00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world vi The
00:00:05 → 00:00:08 Voice สวัสดีครับผมวีรพงษ์ทวีศักดิ์
00:00:08 → 00:00:13 ดิฉันสุธิราพรปรีเปรมดิฉันกิตติยาโมร่า
00:00:13 → 00:00:17 และนี่คือศัลกรรมความสุขรายการที่ฟังแล้ว
00:00:17 → 00:00:20 ทำให้คุณมีความสุขมากขึ้นมีความทุกข์น้อย
00:00:20 → 00:00:24 ลงสวัสดีค่ะอาจารย์วีกับแม่อ้อยสวัสดี
00:00:24 → 00:00:26 ครับน้องยะโอ้โหวันนี้เรามาเจอกันอีกแล้ว
00:00:27 → 00:00:30 พี่อ้อยครับค่ะสวัสดีค่ะอจารย์วีีแล้วก็
00:00:30 → 00:00:32 ลูกสาวค่ะ
00:00:32 → 00:00:35 ก็วันนี้นะคะยัอยากจะถามให้อ้อยกับ
00:00:35 → 00:00:39 อาจารย์วีค่ะว่าเคยได้ยินคำว่าอะไรอะไรก็
00:00:39 → 00:00:45 กูมั้ยคะโอ้โหยพี่อ้อยเคยมยบ่อยนะคะเออผม
00:00:45 → 00:00:50 ก็เคยได้ยินอ่าอค่ะแต่ว่าในศัพท์ของวัน
00:00:50 → 00:00:53 นี้นะคะเขาจะเปลี่ยนจากอะไรก็อะไรก็กูนะ
00:00:53 → 00:00:58 คะเป็น bir บั with me ค่ะเกิดแต่กับกู
00:00:58 → 00:01:02 ค่ะ
00:01:02 → 00:01:04 [เพลง]
00:01:04 → 00:01:09 เอ่อเดเดี๋ยวนะอะไรนะเดบั with me เหรอ
00:01:09 → 00:01:12 ใช่ค่ะแปลเป็นภาษาอังกฤษแบบตรงตัวค่ะ
00:01:12 → 00:01:16 อาจารย์ Bird ที่แปลว่าเอ่อเกิดเกิดค่ะออ
00:01:16 → 00:01:19 อ๋อไม่ใช่ไม่ใช่เบิรดนกนะเบิรดแปลว่าเกิด
00:01:19 → 00:01:21 ใช่สำเนียงสำเนียงต้อง
00:01:21 → 00:01:27 ปรับค่ะขอโทษด้วยค่ะ bir But With Me
00:01:27 → 00:01:33 ค่ะก็คือเกิดแต่กับฉันอือ๋อโอใช่คะพี่พี่
00:01:33 → 00:01:35 อ้อยเราได้ยินคำนี้ทำให้เรารู้สึกว่าเรา
00:01:35 → 00:01:37 เรียนน้อยไป
00:01:37 → 00:01:41 นะจริงด้วยจริงด้วยค่ะเออทำไมไม่คุ้นหู
00:01:41 → 00:01:46 เลยเออๆเป็นศัพท์วัยรุ่นค่ะอ๋อศัพท์วัย
00:01:46 → 00:01:50 รุ่นใช่มั้ยแล้วก็มันความหมายก็คือแปบๆ
00:01:50 → 00:01:52 เป็นไทยตรรงๆเลยก็คืออะไรอะไรก็กูอย่าง
00:01:52 → 00:01:54 เงี้ยเหรอทำไมมันเกิดแต่กับชั้นอย่างงี้
00:01:54 → 00:01:58 ใช่มั้ยใช่ค่ะมันมันน่าสนใจตรงที่ว่าผมมี
00:01:58 → 00:02:00 คำถามว่าน้องย้าพอน้องยพูดอย่างงี้ปึ๊บ
00:02:00 → 00:02:04 เนี่ยคำพูดคำนี้เนี่ยถ้าเกิดว่ามีใครที่
00:02:04 → 00:02:08 พูดคำๆนี้เนี่ยแสดงว่ามันต้องเค้าต้องเจอ
00:02:08 → 00:02:12 เหตุการณ์อะไรบางอย่างใช่ค่ะที่ทำให้เค้า
00:02:12 → 00:02:18 รู้สึกว่าเออทำไมเกิดแต่กับฉันคนเดียวอ๋อ
00:02:18 → 00:02:21 แสดงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเนี่ยดีหรือไม่
00:02:21 → 00:02:26 ดีพี่อ้อยว่าอืจะบอกว่าเป็นไปในทางไม่ดี
00:02:27 → 00:02:29 แต่ว่าเหมือนกับเป็นไปในทางไม่ดีแล้วเยอะ
00:02:29 → 00:02:33 เรื่เรื่ด้วยอ๋อแล้วก็เยอะด้วยใช่ๆทานี้
00:02:33 → 00:02:36 แล้วในอะไรบางอย่างที่มันเกิดอย่างเงี้ย
00:02:36 → 00:02:40 น้องยะที่มันเกิดขึ้นแล้วก็เค้าไม่พึงพอ
00:02:40 → 00:02:42 ใจแล้วรู้สึกมันเยอะเนี่ยเด็กสมัยนี้
00:02:42 → 00:02:45 เนี่ยคนในยุคนี้นี่คือมันเช่นอะไรบ้างอ่ะ
00:02:45 → 00:02:49 ถ้าเป็นตัวอย่างใช่มั้ยคะบางครั้งถ้า
00:02:49 → 00:02:53 สมมุติว่าเป็นเรื่องแบบเหมือนถ้าสมมุติ
00:02:53 → 00:02:55 วันนั้นตื่นเช้ามาใช่มั้ยคะอาจารย์อาจจะ
00:02:55 → 00:03:01 ทำอะไรผิดพลาดเนี่ยเา้าจะเหมือนมี mindset
00:03:01 → 00:03:04 หรือว่ามีมีคำเนี้ยติดตัวไปทั้งวันเลยค่ะ
00:03:04 → 00:03:08 เช่นสมมุติตื่นมาจะชงอ่าอะไรดื่มอะไร
00:03:08 → 00:03:11 เงี้ยค่ะสมมุติน้ำหกน้ำร้อนลวกอะไรอย่า
00:03:11 → 00:03:13 เงี้ยค่ะเขาก็จะเริ่มรู้สึกแล้วว่าอุ้ย
00:03:13 → 00:03:16 ทำไมมันเหมือนกับว่าซวยจังอะไรอย่างเงี้ย
00:03:16 → 00:03:18 อาจจะใช้คำนี้อะไรเงี้ยค่ะแต่พอถ้ามัน
00:03:18 → 00:03:22 เกิดเหตุการณ์อะไรซ้ำอีกในวันนั้นเคคก็จะ
00:03:22 → 00:03:26 เริ่มรู้สึกละว่าเอาอีกและมาอีกและเออวัน
00:03:26 → 00:03:29 เนี้ยน่าจะน่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับฉัน
00:03:29 → 00:03:34 ประมาณเนี้ยค่ะเรื่อยๆทั้งวันเลยออืๆๆ
00:03:34 → 00:03:36 โอ้โหพี่อ้อยพี่อ้อยรู้มั้ยว่าจริงๆแล้ว
00:03:36 → 00:03:39 นี่นะชื่อหัวข้อที่นย้มาชวนเราพูดคุย
00:03:39 → 00:03:42 เนี่ยค่ะแล้วก็เหตุการณ์อย่างเงี้ยผมมี
00:03:42 → 00:03:44 ความรู้สึกว่ามันเข้ากับรายการสัตกรรม
00:03:44 → 00:03:48 ความสุขมากๆเลยนะอค่ะมันทำให้ทุกข์ใช่
00:03:48 → 00:03:53 มั้ยคะใช่เพราะว่าคือแนวความคิดของรายการ
00:03:53 → 00:03:56 หลักๆเราเนี่ยเรามีความคิดว่าชีวิตเราอ่ะ
00:03:56 → 00:03:59 อะไรคืออะไรก็ได้เกิดมันอะไรจะเกิดเกิด
00:04:00 → 00:04:03 ขึ้นก็ได้น่ะอืแต่ว่าเราจะมีความสุขหรือ
00:04:03 → 00:04:06 ความทุกข์เนี่ยมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า
00:04:06 → 00:04:09 มันเกิดอะไรขึ้นอืใช่แต่มันขึ้นอยู่กับ
00:04:09 → 00:04:13 mindset หรือวิธีคิดของเราใช่ใช่ที่เรา
00:04:13 → 00:04:16 เอา mindset หรือวิธีคิดเนี่ยไปรับมือกับ
00:04:16 → 00:04:19 สถานการณ์นั้นเพราะฉะนั้นถ้าเกิดใครที่
00:04:19 → 00:04:22 ฟังสถานการความสุขบ่อยๆนะพี่อ้อยนะค่ะเรา
00:04:22 → 00:04:24 ก็จะมีความรู้สึกว่าอะไรบางอย่างที่เกิด
00:04:24 → 00:04:28 ขึ้นคนบางคนทุกข์แต่เราไม่ทุกข์อเออเพราะ
00:04:28 → 00:04:31 เรามีภูมิคุมกันใช่เอายกตัวอย่างเลยนะ
00:04:31 → 00:04:33 เมื่อกี้เนี่ยน้องอ้อยเอ้ยไม่ใช่น้องอ้อย
00:04:33 → 00:04:37 นยะไม่ใช่นยะกับพี่อ้อยเริ่มงงเริ่มงงเ็ก
00:04:37 → 00:04:41 ไปทันทีเออยกตัวอย่างเช่นเเมื่อกี้ย่าพูด
00:04:41 → 00:04:47 ถึงอ่ะตื่นเช้ามารีบๆเเราชงกาแฟเอาน้ำหก
00:04:47 → 00:04:50 อย่างเงี้ยอืถ้าเกิดว่าเอ้ยทำไมน้ำหกลิม
00:04:50 → 00:04:52 อย่างเงี้ยแต่ถ้าเกิดว่าเป็นพี่อ้อยอ่ะ
00:04:52 → 00:04:55 พี่อ้อยชงกาแฟแล้วน้ำหพี่อจะกังวลจะจะ
00:04:55 → 00:04:58 ทุกข์จะเครียดจะแบบหงุดหงิดมต้องต้องบอก
00:04:58 → 00:05:01 ว่าเอาเอาในอดีตก่อนเนาะถ้าเป็นสมัยก่อน
00:05:01 → 00:05:06 เนี่ยโอ้โหคำแรกที่ขึ้นมาเลยโอซวยแต่เช้า
00:05:06 → 00:05:11 ซซวยเนี่ยมันจะปรากฏขึ้นมาแบบตึ๊งๆๆๆๆ
00:05:11 → 00:05:15 เยอะไปเลยแล้วก็มีอะไรที่มันหลังจากนั้น
00:05:15 → 00:05:19 น่ะนะคะถ้ามีอะไรที่มันแบบไม่เป็นไปตาม
00:05:19 → 00:05:22 ที่เราคาดหวังอย่างเช่นเออสมมุติว่าขึ้น
00:05:22 → 00:05:25 รถเมล์อ่าน้ำน้ำร้อนลวกแล้วใช่มั้ยอ้าว
00:05:25 → 00:05:28 มันทำให้สายละสายแล้วก็รีบมากเลยอะไร
00:05:28 → 00:05:31 อย่างเงี้ยแล้วถ้าสมมุตไปรอรถเมนานอีกโก็
00:05:31 → 00:05:34 ซวยอีกว่ารอรถเม์นานรถเมลมาแน่นอีกโอ๊ซวย
00:05:34 → 00:05:38 อีกโอมันจะมีคำนี้ไปจนเย็นเลยอ่าอันนั้น
00:05:38 → 00:05:41 คืออดีตถ้าสมมุติว่าเป็นเมื่อก่อนนี้ก็จะ
00:05:41 → 00:05:44 เป็นแบบนี้ตอนนั้นคือต้องบอกว่า fix
00:05:44 → 00:05:47 mindset ชัดเจนค่ะแต่พอหลังจากที่เรา
00:05:47 → 00:05:50 เปลี่ยนเปลี่ยนตัวเองเปลี่ยนวิธีคิดแล้ว
00:05:50 → 00:05:53 ก็เข้ามาสู่โหมดที่พี่วีพูดเมื่อกี้นี่
00:05:53 → 00:05:56 แหละที่บอกว่าอคือสิ่งแวดล้อมอ่ะมันมัน
00:05:56 → 00:05:59 ไม่ได้เปลี่ยนหรอกแล้วแล้วเราก็ไปเปลี่ยน
00:05:59 → 00:06:02 สิ่งแวดล้อมไม่ได้ด้วยแต่สิ่งที่เราจะ
00:06:02 → 00:06:05 เปลี่ยนได้ก็คือข้างในของเราเองก็คือวิธี
00:06:05 → 00:06:08 คิดของเราเองคราวนี้เราก็เลยมาลองเปลี่ยน
00:06:08 → 00:06:12 วิธีคิดว่าเออมันก็เกิดขึ้นได้คือเ่อวิธี
00:06:12 → 00:06:15 คิดที่พี่อ้อยใช้มาคือสมมุติว่าระบบ
00:06:15 → 00:06:18 อัตโนมัติพี่อ้อยบอกอุ๊ยซวยจังปึ๊บอือๆ
00:06:18 → 00:06:22 พี่อ้อยจะเบรคตัวเองค่ะถ้าสมมุติว่าเป็น
00:06:22 → 00:06:25 เป็นตอนที่เราพยายามเรียนรู้ที่จะปรับไซต
00:06:25 → 00:06:28 เนาะก็จะเบรคตัวเองเอ๊แล้วเราก็คิดแบบ
00:06:28 → 00:06:32 อื่นได้มยถ้าคิดแบบที่ 2 เอ๊ะอะไรดีนะเออ
00:06:32 → 00:06:35 มันก็เกิดขึ้นได้นะอุบัติเหตุสมมุติอย่าง
00:06:35 → 00:06:40 งี้อ่างเงี้ยค่ะค่อยๆปรับมาเรื่อยๆๆๆจนพอ
00:06:40 → 00:06:43 ตอนหลังก็มีความรู้สึกว่าเออเราเริ่มรับ
00:06:43 → 00:06:46 มือได้กับอะไรอะไรที่เกิดขึ้นอ่ะแล้วเรา
00:06:47 → 00:06:50 ก็จะไม่ไม่ขุ่นมัวได้อย่างเงี้ยค่ะอืแล้ว
00:06:50 → 00:06:53 แล้วน้องยะน้องยะเคยเจออะไรบางอย่างที่ทำ
00:06:53 → 00:06:55 ให้เราแบบขุ่นมัวแล้วแบบโหยทำไม่ต้องเป็น
00:06:56 → 00:06:58 เราวะอะไรอย่างเงี้ประจำค่ะต้องใช้คำนี้
00:06:58 → 00:07:01 เลยค่ะออเหรอยังยกตัวอย่างเช่นอะไรว้าง
00:07:01 → 00:07:06 ใช่อ่าของแม่พูดถึงชีวิตส่วนตัวนะของยะ
00:07:06 → 00:07:09 เนี่ยต้องบอกว่ามันจะไปทงานมากกว่าค่ะงาน
00:07:09 → 00:07:13 บางอย่างที่ยากหรือเราไม่เคยทำหรืออะไร
00:07:13 → 00:07:16 แบบเนี้ยค่ะบางทีพอเวลามันเข้ามาเราจะรู้
00:07:17 → 00:07:21 สึกเอ่อทำไมต้องเป็นชั้นที่ต้องทำสิ่งนี้
00:07:21 → 00:07:24 อคนอื่นมีเยอะแยะอะไรอย่างเงี้ยหรือว่าคน
00:07:24 → 00:07:27 ที่เขาถนัดงานแบบเนี้ยมากกว่าเราอ่ะทำไม
00:07:27 → 00:07:30 ถึงไม่เป็นเขาทำไมมาเป็นเราอออะไรอย่าง
00:07:30 → 00:07:33 เงี้ค่ะแล้วเราก็จะต้องบอกว่าพอเรามีความ
00:07:33 → 00:07:38 คิดเอ่อแบบนี้อ่ะค่ะว่าโหงานยากมีแต่กับ
00:07:38 → 00:07:41 ชันอะไรอย่างเงี้ยอาจจะเป็นความคิดส่วน
00:07:41 → 00:07:43 ตัวของยานะคะไม่แน่ใจว่าท่านผู้ฟังรู้สึก
00:07:44 → 00:07:47 เคยรู้สึกเหมือนกันมว่าพอเราเจออะไรที่
00:07:47 → 00:07:50 มัน challeng เราเนี่ยเราจะรู้สึกว่าเรา
00:07:50 → 00:07:54 เครียดอืใช่ค่ะมีความกดดันตลอดการทำงาน
00:07:54 → 00:07:58 นั้นๆเลยเครียดทุกอย่างเครียดทุกส่วน
00:07:58 → 00:08:01 เครียดตลอดเวลาอคะใช่เพราะว่าเราไม่เคยทำ
00:08:01 → 00:08:04 นะคะเราก็กลัวว่าจะทำมันออกมาไม่ได้ดี
00:08:04 → 00:08:08 แล้วความกังวลตรงเนี้ยค่ะมันจะทำให้งาน
00:08:08 → 00:08:13 ที่เราควรจะแทนที่เราจะทำให้ออกมาได้ดี
00:08:13 → 00:08:16 หรือว่าไปเรื่อยๆเงี้ยมันกลายเป็นตลอด
00:08:16 → 00:08:20 โปรเจคเนี่ยมันคือความกดดันอืใช่ค่ะยาก็
00:08:20 → 00:08:22 จะรู้สึกแต่กับงานอะไรอย่างเงี้ยค่ะว่า
00:08:22 → 00:08:26 อุ้ยทำไมยะเจองานนี้อีกแล้วหรือแบบทำงาน
00:08:26 → 00:08:31 กับคนที่ทำงานด้วยยากเงี้ยทำไมฉันต้อง
00:08:31 → 00:08:35 โอคนที่ทำงานด้วยยากตลอดเลยอะไรประมาณนี้
00:08:35 → 00:08:40 ค่ะออืซึ่งมันทำให้เมื่อกี้นยาพูดคำนึง
00:08:40 → 00:08:42 น่าสนใจก็คือว่ามันทำให้เราเครียดตลอด
00:08:42 → 00:08:46 โปรเจคตลอดการทำงานเลยใช่ค่ะแล้วแล้วทำ
00:08:46 → 00:08:48 ให้เราเหมือนกับเราทำงานนี้ในลักษณะของ
00:08:48 → 00:08:51 การที่เราต้องแบกอะไรตลอดเวลานะใช่ใช่ค่ะ
00:08:51 → 00:08:54 แล้วอันนี้มันแล้วนี้มันสภาวะอย่างเงี้
00:08:54 → 00:08:58 มันลดศักยภาพเราใช่มอืค่ะระหว่างนี้นะพี่
00:08:58 → 00:09:01 อ้อยรู้มว่าพอพผมผมก็นึกถึงนะผมเคยมี
00:09:01 → 00:09:04 เพื่อนต่างชาติคนนึงเนี่ยค่ะคือแสดงว่า
00:09:04 → 00:09:08 ถ้าใครสักคนนึงนะติดคำพูดนี้นะเอาอีก
00:09:08 → 00:09:10 แล้วะต้องอะไรอะไรก็กูอย่างเงี้ยเกิดเกิด
00:09:10 → 00:09:12 แต่กับกูอย่างเงี้ยนะอย่างเงี้นะอันนี้
00:09:12 → 00:09:14 มันเป็นคำพูดแล้วก็มันเป็น mindset ที่คำ
00:09:15 → 00:09:17 พูดที่ติดปากก่อนแล้วมันก็ฝังว่าเป็น
00:09:17 → 00:09:19 mindset แล้วมันทำให้เราลดศักยภาพตัวเรา
00:09:20 → 00:09:23 เองใช่มั้ใช่ผมนึกถึงเพื่อนต่างชาติคนนึง
00:09:23 → 00:09:26 ฮะพี่ย่อยค่ะเคเคมาทำงานเมืองไทยแล้วอยู่
00:09:26 → 00:09:28 เมืองไทยสักระยะนึงเตั้งข้อสังเกตแบบเฮ้ย
00:09:29 → 00:09:32 มันมีคำคำพูดนึ่งวที่คนไทยชอบพูดแล้วเชอบ
00:09:32 → 00:09:35 มากเลยคือคนชายติดคำนี้เลยแล้วมันก็ฝัง
00:09:35 → 00:09:38 mindset อะไรบางอย่างไว้แล้วเชอบมากเลย
00:09:38 → 00:09:43 คือคำว่าอะไรรู้มั้คือคำว่าไม่เป็นไร
00:09:43 → 00:09:48 ออคือจริงๆแล้วคำนี้เนี่ยก็จะเรียกว่า
00:09:48 → 00:09:51 เป็น mindset ที่ตรงกันข้ามกับ bir But
00:09:51 → 00:09:54 With Me มยตรงกันข้ามแต่แต่กังวลแค่ว่า
00:09:54 → 00:09:57 เอ้ไม่เป็นไรเจะใช้ถูกเวลามั้ยใช่อ่าอัน
00:09:57 → 00:10:01 นั้นเรื่องนึงอันนั้นเรื่องแต่แต่ว่าบาง
00:10:01 → 00:10:04 ทีก็เอบางทีมก็ส่งผลเสียก็ได้นะแต่ว่าผม
00:10:04 → 00:10:06 มีความรู้สึกเฮ้ยมันตรงกันข้ามเปล่าเพราะ
00:10:06 → 00:10:09 ว่าคือที่ฝรั่งเฝรั่งเาชอบเนี่ยเพราะอะไร
00:10:09 → 00:10:13 เบอกเ้ยคนไทยนี่ดีว่ะคือเจอสถานการณ์ก็
00:10:13 → 00:10:16 ไม่เป็นไรไม่เป็นไรอะไรเงี้ใช่ๆๆมันทำให้
00:10:16 → 00:10:19 รู้สึกเบาอ่ะเออหรือหรือจริงๆแล้วก็คือ
00:10:19 → 00:10:21 Minds แหละเออที่เรามีต่อเรื่องนั้นน่ะ
00:10:21 → 00:10:24 ไม่เป็นไรนี่หมายถึงว่าอะไรถ้าเป็นเรื่อง
00:10:24 → 00:10:27 ไม่ดีใช่มเรื่องแย่ๆอย่าสมมติว่าเราเรา
00:10:27 → 00:10:30 ใครสักคนนึงขึ้นรถเมล์ไปทำงานเงี้ยพอเรา
00:10:30 → 00:10:34 มาถึงป้าแล้วเม์ปุ๊บอ้าวรถที่เราจะขึ้น
00:10:34 → 00:10:38 เพิ่งออกเออใช่เพิ่งไปอะไรอย่างเงี้ยโหจะ
00:10:38 → 00:10:40 รออีกนานแค่ไหนเนี่ยเอออะไรอย่างงี้ใชม
00:10:41 → 00:10:43 อันนี้แต่ว่าบางคนก็บอกไม่เป็นไรเดี๋ยว
00:10:43 → 00:10:46 อีกคันนึงก็มาแต่จะนานหรือไม่นานก็ไม่รู้
00:10:46 → 00:10:47 แต่มันมาแน่อะไรอย่างเงี้
00:10:47 → 00:10:53 นะไอไอ้คำนี้ที่พี่วีพูดเนี่ยมันมันพี่
00:10:53 → 00:10:57 อ้อยสัมผัสถึงความแตกต่างในในเค้าเรียก
00:10:57 → 00:11:01 ว่าฟิเลยอ่ะคือถ้าสมมุติว่าเิดกมันเกิด
00:11:01 → 00:11:04 กับอย่างเงี้มันจะ
00:11:04 → 00:11:07 เป็นที่แบบว่าหูหนักแต่ไม่เป็นไรไม่เป็น
00:11:07 → 00:11:10 ไรไม่เป็นไรโอมันมันจะเบาอย่างงี้เลยคือ
00:11:10 → 00:11:16 คอนสกันเลยค่ะเออๆๆนี้อาจารย์วีกับแม่
00:11:16 → 00:11:20 อ้อยค่ะค่ะว่าถ้าสมมุติว่าเหตุการณ์นะคะ
00:11:20 → 00:11:23 อาจารย์ที่อาจารย์บอกว่าไม่เป็นไรใช่่มคะ
00:11:23 → 00:11:26 แล้วถ้าเกิดว่ามีเหตุการณ์อะไรที่ถ้า
00:11:26 → 00:11:30 สมมุติว่าเรารู้สึกเราอาจจะรู้สึกนะคะเรา
00:11:30 → 00:11:34 ก็อาจจะหลุดไปได้ว่าเฮ้ยเอ่อเกิดแต่กับกู
00:11:34 → 00:11:37 อีกแล้วอะไรแบบเนี้ยค่ะอาจารย์กับแม่อ้อย
00:11:37 → 00:11:40 เนี่ยคิดว่ามันจะมีวิธีไหนบ้างที่ทำให้
00:11:40 → 00:11:44 เราเนี่ยเปลี่ยนความคิดเนี้ยค่ะที่เหมันๆ
00:11:44 → 00:11:47 แบบปอปอัขึ้นมาค่ะเป็นอย่างอื่นที่มัน
00:11:48 → 00:11:52 เป็นอาจจะนอกจากไม่เป็นไรแล้วมีคำอะไรอีก
00:11:52 → 00:11:56 ที่คิดว่าน่าจะทำให้ mindset ตรงเนี้ยมัน
00:11:56 → 00:12:00 เปลี่ยนการคิดของเราแทนที่ที่จะเป็นทางลบ
00:12:00 → 00:12:03 เพราะว่ายะรู้สึกว่ายะเคยเคยอ่านหนังสือ
00:12:03 → 00:12:07 มานะคะว่าการที่เราคิดอะไรลบหรือพูดอะไร
00:12:07 → 00:12:12 ลบมันจะดึงดูดสิ่งที่ลบๆเข้ามาไม่หยุดอื
00:12:12 → 00:12:14 ใช่ถ้าสมมุติว่าอาจารย์วีกับแม่อ้อยอ่ะ
00:12:14 → 00:12:17 ค่ะอยากขอคำแนะนำดีกว่าว่าเราจะเปลี่ยน
00:12:17 → 00:12:20 จากนอกจากคำว่าไม่เป็นไรแล้วเนี่ยมันมีคำ
00:12:20 → 00:12:23 ไหนหรือมี mind เซตแบบยังไงที่มันจะ
00:12:23 → 00:12:26 สามารถให้คุณผู้ฟังเนี่ยนำไปปรับใช้ได้
00:12:26 → 00:12:32 อือจะให้ใครตอบก็ก่อนจ๊ะเอาคุณแม่ก่อนก็
00:12:32 → 00:12:33 ได้ค่ะ
00:12:33 → 00:12:35 เออ
00:12:35 → 00:12:38 อ่ะเด็กเด็กใช้เส้นนะเนี่ยอ่ะงั้นพี่อ้อย
00:12:38 → 00:12:43 ตอบก่อนนะฮะค่ะก็คิดเร็วๆเนี่ยคิดว่ามัน
00:12:43 → 00:12:47 มีอันนึงค่ะคือคำว่าเกิดแต่กับกูอ่ะมัน
00:12:47 → 00:12:50 คือมันเกิดแต่ชั้นคนเดียวมันซวยคนเดียว
00:12:50 → 00:12:54 มันอะไรอย่างเงี้ยคนอื่นเขาไม่ได้ต้องมา
00:12:54 → 00:12:58 แบบนี้ต้องมาเจอสภาวะแบบนี้แต่ถ้าเราถาม
00:12:58 → 00:13:00 จริงๆจริงอ่ะว่าสมมุติว่าเมื่อกี้ตัว
00:13:01 → 00:13:04 อย่างแรกเนาะน้ำร้อนลวกรถเมล์มาช้าคนแน่น
00:13:04 → 00:13:07 หรือว่ารถเมล์พิ่งผ่านไปเนี่ยถามว่ามัน
00:13:08 → 00:13:11 เกิดแต่เฉพาะชั้นมั้ยไม่ค่ะอืใช่มันก็
00:13:11 → 00:13:14 เกิดกับคนทุกคนแหละแต่เพียงแต่วิธีคิดเรา
00:13:14 → 00:13:19 อ่ะมันไปคิดให้ตัวเองแบบช็อกช้ำว่าเฮ้ย
00:13:19 → 00:13:21 แบบสวยอีกแล้วชันอีกแล้วฉันอีกแล้วอะไร
00:13:21 → 00:13:23 อย่างเงี้ยแต่จริงๆถ้าคิดให้ดีๆมันคือ
00:13:23 → 00:13:27 สภาวะที่เกิดกับทุกคนได้ค่ะเออเงี้ยค่ะ
00:13:27 → 00:13:30 อันนี้อันนี้คำตอบง่ายๆของแม่ค่ะเชิญๆพี่
00:13:30 → 00:13:34 วีค่ะโหชอบๆเพราะว่าจริงๆแล้วเนี่ยก็คือ
00:13:34 → 00:13:38 ขอขอขยี้คำตอบของพี่แก่อนนะชอบนะแสดงว่าน
00:13:38 → 00:13:41 ยะที่เราถ้าเกิดว่าอะไรบางอย่างเกิดขึ้น
00:13:41 → 00:13:43 ก็ไม่รู้นะแล้วเราก็บอกเอาอีกแล้วชันอีก
00:13:43 → 00:13:45 แล้วเี่แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้เกิด
00:13:45 → 00:13:49 แตกกับกูจริงๆนะคนอื่นก็โดเหมือนกันแหละ
00:13:49 → 00:13:52 แต่คนอื่นเขาไม่บ่นนี่เทำไมวะอะไรอย่าง
00:13:52 → 00:13:54 เงี้นะเออน่าสนใจค่ะอันนี้เป็นตั้งข้อ
00:13:54 → 00:13:56 เป็นตั้งข้อสังเกตแต่เมื่อกี้คำถามของ
00:13:56 → 00:13:59 น้องยะเนี่ยถ้าให้ผมตอบนะคว่าเวลาที่เรา
00:13:59 → 00:14:02 เจออะไรบางอย่างแล้วนแยถามว่าแล้วเราทำ
00:14:02 → 00:14:05 ยังไงความคิดอะไรยังไงใช่มยที่เราจะเจ้า
00:14:05 → 00:14:08 ข้ามสภาวะนั้นได้ใชมันทำให้ผมมีความรู้
00:14:08 → 00:14:10 สึกว่าผมนึกถึงเหตุการณ์เหตการณ์นึงเลย
00:14:10 → 00:14:14 น้องยะค่ะคือสำหรับผมอ่ะมันไม่มีคำตอบที่
00:14:14 → 00:14:17 เป็นความคิด 1 2 3 4 แบบนี้แต่ว่ามัน
00:14:17 → 00:14:20 เป็นเหตุการณ์ผมมีความรู้สึกว่าทุกครั้ง
00:14:20 → 00:14:23 เวลาที่เราเจอเหตุการณ์ใดๆเนี่ยถ้าเรามี
00:14:23 → 00:14:26 สติเรานิ่งพอนะเราจะเกิดการเรียนรู้จาก
00:14:26 → 00:14:29 เหตุการณ์นั้นแล้วมันจะทำให้เราเนี่ยสะสม
00:14:29 → 00:14:33 mindset ที่ที่เข้มแข็งเอาไว้ในตัวอือ
00:14:33 → 00:14:36 ค่ะผมนึกถึงตัวเองครั้งนึงเลยนะน้องยะมี
00:14:36 → 00:14:39 อยู่วันนึงผมเป็นนักแสดงพิแก้วใช่มผมก็ไป
00:14:39 → 00:14:42 เล่นพิแก้วไอ้พิแก้วที่เราเล่นเนี่ยมัน
00:14:42 → 00:14:45 เป็นแก้วที่แก้วธรรมดานะแต่มันหายากมาก
00:14:45 → 00:14:47 กว่าจะได้ใบที่มันมีเสียงเหมาะสมมันหายาก
00:14:47 → 00:14:50 มากเพราะฉะนั้นเนี่ยแก้วผมจะต้องรักษา
00:14:50 → 00:14:54 อย่างอย่างดีเลยนะฮอือนี้มีอีกวันนึงก็ไป
00:14:54 → 00:14:57 แสดงเสร็จแล้วก็เซตอัพิแก้วเอาไว้เนี่ย
00:14:57 → 00:15:00 ค่ะแล้วเราก็ระมัดระวังอย่างดีเนี่ยคือ
00:15:00 → 00:15:03 ถ้าแตกไม่เป็นเรื่องใหญ่เลยบอกเลยนะฮะอ
00:15:03 → 00:15:06 แล้วบางใบหายากมากาวนี้มีอยู่วันนึงพอเรา
00:15:06 → 00:15:09 เซ็ตพินแก้ไว้เสร็ใช่มแล้วแล้วพายุมันมา
00:15:09 → 00:15:14 ฮะอืเขาก็เอาเอาร่มไปกางไว้คือผมก็ปิดฝา
00:15:14 → 00:15:17 แก้วก็ปิดฝาไว้อย่างดีนะ 30 ใบมีฝาครอบ
00:15:17 → 00:15:21 อย่างดีปิดไว้ในกล่องแต่ว่าเขาก็เอาพายุ
00:15:21 → 00:15:24 มาเมันเป็นงานกางแจ้งเขาก็เอาร่มไปกลาง
00:15:24 → 00:15:27 เอาไว้ให้ค่ะแต่ในระหว่างนั้นเนี่ยเราก็
00:15:27 → 00:15:31 ยืนอยู่อีกอีกตรงคโทนก็ไกลพอสมควรจากเวที
00:15:31 → 00:15:34 เราก็ยืนดูอยู่พายุมาปึ๊บลมมันมาแล้วมัน
00:15:34 → 00:15:39 พัดร่มอ่ะร่มใหญ่ๆล้มไม้ค้าในตลาดน่ะล้ม
00:15:39 → 00:15:44 แล้วก็ไปฟาดโดนกระเป๋าพิแก้วซึ่งถ้าล้ม
00:15:45 → 00:15:47 มันมีกล่องอยู่คงไม่เป็นไรหรอกแต่ความที่
00:15:47 → 00:15:51 มันฟาดแรงมากเนี่ยโต๊ะทั้งหมดก็เลยล้มเลย
00:15:51 → 00:15:54 อแล้วเหมือนเหมือนกับว่ามีพินแก้วเนี่ย
00:15:54 → 00:15:57 ตั้งอยู่ในกล่องก็จริงนะตั้งอยู่บนโต๊ะ
00:15:57 → 00:15:59 แล้วเหมือนมีใครมาผลักโต๊ะล้มแล้วกระเป๋า
00:15:59 → 00:16:02 พิแก้วกระเด็นไปอยู่กับพื้นเลยอ่ะหัวใจ
00:16:02 → 00:16:06 สลายกรี๊ดมากค่ะถ้าเป็นญายะคงยืนกรี๊ด
00:16:06 → 00:16:10 อยู่ตรงนั้นตอนนั้นเนี่ยใช่ป่ะอันนี้คือ
00:16:10 → 00:16:12 มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วรุรุนแรง
00:16:12 → 00:16:15 มากแล้วตอนนั้นนะแวบนั้นเราคิดในใจว่า
00:16:15 → 00:16:18 แก้ว 30 ใบต้องแตกหมดอ่ะนยะค่ะในความเป็น
00:16:18 → 00:16:21 จริงแก้วแตกแค่ใบเดียวมันก็หนักแล้วนะแต่
00:16:21 → 00:16:24 วินาทีนั้นเราเห็นว่าต้องแตกหมดอแต่พอฝน
00:16:24 → 00:16:28 มันซาผมเดินไปดูนะน้องยะปรากฏว่าเปิดฝามา
00:16:28 → 00:16:34 ดูแกแก้วแตกแค่ 5 ใบเอออืคือวินาทีนั้น
00:16:34 → 00:16:36 ที่ผมคิดในใจว่าแก้วแตกแค่ 5 ใบเนี่ยผม
00:16:36 → 00:16:40 เกิดความรู้เรื่องนึงเลยว่าเฮ้ยคือปกติ
00:16:40 → 00:16:43 ถ้าแก้วแตกใบเดียวเนี่ยเราก็เสียดายหนัก
00:16:43 → 00:16:47 แล้วไงค่ะค่ะแต่คราวนี้เนี่ยพอเหตุการณ์
00:16:47 → 00:16:51 ที่มันเกิดกับกูนี่แหละนะคเราเรามองด้วย
00:16:51 → 00:16:54 สายตาแล้วมันต้องแตกหมด 30 ใบเพราะว่ามัน
00:16:54 → 00:16:59 มีคนโยนลงไปกลับคืนเลยเงค่ะแต่พอไปดูเอ้า
00:16:59 → 00:17:03 แตก 5 ใบอือเรากลับใช้คำว่าแตกแค่ 5 ใบอื
00:17:03 → 00:17:07 อืผมเกิดการเรียนรู้หรือว่าเวลาที่มัน
00:17:07 → 00:17:09 เกิดเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่ไม่พึง
00:17:09 → 00:17:13 ปรารถนาเนี่ยค่ะถ้าใจเราอ่ะเอาไปรองรับ
00:17:13 → 00:17:18 ว่ามันจะต้องเลวร้ายสุดๆแน่นอนค่ะออแต่พอ
00:17:18 → 00:17:21 ไปพบว่าในความเป็นจริงเนี่ยมันไม่เลวร้าย
00:17:21 → 00:17:25 เท่าที่ใจเราคิดในความสูญเสียนั้นในความ
00:17:25 → 00:17:27 สิ่งที่เราไม่ชอบนั้นกลายเป็นว่าเอ้าเรา
00:17:27 → 00:17:29 โชคดีว่ะ
00:17:29 → 00:17:34 อืเอออันนี้กลายเป็นไซตใช่ป่ะน้องน้องย้า
00:17:34 → 00:17:38 เห็นวมันกลายเป็น mindset เลยนะใช่ค่ะ
00:17:38 → 00:17:42 อาจารย์ว่าทุกครั้งที่มีการสูญเสียถ้าใจ
00:17:42 → 00:17:45 เราไปลองว่ามันจะเกิดอย่างสมมุติว่าเนี่ย
00:17:45 → 00:17:48 อย่างอย่างเมื่อกี้เลยเนี่ยที่บอกว่าโห
00:17:48 → 00:17:51 เกือแต่กับกูเกือแต่แต่ไม่อ้อยตอบรว่าคิด
00:17:51 → 00:17:56 ดูดีๆมันอันนั้นเราไม่ชอบนี่เรื่องนึงแต่
00:17:56 → 00:17:59 ว่าที่เราพูดว่ามันเกิดเกิดแต่กับกูคน
00:17:59 → 00:18:04 เดียวเนี่ยอันนี้รคมอืใช่ใช่ค่ะอาจารย์
00:18:04 → 00:18:11 ใช้คำนี้ได้เลยค่ะใช่ป่ะเออทำเราหนักเออ
00:18:11 → 00:18:14 แต่ถ้าเราคิดใหม่อือันนี้เราไม่ชอบก็
00:18:14 → 00:18:17 เรื่องนึงแต่ว่าสมมุติว่ารถรถเมล์มาแบบ
00:18:17 → 00:18:21 เอ้ามาไม่ทันไปแล้วเนี่ยโฮ้ยเกิดแต่กับกู
00:18:21 → 00:18:25 เปล่ามาเป็นพวนหลังๆ
00:18:25 → 00:18:29 เคันนี้นั่งสบายเลยเพราะคันแรกแนไปแล้ว
00:18:29 → 00:18:31 เออจริง
00:18:31 → 00:18:35 ค่ะนี่ไงเฮ้ยเมื่อกี้นี้น้องย่าเห็นมั้ย
00:18:35 → 00:18:38 ว่าแท้ที่จริงแล้วเนี่ยมันมีเมื่อกี้นี้
00:18:38 → 00:18:41 มี 2 เทคนิคจาก 2 ผู้อาวุโสเลยนะ
00:18:41 → 00:18:45 ค่ะใช่ป่ะค่ะเออผู้อาวุโสท่านแรกก็บอกว่า
00:18:45 → 00:18:48 เฮ้ย overcame จริงๆไม่ได้เกิดอะไกับมึง
00:18:48 → 00:18:52 หรอกคนอื่นก็โดนอย่างเงี้ยมีผู้ร่วมมีผู้
00:18:52 → 00:18:56 ร่วมหาญร่วมชหารชะตากรรมอ่ะใช่ป่ะแล้วที่
00:18:56 → 00:18:58 ผมที่ผมแบ่งปันก็เลยทำให้เรารู้สึกว่า
00:18:58 → 00:19:01 เห็นป่ะพอเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นพอเราเอ๊ะ
00:19:01 → 00:19:04 ปุ๊บเราสังเกตปุ๊บเราเกิดการเรียนรู้ปุ๊บ
00:19:04 → 00:19:07 เราจะค่อยๆสะสมทัศนคติหรือ mindset หรือ
00:19:08 → 00:19:10 วิธีคิดใหม่ทีละเรื่องทีละเรื่องทีละ
00:19:10 → 00:19:15 เรื่องอืพี่วีคะอยากถามนิดนึงครับเออเออ
00:19:15 → 00:19:21 ตอนที่เห็นพพายุซัดร่มแล้วก็แก้วแล้วก็
00:19:21 → 00:19:23 เหมือนคิดว่าแก้วแตกหมดน่ะอยากรู้ความรู้
00:19:23 → 00:19:27 สึกตรงนั้นค่ะว่าตอนนั้นน่ะณวินาทีนั้น
00:19:27 → 00:19:29 น่ะรู้สึกยังไงก่อนที่ที่จะมาบอกว่าเออ
00:19:29 → 00:19:32 เรียนรู้ว่าอย่าเอาใจไปรับอะไรอย่างเงี้ย
00:19:32 → 00:19:35 ค่ะเอเออๆพี่อ้อยรู้มั้ยว่าจริงๆมันต้อง
00:19:35 → 00:19:38 ความรู้สึกมันต้องหนักมากใช่มั้ยใช่ๆแต่
00:19:38 → 00:19:40 ในความเป็นแต่ในความเป็นจริงไม่หนักเท่า
00:19:40 → 00:19:43 ไหร่เพราะอะไรรู้มั้ยเพราะแก้วมันไม่ใช่
00:19:43 → 00:19:45 เตมันไม่ได้แตกครั้งเดียวแล้วนี่ไม่ใช่
00:19:45 → 00:19:50 เป็นการแตกครั้งแรกอือผมก็เคยเรียนรู้จาก
00:19:50 → 00:19:52 ประสบการณ์ของแก้วแตกมาก่อนหน้านี้หลาย
00:19:52 → 00:19:54 ครั้งแล้ว
00:19:54 → 00:19:58 อืแล้วผมก็สะสมไอ้ที่ว่าเนี้ยแบบเนี้ยมา
00:19:58 → 00:20:01 หลายครั้งแล้วแล้วผมก็เกิดเป็นการเรียน
00:20:01 → 00:20:05 รู้เลยว่าเวลาที่เกิดการสูญเสียผมจะยอม
00:20:06 → 00:20:10 เสียเฉพาะที่มันต้องเสียจริงๆเท่านั้นออื
00:20:10 → 00:20:13 ผมจะไม่เสียมากกว่าความเป็นจริง 2-3 เท่า
00:20:13 → 00:20:16 ออืยยกตัวอย่างที่ชัดเจนคืออะไรรู้มั้
00:20:16 → 00:20:19 อย่างสมมุติว่าผมแก้วผมแตกใบนึงเนี่ยที่
00:20:19 → 00:20:22 ต้องสูญเสียคืออะไรแน่นอนเลยคือน้องยักษ์
00:20:22 → 00:20:25 คืออะไรแก้ว 1 บก็คือแก้วแก้วค่ะใช่ถึง
00:20:25 → 00:20:28 แม้ว่าผมจะแก้วมันจะมีราคามันจะหายากอะไ
00:20:28 → 00:20:31 ก็ตามทก็คือแก้วแตกแน่นอน 1 ใบค่ะแต่ปกติ
00:20:32 → 00:20:34 เมื่อตกี้นี้เนี่ยที่พี่อ้อยถามเนี่ยหมาย
00:20:34 → 00:20:39 ความว่าผมรู้สึกเสียใจมั้ยใช่เอ่อนู่นนี่
00:20:39 → 00:20:43 นั่นมั้ยเนี่ยคือถ้าเราแก้วแตกใบนึงนะ
00:20:43 → 00:20:46 แล้วเราเสียดายเนี่ยแสดงว่าเราเสียกี่
00:20:46 → 00:20:50 อย่างละ 2 2 อย่าง 2 ค่ะคือแก้วเสียแล้ว
00:20:50 → 00:20:53 ก็เสียดายด้วยแล้วถ้าเกิดมีคนอื่นมาทำให้
00:20:53 → 00:20:57 แก้วเราแตกเราเสียอารมณ์ด้วยอืค่ะอเรา
00:20:57 → 00:21:00 เสียใจด้วยเราแล้วเห็นป่ะแก้วแตกใบเดียว
00:21:00 → 00:21:02 เนี่ยแต่ถ้าเกิดว่าผมเสียดายด้วยผมเสีย
00:21:02 → 00:21:07 อารมณ์ด้วยนี่ผมเสีย 3 แล้วนะค่ะค่ะอืผม
00:21:07 → 00:21:09 เลือกที่จะเสียที่เสียจริงๆเท่านั้นก็คือ
00:21:09 → 00:21:13 แก้วแตกแล้วก็คือแก้วแตกแล้วผมก็วางเลย
00:21:13 → 00:21:17 แล้วก็อผมจะไม่ยอมเสียเพิ่มมากกว่านั้น
00:21:17 → 00:21:20 ค่ะค่ะอ๋อวันนี้จริงๆเรื่อง bir But
00:21:20 → 00:21:25 With Me นะคใช่แต่จริงๆยังมีแบบว่าอีก
00:21:25 → 00:21:30 หลายๆเคสที่เจอนะคะก็อเวลาผ่านไปเร็วมาก
00:21:30 → 00:21:33 ก็เลยอยากจะให้อาจารย์วีกับแม่อ้อยค่ะ
00:21:33 → 00:21:36 ทิ้งท้ายแบบเป็นคีย์เวิร์ดก็ได้ค่ะให้กับ
00:21:36 → 00:21:40 ท่านผู้ฟังนิดนึงว่าถ้าเรารู้สึกว่าโอ้ย
00:21:40 → 00:21:43 bir But With Me เกิดแต่กับกูอีกแล้ว
00:21:43 → 00:21:47 นะคะอคิดว่ามีคีย์เวิร์ดเลยสั้นๆเป็นทริก
00:21:47 → 00:21:50 ให้ท่านผู้ฟังมั้ยคะอ่าพี่อ้อยก่อนมั้ย
00:21:50 → 00:21:53 ครับเอาพี่อ้อยก่อนก็ได้ค่ะคราวนี้ใช้
00:21:53 → 00:21:57 สิทธิ์ได้ค่ะก็คือเมื่อกี้ได้ยินหลาย
00:21:57 → 00:21:59 ครั้งมากคือมันมีคีย์เวิร์ดหลายคำแต่คำ
00:21:59 → 00:22:04 นึงที่แบบว่าได้ยินมากกว่าน่าจะ 3-4
00:22:04 → 00:22:08 ครั้งอ่ะคือคำว่าเรียนรู้อือ่าถ้าสมมุติ
00:22:08 → 00:22:11 ว่าเรา replace ไอ้สิ่งที่เกิดเหตุการณ์
00:22:11 → 00:22:14 แล้วเราไม่พึงพอใจไม่ชอบเนี่ยแล้วเราก็
00:22:14 → 00:22:17 เปลี่ยนมันเป็นการเรียนรู้ว่าเอ๊ะเรา
00:22:17 → 00:22:20 เรียนรู้จากเหตุการณ์นี้ได้อะไรบ้างเนี่ย
00:22:20 → 00:22:23 เชื่อว่าเนี่ยไอ้คำคำเบ with me เนี่ย
00:22:23 → 00:22:28 มันจะหายไปจากหัวเลยค่ะอืค่ะอ่าอันนี้ของ
00:22:28 → 00:22:30 พี่พี่อ้อยนะส่วนของผมเนี่ยนะผมผมประทับ
00:22:30 → 00:22:33 ใจที่พี่อ้อยเนี่ยเป็นคนตอบอ๋อ
00:22:33 → 00:22:38 เหรอว่าถ้าเกิดใครรู้สึกว่าไอ้นี่เกิดแต่
00:22:38 → 00:22:40 กับกูเนี่ยแล้วเราก็สิ่งนี้ทำให้เราทุกข์
00:22:40 → 00:22:42 เนี่ยนะบอกเลยว่าเกิดแต่กับกูไม่มีอยู่
00:22:42 → 00:22:43 จริง
00:22:43 → 00:22:46 อเพราะว่าทุกคนก็โดนหมด
00:22:46 → 00:22:49 แหะค่ะเราไม่ได้โดนคนเดียวเพราะฉะนั้น
00:22:49 → 00:22:53 เกิดแต่กับกูไม่มีอยู่จริงค่ะแค่นั้นแหละ
00:22:53 → 00:22:57 โอสุดยอดใช่เลยค่ะค่ะโอเคก็ขอบคุณอาจารย์
00:22:57 → 00:23:01 วีกับแม่อ้อยมากนะคะจริงๆแล้วยาจะบอกว่า
00:23:01 → 00:23:03 จริงๆแล้วคำว่า bir What with me
00:23:03 → 00:23:05 เนี่ยคะหรือเกิดแต่กับกูเนี่ยบางทีมัน
00:23:05 → 00:23:08 เป็น mindset ที่เกิดขึ้นกับยะเลยนะเกิด
00:23:08 → 00:23:12 บ่อยด้วยอ่าเงี้ก็จะเอาอ่าคีย์เวิร์ดของ
00:23:12 → 00:23:14 แม่นะคะกับคีย์เวิร์ดของอาจารย์วีไปว่า
00:23:14 → 00:23:17 เฮ้ยเราต้องคิดก่อนว่าเจอแต่เกิดแต่กับ
00:23:17 → 00:23:20 กูเนี่ยไม่มีจริงอืออ่าแล้วตามด้วยว่า
00:23:20 → 00:23:24 เอ๊ะแต่มันเกิดไปแล้วแล้วเราคิดไปแล้วอ๋อ
00:23:24 → 00:23:27 มันคือการเรียนรู้เพื่อให้เราเติบโตขึ้น
00:23:27 → 00:23:30 นะไม่ว่าจะเป็นด้านอะไรเรื่องส่วนตัวหรือ
00:23:30 → 00:23:33 ชีวิตการทำงานอือฮึค่ะก็จะเกิดการเรียน
00:23:33 → 00:23:35 รู้ตรงนี้ค่ะค่ะ
00:23:35 → 00:23:40 อืโอ้โหวันนี้สัความสุขก็เวลาหมดลงแล้วนะ
00:23:40 → 00:23:42 โหเสียดายมากเลยนะแต่ว่าเวลาเห็นเราก็จะ
00:23:42 → 00:23:45 เจอกันทุกสัปดาห์แหละแต่ว่าวันนี้เวลาบอก
00:23:45 → 00:23:47 ลงแล้วเกิดแต่กับกูไม่มีอยู่จริงวันนี้
00:23:47 → 00:23:51 เราก็ต้องลาไปก่อนนะครับสวัสดีครับสวัสดี
00:23:51 → 00:23:54 ค่ะสวัสดี
00:23:54 → 00:23:57 ค่ะติดตามรายการทางเว็บไซต์และ
00:23:57 → 00:24:00 แอปพลิเคชันของ Thai PBS podcast
00:24:00 → 00:24:03 spotify soundcloud Google podcast
00:24:03 → 00:24:06 Apple podcast และ YouTube Channel
00:24:06 → 00:24:10 Thai PBS podcast tha PBS podcast
00:24:10 → 00:24:12 View the world via The Voice
00:24:12 → 00:24:18 [เพลง]