00:00:23 → 00:00:26 โรคไอกรนในเด็กเล็กแม้อาการคล้ายไข้หวัด
00:00:26 → 00:00:30 แต่อันตรายถึงชีวิตสังเกตอาการไอกรนมัด
00:00:30 → 00:00:35 รวมวิธีป้องกันก่อนซ้ายเกินแก้การไอบอก
00:00:35 → 00:00:38 โรคอะไรได้บ้างติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้
00:00:38 → 00:00:42 ในรายการ TNN Health วัน
00:00:42 → 00:00:46 นี้สวัสดีค่ะขอต้อนรับคุณผู้ชมเข้าสู่ราย
00:00:46 → 00:00:49 การ TNN Health เข้าถึงทุกสาระสุขภาพ
00:00:49 → 00:00:52 เสริมภูมิคุ้มกันรู้ทันโรคไปกับ TNN
00:00:52 → 00:00:55 Health ค่ะและดิฉันหมอดาวแพทย์หญิงสัตว
00:00:55 → 00:00:58 ดาวจังวังกรแพทย์เฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์
00:00:58 → 00:01:00 ครอบครัวพร้อมที่จะจะรับหน้าที่เป็นผู้
00:01:00 → 00:01:03 ดำเนินรายการพาคุณผู้ชมมาเข้าถึงสาระ
00:01:03 → 00:01:07 สุขภาพดีๆกัน
00:01:07 → 00:01:15 [เพลง]
00:01:17 → 00:01:20 ค่ะสัปดาห์นี้ค่ะเราจะมาพูดคุยเรื่องของ
00:01:20 → 00:01:24 ไอกรนโรคในระบบทางเดินหายใจที่เป็น
00:01:24 → 00:01:27 อันตรายกับเด็กทารกเพราะในช่วงปลายปีที่
00:01:27 → 00:01:30 ผ่านมานะคะมีการระบาดของโรคไอกรนใน 3
00:01:30 → 00:01:32 จังหวัดชายแดนภาคใต้
00:01:32 → 00:01:36 ไรนคือโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจเกิด
00:01:36 → 00:01:40 จากเชื้อแบคทีเรีย Bit peris ติดต่อโดย
00:01:40 → 00:01:44 การไอจามรดกันโดยตรงพบได้บ่อยในเด็กอายุ
00:01:44 → 00:01:48 ต่ำกว่า 6 ปีหรือทารกแรกเกิดโดยโรคไอกรน
00:01:48 → 00:01:51 ในเด็กทารกและเด็กเล็กจะมีความรุนแรงมาก
00:01:51 → 00:01:54 ทั้งนี้ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาได้พบการ
00:01:54 → 00:01:57 แพร่ระบาดของไอกรนใน 3 จังหวัดชายแดนภาค
00:01:57 → 00:02:00 ใต้โดยเฉพาะจังหวัดปัตตานีและนราธิวาสมี
00:02:00 → 00:02:03 ผู้ป่วยยืนยันแล้วมากกว่า 100 คนค่ะและพบ
00:02:03 → 00:02:06 ทารกแรกเกิดติดเชื้อและเสียชีวิตขณะมี
00:02:06 → 00:02:10 อายุเพียง 18 วันไอกรนเป็นโรคที่ติดต่อ
00:02:10 → 00:02:13 กันได้ง่ายจากการไอจามรดกันโดยตรงผู้
00:02:13 → 00:02:15 สัมผัสโรคที่ไม่มีภูมิคุ้มกันจะติดเชื้อ
00:02:15 → 00:02:18 และเกิดโรคเกือบทุกคนโรคนี้พบได้บ่อยใน
00:02:18 → 00:02:21 เด็กเล็กส่วนใหญ่ติดเชื้อมาจากผู้ใหญ่คน
00:02:21 → 00:02:23 ในครอบครัวซึ่งมีการติดเชื้อแต่ไม่มี
00:02:23 → 00:02:27 อาการหรือมีอาการไม่มากโรคไรนเป็นได้กับ
00:02:27 → 00:02:30 ทารกตั้งแต่แรกเกิดเนื่องจากภูมิคุ้มยัง
00:02:30 → 00:02:32 ต่ำซึ่งอาการจะรุนแรงมากและมีอัตราเสีย
00:02:32 → 00:02:36 ชีวิตสูงส่วนใหญ่ของผู้ที่มีอาการรุนแรง
00:02:36 → 00:02:39 และเสียชีวิตเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปีและ
00:02:39 → 00:02:41 เป็นเด็กที่ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อนโดย
00:02:41 → 00:02:44 ทั่วไปแล้วโรคนี้เป็นได้ทุกช่วงวัยถ้าไม่
00:02:44 → 00:02:47 มีภูมิคุ้มกันแต่ในวัยหนุ่มสาวหรือผู้
00:02:47 → 00:02:50 ใหญ่อาจไม่มีอาการหรือไม่มีอาการแบบไอกรน
00:02:50 → 00:02:54 จึงไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้โดย
00:02:54 → 00:02:57 ที่ระยะฟักตัวของโรคไอกรนนั้นนะคะจะอยู่
00:02:57 → 00:03:01 ที่ 6-20 วันแต่ถ้าถ้าหากได้รับเชื้อแล้ว
00:03:01 → 00:03:03 และมีการติดเชื้อนะคะเกิน 3 สัปดาห์โดย
00:03:03 → 00:03:06 ที่ไม่แสดงอาการแสดงว่าไม่ได้เป็นโรคไอ
00:03:06 → 00:03:11 กรนค่ะอาการของไอกรนมี 3 ระยะคือระยะแรก
00:03:11 → 00:03:14 น้ำมุกไหลไอเล็กน้อยคล้ายหวัดธรรมดาอาจมี
00:03:14 → 00:03:18 ไข้ต่ำๆเป็นอยู่ 1-2 สัปดาห์ระยะที่ 2
00:03:18 → 00:03:22 เริ่มไรุนแรงติดต่อกัน 5 ครั้งขึ้นไปจาก
00:03:22 → 00:03:25 นั้นจะหายใจเข้าอย่างแรงจนเกิดเสียงวู
00:03:25 → 00:03:28 ซึ่งเป็นที่มาของคำว่าไอกรนหากเกิดกับ
00:03:28 → 00:03:31 เด็กต่ำกว่า 6 เดือนอาจหยุดหายใจหน้า
00:03:31 → 00:03:34 เขียวอาเจียนจะมีอาการ 2-4 สัปดาห์หรือ
00:03:34 → 00:03:38 นานกว่านั้นระยะฟื้นตัวจะค่อยๆไอลดลงหาก
00:03:38 → 00:03:41 ไม่มีโรคแทรกซ้อนจะหายใน 6-10 สัปดาห์
00:03:41 → 00:03:44 ภาวะแทรกซ้อนของโรคนี้อาจรุนแรงถึงขั้น
00:03:44 → 00:03:47 เสียชีวิตที่พบบ่อยคือปอดอักเสบซึ่งเป็น
00:03:47 → 00:03:49 สาเหตุเสียชีวิตในเด็กเล็กและยังมีภาวะ
00:03:49 → 00:03:53 แทรกซ้อนทางสมองอาจชักเกร็งหรือซึมและ
00:03:53 → 00:03:56 สำหรับการที่เกิดไอกรนในเด็กนะคะสมมติฐาน
00:03:56 → 00:04:00 ได้ว่าเด็กคนนั้นยังไม่ได้รับวัคซีนเลย
00:04:00 → 00:04:03 หรือได้รับวัคซีนแต่ไม่ครบค่ะทำให้เด็ก
00:04:03 → 00:04:05 ยังขาดภูมิคุ้มกันเนื่องจากวัคซีนป้องกัน
00:04:05 → 00:04:09 ไอรนเข็มแรกจะได้รับเมื่ออายุ 2 เดือน
00:04:09 → 00:04:11 ส่วนการรับเชื้อส่วนมากมักมีการรับมาจาก
00:04:11 → 00:04:15 ผู้ใหญ่ที่ป่วยและมีอาการไอซึ่งในวัยผู้
00:04:15 → 00:04:17 ใหญ่มักไม่ยอมไปพบแพทย์ค่ะเนื่องจากอาการ
00:04:17 → 00:04:20 ไม่รุนแรงทำให้เกิดการแพร่เชื้อไปยังเด็ก
00:04:20 → 00:04:23 ที่อยู่ใกล้ชิดในที่สุดหากเกิดในผู้ใหญ่
00:04:23 → 00:04:25 จะไม่มีความรุนแรงสามารถใช้ชีวิตได้เป็น
00:04:26 → 00:04:29 ปกติไม่มีอาการเหนื่อยหอบไม่มีไข้มีพผ
00:04:29 → 00:04:32 เพียงอาการไอเท่านั้นแต่ถ้าหากโรคไอรน
00:04:32 → 00:04:35 เกิดกับเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 3 ขวบเป็น
00:04:35 → 00:04:37 เรื่องที่น่าเป็นห่วงเพราะมีความเสี่ยง
00:04:37 → 00:04:40 ที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ที่พบบ่อยคือไอ
00:04:40 → 00:04:43 หนักจนตัวเขียวหรือไอจนหยุดหายใจทำให้
00:04:43 → 00:04:46 สมองขาดออกซิเจนและอาจเสียชีวิตได้ส่วน
00:04:46 → 00:04:49 อาการชักสามารถพบได้เช่นกันแต่พบไม่บ่อย
00:04:49 → 00:04:53 นักได้รับทราบข้อมูลของโรคไอกรนกันไปบ้าง
00:04:53 → 00:04:56 แล้วนะคะเรายังอยู่กันที่โรคไอกรนโรคระบบ
00:04:57 → 00:04:59 ทางเดินหายใจที่เป็นอันตรายกับเด็กทารก
00:04:59 → 00:05:02 และในช่วงนี้ค่ะเราจะพาคุณผู้ชมไปพูดคุย
00:05:02 → 00:05:04 กับอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของ
00:05:04 → 00:05:08 โรคไอกรนกันสวัสดีค่ะ
00:05:08 → 00:05:16 [เพลง]
00:05:16 → 00:05:19 อาจารย์เริ่มที่คำถามแรกเลยนะคะอาจารย์
00:05:19 → 00:05:23 ไอนมีสาเหตุมาจากอะไรคะไอนก็มีสาเหตุจาก
00:05:23 → 00:05:26 เชื้อแบคทีเรียตัวนึงนะครับในอดีตเนี่ย
00:05:26 → 00:05:30 โรคไอนก็เป็นปัญหาทางสาธารสุขของประเทศ
00:05:30 → 00:05:33 ของโลกนะครับจนกระทั่งมีวัคซีนคอติบาท
00:05:33 → 00:05:36 ยัคฆ์ไออกรนในเด็กมาใช้ซึ่งเราฉีดให้กับ
00:05:36 → 00:05:38 เด็ก 2 เดือน 4 เดือน 6 เดือนขวบครึ่ง
00:05:38 → 00:05:42 แล้วก็ 4-6 ปีนะครับโรคไอกรนเกือบจะหายไป
00:05:42 → 00:05:46 จากโลกใบนี้เลยครับจนกระทั่งวันนึงเมื่อ
00:05:46 → 00:05:49 ภูมิคุ้มกันเหล่าเนี้มันหมดลงคือ 4-6 ปี
00:05:49 → 00:05:52 เนี่ยเป็นเข็มสุดท้ายที่ได้รับพอสัก 10
00:05:52 → 00:05:54 ขวบขึ้นไปหรือในผู้ใหญ่เนี่ยภูมิต่อโรค
00:05:54 → 00:05:58 ไรนมันก็หมดลงทีนี้เกิดอะไรขึ้นครับก็ผู้
00:05:58 → 00:06:02 ใหญ่นี่แหละครับเป็นไอกรนคนแก่เป็นไอกรน
00:06:02 → 00:06:05 แล้วก็แพร่เชื้อมาสู่เด็กเพราะว่าเด็ก
00:06:05 → 00:06:09 เนี่ยกว่าจะฉีดวัคซีนแล้วมีภูมิคุ้มกัน
00:06:09 → 00:06:12 ต่อไอกรนเนี่ยต้องใช้เวลา 6 เดือนแปว่า
00:06:12 → 00:06:15 ฉีดเข็ม 1 ยังเข็ม 2 ยังต้องเข็ม 3 แล้ว
00:06:15 → 00:06:17 เพราะฉะนั้น 6 เดือนแรกจึงเป็นช่วงที่
00:06:17 → 00:06:20 เด็กเล็กนี่มีความเสี่ยงต่อการเป็นไอกรน
00:06:20 → 00:06:22 มากผู้ใหญ่ก็เลยแพร่มาสู่เด็กตังงจาก
00:06:22 → 00:06:25 โควิดใช่มั้ยครับโควิดเด็กแพร่ไปสู่ผู้
00:06:25 → 00:06:28 ใหญ่ตอนนี้ผู้ใหญ่แพร่มาสู่เด็กนะครับทำ
00:06:28 → 00:06:31 ให้โรคไอกรนเกลับมาใหม่อีกครั้งนึงในโลก
00:06:31 → 00:06:34 ใบนี้และในประเทศไทยครับทำไมไอกรนถึง
00:06:34 → 00:06:37 อันตรายในเด็กเล็กมากกว่าผู้ใหญ่คะแน่นอน
00:06:37 → 00:06:40 ครับในเด็กเล็กถ้าเป็นโรคไอกรนนะระบบทาง
00:06:40 → 00:06:43 เดินหายใจเขายังเล็กอยู่นะครับอาการพวก
00:06:43 → 00:06:46 นี้ก็จะรุนแรงมากนะครับลักษณะของโรคเนี่ย
00:06:46 → 00:06:50 ก็คือจะไอเรื้อรังไอรุนแรง 2 คำเท่านั้น
00:06:50 → 00:06:53 ครับไอเรื้อรังและไอรุนแรงจะต้องคิดถึงไอ
00:06:53 → 00:06:57 กรนนะครับในเด็กเนี่ยไอจนจะขาดใจตายอ่ะ
00:06:57 → 00:07:01 ครับหายใจไม่ทันไอจนเขียวซึ่งเกือบไม่มี
00:07:01 → 00:07:04 โรคไหนเลยครับที่ทำให้ไอจนเขียวเนาะพวก
00:07:04 → 00:07:08 นี้ไอรุนแรงมากมีปอดบวมได้นะครับสมองขาด
00:07:08 → 00:07:12 ออกซิเจนได้นะครับเด็กโตเนี่ยอาจจะไอจน
00:07:12 → 00:07:15 กระทั่งเลือดออกในลูกกตาได้มันรุนแรงขนาด
00:07:15 → 00:07:18 นั้นน่ะครับนะครับในผู้ใหญ่อาการคล้ายๆ
00:07:18 → 00:07:21 กันนะครับแต่ว่าจะไม่รุนแรงเท่านะครับก็
00:07:22 → 00:07:25 จะไอรุนแรงไอเรื้อรังที่เขาเรียกว่าไอ 3
00:07:25 → 00:07:27 เดือนก็โรคนี้ละครับนนี่ในผู้ใหญ่เนี่ยทำ
00:07:27 → 00:07:31 ให้ปวดหัวครับคิดว่าเป็นรองโควิดนะครับ
00:07:31 → 00:07:35 คิดว่าเป็นวัณโรคลืมนึกถึงไอกรนไปประกอบ
00:07:35 → 00:07:39 กับการตรวจทางห้องแลบเนี่ยทำได้ยากมากนะ
00:07:39 → 00:07:42 ครับไม่เหมือนโควิดเนาะ atk เรียบร้อยไอน
00:07:42 → 00:07:45 ไม่มีเพราะฉะนั้นบางทีเราก็ไอเรื้อรังเรา
00:07:45 → 00:07:48 ก็รักษาไปนะครับโดยไม่ได้ตรวจอะไรหรือ
00:07:48 → 00:07:51 ตรวจแล้วก็ไม่เจอเพราะว่าไม่ได้ตรวจไอกรน
00:07:51 → 00:07:55 ครับค่ะอาจารย์คะและเราจะมีวิธีสังเกตได้
00:07:55 → 00:07:58 อย่างไรว่าลูกเราเนี่ยเป็นไอกรนถ้าในกรณี
00:07:58 → 00:08:00 ที่เป็นเด็กเด็กเล็กเนี่ยอาการจะดูยาก
00:08:00 → 00:08:03 เหลือเกินครับถ้าในช่วงหลัง 6 เดือนไป
00:08:03 → 00:08:05 แล้วเนี่ยโอกาสเป็นไอกรนน้อยแล้วครับ
00:08:05 → 00:08:07 เพราะได้วัคซีนไปครบ 3 เข็มละเพงั้นคุณ
00:08:07 → 00:08:10 พ่อคุณแม่ก็คิดว่าถ้าลูกไอเรื้อรังหรือไอ
00:08:10 → 00:08:12 รุนแรงน่าจะเกิดจากสาเหตุอื่นนะแต่ใน 6
00:08:12 → 00:08:15 เดือนแรกต้องระมัดระวังมากครับนะครับเป็น
00:08:15 → 00:08:17 ช่วงที่ภูมิคุ้มกันจากวัคซีนมันยังไม่
00:08:17 → 00:08:21 ขึ้นเพงั้นถ้าเด็กมีการไอเรื้อรังไอ
00:08:21 → 00:08:24 รุนแรงผิดปกติอ่ะครับแล้วพวกนี้ไม่ค่อยมี
00:08:24 → 00:08:27 ไข้นะครับโดยทั่วๆไปเนี่ยหมอคิดว่าถ้าไอ
00:08:27 → 00:08:29 เกิน 5 วัน 7 วันแล้วไม่ดีขึ้นเนี่ยคุณจะ
00:08:29 → 00:08:33 เจอหมอละต่อให้ไม่หอบก็ตามแต่ไอกรนเนี่ย
00:08:33 → 00:08:37 นะครับถ้าเราได้ยาฆ่าเชื้อเร็วนะครับ
00:08:37 → 00:08:39 อาการของโรคก็จะดีขึ้นเร็วต้องได้รับการ
00:08:39 → 00:08:44 วินิจฉัยเร็วให้การรักษาที่ถูกต้องครับ
00:08:44 → 00:08:47 อาการของเด็กที่เป็นไอกรนอย่างรุนแรงนั้น
00:08:47 → 00:08:50 จะเสียชีวิตได้เป็นอย่างไรคะอาจารย์เอ่อ
00:08:50 → 00:08:53 ไอกรนในเด็กเล็กเนี่ยมันจะมีความรุนแรง
00:08:53 → 00:08:56 ได้มากเนาะอายุตั้งแต่เป็นวันจนทั้งถึง 6
00:08:56 → 00:08:59 เดือนนะครับพรุ่งนี้ก็จะไอเรื้อรังไอ
00:08:59 → 00:09:00 เรื้อรังไม่เท่าไหร่ใช่มครับเดี๋ยวมันก็
00:09:00 → 00:09:03 หายเองเนาะไออยู่สัก 2-3 เดือนแต่ไอ
00:09:03 → 00:09:07 รุนแรงสิครับจัดการเสมหะก็ไม่ได้เนาะบ้วน
00:09:08 → 00:09:11 เสมหะก็ไม่เป็นนะครับเพราะฉะนั้นก็จะไอ
00:09:11 → 00:09:14 แบบแคกๆๆๆๆๆๆแล้วก็มีเสียงอาจจะมีเสียง
00:09:14 → 00:09:17 วูบขึ้นมานะครับภาษาอังกฤษถึงใช้คำว่า
00:09:17 → 00:09:20 whooping C นะครับแต่ส่วนใหญ่อาการ woop
00:09:20 → 00:09:22 เนี่ยมักจะเป็นในเด็กโตหน่อยแต่ในเด็กบาง
00:09:22 → 00:09:25 ทีก็จะมีนะครับพออาเจียนแล้วก็จะดีขึ้น
00:09:25 → 00:09:29 เพราะเอาเสมหะออกมาได้นะครับทีนี้ถ้าเกิด
00:09:29 → 00:09:32 มันไอมากจนเขียวใช่มครับก็แสดงว่า
00:09:32 → 00:09:36 ออกซิเจนไม่พอละออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่
00:09:36 → 00:09:41 พอก็อาจจะมีปัญหาชักตามมามีสมองพิการได้
00:09:41 → 00:09:43 มันไม่ใช่โรคทางระบบทาเดินหายใจอย่าง
00:09:43 → 00:09:46 เดียวที่ได้รับการเอฟเฟคนะครับมันเอฟเฟค
00:09:46 → 00:09:50 ส่วนอื่นๆได้ไอจนขาดใจตายอ่ะโรคเนี้ยนะ
00:09:50 → 00:09:52 ครับเอ่อไม่ใช่เด็กทุกคนจะมีอาการไอ
00:09:52 → 00:09:55 รุนแรงนะครับแต่ยิ่งเด็กเล็กเท่าไหร่ยิ่ง
00:09:55 → 00:09:58 มีอาการรุนแรงถึงเสียชีวิตได้ครับเพราะ
00:09:58 → 00:10:01 งั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องต้องพยายามพามาหาหมอ
00:10:01 → 00:10:03 หมอเองก็ต้องรู้จักโรคและวินิจฉัยให้ได้
00:10:04 → 00:10:07 เร็วควรจะรับไว้รักษาในโรงพยาบาลเพื่อจะ
00:10:07 → 00:10:10 จะดูแลระบบทางเดินหายใจเาดูแลดูดเสมหะให้
00:10:10 → 00:10:14 เขาคให้น้ำให้เพียงพอแล้วก็ให้ยาปฏิชีวนะ
00:10:14 → 00:10:18 หรือยาฆ่าเชื้อที่เหมาะสมครับค่ะแล้ว
00:10:18 → 00:10:21 สำหรับผู้ใหญ่จะสังเกตอาการของไอกรนได้
00:10:21 → 00:10:24 อย่างไรคะจะสังเกตว่าโรคส่วนใหญ่จะเป็น
00:10:24 → 00:10:27 การติดเชื้อแบบเฉียบพลันเป็นไม่เกิน 1
00:10:27 → 00:10:30 สัปดาห์หายละแต่ถ้าไอถึง 2 สัปดาห์เมื่อ
00:10:30 → 00:10:34 ไหร่โดยเฉพาะไอรุนแรงมากมันผิดปกติอ่ะเรา
00:10:34 → 00:10:37 ก็ไอคอกๆแคกๆเนาะอันนี้มันไอรุนแรงมากนะ
00:10:37 → 00:10:39 ครับเป็นระยะเวลานานเพราะฉะนั้นหมอยัง
00:10:39 → 00:10:43 เน้นเสมอว่าไอเรื้อรังไอรุนแรงไม่มีไข้นะ
00:10:44 → 00:10:46 ครับอาจจะต้องคิดถึงโดยเฉพาะคนรอบข้างก็
00:10:46 → 00:10:50 ไอพวกนี้มันแพร่ระบาดกันนะครับก็เคยเจอ
00:10:50 → 00:10:53 เคสในในที่ทำงานพ่อไอกันทั้งหมดเลยไอไม่
00:10:53 → 00:10:57 หายกันสักทีผู้ใหญ่อาจจะมีไอจนฉี่ราด
00:10:57 → 00:10:59 อย่างเงี้ยครับเราจะได้มองเห็นภาพครับ
00:10:59 → 00:11:03 แล้วถ้าใครมีเด็กที่บ้านพ่อก็จะเอาเชื้อ
00:11:03 → 00:11:06 มาสู่เด็กอันนี้เป็นเรื่องใหญ่เลยนะครับ
00:11:06 → 00:11:10 เพราะฉะนั้นระบบการป้องกันไอกรนในเด็ก 6
00:11:10 → 00:11:13 เดือนจึงเป็นหัวใจที่วงการแพทย์จะต้องให้
00:11:13 → 00:11:17 ความสำคัญและทำในอนาคตครับแล้วไอกรนรักษา
00:11:17 → 00:11:21 ได้อย่างไรคะไอนก็มีเป็นเนื่องจากเป็น
00:11:21 → 00:11:24 เชื้อแบคทีเรียจึงมียาฆ่าเชื้อปกติไวรัส
00:11:24 → 00:11:28 เนี่ยเราจะให้หายเองมีไวรัสที่มียารักษา
00:11:28 → 00:11:31 มีไข้หวัดใหญ่กับโควิดไวรัสอื่นๆเนี่ย
00:11:31 → 00:11:34 ส่วนใหญ่ปล่อยให้หายเองแต่ไอนเกิดจาก
00:11:34 → 00:11:36 เชื้อแบคทีเรียก็มียานะครับเพราะฉะนั้น
00:11:36 → 00:11:39 เราก็จะให้ยากฆ่าเชื้อนะครับแต่สิ่งที่
00:11:39 → 00:11:43 สำคัญไปกว่านั้นก็คือการดูแลรักษาแบบเอ่อ
00:11:43 → 00:11:46 ตามอาการนะครับมีเสมหะเหนียวทำยังไงก็
00:11:46 → 00:11:49 ต้องให้น้ำเยอะๆดื่มน้ำเยอะๆหรือให้ทาง
00:11:49 → 00:11:52 น้ำเกลือเสมหะไอไม่ได้ทำยังไงก็ต้องดูด
00:11:52 → 00:11:55 เสมหะซึ่งระยะเวลาในการดูแลเนี่ยมันช่วง
00:11:55 → 00:11:58 แรกเนี่ยประมาณ 5-7 วันที่เด็กจะมีอาการ
00:11:58 → 00:12:00 หนักมากๆซึ่งส่วนใหญ่ต้องนอนโรงพยาบาล
00:12:00 → 00:12:03 ครับบางคนก็ต้องให้ออกซิเจนเพราะเราไม่
00:12:03 → 00:12:06 รู้เมื่อไหร่ไอชุดต่อไปมันไอเป็นชุดอ่ะ
00:12:06 → 00:12:09 ครับมันไม่ใช่ไอตลอดวันนะครับมันจะไอเป็น
00:12:09 → 00:12:12 ชุดๆๆๆเนี่ยเราไม่รู้ไอชุดไหนจะรุนแรงถึง
00:12:12 → 00:12:15 ขนาดทำให้เขียวและเสียชีวิตเพราะฉะนั้น
00:12:15 → 00:12:17 เราก็อยากจะให้เด็กที่ได้รับการวินิจฉัย
00:12:17 → 00:12:20 ว่าเป็นไอนเนี่ยได้รับการดูแลรักษาในโรง
00:12:21 → 00:12:23 พยาบาลน่าจะปลอดภัยกว่าการดูแลที่บ้าน
00:12:23 → 00:12:27 ครับอาจารย์คะเมื่อเด็กเป็นโรคไรนแล้ว
00:12:27 → 00:12:30 เนี่ยมันจะส่งผลต่อพัฒนาการของน้องเยคะ
00:12:30 → 00:12:33 กรณีที่น้องจะต้องเข้ารับการรักษาในโรง
00:12:33 → 00:12:36 พยาบาลเป็นระยะเวลายาวนานครับเด็กที่เป็น
00:12:36 → 00:12:38 ไรนเนี่ยถ้าได้รับการรักษาโรงพยาบาลเนี่ย
00:12:39 → 00:12:41 ส่วนใหญ่ก็จะปลอดภัยนะครับแล้วส่วนใหญ่ก็
00:12:41 → 00:12:44 อยู่ไม่นานครับ 2 สัปดาห์ไม่ได้มีผลอะไร
00:12:44 → 00:12:49 ต่อพัฒนาการแต่โรคไอกรนสิที่มีผลต่อสมอง
00:12:49 → 00:12:53 นะครับขาดออกซิเจนสมองขาดออกซิเจนอันนี้
00:12:53 → 00:12:56 แหละมีผลต่อพัฒนาการแน่ๆเลยนะครับเพราะ
00:12:56 → 00:13:00 ฉะนั้นก็ในเด็กที่มีอาการการชักในเด็กที่
00:13:00 → 00:13:04 ไอจนเขียวนะครับคงต้องตติดตามต่อไปนะว่า
00:13:05 → 00:13:07 เขามีปัญหาเรื่องพัฒนาการไมส่วนใหญ่
00:13:07 → 00:13:11 พัฒนาการก็เป็นเรื่องของไอคิวต่ำนะ
00:13:11 → 00:13:14 พัฒนาการช้าพัฒนาการก็มีด้านร่างกายเนาะ
00:13:14 → 00:13:16 มีเรื่องกล้ามเนื้อที่เด็กวิ่งนะมีเรื่อง
00:13:16 → 00:13:19 กล้ามเนื้อเล็กเช่นการใช้นิ้วมีด้าน
00:13:19 → 00:13:23 เรื่องภาษานะครับแล้วก็มีการเรื่องสังคม
00:13:23 → 00:13:26 เช่นเด็กควรจะกลัวคนแปลกหน้าในวัยขนาดนี้
00:13:26 → 00:13:29 นะเด็กควรจะติดแม่มากในวัยขนาดนี้เด็กจะ
00:13:29 → 00:13:31 เข้าสังคมได้เมื่อไหร่เพราะฉะนั้นมันก็จะ
00:13:31 → 00:13:33 มีพัฒนาการอยู่ 4 ด้านด้วยกันซึ่งหมอก็
00:13:34 → 00:13:36 ต้องประเมินในอนาคตง่ายๆคืออย่างนี้ครับ
00:13:36 → 00:13:39 ถ้าเข้าอนุบาลไม่มีปัญหาสบายใจในระดับ
00:13:39 → 00:13:43 หนึ่งครูไม่ทักทายว่าลูกชั้นช้าแต่จะเอา
00:13:43 → 00:13:46 ชัวร์ๆป 1 ครับขึ้นป 1 เรียนหนังสือไม่มี
00:13:46 → 00:13:49 ปัญหาไม่น่าจะถือมีการเอมีความผิดปกติ
00:13:49 → 00:13:52 ด้านพัฒนาการเพฉนั้นเด็กไอกรนส่วนใหญ่
00:13:52 → 00:13:55 เนี่ยหมอก็ไม่ได้ส่งตรวจพัฒนาการนะยกเว้น
00:13:55 → 00:13:57 ว่าสมองขาดออกซิเจนจริงๆอันนั้นน่ะอาจจะ
00:13:57 → 00:14:00 ให้หมอพัฒนาการการร่วมดูแลโดยรวมๆนะครับ
00:14:00 → 00:14:04 ไอกรนเด็กเล็กเนี่ยก็รุนแรงแต่ก็ไม่ได้
00:14:04 → 00:14:08 รุนแรงถึงขนาดว่าเจะแย่ไปเลยมีความพิการ
00:14:08 → 00:14:12 นะครับจำนวนน้อยมากคครับที่จะมีความพิการ
00:14:12 → 00:14:15 ทางสมองหรือเสียชีวิต
00:14:15 → 00:14:19 ไอนจะป้องกันได้อย่างไรคะการป้องกันไอน
00:14:19 → 00:14:21 นี่คือหัวใจเลยครับเราไม่อยากให้เด็กเป็น
00:14:21 → 00:14:24 เลยครับลองดูนะครับว่าใครแพร่ไอกรนสู่
00:14:24 → 00:14:27 เด็กก็คือเด็กโตผู้ใหญ่คนแก่เพราะภูมิ
00:14:27 → 00:14:29 คุ้มกันหมดแล้วตอนที่เรารได้ตอนเด็กๆอ่ะ
00:14:29 → 00:14:34 ภูมิคุ้มกันหมดแล้วโควิด 6 เดือนหมดไอน
00:14:34 → 00:14:37 นี้มันอยู่ได้ประมาณ 5-10 ปีพออายุสัก 10
00:14:37 → 00:14:42 ปีขึ้นไปเราเชียร์ให้ฉีดวัคซีนกระตุ้นที
00:14:42 → 00:14:45 นี้เนื่องจากวัคซีนไรนเนี่ยอยู่ในรูปของ
00:14:45 → 00:14:49 คอตีบบัยไอกรนสูตรผู้ใหญ่ด้วยคือไม่ได้
00:14:49 → 00:14:52 ฉีดเหมือนเด็กนะเป็นสูตรผู้ใหญ่ซึ่งถ้า
00:14:52 → 00:14:55 ได้ฉีดกระตุ้นเนี่ยก็จะมีภูมิสำหรับไอกรน
00:14:55 → 00:14:58 ซึ่งควรจะฉีดทุก 10 ปีแต่เนื่องจากวัคซีน
00:14:58 → 00:15:02 ไอกนที่เติมเข้าไปเนี่ยมันมีราคาแพงตอน
00:15:02 → 00:15:04 นี้ปัญหามันอยู่ที่เนี่ยครับที่ราคาทาง
00:15:04 → 00:15:08 ออกที่สำคัญตอนนี้ก็คือเราจะฉีดวัคซีนไอ
00:15:08 → 00:15:11 กรนให้กับแม่ตั้งครรภ์ตอนนี้แม่ตั้งครรภ์
00:15:11 → 00:15:14 ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฉีดวัคซีนโควิดนะ
00:15:14 → 00:15:18 ครับฉีดวัคซีนคอตีบอยู่แล้วคอตีบบัยตอน
00:15:18 → 00:15:21 เนี้เรารัฐบาลน่าจะให้ในไม่ช้านี้นะครับ
00:15:21 → 00:15:24 จะเติมไอกรนเข้าไปวัคซีนตัวเนี้เรียกว่า
00:15:24 → 00:15:27 วัคซีน tdap อยู่ในเข็มเดียวกันฉีดที
00:15:27 → 00:15:30 เดียวเราหวังอะไอะไรครับเราหวังว่าภูมิ
00:15:30 → 00:15:34 คุ้มกันของไอกรนเนี่ยจะถ่ายทอดจากแม่ไป
00:15:34 → 00:15:38 สู่ลูกผ่านรกพอเด็กคลอดออกมาก็จะมีภูมิใน
00:15:38 → 00:15:41 การป้องกันไอกรนอยู่สักระยะหนึ่งซึ่งหวัง
00:15:41 → 00:15:44 ว่าจะอยู่ได้ 4-6 เดือนจากนั้นรอวัคซีน
00:15:45 → 00:15:46 ที่เราฉีดเด็กเวิร์คอย่างไรก็ตามเนี่ยมัน
00:15:46 → 00:15:50 มีวัคซีนไอกรนเดี่ยวๆด้วยนะครับเพรา
00:15:50 → 00:15:53 ฉะนั้นตอนนี้รัฐบาลก็คงกำลังพิจารณาล่ะ
00:15:53 → 00:15:55 ว่าจะให้วัคซีนเป็น tdap ซึ่งแพงกว่านิด
00:15:55 → 00:15:58 หน่อยหรือวัคซีนไอกรนเดี่ยวๆกับแม่ที่
00:15:58 → 00:15:59 ตั้งคัน
00:15:59 → 00:16:01 ซึ่งถ้าเราทำสำเร็จทุ่มก็ประมาณสำเร็จ
00:16:01 → 00:16:06 เด็กเล็กที่ป่วยเป็นไอกรนนะครับก็จะน้อย
00:16:06 → 00:16:10 ลงมากหรือไม่มีเลยแต่ผู้ใหญ่และผู้สูง
00:16:10 → 00:16:14 อายุที่เป็นไอกรนจะยังมีอยู่นะครับเพียง
00:16:14 → 00:16:17 แต่ว่าจะแพร่เชื้อมาสู่เด็กให้ยากขึ้น
00:16:17 → 00:16:20 นั่นก็เป็นวิธีการที่ประหยัดที่สุดครับ
00:16:20 → 00:16:24 ที่รัฐบาลสามารถที่จะทำเพื่อป้องกันอย่าง
00:16:24 → 00:16:27 น้อยแม่ได้คนนึงอ่ะลูกได้อีกคนนึงแม้จะ
00:16:27 → 00:16:29 ช่วงระยะเวลาสั้นๆแต่เป็นช่วงระยะเวลาที่
00:16:29 → 00:16:32 สำคัญนะครับเพราะฉะนั้นก็โปรดติดตามครับ
00:16:32 → 00:16:35 คิดว่าอีกไม่กี่เดือนหรือกี่ปีข้างหน้า
00:16:35 → 00:16:38 เราน่าจะมีข่าวดีว่าเราจะฉีดวัคซีน tdap
00:16:38 → 00:16:43 หรือวัคซีนไอนให้กับแม่ตั้งครรภ์ไม่อยาก
00:16:43 → 00:16:46 ให้ฉีดช้ามากเดี๋ยวคลอดก่อนกำหนดไม่ทัน
00:16:46 → 00:16:49 ฉีดหรือภูมิยังไม่สู่รูปนะครับอันนี้ก็
00:16:49 → 00:16:51 เป็นอันที่สำคัญเราจะฉีด tdap หรือวัคซีน
00:16:51 → 00:16:55 ไรน 1 เข็มในหญิงตั้งครรภ์ในไตรมาสที่ 2
00:16:55 → 00:16:58 หรือ 3 ของการตั้งครรภ์นะครับเพราะงั้น
00:16:58 → 00:17:01 ให้ประชาชนทั่วไปเนี่ยที่อยากจะฉีดนะครับ
00:17:01 → 00:17:04 เราแนะนำให้ฉีดทุก 10 ปีแต่หญิงตั้งรต้อง
00:17:04 → 00:17:07 ฉีดทุกท้องไม่ใช่เพื่อแม่เพื่อลูกการฉีด
00:17:07 → 00:17:11 วัคซีนไอกรนมีกระบวนการอย่างไรคะก็โรคไอ
00:17:11 → 00:17:13 กรนก็เป็นโรคแบคทีเรียตัวนึงนะครับซึ่ง
00:17:13 → 00:17:16 ติดทางระบบทางเดินหายใจเจอไม่ได้เยอะเท่า
00:17:16 → 00:17:20 กับโควิดหรือไข้หวัดใหญ่่นะครับแต่เป็น
00:17:20 → 00:17:24 โรคที่มีความรุนแรงและมีอัตราตายได้นะ
00:17:24 → 00:17:27 ครับคิดว่าปการป้องกันเนี่ยค่อนข้างยาก
00:17:27 → 00:17:30 มากนะครับถ้าเป็นไปได้นะครับคุณพ่อคุณแม่
00:17:30 → 00:17:34 ที่มีลูกเล็กนะครับควรจะได้รับการฉีด
00:17:34 → 00:17:36 วัคซีนคนในครอบครัวควรจะได้รับการฉีด
00:17:36 → 00:17:40 วัคซีนด้วยนะครับแต่ว่าถ้าเราฉีดวัคซีน
00:17:40 → 00:17:43 ให้กับหญิงตั้งครรภ์แล้วคนในครอบครัวก็
00:17:43 → 00:17:45 ไม่ต้องฉีดครับเพราะเด็กจะมีภูมิคุ้มกัน
00:17:45 → 00:17:49 ต่อไอกรนก็หวังว่าโรคไอกรนจะมาระบาดที่
00:17:49 → 00:17:52 ประเทศไทยไม่เยอะนักนะแล้วหวังว่าเราจะ
00:17:52 → 00:17:55 รับมือทันครับขอบพระคุณอาจารย์หมอที่มา
00:17:55 → 00:17:57 ให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องของโรคไอกรน
00:17:57 → 00:18:01 ค่ะและในช่วงนี้ค่ะเราจะมารู้กันว่าไอแต่
00:18:01 → 00:18:06 ละแบบบอกถึงอะไรได้บ้างอาการไอสามารถ
00:18:06 → 00:18:10 จำแนกตามลักษณะระยะเวลาในการเกิดอาการ
00:18:10 → 00:18:12 ระยะเวลาในการเกิดอาการและระดับความ
00:18:12 → 00:18:16 รุนแรงของการไอซึ่งสามารถใช้ความแตกต่าง
00:18:16 → 00:18:18 เหล่านี้จำแนกออกเป็นรูปแบบต่างๆได้เช่น
00:18:19 → 00:18:22 ไอมีเสมหะเกิดจากการติดเชื้อโรคบางชนิด
00:18:22 → 00:18:25 หรือมีสารคัดหลั่งในระบบทางเดินหายใจเช่น
00:18:25 → 00:18:28 ไข้หวัดไข้หวัดใหญ่ปลอดอักเสบหลอดลม
00:18:28 → 00:18:31 อักเสบเสียบพลันหรือโรคปอดอุดกันเหลือรัง
00:18:31 → 00:18:34 ส่งผลให้ร่างกายขับเมือกหรือสารคัดหลั่ง
00:18:34 → 00:18:37 ออกผ่านทางระบบทางเดินหายใจจนทำให้ไอมี
00:18:37 → 00:18:42 เสมหะไอแห้งเกิดจากการระคายคอหรือระบบทาง
00:18:42 → 00:18:45 เดินหายใจส่วนล่างจนกระตุ้นให้ร่างกายไอ
00:18:45 → 00:18:49 ออกมาแต่ไม่มีเสมหะปนออกมาด้วยสาเหตุเช่น
00:18:49 → 00:18:53 ปลดไหลย้อนโรคหล้อนลมอักเสบการใช้ยาลด
00:18:53 → 00:18:56 ความดันโลหิตกลุ่ม acei หรือ Age
00:18:56 → 00:18:59 inhibitor รวมถึงเป็นอาการที่พบได้มากใน
00:18:59 → 00:19:03 ผู้ป่วยโรคโควิด- 199 โดยมักจะมีไข้หรือ
00:19:03 → 00:19:07 อาการหายใจลำบากเกิดขึ้นร่วมด้วยไอในเวลา
00:19:07 → 00:19:10 กลางคืนเกิดจากการระคายเคืองในทางเดินหาย
00:19:10 → 00:19:14 ใจช่วงกลางคืนสาเหตุอาจเกิดจากการมีเสมหะ
00:19:14 → 00:19:18 ไหลลงคอขณะนอนหลับมีการติดเชื้อหรือเป็น
00:19:18 → 00:19:21 อาการของโรคต่างๆเช่นโรคไซนัสอักเสบโรค
00:19:21 → 00:19:24 ภูมิแพ้โรคหอบหืดไอเสียงก้องพบได้มากใน
00:19:24 → 00:19:27 เด็กเกิดจากการบวมในระบบทางเดินหายใจส่วน
00:19:27 → 00:19:31 บนบริเวณกล่องเสียงและหลอดลมหรือโรคูปส่ง
00:19:31 → 00:19:34 ผลให้ผู้ป่วยหายใจลำบากเสียงแห้งหายใจมี
00:19:34 → 00:19:38 เสียงและอาจมีไข้รวมกับอาการไอเสียงก้อง
00:19:38 → 00:19:41 ด้วยขอบคุณข้อมูลจากนายแพทย์ทิติวัฒ
00:19:41 → 00:19:44 ศรีปราสาทโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาติ
00:19:44 → 00:19:48 ไทยค่ะแล้วมีอาหารอะไรบ้างที่ช่วยลดอาการ
00:19:48 → 00:19:54 เสมหะไอลดน้ำมูกได้อาหารช่วยลดเสมหะแก้ไอ
00:19:54 → 00:19:57 แก้เจ็บคอลดน้ำมูกมีดังนี้ค่ะ 1 กระเทียม
00:19:57 → 00:20:00 ใช้กระเทียมและขิงแก่ปริมาณเท่ากันต่ำผสม
00:20:00 → 00:20:04 ให้แหลกพอประมาณนำส่วนผสมที่ได้มาผสมกับ
00:20:04 → 00:20:07 น้ำอ้อยสดจิบเรื่อยๆตลอดทั้งวันสูตรนี้
00:20:07 → 00:20:10 สามารถช่วยแก้อายขับเสมหะรวมถึงยังทำให้
00:20:10 → 00:20:13 เสมหะแห้งได้แต่ต้องระวังความหวานจากน้ำ
00:20:13 → 00:20:16 อ้อยเช่นกันอย่าให้หวานจนเกินไปนะคะ 2
00:20:16 → 00:20:20 ขิงตอนที่เรามีอาการไอใช้ขิงแก่สดขนาด
00:20:20 → 00:20:23 ประมาณหัวแม่มือทุบให้แตกแล้วนำไปต้มกับ
00:20:23 → 00:20:26 น้ำให้เดือดจะผสมน้ำตาลทรายแดงหรือน้ำ
00:20:26 → 00:20:29 ผึ้งสักเล็กน้อยหากใครที่รู้รู้สึกว่าน้ำ
00:20:29 → 00:20:32 ชาขิงแก่่นั้นเผ็ดเกินไปค่ะทิ้งไว้ให้
00:20:32 → 00:20:35 อุ่นจากนั้นจิบเรื่อยๆก็จะช่วยล้างเสมหะ
00:20:35 → 00:20:38 ที่ข้นเหนียวออกมาจากลำคอช่วยลดน้ำมูกทำ
00:20:38 → 00:20:41 ให้จมูกโล่งรวมถึงยังเป็นการให้ความอบ
00:20:41 → 00:20:45 อุ่นกับร่างกายได้ด้วย 3 มะนาวปอกเปลือก
00:20:45 → 00:20:48 มะนาวแล้วหั่นให้เป็นชิ้นเล็กๆจิ้มเกลือ
00:20:48 → 00:20:50 เล็กน้อยจากนั้นอมไว้สักครู่ก่อนจะเคี้ยว
00:20:50 → 00:20:54 และคลืนหรือจะใช้น้ำมะนาวครึ่งลูกผสมน้ำ
00:20:54 → 00:20:57 ผึ้งเล็กน้อยคนจนส่วนผสมละลายเข้ากันดี
00:20:57 → 00:21:00 ค่อยๆจิบตอนที่รู้สึกว่ามีเสมหะหรือคอ
00:21:00 → 00:21:02 แห้งสูตรนี้ก็จะช่วยให้ชุ่มคอได้และช่วย
00:21:02 → 00:21:07 ลดอาการเจ็บคอได้ 4 สับปะรสสามารถรับ
00:21:07 → 00:21:09 ประทานที่เป็นสับปะรดชิ้นๆนะคะจิ้มเกลือ
00:21:09 → 00:21:12 หรือแม้กระทั่งคันน้ำสับปะรดนะคะผสมเกลือ
00:21:12 → 00:21:15 เล็กน้อยสรรพคุณนี้นะคะจะช่วยในการที่ขับ
00:21:15 → 00:21:19 เสมหะลดอาการไอแบบมีเสมหะได้เพราะสับปะรด
00:21:19 → 00:21:22 สามารถที่จะช่วยค่าเชื้อแบคทีเรียในลำคอ
00:21:22 → 00:21:26 ได้ 5 ธงเทงฝรั่งธงเทงฝรั่งมีรสชาติหวาน
00:21:26 → 00:21:29 อมเปรี้ยวซึ่งมีสรรพคุณในการช่วยแก้ไข้
00:21:29 → 00:21:32 แก้หวัดแดดรวมถึงยังสามารถช่วยละลายเสมหะ
00:21:32 → 00:21:34 ทำให้คอโล่งและอาการไอลดลงและยังสามารถ
00:21:35 → 00:21:38 ช่วยแก้คออักเสบแก้ต่อมน้ำลายอักเสบและ
00:21:38 → 00:21:41 แก้อาการต่อมทอนซินอักเสบได้อีกด้วย 6
00:21:41 → 00:21:44 ลิ้นจีบผลลิ้นจีบสดมีสรรพคุณช่วยแก้อาการ
00:21:44 → 00:21:47 ไอเรื้อรังช่วยแก้อาการคัดจมูกส่วนชา
00:21:47 → 00:21:50 ลิ้นจี่นั้นสามารถช่วยแก้การติดเชื้อในลำ
00:21:50 → 00:21:53 คออย่างไรก็ตามการกินลิ้นจี่มากเกินไปอาจ
00:21:53 → 00:21:57 ทำให้เกิดอาการร้อนในได้ค่ะ 7 มะขามมะขาม
00:21:57 → 00:21:59 มีรสชาติัดเปรี้ยวซึ่งสามารถช่วยบรรเทา
00:21:59 → 00:22:03 อาการไอช่วยลดเสมหะและช่วยทำให้ชุ่มคอได้
00:22:03 → 00:22:06 แต่นอกจากนี้ในใบสดของมะขามยังสามารถช่วย
00:22:06 → 00:22:10 รักษาอาการหวัดและช่วยลดอาการไอได้อีก
00:22:10 → 00:22:13 ด้วยค่ะนอกจากนี้นะคะหมอยังมีวิธีในการ
00:22:13 → 00:22:17 บรรเทาอาการไอมาฝากกันด้วยค่ะ 1 ดื่มน้ำ
00:22:18 → 00:22:20 ในปริมาณมากโดยเฉพาะน้ำอุ่นหรือน้ำที่
00:22:20 → 00:22:23 อุณหภูมิห้องในปริมาณมากจัเป็นหนึ่งวิธี
00:22:23 → 00:22:27 แก้ไอที่ได้ผลอย่างรวดเร็วรวมถึงยังช่วย
00:22:27 → 00:22:31 ลดการระคายเคืองคอได้อีกด้วยถ้าสะดวกหรือ
00:22:31 → 00:22:34 มีเวลานะคะการดื่มน้ำมะนาวอุ่นๆผสมน้ำ
00:22:34 → 00:22:37 ผึ้งร่วมก็จะได้ผลดียิ่งขึ้น 2 อมยาแก้
00:22:37 → 00:22:40 ไายเป็นวิธีแก้ระคายเคืองคอแบบเร่งด่วน
00:22:40 → 00:22:43 ค่ะซึ่งในยาแก้ไอจะมีส่วนประกอบที่จะช่วย
00:22:43 → 00:22:46 ลดอาการระคายเคืองภายในลำคอได้ 3 หลีก
00:22:46 → 00:22:50 เลี่ยงมลภาวะฝุ่นควันสิ่งที่ก่อให้เกิด
00:22:50 → 00:22:53 ภูมิแพ้อาการคันคอไอบางทีอาจเกิดมาจาก
00:22:53 → 00:22:55 สิ่งเหล่านี้มากระตุ้นถ้าอยู่ในสถานการณ์
00:22:56 → 00:22:58 ที่มีมลภาวะถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีก
00:22:58 → 00:23:03 เลี่ยงข้อที่ 4 งดกินอาหารที่มีรสชาติจัด
00:23:03 → 00:23:06 จ้านค่ะและของทอดด้วยเหตุผลเพราะว่าอาหาร
00:23:06 → 00:23:10 รสจัดนะคะรวมไปถึงของทอดนั้นจะกระตุ้นทำ
00:23:10 → 00:23:13 ให้เกิดอาการระคายเคืองคอได้
00:23:13 → 00:23:16 ค่ะเป็นอย่างไรกันบ้างคะคุณผู้ชมสำหรับ
00:23:16 → 00:23:19 สาระสุขภาพดีๆที่ tn Health นำมาฝากคุณ
00:23:19 → 00:23:21 ผู้ชมในวันนี้หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าคุณ
00:23:21 → 00:23:24 ผู้ชมจะสามารถนำความรู้ที่ได้ไปดูแลตัว
00:23:24 → 00:23:27 เองและครอบครัวให้ห่างไกลจากโรคภัยไข้
00:23:27 → 00:23:30 เจ็บนะคะและขอบคุณคุณผู้ชมที่ติดตามรับชม
00:23:30 → 00:23:32 รายการ tean and Health เป็นประจำ
00:23:32 → 00:23:34 สามารถติดตามรับชมรายการ TE and Health
00:23:34 → 00:23:40 ได้ทุกวันเสาร์เวลาดี15ถ 15:30 นที่นี่
00:23:40 → 00:23:44 TNN ช่อง 16 และอย่าลืมนะคะกดไลค์กดแชร์
00:23:44 → 00:23:46 กด Subscribe กดกระดิ่งเพื่อเป็นกำลังใจ
00:23:46 → 00:23:49 ให้หมอดาวและทีมงาน TE help ช่องทาง
00:23:49 → 00:23:52 โซเชียลมีเดียต่างๆไม่ว่าจะเป็น tiktok
00:23:52 → 00:23:55 Facebook Instagram LINE official
00:23:55 → 00:23:58 ค่ะเพื่อที่จะเข้าถึงสาระสุขภาพเสริมภูมิ
00:23:58 → 00:24:01 คุ้มกันรู้ทันโรคไปด้วยกันแล้ววันนี้หมอ
00:24:02 → 00:24:07 ดาวและทีมงานต้องขอตัวลาไปก่อนค่ะสวัสดี
00:24:07 → 00:24:19 [เพลง]
00:24:26 → 00:24:29 ค่ะ
00:24:29 → 00:24:53 [เพลง]
00:24:53 → 00:24:56 อ