00:00:06 → 00:00:09 สวัสดีครับผมวีระพงษ์ทวีศักดิ์ดิฉันสุด
00:00:09 → 00:00:13 ธิดาภรณ์ปริและนี่คือศัลยกรรมความสุข
00:00:13 → 00:00:16 รายการที่ฟังแล้วทำให้คุณมีความสุขมาก
00:00:16 → 00:00:19 ขึ้นมีความทุกข์น้อยลง
00:00:19 → 00:00:22 สวัสดีครับคุณผู้ฟังสวัสดีครับพี่อ๋อย
00:00:22 → 00:00:28 สวัสดีค่ะพี่วีวันนี้คุณผู้ฟังครับผมนะ
00:00:28 → 00:00:31 ครับพี่วีแล้วก็พี่อ้อยก็มาพบกับคุณผู้
00:00:31 → 00:00:33 ฟังอีกครั้งหนึ่งใน podcast ของศัลยกรรม
00:00:33 → 00:00:34 ความสุขนะครับ
00:00:34 → 00:00:38 ในตอนนี้เนี่ยพี่อ้อยอยากเจอมาชวนคุย
00:00:38 → 00:00:42 เรื่องเกี่ยวกับอะไรวันนี้นึกถึงสำนวนไทย
00:00:42 → 00:00:48 อยู่เรื่องนึงนะคะที่บอกว่ากินอยู่กับปาก
00:00:48 → 00:01:00 อย่างอยู่กับท้องที่วีเคยได้ยินไหมคะ
00:01:00 → 00:01:02 [เพลง]
00:01:02 → 00:01:07 ถ้าถ้าเอาแปลแบบอะไรนะที่สำนวนไทยเขาเขา
00:01:07 → 00:01:10 แปลความหมายไว้ให้นะคะเขาก็บอกว่ามันไอ้
00:01:10 → 00:01:13 ตัวนี้มันแปลว่าคุณอยากจะทำอะไรบางอย่าง
00:01:13 → 00:01:17 แหละแล้วคุณก็รู้ว่ามันไม่ดีแต่ฉันก็จะทำ
00:01:17 → 00:01:21 นะคะก็คือรู้อยู่แก่ใจนั่นแหละว่าทำทำ
00:01:21 → 00:01:24 อะไรไว้แต่ว่าทำไปแล้วแหละนะคะเพราะ
00:01:24 → 00:01:29 ฉะนั้นอันนี้ก็คือสำนวนไทยเนาะว่ากินอยู่
00:01:29 → 00:01:33 กับป่าอยากอยู่กับท้องนะคะแต่วันนี้พี่
00:01:33 → 00:01:38 อ้อยนะคะอยากชวนคุยเรื่องกินอยู่กับปาก
00:01:38 → 00:01:41 อยากอยู่กับใจ
00:01:41 → 00:01:50 [เพลง]
00:01:50 → 00:01:53 กินไม่ได้กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้องนะ
00:01:53 → 00:01:58 วันนี้เราจะมาคุยเรื่องกินอยู่กับปากอยาก
00:01:58 → 00:02:01 อยู่กับใจแล้วไม่ได้กี้นี้เนี่ยตอนที่พี่
00:02:01 → 00:02:04 อ้อยอธิบายเรื่องกินอยู่กับปากอยากอยู่
00:02:04 → 00:02:06 กับท้องอ่ะซึ่งจริงๆมันดูเหมือนเป็น
00:02:06 → 00:02:09 เรื่องเดียวกันเลยนะจริงๆแล้วเนี่ยอยาก
00:02:09 → 00:02:11 เลยมันไม่ได้อยู่กับท้องนะมันอยู่กับใจ
00:02:12 → 00:02:16 นี่แหละแล้วมันเป็นตัวขับเคลื่อนความอยาก
00:02:16 → 00:02:19 ที่อยู่ในใจเนี่ยมันเป็นตัวขับเคลื่อนให้
00:02:19 → 00:02:21 เราทำอะไรหรือไม่ทำอะไร
00:02:21 → 00:02:27 ซึ่งส่งผลและมันก็มีที่มาจากตัวเราเองนะ
00:02:27 → 00:02:29 รู้ทั้งรู้อ่ะแต่ว่าเหมือนกับห้ามใจไม่
00:02:29 → 00:02:31 ได้อย่างนี้หรือเปล่า
00:02:31 → 00:02:35 ครับพี่อ้อยรู้ไหมว่าพอผมได้ยินอันนี้
00:02:35 → 00:02:39 ปุ๊บเลยนะผมนึกถึงนึกถึงเรื่องๆหนึ่งเลย
00:02:39 → 00:02:43 นึกถึงชีวิตของตัวเองเลยแต่ว่าเอางี้ก่อน
00:02:43 → 00:02:46 ที่ผมจะนึกถึงเรื่องของตัวเองก่อนทำไม
00:02:46 → 00:02:50 ทำไมพี่อ้อยถึงเลือกเรื่องนี้
00:02:50 → 00:02:52 คือ
00:02:52 → 00:02:57 วันนี้คนเราเนี่ยที่จะทำอะไรหรือไม่ทำ
00:02:57 → 00:03:01 อะไรอย่างที่พี่หวีพูดอ่ะนะคะใจเนี่ยมัน
00:03:01 → 00:03:05 เป็นตัวขับเคลื่อนนะคะอันนี้พอใจมันเป็น
00:03:05 → 00:03:08 ตัวขับเคลื่อนเรื่องกินก็เป็นเรื่องหนึ่ง
00:03:08 → 00:03:13 แล้วก็เป็นเรื่องใหญ่มากเลยที่ทำให้เรา
00:03:13 → 00:03:18 สุขเราทุกข์เราเราสุขภาพดีเราสุขภาพแย่
00:03:18 → 00:03:21 หรืออะไรก็ตามเนี่ยนะคะแล้วก็เราก็มี
00:03:21 → 00:03:24 เรื่องใจนะที่มันไปขับเคลื่อนสารพัด
00:03:24 → 00:03:29 เรื่องราวในชีวิตเรานะคะแต่ว่าด้วยเรื่อง
00:03:29 → 00:03:33 กินเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเป็นเรื่องที่ทุก
00:03:33 → 00:03:36 คนจะบอกว่าเรื่องกินมีอิทธิพลกับชีวิตทุก
00:03:36 → 00:03:39 คนก็เลยอยู่ๆก็นึกถึงเรื่องกินแล้วก็
00:03:39 → 00:03:43 เรื่องใจแล้วก็มานึกถึงสำนวนไทยกินอยู่
00:03:43 → 00:03:47 กับปากอย่างอยู่กับท้องเออแต่จริงๆแล้ว
00:03:47 → 00:03:50 อย่างที่พี่บีพูดนั่นแหละก็คือจริงๆแล้ว
00:03:50 → 00:03:54 เนี่ยมันอยากมันอยู่กับใจต่างหากก็เลยขอ
00:03:54 → 00:03:58 ปรับชื่อนิดนึงมาคุยในมุมของเรื่องว่ากิน
00:03:58 → 00:04:02 อยู่กับปากอยากอยู่กับถูกใจค่ะแล้วจริงๆ
00:04:02 → 00:04:04 แล้วคำเนี่ยมันคือคำว่ากินแต่จริงๆเราไม่
00:04:04 → 00:04:06 ได้เป้าหมายเราผมเชื่อว่านั้นมีความรู้
00:04:06 → 00:04:10 สึกว่าสำนวนนี้ไม่ได้ไม่เฉพาะกินไปเรื่อง
00:04:10 → 00:04:13 กินอย่างเดียวแต่มันไปเรื่องอื่นๆที่ใหญ่
00:04:13 → 00:04:16 กว่าเรื่องเกี่ยวกับคุณน่ะทำจริยธรรมใน
00:04:16 → 00:04:19 ชีวิตของมนุษย์หรือใช่เลยค่ะมันทำให้นึก
00:04:19 → 00:04:22 ถึงเรื่องเรื่องหนึ่งของผมเลยจริงๆนะพี่
00:04:22 → 00:04:25 อ้อยคุณผู้ฟังครับในสมัยที่ผมเรียน
00:04:25 → 00:04:28 เป็นเด็กเนี่ยผมเรียนมัธยมเลยนะผมอยู่กับ
00:04:28 → 00:04:31 บาทหลวงชาวอิตาเลียนนะ
00:04:31 → 00:04:33 บาทหลวงชาติอิตาเลียนเนี่ย
00:04:33 → 00:04:36 ชาวอิตาเลียนเนี่ยพี่อ้อยรู้ไหมครับว่า
00:04:36 → 00:04:38 จริงๆเขามีวัฒนธรรมอันหนึ่งคือชาว
00:04:38 → 00:04:40 อิตาเลียนเป็นคน
00:04:40 → 00:04:42 เป็นชนชาติที่ชอบกิน
00:04:42 → 00:04:47 ไอศกรีมเป็นชีวิตจิตใจเลยอ๋ออันนี้ไม่
00:04:47 → 00:04:50 ค่อยรู้จักฝรั่งที่เป็นชาติอิตาเลียนค่ะ
00:04:50 → 00:04:54 จะรู้จักกับอังกฤษค่ะเนี่ยชาวอิตาเลียน
00:04:54 → 00:04:57 เนี่ยแล้วผมก็มานั่งดูข้อมูลว่าทำไมชาว
00:04:57 → 00:05:00 อิตาเลียนถึงเป็นคนที่ชอบกินไอศกรีมเป็น
00:05:00 → 00:05:01 ชีวิตจิตใจ
00:05:01 → 00:05:04 สื่อไปสืบมาก็ได้ความว่าอ๋อ
00:05:04 → 00:05:07 มีชาวอิตาเลี่ยนคนหนึ่งฮะเขาเป็นนักเดิน
00:05:07 → 00:05:08 ทาง
00:05:08 → 00:05:10 แล้วจริงๆตามประวัติศาสตร์ของโลกเลยนะ
00:05:10 → 00:05:14 ครับผมว่าไอศครีมเนี่ยมันเป็นขนมจะเรียก
00:05:15 → 00:05:17 ว่าเป็นของว่างหรือขนมก็ได้นะที่หน้าตา
00:05:17 → 00:05:20 เป็นแบบเนี้ยเป็นครีมๆนมๆเย็นๆเนี่ยนะ
00:05:20 → 00:05:24 จริงๆแล้วจุดกำเนิดมันมาจากประเทศจีนเป็น
00:05:24 → 00:05:28 แบบเป็นนานแล้วไม่รู้กี่ปีแล้วเนี่ยนะแต่
00:05:28 → 00:05:31 ว่ามีนักท่องเที่ยวชาวอิตาเลียนคนหนึ่ง
00:05:31 → 00:05:33 ซึ่งชอบเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลกเลย
00:05:33 → 00:05:35 แล้วเขาก็ไปเมืองจีน
00:05:35 → 00:05:38 แล้วหลังจากนั้นไปเมืองจีนเนี่ยเขาตาม
00:05:38 → 00:05:41 เรื่องเขาสันนิษฐานว่าเขาคงไปเจอ
00:05:41 → 00:05:45 ขนมชนิดนี้เนี่ยไอศกรีมนี่แหละแล้วเขาก็
00:05:45 → 00:05:48 เลยเอาเอามาจากเมืองจีนเนี่ยเอากลับมาที่
00:05:48 → 00:05:52 อิตาลีที่บ้านเกิดของเขานักท่องเที่ยวคน
00:05:52 → 00:05:54 นี้ชื่อถ้าผมบอกเฉลยชื่อนี้ทุกคนจะลองออก
00:05:54 → 00:05:55 เลยนะ
00:05:55 → 00:05:57 [เพลง]
00:05:57 → 00:06:02 ครับ
00:06:02 → 00:06:04 เป็นนักท่องเที่ยวเป็นนักเดินทาง
00:06:04 → 00:06:07 มาพบโปโลเนี่ยเขาก็เอาหลายอย่าง
00:06:07 → 00:06:10 กลับมาจากจีนเนี่ยเอากลับมาขี่อิตาลีนะฮะ
00:06:10 → 00:06:13 ไอศกรีมเป็นหนึ่งในนั้นแต่ว่าเอามาแล้ว
00:06:13 → 00:06:15 เนี่ยความที่เขาชอบมากมีแต่เรื่องชอบมาก
00:06:15 → 00:06:17 ก็เลยมาพัฒนา
00:06:17 → 00:06:21 จนกระทั่งโอ้โหมันพัฒนาไปไกลมากนะฮะมีรส
00:06:21 → 00:06:23 ชาติต่างๆมีนิสัยนู่นใส่นี่ใส่นั่งอะไร
00:06:23 → 00:06:28 เต็มไปหมดนะฮะแล้วก็มีข้อพิสูจน์อีกอัน
00:06:28 → 00:06:30 นึงที่ผมเจอด้วยตัวเองว่า
00:06:30 → 00:06:33 ที่ทำให้เรายืนยันได้ว่าชาวอิตาเลียนนี้
00:06:33 → 00:06:35 ชอบกินไอศกรีม
00:06:35 → 00:06:38 ก็คือความที่เขาชอบกินเนี่ยผมเคยไปประเทศ
00:06:38 → 00:06:39 เยอรมัน
00:06:39 → 00:06:41 ในเยอรมันเนี่ยถ้าเกิดเราเจอร้านขาย
00:06:41 → 00:06:44 ไอศกรีมนะเดินเข้าไปซื้อไอศกรีมเนี่ยแล้ว
00:06:44 → 00:06:46 ชวนก็พูดคุยเนี่ยจะพบว่า
00:06:46 → 00:06:49 เจ้าของร้านไอศกรีมกับคนขายไอศกรีมใน
00:06:49 → 00:06:52 เยอรมันเป็นชาวอิตาเลียนทั้งนั้นเลย
00:06:52 → 00:06:55 มาขายในยุโรปเนี่ยนะ
00:06:55 → 00:06:58 ยืดยาวเพราะว่าผมนี่อยู่กับปากหลวงชาว
00:06:58 → 00:06:59 อิตาเลียน
00:06:59 → 00:07:02 เขาก็จะมีธรรมเนียมวัฒนธรรมของการกิน
00:07:02 → 00:07:05 ไอศครีมพวกเราอยู่กันเหมือนกับคล้ายๆเป็น
00:07:05 → 00:07:09 เด็กหอนะ 670 คนเนี่ยก็จะมีธรรมเนียมว่า
00:07:09 → 00:07:13 ทุกครั้งที่มีวันเกิดใครในบ้าน
00:07:13 → 00:07:16 ก็จะมีการเรียนไอศกรีม
00:07:16 → 00:07:19 เราก็แบบรอคอยเลยนะพอเรารู้ว่าวันนี้เป็น
00:07:19 → 00:07:21 วันเกิดเพื่อนนะพอหลังอาหารมื้อเย็นเนี่ย
00:07:21 → 00:07:24 เราก็จะรวมตัวกันหลังอาหารมื้อเย็นเราก็
00:07:24 → 00:07:27 จะค่อยๆพูดคำๆนึงพร้อมๆกันทั้งห้องเลยพูด
00:07:27 → 00:07:30 คำว่าถ้ามีคนนึงเริ่มปุ๊บอยากจะได้ก็พูด
00:07:30 → 00:07:32 คำนี้ทั้งห้องเลย
00:07:32 → 00:07:34 คือคำว่า
00:07:34 → 00:07:35 [เพลง]
00:07:35 → 00:07:40 เจลาโต้เจลาโต้เจลาโต้แปลว่าไอศกรีม
00:07:40 → 00:07:42 ภาษาอิตาเลียน
00:07:42 → 00:07:45 ถ้าเราพูดอย่างนี้หมายความว่า
00:07:45 → 00:07:48 ขอกินไอศกรีมนั่นแหละเพราะว่ามีวันเกิด
00:07:48 → 00:07:51 ใครเราก็จะไปซื้อไอศกรีมมากิน
00:07:51 → 00:07:55 ทีนี้เหตุการณ์มันก็เกิดขึ้นก็คือทุก
00:07:55 → 00:07:57 ครั้งเวลาที่เราไปซื้อไอศกรีมสำหรับคน
00:07:57 → 00:08:00 ทั้งบ้านเนี่ย 60 กว่าคนเนี่ยเขาก็จะซื้อ
00:08:00 → 00:08:03 แบบเผื่อๆไว้หน่อย
00:08:03 → 00:08:07 60-70 อะไรอย่างนี้นะเผื่อๆไว้กันเผื่อ
00:08:07 → 00:08:08 เหลือเผื่อขาดเนี่ย
00:08:08 → 00:08:12 พอเราไปซื้อปุ๊บเนี่ยเราก็เลยรู้ว่าคนที่
00:08:12 → 00:08:15 เคยไปซื้อก็จะรู้ว่าเขาซื้อมาเผื่อ
00:08:15 → 00:08:17 มันมีเหลือ
00:08:17 → 00:08:20 พอรู้ว่ามีเหลือปุ๊บบางคนก็เลยใช้เทคนิค
00:08:20 → 00:08:24 นี้ครับคือเรามีความเชื่อว่าเราได้กิน
00:08:24 → 00:08:27 ไอศกรีม 1 แท่งก็คืออร่อยไงแต่ถ้าเราได้
00:08:27 → 00:08:32 กิน 2 แท่งก็คืออร่อย 2 เท่า
00:08:32 → 00:08:38 เด็กๆเนี่ย
00:08:38 → 00:08:40 ความสุข 2 เท่า
00:08:40 → 00:08:44 พอมีเพื่อนบางคนเนี่ยผมสังเกตเห็นว่าเขา
00:08:44 → 00:08:47 รู้ว่าไปซื้อก็ต้องซื้อเผื่อ
00:08:47 → 00:08:50 เขาก็เลยใช้เทคนิคนี้มีอยู่ครั้งนึง
00:08:50 → 00:08:51 เพื่อนคนหนึ่งทำแล้วผมเห็น
00:08:51 → 00:08:55 คือการแจกไอศกรีมคนทั้งบ้านเนี่ยเขาจะแจก
00:08:55 → 00:08:59 ให้เร็วกลัวมันละลายก็ต้องแจกหลายสายหลาย
00:08:59 → 00:09:01 สายปุ๊บก็ต้องมี 2-3 คนแจก
00:09:01 → 00:09:04 แต่ละคนก็ถือถือไอศกรีมถุงนึงเนี่ยก็เดิน
00:09:04 → 00:09:05 แจก
00:09:05 → 00:09:08 เพื่อนคนนึงเขาใช้เทคนิคว่าพอเขารับ
00:09:08 → 00:09:12 ไอศกรีมจากคนคนนึงแล้วเขารีบกินแท่งแรก
00:09:12 → 00:09:13 อย่างเร็วเลย
00:09:13 → 00:09:15 แล้วก็หมดอย่างเร็วเลย
00:09:15 → 00:09:18 แล้วในระหว่างนั้นเนี่ยคนแจกไอศกรีมคนที่
00:09:18 → 00:09:21 2 ก็จะเดินมาแล้วเขาก็จะบอกคนแจกไอศกรีม
00:09:21 → 00:09:25 วันที่ 2 ว่าเฮ้ยฉันยังไม่ได้เลยนะเขาก็
00:09:25 → 00:09:27 จะได้ไอศกรีมแท่งที่ 2 ไป
00:09:27 → 00:09:30 มีอยู่ครั้งหนึ่งผมเห็นเทคนิคนี้ครับ
00:09:30 → 00:09:34 แล้วผมก็นึกในใจว่าเฮ้ยนี่คือวิธีที่เรา
00:09:34 → 00:09:37 จะได้กินไอศกรีม 2 แท่ง
00:09:37 → 00:09:40 แล้วผมก็ตั้งใจไว้เลยว่าข่าวหน้าเราจะทำ
00:09:40 → 00:09:41 แบบนี้
00:09:41 → 00:09:46 เกิดความอยากอยู่ในใจว่าต้อง 2 แท่ง
00:09:46 → 00:09:48 เกิดคำถามครับ
00:09:48 → 00:09:53 คิดว่าผมจะทำไหมครับคราวหน้า
00:09:53 → 00:09:57 ถ้าจากที่รู้จักพี่วีมานะคะถึงวันนี้
00:09:57 → 00:09:58 เนี่ย
00:09:58 → 00:10:01 ต้องเดาว่าไม่ทำเพราะดูเหมือนเป็นคนมี
00:10:01 → 00:10:03 คุณธรรมด้วย
00:10:03 → 00:10:07 เพราะว่าดูแล้วเป็นคนดีมีเอ่อสอนเป็นครู
00:10:07 → 00:10:10 สอนให้คนมีสติอะไรอย่างเงี้ยนะคะน่าจะไม่
00:10:10 → 00:10:14 ทำน่าจะไม่ทำแต่ตอนนั้นผมเป็นเด็กไง
00:10:14 → 00:10:17 ปรากฏว่าวันนั้นก็มาถึงครับมีการแจก
00:10:17 → 00:10:22 ไอศกรีมครับแล้ววันนั้นผมทำครับผมตัดสิน
00:10:22 → 00:10:23 ใจทำเลยนะ
00:10:23 → 00:10:26 แต่ว่าเป็นการตัดสินใจทำที่ผมแบบมีความ
00:10:26 → 00:10:29 รู้สึกว่ามันมีคุณค่ากับผมมากเลย
00:10:29 → 00:10:31 เพราะว่ามันเป็นการหล่อหลอมให้ผมกลายเป็น
00:10:31 → 00:10:34 ทุกวันนี้อย่างที่เป็นนี่แหละแล้ววันนั้น
00:10:34 → 00:10:36 เนี่ยมันเกิดอะไรขึ้นครับพอเขาแจกไอศกรีม
00:10:36 → 00:10:40 ปุ๊บผมก็จำเทคนิคนี้เลยคนแรกที่แจกให้ทีม
00:10:40 → 00:10:43 ไอติมให้เรานะเราก็รับมาปุ๊บเรารีบกิน
00:10:43 → 00:10:45 อย่างเร็วเลยครับหมดปุ๊บคนที่ 2 มาแล้ว
00:10:45 → 00:10:49 บอกเฮ้ยชิ้นยังไม่ได้เลยผมก็ได้แท่งที่ 2
00:10:49 → 00:10:51 พี่อ้อยรู้ไหมครับว่าคุณผู้ฟังเชื่อไหม
00:10:51 → 00:10:53 ครับว่าวันนั้นเนี่ยเวลาผมเกิดการเรียน
00:10:53 → 00:10:56 รู้คือจากการที่เราสังเกตตัวเราเองว่า
00:10:56 → 00:10:58 เราพบว่า
00:10:58 → 00:11:01 ไอศกรีมแท่งแรกไม่อร่อยเลย
00:11:01 → 00:11:04 อ้าวไม่อร่อย 2 เท่าแล้วค่ะไม่ๆไม่อร่อย
00:11:04 → 00:11:08 เลยกลายเป็นกินไอติมกินไอศกรีม 1 แท่งคือ
00:11:08 → 00:11:11 อร่อยถ้ากิน 2 แท่งก็อร่อย 2 เท่านั้นแต่
00:11:11 → 00:11:12 กลายเป็นวันนั้นเนี่ยด้วยกลิ่นเทคนิคแบบ
00:11:12 → 00:11:15 นี้เนี่ยไม่อร่อยเลย
00:11:15 → 00:11:20 แล้วไอศกรีมเป็นขนมที่มันเย็นแต่วันนั้น
00:11:20 → 00:11:24 เนี่ยมันร้อนอ้าวเพราะว่าแท่งที่ 1 ทำไม
00:11:24 → 00:11:27 ถึงไม่อร่อยแท่งที่ 1 เนี่ยความที่เราจะ
00:11:27 → 00:11:30 ต้องรีบกินอย่างเร็วก่อนที่คนที่สองจะมา
00:11:30 → 00:11:31 ถึงเรา
00:11:31 → 00:11:34 เราก็เลยไม่ได้รับรู้ความอร่อยเลย
00:11:34 → 00:11:36 [เพลง]
00:11:36 → 00:11:39 รับรู้อย่างเดียวคือความเย็นที่ปาก
00:11:39 → 00:11:41 เพราะว่ามันต้องเข้าไปอย่างเร็วมากมันก็
00:11:41 → 00:11:44 เลยมีแต่ความเย็นแต่ความไม่อร่อย
00:11:44 → 00:11:46 ไม่รับรู้เลย
00:11:46 → 00:11:49 แล้วความอร่อยของไอศกรีมเนี่ยจะอร่อย
00:11:49 → 00:11:53 เนี่ยเราต่อเมื่อเราต้องละเลียดกินค่อยๆ
00:11:53 → 00:11:56 ตัดค่อยๆละเลียดละเมียดละมัยนะแล้วก็ดื่ม
00:11:56 → 00:12:00 ด่ำกับความหวานความนุ่มอะไรของมันเนี่ยนะ
00:12:00 → 00:12:04 เพราะฉะนั้นแท่งแรกนี่ไม่มีความอร่อยเลย
00:12:04 → 00:12:06 มีแต่ความเย็น
00:12:06 → 00:12:09 เพื่อให้หมดให้เร็วที่สุดแล้วพอแท่งที่ 2
00:12:09 → 00:12:11 เกิดเลยขึ้นครับ
00:12:11 → 00:12:13 ไอศกรีมซึ่งเป็นของเย็นแต่แท่งที่ 2
00:12:13 → 00:12:15 เนี่ยกลายเป็นของร้อน
00:12:15 → 00:12:18 เพราะว่าในระหว่างที่เรากินแห้งที่ 2
00:12:18 → 00:12:20 เนี่ยเรากินด้วยความรู้สึกด้วยความคิด
00:12:20 → 00:12:25 ตลอดเวลาว่าเราจะถูกจับได้ไหม
00:12:25 → 00:12:29 คือมันเป็นการกินไอติมที่มันจมอยู่ในความ
00:12:29 → 00:12:30 ทุกข์อ่ะ
00:12:30 → 00:12:35 ว่าเราจะถูกจับได้ไหมเราจะถูกตำหนิไหม
00:12:35 → 00:12:39 แล้วก็สิ่งที่เราทำนี้มันไม่ถูกต้องเลย
00:12:39 → 00:12:43 ทุกอย่างสารพัดมันชุลมุนชุลเกอยู่ในตัว
00:12:43 → 00:12:46 เราเนี่ยนะมันทำให้ความอร่อยของไอศกรีม
00:12:46 → 00:12:47 นั้น
00:12:47 → 00:12:50 หายไปไม่เหลือเลยอย่าว่าแต่ความอร่อยหรือ
00:12:50 → 00:12:53 ความเย็นก็ไม่เหลือเหลือแต่ความร้อน
00:12:53 → 00:12:56 มันร้อนร้อนรุ่มข้างในเพราะฉะนั้นผมก็เลย
00:12:56 → 00:12:58 มีความรู้สึกว่า
00:12:58 → 00:13:03 ต้องขอบคุณตัวเองนะที่ตัดสินใจทำแบบนั้น
00:13:03 → 00:13:06 ในวันนั้นเพราะว่าตอนนั้นข้อแรกคือเรา
00:13:06 → 00:13:09 เป็นเด็กแล้วข้อที่ 2 เนี่ยเราทำกับ
00:13:09 → 00:13:11 เรื่องเล็กๆ
00:13:11 → 00:13:15 แต่ว่าโชคดีที่เราทำแบบนั้น
00:13:15 → 00:13:18 ทำสิ่งที่ผิดนะกับเรื่องเล็กในวันนั้น
00:13:18 → 00:13:22 เนี่ยมันทำให้เราเกิดการเรียนรู้แล้วการ
00:13:22 → 00:13:25 เรียนรู้นั้นเนี่ยส่งผลต่อเรื่องใหญ่ๆใน
00:13:25 → 00:13:26 ชีวิต
00:13:26 → 00:13:28 จนถึงวันนี้
00:13:28 → 00:13:31 ดีมากเลยค่ะเพราะว่าเห็นภาพเลยค่ะอาจารย์
00:13:31 → 00:13:32 ว่า
00:13:32 → 00:13:36 ตอนเป็นเด็กวันนั้น
00:13:36 → 00:13:40 หน้าตาอาจารย์คงไม่มีความสุขเลยอ่ะทั้งๆ
00:13:40 → 00:13:44 ที่เวลาของการได้กินไอศกรีมเนี่ยมันต้อง
00:13:44 → 00:13:49 เป็นเวลาของของการมีความสุขแต่พอเราทำผิด
00:13:49 → 00:13:53 เราเราไม่อยู่ในกติกา
00:13:53 → 00:13:56 มันเลยทำให้เรากลายเป็น
00:13:56 → 00:13:59 มีความรู้สึกที่ไม่ดีแล้วก็กลายเป็นไอติม
00:14:00 → 00:14:03 ร้อนไม่มีความสุขแล้วกับการกินการได้รับ
00:14:03 → 00:14:06 รสชาติอร่อยๆก็สูญเสียไปหมดเลยแล้วเราชอบ
00:14:06 → 00:14:09 ที่สุดเลยตรงที่อาจารย์บอกว่าโชคดีที่
00:14:09 → 00:14:11 อาจารย์ตัดสินใจทำผิดตอนที่เป็นเด็กแล้ว
00:14:11 → 00:14:13 ก็เป็นเรื่องเล็กๆ
00:14:13 → 00:14:17 คิดว่าหลายๆคนเนี่ยที่โตขึ้นมาแล้วทำผิด
00:14:17 → 00:14:20 แล้วเป็นเรื่องใหญ่โตเนี่ยเพราะเขาไม่ได้
00:14:20 → 00:14:25 เรียนรู้จากเรื่องเล็กๆเหล่านี้แหละค่ะ
00:14:25 → 00:14:27 ค่ะก็เลยมีความรู้สึกว่าดีจังเลยที่
00:14:27 → 00:14:29 อาจารย์เล่าเรื่องนี้แล้วก็เรื่องนี้ที่
00:14:29 → 00:14:32 นึกถึงเรื่องนี้เพราะว่ามันเป็นหัวข้อมัน
00:14:32 → 00:14:36 คือเรื่องนี้เลยคือกินอยู่กับปากอยากอยู่
00:14:36 → 00:14:40 กับใจใจมันพาไปและใจมันพาฉันอยากได้ 2
00:14:40 → 00:14:44 แท่งเออแล้วเราก็ไปเลยแล้วเราก็แล้วเราก็
00:14:45 → 00:14:49 ทำสิ่งที่ผิดเลยอ่ะค่ะแต่ว่าที่บอกนะว่า
00:14:49 → 00:14:51 มันยังโชคดีที่เป็นเด็กแล้วก็เป็นเรื่อง
00:14:51 → 00:14:55 เลยแต่ละโชคดีอีกอันที่โชคดีหนักที่สุด
00:14:55 → 00:15:00 เลยก็คือเราเรารู้สึกเราเกิดการสั่งเกม
00:15:00 → 00:15:04 สังเกตตัวเราเองก็คือเอ๊ะ
00:15:04 → 00:15:08 แล้วเกิดการสังเกตตัวเราเองว่าเรามีความ
00:15:08 → 00:15:32 เชื่อเรามีทัศนคติเรามีความคิดว่า
00:15:32 → 00:15:36 เราก็จะไม่เกิดอาการโดนใจพาไป
00:15:36 → 00:15:39 ตัวเอ๊ะสำคัญจังเลยค่ะถ้าเราไม่เอ๊ะเราก็
00:15:39 → 00:15:42 ไปเรื่อยไม่รู้ตัว
00:15:42 → 00:15:46 ไม่เชื่อว่ามีเพื่อนอาจารย์ที่เป็นเด็ก
00:15:46 → 00:15:49 รุ่นเดียวกันไม่เอง
00:15:49 → 00:15:52 แล้วก็ชิน
00:15:52 → 00:15:58 ไม่ a เราก็ชินแล้วหลังจากนั้นก็จะทำอีก
00:15:58 → 00:16:01 ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆเรื่อยๆเพราะว่า
00:16:01 → 00:16:09 เอ่อจะบอกว่าอะไรมันเหมือนฉันได้ประโยชน์
00:16:09 → 00:16:12 เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมากเลยนะแสดงว่า
00:16:12 → 00:16:16 จุดมันมีจุดจุดเปลี่ยนหลายจุดนะครับจุด
00:16:16 → 00:16:18 เปลี่ยนที่ตัดสินใจทำตอนที่เป็นเด็กหนึ่ง
00:16:18 → 00:16:22 แล้วจุดเปลี่ยนอีกอันที่คือทำแล้วเอ๊ะ
00:16:22 → 00:16:25 แล้วสังเกตว่าแท่งแรกรู้สึกยังไงแท่ง 2
00:16:25 → 00:16:29 รู้สึกยังไงแล้วหลังจากนั้นสรุปการเรียน
00:16:29 → 00:16:31 รู้นะกระบวนการนี้มันเกิดขึ้นในตัวเอง
00:16:31 → 00:16:34 ตั้งแต่ตอนเด็กน่าสนใจเหมือนกันว่ามาจาก
00:16:34 → 00:16:36 ไหน
00:16:36 → 00:16:39 ตัวช่างสังเกตที่เขาเป็นเอ๊ะแล้วก็เพื่อ
00:16:39 → 00:16:40 สังเกตเนี่ย
00:16:40 → 00:16:45 จะบอกว่ามันเป็นคุณสมบัตินึงนะคะที่ที่
00:16:45 → 00:16:48 จำเป็นต้องต้องมีเลยแหละไม่ว่าจะเด็กจะ
00:16:48 → 00:16:52 ผู้ใหญ่จะแก่แล้วอะไรก็ตามเนี่ย
00:16:52 → 00:16:55 ก็คือเรื่องการสังเกตทุกอย่างมันจะบอกว่า
00:16:55 → 00:16:59 อะไรมันอาจจะราบรื่นขึ้นมันอาจจะเอ่อ
00:17:00 → 00:17:04 ปัญหาลดลงมันอาจจะทำให้ตัวเราพัฒนาขึ้น
00:17:04 → 00:17:06 หรืออะไรก็ตามเนี่ยมันเกิดจากการเอ๊ะแล้ว
00:17:06 → 00:17:10 ก็สังเกตถ้าๆเราทำไปเรื่อยๆในชีวิตประจำ
00:17:10 → 00:17:12 วันแล้วไม่ได้สังเกตอะไรเลยเราก็ไม่ได้
00:17:12 → 00:17:15 เรียนรู้เราก็ไม่ได้พัฒนาเราก็ไม่ได้ปรับ
00:17:15 → 00:17:19 ปรุงค่ะแล้วทำไมไม่ถูกต้องมันก็ซ้ำอยู่
00:17:19 → 00:17:20 อย่างเงี้ย
00:17:20 → 00:17:23 ค่อยๆเข้มแข็งขึ้นไอ้ความไม่ถูกต้องอ่ะ
00:17:23 → 00:17:25 มันใหญ่ขึ้น
00:17:25 → 00:17:30 เพราะว่าไม่รู้ว่ามันไม่ถูกแล้วพอทำมันก็
00:17:30 → 00:17:33 คุ้นเคยเราเคยทำแล้วมันทำได้
00:17:33 → 00:17:36 เราก็ทำอีก
00:17:36 → 00:17:39 นะเกิดความสงสัยว่าเรื่องของการกินอยู่
00:17:39 → 00:17:42 กับปากอยากอยู่กับใจหรือว่าไอ้ความอยาก
00:17:42 → 00:17:44 ของใจที่นำพาไปที่มันไม่ใช่เรื่องกลิ่น
00:17:44 → 00:17:47 น่ะแล้วมันเป็นเรื่องที่ใหญ่ของคนในสังคม
00:17:47 → 00:17:50 ปัจจุบันนี้พี่อ้อยนึกถึงเรื่องอะไรบ้าง
00:17:50 → 00:17:52 หรือคุณผู้ฟังลองนึกถึงว่ามันมีเรื่อง
00:17:52 → 00:17:53 อะไรบ้าง
00:17:53 → 00:17:56 จริงๆก็คืออยากเวลาเวลาเรามาพูดคุยกัน
00:17:57 → 00:18:00 เนี่ยเราก็อยากให้คุณผู้ฟังได้ได้คิดตาม
00:18:00 → 00:18:04 ไปเนาะนะคะว่าเอ๊ะแล้วตัวเราอ่ะเคยเจอ
00:18:04 → 00:18:08 สภาวะการอะไรบ้างเหตุการณ์อะไรบ้างที่ที่
00:18:08 → 00:18:11 มันเข้ากับเรื่องนี้อะไรอย่างนี้นะคะแต่
00:18:11 → 00:18:15 ว่าเรื่องจริงๆแล้วบอกอย่างที่คุยกันแต่
00:18:15 → 00:18:17 แรกว่าเรื่องกินมันเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ
00:18:17 → 00:18:20 มันเอ่อมันไปแตะเรื่องความอยากเนี่ยอยู่
00:18:20 → 00:18:22 กับใจเนี่ยมันไปแตะทุกเรื่องอย่างที่บอก
00:18:22 → 00:18:26 ไว้แต่เรื่องนึงที่ๆๆอยากเล่าก็เป็น
00:18:26 → 00:18:28 เรื่องกินอีกค่ะอาจารย์แต่ว่าเอ่อเรื่อง
00:18:28 → 00:18:31 เนี้ยอาจจะแตกต่างนิดนึงนะคะในมุมว่า
00:18:31 → 00:18:35 อาจารย์ตอนนั้นเป็นเด็กอันนี้แล้วเป็นสาว
00:18:35 → 00:18:38 แล้วนะคะเป็นสาวแล้วแล้วเรื่องกินเนี่ย
00:18:38 → 00:18:42 บ้าที่บ้านเนี่ยเป็นนักกินค่ะชอบเวลามี
00:18:42 → 00:18:45 อะไรก็ไปเสาะแสวงหาค่ะสมัยนู้นเนี่ย
00:18:45 → 00:18:49 สมาร์ทโฟนกับไมมีไอ้ตัวตัวช่วย Google
00:18:49 → 00:18:51 Map นู่นนี่อะไรไม่มีทั้งนั้นนะคะก็เป็น
00:18:51 → 00:18:54 โทรศัพท์ธรรมดาแล้วเราก็อ่านหนังสือพี่
00:18:54 → 00:18:56 มันหรือนิตยสารหรืออะไรอย่างเงี้ยแล้วเรา
00:18:56 → 00:18:59 เจอแล้วความที่บ้านเราเป็นบ้านชอบกินเวลา
00:18:59 → 00:19:02 เราไปอ่านเจอร้านอร่อยเนี่ยที่เขามารีวิว
00:19:02 → 00:19:07 อ่ะอ่าเราก็เราก็จะอยากไปไปหาแล้วเชื่อ
00:19:07 → 00:19:11 ไหมคะพี่วีเป็นความพยายามในการไปหาที่ว่า
00:19:11 → 00:19:13 อยากอยู่กับใจเนี่ย
00:19:13 → 00:19:18 มันๆขับเคลื่อนพี่อ้อยเนี่ยแบบสุดๆเลยฉัน
00:19:18 → 00:19:21 เอ่อทำงานจันทร์ถึงศุกร์เสาร์อาทิตย์นี้
00:19:21 → 00:19:23 ฉันจะไปหาร้านนี้
00:19:23 → 00:19:27 ไปในที่ที่เราก็ไม่รู้จักถนนก็ไม่เคยไป
00:19:27 → 00:19:32 แต่ฉันอยากจะไปหาแล้วก็ขับไปเนี่ยค่ะแล้ว
00:19:32 → 00:19:34 ก็ตามที่ในหนังสือพิมพ์บอกเลยหนังสือ
00:19:34 → 00:19:38 นิติศาสตร์บอกแล้วก็ไม่เจอโว้ยนะคะบางที 3
00:19:38 → 00:19:41 รอบ 5 รอบเสียงเสียเวลาเผาผลาญน้ำมันไป
00:19:41 → 00:19:44 เท่าไหร่แต่ต้องหาให้เจอ
00:19:44 → 00:19:48 แล้วพอไปเจอแล้วเนี่ยก็ต้องได้ชิม
00:19:48 → 00:19:54 สิ่งที่เราได้รับคือ 1 บางร้านไม่เห็น
00:19:54 → 00:19:57 อร่อยอย่างที่เขียนเลย
00:19:57 → 00:20:01 อันที่ 2 คือก็กินได้แล้วก็ดีอยู่นะแต่ก็
00:20:01 → 00:20:04 ถ้าให้มาอีกก็ไม่มาหรอก
00:20:04 → 00:20:08 แบบที่ 3 ก็คืออุ้ยอร่อยแต่ไอ้แบบที่ 3
00:20:08 → 00:20:11 เนี่ยน้อย
00:20:11 → 00:20:15 ใจเราเนี่ยที่ถูกขับเคลื่อนว่าต้องไปหา
00:20:15 → 00:20:16 เนี่ย
00:20:16 → 00:20:21 เป็นติดนิสัยนี้เป็นโอ้โหไม่รู้เป็น 10
00:20:21 → 00:20:26 ปีอ่ะทำอย่างนี้นะคะจนกระทั่งพอโลกมัน
00:20:26 → 00:20:31 พัฒนาไปเนาะ
00:20:31 → 00:20:35 แต่สิ่งหนึ่งที่ที่ตัวเองสังเกตตัวเองก็
00:20:36 → 00:20:37 คือว่า
00:20:37 → 00:20:40 ก็เอ๊ะเหมือนกันแล้วก็สังเกตเหมือนกันก็
00:20:40 → 00:20:41 คือ
00:20:41 → 00:20:45 10 ปีผ่านไปตอนนั้นยังสาวๆอยู่เราเริ่ม
00:20:45 → 00:20:49 รู้สึกว่าการกินของอร่อยมันก็ดีนะนะคะแต่
00:20:49 → 00:20:55 เราก็จริงๆอ่ะถ้าถ้าให้บอกความรู้สึกตรงๆ
00:20:55 → 00:21:00 ของตัวเองการได้กินข้าวสวยเนี่ยแล้วก็ไข่
00:21:00 → 00:21:04 เจียวแล้วก็น้ำปลาพริกถ้วยนึงเอาสเต็กมา
00:21:04 → 00:21:08 แลกก็ไม่ยอมอ่ะคืออันนี้คือคือเขาเรียก
00:21:08 → 00:21:10 ว่าเหมือน Back To The basic เรารู้
00:21:10 → 00:21:14 สึกว่าการกินธรรมดาเนี่ยที่ในสิ่งที่เรา
00:21:14 → 00:21:17 ชอบอยู่ที่บ้านเรามันก็มีความสุขแล้วอ่ะ
00:21:17 → 00:21:22 แล้วเราจะไปแสวงหาอะไรมากมายขนาดนั้นน่ะ
00:21:22 → 00:21:25 แล้วพอเราอายุเยอะขึ้น 10 ปีผ่านไปเรารู้
00:21:25 → 00:21:26 สึกว่า
00:21:26 → 00:21:30 กินอิ่มแล้วก็ได้ดูแลร่างกายแล้วก็มีความ
00:21:30 → 00:21:32 สุขอยู่ที่บ้านมันเพียงพอเพราะฉะนั้นเรา
00:21:32 → 00:21:36 เลิกไปไขว่คว้าตรงนั้นเลยอาจารย์ค่ะโหมัน
00:21:36 → 00:21:38 เป็นโมเดลเดียวกันเลยนะก็คือว่า
00:21:38 → 00:21:42 หลังจากที่เราเราตามความอยากความอยาก
00:21:42 → 00:21:45 บังคับเพื่อนเราคือเมื่อกี้ถึงแม้ว่าจะ
00:21:45 → 00:21:47 เป็นเรื่องกลิ่นนะครับแต่ว่ามันเป็น
00:21:48 → 00:21:51 เรื่องของความอยากที่ขับเคลื่อนเราแต่ที่
00:21:51 → 00:21:53 สำคัญเมื่อตะกี้นี้ของพี่อ้อยนะก็คือว่า
00:21:53 → 00:21:58 ไอ้ความอยากเราเนี่ยมันโดนผลักดันมาจาก
00:21:58 → 00:22:03 จากคนอื่นจากสื่อจากสมัยนี้นะจาก
00:22:03 → 00:22:06 โซเชียลมีเดียเนี่ยคือยิ่ง Social Media
00:22:06 → 00:22:10 สมัยนี้นะครับสมมุติว่านะถ้าเราขับรถไป
00:22:10 → 00:22:13 ต่างจังหวัดเนื่องจากว่าโซเชียลมีเดีย
00:22:13 → 00:22:16 สมัยนี้เขารู้ไงเราเขารู้หมดว่าตอนนี้เรา
00:22:16 → 00:22:18 อยู่ที่ไหนเราอยู่ในเขตจังหวัดไหนเพราะ
00:22:18 → 00:22:22 เราเข้าไปในจังหวัดไหน
00:22:22 → 00:22:26 เขาจะเขาจะมีการประมวลผลเอาไว้ก่อนหน้า
00:22:26 → 00:22:29 นี้แล้วว่าเราเนี่ยเคย Search หาอาหาร
00:22:29 → 00:22:31 ประเภทไหน
00:22:31 → 00:22:32 ถ้าเราเป็นคนที่แบบว่า
00:22:33 → 00:22:35 แฟนชอบกินก๋วยเตี๋ยวอย่างนี้ดีกว่าเคย
00:22:35 → 00:22:37 พิมพ์คำว่า
00:22:37 → 00:22:41 เออก๋วยเตี๋ยวก๋วยเตี๋ยวเจ้าดัง
00:22:41 → 00:22:44 แล้วพอเราเข้าไปในเขตจังหวัดไหนเนี่ยเขา
00:22:44 → 00:22:48 จะนำเสนอโฆษณาของก๋วยเตี๋ยวเจ้าดังในเขต
00:22:48 → 00:22:50 ที่เราไปเลยเข้าไป
00:22:50 → 00:22:54 โอ้โหตายเราไม่รอดแน่เลยแต่ตอนนี้เนี่ย
00:22:54 → 00:22:57 ถ้าเราเจอสถานการณ์นี้เราจะเราจะไม่โดน
00:22:57 → 00:23:00 ขับเคลื่อนด้วยสิ่งนั้นเพราะเพราะสิ่งที่
00:23:00 → 00:23:03 พี่อ้อยเอ๊ะเมื่อกี้หลังจากที่เราเรียน
00:23:03 → 00:23:07 รู้เราโดนสิ่งที่ชักนำมาเป็น 10 ปีเรา
00:23:07 → 00:23:11 เริ่มเกิดมีการจดสถิติเมื่อกี้นี้ผมได้
00:23:11 → 00:23:58 ยินผมชอบมากเลยจดสถิติว่า
00:23:58 → 00:24:01 แต่อันนึงที่เป็นห่วงมากๆเลย
00:24:01 → 00:24:06 กับคนรุ่นใหม่เนี่ยนะคะเรื่องการถูกขับ
00:24:06 → 00:24:09 เคลื่อนโดยความอยากที่ไม่ใช่เรื่องกิน
00:24:09 → 00:24:14 เพราะสาวๆเขากินน้อยเขาเอวเท่ามดแดงนะคะ
00:24:14 → 00:24:21 เขาก็จะอะไรอ่ะมีแนวแนวคิดในเรื่องการตาม
00:24:21 → 00:24:23 สมัย
00:24:23 → 00:24:27 แฟชั่นแบรนด์เนมอะไรอย่างนี้ค่ะแล้วเราก็
00:24:27 → 00:24:32 เห็นบ่อยๆที่ความไม่พร้อมของเขาแต่ด้วย
00:24:32 → 00:24:37 ว่าความอยากมันขับเคลื่อนไปถึงขนาดที่มี
00:24:37 → 00:24:41 ธุรกิจให้เช่าแบรนด์เนมเพื่อให้คุณน่ะ
00:24:41 → 00:24:44 เวลาคุณมีเดชคุณออกไปนัดกับหนุ่มๆหรือสาว
00:24:44 → 00:24:47 ๆแล้วคุณก็ใช้แบรนด์เนมอะไรอย่างเงี้ย
00:24:47 → 00:24:51 ซึ่งมันเป็นจะบอกว่าอะไรอ่ะมันพาตัวเข้า
00:24:51 → 00:24:52 ไปสู่
00:24:52 → 00:24:56 สู่สิ่งที่มันจะถลำลึกลงไปซึ่งมันไม่ใช่
00:24:56 → 00:25:01 ของจริงเลยมันคือเปลือกทั้งหมดเราก็สุด
00:25:01 → 00:25:03 ท้ายไม่ได้ประโยชน์อะไรกับชีวิตถามว่ามัน
00:25:03 → 00:25:05 เป็นความสุขที่แท้จริงไม่กับการที่โอ้โห
00:25:05 → 00:25:08 ใส่แบรนด์เนมไปเต็มตัวเลยแล้วไปนัดเจอ
00:25:09 → 00:25:13 หนุ่มๆแล้วก็โอ้โหแบบเขาเขาคิดว่าคุณมี
00:25:13 → 00:25:16 ฐานะดีนู่นนี่ไปกินข้าวมื้อนึงกลับมาตาย
00:25:16 → 00:25:19 แล้วฉันต้องจ่ายค่าถ้าซื้อก็โอ้โหแทบหมด
00:25:19 → 00:25:22 ตัวว่างั้นเถอะแต่ถ้าเช่าเขาฉันต้องจ่าย
00:25:22 → 00:25:26 ค่าเช่าอีกเงินเหล่านั้นน่ะมันๆควรจะเอา
00:25:26 → 00:25:29 ไปทำประโยชน์ดีๆกับชีวิตไปอ่าเอาไปร่ำ
00:25:29 → 00:25:33 เรียนความรู้คอร์สดีๆที่พัฒนาอะไรได้มาก
00:25:33 → 00:25:36 กว่าเลยซึ่งจริงๆแล้วเนี่ยถ้าสมมุติว่า
00:25:36 → 00:25:40 เราอ่ะพัฒนาตัวเองให้เป็นคนที่มีศักยภาพ
00:25:40 → 00:25:44 เพิ่มขึ้นตรงนั้นน่ะเราจะเลือกชายหนุ่มดี
00:25:44 → 00:25:47 แค่ไหนก็ยังได้ค่ะโอ้โหคุณผู้ฟังครับต้อง
00:25:47 → 00:25:50 บอกว่าตอนนี้ถึงแม้ว่าเป็นเรื่องของการ
00:25:50 → 00:25:52 กินชื่อเรื่องว่ากินอยู่กับปากนะแต่
00:25:52 → 00:25:56 ประเด็นสำคัญคืออยากอยู่กับใจเนี่ยใช่ที่
00:25:56 → 00:25:58 จริงแล้วคำว่าอยากอยู่กับใจเนี่ยมันขับ
00:25:58 → 00:26:00 เคลื่อนชีวิตเราไม่ใช่เฉพาะเรื่องการกิน
00:26:00 → 00:26:03 แต่เรื่องทั้งหมดเมื่อกี้นี้ยกตัวอย่าง
00:26:03 → 00:26:05 เรื่องที่พี่อ้อยยกตัวอย่างมาเมื่อกี้นี้
00:26:05 → 00:26:06 ก็กำลัง
00:26:06 → 00:26:09 ในสังคมก็ถูกขับเคลื่อนด้วยความอยากของ
00:26:09 → 00:26:12 ติดใจนี่แหละโดยเฉพาะของคนที่รู้ไม่เท่า
00:26:12 → 00:26:13 ทันเนี่ยก็
00:26:13 → 00:26:16 หลงทางกันไปนะเพราะฉะนั้นเนี่ยเรื่องนี้
00:26:16 → 00:26:21 มันไม่คือการกินนี้คือการรับเข้ามาทางปาก
00:26:21 → 00:26:24 อย่างเดียวแต่จริงๆแล้วเราอ่ะไม่ได้เสพ
00:26:24 → 00:26:27 ทางปากอย่างเดียวทางทุกสารพัดแล้วก็ขับ
00:26:27 → 00:26:30 เคลื่อนชีวิตในในหลายเรื่องนะครับแต่
00:26:30 → 00:26:34 กุญแจสำคัญของเรื่องนี้ก็คือว่าถ้าเรา
00:26:34 → 00:26:36 สังเกตสิ่งที่เราถูกขับเคลื่อนแล้วเราทำ
00:26:36 → 00:26:41 ไปเนี่ยถ้าเราเกิดคำถามว่าเอ๊ะมันใช่ไหม
00:26:41 → 00:26:46 แล้วเราก็สังเกตและเราแล้วก็ลองจดสถิติดู
00:26:46 → 00:26:48 แล้วเราจะเกิดการเรียนรู้
00:26:48 → 00:26:51 ถ้าเรามาถึงจุดนี้เมื่อไหร่นะครับคุณผู้
00:26:51 → 00:26:54 ฟังเราจะไม่ถูกขับเคลื่อนด้วยความอยากที่
00:26:54 → 00:26:56 อยู่ในใจเรา
00:26:56 → 00:26:57 ในทุกเรื่อง
00:26:57 → 00:27:01 ถ้ามาถึงตรงนี้เนี่ยชีวิตเราจะดีขึ้นเรา
00:27:01 → 00:27:04 จะมีความสุขมากขึ้นอันนี้ก็เป็นอีกครั้ง
00:27:04 → 00:27:07 หนึ่งครับที่ศัลยกรรมความสุขก็จะมอบสิ่ง
00:27:07 → 00:27:10 นี้ให้นะเราจะได้มีชีวิตที่มีความสุขมาก
00:27:10 → 00:27:14 ขึ้นด้วยมุมมองด้วยความคิดของตัวเราเอง
00:27:14 → 00:27:17 ศัลยกรรมความรู้สึกวันนี้ผมพี่วีนะครับ
00:27:17 → 00:27:18 และก็
00:27:18 → 00:27:24 ต้องลาไปก่อนครับสวัสดีครับสวัสดีค่ะ
00:27:24 → 00:27:27 ติดตามรายการทางเว็บไซต์และ Application
00:27:27 → 00:27:31 ของไทยพีแดชดคลาส spotify soundcloud
00:27:31 → 00:27:34 Google podcast Apple podcast และ
00:27:34 → 00:27:37 YouTube Channel Thai PBS portcast
00:27:37 → 00:27:42 Thai PBS beautiful
00:27:42 → 00:27:47 [เพลง]