00:00:00 → 00:00:05 เนื้อ
00:00:05 → 00:00:09 ผงกันบกพร่องทำให้เป็นมะเร็ง
00:00:09 → 00:00:14 น้ำยาเคมีบำบัดฉายแสงทำให้มะเร็งดื้อแล้ว
00:00:14 → 00:00:24 ก็รักษายากจริงหรือไม่ฟังคำตอบกันครับ
00:00:24 → 00:00:28 สวัสดีครับรู้สู้มะเร็งกับผมหมูนะครับจาก
00:00:28 → 00:00:31 ที่ทุกท่านได้รับชมไปเมื่อตอนที่แล้วนะ
00:00:31 → 00:00:36 ครับในหัวข้อเรื่องของเรื่องจริงที่หมอ
00:00:36 → 00:00:39 ไม่ยอมบอกนะครับแล้วก็ผมก็ได้พูดถึง
00:00:39 → 00:00:42 เรื่องเกี่ยวกับเซลล์มะเร็งเกิดขึ้นได้
00:00:42 → 00:00:45 อย่างไรนะครับก็ท่านก็สามารถกลับไปรับชม
00:00:45 → 00:00:48 ย้อนหลังได้นะครับสำหรับวันนี้เป็นตอนต่อ
00:00:48 → 00:00:50 ไปนะครับที่จะพูดกันเรื่องเกี่ยวกับ
00:00:50 → 00:00:53 เรื่องของภูมิคุ้มกันกับเรื่องของมะเร็ง
00:00:53 → 00:01:00 ว่ามันเกี่ยวข้องกันหรือเปล่านะครับ
00:01:00 → 00:01:04 ในข้อที่ 3 นะครับก็จะพูดถึงว่าถ้าภูมิ
00:01:04 → 00:01:10 คุ้มกันของเราแข็งแรงปกติดีเราก็จะไม่ไม่
00:01:10 → 00:01:13 มีเซลล์มะเร็งเกิดขึ้นเพราะที่จริงนี้
00:01:13 → 00:01:16 ต้องบอกว่าผิดนะครับจริงๆแล้วคนที่เป็น
00:01:16 → 00:01:17 มะเร็ง
00:01:17 → 00:01:22 มีทั้งหมดเลยถุงกันเขาก็ปกติดีถ้าไม่
00:01:22 → 00:01:25 เชื่อท่านก็ลองดูคนที่ป่วยเป็นมะเร็งนะ
00:01:25 → 00:01:30 ครับก่อนที่จะทำการรักษารักทำการผ่าตัดคำ
00:01:30 → 00:01:33 ให้การให้ยาเคมีบำบัดส่วนมากการเจาะเลือด
00:01:33 → 00:01:36 นะครับก็จะบ่งบอกได้ว่าท่านมีภูมิคุ้มกัน
00:01:36 → 00:01:40 ซึ่งส่วนมากก็อยู่ในเกณฑ์ปกติทั้งหมดนะ
00:01:40 → 00:01:44 ครับเพราะฉะนั้นก็ก็ไม่ได้สัมพันธ์กันเลย
00:01:44 → 00:01:47 แปลว่าคนที่มีภูมิคุ้มกันปกติก็ยังเป็น
00:01:47 → 00:01:50 มะเร็งได้นะครับเพราะฉะนั้นเรื่องนี้เป็น
00:01:50 → 00:01:59 การเชื่อมโยงที่ไม่เป็นเหตุเป็นผลกันครับ
00:01:59 → 00:02:03 ต่อมาเราจะเป็นข้อที่ 4 กับข้อที่ 5 ผมขอ
00:02:03 → 00:02:06 พูดรวมกันเลยนะครับก็จะพูดถึงว่าเรามี
00:02:06 → 00:02:09 ความบกพร่องหลายอย่างรวมทั้งภาวะของ
00:02:09 → 00:02:13 โภชนาการด้วยนะครับถ้าเราสามารถปรับแก้
00:02:13 → 00:02:15 ตรงนั้นได้ก็จะทำให้ภูมิคุ้มกันแล้วกลับ
00:02:15 → 00:02:19 มาปกติแล้วก็พูดในที่ 2 ว่าเราก็อาจจะไม่
00:02:19 → 00:02:21 เป็นมะเร็งซึ่งผมได้ที่บายไปตอนแรกแล้วนะ
00:02:21 → 00:02:25 ครับว่ามันไม่เกี่ยวกันการเกิดมะเร็งนะ
00:02:25 → 00:02:30 ครับเกิดได้โดยมีปัจจัย 2 อย่างนะครับคือ
00:02:30 → 00:02:34 ปัจจัยภายในและก็ปัจจัยภายนอกซึ่งต้องแยก
00:02:34 → 00:02:37 ออกมาอีกว่าปัจจัยภายในนั้นอาจจะเป็นจาก
00:02:37 → 00:02:42 พันธุกรรมที่ที่เราสืบทอดมาจากพ่อแม่ของ
00:02:42 → 00:02:46 เรานะครับแล้วก็ที่สองก็คือร่างกายเรามี
00:02:46 → 00:02:50 การเปลี่ยนแปลงมีการพัฒนาของเซลล์ตลอด
00:02:50 → 00:02:53 ตั้งแต่เซลล์ต้องเกิดแล้วก็ต้องพัฒนาจน
00:02:54 → 00:02:57 เต็มที่แล้วก็เมื่อถึงจุดหนึ่งแล้วเซลล์
00:02:57 → 00:03:01 ก็จะมีการเสื่อมสภาพแล้วก็ก็ถูกทำลายไปนะ
00:03:01 → 00:03:02 ครับเพราะฉะนั้นเซลล์จะมีการผลิตออกมา
00:03:02 → 00:03:05 ตลอดในกระบวนการผลิตทุกๆวันอาจจะมีบาง
00:03:05 → 00:03:09 ครั้งที่มีการผลิตขึ้นมาแล้วมันผิดนี้นะ
00:03:09 → 00:03:12 ครับแล้วตรงนี้ก็ทำให้เกิดได้ซึ่งตรงนี้
00:03:12 → 00:03:16 เป็นภาวะที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญโดยที่เรา
00:03:16 → 00:03:19 ไม่สามารถจะทราบได้นะครับส่วนปัจจัยที่
00:03:19 → 00:03:23 เป็นปัจจัยภายนอกก็คือสิ่งต่างๆที่เราได้
00:03:23 → 00:03:26 รับมาจากภายนอกร่างกายของเราอย่างเช่นการ
00:03:26 → 00:03:29 ได้รับรังสีทั้งรังสีจากที่รังสีที่เรา
00:03:29 → 00:03:32 เข้าใจกันคือรังสีที่โดนกันทั่วไปอย่าง
00:03:32 → 00:03:33 รังสีพวก
00:03:33 → 00:03:37 กัมมันตภาพรังสีหรืออาจจะเป็นเรื่องของ
00:03:37 → 00:03:41 แสงแดดอย่าง UV ก็ทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง
00:03:41 → 00:03:44 ได้ถ้าเราได้รับเป็นเวลานานๆบ่อยๆนะครับ
00:03:44 → 00:03:48 แล้วก็เรื่องของสารเคมีมีหลากหลายมากมาย
00:03:48 → 00:03:51 หลายตัวเลยที่ทำให้เกิดกับมะเร็งได้นะ
00:03:51 → 00:03:54 ครับแล้วก็มีเรื่องของอ่า
00:03:54 → 00:03:59 บุหรี่เรื่องของแอลกอฮอล์แล้วก็ยังไม่รวม
00:03:59 → 00:04:02 ถึงการติดเชื้อไวรัสบางชนิดที่ทำให้เรา
00:04:02 → 00:04:05 อาจจะกลายเป็นมะเร็งได้ซึ่งตรงนี้ไม่ได้
00:04:05 → 00:04:08 เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันเลยนะครับเป็นการการ
00:04:08 → 00:04:12 เชื่อมโยงนะครับเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง
00:04:12 → 00:04:14 หรือเพื่อผลประโยชน์บางอย่างหรือเพื่อทำ
00:04:14 → 00:04:17 ให้เราเกิดความไขว้เขวก็แล้วแต่แต่ผมขอ
00:04:17 → 00:04:23 สรุปเลยนะครับว่าพุงกันที่ลดลงไม่ได้ทำ
00:04:23 → 00:04:25 ให้เราเป็นมะเร็งถ้าไม่อย่างนั้นแล้วถ้า
00:04:25 → 00:04:28 คิดแบบนี้แล้วคนที่มีโรคภูมิคุ้มกันบก
00:04:28 → 00:04:32 พร่องหรือคนที่ได้รับการรักษาเพื่อกดปุ่ม
00:04:32 → 00:04:36 กันได้ยาจากหมอแล้วกดถุงกันคนพรุ่งนี้ก็
00:04:36 → 00:04:38 ต้องเสี่ยงเป็นมะเร็งสิครับซึ่งมันไม่ใช่
00:04:38 → 00:04:44 ครับ
00:04:44 → 00:04:47 แต่ว่าเป็นข้อที่ 6 นะครับข้อที่ 6 ก็จะ
00:04:47 → 00:04:49 พูดถึงว่า
00:04:49 → 00:04:54 อุ้ยอย่าเคมีบำบัดนะครับทำให้เหมือนกับ
00:04:54 → 00:04:57 เราได้รับสารเคมีที่มีความเป็นพิษต่อ
00:04:57 → 00:05:00 เซลล์ที่มีการแบ่งตัวอย่างรวดเร็วนะครับ
00:05:00 → 00:05:05 ซึ่งก็จะทำให้ระบบทางเดินอาหารผมหรือว่า
00:05:05 → 00:05:08 อะไรอ้างของเราเนี่ยอาจจะต้องสูญเสียไปนะ
00:05:08 → 00:05:11 ครับแล้วก็อาจจะทำลายอวัยวะบางส่วนเช่น
00:05:11 → 00:05:14 ตับไปอะไรอย่างนี้เป็นต้นต้องบอกเป็นข้อ
00:05:14 → 00:05:17 มูลที่ถูกนะครับแต่ต้องเข้าใจก่อนนะครับ
00:05:17 → 00:05:18 ว่า
00:05:18 → 00:05:22 สันเคมีหรือยาเคมีที่เราให้เข้าไปนั้นเรา
00:05:22 → 00:05:26 ให้ในปริมาณจำกัดให้ในระยะเวลาที่เหมาะสม
00:05:26 → 00:05:30 นะครับมันจะมีผลกับเซลล์มะเร็งมากกว่าแต่
00:05:30 → 00:05:33 ก็มีผลกับเซลล์ของเราเหมือนกันนะครับแต่
00:05:33 → 00:05:37 ว่าเซลล์ปกติหลังจากที่เราหยุดให้ยาไป
00:05:37 → 00:05:41 แล้วส่วนใหญ่ก็จะกลับมาปกติมันอย่างที่คน
00:05:41 → 00:05:45 ที่เคยเจาะเลือดแล้วผลของเลือดต่ำนะครับ
00:05:45 → 00:05:48 แต่พอหลังจะหยุดค่ายาเคมีไปซักระยะนึงมัน
00:05:48 → 00:05:50 ก็ขึ้นมาปกติครับอ่าอันนี้ก็เช่นกันครับ
00:05:50 → 00:05:54 ไม่ได้หมายความว่ามันจะคงอยู่ต่อไปถาวร
00:05:54 → 00:05:59 ครับ
00:05:59 → 00:06:02 ทำมาเป็นข้อที่ 7 นะครับก็ที่เจอก็พูดถึง
00:06:02 → 00:06:07 ว่าการให้ยาเคมีการฉายแสงขอให้ในระยะเวลา
00:06:07 → 00:06:10 ช่วงแรกๆก็อาจจะตอบสนองแต่ขอให้เป็นนานๆ
00:06:10 → 00:06:13 ก็เหมือนกับว่าจะไม่ตอบสนองนะครับซึ่งตรง
00:06:13 → 00:06:16 นี้เป็นการพูดแบบเหมารวมนะครับเพราะว่า
00:06:16 → 00:06:20 ต้องบอกว่าหลายๆท่านที่เคยมีประสบการณ์
00:06:20 → 00:06:23 ได้รับยาเคมีได้รับการฉายแสงก่อนที่จะทำ
00:06:23 → 00:06:25 การรักษาอย่างเช่นการผ่าตัดหรืออะไรก็
00:06:25 → 00:06:30 แล้วแต่มีบางส่วนได้ยาแล้ว
00:06:30 → 00:06:33 แต่ก่อนหายไปเลยครับแม้แต่เอาไปตรวจชิ้น
00:06:33 → 00:06:36 เนื้อก็ไม่เจอครับที่เราเรียกทางการแพทย์
00:06:36 → 00:06:40 ว่า Complete พลาโตชิเข้าเรสปอนส์นะครับ
00:06:40 → 00:06:44 หรือบางคนก็ได้แล้วก็ยุคนะครับหรือว่าบาง
00:06:44 → 00:06:47 คนได้ไปแล้วก็อาจจะไม่เปลี่ยนแปลงอาจจะโต
00:06:47 → 00:06:50 ขึ้นบ้างนะครับซึ่งมันการตอบสนองของแต่ละ
00:06:50 → 00:06:54 คนก็ไม่เหมือนกันนะครับแล้วที่สำคัญหลายๆ
00:06:54 → 00:06:58 คนที่ได้รับยาเคมีบำบัดนะครับได้แล้วก็
00:06:58 → 00:07:01 ไม่กลับมาอีกเลยครับและอย่างนี้จะบอกว่า
00:07:01 → 00:07:03 ไม่ตอบสนองได้ยังไงครับเพราะฉะนั้นเป็น
00:07:03 → 00:07:07 การเหมารวมแค่พูดแค่บางเคสซึ่งต้องยอมรับ
00:07:07 → 00:07:10 ว่ามีบางเคสที่อาจจะไม่ตอบสนองจริงครับ
00:07:10 → 00:07:12 แต่ไม่ได้หมายความเหมารวมอย่างนี้ครับ
00:07:12 → 00:07:15 อย่างนี้เป็นการพูดเหมารวมแบบทุกอย่าง
00:07:15 → 00:07:22 ซึ่งมันไม่ใช่ครับ
00:07:22 → 00:07:25 ตอนนั้นเป็นข้อที่ 8 นะครับข้อที่แปลกและ
00:07:25 → 00:07:28 จะพูดถึงว่าเมื่อเวลาเราได้รับยาเคมี
00:07:28 → 00:07:31 บำบัดนะครับแล้วก็จับมากระทบกับพุงกันของ
00:07:32 → 00:07:34 เราทำให้เรามีโอกาสติดเชื้อทำให้โลกมัน
00:07:34 → 00:07:39 แทรกซ้อนยุ่งยากอันนี้มีส่วนจริงบ้างแล้ว
00:07:39 → 00:07:41 ก็ไม่จริงบ้างนะครับถ้าอ่านดีๆแล้วจะกลาย
00:07:41 → 00:07:44 เป็นว่าเราจะไปความว่ามันจะเกิดอย่างนี้
00:07:44 → 00:07:46 กับเราตลอดต้องบอกก่อนนะครับว่าการให้ยา
00:07:46 → 00:07:50 เคมีบำบัดมีผลกับภูมิคุ้มกันของเราทำให้
00:07:50 → 00:07:53 การสร้างเม็ดเลือดของเราในมันลดลงเพราะ
00:07:53 → 00:07:55 มันมีผลกับไขกระดูกของเราแต่อย่างที่บอก
00:07:55 → 00:07:58 แล้วครับว่าผลนี้เป็นผลชั่วคราวครับใคร
00:07:58 → 00:08:02 ที่เคยให้ยาเคมีแล้วก็จะทราบว่าการให้ยา
00:08:02 → 00:08:05 เคมีเพราะให้ไปให้ไปแล้วครั้งหนึ่งแล้ว
00:08:05 → 00:08:08 ทิ้งระยะเวลาไว้ก่อนที่จะไม่ทั้งถัดไป
00:08:08 → 00:08:11 หลายๆคนก็ภูมิคุ้มกันก็กลับมาขึ้นมาปกติ
00:08:11 → 00:08:15 นะครับแปลว่ามันสามารถกลับได้นะครับแต่
00:08:15 → 00:08:19 ไม่ปฏิเสธนะครับว่าการให้ยาช่วงหนึ่งโดย
00:08:19 → 00:08:22 เฉพาะช่วงเล็กๆนะครับผมกันเราจะลดทำให้
00:08:22 → 00:08:26 เราติดเชื้อง่ายเป็นข้อควรระวังแต่มันไม่
00:08:26 → 00:08:29 ได้เกิดขึ้นอย่างถาวรนะครับมันเกิดขึ้น
00:08:29 → 00:08:33 แค่ช่วงสิ่งที่เราให้ยาเคมีบำบัดแล้วหลัง
00:08:33 → 00:08:36 จากนั้นภูมิคุ้มกันแล้วก็จะกลับมาเป็น
00:08:36 → 00:08:40 ปกติครับเพราะฉะนั้นแล้วกันพูดแบบนี้เป็น
00:08:40 → 00:08:43 การพูดแบบเหมารวมอีกแล้วนะครับแล้วก็จะทำ
00:08:43 → 00:08:46 ให้เราตีความแปลว่ายาเคมีบำบัดส่งผลกระทบ
00:08:46 → 00:08:50 ต่อร่างกายเราในระยะเวลาอันยาวนานทำให้
00:08:50 → 00:08:52 เรากลายเป็นเหมือนกับคนขี้โลกไปเลยเรา
00:08:52 → 00:08:55 สามารถติดเชื้อได้ง่ายโลกมันก็จะซับซ้อน
00:08:55 → 00:08:57 มากขึ้นซึ่งอันนี้เป็นความเชื่อที่ไม่ถูก
00:08:57 → 00:09:00 ต้องนะครับไม่น่าจะทำให้คนไม่ได้รับการ
00:09:00 → 00:09:04 ได้รับยาเคมีบำบัดซึ่งทำให้เราสามารถช่วย
00:09:04 → 00:09:06 ชื่อคนไข้ได้นะครับในคนไข้ที่ได้รับการ
00:09:06 → 00:09:13 รักษาที่ถูกต้องครับ
00:09:13 → 00:09:18 9 นะครับก็ 9 จะพูดถึงว่าการให้ยาเคมี
00:09:18 → 00:09:21 บำบัดการฉายแสงแล้วทำให้เซลล์มะเร็งมัน
00:09:21 → 00:09:24 เกิดการกลายพันธุ์แล้วก็จะดื้อยานะครับ
00:09:24 → 00:09:27 ซึ่งจริงตรงนี้ต้องบอกว่าไม่เกี่ยวครับ
00:09:27 → 00:09:29 แต่ไม่ได้หมายความว่าการให้ยาเพียงบาท
00:09:29 → 00:09:32 แล้วก็การฉายแสงจะทำให้ดื้อยาแต่ว่าอัน
00:09:32 → 00:09:35 นี้คือการรักษานะครับแล้วก็ไม่ได้มีผลกับ
00:09:35 → 00:09:39 การดื้อยาใดๆทั้งสิ้นนะครับซึ่งยังมีพูด
00:09:39 → 00:09:43 อีกว่าว่าการผ่าตัดทำให้มีการกระจายต้อง
00:09:43 → 00:09:46 บอกว่าข้อนี้ผิดทุกอย่างเลยนะครับผิดหมด
00:09:46 → 00:09:50 เลยนะครับการรักษาด้วยการผ่าตัดโดยการให้
00:09:50 → 00:09:56 ยาเคมีบำบัดโดยการฉายแสงมีข้อมูลยืนยัน
00:09:56 → 00:10:00 อย่างหนักแน่นแล้วนะครับว่าช่วยชีวิตคน
00:10:00 → 00:10:05 ไข้ที่เป็นมะเร็งได้มากมายมหาศาลนะครับคน
00:10:05 → 00:10:08 ที่ไม่เข้ารับการรักษาพบว่ามีอัตราการ
00:10:08 → 00:10:11 เสียชีวิตสูงมากกว่าคนที่ได้รับการรักษา
00:10:11 → 00:10:14 อย่างชัดเจนนะครับเพราะฉะนั้นใครที่เชื่อ
00:10:14 → 00:10:18 ข้อความนี้ก็จะทำให้คุณพลาดโอกาสในการที่
00:10:18 → 00:10:22 จะรักษาชีวิตของคุณหรือคนที่คุณรักนะครับ
00:10:22 → 00:10:27 อ่ะ
00:10:27 → 00:10:28 หัว
00:10:28 → 00:10:31 ข้อที่ 10 นะครับข้อที่ 4 ก็จะพูดถึงว่า
00:10:31 → 00:10:36 การทำสงครามกับมะเร็งนะครับก็คือการตัดมา
00:10:36 → 00:10:39 ให้มันได้รับสารอาหารนะครับซึ่งตรงนี้
00:10:39 → 00:10:43 ต้องบอกว่าไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด
00:10:43 → 00:10:46 มีแต่เป็นวิธีหนึ่งที่เราใช้ในการรักษา
00:10:46 → 00:10:49 โรคมะเร็งอยู่แล้วนะครับเพราะว่าเรามี
00:10:49 → 00:10:54 อย่าที่ให้เพื่อลดการสร้างหลอดเลือดใหม่
00:10:54 → 00:10:58 สำหรับตัวของเซลล์มะเร็งหรือก้อนมะเร็งนะ
00:10:59 → 00:11:01 ครับอันนี้ก็เป็นวิธีการรักษาอย่างหนึ่ง
00:11:01 → 00:11:06 หรือแม้แต่การที่เราจะใช้วัสดุอุปกรณ์นะ
00:11:06 → 00:11:10 ครับใส่ไปทางหลอดเลือดแล้วไปอุดหลอดเลือด
00:11:10 → 00:11:12 นะครับแล้วบวกให้ยาเคมีด้วยอย่างที่จะใช้
00:11:12 → 00:11:15 ในมาเร็งตับก็เป็นวิธีการรักษาอย่างหนึ่ง
00:11:15 → 00:11:18 นะครับแต่ไม่ได้หมายความว่าวิธีนี้ดีที่
00:11:18 → 00:11:22 สุดทำแบบนี้แล้วรักษาเลยไม่ใช่ครับเป็น
00:11:22 → 00:11:26 วิธีหนึ่งนะครับการรักษานั้นต้องใช้วิธี
00:11:26 → 00:11:29 การรักษาแบบผสมผสานและอย่างร่วมกันดัง
00:11:29 → 00:11:31 นั้นในการรักษามะเร็งเราจึงมีทั้งการผ่า
00:11:31 → 00:11:35 ตัดมีทั้งการฉายแสงมีทั้งการให้ยาเคมีมี
00:11:35 → 00:11:39 ทั้งยาต้านฮอร์โมนมีทั้งยาวพุ่งเป้าแล้ว
00:11:39 → 00:11:41 ก็ยังมีภูมิคุ้มกันบำบัดเรายังมีการพัฒนา
00:11:41 → 00:11:44 อีกมากมายหลายอย่างนี้นะครับไม่ได้หมาย
00:11:44 → 00:11:47 ความว่าทำแบบนี้อย่างเดียวได้ผลเลยนะครับ
00:11:47 → 00:11:49 ไม่ใช่ครับ
00:11:49 → 00:11:53 ค่ะสำหรับวันนี้ทุกท่านคงจะได้ข้อมูลที่
00:11:53 → 00:11:56 ถูกต้องนะครับในเรื่องของภูมิคุ้มกันกับ
00:11:56 → 00:11:59 กับเรื่องของเซลล์มะเร็งนะครับและยังมี
00:11:59 → 00:12:01 พูดถึงเรื่องการรักษายาเคมีบำบัดการฉาย
00:12:01 → 00:12:04 แสงการผ่าตัดซึ่งผมก็ได้อธิบายไปแล้วว่า
00:12:04 → 00:12:09 มันคือมาตรฐานการรักษานะครับก็หวังว่าตรง
00:12:09 → 00:12:11 นี้จะทำให้ท่านได้รับความเข้าใจอย่างถูก
00:12:11 → 00:12:15 ต้องนะครับแล้วก็ช่วยเผยแพร่ต่อให้กับคน
00:12:15 → 00:12:18 ที่อาจจะเคยอ่านบทความนี้แล้วแล้วก็เข้า
00:12:18 → 00:12:22 ใจว่าสิ่งที่อยู่ในบทความนั้นอาจจะเป็น
00:12:22 → 00:12:26 ข้อมูลที่ถูกต้องซึ่งการที่เราช่วยกันเผย
00:12:26 → 00:12:30 แพร่ก็จะทำให้เราไม่ตกเป็นเหยื่อของข้อ
00:12:30 → 00:12:33 มูลเท็จครับสำหรับวันนี้ผมคงต้องขอลาไป
00:12:33 → 00:12:36 ก่อนนะครับแล้วพบกันใหม่ครั้งหน้านะครับ
00:12:36 → 00:12:40 ก็สวัสดีครับ
00:12:40 → 00:12:43 ม.ค