00:00:00 → 00:00:03 มาเข้าประเด็นกันดีกว่าก็เลยอยากจะมาพูด
00:00:03 → 00:00:06 คุยกันอีกครั้งนึงอ่ะถือเป็นการอ่าทบทวน
00:00:06 → 00:00:08 ความทรงจำของเราหลังจากที่ปีที่แล้วเราก็
00:00:08 → 00:00:12 คุยกันมาแล้วและปีนี้ถือว่ามาทบทวนกันอีก
00:00:12 → 00:00:15 สักครั้งนึงเพราะว่าพรุ่งนี้ก็จะเป็นวัน
00:00:15 → 00:00:17 วาเลนไทน์ก็ถือว่ายังทันอยู่แหละนะยังทัน
00:00:17 → 00:00:20 อยู่เพราะมันก็มีอีกผลสำรวจอ่ะที่บอกว่า
00:00:21 → 00:00:27 วัยรุ่นส่วนหนึ่งอยากจะลองมีสัมพันธ์ลึก
00:00:27 → 00:00:30 ซึ้งในช่วงวันวาเลนไทน์บางทีอาจจะไม่ได้
00:00:30 → 00:00:33 อยากลองหรอกแต่บรรยากาศมันพาไปอ้าวันนี้
00:00:34 → 00:00:37 นะคะเราจะพูดคุยหัวข้อนี้กับทางหมอต้นนาย
00:00:37 → 00:00:40 แพทย์พูนศักดิ์สุชนวณิชสูตินารีแพทย์กับ
00:00:40 → 00:00:43 หัวข้อที่ว่าวาเลนไทน์ทำไมเสี่ยงมี
00:00:43 → 00:00:46 สัมพันธ์ลึกซึ้งแล้วจะป้องกันอย่างไรให้
00:00:46 → 00:00:48 ปลอดภัยตอนนี้คุณหมอต้นอยู่ในสายแล้วนะคะ
00:00:48 → 00:00:52 สวัสดีค่ะสวัสดีค่ะสวัสดีครับสวัสดีคุณ
00:00:52 → 00:00:55 ตั๊กคุณเจี๊ยบแล้วก็คุณผู้ฟังทางบ้านทุกๆ
00:00:55 → 00:00:59 ท่านนะครับค่ะก็คิดว่าหลายๆท่านก็คงเ่อ
00:00:59 → 00:01:01 ถ้าเป็นคุณผู้ชายเนี่ยนะครับก็คงจะเริ่ม
00:01:01 → 00:01:04 ไปกว้านซื้อดอกกุหลาบมาเตรียมรอไว้ละนะ
00:01:04 → 00:01:07 ครับเพื่อที่ว่าพนี้จะได้ให้กับคนที่รัก
00:01:07 → 00:01:10 นะครับก็จริงๆวาเลนไทน์ก็เป็นเป็นวันที่
00:01:10 → 00:01:12 ดีนะครับเป็นวันที่เป็นตัวแทนแห่งความรัก
00:01:12 → 00:01:15 ถ้าพูดถึงประวัติของวาเลนไทน์เนะครับหมอ
00:01:15 → 00:01:17 ก็ไปค้นมาให้นะครับเผื่อบางท่านอยากจะดู
00:01:17 → 00:01:20 ว่าเอ๊ะวันวาเลนไทน์นี่คือวันอะไรครับวัน
00:01:20 → 00:01:22 วาเลนไทน์เนี่ยมันต้องย้อนไปตั้งแต่สมัย
00:01:22 → 00:01:25 สมัยจักรวรรดิโรมันนู่นนะะครับนะก็ในช่วง
00:01:25 → 00:01:27 จักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจเนี่ยจะมี
00:01:27 → 00:01:30 จักรพรรดิเอ่อท่านท่านนึงชื่อว่า
00:01:30 → 00:01:33 จักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 เนี่ยนะครับเอ่อ
00:01:33 → 00:01:35 ในช่วงนั้นเนี่ยเป็นช่วงที่เอ่อโรมัน
00:01:35 → 00:01:38 กำลังขยายอาณาเขตเพราะฉะนั้นก็จะมีการ
00:01:38 → 00:01:40 ต้องทำศึกสงครามต้องรบพุ่งอะไรกันกับกับ
00:01:40 → 00:01:43 ดินแดนต่างๆเพื่อไปรวบรวมดินแดนให้เป็น
00:01:43 → 00:01:45 จักรวรรดิโรมันที่ใหญ่โตขึ้นค่ะคราวนี้ใน
00:01:45 → 00:01:47 ช่วงนั้นเนี่ยนะครับมันต้องทำสงครามกัน
00:01:47 → 00:01:50 เยอะนะครับก็มีความจำเป็นจะต้องเกณฑ์ไพ่
00:01:50 → 00:01:54 พลเ่อชายหนุ่มนะให้มาแบบมาร่วมเป็นทหารไป
00:01:54 → 00:01:57 ออกครบกันค่ะแต่ว่าช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่
00:01:57 → 00:02:00 มีการเอ่อเอ่อเผยแพร่ศาสนาคริสต์นะครับ
00:02:00 → 00:02:03 คราวนี้ในกลุ่มของคริสเตียนเนี่ยก็ก็แน่
00:02:03 → 00:02:05 นอนครับเขาก็มีความรักก็แต่งงานมี
00:02:05 → 00:02:08 ครอบครัวกันเป็นประเพณีอะไรกันก็คือพอ
00:02:08 → 00:02:10 เป็นครอบครัวกันแล้วเนี่ยนะครับใน
00:02:10 → 00:02:12 ครอบครัวคริสเตียนเนี่ยเาก็จะมีการรัก
00:02:12 → 00:02:15 แล้วก็ดูแลดูแลคนในครอบครัวก็เลยทำให้
00:02:15 → 00:02:18 เอ่อสมัยจักรพรรดิคุสที่ 2 เนี่ยมีปัญหา
00:02:18 → 00:02:21 ในเรื่องการเกณฑ์ทหารเพราะว่าเอ่อพวก
00:02:21 → 00:02:23 บรรดาผู้ชายผู้ชายเนี่ยก็ไม่ค่อยจะอยาก
00:02:23 → 00:02:25 เข้ามาร่วมในกองทัพเพราะว่าไม่อยากจะจาก
00:02:25 → 00:02:29 คู่รักและครอบครัวไปนะครับค่ะเอ่อทาง
00:02:29 → 00:02:32 จักรพรปที่ 2 เนี่ยท่านก็เลยเอ่อเหมือน
00:02:32 → 00:02:35 กับว่ามีพระบรมราชโองการสั่งห้ามอ่ะห้าม
00:02:35 → 00:02:38 ไม่ให้อ่าไม่งั้นก็ไม่ต้องแต่งงานกันเลย
00:02:38 → 00:02:40 อย่าไปจัดพิธีมั่นอย่าอย่าจัดพิธีแต่งงาน
00:02:40 → 00:02:43 ในกรุงโรมโดยเด็ดขาดเพื่อให้ประชาชนเนี่ย
00:02:43 → 00:02:45 นะครับจะได้แบบอ่าผู้ชายจะได้ไม่ต้องเป็น
00:02:45 → 00:02:48 หวงครอบครัวแล้วก็จะได้มาเป็นทหารไปไปรบ
00:02:48 → 00:02:52 ไปขยายอาณาเขตได้ดีขึ้นแต่ว่าถึงแม้จะมี
00:02:52 → 00:02:54 ประกาศแบบนี้นะครับในช่วงนั้นก็มีนักบุญ
00:02:54 → 00:02:56 ท่านนึงก็คือนักบุญที่ชื่อว่าเซน์
00:02:56 → 00:02:58 วาเลนไทนเนี่ยนะครับซึ่งท่านก็อยู่ในกรุง
00:02:58 → 00:03:02 โรมแล้วก็ท่านท่านก็คือท่านก็เห็นใจประชา
00:03:02 → 00:03:05 ชนน่ะนะก็เลยยังคงแอบๆจัดพิธีแต่งงานให้
00:03:05 → 00:03:08 กับชาวคริสต์นะครับคือเราคงทราบว่าชาว
00:03:08 → 00:03:11 คริสต์เวลาเแต่งงานต้องมีบาทหลวงใช่มั้
00:03:11 → 00:03:13 ต้องเอบาทหลวงจะเป็นคนแบบเอ่อที่เหมือน
00:03:13 → 00:03:16 เราเห็นในภาพยนตร์ฝรั่งอครับว่าเขาจะมาเอ
00:03:16 → 00:03:19 มาจัดพิธีแต่งงานแล้วก็มีบาตหลวงแบบเ่า
00:03:19 → 00:03:21 เชิญจุมพิษเจ้าสาวได้อะไรอย่างเงี้นะครับ
00:03:21 → 00:03:24 ที่เราเคยเห็นกันนะครับเอิ่มเซน์วาเลนไทน
00:03:24 → 00:03:28 เนี่ยท่านก็ยังคงเอ่อช่วยจัดเอ่องานแต่ง
00:03:28 → 00:03:31 งานให้กับชาวคริสเตียนเอ่ออยู่เป็นจำนวน
00:03:31 → 00:03:34 มากนะครับความรู้ไปถึงจักรพรรดิครยที่ 2
00:03:35 → 00:03:38 เนี่ยท่านก็เลยโกรธมากนะครับก็เลยจัดการ
00:03:38 → 00:03:41 จับเ่อนักบุญวาเลนไทน์เนี่ยนะครับมาขัง
00:03:41 → 00:03:44 เป็นนักโทษไว้นะครับคราวนี้ในระหว่างที่
00:03:44 → 00:03:46 ขังเป็นนักโทษเนี่ยนะครับเอ่อในเรื่องของ
00:03:46 → 00:03:50 การเอ่อเผยแพ้เรื่องความรักเนี่ยนะครับ
00:03:50 → 00:03:53 นักบุญวาเลนไทน์เนี่ยก็มีข่าวว่าก็ก็ท่าน
00:03:53 → 00:03:55 ก็ยังมีการส่งคำอวยพรเกี่ยวกับความรัก
00:03:55 → 00:03:57 เกี่ยวกับวาเลนไทน์ไปยังไปยังเ่อชาว
00:03:58 → 00:04:01 คริสเตียนชาวคู่รักต่างๆแล้วก็เอ่อมี
00:04:01 → 00:04:03 ตำนานอันนึงก็บอกว่าในระหว่างที่ท่านอยู่
00:04:03 → 00:04:06 ในจองจำอยู่ในคุกเนี่ยนะครับท่านเ่อ
00:04:06 → 00:04:11 เหมือนกับไปไปตกหลุมรักบุตรสาวของผู้คุม
00:04:11 → 00:04:14 ในายคุกอ่ะนะครับซึ่งซึ่งเป็นเอ่อบุตรสาว
00:04:14 → 00:04:17 นี่เป็นผู้หญิงที่อ่าตาบอดนะครับชื่อ
00:04:17 → 00:04:19 จูเลียนะครับซึ่งซึ่งก็ได้แวะเวียนมา
00:04:19 → 00:04:22 เยี่ยมท่านนะครับระหว่างที่ถูกคุมขังท้าย
00:04:22 → 00:04:25 ที่สุดเนี่ยนะครับเอ่อจักรพรรดิก็สั่งให้
00:04:25 → 00:04:28 มีการลงโทษโดยการเอ่อมีการให้ตัดศีรษะของ
00:04:28 → 00:04:31 นักบุญวาเลนไทน์นะครับท่านก็ยังก่อนวันจะ
00:04:31 → 00:04:33 ตัดศีรษะเนี่ยท่านก็ได้ส่งจดหมายฉบับสุด
00:04:34 → 00:04:36 ท้ายไปถึงจูเลียนะครับโดยลงท้ายจดหมายว่า
00:04:37 → 00:04:39 from your วาเลนไทนนะครับอมันก็เลยเป็น
00:04:39 → 00:04:42 อย่างเก็เป็นเหมือนกับเป็นเป็นเป็นคำ
00:04:42 → 00:04:46 ศัพท์เป็นคำพูดที่เราเอามาใช้ส่งเอ่อความ
00:04:46 → 00:04:49 สุขความรักให้กันในช่วงวาเลนไทน์แล้วก็
00:04:49 → 00:04:51 ท่านก็ได้ถูกประหารในวันที่ 14
00:04:51 → 00:04:54 กุมภาพันธ์นี่แหละนะครับเพราะฉะนั้นต่อมา
00:04:54 → 00:04:56 นะครับในยุคหลังเก็เลยวันวาเลนไทน์ก็เลย
00:04:56 → 00:04:59 ถูกเลือกให้เป็นวันที่เป็นตัวแทนของความ
00:04:59 → 00:05:01 รักที่มั่นคงนะครับแล้วก็ในทางฝั่ง
00:05:01 → 00:05:04 คริสเตียนฝั่งนิกายโรมันคาทอลิกเนี่ยก็จะ
00:05:04 → 00:05:06 ถือเป็นวันที่เฉลิมฉลองเทศกาลวันแห่งความ
00:05:07 → 00:05:09 รักนะครับแล้วก็เอ่อมันก็สืบโทษมาเรื่อยๆ
00:05:09 → 00:05:11 จนกระทั่งเดี๋ยวเนี้ยมันเป็นไปทั้งทั้ง
00:05:11 → 00:05:15 โลกอ่ะถึงถึงบ้านเราจะเป็นชาวพุทธนะครับอ
00:05:15 → 00:05:17 เอ่อหรือว่าหมอว่ามันก็ไปทุกศาสนาครับตอน
00:05:17 → 00:05:19 เนี้ยทั้งโลกเนี่ยไม่ว่าจะเป็นศาสนาอะไร
00:05:19 → 00:05:22 เนี่ยพอถึงวันที่ที่ 14 กุมภาพันธ์เนี่ย
00:05:22 → 00:05:24 ก็จะถือเป็นวันที่อเป็นวันของการแสดงความ
00:05:24 → 00:05:27 รักเราเเรียกว่าวันวาเลนไทน์นะครับซึ่งใน
00:05:27 → 00:05:29 วันวาเลนไทน์เนี่ยก็จะมีสัญลักษณ์อยู่ 2
00:05:29 → 00:05:32 อย่างในเรื่องของความรักนะครับสัญลักษณ์
00:05:32 → 00:05:35 อันที่ 1 ก็คือเอ่อกามเทศตัวน้อยนะครับ
00:05:35 → 00:05:37 ที่เรียกว่าคิวปิดนะครับคิวปิดเนี่ยก็จะ
00:05:37 → 00:05:40 เป็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆนะครับที่ที่มีปีก
00:05:40 → 00:05:43 นะหลายๆท่านคงเคยเห็นและนะครับแล้วก็จะมี
00:05:43 → 00:05:46 คันธนูที่คอยยิงสอนรักเนี่ยให้ไปปักหัวใจ
00:05:46 → 00:05:50 ของคนที่รักกันนะครับก็เ่าสัญลักษณ์อัน
00:05:50 → 00:05:52 นี้เป็นอันที่ 1 ที่เป็นสัญลักษณ์ของวัน
00:05:52 → 00:05:55 วาเลนไทน์สัญลักษณ์อันที่ 2 เนี่ยก็จะ
00:05:55 → 00:05:58 เป็นเรื่องของหัวใจนะครับหัวใจสีแดงนะ
00:05:58 → 00:06:00 ครับซึ่งแทนความรักของส่วนใหญ่ก็จะเป็น
00:06:00 → 00:06:02 หัวใจคู่กันนะครับระหว่างหญิงกับชายนะ
00:06:02 → 00:06:05 ครับหรือว่าปัจจุบันนี้โลกเราเปิดกว้าง
00:06:05 → 00:06:07 มากขึ้นก็อาจจะไม่ใช่หญิงชายละแต่จะเป็น
00:06:07 → 00:06:10 หญิงๆชายๆอะไรต่างๆก็ขอให้มีความรักต่อ
00:06:10 → 00:06:12 กันนะครับแล้วก็จริงๆแล้วเนี่ยเอ่อใน
00:06:12 → 00:06:15 เรื่องของหัวใจ 2 ดวงเนี่ยเราก็เราก็ขยาย
00:06:15 → 00:06:18 กันไปถึงความรักของคนเป็นพ่อเป็นแม่ความ
00:06:18 → 00:06:20 รักของคนในครอบครัวนะครับไม่จำเป็นต้อง
00:06:20 → 00:06:22 เป็นความรักของหนุ่มสาวเสียอย่างเดียวนะ
00:06:22 → 00:06:25 ครับแล้วก็สัญลักษณ์อีกอันนึงที่สำคัญก็
00:06:25 → 00:06:28 คือการให้ข้าวของต่างๆอย่างเช่นดอกไม้นะ
00:06:28 → 00:06:31 ครับดอกที่นิยมก็คือดอกกุหลาบสีแดงหรือสี
00:06:31 → 00:06:34 ชมพูนะครับแล้วก็รวมไปถึงเอ่ออาจจะเป็น
00:06:34 → 00:06:38 ข้าวของเช่นขนมช็อกโกแลตอะไรต่างๆเหล่า
00:06:38 → 00:06:40 นี้นะครับเอ่อเทศกาลวาเลนไทน์เนี่ยก็เลย
00:06:40 → 00:06:44 ถูกปฏิบัติกันมาทั่วโลกนะครับเอ่อจริงๆ
00:06:44 → 00:06:47 ตั้งแต่เริ่มมีการจัดเทศกาลเนี้ยชัดๆเจน
00:06:47 → 00:06:50 ก็ตั้งแต่ปี 1969 ะเพราะฉะนั้นนี่มันก็
00:06:50 → 00:06:53 ร่วม 50 กว่าปีมาแล้วที่ที่เรามีเทศกาล
00:06:53 → 00:06:56 วาเลนไทน์กันมานะครับคราวนี้ถ้าเขมาเข้า
00:06:56 → 00:06:58 สู่หัวเรื่องของเราเนี่ยนะครับในเรื่อง
00:06:58 → 00:07:00 ของวันวาเลนไทน์เนี่ยหมอว่าหลายๆท่านที่
00:07:00 → 00:07:02 ฟังรายการอยู่แล้วเป็นผู้ใหญ่ผู้ใหญ่แล้ว
00:07:03 → 00:07:05 เนี่ยนะครับเราอาจจะไม่ได้มองเหมือน
00:07:05 → 00:07:07 เหมือนกับมุมมองของเด็กๆเขานะครับเราจะ
00:07:07 → 00:07:09 มองว่าอวาเลนไทน์ก็เป็นวันแห่งความรัก
00:07:09 → 00:07:12 แล้วก็ก็แสดงความรักดูแลกันไปอะไรเงี้ยนะ
00:07:12 → 00:07:14 ครับหลายๆท่านก็อาจจะเห็นว่าเอ๊ะมันก็ไม่
00:07:14 → 00:07:16 แต่จำเป็นต้องไปซื้อดอกไม้ที่มันมีมีราคา
00:07:16 → 00:07:19 สูงนะครับหรือไปซื้อของราคาสูงเพราะว่า
00:07:19 → 00:07:21 ยังไงเสียมันก็เราไม่ได้รักกันแค่วัน
00:07:21 → 00:07:24 เดียวแต่ว่าเราก็รักทุกๆวันน่ะที่เหลือ
00:07:24 → 00:07:26 ใช่มั้ยครับแต่ว่าถ้าเป็นในแง่ของหนุ่ม
00:07:26 → 00:07:28 สาวที่เขาเพิ่งจะมีความรักกันใหม่ๆโดย
00:07:28 → 00:07:30 เฉพะอย่างยิ่งเ่อในหัวข้อของเราที่เราพูด
00:07:31 → 00:07:33 ถึงวัยรุ่นเนี่ยนะครับอ่าเอ่อมันก็เหมือน
00:07:33 → 00:07:36 กับมันเป็นวันสำคัญของเค้าอ่ะนะครับหลายๆ
00:07:36 → 00:07:39 คนที่แบบยังมีการเขินอายกันยังไม่เคยแบบ
00:07:39 → 00:07:42 บอกว่ารักกันเนี่ยก็มักมักจะถือโอกาส
00:07:42 → 00:07:45 เนี้ยเป็นโอกาสของการบอกรักกันนะครับแล้ว
00:07:46 → 00:07:48 ก็บรรยากาศสมมุติมามาได้มาเจอกันระหว่าง
00:07:48 → 00:07:50 คนที่รักกันเนี่ยนะครับแล้วก็ไม่ว่าจะ
00:07:50 → 00:07:53 ท่องเที่ยวไปที่ไหนนะครับก็จะมีการตกแต่ง
00:07:53 → 00:07:56 ประดับประดาเฉลิมฉลองด้วยด้วยเ่าดอก
00:07:56 → 00:08:00 กุหลาบนะครับด้วยหัวใจสีแดงสีชมพูซึ่งมัน
00:08:00 → 00:08:02 ก็ช่วยสร้างบรรยากาศทำให้หลายๆคนที่บางที
00:08:03 → 00:08:04 ก็เขินที่จะบอกรักกันเนี่ยแต่ว่าพอ
00:08:04 → 00:08:08 บรรยากาศมันพามาก็ก็นำไปสู่ก็กล้าบอกรัก
00:08:08 → 00:08:10 กันมากขึ้นค่ะนะครับบางคนก็แบบเริ่มเป็น
00:08:10 → 00:08:13 แฟนกันก็วันวาเลนไทน์นี่แหละนะครับหลายๆ
00:08:14 → 00:08:16 ท่านที่ฟังรายการอยู่ก็คงจะอมยิ้มอ่ะว่า
00:08:16 → 00:08:18 เราก็ผ่านในช่วงนี้กันมาแล้วนะครับคราว
00:08:18 → 00:08:22 นี้ที่เราพูดถึงว่างั้นทำไมเอ่อเรามอง
00:08:22 → 00:08:25 เอ่อวันวาเลนไทน์ว่าเป็นวันที่แสดงความ
00:08:25 → 00:08:29 รักแต่ทำไมเอ่อในกลุ่มของวัยรุ่นเนี่ยมัน
00:08:29 → 00:08:32 การแสดงความรักมันมักจะจบด้วยการไปมีเพศ
00:08:32 → 00:08:35 สัมพันธ์หรือเหมือนกับกลายเป็นวันที่เอา
00:08:35 → 00:08:38 ล่ะจะเป็นวันที่เราจะได้มีอะไรกันอือนะ
00:08:38 → 00:08:40 ครับอันนี้เราเราไม่ได้พูดกันลอยๆนะครับ
00:08:40 → 00:08:41 หรือว่าไม่ได้ตำหนิเด็กๆเขาแล้วไปคิดกัน
00:08:41 → 00:08:44 เอาเองเพราะว่ามีสถิติที่กระทรวง
00:08:44 → 00:08:46 สาธารณสุขเคยเคยติดตามแล้วก็ร่วมกับ
00:08:46 → 00:08:50 กระทรวงมหาดไทยนะครับได้ติดตามดูว่าเอ่อ
00:08:50 → 00:08:52 อัตราการจองห้องพักโรงแรมโดยเฉพาะยิ่งโรง
00:08:52 → 00:08:54 แรมที่เป็นเหมือนกับโรงแรมที่มามาใช้
00:08:54 → 00:08:56 บริการกันชั่วคราวโรงแรมม่านรุ่นอะไรพวก
00:08:56 → 00:08:59 เนี้ยค่ะโถ้าเป็นในวันวาเลนไทนเนี่ยมันจะ
00:08:59 → 00:09:02 แน่นขนาดเออเต็มไปหมดนะฮะเพราะฉะนั้นก็
00:09:02 → 00:09:05 แสดงว่าก็ต้องมีคนจำนวนมากอ่ะที่อย่างที่
00:09:05 → 00:09:07 เราบอกก็คือถือว่าวันเนี้ยเป็นวันที่อ่ะ
00:09:07 → 00:09:11 อาจจะได้เอ่อมีอะไรกันโดยถือว่าการมีเพศ
00:09:11 → 00:09:13 สำคัญนั้นน่ะเป็นการแสดงความรักต่อกันนะ
00:09:13 → 00:09:16 ครับซึ่งถ้าเรามามองปัจจัยตรงนี้นะครับ
00:09:16 → 00:09:18 แน่นอนว่าคุณผู้ฟังหลายๆท่านที่เป็นผู้
00:09:18 → 00:09:21 ใหญ่แล้วเนี่ยเราก็จะมีลูกหลานในบ้านน่ะ
00:09:21 → 00:09:23 ที่เป็นวัยรุ่นอยู่นะครับซึ่งแน่นอนครับ
00:09:23 → 00:09:25 เราก็ไม่รู้ครับว่าเาออกไปฉลองกับเพื่อน
00:09:25 → 00:09:28 ฝูงเคเนี่ยเอ่อเขาจะไปฉลองแล้วมันจะเลย
00:09:28 → 00:09:31 เถิดไปถึงการมีเพศสัมพันธ์อะไรอย่างนั้น
00:09:31 → 00:09:33 รือเปล่านะครับอือค่ะคราวนี้ปัจจัยที่มัน
00:09:33 → 00:09:35 จะมีผลที่ทำให้วัยรุ่นเ้ารู้สึกอย่างนี้
00:09:35 → 00:09:39 เนี่ยนะครับปัจจัยที่ 1 นะครับมันมาจาก
00:09:39 → 00:09:41 การเปลี่ยนแปลงโดยธรรมชาติของเขาเองนะ
00:09:41 → 00:09:44 ครับค่ะเอ่อช่วงที่เป็นวัยเด็กเนี่ยนะ
00:09:44 → 00:09:47 ครับเราจะเห็นได้ว่าการเจริญเติบโตโดย
00:09:47 → 00:09:49 ธรรมชาติของร่างกายเนี่ยเด็กผู้ชายผู้
00:09:49 → 00:09:52 หญิงเนี่ยแทบจะไม่ต่างกันเลยนะครับแต่ว่า
00:09:52 → 00:09:54 พอเข้าสู่วัยเจริญพันธ์เนี่ยนะครับจะ
00:09:54 → 00:09:56 เริ่มมีการผลิตฮอร์โมนเพศซึ่งมันจะแยกกัน
00:09:56 → 00:09:58 ละฮอร์โมนเพศของผู้ชายกับฮอร์โมนเพศของ
00:09:58 → 00:09:59 ผู้หญิงใช่
00:10:00 → 00:10:02 แต่ากันก็คือพอเข้าสวัยรุ่นเนี่ยเด็กผู้
00:10:02 → 00:10:05 ชายก็อาจะมีฮอร์มเพศชายนะครับก็จะเริ่มมี
00:10:05 → 00:10:08 หนวดมีเานะครับมีขนที่หน้าอกนะครับมี
00:10:08 → 00:10:11 ลักษณะของกล้ามเนื้อที่กำยำขึ้นนะครับมี
00:10:11 → 00:10:13 การเพิ่มความสูงที่รวดเร็วขึ้นนะครับใน
00:10:13 → 00:10:16 ขณะที่ตอนที่เป็นวัยเด็กอยู่เเด็กผชายผู้
00:10:16 → 00:10:17 หญิงบางทีสูงเท่าๆกันแต่ว่าพอเข้าสู่วัย
00:10:17 → 00:10:19 รุ่นเนี่ยเด็กผู้ชายเขจะเร่งความสูงไปได้
00:10:19 → 00:10:23 เร็วกว่าอันนี้ก็เป็นผลของความบนเพศชายใน
00:10:23 → 00:10:24 ที่ผู้หญิงเนี่ยนะครับการขับดันของ
00:10:24 → 00:10:27 ฮอร์โมนเพศหญิงที่สร้างมาจากต่อมได้สมอง
00:10:27 → 00:10:29 เนี่ยก็จะกระตุ้นให้รังไขเนี่ยเริ่มมีการ
00:10:29 → 00:10:32 ตกไข่แล้วก็ผลิตฮอร์โมนเพศลักษณะที่เรา
00:10:32 → 00:10:33 เห็นได้ก็อ่าผู้หญิงเด็กผู้หญิงคนนั้นก็
00:10:33 → 00:10:36 จะเริ่มมีประจำเดือนนะครับแล้วก็จะเริ่ม
00:10:36 → 00:10:38 มีลักษณะเ่อการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายที่
00:10:38 → 00:10:41 แสดงลักษณะของเศหญิงออกมานะครับเช่นเอ่อ
00:10:41 → 00:10:44 เริ่มมีเต้านมขึ้นมานะครับเริ่มมีเหมือน
00:10:44 → 00:10:48 กับเอวเพ่อเอวคลอดลงสะโพกผายนะครับมีขน
00:10:48 → 00:10:50 ขึ้นที่อวัยเพศอะไรต่างๆเหล่านี้มันล้วน
00:10:50 → 00:10:52 เป็นลักษณะที่แสดงให้เห็นว่าธรรมชาติ
00:10:52 → 00:10:55 เนี่ยผลัดดันให้เอ่อวัยรุ่นที่เป็นหนุ่ม
00:10:55 → 00:10:58 สาวเนี่ยเข้าสู่วัยที่เ่อจะเริ่มมีการ
00:10:58 → 00:11:00 เอ่อมีสัมพันธ์เริ่มกันเริ่มเจริญพันธ์
00:11:00 → 00:11:03 เนี่ยถ้าเรามองในแง่ของของสมมุติเป็นเป็น
00:11:03 → 00:11:06 สัตว์โลกอื่นๆใช่มั้ยครับก็จะมีช่วงที่
00:11:06 → 00:11:08 เอ๊ะเหมาะเหมาะกับการเจริญพันธุ์เนี่ยก็
00:11:08 → 00:11:09 จะเป็นช่วงอย่างที่เราเห็นว่าบางทีเป็น
00:11:09 → 00:11:12 ฤดูผสมพันธุ์นะครับก็จะมีบางฤดูอย่าง
00:11:12 → 00:11:14 สัตว์บางชนิดก็พอเป็นฤดูเนี้ยมันจะมี
00:11:14 → 00:11:17 เหมือนกับฟีออร์โมนอะไรต่างๆที่หลั่งมา
00:11:17 → 00:11:20 จากเอ่อสัตว์เพศผู้มากระตุ้นเพศเมียให้
00:11:20 → 00:11:23 ให้ให้สนใจหรือว่าหลั่งมาจากเพศเมีย
00:11:23 → 00:11:26 กระตุ้นดึงดูดให้เพศผู้เข้ามาเพื่อเพื่อ
00:11:26 → 00:11:29 เป็นกฎตามธรรมชาติเพื่อให้เกิดการสืบ
00:11:29 → 00:11:31 เชื้อพันธุ์ทำให้เอ่อสัตว์เหล่านั้นเนี่ย
00:11:31 → 00:11:34 ไม่สูญพันธุ์ไปนะครับมนุษย์เราก็เหมือน
00:11:34 → 00:11:36 กันครับเราก็เป็นสัตว์โลกอย่างนึงเพราะ
00:11:36 → 00:11:38 ฉะนั้นปัจจัยที่ทำให้เด็กวัยรุ่นเนี่ย
00:11:38 → 00:11:41 ทำไมถึงมามีความรู้สึกเหมือนกับพอเป็นผู้
00:11:41 → 00:11:43 ใหญ่รู้สึกว่าเอ๊ะทำไมเด็กมองวันแห่งความ
00:11:43 → 00:11:45 รักเป็นวันที่จะไปมีเพศสัมพันธ์ก็เพราะ
00:11:45 → 00:11:48 ว่ามันมีแรงขับดันตรงนี้อยู่อเหมือนกับ
00:11:48 → 00:11:51 สัตว์ทั่วๆไปแต่ว่าความที่มนุษย์เราเนี่ย
00:11:51 → 00:11:54 เป็นสัตว์ชั้นสูงนะครับเราผ่านระบบจารีต
00:11:54 → 00:11:57 ประเพณีการอบรมสั่งสอนอ่าให้เรามีแบบ
00:11:57 → 00:12:01 ธรรมเนียมปฏิบัติซึ่งเราก็จะไม่ไม่ได้มี
00:12:01 → 00:12:04 เพศสัมพันธ์เสวสปะทั่วไปครับเพราะฉะนั้น
00:12:04 → 00:12:06 มันก็จะต้องเป็นความรักที่ก่อตัวขึ้นมานะ
00:12:06 → 00:12:09 ครับแล้วก็เอ่อถึงจุดนึงที่อ่าเราพร้อมจะ
00:12:09 → 00:12:10 ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวแล้ว
00:12:10 → 00:12:12 เพราะมนุษย์เราเป็นสัตว์สังคมเป็นสัตว์
00:12:12 → 00:12:15 ที่ต้องอยู่เป็นครอบครัวนะครับพอถึงั้น
00:12:15 → 00:12:16 แล้วเนี่ยถึงจะโอเคแต่งงานกันแล้วก็มี
00:12:16 → 00:12:19 เพศสัมพันธ์อะไรกันนะครับแต่ความที่
00:12:19 → 00:12:21 ปัจจุบันเนี่ยโลกมันก็พัฒนาไปเยอะนะครับ
00:12:22 → 00:12:24 เราก็ไม่สามารถไปตามดูเด็กๆเได้เดี๋ยวนี้
00:12:24 → 00:12:26 สิ่งแวดล้อมต่างๆที่เป็นตัวยั่ยุต่างๆ
00:12:26 → 00:12:29 เนี่ยมันก็ทำให้บางทีเนี่ยเก็ก็รู้สึกว่า
00:12:29 → 00:12:32 เอ๊ะธรรเนียมนี้บางทีเหมือนฝั่งตะวันตก
00:12:32 → 00:12:35 เขาก็ไปดูในภาพยนตร์ต่างประเทศบ้างเห็น
00:12:35 → 00:12:38 ว่าเอะเาก็ไปมีเพศสัมพันธ์กันอ่าก็อยาก
00:12:38 → 00:12:41 กันนั้นเลยก็เป็นช่วงเวลาที่ถ้าบอกรักกัน
00:12:41 → 00:12:43 แล้วเนี่ยถ้าเธอรักฉันจริงเนี่ยก็ต้องไป
00:12:43 → 00:12:47 ถึงขั้นมีเพสัมพันธ์กันอ่าอันนี้ก็เป็น
00:12:47 → 00:12:49 เป็นเรื่องที่ถ้าเราพูดถึงความเปลี่ยน
00:12:49 → 00:12:51 แปลงทางสรีระทางการผลักดันของฮอร์โมน
00:12:51 → 00:12:53 เนี่ยอันนี้ก็เป็นเรื่องที่เป็นปัจจัยที่
00:12:53 → 00:12:55 1 ที่กระตุ้นให้เด็กวัยรุ่นเนี่ยเข้ามา
00:12:55 → 00:12:58 สู่ในเรื่องความเสี่ยงตรงนี้นะครับปัจจัย
00:12:58 → 00:13:01 อันที่ 2 เนี่ยนะครับก็เป็นเรื่องของ
00:13:01 → 00:13:03 สภาวะแวดล้อมทางสังคมเนี่ยแหละครับสังคม
00:13:03 → 00:13:06 ในปัจจุบันเนี่ยนะครับมันมีสื่อ
00:13:06 → 00:13:08 อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆนะครับที่เด็กๆเนี่ย
00:13:08 → 00:13:10 สามารถเข้าถึงได้โดยง่ายนะครับสมัยก่อน
00:13:11 → 00:13:13 เนี่ยเราไม่ไม่มีโอกาสได้มาดูบางทีเราก็
00:13:13 → 00:13:15 ไม่รู้ไม่รู้หรอกครับว่าเอ๊ะไปมี
00:13:15 → 00:13:18 เพศสัมพันธ์กันอะไรยังไงนะครับแต่ว่า
00:13:18 → 00:13:20 เดี๋ยวเนี้ยมันมีสื่อสังคมที่มันทำให้
00:13:20 → 00:13:23 เด็กรุ่นใหม่เเขามีความรู้ในเรื่องนี้กัน
00:13:23 → 00:13:26 ค่อนข้างจะมากนะครับเมื่อมีความรู้นะครับ
00:13:26 → 00:13:28 เ่อบางทีก็มันก็ไปกระตุ้นให้เกิดความรู้
00:13:28 → 00:13:31 สึกอยากรนะครับบางทีอยู่กับกลุ่มเพื่อนๆ
00:13:31 → 00:13:34 เองเนี่ยสื่อกันไปว่าเหมือนคนนี้เนี่ย
00:13:34 → 00:13:36 เป็นคนคือคือบางทีเด็กๆเเขาก็อยากได้รับ
00:13:36 → 00:13:39 การยอมรับในในกลุ่มเพื่อนฝูงของเขาอ่ะนะ
00:13:39 → 00:13:42 ครับคราวนี้มันก็จะเหมือนว่าบางคนเนี่ยโอ
00:13:43 → 00:13:44 มีประสบการณ์ทางเรื่องมีเพศสัมพันธ์มา
00:13:45 → 00:13:47 แล้วก็จะเหมือนกับในหมู่เด็กจะรู้สึกว่า
00:13:47 → 00:13:50 โอคนนี้แบบเจ๋งจังดูเป็นผู้ใหญ่กว่าคน
00:13:50 → 00:13:53 อื่นๆอะไรอย่างเงี้ยนะครับก็จะเป็น
00:13:53 → 00:13:54 อันเนี้ยเป็นแรงผลักดันอันนึงที่ทำให้
00:13:54 → 00:13:57 เด็กๆเนี่ยนะครับพอเขาได้รับรู้จากสื่อ
00:13:57 → 00:13:59 ต่างๆรอบๆตัวเขเนี่ยนะครับแล้วมันเป็น
00:13:59 → 00:14:03 สื่อที่ถ้าพูดกันจริงๆก็คือเด็กเขไปดูกัน
00:14:03 → 00:14:06 เองโดยที่มันขาดโอกาสที่ผู้ใหญ่หรือคนที่
00:14:06 → 00:14:09 มีความรู้มาก่อนเนี่ยจะไปเอ่อคอยควบคุมดู
00:14:09 → 00:14:11 แลหรือให้คำแนะนำเพราะงั้นบางทีเนี่ยมัน
00:14:11 → 00:14:15 ก็จะเกิดแรงกระตุ้นแรงจูงใจให้เด็กเนี่ย
00:14:15 → 00:14:16 เอ่อเข้าถึงว่าอ่าถ้าอย่างงั้นเนี่ย
00:14:16 → 00:14:19 วาเลนไทน์ก็คงเป็นวันที่เราน่าจะมีเพีย
00:14:19 → 00:14:21 สัมพันธ์กับคนที่เรารักกันอืนะครับโดยที่
00:14:21 → 00:14:24 หลายๆครั้งเมื่อเด็กคิดแค่เนี้ยเขาก็ไม่
00:14:24 → 00:14:27 ได้คิดถึงผลที่จะตามมาว่าผลที่ตามมาถ้า
00:14:27 → 00:14:30 ถ้ามีผลเสียอาจจะอ่าอย่างที่เราทราบกัน
00:14:30 → 00:14:32 เกิดการตั้งครรภ์ขึ้นมาเนี่ยโดยที่ไม่
00:14:32 → 00:14:34 พร้อมก็อาจจะเสียอนาคตการเรียนไปเลยต้อง
00:14:34 → 00:14:36 ออกจากโรงเรียนไปอะไรเงี้ยหรือว่าบางคน
00:14:36 → 00:14:40 ถ้าเอ่อไม่ดีแล้วไปถึงขั้นที่ต้องไปทำ
00:14:40 → 00:14:42 แท้งออกมาอย่าเงี้ยก็จะไปเสี่ยงต่อร่าง
00:14:42 → 00:14:45 กายต่อชีวิตได้ในการทำแท้งซึ่งถ้าทำไม่
00:14:45 → 00:14:47 ถูกต้องไม่ได้ทำโดยแพทย์นะครับบางทีไปทำ
00:14:47 → 00:14:50 เถื่อนๆงเก็จะเกิดอันตรายตามมาได้นะครับ
00:14:50 → 00:14:53 อันนี้ก็เป็นจากสิ่งแวดล้อมต่างๆที่เป็น
00:14:53 → 00:14:55 ปัจจัยที่กระตุ้นเด็กโดยที่โดยที่เด็ก
00:14:55 → 00:14:58 สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นนะครับปัจจัยอัน
00:14:58 → 00:15:01 ที่ที่ 3 นะครับก็จะเป็นเรื่องของปัจจัย
00:15:01 → 00:15:03 ที่เกี่ยวข้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
00:15:03 → 00:15:06 นะครับเอ่อถ้าเป็นสังคมไทยสมัยก่อนเนี่ย
00:15:06 → 00:15:08 นะครับเ่อแล้วเศรษฐกิจมันไม่ได้บีบรับตัว
00:15:08 → 00:15:12 แบบเนี้ยสมัยก่อนเนี่ยนะครับเราก็มักจะพอ
00:15:12 → 00:15:14 จะมองออกในครอบครัวคนไทยเนี่ว่ามักจะเป็น
00:15:15 → 00:15:17 คุณฝั่งคุณพ่อหรือคุณผู้ชายเนี่ยจะเป็น
00:15:17 → 00:15:20 ผู้นำของครอบครัวนะครับแล้วก็ก็จะเป็นคน
00:15:20 → 00:15:23 ที่ออกไปทำงานหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวคุณ
00:15:23 → 00:15:24 แม่เนี่ยก็จะเป็นเหมือนแม่บ้านแล้วก็ดูแล
00:15:25 → 00:15:27 ครอบครัวก็จะมีโอกาสได้ดูแลลูกใกล้ชิดกับ
00:15:27 → 00:15:31 ลูกแต่ว่าอ่าสังคมแบบนั้นเนี่ยถ้าเรามา
00:15:31 → 00:15:33 มองถึงเศรษฐกิจยุคปัจจุบันเนี่ยบางทีคุณ
00:15:33 → 00:15:35 พ่อทำงานคนเดียวเนี่ยรายได้มันไม่พอนะ
00:15:36 → 00:15:37 ครับเพราะฉะนั้นปัจจุบันเนี่ยเราจะเห็น
00:15:37 → 00:15:39 ว่าทั้งคุณพ่อคุณแม่เนี่ยต้องออกไปทำงาน
00:15:39 → 00:15:42 นะพอออกไปทำงานเนี่ยทั้ง 2 ฝ่ายก็ไม่มี
00:15:42 → 00:15:45 เวลามาดูลูกนะครับมันก็จะมีช่วงเวลาที่ดก
00:15:45 → 00:15:47 อยู่โรงเรียนก็แล้วไปอยู่โรงเรียนเก็ยัง
00:15:47 → 00:15:49 มีคุณครูคอยดูแลแต่ว่าช่วงที่เลิกเรียน
00:15:49 → 00:15:51 แล้วเนี่ยนะครับระหว่างกลับจากโรงเรียนมา
00:15:52 → 00:15:53 ถึงบ้านเนี่ยก็ไม่รู้เด็กเนี่ยเไปอยู่
00:15:53 → 00:15:57 ด้วยกันไปมีโอกาสแวะไปไปทำเรื่องแบบที่
00:15:58 → 00:16:00 ที่ยังไวเด็กไม่สมควรจะทำเนี่ยนะฮะนะมัน
00:16:00 → 00:16:03 มีช่องทางเยอะขึ้นนะครับแล้วก็ไม่ว่าเไป
00:16:03 → 00:16:05 รับรับรู้เรื่องเหล่านี้หรือว่ารับรู้
00:16:05 → 00:16:08 ประเพณีค่านิยมเหล่านี้มาจากทางตะวันตก
00:16:08 → 00:16:11 เนี่ยพอผู้ใหญ่ไม่มีเวลาคุณพ่อคุณแม่ไม่
00:16:11 → 00:16:14 มีเวลาดูแลเนี่ยนะครับก็จะไม่มีคนสอน
00:16:14 → 00:16:17 อย่างถูกต้องนะครับอย่างอย่างเราพูดถึง
00:16:17 → 00:16:18 เดี๋ยวนี้เรื่องของการศึกษาในเรื่อง
00:16:18 → 00:16:21 เพศศึกษาเนี่ยนะครับนะเดี๋ยวนี้ก็เป็นที่
00:16:21 → 00:16:24 น่ายินดีว่าเอ่อในกระทรวงสาธารสุขนะครับ
00:16:24 → 00:16:28 เอ่อในกระทรวงศึกษาธิการร่วมมือกันนะครับ
00:16:28 → 00:16:30 ให้ความรู้เด็กตั้งแต่ในวัยเรียญนะครับ
00:16:30 → 00:16:33 เพื่อให้เขาเข้าใจว่าเอ่อกระบวนการตรง
00:16:33 → 00:16:34 เนี้ยเรื่องของการสัมพันธ์เป็นเรื่องเป็น
00:16:34 → 00:16:37 ธรรมชาติแต่ว่ามันจะเกิดอะไรมีผลอะไรตาม
00:16:37 → 00:16:40 มาบ้างนะครับมีความเสี่ยงอะไรต่างๆนะครับ
00:16:40 → 00:16:41 อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ดีขึ้นที่เดียว
00:16:41 → 00:16:44 เดี๋ยวนี้สังคมไทยเรากล้าพูดมากขึ้นถ้า
00:16:44 → 00:16:47 เป็นสมัยก่อนก็ข้อเสียอันนึงก็คือบางที
00:16:47 → 00:16:50 เด็กเนี่ยเามาปรึกษานะครับเราเป็นผู้ใหญ่
00:16:50 → 00:16:52 เราก็จะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องไม่ดีไม่
00:16:52 → 00:16:55 ควรจะเอามาพูดนะครับเพราะฉะนั้นเราก็จะดุ
00:16:55 → 00:16:58 เด็กว่าห้ามพูดเรื่องนี้ห้ามห้ามถามความ
00:16:58 → 00:17:00 รู้เรื่องนี้เพราะฉะนั้นเมื่อเด็กเไม่มี
00:17:00 → 00:17:02 ทางถามความรู้จากผู้ใหญ่ได้เพราะไม่มีการ
00:17:02 → 00:17:04 ดูแลแล้วก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่
00:17:04 → 00:17:06 กดเอาไว้ให้มันเป็นเหลืองเป็นเรื่องน่า
00:17:06 → 00:17:10 อับอายอ่ะนะครับเด็กก็ก็ปรึกษากันเองนะ
00:17:10 → 00:17:12 ครับปรึกษากันเองก็ปรึกษากับเพื่อนที่ไอ้
00:17:12 → 00:17:14 คนนี้เคยไปมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นมาแล้ว
00:17:14 → 00:17:18 ก็ดูฮีโร่ดูเก่งกว่าคนอื่นก็มันก็จะเกิด
00:17:18 → 00:17:21 การตามกันมานะครับเพราะฉะนั้นปัจจัยเนี่ย
00:17:21 → 00:17:23 ก็ต้องยอมรับว่าปัญหาที่เราคุยกันในหัว
00:17:23 → 00:17:25 ข้อวันนี้เรื่องที่ว่าทำไมวันวาเลนไทน
00:17:25 → 00:17:28 ซึ่งมันดูดูแล้วเนี่ยมันน่าจะเป็นวันแห่ง
00:17:28 → 00:17:30 ความรักเป็นวันที่ดีแต่ว่าทำไมมันความรัก
00:17:31 → 00:17:33 ของเดงวัยรุ่นเนี่ยมันถึงไปมองถึงการ
00:17:33 → 00:17:35 เรื่องเสียความบริสุทธิ์ไปเริ่มมีเศพ
00:17:35 → 00:17:38 ครั้งแรกกันในวันวาเลนไทน์ก็น่าจะมาจาก
00:17:38 → 00:17:40 ปัจจัยทั้งธรรมชาติที่ขับดันแล้วก็สิ่ง
00:17:40 → 00:17:44 แวดล้อมที่มันเปลี่ยนไปด้วย
00:17:44 → 00:17:47 ค่ะเดี๋ยวนี้นะครับเด็กๆเนี่ยนะครับสำรวจ
00:17:47 → 00:17:51 พบว่าเอ่อเด็กๆเนี่ยนะครับคนที่เขาเ่อพอ
00:17:51 → 00:17:54 ผ่านมาเมืนทายเนี่ยหลักหลายๆคนเนี่ยจะจะ
00:17:54 → 00:17:57 แสดงตัวออกมาในในสื่อสังคมโซเชียลเลยว่า
00:17:57 → 00:17:59 รู้สึกเศร้ารู้สึกว่าเอ๊ทำไมทำไมเราฟ้า
00:17:59 → 00:18:03 ไม่ส่งคนที่เรารักเรามาเลยทำไมเราไม่มี
00:18:03 → 00:18:06 แฟนเลยเราเป็นคนนอาพับน่าสงสารอะไรอย่าง
00:18:06 → 00:18:08 เงี้ยอือันเนี้ยมันเกิดขึ้นเยอะๆถ้าเรา
00:18:08 → 00:18:11 เข้าไปดูในในสื่อสังคมโซเชียลซึ่งอันนี้
00:18:11 → 00:18:13 เป็นเรื่องที่จริงๆแล้วเนี่ยจำเป็นอย่าง
00:18:13 → 00:18:16 ยิ่งที่ทั้งสังคมนะครับโดยเฉพาะยิ่ง
00:18:16 → 00:18:19 ครอบครัวหรือว่าสถาบันที่ดูแลครอบครัวก็
00:18:19 → 00:18:21 คืออ่าในระหว่างที่คุณพ่อคุณแม่ไปทำงาน
00:18:21 → 00:18:24 แล้วฝากลูกไว้ที่โรงเรียนเนี่ยนะครับควร
00:18:24 → 00:18:27 จะเป็นส่วนที่ได้ร่วมมือกันที่จะทำความ
00:18:27 → 00:18:30 เข้าใจให้ถูกต้องว่าุวันวาเลนไทน์เนี่ย
00:18:30 → 00:18:31 มันไม่ได้หมายถึงเรื่องเพศอย่างเดียวแต่
00:18:32 → 00:18:34 มันหมายถึงเรื่องความรักซึ่งความรักที่
00:18:34 → 00:18:36 ที่ดีเนี่ยมันก็ต้องปรารถนาดีต่อกันแล้ว
00:18:36 → 00:18:39 ก็มันก็ควรจะเป็นถ้าเป็นรักในวัยเรียน
00:18:39 → 00:18:41 เนี่ยนะครับมันก็ควรจะเป็นรักที่เหมือน
00:18:42 → 00:18:45 กับเป็นกำลังใจให้กันน่ะทั้ง 2 คนถ้ารัก
00:18:45 → 00:18:47 กันจริงนะครับอยากจะอยู่ด้วยกันเป็น
00:18:47 → 00:18:50 ครอบครัวนะรักกันในอนาคตเนี่ยนะครับ
00:18:50 → 00:18:52 ระหว่างนี้ตอนที่เราเป็นนักเรียนเราก็
00:18:52 → 00:18:55 ต้องตั้งใจเรียนไงเรียนให้เก่งนะครับ
00:18:55 → 00:18:57 เพื่อที่จะจบมาจะได้ทำงานสร้างฐานะมี
00:18:57 → 00:19:00 ครอบครัวแล้วถึงเวลานั้นเนี่ยเราค่อยแต่ง
00:19:00 → 00:19:02 งานแต่งงานแล้วเนี่ยเราก็อยู่ด้วยกันเป็น
00:19:02 → 00:19:04 ครอบครัวแล้วก็ถึงเวลาที่จะมีเพศสัมพันธ์
00:19:04 → 00:19:07 กันได้นะครับแต่ว่าพอปัจจุบันเป็นอย่าง
00:19:07 → 00:19:09 งี้ไม่มีใครมาดูแลตรงนี้ได้ได้เต็มที่
00:19:09 → 00:19:12 เนี่ยสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเด็กๆก็มีความ
00:19:12 → 00:19:14 เสี่ยงที่จะไปมีเพศสัมพันธ์กันซึ่งตรง
00:19:15 → 00:19:18 เนี้ยนะครับอันตรายที่จะเกิดขึ้นก็คือ
00:19:18 → 00:19:21 อย่างที่เราทราบ 1 นะครับมีเพศสัมพันธ์ใน
00:19:21 → 00:19:23 ช่วงที่เด็กยังไม่พร้อมนะครับเด็กยังไม่
00:19:23 → 00:19:25 ได้มีรายได้อะไรถ้าเกิดพลาดพลั้งไปแล้ว
00:19:26 → 00:19:28 เกิดการตั้งครรภ์ขึ้นมาอันนี้ก็เรียกว่า
00:19:28 → 00:19:29 เป็นการการตั้งรที่ยังไม่พร้อมเพราะ
00:19:29 → 00:19:32 ฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือถ้าดำเนินการ
00:19:32 → 00:19:35 ตั้งครรภ์ต่อไปนะครับก็อาจจะต้องพักการ
00:19:35 → 00:19:37 เรียนต้องหยุดเรียนมาคลอดลูกมาอะไรอย่าง
00:19:37 → 00:19:40 เงี้ยมันก็เสียอนาคตในการเรียนไปนะครับ
00:19:40 → 00:19:43 หรือว่าถ้าถ้าคิดไปในอีกแง่นึงที่ไม่ดี
00:19:43 → 00:19:45 แล้วกลายเป็นต้องไปยุติการตั้งครรภ์ไปทำ
00:19:45 → 00:19:49 แท้งเนี่ยอันเนี้ยอันตรายเนี่ยมันมันเกิด
00:19:49 → 00:19:51 ขึ้นในหลายขั้นตอนเพราะว่าการทำแท้งเนี่ย
00:19:51 → 00:19:53 บางทีเด็กๆก็ไม่ได้เข้าถึงบริการ
00:19:53 → 00:19:56 สาธารณสุขไม่ได้ไปพบหมอแต่ว่าบางทีก็ไปทำ
00:19:56 → 00:19:59 แทงกันแบบเถื่อนนะครับหรือว่าในในใน
00:19:59 → 00:20:01 อินเทอร์เน็ตนะครับบางทีเรายังเห็นเลยว่า
00:20:01 → 00:20:04 มีโฆษณาแบบเอ่อขายยาเพื่อทำแท้งให้เด็ก
00:20:04 → 00:20:07 เอายานี้มารับประทานหรือว่ามาสอดช่องคลอด
00:20:07 → 00:20:10 แล้วทำให้แทงบุดซึ่งซึ่งเหล่าเนะครับเอ่อ
00:20:10 → 00:20:12 ในฐานะที่หมอทำงานอย่าเยหมอหมอจะเจอเคส
00:20:12 → 00:20:15 นี้มาประจำเลยก็คือไปใช้ยาพวกนี้มาแล้วก็
00:20:15 → 00:20:18 เกิดตกเลือดมาแล้วก็แทงไม่ครบแล้วก็บางที
00:20:18 → 00:20:21 อันตรายแบบมาแบบช่วยไม่ทันเอ่อคนไข้แทบจะ
00:20:21 → 00:20:23 ช็อกแทบจะเสียชีวิตค่ะอันนี้ก็อันตรายมาก
00:20:23 → 00:20:27 นะครับแล้วก็ยิ่งไปกว่านั้นนะครับเมื่อ
00:20:27 → 00:20:30 เด็กๆไม่ตระหนักถึงความเสี่ยงเรื่องการ
00:20:30 → 00:20:32 เ่อกลัวการตั้งครร์อะไรต่างๆเหล่านี้นะ
00:20:32 → 00:20:34 ครับบางทีชาสัมพันธ์เนี่ยเขาก็ไม่มีการ
00:20:34 → 00:20:36 ป้องกันเพราะั้นไม่ได้ป้องกันเนี่ยนะครับ
00:20:36 → 00:20:38 สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่เรืื่องตั้ง
00:20:38 → 00:20:40 ครรภ์อย่างเดียวแต่ว่ามันยังเป็นที่มาของ
00:20:40 → 00:20:43 เรื่องของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่างๆนะ
00:20:43 → 00:20:46 ครับไม่ว่าจะเป็นฟิของนายแท้ของนายเทียม
00:20:46 → 00:20:49 อะไรต่างๆนะครับและที่เรากลัวมากที่สุดก็
00:20:49 → 00:20:54 คือโรค HIV นะครับเหล่านี้ก็จะมาพร้อมกับ
00:20:54 → 00:20:56 เ่อความเสี่ยงในการมีเพศสัมพันธ์ที่ที่
00:20:56 → 00:20:59 ไม่พร้อมหรือไม่ได้ป้องกันได้ดีพอ
00:20:59 → 00:21:01 นะครับเพราะฉะนั้น
00:21:01 → 00:21:04 เอ่อเรารู้อยู่ที่ว่าในปัจจุบันเนี้ยเรา
00:21:04 → 00:21:05 จะไปห้ามเด็กเหมือนสมัยก่อนไม่ได้เพราะ
00:21:05 → 00:21:08 ว่าเอ่อ 1 เราห้ามแรงขับดันโดยธรรมชาติ
00:21:08 → 00:21:11 ไม่ได้ใช่มั้ยครับ 2 เราห้ามสื่อสังคมรอบ
00:21:11 → 00:21:13 ๆตัวไม่ได้เพราะว่าเด็กเามีช่องทางเข้า
00:21:13 → 00:21:16 ถึงอ่ะบางทีเใช้ช่องทางทางโลกโซเชียลเก่ง
00:21:16 → 00:21:19 กว่าเราอีกอืนะครับบางทีมีมีบัญชีซ่อนไว้
00:21:19 → 00:21:22 เราไปตามเช็คบัญชีของลูกเนี่ยนะครับมี
00:21:22 → 00:21:24 บัญชีอื่นซ่อนอยู่ที่ที่เขาคุยเรื่องนี้
00:21:24 → 00:21:27 กันแล้วเราก็ไปไม่ถึงเพราะฉะนั้นแทนที่จะ
00:21:27 → 00:21:30 ไปกดไว้เหมือนแต่ก่อนคือไปคอยตามตรวจเนะ
00:21:30 → 00:21:33 ครับซึ่งมันจะทำให้เกิดระยะห่างระหว่าง
00:21:33 → 00:21:36 ผู้ใหญ่กับเด็กเนี่ยทางที่ดีเนี่ยนะครับ
00:21:36 → 00:21:38 ต้องมาร่วมมือกันก็คือในส่วนของผู้ปกครอง
00:21:38 → 00:21:41 เนี่ยก็ต้องเสียเวลามาเสียสละเวลามาให้
00:21:41 → 00:21:44 การดูแลลูกในเรื่องนี้ให้มากขึ้นนะครับ
00:21:44 → 00:21:46 สถานศึกษานะครับโรงเรียนเนี่ยก็ต้องมีการ
00:21:46 → 00:21:48 จัดการเรียนการสอนในเรื่องนี้ให้เป็นรูป
00:21:48 → 00:21:50 ธรรมมากขึ้นแล้วก็เอ่อการให้ความรู้จาก
00:21:50 → 00:21:52 ทางกระทรวงสาธารณสุขในแง่ของการป้องกันใน
00:21:52 → 00:21:55 เรื่องของการติดเชื้อนะครับหรือรวมไปถึง
00:21:55 → 00:21:58 ป้องกันการตั้งครรภ์เนี่ยก็ควรจะเป็นการ
00:21:58 → 00:22:00 ให้บริการให้ความรู้เด็กได้ดีที่สุดแล้ว
00:22:00 → 00:22:03 ก็ให้บริการที่เด็กสามารถเข้าถึงได้ดีที่
00:22:03 → 00:22:07 สุดอย่างยกตัวอย่างเช่นเอ่อควรจะสมมุติ
00:22:07 → 00:22:10 ถ้าเราไปปกันให้ความรู้ต่างๆแล้วมันใน
00:22:10 → 00:22:13 คล้ายที่สุดเนี่ยอารมณ์มันพาไปแล้วเด็กเข
00:22:13 → 00:22:15 ไปไม่ถึงเนี่ยนะครับยังไงก็มันในที่สุดเ
00:22:15 → 00:22:18 จะไปมีภัณฑ์กันเนี่ยมันเก็ต้องเข้าถึง
00:22:18 → 00:22:21 บริการที่เก็สามารถเข้าถึงแบบบริการแจกถุ
00:22:21 → 00:22:24 ยางอนามัยหรืออะไรต่างๆที่เขาจะสามารถใช้
00:22:24 → 00:22:27 ได้ง่ายอ่ะไม่งั้นบางทีแบบต้องไปซื้อถึง
00:22:27 → 00:22:29 อนามัยจากร้านค้าค้าเนี่ยบางทีเป็นเด็กๆ
00:22:29 → 00:22:32 เข้าไปเนี่ยเก็ไม่กล้าไปซื้อค่ะอะไรอย่าง
00:22:32 → 00:22:35 เงี้ยนะครับมันก็ต้องมีแบบเอ่อทั้งทั้ง
00:22:35 → 00:22:39 องค์กรทั้งทั้งรัฐบาลทั้งส่วนของกระทรวง
00:22:39 → 00:22:41 ต่างๆที่เกี่ยวข้องรวมไปถึงสภาสถบัน
00:22:41 → 00:22:43 ครอบครัวเนี่ยก็ต้องมาร่วมมือกันแล้วก็
00:22:43 → 00:22:46 ให้การดูแลแล้วก็ให้การป้องกันให้ความรู้
00:22:46 → 00:22:48 กับเด็กในเรื่องนี้ให้ให้เค้าตระหนัก
00:22:48 → 00:22:50 เรื่องนี้ให้มากขึ้น
00:22:50 → 00:22:54 อืเนาะเพราะว่าอย่างในสมัยก่อนน่ะเวลาแบบ
00:22:54 → 00:22:57 เด็กมาถามพ่อแม่ก็จะจะถามเรื่องอะไรเนี่ย
00:22:57 → 00:23:00 ถามอะไรแบบนี้อะไรอย่างเงี้ยเนาะในสมัย
00:23:00 → 00:23:03 นี้แล้วเด็กก็เลยทำให้เด็กอ่ะไปหาความรู้
00:23:03 → 00:23:06 กันเองแต่สมัยเมันก็มีเดี๋ยวเก็ไม่ถามพ่อ
00:23:06 → 00:23:09 แม่ก็จะเสิร์ชเอาเนาะคุณหมอเนาะใช่ครับ
00:23:09 → 00:23:11 แล้วก็เค้าก็เค้าก็ปรึกษาเพื่อนฝูงเขาค
00:23:11 → 00:23:14 เองไงค่ะซึ่งซึเวลาปรึกษาเพื่อนฝูงกันเอง
00:23:14 → 00:23:17 เนี่ยนะครับก็มันก็จะได้รับคำแนะนำตาม
00:23:17 → 00:23:20 ภาษาคนไม่รู้แนะนำกันเองอ่ะครับบางทีก็ไป
00:23:20 → 00:23:22 ทำผิดๆมาแล้วก็อย่างที่หมอบอกอ่ะบางทีใน
00:23:22 → 00:23:25 สังคมของเด็กเไปรู้สึกว่าโหยคนเนี้ยเจ๋ง
00:23:25 → 00:23:28 จังเลยอทำไมเด็กผู้ชายคนนีุ้ยมีแบบมี
00:23:28 → 00:23:30 เพศสัมพันธ์กับผู้หญิงมาหลายคนละคนเนี้ย
00:23:30 → 00:23:33 เจ๋งโอ้โหแบบหรือบางทีผู้หญิงบางคนเนี่ย
00:23:33 → 00:23:35 เป็นมีมีเพศสัมพันธ์ผู้ชายมาตั้งหลายคน
00:23:35 → 00:23:37 แล้วที่เราบอกว่าไม่เคยมีข่าวเหมือนเด็ก
00:23:37 → 00:23:39 ไปเก็บแต้มอะไรอย่างเงี้ยนะครับเหมือนกับ
00:23:39 → 00:23:41 ว่าโหยิ่งมีเพสัพันธ์เยอะก็ยิ่งเก่งอะไร
00:23:41 → 00:23:44 อย่างเงี้ยซึ่งตรงเนี้ยถ้าพูดกันจริงๆเรา
00:23:44 → 00:23:45 ก็ไม่มีทางรู้หครับว่านั่นเป็นเรื่องจริง
00:23:46 → 00:23:48 หรือว่าเป็นเรื่องขี้คุยค่ะถูกมั้ยครับ
00:23:48 → 00:23:51 แต่ว่ามันมันให้ภาพว่าเด็กคนเนี้ยเหมือน
00:23:51 → 00:23:54 กับเด่นกว่าคนอื่นจะได้รับการยอมรับมาก
00:23:54 → 00:23:56 กว่าคนอื่นเพราะฉะนั้นเอ่อวันวาเลนไทน์
00:23:56 → 00:23:59 เนี่ยมันก็เลยเหมือนกับทำให้เด็กไปรู้สึก
00:23:59 → 00:24:01 ว่ามันแทบๆจะเหมือนกับวันเสียตัวแห่งชาติ
00:24:01 → 00:24:03 นะครับซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ
00:24:03 → 00:24:07 เพราะว่ามันมันเราทิ้งถ้าเราไม่ไม่ใส่ใจ
00:24:07 → 00:24:09 เรื่องเงี้ยมันจะกลายเป็นแฟชั่นแปลกๆใน
00:24:09 → 00:24:12 กลุ่มเด็กวัยรุ่นเพราว่าเนี่ยที่สุดแล้ว
00:24:12 → 00:24:15 เนี่ยนะครับวันวาเลนไทนเนี่ยมีไปเลยไม่
00:24:15 → 00:24:18 ต้องไปห่วงอะไรแล้วก็ท้ายที่สุดเนี่ยคน
00:24:18 → 00:24:20 ที่จะต้องมานั่งเสียใจในภายหลังก็คือตัว
00:24:20 → 00:24:23 เราเองนั่นแหละนะครับคโดยขงยิ่งแล้วก็คน
00:24:23 → 00:24:25 ที่เสียใจมากกว่าเราก็คือคุณพ่อคุณแม่นะ
00:24:25 → 00:24:30 ครับที่ที่ดูแลรักเราแล้วก็เอ่อต้องต้อง
00:24:30 → 00:24:32 หาทางให้คำปรึกษาเด็กแล้วก็ให้เค้า
00:24:32 → 00:24:35 ตระหนักให้ได้ว่าการมีอะไรกันเนี่ยมันไม่
00:24:35 → 00:24:37 ได้บ่งบอกว่า 2 คนเเป็นเรื่องของการรัก
00:24:37 → 00:24:40 กันเสมอไปค่ะนะครับจริงๆแล้วเนี่ยถ้ารัก
00:24:41 → 00:24:44 กันมากจริงๆเนี่ยต้องต้องอดทนรอให้พร้อม
00:24:44 → 00:24:46 เมื่อถึงเวลาที่พร้อมที่เหมาะสมแล้วเท่า
00:24:46 → 00:24:48 นั้นน่ะอันนั้นน่ะถึงจะเรียกว่ารักกัน
00:24:48 → 00:24:50 จริงใช่มั้ยเพราะฉะนั้นไม่งั้นเด็กเไปมอง
00:24:50 → 00:24:53 การรักเนี่ยเป็นการเหมือนกับทางร่างกาย
00:24:53 → 00:24:55 มากกว่าแต่ว่าจริงๆแล้วเนี่ยความรักที่
00:24:55 → 00:24:56 ถูกต้องเนี่ยมันต้องเป็นเรื่องของทางจิต
00:24:56 → 00:25:01 ใจค่ะอืมันก็มีบางกรณีที่เขาเมื่อก่อนเรา
00:25:01 → 00:25:04 มักจะได้ยินเนาะแบบว่าถ้ารักกันน่ะก็ต้อง
00:25:04 → 00:25:07 แบบยอมในเรื่องแบบนี้อ่ามันเหมือนเอาความ
00:25:07 → 00:25:09 รักมาต่อรองนะคะคุณหมอมันก็ยังยุคนี้ก็
00:25:09 → 00:25:12 น่าจะยังมีอยู่นะคะใช่ครับจริงๆอย่างส
00:25:12 → 00:25:14 สังคมเด็กยังมีอยู่แล้วก็เราลองคิดดูสิ
00:25:14 → 00:25:17 ครับว่าเ่อถ้าพูดกันจริงๆแล้วเนี่ยนะครับ
00:25:17 → 00:25:20 เด็กๆเวลาสมมุติอ่ะรักกันไปถ้าไปจนถึง
00:25:21 → 00:25:24 ขั้นมีอะไรกันแล้วอ่ะนะครับเ่อเราเราลอง
00:25:24 → 00:25:26 ดูอ่ะตอนที่เป็นแฟนกันในวัยเรียนเนี่ยมี
00:25:26 → 00:25:28 สักกี่คู่ที่โตขึ้นมาจริงๆแล้วยังเป็นแฟน
00:25:29 → 00:25:31 กันอยู่แล้วก็ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันออือแทบ
00:25:31 → 00:25:33 จะไม่มีเลยถูกมั้ยฮะมันมีน้อยมากจริงๆที่
00:25:33 → 00:25:35 ที่คู่ที่เป็นอย่างงั้นเพราะฉะนั้นบางที
00:25:35 → 00:25:39 เนี่ยเราไปมีแฟนอ่ามัธยมมีแฟนคนนี้มัธยม
00:25:39 → 00:25:42 ไปมีแฟนอีกคนนึงก็เท่ากับถ้าทุกคนเราต้อง
00:25:42 → 00:25:45 มีเพศสัมพันธ์กันหมดเนี่ยมันก็อมันก็
00:25:45 → 00:25:48 เหมือนแบบเราไม่เหลือคุณค่าในตัวเองอ่ะนะ
00:25:48 → 00:25:51 ครับอ่าอย่างอย่างบางคนก็จะรู้สึกว่าเออ
00:25:51 → 00:25:53 อ่ะถ้าถ้าในแง่ความคิดของผู้ชายนะครับผู้
00:25:53 → 00:25:55 ชายไทยเนี่ยเราก็ยังมีความค่อค่อนข้างมี
00:25:56 → 00:25:59 ความรู้สึกว่าเออคนที่ที่จะมาเป็นภรรยา
00:25:59 → 00:26:02 ของเราคนที่จะมาเป็นแบบคุณแม่ของลูกเรา
00:26:02 → 00:26:06 เนี่ยนะครับก็ก็ต้องเป็นคนที่แบบมีอะไร
00:26:06 → 00:26:09 กับเราคนเดียวอ่ะค่ะเราก็ไม่มีใครผู้ชาย
00:26:09 → 00:26:12 คนไหนที่เขาจะภูมิใจว่าโอ๋ภรรยาของเค้า
00:26:12 → 00:26:15 คู่ครองของเคเนี่ยผ่านการมีอะไรกับคนเต็ม
00:26:15 → 00:26:18 ไปหมดเลยอืนะฮะเดินจุงมึงกันไปไหนเนี่ย
00:26:18 → 00:26:20 ผ่านไผู้ชายคนนั้นก็อ่าคนนี้ก็เคยแล้วคน
00:26:20 → 00:26:22 นี้ก็เคยแล้วคือน้องๆผู้หญิงเถ้าถ้าได้
00:26:23 → 00:26:25 ฟังอย่างเงี้ก็ต้องคิดเรื่องนี้ด้วยฮะว่า
00:26:25 → 00:26:27 เนี่ยเราจะเราจะกลายเป็นตกไปเป็นคนแบบ
00:26:27 → 00:26:30 นั้นแล้วก็เราจะได้รับความรักจากผู้ชายคน
00:26:30 → 00:26:32 ไหนที่แท้จริงล่ะค่ะมันก็เหมือนกับว่า
00:26:32 → 00:26:35 หวังได้ในตัวเราแล้วก็เขาก็ลดทอนคุณค่า
00:26:35 → 00:26:38 เราเพราะคิดว่าเอ๊ะมีอะไรกับเาแล้วก็แสดง
00:26:38 → 00:26:41 ว่ามีอะไรคนอื่นมาแล้วก็มีอะไรกับใครทั่ว
00:26:41 → 00:26:44 ไปหมดอค่ะซึ่งตรงเนะครับเวลาให้คำแนะนำ
00:26:44 → 00:26:47 เนี่ยจริงๆเวลาเราเราพยายามพูดกันเนี้ย
00:26:47 → 00:26:49 เราก็พูดในหมู่ผู้ใหญ่ที่ฟังรายการของเรา
00:26:49 → 00:26:52 เนี่ยครับเราก็จะรู้สึกว่าเออมันก็มันก็
00:26:52 → 00:26:55 เวลาพูดมันง่ายอ่ะว่าเอ๊ะเราควรจะต้องทำ
00:26:55 → 00:26:57 อย่างงี้แต่เวลาจะคุยกับลูกเนี่ยบางครั้ง
00:26:57 → 00:27:00 มันก็สำคัญเหมือนั้นครับว่าเนาแล้วเราจะ
00:27:00 → 00:27:03 คุยยังไงนะครับที่เออเราจะเริ่มยังไงใช่
00:27:03 → 00:27:06 ที่มันจะต้องมีขีดกั้นตรงกลางว่าเอ๊ะ
00:27:06 → 00:27:08 เหมือนเราไม่ไปละลาบละล้วงเอยุ่งกับ
00:27:08 → 00:27:10 เรื่องของเขามากเกินไปใช่มั้ยครับเพราะ
00:27:10 → 00:27:13 ว่าถ้าเรารุกเข้าไปมากๆเนี่ยสมมุติอ่ะเรา
00:27:13 → 00:27:16 บอกว่าเราไปแอบดูข้อมูลในในเอ่อสื่อ
00:27:16 → 00:27:19 โซเชียลใน Facebook ของเขาในบัญชีของเขา
00:27:19 → 00:27:21 เสร็จเรารู้ะว่าเขาเป็นอย่างงี้ปุ๊บเนี่ย
00:27:21 → 00:27:24 ค่ะแล้วเราก็มาคุยกับเาสิ่งที่จะได้กลับ
00:27:24 → 00:27:27 มาคือก็รู้สึกว่าอ้าวทำไมพ่อแม่ถึงมาแอบ
00:27:27 → 00:27:31 ดูของเเอออเป็นเรื่องส่วนตัวของเนะฮะก็
00:27:31 → 00:27:33 สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเด็กก็จะบางทีก็จะ
00:27:33 → 00:27:35 ไม่ให้ความร่วมมือหรือจะยิ่งทำให้บัญชี
00:27:35 → 00:27:37 นั้นเข้าถึงยากขึ้นจนเราไม่สามารถตามไปดู
00:27:37 → 00:27:40 อะไรได้อดีใช่มั้ครับเพราะฉะนั้นการจะ
00:27:40 → 00:27:42 เข้าไปคุยกับเขาเนี่ยนะครับมันต้องไป
00:27:42 → 00:27:45 เหมือนเป็นเพื่อนเขาอ่ะแล้วก็คำแนะนำอัน
00:27:45 → 00:27:47 นึงที่ในทางการแพทย์ในทางจิตวิทยาที่เรา
00:27:47 → 00:27:50 แนะนำเนี่ยนะครับการให้คำแนะนำกับลูก
00:27:50 → 00:27:54 เนี่ยมันเป็นสิ่งที่ไม่ใช่เราจะมาแนะนำ
00:27:54 → 00:27:57 เมื่อถึงวันวาเลนไทน์นะครับอืค่ะมันจะ
00:27:57 → 00:27:59 ต้องผ่านการสร้างความสนิทคุ้นเคยกับลูกมา
00:27:59 → 00:28:02 ตลอดอ่ะครับมันมันหมดสมัยแล้วที่แบบเราจะ
00:28:02 → 00:28:05 แบบคุณพ่อจะดุๆเสร็จแล้วก็มาแบบมีลูกทำ
00:28:05 → 00:28:08 ผิดอะไรก็แบมือให้ตีอะไรอย่างเงี้ยอัน
00:28:08 → 00:28:11 นั้นมันมันจะทำให้ลูกกับเราห่างกันเพราะ
00:28:11 → 00:28:13 ฉะนั้นทุกๆท่านเนี่ยนะครับที่มีลูกแล้วก็
00:28:13 → 00:28:15 มีการตูนวัยรุ่นเนี่ยจริงๆเ่ะเราต้องอยู่
00:28:15 → 00:28:17 เป็นเพื่อนเขาเมีกิจกรรมอะไรที่เกี่ยว
00:28:17 → 00:28:20 ข้องเนี่ยนะครับเราไปร่วมกับเขาเลยเช่น
00:28:20 → 00:28:22 บางทีเด็กๆเราจะเห็นมันจะคิดว่ากรีดดารา
00:28:22 → 00:28:24 กิฟศิลปินนักร้องอะไรเงี้ยอยากไปดู
00:28:24 → 00:28:26 คอนเสิร์ตอะไรอย่าเงี้ยนะครับแทนที่เราจะ
00:28:26 → 00:28:29 ห้ามนะครับแล้วเก็ไปแล้วก็ไปดูไปดูไปคอย
00:28:29 → 00:28:32 ดูแลให้เขคปลอดภัยค่ะนะครับไปเป็นเพื่อน
00:28:32 → 00:28:35 เคให้เคให้เค้ารู้สึกว่าเราเป็นเพื่อนน่ะ
00:28:35 → 00:28:38 นะครับมีโอกาสได้จริงๆแล้วโอกาสที่เราแนะ
00:28:38 → 00:28:40 แนะนำในเรื่องต่างๆเนี่ยนะครับบางทีเรา
00:28:40 → 00:28:43 อาจจะไม่ใช่เรื่องของตัวลูกเราเองก็ได้นะ
00:28:43 → 00:28:45 ครับแต่ว่าเราใช้เรื่องบางทีมันมีเหตุ
00:28:45 → 00:28:47 การณ์ข่าวในที่เราได้เห็นข่าวทางทาง
00:28:47 → 00:28:50 โทรทัศน์ทางทีวีอะไรเงี้ยที่เป็นเรื่อง
00:28:50 → 00:28:52 บางทีมีเรื่องของเด็กที่ไปเกิดกรณีแบบเ
00:28:52 → 00:28:54 เงี้ยเราจะใช้โอกาสเยพูดคุยกันแล้วก็ยก
00:28:54 → 00:28:57 ตัวอย่างเหล่านั้นน่ะเพื่อให้ไปเทียบ
00:28:57 → 00:28:59 เคียงเจะได้รู้ว่าเอ๊ะมันจะไปเกิดปัญหา
00:28:59 → 00:29:01 อย่างงี้บางทีเด็กมีปัญหาตั้งครรภ์ในวัย
00:29:01 → 00:29:03 เรียนอะไรต่างๆเหล่าเงี้ยมันก็เป็นตัว
00:29:03 → 00:29:07 อย่างที่เราจะถือโอกาสสอนเขได้นะครับอมัน
00:29:07 → 00:29:09 มันต้องสอนให้เขาครู้ว่าเอ่อในเรื่องของ
00:29:09 → 00:29:12 การมีเพศสัมพันธ์เนี่ยมันถ้ามันเกิดขึ้น
00:29:12 → 00:29:15 เนี่ยนะครับมันควรจะเกิดขึ้นเมื่อเอ่อเรา
00:29:15 → 00:29:18 พร้อมจริงๆพร้อมในที่นี้ก็คือพร้อมจะรับ
00:29:18 → 00:29:20 ผลที่ตามมาเช่นถ้าเกิดมีการตั้งครรภ์นะ
00:29:21 → 00:29:24 ครับเราต้องเราต้องเป็นผู้ใหญ่แล้วอ่ะทำ
00:29:24 → 00:29:26 งานมีสามารถสร้างครอบครัวหาเงินเลี้ยง
00:29:26 → 00:29:29 ครอบครัวได้ไม่ใช่ยขอเงินคุณพ่อคุณแม่
00:29:29 → 00:29:31 อยู่เนี่ยแล้วก็ไปไปเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา
00:29:31 → 00:29:34 แล้วก็เสียอนาคตอันเนี้ยมันไม่ได้นะครับ
00:29:34 → 00:29:36 ก็ต้องให้เ้ารู้สึกว่าทำอย่างนั้นเนี่ย
00:29:36 → 00:29:38 มันไม่ได้เสียใจแต่เาคนเดียวแต่ว่าคนที่
00:29:38 → 00:29:40 รักเมากกว่าคุณพ่อเนี่ยคุณพ่อคุณแม่เก็จะ
00:29:40 → 00:29:44 เสียใจมากกว่าหลายเท่านะครับซึ่งตรงเนี้ย
00:29:44 → 00:29:46 ต้องใช้เวลาแล้วก็ต้องค่อยๆสร้างสร้าง
00:29:47 → 00:29:49 ความสัมพันธ์กับลูกที่ดีที่ให้เขาครู้สึก
00:29:49 → 00:29:52 ไว้วางใจเรานะครับอือไม่ใช่รวมแค่เรื่อง
00:29:53 → 00:29:54 รักอย่างเดียวนะครับมันต้องรวมถึงทุก
00:29:54 → 00:29:57 เรืื่องอ่ะเรื่องเจะไปเรียนเจะไปเรียน
00:29:57 → 00:29:59 พิเสษอันนี้เจะอะไรอย่างเงี้ยเราเราต้อง
00:29:59 → 00:30:02 อยู่ข้างเค้าตลอดอ่ะต้องต้องต้องปรึกษา
00:30:02 → 00:30:06 เป็นที่ปรึกษาที่ดีเค้านมาตลอดนะครับอือื
00:30:06 → 00:30:08 ไปไหนมาไหนกับเคเหมือนเป็นเพื่อนเอ่ะนะ
00:30:08 → 00:30:11 ครับนะแล้วก็บางทีถ้ามันเรื่องเล็กๆน้อยๆ
00:30:11 → 00:30:13 ที่ก็คงจะไม่ต้องถึงกับไปดุขนาดนั้นนะ
00:30:13 → 00:30:16 ครับอนะแล้วจะดุลูกไปทุกเรื่องจนกระทั่ง
00:30:16 → 00:30:19 ลูกไม่กล้าปรึกษาอะไรเลยนะครับค่ะนะครับ
00:30:19 → 00:30:21 แล้วก็ดีที่สุดเนี่ยนะครับคุณพ่อคุณแม่
00:30:21 → 00:30:24 ควรจะหาความรู้ในเรื่องของเอ่อการมี
00:30:24 → 00:30:27 เพศสัมพันธ์แบบปลอดภัยนะครับซึ่งแบบปลอด
00:30:27 → 00:30:30 ภัยแน่นอนครับอันที่ 1 ต้องปลอดภัยจากการ
00:30:30 → 00:30:32 ตั้งครรภ์ไม่คุณประสงค์ตั้งครร์ไม่ไม่
00:30:32 → 00:30:35 พร้อมก็ต้องรู้จักวิธีคุมกำเนิดนะครับว่า
00:30:35 → 00:30:38 มีกี่วิธีนะครับแน่นอนเรามีทั้งยาเม็ดคุม
00:30:38 → 00:30:40 กำเนิดนะครับยาเม็ดคุมกำเนิดที่กินเป็น
00:30:40 → 00:30:42 รอบๆหรือว่ายาเม็ดคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินถ้า
00:30:42 → 00:30:45 พลาดพั้งมาแล้วนะครับหรือว่าถ้าป้องกัน
00:30:45 → 00:30:46 ให้ดีกว่านั้นก็ป้องกันตั้งแต่ต้นเตรียม
00:30:46 → 00:30:49 ถุนยางอนามัยอะไรเอาไว้นะครับซึ่งในแง่
00:30:49 → 00:30:51 ของถุนยางอนามัยเนี่ยมันจะช่วยป้องกันโรค
00:30:51 → 00:30:53 ติดต่อจากเพศสัมพันธ์ได้ด้วยค่ะเพราะ
00:30:53 → 00:30:56 ฉะนั้นในแง่ของการไปมีเพศสัมพันธ์กับคน
00:30:56 → 00:30:58 อื่นเนี่ยนะครับยังไงก็ตามถ้าจะแนะนำ
00:30:58 → 00:31:01 เนี่ยก็คือควรจะใช้ถุอนามัยแล้วก็ใช้ให้
00:31:01 → 00:31:04 ถูกต้องอค่ะนะครับซึ่งตรงเนี้ยถ้าเราถ้า
00:31:04 → 00:31:07 เราได้มีการเหมือนกับพูดคุยแนะนำตรงเนี้ย
00:31:07 → 00:31:10 นะครับเอ่อส่วนที่ทางโรงเรียนจะต่อเนื่อง
00:31:10 → 00:31:12 กันไปก็คือเวลาเรามีการเรียนฝึกศึกษาใน
00:31:12 → 00:31:14 ชั้นมัธยมเนี่ยเดี๋นี้ก็จะมีการสอนเรื่อง
00:31:14 → 00:31:17 นี้ด้วยะเรื่องเพศศึกษาแล้วก็สอนในเรื่อง
00:31:17 → 00:31:19 ของการการใส่ถุอนามัยที่ถูกต้องทำยังไง
00:31:20 → 00:31:22 อะไรอย่างงี้นะครับเดี๋ยวนี้มันเป็น
00:31:22 → 00:31:24 เรื่องที่เอ่อเราเราอย่าไปนึกว่าอุยเด็ก
00:31:24 → 00:31:27 ด็เรู้ทำไมถึงรู้มากกว่านี้เพราะว่าเอ่อ
00:31:27 → 00:31:30 ในในในชั้นเรียนเนี่ยคุณครูก็ได้มีการสอน
00:31:30 → 00:31:33 บางทีก็จะมีการฝึกปฏิบัติด้วยนะครับสอน
00:31:33 → 00:31:35 ให้ดูว่าเอ๊ะใส่ที่ถูกต้องยังไงกับกับมี
00:31:35 → 00:31:39 หุ่นจำลองอะไรต่างๆค่ะซึ่งตนี้จำเป็น
00:31:39 → 00:31:41 เพราะว่าเราจะเราจะไม่สอนเปฏิบัติเลย
00:31:41 → 00:31:44 เนี่ยนะครับว่าถึงเวลาบอกว่าให้ใสมบางที
00:31:44 → 00:31:47 สไมถ้าใส่ไม่ถูกต้องก็ก็เกิดผลเสียนะครับ
00:31:47 → 00:31:50 เช่นใส่ไม่ดีนะครับมันเกิดการรั่วซึมนะ
00:31:50 → 00:31:53 ครับมันก็ไม่ได้ป้องกันอะไรก็ก็ยังโอกาส
00:31:53 → 00:31:55 ตั้งครรภ์ก็ยังมีอยู่หรือว่าโอกาสติดโลก
00:31:56 → 00:31:58 ติดต่อเพเพศสัมพันธ์ก็ยังมีอยู่ออือ
00:31:58 → 00:32:03 อืค่ะพอดีมีคุณผู้ฟังแสดงความคิดเห็นมานะ
00:32:03 → 00:32:07 คะคุณหมอสอดคล้องกับคุณหมอเลยค่ะบอกว่า
00:32:07 → 00:32:09 คือถ้าเป็นคือเป็นคุณผู้ชายเนาะบอกว่าถ้า
00:32:09 → 00:32:14 เกิดผมสอนเด็กหรือว่าสอนลูกเนี่ยก็จะบอก
00:32:14 → 00:32:17 ว่าถ้าเกิดคนดีจริงก็ต้องอดทนรอได้ก็จะ
00:32:17 → 00:32:20 สอนเด็กผู้หญิงแบบนี้แล้วคุณผู้ฟังก็บอก
00:32:20 → 00:32:24 ว่าคือสมัยก่อนทำไมผู้หญิงถึงครองตัว
00:32:24 → 00:32:28 ได้อะไรประมาณนี้นะคะใชใช่ครับจริงๆอัน
00:32:28 → 00:32:30 นี้อันนี้คุณผู้ฟังท่านนี้ต้องต้องต้อง
00:32:30 → 00:32:33 ชื่นชมเลยครับน่ารักมากจริงๆอันนี้เป็น
00:32:33 → 00:32:35 เรื่องที่ถูกต้องนะครับเวลาเราอยู่ตรง
00:32:35 → 00:32:37 กระแสของการเปลี่ยนแปลงของในเรื่องของการ
00:32:37 → 00:32:41 รับรู้ข่าวสารจากสื่อโซเชียลนะครับหรือ
00:32:41 → 00:32:43 ว่าการที่เด็กวัยรุ่นเนี่ยเเดี๋ยวเนี้ย
00:32:43 → 00:32:48 เขาก็มีมีความไปสนใจใคร่รู้ในเรื่องมี
00:32:48 → 00:32:50 เพศสัมพันธ์มากกว่าสมัยคนสมัยก่อนๆก็
00:32:50 → 00:32:53 เพราะว่าสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเนี่ยมันชัก
00:32:53 → 00:32:56 ผ่าไปนะครับเราก็ต้องเราเป็นผู้ใหญ่เราก็
00:32:56 → 00:32:58 ต้องเข้าใจครับว่าเอ่อเราจะไปห้ามเด็ดขาด
00:32:59 → 00:33:01 เนี่ยมันเราไม่มีทางตามห้ามเได้ตลอดแต่
00:33:01 → 00:33:03 ว่าสิ่งที่ต้องชี้ให้เคเห็นก็คือว่าถ้า
00:33:03 → 00:33:08 มันไปเกิดอย่างนั้นขึ้นนะครับ 1 มันความ
00:33:08 → 00:33:11 ความเไม่เคารพใครอ่ะก็ควรเคารพตัวเองอคุณ
00:33:11 → 00:33:14 ค่าในความเป็นผู้หญิงของเขาเนี่ยถ้าเป็น
00:33:14 → 00:33:16 อย่างงี้มันก็มีผู้ชายที่ในที่สุดผู้ชาย
00:33:16 → 00:33:19 คนเนี้ยก็ไม่ได้รักเราจริงในที่สุดก็ไปมี
00:33:19 → 00:33:23 แฟนใหม่แล้วก็ทิ้งเรานะครับแล้วเราก็เรา
00:33:23 → 00:33:25 ก็ให้สิ่งที่มีค่าที่สุดของเราเนี่ยกับเ
00:33:25 → 00:33:28 ไปแล้วเนี่ยมันก็มันก็ลดทอนคนค่าของของ
00:33:28 → 00:33:31 ตัวตัวเราเองลงนะครับแล้วยิ่งกว่านั้น
00:33:31 → 00:33:33 เนี่ยตอนสมัยเด็กๆเนี่ยเด็กๆเนี่ยนะครับ
00:33:33 → 00:33:36 เขาจะรักพ่อแม่มากนะครับนะเขาจะไม่อยากทำ
00:33:36 → 00:33:38 อะไรให้พ่อแม่เสียใจเพราะฉะนั้นถ้าเรามี
00:33:38 → 00:33:41 โอกาสได้หล่อหลอมเนี่ยก็ให้เขาได้เข้าใจ
00:33:41 → 00:33:43 ว่าเวลาเขาเกิดปัญหาอย่างนี้ขึ้นเนี่ยนะ
00:33:43 → 00:33:45 ครับอคนที่เสียใจไม่ได้มีเขาคนเดียวแต่มี
00:33:45 → 00:33:49 คุณพ่อคุณแม่ด้วยนะครับและท้ายที่สุดเวลา
00:33:49 → 00:33:51 เราจะให้คำแนะนำในเรื่องเหล่านี้นะครับก็
00:33:51 → 00:33:55 ก็ต้องทำให้เขารู้สึกว่าเอ่อเราเป็นพวกดิ
00:33:55 → 00:33:58 ของเขาค่ะนะถ้ามันไปเกิดปัญหาเกิดเกิด
00:33:58 → 00:34:00 อะไรขึ้นมาเนี่ยให้เขาคิดถึงเราก่อนอื
00:34:00 → 00:34:02 ปรึกษาเราก่อนบางทีพลาดพลั้งไปนะครับบาง
00:34:02 → 00:34:05 ทีถึงเด็กจะตั้งใจดีๆแบบว่าเราจะไม่มี
00:34:05 → 00:34:08 อะไรแต่บางทีอบรรยากาศมันพาไปเช่นบางทีไป
00:34:08 → 00:34:11 เที่ยวกันไปดื่มของมึนเมาแล้วบรรยากาศมัน
00:34:11 → 00:34:13 อ้าวตายแล้วไปอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 มัน
00:34:13 → 00:34:15 เกิดแล้วอย่างที่เราบอกเด็กก็มีอารมณ์มี
00:34:16 → 00:34:18 ฮอร์โมนมีอะไรที่ผลักกันันเขาอยู่แล้ว
00:34:18 → 00:34:21 เกิดพลาดพลั้งไปเนี่ยเราจะต้องทำให้ลูก
00:34:21 → 00:34:24 หลานของเราเนี่ยเรู้เลยว่าเก็อย่าปิดเรา
00:34:24 → 00:34:27 อืต้องบอกเรานะครับไม่งั้นที่เราเคยเจอ
00:34:27 → 00:34:29 ปัญหาหากันอยู่เยอะๆก็คือบางทีไปเกิดพภา
00:34:29 → 00:34:31 ทั้งตรงนี้ขึ้นมาเนี่ยนะครับแล้วเไม่รู้
00:34:31 → 00:34:33 จะหาทางออกยังไงไม่บอกผู้ใหญ่แล้วก็เด็ก
00:34:33 → 00:34:36 เองก็หาทางออกไม่ได้บางทีก็ลงเอยด้วยการ
00:34:36 → 00:34:38 อย่างที่บอกไปทำแทงคที่ไม่ถูกต้องแล้ว
00:34:38 → 00:34:41 เกิดอันตรายต่อสุขภาพตัวเองหรืออันตรายึง
00:34:41 → 00:34:43 ชีวิตค่ะคือท้ายที่สุดบางคนคิดหนักคิด
00:34:43 → 00:34:46 สั้นกว่านั้นคือทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัว
00:34:46 → 00:34:49 ตายออย่างเงี้ยครับอันนี้ก็จะเกิดปัญหา
00:34:49 → 00:34:52 ตามมาอีกหรือว่าท้ายที่สุดถ้าถ้ายังโชคดี
00:34:52 → 00:34:54 ไม่ถึงขั้นที่จะแบบไปพลาดพ้างตั้งครรภ์นะ
00:34:54 → 00:34:57 ครับแต่เกิดไปติดโรคอะไรมาเนี่ยบางทีก็
00:34:57 → 00:35:00 ถ้าไม่บอกผู้ใหญ่ก็จะไม่เข้าไม่สามารถ
00:35:00 → 00:35:02 เข้าถึงการรักษาได้ก็จะยิ่งเกิดอันตราย
00:35:02 → 00:35:04 แล้วก็ที่เรากลัวมากๆก็คือสมมุติไปติด
00:35:04 → 00:35:08 เอ่อโรคร้ายแรงอย่าง HIV ซึ่งติดดเชื้อ
00:35:08 → 00:35:10 แล้วเนี่ยเราเสียชีวิตนะครับแล้วถ้าเด็ก
00:35:10 → 00:35:12 ไม่มีความเข้าใจไม่มีความตระหนักว่าควรจะ
00:35:13 → 00:35:15 ต้องอ่าดูแลตัวเองยังไงต้องไปรับการรักษา
00:35:15 → 00:35:17 ยังไงเนี่ยสิ่งที่เรากลัวกว่านั้นก็คือ
00:35:17 → 00:35:20 เด็กคนนั้นเนี่ยบางทีเกิดการแก้แค้นอืนะ
00:35:20 → 00:35:23 ครับหึว่าเราไปติดมาแล้วหลังจากนั้นไป
00:35:23 → 00:35:25 เนี่ยเราก็ลุยเลยมีเพศสัมพันธ์ทั่วไปหมด
00:35:25 → 00:35:28 แล้วก็กลายเป็นการแพ่เชื้อไปคนอื่นอีกค่ะ
00:35:28 → 00:35:31 โดยที่เข้าไม่รู้สึกว่าเค้ารู้สึกว่าเอ่อ
00:35:31 → 00:35:34 เนี่ยฉันรับเคราะห์อันนี้มาแล้วทุกคนต้อง
00:35:34 → 00:35:35 รับเคราะห์ไปด้วยเหมือนเคโกรธสังคมไปเลย
00:35:36 → 00:35:39 อย่างเงี้ยอือันเนี้ยจะต้องจะต้องเราจะ
00:35:39 → 00:35:42 ต้องเอ่อเคียงข้างเา้าให้เค้ารู้ว่าถ้า
00:35:42 → 00:35:45 มันไปเกิดผิดครั้งพาดพั้งกันเนี่ยนะครับ
00:35:45 → 00:35:48 ให้ให้ที่ปรึกษาเราค่ะแล้วเราจะเป็นคน
00:35:48 → 00:35:50 ช่วยเขาเพื่อหาทางออกที่เหมาะสมที่สุดนะ
00:35:50 → 00:35:53 ครับไม่ใช่ว่าแบบพอถึงเวลาปุ๊บไม่กล้าบอก
00:35:53 → 00:35:55 เราแล้วก็ไปเกิดอันตรายทั้งสุขภาพเขาเอง
00:35:55 → 00:35:58 แล้วก็บางทีอันตรายถึงชีวิตได้ถ้าแบบเขา
00:35:58 → 00:36:01 บางคนก็กลายเป็นโรคซึมเศร้าหรือว่าเสีย
00:36:01 → 00:36:03 เสียสมาธิในการเรียนหรืออะไรต่างๆค่ะครับ
00:36:03 → 00:36:06 ยิ่งยิไปกว่านี้เดี๋ยวนี้เราจะเห็นเลยว่า
00:36:06 → 00:36:08 บางทีมันไม่ใช่แค่เรื่องของวาเลนไทน์แล้ว
00:36:08 → 00:36:10 เด็กๆมันมีอะไรกันอย่างเดียวอ่ะบางทีเด็ก
00:36:10 → 00:36:13 ก็ถูกล่อลวงจากผู้ใหญ่ได้นะครับเห็นผู้
00:36:13 → 00:36:16 ใหญ่ที่มาเกี่ยวข้องบางทีก็เราฟังข่าวบาง
00:36:16 → 00:36:18 ทีเป็นผู้ใหญ่ในโรงเรียนนั่นเองอ่ะค่ะ
00:36:18 → 00:36:20 เป็นตัวมาเกี่ยวข้องมาเกิดการล่วงละเมิด
00:36:20 → 00:36:22 กับเด็กอะไรพวกเนี้ยนะครับซึ่งสิ่งเหล่า
00:36:22 → 00:36:25 เนี้ยเราต้องเราต้องให้สอนให้ลูกรู้ว่า
00:36:25 → 00:36:28 เมื่อเขาโตแล้วเนี่ยนะครับอวัยวะส่วนของ
00:36:28 → 00:36:30 การสืบพันธุ์อะไรต่างๆเหลเนี้ยเป็นส่วน
00:36:30 → 00:36:32 สงวนเป็นส่วนสำคัญไม่มีใครมาสัมผัสมาแะ
00:36:32 → 00:36:34 ท่องอะไรได้ต้องต้องรู้จักป้องกันตัวเอง
00:36:34 → 00:36:39 หรือรีบแจ้งภูบองค่ะนะครับอืถ้าฟังแบบนี้
00:36:39 → 00:36:42 แล้วเออการป้องกันก็คือที่ดีที่สุดคือการ
00:36:42 → 00:36:45 ปลูกฝังตั้งแต่เด็กแล้วก็การใกล้ชิดสนิท
00:36:45 → 00:36:48 สนุ่มเนาะคุณหมอเนาะถ้าจะให้ถ้าจะให้ได้
00:36:48 → 00:36:52 ผลในระยะยาวก็คงจะไม่ใช่มาบอกกันใกล้ๆอ่ะ
00:36:52 → 00:36:55 เดี๋ยววาเลนไทน์แล้วนะมาบอกอะไรอย่างเงี้
00:36:55 → 00:36:57 มันก็คงไม่ทันเนาะถ้าเกิดจะมาแบบใชครับจะ
00:36:57 → 00:37:00 มาให้เอ่ออะไรนะให้ให้เด็กเชื่ออะไรแบบ
00:37:00 → 00:37:04 เนี้ยมันก็ต้องคุ้นเคยสนิสนการเราวัน
00:37:04 → 00:37:09 เนี้ยต้องังปีหน้านะฮะฟังไว้สำหรับปี 69
00:37:09 → 00:37:11 เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าพรุ่งนี้เช้าเรียกลูก
00:37:11 → 00:37:15 มาอมามาสอนไม่ทันมันไม่ได้มันไม่ทันนะฮะ
00:37:15 → 00:37:18 อันอันนึงที่หมอจะต้องนับนับถือพวกพ่อแม่
00:37:18 → 00:37:21 ของฝรั่งเนี่ยนะครับก็คือตอนเวลาหมอทำงาน
00:37:21 → 00:37:24 อยู่เนี่ยนะครับหมอจะเจอคุณแม่ฝรั่งเลยนะ
00:37:24 → 00:37:27 ครับคุณแม่ของทางตะวันตกเนี่ยอค่ะบางทีเ
00:37:27 → 00:37:31 รู้ว่าว่าบางทีรู้ว่าเด็กเด็กวัยรุ่นของ
00:37:31 → 00:37:33 ของทางประเทศตะวันตกอ่ะค่ะบางทีรู้อยู่
00:37:33 → 00:37:35 แล้วว่าเดี๋ยวเนี่ยต้องไปมีเพศสัมพันธ์
00:37:35 → 00:37:38 กันแน่ๆเลยออวิธีการนะครับอย่างน้อยๆเมา
00:37:38 → 00:37:41 เนี่ยนะครับเมาหาหมอเนี่ยเเมาป้องกันบาง
00:37:41 → 00:37:43 ทีรู้ว่าเนี่ยเด็กต้องไปเข้าค่ายไปอะไร
00:37:43 → 00:37:45 อย่างเงี้ยรู้แล้วว่าเนี่ยเป็นค่ายของโรง
00:37:45 → 00:37:47 เรียนจัดเนี่ยค่ะมันมันต้องเกิดขึ้นแน่ๆ
00:37:47 → 00:37:49 เนี่ยอือเมาจัดวิธีการป้องกันั้นเลยครับ
00:37:50 → 00:37:53 เช่นออป้องกันเนี่ยมามาให้ให้เราใส่ขวง
00:37:53 → 00:37:56 อนามัยให้ลูกเอ๋ออะไรอย่างเงี้ยเพราะว่า
00:37:56 → 00:37:58 ให้ยาคงกำเนิดไปก็รู้จะกินหรือเปล่านะ
00:37:58 → 00:38:00 ครับอันเงี้ยเพราะฉะนั้นอย่างน้อยก็ถ้า
00:38:00 → 00:38:03 มันมีถึงป้องกันเพศสพันธ์ไม่ได้อย่างน้อย
00:38:03 → 00:38:06 ก็ป้องกันไม่ให้ตั้งครรภ์ได้ออนะครับบอก
00:38:06 → 00:38:08 ว่าให้ใส่ถุงยางบางทีมันก็มันไม่ได้ไปตาม
00:38:08 → 00:38:10 ดูอ่ะถึงเวลาจริงจะใส่มั้ยเพราะฉะนั้นผู้
00:38:10 → 00:38:12 ปกครองเค้าอ่ะคอยระมัดระวังเรืเแล้วเป็น
00:38:12 → 00:38:15 คนพาลูกหลานเมาเองแล้วแล้วหมอเจอหลายเคส
00:38:15 → 00:38:17 ครับค่ะไม่ใช่เคสเดียวที่มาเงี้พาลูกหลาน
00:38:18 → 00:38:20 มาแล้วก็เนี่ยเดี๋ยวลูกสาวจะจะต้องย้ายไป
00:38:20 → 00:38:23 เรียนอีกแคมปัสนึงจะย้ายไปแล้วจะอยู่ใคร
00:38:23 → 00:38:26 เนี่ยสิ่งที่เขาพามาทำคือให้มาใส่หวง
00:38:26 → 00:38:28 อนามัยป้องกันไว้เลยหรือว่าฝังยาคุม
00:38:28 → 00:38:31 กำเนิดค่ะซึ่งซึ่งงนี้มันจะมียาคุมกำเนิด
00:38:31 → 00:38:33 แบบที่เป็นหลอดแล้วฝังเข้าที่ใต้ผิวหนัง
00:38:33 → 00:38:35 ใต้ท้องแขนนะฮะตรงเนี้ยฝังมันก็จะป้องกัน
00:38:35 → 00:38:39 ได้ยาวกว่าป้องกันได้ 3-5 ปีค่ะก็ก็หมดหม
00:38:39 → 00:38:41 ช่วงเวลาที่เ้าเรียนเป็นมัธยมเป็นอะไรพอ
00:38:41 → 00:38:45 ดีอ๋อเป็นคอลเลจพอดีค่ะก็ก็ต้องก็อาจจะ
00:38:45 → 00:38:47 ต้องทำอย่างงั้นถ้าเราคิดว่ามันจะไกลหู
00:38:48 → 00:38:50 ไกลตาแล้วเราก็ไม่ค่อยแน่ใจว่ามันจะป้อง
00:38:50 → 00:38:52 กันได้หรือเปล่านะครับ
00:38:53 → 00:38:55 ค่ะซึ่งเราต้องทำให้มันเป็นเรื่องธรรมดา
00:38:55 → 00:38:57 นะฮะคือจะเป็นความรู้สึกว่าเหมเหมือนกับ
00:38:57 → 00:38:59 ว่าพอเด็กมาจากนี้เหมือนเราแบบเอ๊ะเราจับ
00:38:59 → 00:39:03 เมาเพราะว่าเราเราตำหนิเค้าเหมือนกับว่า
00:39:03 → 00:39:06 เขาจะต้องไปทำสิ่งเหล่านั้นแน่ๆแต่บางที
00:39:06 → 00:39:07 เรามันอาจจะมองได้ว่าก็เดี๋ยวลูกต้องไป
00:39:07 → 00:39:10 เรียนไกลอย่างเงี้ยถ้ามันเกิดมีปัญหาอะไร
00:39:10 → 00:39:12 ขึ้นมาแล้วเดี๋ยวมันจะอันตรายก็ก็ถือว่า
00:39:12 → 00:39:15 ทำเพื่อป้องกันค่ะอะไรทำนองนี้นะครับ
00:39:15 → 00:39:18 อย่างเช่นเมืองไทยก็คุณพ่อหมายถึงว่าคุณ
00:39:18 → 00:39:22 คุณพ่อคุณแม่ก็มีสิทธิ์ที่จะพาเหมือนแบบ
00:39:22 → 00:39:26 ลูกของเราลูกสาวของเราไปไปใส่ห่วงไปฉีดยา
00:39:26 → 00:39:29 แบบแต่วัยรุ่นเลยถูกมั้ยคะถูกต้องครับได้
00:39:29 → 00:39:31 ครับเพราะว่าเรามาแล้วจริงๆแล้วเนี่ยนะ
00:39:31 → 00:39:34 ครับในทางอ้อมเี่ก็คือหลายๆครั้งเนี่ยนะ
00:39:34 → 00:39:37 ครับตัวคุณพ่อคุณแม่เองเนี่ยก็ก็อาจจะติด
00:39:37 → 00:39:39 ขัดในเรื่องที่เราจะให้คำปรึกษาในเรื่อง
00:39:39 → 00:39:43 ของอ่ะจะคุมกำเนิดอย่างไรนะครับหรือว่าจะ
00:39:43 → 00:39:45 ใส่วอนามัยป้องกันการติดเชื้ออะไรให้
00:39:45 → 00:39:47 ตระหนักยังไงเนี่ยบางทีเราก็พูดได้ไม่ไม่
00:39:47 → 00:39:50 ละเอียดมากอ่ะเราก็เราก็รู้ประมาณนึงบาง
00:39:50 → 00:39:52 ทีพาไปหาคุณหมอเนี่ยนะครับไม่ใช่แค่ไปรับ
00:39:52 → 00:39:55 บริการเรื่องการคงกำเนิดแต่ว่ามันไป
00:39:55 → 00:39:56 เหมือนกับคุณหมอเองอ่ะจะเป็นคนช่วยให้
00:39:56 → 00:39:59 ความรู้ค่ะนะครับซึ่งบางทีให้ความรู้
00:39:59 → 00:40:01 เนี่ยบางทีเด็กเมามองพ่อแม่จะไปรู้มาก
00:40:01 → 00:40:03 กว่าเราได้ยังไงอะไรเงี้ยบางทีพ่อแม่ก็
00:40:04 → 00:40:05 ไม่ได้ไม่ได้เรียนมาสูงเท่าเค้าด้วย้าจะ
00:40:06 → 00:40:08 ว่าไปใช่มฮเพราะฉะนั้นบางทีเนี่ยพาไปพบ
00:40:08 → 00:40:10 คุณหมอบุคลากรทางการแพทย์เนี่ยก็จะได้มี
00:40:10 → 00:40:14 โอกาสให้ความรู้ของเด็กในช่วงนี้เลยค่ะ
00:40:14 → 00:40:17 คุณหมอคะอยากอยากให้คุณหมอช่วยเน้นย้ำสัก
00:40:17 → 00:40:19 นิดนึงสำหรับจริงๆมันก็มีอาจจะมีหลายๆ
00:40:19 → 00:40:22 ครอบครัวหลายๆบ้านที่เขาอาจจะยังไม่ได้มี
00:40:22 → 00:40:25 mindset ที่เปิดกว้างกับการพาลูกไปใส่
00:40:25 → 00:40:29 ห่วงอ่าหรือว่าจะไปฝังยาคุมหรืออะไรแบบ
00:40:29 → 00:40:32 เนี้ยค่ะบางบ้านอาจจะยังเป็นหัวโบราณอยู่
00:40:32 → 00:40:34 คุณหมอแบบยุคสมัยที่มันเปลี่ยนไปมันมัน
00:40:34 → 00:40:37 จำเป็นยังไงบ้างค่ะครับเราเราต้องเราต้อง
00:40:37 → 00:40:40 ก้าวให้ทันความจริงในโลกปัจจุบันเยนะครับ
00:40:40 → 00:40:43 คือเราเราไม่สามารถอยู่กับลูกเราตลอดเวลา
00:40:43 → 00:40:46 ได้อ่ะใช่มั้ยครับลูกเราเนี่ยแต่งตัวออก
00:40:46 → 00:40:49 จากบ้านไปโรงเรียนเนี่ยจนกว่าจะกลับมาถึง
00:40:49 → 00:40:52 บ้านเนี่ยเรารู้ได้ไงว่าเไปโรงเรียนอืมัน
00:40:52 → 00:40:55 ไม่มีทางครับเราไม่มีทางไปตามไปดูได้เอาจ
00:40:55 → 00:40:58 จะเรียนไปครึ่งวันหายไปกับแฟนเแล้วก็ไป
00:40:58 → 00:41:01 ถือจังหวะนั้นมีอะไรกันก็ได้นะครับคือเรา
00:41:01 → 00:41:04 เคยมีความพยายามไปแบบทางกระทรวงมหาดไทยไป
00:41:04 → 00:41:06 ตามดูเลยนะครับว่าเอ๊ะสถานที่ต่างๆที่
00:41:06 → 00:41:08 เด็กจะไปแอบมีอะไรกันเป็นเป็นโรงแรมม่าน
00:41:08 → 00:41:10 รูดเป็นอะไรอย่าเงี้ยนะครับเคยมีาดไทยเคย
00:41:10 → 00:41:13 แบบว่าไปดูว่าต้องดูนะต้องตรวจบัตรประชา
00:41:13 → 00:41:15 ชนถ้าเป็นเด็กไม่ให้เข้ามาใช้บริการในทาง
00:41:15 → 00:41:17 ปฏิบัติจริงๆเพอมันเป็นเรื่องธุรกิจน่ะ
00:41:17 → 00:41:21 ค่ะมันมันมันไม่ไม่มีทางอ่ะครับเเก็ยังเ
00:41:21 → 00:41:23 ก็ได้เงินน่ะนะเจ้าของโรงแรมเก็ได้เงิน
00:41:24 → 00:41:26 เพราะฉะนั้นการป้องกันที่ที่ปลายเหตุ
00:41:26 → 00:41:28 เนี่ยมันมักจะไม่ค่อยได้อะไรคราวนี้ถ้า
00:41:28 → 00:41:30 ต้นนเหตุเรารู้ว่าเอ่อเมื่อสังคมมัน
00:41:30 → 00:41:32 เปลี่ยนไปแล้วเด็กเนี่ยเมีสื่อมีช่องทาง
00:41:32 → 00:41:36 การรับรู้แล้วก็ความต้องการความทางอารมณ์
00:41:36 → 00:41:39 ของเขาเนี่ยบางทีเด็กเายังไม่มีเอ่อความ
00:41:39 → 00:41:42 ยับยั้งชั่งใจที่ดีพอนะครับสิ่งที่เราทำ
00:41:42 → 00:41:46 ได้ก็คือโอเคล่ะเราต้องให้ให้คำแนะนำให้
00:41:46 → 00:41:50 ให้ให้ชี้แนวทางที่ถูกต้องแต่ถ้าเรามอง
00:41:50 → 00:41:52 แล้วว่าต่อให้เราชี้แนวทางเนี่ยนะครับนะ
00:41:52 → 00:41:55 ความเสี่ยงนั้นยังอาจจะมีอยู่ทั้งๆที่เรา
00:41:55 → 00:41:57 ก็อาจจะไม่ได้มองว่าลูกหลานของเราเรา
00:41:57 → 00:41:59 เนี่ยไปเต็มใจมีแต่บางครั้งเนี่ยบรรยากาศ
00:41:59 → 00:42:02 แวดล้อมเราก็ยังเคยเห็นข่าวว่าเด็กบางคน
00:42:02 → 00:42:05 ก็ถูกถูกล่วงระเมอถูกรุมจากคนอื่นแล้วก็
00:42:05 → 00:42:07 นะใช่มั้ยฮะแล้วมาล่วงละเมิดทางเพศเเนี่ย
00:42:07 → 00:42:10 อย่างน้อยๆถ้าเราไม่สามารถป้องกันตรงนั้น
00:42:10 → 00:42:11 ได้ทั้งหมดเนี่ยก็ต้องป้องกันไม่ให้มัน
00:42:12 → 00:42:14 เกิดปัญหาเรื่องการตั้งครร์หรือการติดการ
00:42:14 → 00:42:18 ติดโรคโดยไม่โดยโดยที่อันตรายตสุขภาพเขา
00:42:18 → 00:42:22 อืเพราะฉะนั้นก็อย่าอย่าคุณพ่อคุณแม่คน
00:42:22 → 00:42:25 ไทยอย่าอายครับเรื่องพวกนี้นะครับขอขอแนะ
00:42:25 → 00:42:28 นำว่าให้ให้มารับบริการสาธารณสุขจากากจาก
00:42:28 → 00:42:30 คุณหมอคุณพยาบาลที่โรงพยาบาลที่คลินิกได้
00:42:30 → 00:42:34 เลยอืครับแล้วก็บางทีตรงนั้นเนี่ยมันก็จะ
00:42:34 → 00:42:37 มีโอกาสที่ที่หลายๆครั้งนะครับที่พอต้อง
00:42:37 → 00:42:40 มารับบริการอะไรต่างๆเหล่าเนี้ยเวลาที่
00:42:40 → 00:42:43 คุณหมอได้มีโอกาสคุยกับตัวเด็กตัวเยาวชนเ
00:42:43 → 00:42:46 ทำลำพังเนี่ยบางทีลูกเก็จะเล่าบางอย่าง
00:42:46 → 00:42:49 ให้คุณหมอฟังที่ที่คุณพ่อคุณแม่ไม่รู้นะ
00:42:49 → 00:42:52 ครับอย่างเช่นบางทีเนี่ยหมอเคยเจอแบบคุณ
00:42:52 → 00:42:55 ผู้ปกครองพาพาเด็กๆลูกหลานวัยรุ่นผู้หญิง
00:42:55 → 00:42:59 มาเอ๊ะมีตกขักแบบตกขาวมีกิ่นเหม็นเหมือน
00:42:59 → 00:43:01 มันตกขาวเหมือนติดเชื้อแบคทีเรียอะไรเงี้
00:43:01 → 00:43:03 นะครับซึ่งเป็นลักษณะที่ในเด็กที่ยังแบบ
00:43:04 → 00:43:05 ไม่เคยมีสัมพันธ์เนี่ยมันไม่น่าจะติด
00:43:05 → 00:43:10 เชื้อได้บางทีก็เขาก็เวลาเขาบอกพแก็ไม่มี
00:43:10 → 00:43:13 ใครบอกนะฮะแต่เวลาที่พอเขมาตรวจกันเนี่ย
00:43:13 → 00:43:15 เวลาอยู่กับเฉพาะหมอแล้วหมอกันคุณพ่อคุณ
00:43:15 → 00:43:17 แม่ออกไปเนี่ยบางทีหมอก็ถามเขาได้แล้วก็
00:43:17 → 00:43:20 เราก็จะพอได้ข้อมูลตรงนี้มาซึ่งพอได้ข้อ
00:43:20 → 00:43:22 มูลอ้าวอย่างงี้ไปติดจการในเพศสัมพันธ์มา
00:43:23 → 00:43:25 อย่าเงี้ยสิ่งที่หมอจะมีโอกาสสอนต่อก็คือ
00:43:25 → 00:43:27 ว่าโออันนี้เราติดแค่แบบเป็นตกขาวติด
00:43:27 → 00:43:30 เชื้อแบคทีเรียอันนี้ยังรักษาได้นะแต่ว่า
00:43:30 → 00:43:32 ถ้าเป็นเรื่องอื่นล่ะถ้าเกิดไปติดเชื้อ
00:43:32 → 00:43:35 hiv มาล่ะอันตรายกว่ามันก็จะมีโอกาสที่
00:43:35 → 00:43:37 เราจะได้ให้คำแนะนำที่เหมาะสมโดยที่ข้อ
00:43:37 → 00:43:39 มูลบางอย่างเนี่ยเขาไม่บอกพ่อแม่แต่ว่า
00:43:39 → 00:43:42 เขาก็ยอมมาสารภาพกับหมอที่จะเป็นคนรักษา
00:43:42 → 00:43:44 เขานะครับ
00:43:44 → 00:43:50 อ๋อก็ให้ให้ให้มันสังเกตความผิดปกติของ
00:43:50 → 00:43:54 ลูกด้วยถูกมั้ยคะเราเราเห็นในข่าวเนะครับ
00:43:54 → 00:43:56 บางทีเด็กที่มีปัญหาไปมีเพศสัมพันธ์มา
00:43:56 → 00:43:59 หรือถูกร่วงแล้วเมหรือว่าไปไปอกไปมีเพศ
00:43:59 → 00:44:01 สัมพันธ์แล้วอกหักเสียใจอะไรพวกเนะฮะสิ่ง
00:44:01 → 00:44:04 ที่สังเกตได้ก็คือเด็กจะมีลักษณะของการ
00:44:04 → 00:44:06 แปลกแยกตัวเองก็คือจะแยกตัวเป็นไม่ไม่
00:44:07 → 00:44:10 ค่อยสูงสิงกับเราละอืนะครับแล้วก็เขาจะมี
00:44:10 → 00:44:13 ลักษณะของการซึมเศร้าซึมลงอย่างชัดเจนค่ะ
00:44:13 → 00:44:15 นะครับแล้วก็ให้เราดูลักษณะด้วยนะครับบาง
00:44:16 → 00:44:18 ทีลูกหลานเรากลับมาเนี่ยต้องดูเอ๊ะทำไม
00:44:18 → 00:44:21 ตามแขนตามตัวมันมีร่องรอยมีแผลมีอะไร
00:44:21 → 00:44:23 อย่างเงี้ยเอ๊ะไปถูกทำร้ายไปถูกอะไรมา
00:44:23 → 00:44:25 หรือเปล่าอันนี้เราต้องสังเกตแล้วก็สิ่ง
00:44:25 → 00:44:28 นึงที่เรามักจะเจอได้ก็คือเอ่อถ้าเกิด
00:44:28 → 00:44:31 ปัญหาพวกนี้ขึ้นมาเนี่ยมันจะกระทบ
00:44:31 → 00:44:33 กระเทือนกับผลการเรียนครับเราจะเห็นได้
00:44:33 → 00:44:35 ว่าเด็กที่เคยเรียนดีๆอยู่เนี่ยเอ๊ทำไม
00:44:35 → 00:44:38 ถึงผลการเรียนแย่ลงไม่มีสมาธิในเรื่องนี้
00:44:38 → 00:44:40 อะไรอย่างเงี้ยออันเนี้ยถ้าเด็กมี
00:44:40 → 00:44:42 พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปนะครับค่ะคุณพ่อคุณ
00:44:42 → 00:44:45 แม่ต้องต้องรีบเข้าหาเลยแล้วก็พยายามสืบ
00:44:45 → 00:44:48 ค้นหาว่ามันเกิดจากอะไรตรงเซึ่งหลายๆ
00:44:48 → 00:44:51 ครั้งเนี่ยมักมักจะมาเกี่ยวกับเรื่องของ
00:44:51 → 00:44:52 ความรักเรื่องเกี่ยวกับเรื่องของการยมี
00:44:52 → 00:44:54 เพศสัมพันธ์เรื่องของการถูกลงละเมิดต่างๆ
00:44:54 → 00:44:59 อค่ะนะครับหัวข้อที่เราคุยกันในวันนี้ก็
00:44:59 → 00:45:01 ส่วนใหญ่ที่คุณผู้ฟังที่ฟังอยู่ก็จะเป็น
00:45:01 → 00:45:06 พ่อๆแม่ๆนะคะคุณหมอคะก็ถือเป็นคือเป็นจุด
00:45:06 → 00:45:09 เริ่มต้นบางบางคนอาจจะไม่ได้เหมือนแบบไม่
00:45:09 → 00:45:12 ได้ฉุกคิดว่าเฮ้ยมันต้องต้องเริ่มคือความ
00:45:12 → 00:45:15 ใกล้ชิดสนิทสนมกับลูกเพื่อให้ลูกไว้ใจ
00:45:15 → 00:45:18 อะไรอย่างเงี้ยค่ะคุณคุณหมอคะอยากให้คุณ
00:45:18 → 00:45:23 หมอฝากฝากย้ำอีกสักครั้งก่อนที่จะหมดเวลา
00:45:23 → 00:45:25 นะคะเพราะว่าคือถ้าถ้าจะบอกว่าอุ๊ยพรุ่ง
00:45:25 → 00:45:27 นี้วาเลนไทน์และเดี๋ยวไปไปบอกลูกดีกว่า
00:45:27 → 00:45:32 ตรงเนี้ยมันมันก็มันถามว่าทันมยมันก็ก็คง
00:45:32 → 00:45:36 ยังจะทันอยู่แต่ว่าถ้าจะให้เอ่อในระยะยาว
00:45:36 → 00:45:40 เนาะก็ต้องปลูกฝังกันตั้งแต่เล็กๆอ่ะนะคะ
00:45:40 → 00:45:42 ครับครับก็ต้องอธิบายให้เค้าเข้าใจครับ
00:45:43 → 00:45:45 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนี่ยนะครับถ้าถ้าบุตร
00:45:45 → 00:45:47 หลานของเราเป็นผู้หญิงนะครับซึ่งผู้หญิง
00:45:47 → 00:45:49 เนี่ยจะเป็นฝ่ายที่ประสบปัญหามากกว่า
00:45:49 → 00:45:51 เพราะถ้าเกิดทาทางมาเป็นคนตั้งครรภ์แล้ว
00:45:51 → 00:45:54 ก็ตายเลยเสียอนาคตการเรียนไปได้นะครับค่ะ
00:45:54 → 00:45:57 ต้องต้องต้องให้ข้อมูลเ้าเลยครับว่าในมี
00:45:57 → 00:46:00 การศึกษาวิจัยแล้วนะครับในเด็กผู้ชาย
00:46:00 → 00:46:02 เนี่ยนะครับ 55% เนี่ยนะครับมองว่าการให้
00:46:02 → 00:46:04 ดอกไม้การให้ของขวัญอะไรต่างๆเนี่ยบางที
00:46:04 → 00:46:07 มองเป็นเรื่องไร้สาระไม่ได้เป็นเรื่องที่
00:46:07 → 00:46:09 หรือผู้หญิงเอาช็อกโกแลตมาให้อะไรเงี้ยเ
00:46:09 → 00:46:11 ไม่ได้มองตัวนั้นเป็นเรื่องสำคัญแต่ว่า
00:46:11 → 00:46:14 ผู้ชายจะมองว่าเอ่อรู้สึกซึ้งใจแล้วก็รัก
00:46:14 → 00:46:17 คุณผู้หญิงเอ่อรักแฟนของตัวเองมากขึ้น
00:46:17 → 00:46:19 เนี่ยก็คือไม่ใช่เรื่องของของขวัญหรือ
00:46:19 → 00:46:22 อะไรต่างๆเหล่านี้แต่ว่าเป็นสิ่งที่ถ้า
00:46:22 → 00:46:25 ได้รับการดูแลเอาใจใส่ความห่วงใยนะครับ
00:46:25 → 00:46:27 ซึ่งไม่ใช่เรื่องเพศสำคัญค่ะ้าเรื่อง
00:46:27 → 00:46:30 เพศสัมพันธ์เนี่ยโอ้โหผู้ชายเด็กผู้ชาย
00:46:30 → 00:46:33 เนี่ยเเเไปเที่ยวไปอะไรเหมือนกับที่เรามี
00:46:33 → 00:46:36 เ่อเราเคยได้ข่าวว่าบางทีรับน้องกันก็มี
00:46:36 → 00:46:39 แบบพาไปพาไปมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกอะไร
00:46:39 → 00:46:41 อย่าเงี้ยนะครับหมอก็ไม่รู้ว่าปัจจุบัน
00:46:41 → 00:46:42 นี้ยังเป็นอย่างงี้อยู่หรือเปล่าแต่ว่า
00:46:42 → 00:46:45 บางทีโรงเรียนผู้ชายก็มีพฤติกรรมแบบเนี้ย
00:46:45 → 00:46:46 เพราะฉะนั้นจริงๆแล้วเนี่ยผู้ชายไม่ได้
00:46:46 → 00:46:48 มองตรนั้นว่าเรื่องเพศสัมพันธ์เป็นเรื่อง
00:46:48 → 00:46:51 ของการรักนะครับเกินกว่าครึ่ง 55% เนี่ย
00:46:51 → 00:46:53 มองว่าความสำคัญเอยู่ที่สายสัมพันธ์หรือ
00:46:53 → 00:46:55 ความเอาใจสายมากกว่าเพราะฉะนั้นผู้หญิง
00:46:55 → 00:46:58 เนี่ยถ้าจะทำให้ผู้ชายรักจริงเนี่ยก็ต้อง
00:46:58 → 00:47:01 รักที่ความดีของเรานะครับความดีของเราการ
00:47:01 → 00:47:04 ดูแลเอาใจใส่ในเรื่องต่างๆเป็นเป็นวัย
00:47:04 → 00:47:07 เรียนก็ช่วยกันเรียนช่วยกันทำการบ้านช่วย
00:47:07 → 00:47:09 กันศึกษาเล่าเรียนไปนะครับเพื่อนคู่คิด
00:47:09 → 00:47:12 กันไปนะครับแต่ไม่ใช่ไม่ใช่มองเรื่องของ
00:47:12 → 00:47:15 การิเสัมพันธ์นะครับถ้าเป็นเด็กผู้ชายถ้า
00:47:15 → 00:47:17 ลูกหลานเราเป็นเด็กผู้ชายก็ต้องให้มีความ
00:47:17 → 00:47:19 เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของความเป็น
00:47:19 → 00:47:22 สุภาพบุรุษนะครับการไปล่วงละเมิดเด็กผู้
00:47:22 → 00:47:24 หญิงอื่นๆนะครับแล้วในที่สุดเนี่ยก็ตัว
00:47:24 → 00:47:26 เองก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะสามารถรับผิดชอบ
00:47:26 → 00:47:28 ชีวิตเคได้หรือเปล่าเนี่ยจะเป็นผู้นำ
00:47:28 → 00:47:30 ครอบครัวของได้เได้หรือเปล่านะครับ
00:47:30 → 00:47:33 อันเนี้ยมันไม่ถูกต้องนะครับถ้าถ้ารักใคร
00:47:33 → 00:47:36 จริงนะครับเราก็ต้องเอ่อตั้งอกตั้งใจ
00:47:36 → 00:47:38 เรียนนะครับจบมาสร้างฐานะสร้างครอบครัว
00:47:38 → 00:47:41 ให้ดีไปขอเขแต่งงานให้เรียบร้อยแล้วก็ถึง
00:47:41 → 00:47:43 เวลานั้นเนี่ยถึงจะเป็นเศสพันของเขาต้อง
00:47:43 → 00:47:45 ให้เกียรติผู้หญิงนะครับเพราะฉะนั้นมัน
00:47:45 → 00:47:47 ต้องช่วยกันทั้ง 2 ฝ่ายทั้งฝั่งของเด็ก
00:47:47 → 00:47:50 ผู้ชายและเด็กผู้หญิงนะครับแล้วก็เอ่อ
00:47:50 → 00:47:54 ต้องให้คำแนะนำในเรื่องของเอ่อผลที่จะตาม
00:47:54 → 00:47:57 มานะครับถึงแม้เราจะอธิบายให้เเข้าใจแล้ว
00:47:57 → 00:47:59 ว่าต้องเป็นสุภาพบุรุษหรือว่าต้องรักงวล
00:47:59 → 00:48:01 สงวนตัวเนี่ยแต่ท้ายที่สุดเหตุการณ์ที่
00:48:01 → 00:48:03 มันจะเกิดขึ้นได้ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้ง
00:48:03 → 00:48:05 ใจหรือพังงเผลอไปเนี่ยนะครับผลที่จะตามมา
00:48:05 → 00:48:08 นะครับการตั้งครรภ์ไม่ทุนประสงค์การติด
00:48:08 → 00:48:10 โรคติดต่อตางเพศสัมพันธ์ต่างๆเนี่ย
00:48:10 → 00:48:13 อันเนี้ยเราจำเป็นจะต้องอธิบายให้เเข้าใจ
00:48:13 → 00:48:16 ว่ามันมีอันตรายถึงขั้นทำให้เขาเสียอนาคต
00:48:16 → 00:48:19 ได้เลยนะครับซึ่งตรงเนี้ยเราจะได้มีโอกาส
00:48:19 → 00:48:22 ให้คำแนะนำว่าวิธีการป้องกันป้องกันการ
00:48:22 → 00:48:24 ตั้งครรภ์ทำอะไรได้บ้างนะครับซึ่งถ้าถ้า
00:48:24 → 00:48:27 คุณพ่อคุณแม่หลายๆท่านก็มันไม่ได้มีความ
00:48:27 → 00:48:30 รู้พอที่จะอธิบายหลายๆเรื่องเนี่ยนะครับ
00:48:30 → 00:48:32 อาจจะพาไปปรึกษาคุณหมอที่โรงพยาบาลก็ได้
00:48:32 → 00:48:35 นะครับอาจจะไม่ต้องไปถึงการรับบริการกัน
00:48:35 → 00:48:37 ก็ได้แต่ว่าอาจจะพาไปปรึกษาว่าเนี่ยให้
00:48:37 → 00:48:39 คุณหมอช่วยแนะนำว่าวิธีต่างๆมันมีอะไร
00:48:39 → 00:48:43 บ้างนะครับหมอเชื่อว่าคุณหมอทุกท่านยินดี
00:48:43 → 00:48:46 ครับแล้วก็ที่สำคัญที่สุดนะครับถ้าเราจะ
00:48:46 → 00:48:49 จำเป็นต้องสอนจริงๆเนี่ยนะครับก็คือวิธี
00:48:49 → 00:48:52 ถ้าเราจำไม่ได้ก็จำวิธีเดียวคือุงยอนามัย
00:48:52 → 00:48:54 ดีที่สุดเพราะว่ามันจะป้องกันได้ทั้งโรค
00:48:54 → 00:48:56 ติดหน่อทางเพศสัมพันธ์แล้วก็ยังป้องกัน
00:48:56 → 00:48:59 การตั้งรภได้ด้วยนะครับแต่ต้องใส่ให้ถูก
00:48:59 → 00:49:01 ต้องนะครับต้องมีวิธีการใส่ที่ดีการถอด
00:49:01 → 00:49:04 ที่ถูกต้องนะครับถึงจะป้องกันไม่ให้ตั้ง
00:49:04 → 00:49:06 ครรภ์และไม่ให้ติดโรค
00:49:06 → 00:49:11 ได้ค่ะค่ำคืนนี้ต้องขอบพระคุณคุณหมอมากๆ
00:49:11 → 00:49:15 เลยนะคะก็ถือว่าได้ความรู้ทั้งคุณพ่อคุณ
00:49:15 → 00:49:18 แม่วัยผู้ใหญ่แล้วก็เด็กๆไปด้วยบางทีเด็ก
00:49:18 → 00:49:21 ๆอาจจะยังฟังอยู่อ่ะนะคะครับวันึงความรัก
00:49:21 → 00:49:23 นะครับวันวาเลนไทน์นะครับก็ขอให้มีความ
00:49:23 → 00:49:26 รักที่ดีนะครับเพราะฉะนั้นความรักของคุณ
00:49:26 → 00:49:29 พ่อคุณแม่นะครับที่มีต่อลูกเนี่ยนะครับ
00:49:29 → 00:49:32 เราควรจะต้องยอมเสียสละเวลาสักนิดนึงให้
00:49:32 → 00:49:35 ความใส่ใจลูกให้มากขึ้นโดยเฉพาะอย่ายิ่ง
00:49:35 → 00:49:37 ในช่วงเทศกาลที่ลูกจะมีความเสี่ยงอย่าง
00:49:37 → 00:49:40 วันวาเลนไทน์แบบนี้ค่ะคืนนี้ขอบพระคุณคุณ
00:49:40 → 00:49:45 หมอมากๆนะคะสวัสดีค่ะครับสวัสดีค่ะสวัสดี
00:49:45 → 00:49:47 ครับค่ะนายแพทย์พูนศักดิ์สุชนวณิช
00:49:47 → 00:49:51 สูตินารีแพทย์นะคะก็