ตดที่มีกลิ่นแรงเกิดจากอะไร

ทำไมเราจึงตด? - Purna Kashyap

จากช่อง : จงใฝ่รู้อยู่เสมอ — TED-Ed


ดูคำบรรยาย / View Transcript

00:00:0800:00:14 การผายลมหรือปล่อยตด เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในทุกๆ วัน

00:00:1400:00:17 คนส่วนใหญ่ รวมถึงคุณด้วย

00:00:1700:00:21 จะปล่อยก๊าซประมาณ 500-1500 มิลลิลิตร

00:00:2100:00:25 และสามารถปล่อยตดได้ประมาณ 10 - 20 หน/วัน

00:00:2500:00:27 แล้วก๊าซกลิ่นแรงนี่มาจากไหนกัน

00:00:2700:00:33 ซึ่งในส่วนน้อยอาจมาจากก๊าซในลำไส้ ระหว่างที่คุณนอน หรือเวลาอื่นๆ

00:00:3300:00:38 แต่ก๊าซส่วนใหญ่ถูกผลิตขึ้น โดยแบคทีเรียในลำไส้

00:00:3800:00:41 ในขณะที่พวกมันย่อยอาหาร ในส่วนที่เราย่อยไม่ได้

00:00:4100:00:44 ลำไส้ของพวกเรา เป็นบ้านของแบคทีเรียเป็นพันล้าน

00:00:4400:00:47 ที่อาศัยอยู่ในความสัมพันธ์แบบพึ่งพากับเรา

00:00:4700:00:50 เรามีที่คุ้มภัยไว้ให้พวกมันอยู่ และอาหารให้พวกมันกิน

00:00:5000:00:54 เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน พวกมันช่วยสกัดพลังงานจากอาหารของเรา

00:00:5400:00:58 ผลิตวิตามินให้เรา เช่นวิตามินบี และเค เพื่อส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของเรา

00:00:5800:01:03 และมีบทบาทหน้าที่สำคัญ คือ เป็นปราการให้ระบบทางเดินอาหาร

00:01:0300:01:07 การเคลื่อนไหว และการพัฒนา ของระบบอวัยวะต่างๆ

00:01:0700:01:11 เป็นที่ชัดเจนว่า เราควรใส่ใจ ถึงสาระทุขสุกดิบของแบคทีเรียพวกนี้มากนั้น

00:01:1100:01:15 แบคทีเรียในลำไส้ได้สารอาหารหลัก จากอาหารที่ไม่ถูกย่อย

00:01:1500:01:20 เช่น คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน ซึ่งเข้ามาในลำไส้ใหญ่

00:01:2000:01:24 พวกมันหมักอาหารที่ไม่ถูกย่อยเหล่านี้ เพื่อผลิตสารประกอบมากมาย

00:01:2400:01:29 เช่น กรดไขมันสายสั้น และแน่นอน ก๊าซ

00:01:2900:01:32 ไฮโดรเจน และคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นผลิตภัณฑ์ก๊าซที่พบมากที่สุด

00:01:3200:01:35 จากการหมักของแบคทีเรีย และไม่มีกลิ่นใดๆ

00:01:3500:01:40 บางคนผลิตมีเทน ด้วยเหตุที่ มีจุลชีพจำเพาะอยู่ในลำไส้ของพวกเขา

00:01:4000:01:44 แต่มีเทนนั้นก็ไม่มีกลิ่นเช่นกัน

00:01:4400:01:45 แล้วอย่างนี้ อะไรกันที่เหม็น

00:01:4500:01:50 กลิ่นสุดแย่ตามปกติแล้วเกิดจาก สารประกอบซัลเฟอร์ระเหย

00:01:5000:01:54 เช่น ไฮโดรเจนซัลไฟด์ และมีเทนเอทิออล์ หรือ เมทิล เมอร์แคปเทน

00:01:5400:01:58 อย่างไรก็ดี ก๊าซเหล่านี้ มีอยู่น้อยกว่า 1% ของปริมาตร

00:01:5800:02:02 และมักจะพบได้เมื่อมีการรับประทานกรดอะมิโน ที่มีซัลเฟอร์อยู่

00:02:0200:02:07 ซึ่งอาจอธิบายกลิ่นแย่ๆ ของก๊าซ ได้ว่ามาจากการบริโภคโปรตีนเข้าไปมาก

00:02:0700:02:11 ตดที่เพิ่มขึ้นจะพบได้ตามปกติ หลังการรับประทานอาหาร

00:02:1100:02:14 ที่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยไม่ได้ เป็นปริมาณมาก

00:02:1400:02:21 เช่นถั่ว เลนทิล ผลิตภัณฑ์จากนม หอม กระเทียม ลีค ไชเท้า

00:02:2100:02:29 มันฝรั่ง ข้าวโอ๊ต ข้าวสาลี กล่ำดอก บล๊อคโคลี ผักกาด และบรัสเซล สเปราท์

00:02:2900:02:30 คนขาดเอนไซม์

00:02:3000:02:35 ดังนั้นแบคทีเรียที่สามารถหมักคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน จึงเข้ามาจัดการแทน

00:02:3500:02:38 และนี่ก็เป็นเรื่องธรรมชาติ ที่นำไปสู่ก๊าซที่มากขึ้น

00:02:3800:02:42 แต่ถ้าคุณรู้สึกไม่สบาย รู้สึกอืดๆ หรือบวมๆ

00:02:4200:02:46 นี่อาจเป็นการบอกถึงการเคลื่อนที่ซึ่งไม่ปกติ ของก๊าซไปตามทางเดินอาหาร

00:02:4600:02:49 มันสำคัญที่เราจะไม่เอาแต่โทษอาหารบางชนิด

00:02:4900:02:51 ว่าเป็นตัวการของก๊าซและอาการท้องอืด และหลีกเลี่ยงพวกมัน

00:02:5100:02:55 คุณคงไม่อยากทำให้แบคทีเรีย ที่ย่อยคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนเหล่านี้อดอยาก

00:02:5500:03:00 ไม่งั้นพวกมันจะเริ่มกินน้ำตาล ในชั้นเมือกเคลือบของลำไส้

00:03:0000:03:03 ก๊าซส่วนบุคคลของคุณจะต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าคุณกินอะไร

00:03:0300:03:05 และชนิดแบคทีเรียในลำไส้ของคุณ

00:03:0500:03:08 เช่น จากน้ำตาลเริ่มต้นเหมือนๆ กัน

00:03:0800:03:12 แบคทีเรีย คลอสทริเดียมผลิต คาร์บอนไดออกไซด์ บิวไทเรต และออกซิเจน

00:03:1200:03:18 ในขณะที่โพรพิโนแบคทีเรียสามารถผลิต คาร์บอนไดออกไซด์ โพรพิโนเอต และอะซิเตต

00:03:1800:03:22 ในเวลาเดียวกัน เมทะโนเจน สามารถใช้ไฮโดรเจนและคาร์บอดไดออกได์

00:03:2200:03:26 ที่ผลิตโดยแบคทีเรียอื่นๆ ในการสร้างมีเทน

00:03:2600:03:31 ซึ่งสามารถลดปริมาณของก๊าซ โดยใช้ไฮโดรเจนกับคาร์บอนไดออกไซด์จนเรียบ

00:03:3100:03:34 ดังนั้น มันมีเครือข่ายที่ซับซ้อน ระหว่างแบคทีเรียในลำไส้

00:03:3400:03:38 ที่ทำให้พวกมันได้รับการเลี้ยงดูทุกวัน โดยกินที่เป็นอาหารที่เราย่อยไม่ได้

00:03:3800:03:41 หรือใช้สิ่งที่แบคทีเรียอื่นๆ ผลิตออกมา

00:03:4100:03:46 ความสัมพันธ์นี้เป็นตัวกำหนดหลัก ของปริมาณและชนิดของก๊าซที่ถูกผลิต

00:03:4600:03:50 ดังนั้น การผลิตก๊าซจึงเป็นสัญญาณว่า แบคทีเรียนในลำไส้คุณกำลังทำงาน

00:03:5000:03:55 แต่ในบางกรณี เราอาจมีอาการผิดปกติ เนื่องจากก๊าซในกระเพาะ

00:03:5500:03:58 ตัวอย่างที่เห็นได้บ่อย คือการแพ้นม (lactose intolerance)

00:03:5800:04:02 คนส่วนใหญ่มีเอนไซม์สำหรับการย่อยแล็คโตส

00:04:0200:04:05 ซึ่งเป็นน้ำตาลที่มีอยู่ในนม และผลิตภัณฑ์ที่มาจากนม

00:04:0500:04:10 แต่บางคนอาจไม่มีเอนไซม์นั้นเลย หรือเอนไซม์นั้นในปริมาณที่ไม่มาก

00:04:1000:04:12 เช่น หลังจากเกิดการติดเชื้อในทางเดินอาหาร

00:04:1200:04:16 ดังนั้น พวกเขาจึงไม่สามารถย่อยผลิตภัณฑ์ ที่มีแล็คโตส และอาจรู้สึกปวดท้อง

00:04:1600:04:21 ร่วมกับการมีก๊าซเพิ่มขึ้น เพราะการหมักโดยแบคทีเรีย

00:04:2100:04:23 แต่จำไว้ว่า ก๊าซส่วนใหญ่ที่ถูกผลิต

00:04:2300:04:27 ในฐานะผลลัพธ์ทางธรรมชาติ ของการหมักโดยแบคทีเรียในลำไส้

00:04:2700:04:30 และบ่งบอกถึงลำไส้ที่ทำงานได้เป็นอย่างดี

00:04:3000:04:34 ปริมาณและชนิดนั้นแตกต่างออกไป ขึ้นอยู่กับการรับประทานอาหารและแบคทีเรีย

00:04:3400:04:39 บริหารมารยาททางสังคมเมื่อคุณต้องผายลม และจงให้อภัยแบคทีเรียของคุณ

00:04:3900:04:41 พวกมันแค่พยายามช่วยก็เท่านั้นเอง