไป คือเรื่องของความด่วน
00:11:41 → 00:11:42 ด่วน หรือไม่ด่วน
00:11:43 → 00:11:44 จับคูณเลยนะครับ
00:11:44 → 00:11:47 มันจะแบ่งเป็นทั้งงานสำคัญและด่วน
00:11:47 → 00:11:49 งานสำคัญ แต่ไม่ด่วน
00:11:49 → 00:11:52 งานไม่สำคัญ แต่ด่วน
00:11:52 → 00:11:55 งานไม่สำคัญ แถมยังไม่ด่วน
00:11:55 → 00:11:56 เอ้า มาดูทีละอันกัน
00:11:56 → 00:11:59 โฟกัสที่ตัวของงานที่สำคัญเลยครับ
00:11:59 → 00:12:01 ยังไงสำคัญก็ต้องทำใช่ไหม
00:12:01 → 00:12:06 ถ้าสำคัญ แล้วมันมาโดยที่เรารู้
00:12:06 → 00:12:09 มันมีแผนได้ อันนี้เราเรียกว่า สำคัญแต่ไม่ด่วน
00:12:09 → 00:12:10 จริง ๆ อยากให้ทำอันนี้ก่อน
00:12:10 → 00:12:13 เพราะงานที่สำคัญ เราต้องใช้เวลากับมัน
00:12:13 → 00:12:17 เราต้องให้ ทุ่มเททรัพยากรที่เรามีกับมัน
00:12:17 → 00:12:18 และทำให้เสร็จให้เร็ว
00:12:18 → 00:12:22 เพื่อที่มันจะไม่แปรเปลี่ยนไปเป็น งานสำคัญที่ด่วน
00:12:22 → 00:12:23 เพราะว่าถ้าสำคัญแล้วด่วน
00:12:23 → 00:12:25 บางทีเรามักจะทำออกมาไม่ดี
00:12:25 → 00:12:28 เพราะมันมีกรอบเวลาที่มันจำกัด และมันแคบ
00:12:28 → 00:12:30 ถ้าเราทำงานที่สำคัญได้ดี
00:12:30 → 00:12:32 ผมเชื่อว่าเราจะ Productive มาก ๆ เลยนะครับ
00:12:32 → 00:12:35 เพราะว่างานที่ออกมามันจะทำให้เราพึงพอใจ
00:12:35 → 00:12:37 ผู้รับผลผลิตผลงานของเราไป เขาก็จะพึงพอใจ
00:12:37 → 00:12:41 แต่ส่วนที่ไม่อยากให้ไปยุ่งกับมันมาก
00:12:41 → 00:12:43 แต่มันมักจะมากวนชีวิตของเรา
00:12:43 → 00:12:44 คืองานที่ไม่สำคัญ
00:12:44 → 00:12:46 คำมันบอกอยู่แล้วว่ามันไม่สำคัญ
00:12:46 → 00:12:48 ถ้ามันไม่สำคัญ แต่บางทีมันต้องทำ
00:12:49 → 00:12:51 มันต้องทำเพราะว่ามันเป็นหน้าที่ของเรา
00:12:51 → 00:12:54 หรือบางทีมันเป็นเพราะ... แหม...ฟังแล้วน่าเห็นใจ
00:12:54 → 00:12:56 ไม่มีใครทำ เราก็เลยต้องเป็นคนทำ
00:12:56 → 00:12:59 เรามักจะไปใช้เวลากับเรื่องของงาน ที่ไม่สำคัญ แต่ไม่ด่วน
00:13:00 → 00:13:03 เช่น ฉันชอบทำอันนี้ เพราะฉันชอบทำ มันง่าย ฉันก็เลยไปทำ
00:13:03 → 00:13:05 แต่ถ้าทำบ่อย ๆ บ่อย ๆ
00:13:05 → 00:13:08 คุณจะกลายไปเป็นคนที่ องค์กรไม่ค่อยเห็นความสำคัญนะ
00:13:08 → 00:13:11 เพราะว่าคุณทำได้แต่งานที่ไม่สำคัญ แถมยังไม่ด่วน
00:13:11 → 00:13:14 แต่บางงานมันเป็นงานที่ไม่สำคัญ แต่มันด่วน
00:13:15 → 00:13:16 ก็อาจจะต้องเลือกเหมือนกันว่า
00:13:16 → 00:13:19 เอ๊ะ ต้องทำ เพราะถ้าไม่ทำ มันจะไปกระทบกับคนอื่น
00:13:19 → 00:13:22 ก็อาจจะต้องทำ เพื่อไม่ให้เป็นดินพอกหางหมูนะครับ
00:13:22 → 00:13:23 ผ่านไปแล้ว 3 ข้อนะครับ
00:13:23 → 00:13:30 สำหรับข้อที่ 4 อันนี้เป็นเรื่องของ การผัดวันประกันพรุ่ง
00:13:30 → 00:13:32 โอ้โฮ พวกเราได้ยินเรื่องนี้ มาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก
00:13:33 → 00:13:35 เราอยู่ในโรงเรียน คุณครูสอนมาตลอดว่า
00:13:35 → 00:13:39 อย่าผัดวันประกันพรุ่งนะลูก ไม่งั้นเดี๋ยวดินจะพอกหางหมูต่าง ๆ นานา
00:13:39 → 00:13:41 เราฟังกันมาตลอด
00:13:41 → 00:13:44 บอกลูกตัวเองเวลาที่เขาทำงานไม่เสร็จ เราก็บอกมาตลอด
00:13:44 → 00:13:47 แต่บางที กับตัวเราบางทีเราทำไม่ได้
00:13:47 → 00:13:48 เราทำไม่ได้เพราะอะไร
00:13:48 → 00:13:51 บางที เราเองไม่ชอบงานที่เราจะต้องทำ
00:13:52 → 00:13:54 เราเองเรารู้สึกว่างานที่เราทำ มันไม่สนุก
00:13:54 → 00:13:57 มันน่าเบื่อ มันไม่ได้ผลตอบแทนที่มันดีพอ
00:13:57 → 00:13:58 เราก็เลยบอก เอ้า ไว้เดี๋ยวค่อยทำ
00:13:59 → 00:14:02 แล้วพอไว้เดี๋ยวค่อยทำ ไว้เดี๋ยวค่อยทำ ไว้เดี๋ยวค่อยทำเรื่อย ๆ
00:14:02 → 00:14:05 จากงานไม่ด่วน มันกลายเป็นงานด่วนไง
00:14:05 → 00:14:07 แล้วถ้างานนั้นมันดันสำคัญ
00:14:08 → 00:14:10 แล้วมันไม่ด่วน มันมาเป็นด่วน
00:14:10 → 00:14:12 เกิดผลเสียหายเยอะนะครับ เวลาถ้าเกิดเราทำไม่เสร็จ
00:14:12 → 00:14:15 หรือมันทำแล้ว ประสิทธิภาพมันไม่ได้ดีเท่าเดิม
00:14:15 → 00:14:17 มันจะไม่ Productive นะครับ
00:14:17 → 00:14:20 ดังนั้น การที่เราเลิกผัดวันประกันพรุ่ง
00:14:20 → 00:14:22 จัดลำดับความสำคัญ มันก็เลยสัมพันธ์กัน
00:14:22 → 00:14:28 ในขณะเดียวกัน ระหว่างทางจริง ๆ มันมี สิ่งที่มันมาดึงความสนใจเราไปตลอดเลย
00:14:28 → 00:14:32 เช่น วันนี้มีซีรีส์ตอนใหม่ออกอากาศ
00:14:33 → 00:14:35 วันนี้มีเกมใหม่
00:14:35 → 00:14:38 ที่มา stream ให้ดูพอดี
00:14:38 → 00:14:39 ต้องไปทำพอดี
00:14:39 → 00:14:45 คนเราบางทีก็จะไปใช้เวลากับเรื่องอื่น ๆ ที่เป็นเรื่องของการพักผ่อนหย่อนใจ
00:14:45 → 00:14:48 จนกระทั่งผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อย ๆ
00:14:48 → 00:14:51 แล้วก็ให้เหตุผลกับตัวเองด้วยว่า ทำไมฉันจะไม่ทำ
00:14:51 → 00:14:53 ทำไมฉันจะไม่ทำงานถึงสิ่งที่ควรจะทำ
00:14:53 → 00:14:55 แล้วก็รบกวนและเบียดเบียนตัวเองไปเรื่อย ๆ
00:14:55 → 00:14:58 จนกระทั่งมันเกิดความไม่ Productive นะครับ
00:14:59 → 00:15:03 ข้อที่ 5 สำหรับการเพิ่มความ Productive คือ
00:15:03 → 00:15:06 ลดการใช้สื่อโซเชียล
00:15:06 → 00:15:09 แล้วหันมาทำกิจกรรมกับคนใกล้ชิด คนรอบตัว
00:15:09 → 00:15:13 คล้าย ๆ กับข้อที่บอกไป เรื่องของผัดวันประกันพรุ่ง
00:15:13 → 00:15:14 เพราะสื่อโซเชียลต่าง ๆ นานา
00:15:14 → 00:15:18 สื่อสังคมออนไลน์ พร้อมที่จะดึงเราออกไปทั้งหมด
00:15:18 → 00:15:20 แต่ไม่ใช่มหิดลแชนแนลพอดแคสต์ของเรานะ
00:15:20 → 00:15:23 เพราะของเราให้สาระกับทุกคนตลอดเวลาจริง ๆ
00:15:23 → 00:15:27 ถ้าเกิดฟังแล้ว ใช้แล้วรู้สึกว่ามันเสียเวลา
00:15:27 → 00:15:30 เคยเป็นไหมเสาร์อาทิตย์ บางทีไถสื่อสังคมออนไลน์
00:15:30 → 00:15:33 ไถจนกระทั่งหมดแล้ว วนกลับมาก็ยังไถอีก
00:15:33 → 00:15:34 แต่ไม่รู้จะออกไปไหน
00:15:34 → 00:15:36 เพราะบางทีใช้เยอะ ใช้จนชิน
00:15:36 → 00:15:40 แต่จริง ๆ แล้วคนในบ้าน คนในครอบครัว คนรอบตัวเราหลาย ๆ คน
00:15:40 → 00:15:43 มีความน่าสนใจ มีเรื่องราว
00:15:44 → 00:15:47 หรือมีสิ่งที่เราควรจะสื่อสารพูดคุยกัน
00:15:47 → 00:15:52 การที่เราได้กลับไปสื่อสาร ได้กลับไปพูดคุย กับคนรอบข้างและทำกิจกรรมร่วมกันนี่
00:15:52 → 00:15:55 มันจะเติมเรื่องของความสัมพันธ์ในบ้านครับ
00:15:55 → 00:15:58 การเติมความสัมพันธ์ในบ้านจะเพิ่มอะไรครับ
00:15:58 → 00:16:01 เพิ่มฮอร์โมนที่เราเรียกว่า ออกซิโตซิน
00:16:01 → 00:16:05 ออกซิโตซินเป็นฮอร์โมน ที่ช่วยเรื่องของความสัมพันธ์ในครอบครัว
00:16:06 → 00:16:09 เพิ่มสายใยของคนในครอบครัวโดยไม่รู้ตัว
00:16:09 → 00:16:12 แล้วก็ไปลดฮอร์โมน ที่เป็นฮอร์โมนแห่งความเครียดโดยไม่รู้ตัว
00:16:13 → 00:16:15 ซึ่งถ้าอยู่ในสื่อสังคมออนไลน์
00:16:15 → 00:16:16 มันแทนกันไม่ได้ครับ
00:16:16 → 00:16:19 มันแทนการมีปฏิสัมพันธ์ต่อหน้ากันไม่ได้แน่ ๆ
00:16:19 → 00:16:22 ดังนั้นแนะนำ ถ้าอยากเพิ่ม Productive ลดโซเชียลสักหน่อย
00:16:22 → 00:16:25 ในวันที่เรามีเวลาในการอยู่ด้วยกันนะครับ
00:16:26 → 00:16:31 ข้อที่ 6 คือเรื่องของการทำกิจกรรม หรือทำงานอดิเรกที่เราสนใจ
00:16:32 → 00:16:35 ผมใช้กว้าง ๆ เพราะว่างานอดิเรก ที่แต่ละคนสนใจไม่เหมือนกัน
00:16:36 → 00:16:38 บางคนชอบออกกำลังกาย
00:16:38 → 00:16:40 ชอบไปฟิตเนส ชอบไปยิม
00:16:40 → 00:16:43 บางคนชอบออกไปเดินรอบ ๆ หมู่บ้าน
00:16:43 → 00:16:45 บางคนชอบออกไปเดินใต้คอนโด
00:16:45 → 00:16:48 มีวิธีการต่าง ๆ นานามากมายหลากหลาย การออกกำลังกาย
00:16:48 → 00:16:50 บางคนไม่ออกกำลังกาย
00:16:50 → 00:16:52 ทำกิจกรรมที่ตัวเองสนใจเช่นอะไร
00:16:52 → 00:16:53 อ่านหนังสือ
00:16:53 → 00:16:55 ไปเดินชอปปิง
00:16:55 → 00:16:58 ไปดูหนัง ไปฟังเพลง
00:16:58 → 00:17:00 ไปเล่นกับน้องหมาน้องแมวที่บ้าน
00:17:01 → 00:17:04 สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้คือกิจกรรม งานอดิเรก
00:17:04 → 00:17:07 หรือ Activity ที่แต่ละคนสนใจ ซึ่งสามารถไปทำได้
00:17:07 → 00:17:10 แต่เน้นย้ำแบบนี้ครับ Activity ที่สนใจ
00:17:10 → 00:17:15 ต้องเป็น Activity ที่ไม่ก่อให้เกิดผลเสีย หรือผลกระทบเชิงลบนะครับ
00:17:15 → 00:17:19 เพราะบางที บางพฤติกรรมไปทำแล้ว สนุกชั่วครั้งชั่วคราว
00:17:19 → 00:17:23 แต่ในระยะยาวส่งผลเสียมหาศาล อันนี้ก็ไม่แนะนำเช่นเดียวกัน
00:17:24 → 00:17:26 ข้อสุดท้ายของการเพิ่มความ Productive นะครับ
00:17:26 → 00:17:30 คือให้ความสำคัญกับเรื่องของ Work-Life Balance
00:17:31 → 00:17:36 ผมเชื่อว่ามนุษย์ Gen Y หรือ Gen Z เน้นตรงนี้มาก ๆ เรื่องของ Work-Life Balance
00:17:37 → 00:17:42 ทำไมพวกเราถึงไม่ทำงานจนกระทั่ง โอ้โฮ...ถาโถม
00:17:42 → 00:17:44 ทำไมพวกเราถึงไม่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ
00:17:45 → 00:17:47 เพราะว่าคน Gen Y หรือ Gen Z รู้สึกว่า
00:17:47 → 00:17:51 เราควรที่จะมีเวลาให้ตัวเอง
00:17:52 → 00:17:54 ในความสมดุลของชีวิต
00:17:54 → 00:17:56 ชีวิตไม่ได้มีแค่งาน งาน ๆ
00:17:56 → 00:18:00 หลาย ๆ คนบอกว่า ถ้ามีเรื่องครอบครัวมา ฉันไปครอบครัวก่อน
00:18:00 → 00:18:03 ถ้ามีเรื่องแฟนมา ฉันไปเรื่องแฟนก่อน
00:18:03 → 00:18:05 ถ้ามีเรื่องลูกมา ฉันไปเรื่องลูกก่อน
00:18:06 → 00:18:08 แบบนี้แต่ละคนให้คุณค่าไม่เหมือนกันนะ
00:18:09 → 00:18:13 ซึ่งอยากชวนคิด สำหรับคนที่เป็นหัวหน้างาน
00:18:14 → 00:18:17 บางทีหัวหน้างานที่อยู่ในฐานะผู้บังคับบัญชา
00:18:17 → 00:18:20 บางคนอาจจะไม่เข้าใจลูกทีม
00:18:20 → 00:18:23 เพราะว่าบางทีผู้บังคับบัญชาหรือว่าหัวหน้า
00:18:23 → 00:18:27 ก็รู้สึกว่ามุ่งที่งานเป็นหลัก จะต้องอย่างนั้นอย่างนี้เท่านั้น
00:18:27 → 00:18:29 แต่สุดท้ายมันไม่ไปด้วยกัน
00:18:30 → 00:18:34 ถ้าสุดท้ายมุ่งที่งานอย่างเดียว ไม่เกิด Work-Life Balance ลูกทีมไม่เอาด้วย
00:18:34 → 00:18:35 คุณจะไปทำงานกับใคร
00:18:36 → 00:18:37 มันไม่เหลือใครทำงานกับคุณนะ
00:18:37 → 00:18:39 คุณเอาบริษัทคนเดียวไหวไหม
00:18:39 → 00:18:41 พาองค์กรไปรอดคนเดียวไหวไหม
00:18:41 → 00:18:43 ผมเชื่อว่าไม่ไหวนะ
00:18:43 → 00:18:46 และถ้าอยากทำงานกับ คนรุ่น Gen Y หรือ Gen Z นี่นะครับ
00:18:47 → 00:18:50 Work-Life Balance เขาให้คุณค่าอย่างมาก ๆ เลยทีเดียว
00:18:51 → 00:18:55 Work-Life Balance ของพวกเขา ก็อาจจะมีการให้รางวัลตัวเองในวันหยุด
00:18:55 → 00:18:59 มีเวลา ถึงจะทำงานหนักแค่ไหน แต่เขาก็จะมาออกกำลังกายตอนเย็นทุกวัน
00:18:59 → 00:19:01 เขาจะเข้ายิมตามตารางที่เขาวางไว้ทุกวัน
00:19:02 → 00:19:05 ดังนั้น การที่เขาไม่ได้ทำงานนอกเวลา
00:19:05 → 00:19:07 การที่เขาไม่ได้ทำงานเยอะเท่าคุณ
00:19:07 → 00:19:11 ไม่ได้แปลว่าเขาขี้เกียจ หรือไม่ได้แปลว่าเขาไม่ Productive นะครับ
00:19:11 → 00:19:15 สิ่งนั้นที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ อาจจะส่งผลต่อ Productive ในระยะยาว
00:19:15 → 00:19:18 ซึ่งสำคัญกว่า Productive ระยะสั้น
00:19:18 → 00:19:23 หลังจากเราฟังเรื่องของ การเพิ่ม Productive ไปแล้ว 7 วิธี
00:19:23 → 00:19:25 ทีนี้มาฝั่งตรงกันข้ามบ้าง
00:19:25 → 00:19:27 จาก 7 อันนี้เราเหลือ 5
00:19:27 → 00:19:32 [เสียงดนตรี]
00:19:32 → 00:19:36 5 พฤติกรรมการทำงานที่ถ่วงความเจริญก้าวหน้า
00:19:36 → 00:19:38 โอ้โฮ ฟังแล้วปวดใจ เดี๋ยวขอเป็นภาษาอังกฤษแล้วกันนะ
00:19:39 → 00:19:42 5 Counterproductive Work Behavior
00:19:42 → 00:19:44 หมายความว่าไม่ควรทำนะ
00:19:44 → 00:19:50 เดี๋ยวฟังก่อน ข้อแรกคือ คนที่ชอบวิจารณ์ คนที่ชอบออกความเห็น
00:19:50 → 00:19:51 คนกลุ่มนี้เป็นไง
00:19:52 → 00:19:55 พูดเก่ง ตำหนิเก่ง
00:19:56 → 00:19:58 หรือเรียกง่าย ๆ ปากเก่ง
00:19:58 → 00:20:01 ใช้ปากทำงานนะ ไปที่ไหนไม่มีใครชอบหรอกครับ
00:20:01 → 00:20:03 คนกลุ่มนี้มักจะส่งพลังทางลบ
00:20:03 → 00:20:07 เห็นอะไรก็ตำหนิ เห็นอะไรก็ไม่ชอบอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ดี
00:20:07 → 00:20:10 คนเหล่านี้ มักจะมีคนจับกลุ่มกันนินทา
00:20:11 → 00:20:12 เพื่อจะบอกว่า แหม...ทีตัวเองไม่ทำ
00:20:12 → 00:20:15 ชอบสั่ง ชอบบอกคนนั้นคนนี้ ชอบตำหนิคนนั้นคนนี้
00:20:15 → 00:20:17 ทำได้ไหมตัวเองน่ะ อะไรอย่างนี้ครับ
00:20:17 → 00:20:21 ดังนั้นแล้วอย่างแรกคือ เราไม่อยากให้วิจารณ์หรือไม่อยากให้ตำหนิ
00:20:21 → 00:20:24 จนกระทั่งส่งผลกระทบทางลบกับคนอื่นนะครับ
00:20:24 → 00:20:29 พฤติกรรมที่ 2 ที่ไม่แนะนำให้ทำคือ คนที่ชอบทำงานเดิม ๆ ซ้ำ ๆ
00:20:29 → 00:20:31 ในยุคของศตวรรษที่ 21
00:20:31 → 00:20:35 เราพูดถึงทักษะที่เรียกว่า Reskill, Upskill
00:20:36 → 00:20:39 ทักษะเดิม ๆ ที่ทำซ้ำ ๆ ได้
00:20:39 → 00:20:41 ใช้ความง่ายซ้ำ ๆ
00:20:41 → 00:20:43 เชื่อผมไหมครับ อนาคตคุณจะไม่มีงานทำ
00:20:43 → 00:20:46 เพราะว่าคุณจะถูกหุ่นยนต์ทํางานแทน
00:20:46 → 00:20:51 AI เก่งมาก ๆ ในการทำงานที่ซ้ำ ๆ เหมือนเดิม
00:20:51 → 00:20:54 ดังนั้น ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณไม่อยาก ถูกหุ่นยนต์แย่งงาน
00:20:55 → 00:21:00 มาชวนกันเพิ่มทักษะตัวเอง มาชวนกันหาทักษะใหม่ ๆ ว่า
00:21:00 → 00:21:02 ฉันจะทำยังไง ฉันจะทำอะไร ต้องเพิ่มแล้วครับ
00:21:03 → 00:21:05 ยิ่งคนที่อาวุโสมากขึ้นในการทำงาน
00:21:05 → 00:21:10 คนกลุ่มนี้ องค์กรคาดหวังว่า คุณจะเป็นเมนเทอร์ให้คนอื่นได้
00:21:10 → 00:21:11 คุณจะโค้ชคนอื่นได้
00:21:11 → 00:21:14 คุณจะ Contribute ให้องค์กรได้ มากกว่าเด็ก ๆ ที่จบใหม่ ๆ
00:21:14 → 00:21:17 ดังนั้น ไม่แนะนำให้ทำงานเดิม ๆ ซ้ำ ๆ
00:21:17 → 00:21:20 พฤติกรรมที่ 3 ที่จะเกิดการ Counterproductive นะครับ
00:21:20 → 00:21:23 คือกลุ่มที่ไม่มีการวางเป้าหมาย ในการดำเนินชีวิต
00:21:24 → 00:21:26 หรือเรียกง่าย ๆ ก็คือ ใช้ชีวิตไปวัน ๆ
00:21:27 → 00:21:30 คนที่ไม่มีการวางเป้าหมายในการดำเนินชีวิต
00:21:30 → 00:21:32 มักจะเริ่มผิดพลาดที่ Step แรก
00:21:32 → 00:21:36 คือ การที่เขาไม่รู้ว่าตัวเขาเอง ให้คุณค่าและความหมายกับเรื่องอะไร
00:21:37 → 00:21:44 เขาไม่รู้ว่าตัวเขาเองกำลังอยู่ในจุดไหน ของเส้นทางการเดินทางของชีวิตการทำงาน
00:21:45 → 00:21:47 แน่นอนเวลาที่ไม่รู้เส้นทาง ไม่รู้เป้าหมาย
00:21:48 → 00:21:52 มันก็เหมือนเรือที่แล่นไป แล้วไม่รู้แผนที่ว่าจะไปที่ไหน
00:21:52 → 00:21:54 มันก็ไปถึงก็มีแต่ทะเลเวิ้งว้าง
00:21:54 → 00:21:57 ไปถึงตรงนั้นก็แล้วแต่ เจอสัตว์อะไร เจออะไรมาขวาง
00:21:57 → 00:22:00 ก็ชนไป แล้วก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันไปวัน ๆ
00:22:00 → 00:22:02 มันจะไม่ Productive อย่างรุนแรงนะครับ
00:22:02 → 00:22:06 เพราะว่ามันทำ แล้วมันจะไปเจอแต่เรื่องของงานที่ไม่สำคัญ
00:22:06 → 00:22:09 แต่มันด่วนตลอดเวลา เพราะมันไม่เคยมีเป้าหมายว่าจะทำไปทำไม
00:22:09 → 00:22:12 ดังนั้น ชวนตั้งเป้าหมาย เพื่อไม่ให้ถ่วงความเจริญนะครับ
00:22:12 → 00:22:17 พฤติกรรมที่ 4 คือ คนที่ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง
00:22:17 → 00:22:19 คนที่ขาดความเชื่อมั่นในตัวเองนี่
00:22:19 → 00:22:22 จะทำให้ Counterproductive ได้อย่างไรบ้าง
00:22:22 → 00:22:24 เป็นเพราะว่าเวลาที่ไม่เชื่อมั่นแล้วนี่
00:22:25 → 00:22:26 มันจะไม่กล้าทำอะไรเลยนะครับ
00:22:26 → 00:22:28 เวลาที่จะทำอะไรแต่ละอย่าง
00:22:28 → 00:22:30 ก็จะกลับมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า
00:22:30 → 00:22:34 เอ๊ะ มันจะดีไหม เดี๋ยวไปถามคนนี้ก่อนดีกว่า
00:22:34 → 00:22:36 เอ๊ะ หัวหน้าจะว่าหรือเปล่านะ
00:22:36 → 00:22:39 เอ๊ะ เพื่อนร่วมงานจะมองฉันยังไงนะ
00:22:39 → 00:22:41 เอ๊ะ แล้วถ้ามีคนเอาไปโพสต์โซเชียล
00:22:41 → 00:22:44 เอ๊ะ ในกลุ่มไลน์บริษัท จะมีคนเมาท์ฉันหรือเปล่านะ
00:22:44 → 00:22:45 โน่น นี่ นั่น โน่น
00:22:45 → 00:22:47 สุดท้ายคืออะไรครับ ไม่ทำ
00:22:47 → 00:22:50 ไม่ทำก็มักจะโดน คนที่ Productive กว่า เอาไปทำ
00:22:50 → 00:22:53 คุณก็จะต้องมาทำงานเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ที่ไม่มีใครทำนะครับ
00:22:53 → 00:22:56 ส่วนพฤติกรรมสุดท้ายของ Counterproductive
00:22:56 → 00:22:58 เรื่องของการไม่เปิดใจรับฟัง
00:22:59 → 00:23:00 จริง ๆ การไม่เปิดใจรับฟัง
00:23:00 → 00:23:04 มันเป็นการสะท้อนถึง การไม่ยอมรับในความแตกต่าง
00:23:04 → 00:23:06 ไม่ยอมรับในความหลากหลายครับ
00:23:06 → 00:23:08 คนที่ไม่เปิดใจรับฟัง
00:23:08 → 00:23:12 ไม่เปิดใจ จะส่งผลกับตัวเองและส่งผลต่อคนอื่น
00:23:12 → 00:23:13 เพราะอะไร ตัวเองก็จะหงุดหงิด
00:23:14 → 00:23:17 ไม่โอเค ไม่พึงพอใจกับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่
00:23:17 → 00:23:19 ในขณะเดียวกันส่งผลต่อคนอื่นอย่างไร
00:23:19 → 00:23:21 ถ้าคนนั้นเป็นหัวหน้า
00:23:21 → 00:23:23 เป็นคนที่เป็นผู้บังคับบัญชา
00:23:23 → 00:23:25 หรือคนนั้นเป็นคนสำคัญในทีม
00:23:25 → 00:23:27 ก็มักจะคอยขัดคนอื่นตลอดเวลา
00:23:27 → 00:23:29 เพราะว่าเขาจะไปบอกอันนั้นไม่ดี อันนั้นไม่เหมาะ
00:23:29 → 00:23:30 ให้ฟังเขา ให้เชื่อเขาอย่างเดียว
00:23:31 → 00:23:34 แต่ถ้าคน ๆ นั้นเป็นลูกทีม ไม่เปิดใจ ไม่ฟัง
00:23:34 → 00:23:36 บางคนไม่แสดงวิธีการ ด้วยการที่พูดออกไปว่าฉันไม่เห็นด้วย
00:23:36 → 00:23:39 แต่บางทีเป็นการไม่ทำ ดื้อเงียบ
00:23:39 → 00:23:42 เพราะว่าอะไร ไม่สนใจ ไม่ฟัง ไม่ยอมรับความหลากหลาย
00:23:42 → 00:23:44 คนที่ไม่ทำ ไม่ยอมรับความหลากหลาย
00:23:45 → 00:23:47 ก็จะไม่สามารถทำงานร่วมกันเป็นทีมได้
00:23:47 → 00:23:50 ซึ่งจริง ๆ แล้วคุณสมบัติ ของการทำงานร่วมกันเป็นทีม
00:23:50 → 00:23:54 เป็นคุณสมบัติสำคัญอย่างหนึ่งเลย ในการดำรงชีวิตอยู่ในโลกยุคปัจจุบัน
00:23:54 → 00:23:56 เป็นยังไงกันบ้างครับ ได้ฟังไปทั้งหมดแล้วนะครับ
00:23:56 → 00:24:00 ทั้งเรื่องของ 7 วิธี ในการเพิ่มความ Productive
00:24:00 → 00:24:04 และ 5 พฤติกรรมของการทำงาน ที่ถ่วงความเจริญก้าวหน้า
00:24:05 → 00:24:09 เลือกได้เนอะว่าอยากจะทำข้างไหน อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ
00:24:10 → 00:24:14 แล้วเราจะได้ใช้เวลา 24 ชั่วโมงของเรา ให้ Productive
00:24:14 → 00:24:16 ให้เกิดการทํางานที่มีประสิทธิภาพ
00:24:16 → 00:24:19 ให้เราเป็นคนที่องค์กรต้องการ
00:24:19 → 00:24:23 ให้เราไม่ Burnout ให้เรามีคุณค่า แล้วเรามีความหมาย
00:24:23 → 00:24:26 พบกับรายการ Re-Mind รู้ทันปัญหาสุขภาพจิต
00:24:27 → 00:24:31 สำรวจอารมณ์ความคิด เข้าใจพฤติกรรมของตนเองและคนใกล้ตัว
00:24:32 → 00:24:34 ทุกวันจันทร์ เวลา 18.00 น.
00:24:34 → 00:24:36 ที่ Mahidol Channel Podcast
00:24:36 → 00:24:38 ผ่านช่องทาง Facebook Mahidol Channel
00:24:39 → 00:24:40 YouTube Mahidol Channel
00:24:41 → 00:24:42 Apple Podcasts
00:24:42 → 00:24:43 Spotify
00:24:43 → 00:24:44 Anchor
00:24:44 → 00:24:45 Blockdit
00:24:47 → 00:24:52 ดำเนินรายการโดย หมอหลิว อาจารย์นายแพทย์สมบูรณ์ หทัยอยู่สุข