00:00:00 → 00:00:04 ขอต้อนรับสู่หมอพัทรพ talk ความรู้สุขภาพ
00:00:04 → 00:00:09 ลึกและฟรีมีที่นี่
00:00:09 → 00:00:13 อืมคุณผู้ฟังเคยสงสัยมั้ครับว่าทำไมบางที
00:00:13 → 00:00:17 เราคุมอาหารแบบ low cฟหรือทำ IF ตั้งใจ
00:00:17 → 00:00:21 มากๆเลยนะแต่วัดน้ำตาลตอนเช้าเอ๊ทำไมมัน
00:00:21 → 00:00:23 ยังสูงปรี๊ดอยู่เลยหรือบางทียิ่งสูงกว่า
00:00:23 → 00:00:26 เดิมอีกวันนี้เราจะมาเจาะลึกข้อมูลเรื่อง
00:00:26 → 00:00:30 นี้กันครับว่าจริงๆแล้วมันเกิดอะไรขึ้น
00:00:30 → 00:00:33 เราจะมาดูกันว่าเอ่อร่างกายเราเนี่ยใช้
00:00:33 → 00:00:36 พลังงานยังไงโดยเฉพาะตอนทำ IF นะครับแล้ว
00:00:36 → 00:00:38 ก็มาทำความเข้าใจกลไกที่เขาเรียกว่า
00:00:39 → 00:00:41 Adaptive Glucose Saring หรือการสงวน
00:00:41 → 00:00:45 กลูโคสกันค่ะก็น่าจะช่วยคลายข้อสงสัยที่
00:00:45 → 00:00:48 หลายๆคนเจอได้นะคะเริ่มกันที่ IF ก่อนเลย
00:00:48 → 00:00:50 นะครับ Intermittent fasting เนี่ยหลัก
00:00:50 → 00:00:53 การง่ายๆก็คือการมีช่วงที่เราอดอาหาร
00:00:53 → 00:00:56 เพื่อให้ร่างกายได้พักได้ซ่อมแซมตัวเอง
00:00:56 → 00:00:59 แล้วพอถึงช่วงอดร่างกายก็จะเอ่อเอ่อไปดึง
00:00:59 → 00:01:02 เอาพลังงานสำรองที่เก็บไว้ใช้ใช่มั้ครับ
00:01:02 → 00:01:06 ใช่ค่ะพลังงานสำรองหลักๆก็มีอยู่ 2 แหล่ง
00:01:06 → 00:01:09 ใหญ่ๆนะคะคือไกลโคเจนอันนี้มาจาก
00:01:09 → 00:01:11 คาร์โบไฮเดรตที่เรากินเข้าไปเก็บไว้ที่
00:01:11 → 00:01:14 ตับกับกล้ามเนื้อแต่มีไม่เยอะมากนักใช้
00:01:14 → 00:01:17 แป๊บก็หมดกับอีกแหล่งที่ใหญ่กว่ามากๆเลย
00:01:17 → 00:01:19 ก็คือไขมันค่ะที่เก็บอยู่ในเซลล์ไขมัน
00:01:20 → 00:01:23 ทั่วร่างกายนี่แหละพอเราอดอาหารนานพอร่าง
00:01:23 → 00:01:25 กายก็จะเริ่มสลายไขมันออกมาใช้เป็นพลัง
00:01:25 → 00:01:30 งานหลักแทนอืมครับทีนี้ถ้ามองในมุมของคน
00:01:30 → 00:01:32 ที่เป็นเบาหวานล่ะครับข้อมูลที่เราดูกัน
00:01:33 → 00:01:35 มาเนี่ยมันชี้ว่าจริงๆน้ำตาลสูงเป็นแค่
00:01:36 → 00:01:39 อาการปลายทางแต่ต้นตอจริงๆมันมีปัญหาเชิง
00:01:39 → 00:01:42 ระบบที่อวัยวะหลายส่วนเลยถูกต้องเลยค่ะ
00:01:42 → 00:01:45 คือถ้าให้สรุปแบบสั้นๆนะคะในคนที่เป็นเบา
00:01:45 → 00:01:47 หวานเนี่ยมักจะมีปัญหาเรื้อรังเกิดขึ้น
00:01:47 → 00:01:50 กับอวัยวะสำคัญสำคัญประมาณ 4 ส่วนหลักๆ
00:01:50 → 00:01:54 ที่ทำงานผิดปกติไปก็จะมีตับอ่อนที่อาจจะ
00:01:54 → 00:01:57 สร้างอินซูลินได้น้อยลงหรือมีพังผืดมีตับ
00:01:57 → 00:02:01 ตบที่มักจะมีไขมันพอกตับดื้อตัวอินซูลิน
00:02:01 → 00:02:04 แล้วก็อาจจะสร้างน้ำตาลออกมาเยอะเกินด้วย
00:02:04 → 00:02:07 แล้วก็มีกล้ามเนื้อค่ะอันนี้ก็สำคัญมากมี
00:02:07 → 00:02:10 ไขมันแทรกดื้ออินซูลินใช้พลังงานได้ไม่
00:02:10 → 00:02:13 ค่อยดีแล้วก็ตัวเซลล์ไขมันเองก็อาจจะมี
00:02:13 → 00:02:16 การอักเสบรับสารอาหารได้แย่ลงโหมันกระทบ
00:02:16 → 00:02:19 กันไปหมดเลยนะครับเนี่ยใช่ค่ะมันเป็น
00:02:19 → 00:02:22 ปัญหาระดับทั้งระบบเลยทำให้การจัดการน้ำ
00:02:22 → 00:02:25 ตาลในร่างกายมันรวนไปหมดแล้วพอเราเริ่มลด
00:02:25 → 00:02:28 คาร์โบไฮเดรตลงฮะร่างกายที่ไม่คุ้นเคยกับ
00:02:28 → 00:02:32 การใช้ไขมันมันก็จะไปใช้เอ่อไกลโคเจนที่
00:02:32 → 00:02:35 เหลืออยู่ก่อนถูกมั้ครับใช่ค่ะมันจะดึง
00:02:35 → 00:02:38 ไกลโคเจนมาใช้ก่อนพอไกลโคเจนเริ่มร่อยหรอ
00:02:39 → 00:02:41 ลงซึ่งในผู้ป่วยเบาหวานเนี่ยการปรับตัว
00:02:41 → 00:02:44 ตรงเนี้ยอาจจะใช้เวลานานหน่อยนะคะอาจจะ
00:02:44 → 00:02:47 เป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนเลยร่างกายถึงจะ
00:02:47 → 00:02:50 ค่อยๆชิฟตไปใช้ไขมันเป็นหลักจริงๆจังๆคือ
00:02:50 → 00:02:55 สลายไขมันเป็นกรดไขมันแล้วก็เอ่อมี LDL
00:02:55 → 00:02:58 ช่วยขนส่งไปที่ตับให้ตับเปลี่ยนเป็นคีโตน
00:02:58 → 00:03:01 อ๋อครับเข้าสู่ภาวะที่เรียกว่าคีโตisนั่น
00:03:01 → 00:03:04 เองใช่ค่ะเข้าสู่คีโตสไอ้ช่วงเปลี่ยนผ่าน
00:03:04 → 00:03:07 นี่เองที่บางคนอาจจะเจออาการแปลกๆที่
00:03:07 → 00:03:10 เรียกว่าคีโตฟลูใช่มั้ยครับแบบเพรียมึนๆ
00:03:10 → 00:03:13 เหมือนจะเป็นไข้ใช่เลยค่ะช่วงที่ร่างกาย
00:03:13 → 00:03:16 กำลังหัดใช้คีโตนใหม่ๆยังไม่ค่อยเก่งก็
00:03:16 → 00:03:19 อาจจะมีอาการแบบนั้นได้ค่ะแต่ทีนี้มีจุด
00:03:19 → 00:03:22 สำคัญมากๆค่ะคือถึงแม้ร่างกายจะปรับตัวไป
00:03:22 → 00:03:25 ใช้คีโตนได้เก่งแล้วอยู่ในภาวะคีโตซิส
00:03:25 → 00:03:28 แล้วเนี่ยร่างร่างกายก็ยังต้องการกลูโคส
00:03:28 → 00:03:31 อยู่เสมอนะคะอ้าวเหรอครับนึกว่าจะใช้แต่
00:03:31 → 00:03:35 คีโตนอย่างเดียวไม่ใช่ค่ะเพราะว่ายังมี
00:03:35 → 00:03:38 เซลล์บางชนิดในร่างกายเราที่มันใช้ไขมัน
00:03:38 → 00:03:41 หรือคีโตนเป็นพลังงานไม่ได้หรือใช้ได้ไม่
00:03:41 → 00:03:43 ดีเท่าไหร่หลักๆเลยก็คือเม็ดเลือดแดง
00:03:43 → 00:03:46 เพราะมันไม่มีไมโตคอนเดรียค่ะแล้วก็มี
00:03:46 → 00:03:49 สมองบางส่วนที่ยังไงก็ต้องใช้กลูโคสแล้ว
00:03:49 → 00:03:53 ก็ต่อมหมกไตส่วนในด้วยอ๋อเข้าใจแล้วครับ
00:03:53 → 00:03:55 นี่คือเหตุผลว่าทำไมตับถึงยังต้องผลก
00:03:55 → 00:03:58 กลูโคสออกมาเรื่อยๆแม้เราจะกินาฟต่ำมากๆ
00:03:58 → 00:04:02 แล้วก็ตามถูกต้องค่ะซึ่งก็นำมาสู่เรื่อง
00:04:02 → 00:04:05 ที่เราเกริ่นไว้ตอนแรกเลยครับคือ Adaptive
00:04:05 → 00:04:08 Glucose Sparing หรือ Ags เนี่ยมันคือ
00:04:08 → 00:04:12 อะไรกันแน่ครับแล้วมันทำงานยังไงค่ะ AGS
00:04:12 → 00:04:15 หรือการสงวนกลูโคสเนี่ยมันเป็นกลไกการ
00:04:15 → 00:04:18 ปรับตัวที่ฉลาดมากๆของร่างกายนะคะเมื่อ
00:04:18 → 00:04:21 เราอยู่ในภาวะที่ได้รับคาร์โบไฮเดรตต่ำ
00:04:21 → 00:04:24 เป็นเวลานานๆร่างกายจะเรียนรู้ที่จะใช้
00:04:24 → 00:04:26 พลังงานจากไขมันกับคีอีโตนเป็นหลัดใน
00:04:26 → 00:04:30 เซลล์ส่วนใหญ่เพื่อที่จะสงวนหรือเก็บ
00:04:30 → 00:04:32 กลูโคสที่ตับผลิตเนี่ยเอาไว้ให้เฉพาะ
00:04:32 → 00:04:34 เซลล์หรือเนื้อเยื่อที่จำเป็นจริงๆที่เรา
00:04:34 → 00:04:37 คุยกันไปเมื่อกี้ค่ะแม้กระทั่งกล้ามเนื้อ
00:04:37 → 00:04:40 เองก็จะปรับตัวให้เก่งในการดึงไขมันมาใช้
00:04:40 → 00:04:43 เป็นพลังงานมากขึ้นแทนที่จะรอใช้แต่
00:04:43 → 00:04:46 กลูโคสอย่างเดียวโหร่างกายเรานี่ฉลาดจริง
00:04:46 → 00:04:49 ๆนะครับปรับตัวเก่งมากใช่ค่ะมันพยายามเอา
00:04:49 → 00:04:52 ตัวรอดและใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพที่
00:04:52 → 00:04:55 สุดทีนี้คำถามสำคัญเลยครับเชื่อมกลับไป
00:04:55 → 00:04:58 ที่ปัญหาแรกสุดทำไมคนเป็นเบาหวานบางคนที่
00:04:58 → 00:05:02 คุมอาหารlowคาบหรือทำ IF จนน่าจะอยู่ใน
00:05:02 → 00:05:05 ภาวะคีโทisแล้วเนี่ยน้ำตาลตอนเช้ามันยัง
00:05:05 → 00:05:07 สูงอยู่ได้ล่ะครับในเมื่อร่างกายก็น่าจะ
00:05:08 → 00:05:10 กำลังสังมวลกลูโคสอยู่ใช่มั้หรออ่ะ
00:05:10 → 00:05:13 ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ค่ะคือในผู้ป่วยเบา
00:05:13 → 00:05:15 หวานที่มักจะมีภาวะดื้อต่ออินซูลินซ่อน
00:05:15 → 00:05:18 อยู่หรือยังแก้ไขไม่หายดีเนี่ยนะคะแม้ว่า
00:05:18 → 00:05:21 ร่างกายจะปรับตัวจนใช้คีโตนได้เก่งแล้ว
00:05:21 → 00:05:25 เกิดคีโตadดaptationแต่ว่าการแก้แก้ไข
00:05:25 → 00:05:27 ภาวะดื้ออินซูลินที่เซลล์ต่างๆโดยเฉพาะ
00:05:27 → 00:05:30 ที่กล้ามเนื้อเนี่ยมันอาจจะยังตามไม่ทัน
00:05:30 → 00:05:35 หรือเกิดขึ้นช้ากว่าอ๋อหมายความว่าใช้
00:05:35 → 00:05:38 คี้โตนเก่งขึ้นแต่การตอบสนองต่ออินซูลิน
00:05:38 → 00:05:41 ยังไม่ดีขึ้นว่างั้นเถอะครับใช่ค่ะผลก็
00:05:41 → 00:05:45 คือตับก็ยังผลิตกลูโคสออกมาตามปกติเพื่อ
00:05:45 → 00:05:48 เลี้ยงเซลล์ที่จำเป็นแต่กล้ามเนื้อซึ่ง
00:05:48 → 00:05:50 เป็นเหมือนฟองน้ำขนาดใหญ่ที่คอยช่วยดูด
00:05:50 → 00:05:52 ซับน้ำตาลส่วนเกินเนี่ยมันยังดื้อต่อ
00:05:52 → 00:05:55 อินซูลินอยู่มันก็เลยไม่สามารถช่วยดึง
00:05:55 → 00:05:57 กลูโคสที่ลอยอยู่ในเลือดเนี่ยไปเก็บหรือ
00:05:57 → 00:05:59 เอาไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนเดิม
00:05:59 → 00:06:02 เข้าใจแล้วน้ำตาลมันก็เลยค้างอยู่ในกระแส
00:06:03 → 00:06:05 เลือดสูงโดยเฉพาะตอนเช้าๆหลังอดอาหารมา
00:06:05 → 00:06:07 ทั้งคืนเพราะกล้ามเนื้อไม่ช่วยเก็บถูก
00:06:07 → 00:06:10 ต้องเลยค่ะโดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่ไม่
00:06:10 → 00:06:13 ค่อยได้ออกกำลังกายกล้ามเนื้อไม่แข็งแรง
00:06:13 → 00:06:16 หรือมีมวลน้อยปัญหานี้ก็จะยิ่งเห็นชัด
00:06:16 → 00:06:20 ขึ้นซึ่งอาจจะทำให้ค่า A1C หรือค่าน้ำตาล
00:06:20 → 00:06:22 สะสมในเลือดสูงขึ้นได้เหมือนกันนะคะแต่
00:06:22 → 00:06:26 แน่นอนว่าบริบทมันต่างกันมากกับคนที่ A1C
00:06:26 → 00:06:29 เพราะคุมอาหารไม่ได้เลยอันนี้ต้องเข้าใจ
00:06:29 → 00:06:31 ตรงนี้ด้วยโอ้โหชัดเจนมากๆเลยครับแสดงว่า
00:06:31 → 00:06:33 แค่การคุมอาหารอย่างเดียวอาจจะยังไม่พอ
00:06:34 → 00:06:36 ต้องมีอย่างอื่นเข้ามาช่วยด้วยใช่เลยค่ะ
00:06:36 → 00:06:38 ข้อมูลที่เราดูกันมาเนี่ยเขาเน้นมากๆเลย
00:06:38 → 00:06:41 เรื่องการออกกำลังกายสำคัญมากเลยใช่มั้ย
00:06:41 → 00:06:44 ครับสำคัญมากๆค่ะเพราะการสร้างกล้ามเนื้อ
00:06:44 → 00:06:46 หรือทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงเนี่ยมันคือ
00:06:46 → 00:06:49 การเพิ่มเตาเผาหรือเพิ่มฟองน้ำที่จะช่วย
00:06:49 → 00:06:52 จัดการกับกลูโคสส่วนเกินนี้ได้ดีขึ้นอาจ
00:06:52 → 00:06:54 จะเป็นการออกกำลังกายแบบฮิตที่ใช้เวลาไม่
00:06:54 → 00:06:56 นานแต่เข้มข้นหรือพวก Body Wight
00:06:56 → 00:06:59 Training ก็ช่วยได้ครับนอกส่วนออกกำลัง
00:06:59 → 00:07:01 กายแล้วก็ยังมีเรื่องอื่นๆที่ช่วยได้อีก
00:07:01 → 00:07:05 นะคะเช่นการปรับเรื่องมื้ออาหารบางทีการ
00:07:05 → 00:07:08 ทำ OMAT หรือกินมื้อเดียวทั้งวันตลอดเวลา
00:07:08 → 00:07:10 อาจจะไม่เหมาะกับทุกคนลองกระจายโปรตีน
00:07:10 → 00:07:13 หรือมีคัไซคลิ่งบ้างเป็นครั้งคราวเพื่อ
00:07:13 → 00:07:15 กระตุ้นการทำงานของตับอ่อนและความไว
00:07:15 → 00:07:19 อินซูลินขาบไซคลิ่งคือการกลับมากินขาบ
00:07:19 → 00:07:21 เยอะขึ้นบ้างเป็นบางวันใช่มั้ยครับใช่ค่ะ
00:07:21 → 00:07:24 เป็นพักๆแล้วก็เรื่องพื้นฐานแต่สำคัญมาก
00:07:24 → 00:07:26 คือการจัดการความเครียดการนอนหลับให้
00:07:26 → 00:07:30 เพียงพอพวกนี้มีผลต่ออินซูลินหมดเลยรวม
00:07:30 → 00:07:32 ถึงการได้รับแร่ธาตุที่เพียงพออย่าง
00:07:32 → 00:07:34 แมกนีเซียมโครเมียมวิตามินดีหรือบางคนอาจ
00:07:35 → 00:07:36 จะพิจารณาตัวช่วยจากธรรมชาติเช่น
00:07:36 → 00:07:39 เบอร์เบอรีนหรือยาอย่างเม็ดโฟมินแต่พวก
00:07:39 → 00:07:41 นี้คือต้องปรึกษาคุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญ
00:07:41 → 00:07:45 ก่อนนะคะครับต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำน้ำตาล
00:07:45 → 00:07:47 ต่อเนื่องหรือ CGM เพื่อให้เห็นภาพรวมและ
00:07:48 → 00:07:51 เข้าใจร่างกายตัวเองมากขึ้นสรุปแล้วนะ
00:07:51 → 00:07:54 ครับน้ำตาลตอนเช้าที่ยังสูงอยู่ได้แม้จะ
00:07:54 → 00:07:56 คุม Low Carb หรือทำ IF แล้วเนี่ยอาจจะ
00:07:56 → 00:07:59 เป็นผลมาจากกลไก Adaptive Glucose SP
00:07:59 → 00:08:02 ที่ร่างกายพยายามสงนกลูโคสไว้ให้ส่วนที่
00:08:02 → 00:08:04 จำเป็นแต่ปัญหาที่แท้จริงอาจจะอยู่ที่
00:08:04 → 00:08:06 ภาวะดื้อต่ออินซูลินที่ยังไม่ได้รับการ
00:08:06 → 00:08:09 แก้ไขโดยเฉพาะที่กล้ามเนื้อทำให้มันไม่
00:08:09 → 00:08:11 สามารถช่วยเคลียร์น้ำตาลออกจากเลือดได้ดี
00:08:11 → 00:08:15 พอนั่นเองถูกต้องเลยค่ะและข้อคิดสุดท้าย
00:08:15 → 00:08:18 ที่อยากจะฝากไว้นะคะคือแม้ว่าร่างกายเรา
00:08:18 → 00:08:19 จะปรับตัวเรื่องการใช้แหล่งพลังงานได้
00:08:19 → 00:08:22 เก่งแค่ไหนก็ตามแต่การแก้ปัญหาที่ต้นตอ
00:08:22 → 00:08:24 จริงๆของเบาหวานอาจจะอยู่ที่การทำให้
00:08:24 → 00:08:27 เนื้อเยื่อของเราโดยเฉพาะกล้ามเนื้อเนี่ย
00:08:27 → 00:08:30 มันตอบสนองต่อสัญญาณต่างๆเช่นอินซูลิน
00:08:30 → 00:08:33 หรือกลูโคสได้ดีขึ้นซึ่งกุญแจสำคัญก็คือ
00:08:33 → 00:08:36 การออกกำลังกายและการปรับไลฟ์สไตล์โดยรวม
00:08:36 → 00:08:39 มากกว่าแค่การไปโฟกัสว่าเรากินอะไรหรือ
00:08:39 → 00:08:42 ไม่กินอะไรเข้าไปอย่างเดียวอืมน่าคิดมาก
00:08:42 → 00:08:45 เลยครับลองคิดตามดูนะคะว่ามีอะไรเล็กๆ
00:08:45 → 00:08:48 น้อยๆที่เราพอจะเริ่มทำได้ตั้งแต่วันนี้
00:08:48 → 00:08:50 เลยเพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อของเราเนี่ยมัน
00:08:50 → 00:08:53 ทำงานกับพลังงานต่างๆได้อย่างยืดหยุ่นและ
00:08:53 → 00:08:58 มีประสิทธิภาพมากขึ้นบ้างคะ
00:08:58 → 00:09:10 [เพลง]