00:00:00 → 00:00:03 in the Sand ดาษ Audio artikel รวมบท
00:00:03 → 00:00:05 ความยอดนิยมจาก The Standard ให้คุณฟัง
00:00:05 → 00:00:10 สบายๆโดยไม่ต้องอ่านหมายเหตุ Audio azone
00:00:10 → 00:00:13 นี้มีการปรับเนื้อหาให้เหมาะสำหรับการ
00:00:13 → 00:00:14 ฝั่ง
00:00:14 → 00:00:18 วิทยาศาสตร์แห่งความเศร้าความเศร้าก็มี
00:00:18 → 00:00:22 ประโยชน์โดยโตมรศุขปรีชา
00:00:22 → 00:00:26 ทำไมเราถึงรู้สึกเศร้าคำถามนี้ฟังดูบ้า
00:00:26 → 00:00:30 บ้าอยู่สักหน่อยเพราะใครๆก็รู้ว่าอาการ
00:00:30 → 00:00:32 เศร้าจะเกิดขึ้นเมื่อมีอะไรบางอย่างเกิด
00:00:32 → 00:00:37 ขึ้นในชีวิตเราเช่นความตายความสูญเสียล้ม
00:00:37 → 00:00:40 เหลวหรือแม้กระทั่งมีความขัดแย้งกับคน
00:00:40 → 00:00:41 อื่น
00:00:41 → 00:00:44 ความเศร้าเป็นอารมณ์พื้นฐานอย่างเดิมของ
00:00:44 → 00:00:47 มนุษย์จริงๆแล้วมีการแบ่งอารมณ์พื้นฐาน
00:00:47 → 00:00:50 ของมนุษย์กันหลายแบบบางแห่งก็แบ่งออกเป็น
00:00:50 → 00:00:54 7 อารมณ์ความรู้สึกเช่นความรู้สึกร่า
00:00:54 → 00:01:01 เริงโกรธเศร้ากลัวรัฐไม่ชอบถ้าชอบแต่บาง
00:01:01 → 00:01:05 คนโดยเฉพาะนักจิตวิทยายุคศตวรรษที่ 20 จะ
00:01:05 → 00:01:11 แบ่งออกเป็น 6 อารมณ์คือโกรธขยะแขยงกลัว
00:01:11 → 00:01:17 สุขเศร้าและประหลาดใจบางคนก็แบ่งออกเป็น
00:01:17 → 00:01:23 คู่ๆเช่นร่าเริงกับเศร้าโกรธกับกลัวไว้ใจ
00:01:23 → 00:01:27 กับไม่ไว้ใจประหลาดใจกับคาดเดาไว้แล้ว
00:01:27 → 00:01:31 เป็นต้นแต่จะเห็นว่าไม่ว่าจะแบ่งแบบไหน
00:01:31 → 00:01:34 ความเศร้าก็เป็นหนึ่งในอารมณ์พื้นฐานของ
00:01:34 → 00:01:38 มนุษย์อยู่ดีนักจิตวิทยาวิวัฒนาการหลายคน
00:01:38 → 00:01:42 มีทฤษดีว่าความเศร้าคือราคาที่เราต้อง
00:01:42 → 00:01:45 จ่ายเพื่อให้มนุษย์สามารถสร้างความสามารถ
00:01:45 → 00:01:48 ในการที่จะสร้างพันธะกับคนอื่นๆได้ที่
00:01:48 → 00:01:52 เป็นอย่างนั้นก็เพราะมนุษย์เราต้องพึ่งพา
00:01:52 → 00:01:55 คนอื่นๆถึงจะอยู่รอดได้ความเศร้าจึงเป็น
00:01:55 → 00:01:58 อารมณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อดึงเรากลับสู่ความ
00:01:58 → 00:02:00 จริงในข้อนี้
00:02:00 → 00:02:02 ถ้าสมมุติว่าคุณเป็นเด็กแล้วต้องไปอยู่
00:02:02 → 00:02:05 ห่างไกลพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดูอื่นๆที่ไม่
00:02:05 → 00:02:09 ใช่พ่อแม่คุณจะรู้สึกเศร้าซึ่งสำหรับหลาย
00:02:09 → 00:02:12 คนน่าจะเป็นความเศร้าใหญ่หรือ Major
00:02:12 → 00:02:17 แซดเนสนั่นคืออาการคิดถึงบ้านซึ่งนั่นก็
00:02:17 → 00:02:20 คือร่องรอยที่ปรากฏอยู่ในวิวัฒนาการของ
00:02:20 → 00:02:24 เราเพราะการอยู่ห่างจากบ้านหรือฝูงถ้าเรา
00:02:24 → 00:02:27 ไม่รู้สึกเศร้ารวมถึงความเหงาด้วยเราก็
00:02:27 → 00:02:31 อาจจะเตลิดออกไปใกล้ถึงที่อยู่แล้วในที่
00:02:31 → 00:02:33 สุดก็อาจจะถูกสัตว์ร้ายหรือภัยธรรมชาติ
00:02:33 → 00:02:38 กำจัดออกไปจากการมีชีวิตอยู่ก็ได้ดังนั้น
00:02:38 → 00:02:41 มนุษย์ที่เหลือรอดมาได้จนถึงปัจจุบันซึ่ง
00:02:41 → 00:02:43 เป็นกลุ่มที่มีความเศร้าเป็นเครื่องมือ
00:02:43 → 00:02:47 อย่างหนึ่งในการหล่อเลี้ยงสังคมยิ่งเราโต
00:02:47 → 00:02:51 ขึ้นความเศร้าก็ยิ่งซ้อนทับหลายชั้นเพราะ
00:02:51 → 00:02:53 เรายิ่งต้องลงทุนมีความสัมพันธ์ต่างๆมาก
00:02:53 → 00:02:58 ขึ้นเรื่อยๆทั้งกับเพื่อนเพื่อนร่วมงานคน
00:02:58 → 00:03:02 ในสังคมหรือกระทั่งมีคนในจินตนาการของเรา
00:03:02 → 00:03:05 ในปัจจุบันยิ่งซับซ้อนเข้าไปใหญ่เพราะมี
00:03:06 → 00:03:08 ความสัมพันธ์กับคนในสื่อสังคมหรือ Social
00:03:08 → 00:03:11 Media ที่เอาเข้าจริงแล้วเราก็ไม่รู้จัก
00:03:11 → 00:03:14 เลยแม้แต่นิดเดียวแถมเรื่องอาจไม่ได้มี
00:03:14 → 00:03:16 อุดมการณ์หรือผลประโยชน์ร่วมกันอีกต่าง
00:03:16 → 00:03:20 หากแต่แค่ถูกบล็อกหรือถูกอันเฟรนด์ก็อาจ
00:03:20 → 00:03:23 จะทำให้เราเศร้าได้มากมายอย่างคิดไม่ถึง
00:03:23 → 00:03:29 เวลาเศร้ามากๆเราจะร้องไห้หลายคนอยากจะ
00:03:29 → 00:03:32 ซ่อนน้ำตาไม่ให้ใครเห็นแต่รู้ไม่ว่าแท้
00:03:32 → 00:03:36 จริงแล้วน้ำตานั้นก็มีเป้าหมายทาง
00:03:36 → 00:03:38 ชีววิทยาอยู่ด้วยเหมือนกัน
00:03:38 → 00:03:42 น้ำตาไม่ได้มีเป้าหมายอยู่อย่างเดียวคือ
00:03:42 → 00:03:46 เพื่อแสดงความเศร้าเท่านั้นแต่น้ำตายังมี
00:03:46 → 00:03:49 อีกหลายเป้าหมายอย่างแรกก็คือการทำหน้า
00:03:49 → 00:03:53 ที่หล่อลื่นด้านในทำให้ตาของเราไม่แห้ง
00:03:53 → 00:03:58 ผาดนอกจากนี้เวลามีฝุ่นผงเข้าตาน้ำตาก็
00:03:58 → 00:04:01 ยังมีเป้าหมายอีกอย่างนี้ก็คือเป็นการ
00:04:01 → 00:04:04 หล่อลื่นที่เป็นปฏิกิริยารีเฟล็กซ์ก็คือ
00:04:04 → 00:04:08 เอาไว้ชะล้างสิ่งสกปรกออกมาปฏิกิริยานี้
00:04:08 → 00:04:11 เกิดขึ้นเพราะสมองปล่อยฮอร์โมนออกมา
00:04:11 → 00:04:15 กระตุ้นให้ต่อมน้ำตาหลั่งน้ำตาออกมาเวลา
00:04:15 → 00:04:18 มีอะไรเข้าตาเราจึงต้องหลั่งน้ำตาออกมา
00:04:18 → 00:04:20 อย่างควบคุมไม่ได้
00:04:20 → 00:04:23 น้ำตาที่เป็นปฏิกิริยา v-flex เหล่านี้จะ
00:04:23 → 00:04:26 มีองค์ประกอบทางเคมีแตกต่างไปจากน้ำตาที่
00:04:26 → 00:04:29 เกิดจากอารมณ์เพราะน้ำตารีเฟล็กซ์จะมี
00:04:29 → 00:04:33 โปรตีนในระดับสูงกว่า 0 น้ำตาจากอารมณ์จะ
00:04:33 → 00:04:37 มีฮอร์โมนที่เรียกว่า AC PS มากกว่าข้อ
00:04:37 → 00:04:40 มูลที่ว่านี้มีส่วนสัมพันธ์กับระดับความ
00:04:40 → 00:04:44 เครียดที่สูงดังนั้นแม่นักวิทยาศาสตร์ยัง
00:04:44 → 00:04:47 ตอบไม่ได้แน่ชัดว่าทำไมเวลาที่เราเศร้า
00:04:47 → 00:04:51 หรือโกรธหรือบางทีก็มีความสุขมากๆเราถึง
00:04:51 → 00:04:55 ต้องหลั่งน้ำตาออกมาแต่ก็เชื่อว่าน้ำตา
00:04:55 → 00:04:58 จากอารมณ์ที่มีฮอร์โมนนี้อยู่มากเป็น
00:04:58 → 00:05:01 เหมือนกับการปลดปล่อยความเครียดหน้าด้านๆ
00:05:01 → 00:05:05 น้ำตาจึงมีประโยชน์ต่อความเศร้าเพราะคือ
00:05:05 → 00:05:08 กลไกปลดปล่อยความเครียดแต่ถึงอย่างนั้น
00:05:08 → 00:05:11 ตัวความเศร้าเองก็มีประโยชน์กับมนุษย์
00:05:11 → 00:05:14 อยู่เหมือนกันโจเซฟโฟกัสจากเบิร์คลีย์
00:05:14 → 00:05:17 เขียนบทความไว้ใน greater Good size
00:05:17 → 00:05:20 Center ว่าแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะไม่ค่อย
00:05:20 → 00:05:23 เห็นคุณค่าของความเศร้าเพราะไม่มีใครอยาก
00:05:23 → 00:05:27 เศร้าเท่าไหร่แต่ที่จริงแล้วความเศร้ามี
00:05:27 → 00:05:29 ประโยชน์หลายอย่างเลยทีเดียว
00:05:29 → 00:05:33 งานวิจัยด้านสมองที่มีการแกนสมองด้วยวิธี
00:05:33 → 00:05:35 ก้าวหน้าทำให้นักวิทยาศาสตร์เรียนรู้ได้
00:05:35 → 00:05:39 มากขึ้นว่าความเศร้ามันทำงานยังไงในสมอง
00:05:39 → 00:05:43 ของเราและส่งผลอย่างไรต่อความคิดและ
00:05:43 → 00:05:48 พฤติกรรมของเราเขาพบว่า 1 ความเศร้าช่วย
00:05:48 → 00:05:52 ให้ความจำของเราดีขึ้นในการทดลองหนึ่ง
00:05:52 → 00:05:55 ครับพบว่าในวันที่ฝนตกซึ่งมักทำให้คนรู้
00:05:55 → 00:05:58 สึกหม่นเศร้าผู้คนมักจะจดจำรายละเอียดของ
00:05:58 → 00:06:01 สิ่งต่างๆที่เพิ่งพบอุ้ยดีกว่าแต่ถ้าเป็น
00:06:01 → 00:06:05 วันที่แดดจ้าคนรู้สึกมีความสุขความทรงจำ
00:06:05 → 00:06:09 จะกลับเลือนรานไม่ชัดเจนเท่าอีกการทดลอง
00:06:09 → 00:06:13 หนึ่งเขาให้ผู้เข้าร่วมทดลองดูภาพ 2 แบบ
00:06:13 → 00:06:18 คือภาพรถชนกับภาพงานแต่งงานแล้วจากนั้นก็
00:06:18 → 00:06:21 ให้ผู้เข้าร่วมลองนึกถึงความทรงจำที่ทั้ง
00:06:21 → 00:06:24 สุขและทุกข์จากอดีตเพื่อเปลี่ยนอารมณ์ต่อ
00:06:24 → 00:06:27 มาก็ถามคำถามที่เกี่ยวข้องกับภาพที่ได้
00:06:27 → 00:06:31 รับเพื่อดูว่าจำรายละเอียดในภาพได้มาก
00:06:31 → 00:06:34 น้อยแค่ไหนเขาพบว่าผู้เข้าร่วมที่อยู่ใน
00:06:34 → 00:06:38 อารมณ์แง่ลบเช่นได้รับภาพรถชนหรือนึกถึง
00:06:38 → 00:06:41 ความทรงจำที่เศร้าและเป็นทุกข์จะจดจำราย
00:06:41 → 00:06:44 ละเอียดในภาพได้ดีกว่าคนที่มีอารมณ์ในแง่
00:06:44 → 00:06:46 บวกหรือมีความสุข
00:06:46 → 00:06:50 การทดลองเหล่านี้ทำให้เห็นถึงข้อเท็จจริง
00:06:50 → 00:06:53 พื้นฐานอย่างหนึ่งว่าอดีตที่เรารื้อฟื้น
00:06:53 → 00:06:56 ขึ้นมานั้นเปลี่ยนแปลงได้อยู่เสมอขึ้น
00:06:56 → 00:06:59 อยู่กับอารมณ์ของเราในปัจจุบันด้วยอารมณ์
00:06:59 → 00:07:02 เศร้าก็จะทำให้เราไม่ค่อยแต่งเติมหรือบิด
00:07:02 → 00:07:05 เบือนความทรงจำดั้งเดิมมากคะเวลาที่เรามี
00:07:05 → 00:07:09 ความสุขความเศร้าซึ่งทำให้ความจำของเรา
00:07:09 → 00:07:11 ถูกต้องมากกว่า
00:07:11 → 00:07:15 ข้อ 2 ความเศร้าทำให้เราตัดสินคนอื่นได้
00:07:15 → 00:07:19 ดีขึ้นเวลาที่เราจะตัดสินคนอื่นหรือเรียก
00:07:19 → 00:07:23 ว่ามีโซเชียลจัดเม้นต์คนเรามักจะมีอคติ
00:07:23 → 00:07:27 ลำเอียงอยู่ 2 แบบใหญ่ๆก็คือตัดสินว่าดี
00:07:27 → 00:07:30 เกินจริงหรือเร็วเกินจริงซึ่งจากการทดลอง
00:07:30 → 00:07:35 พบว่าคนที่กำลังมีความสุขนั้นมักจะตัดสิน
00:07:35 → 00:07:38 พลาดมากกว่าคนที่กำลังมีความเศร้า
00:07:38 → 00:07:40 อยู่ในการทดลองหนึ่งเขาให้คนที่มีอารมณ์
00:07:40 → 00:07:44 สุขและเศร้าดูคลิปคำให้การของคนที่ถูก
00:07:44 → 00:07:48 กล่าวหาว่าเป็นขโมยขอบพบว่าคุณที่กำลัง
00:07:48 → 00:07:53 เศร้าจะแยกแยะรายละเอียดได้ดีกว่าเช่นจับ
00:07:53 → 00:07:56 สังเกตคำพูดหรือสังเกตสีหน้ารอยย่นบนใบ
00:07:57 → 00:08:00 หน้าของผู้ให้การได้ดีกว่าทำให้บอกได้ชัด
00:08:00 → 00:08:04 เจนมากกว่าว่าคำให้การตรงไหนเป็นจริงตรง
00:08:04 → 00:08:08 ไหนหลอกลวงแต่คนที่มีความสุขมีแนวโน้มจะ
00:08:08 → 00:08:11 ตัดสินว่าคนที่ให้การนั้นมีความผิดมาก
00:08:11 → 00:08:15 กว่าความเป็นจริงในอีกด้านหนึ่งคนที่มี
00:08:15 → 00:08:18 ความสุขจะมีสิ่งที่เรียกว่า Hello เอฟเฟค
00:08:18 → 00:08:21 หรือการที่เชื่อว่าคนที่ตัวเองคิดว่าดี
00:08:21 → 00:08:25 เช่นหน้าตาดีประสบความสำเร็จหรือเป็นญาติ
00:08:25 → 00:08:28 ของตัวเองนั้นไม่ได้ทำอะไรผิดแต่ความ
00:08:28 → 00:08:31 เศร้าเอากลับไปลดอคติเรื่องนี้ลงได้อย่าง
00:08:31 → 00:08:36 ไม่น่าเชื่อข้อ 3 ความเศร้าเพิ่มแรง
00:08:36 → 00:08:39 กระตุ้นในชีวิตเวลาเขามีความสุขเรามักจะ
00:08:39 → 00:08:42 อยากรักษาความสุขเหล่านั้นเอาไว้ซึ่งนั่น
00:08:42 → 00:08:45 ทำให้เราพยายามรักษาสถานการณ์รอบด้านทุก
00:08:45 → 00:08:48 อย่างเอาไว้กับตัวพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ
00:08:48 → 00:08:51 จะพยายามรักษา cesqeaux เอาไว้อย่างสุด
00:08:51 → 00:08:55 ลิ่มทิ่มประตูคนที่มีความสุขจึงมักจะไม่
00:08:55 → 00:08:57 ค่อยอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองเพราะไม่เห็น
00:08:57 → 00:09:00 ความจำเป็นอะไรที่จะต้องทำอย่างนั้นดัง
00:09:00 → 00:09:03 นั้นคนที่มีความสุขจึงมักจะมีแรงขับ
00:09:03 → 00:09:06 เคลื่อนในชีวิตน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบ
00:09:06 → 00:09:09 กับคนที่กำลังเศร้าหรือมีอารมณ์เนี่ยลบ
00:09:09 → 00:09:12 เพราะเข้าจริงความเศร้าทำหน้าที่เป็น
00:09:12 → 00:09:16 สัญญาณเตือนอ่อนๆด้วยว่าเราควรต้อง
00:09:16 → 00:09:19 เปลี่ยนแปลงชีวิตที่เป็นอยู่จึงไปกระตุ้น
00:09:19 → 00:09:22 ให้ใช้ความพยายามและลงทุนลงแรงเปลี่ยน
00:09:22 → 00:09:26 แปลงตัวเองมากกว่าความสุขเขายังบอกได้ว่า
00:09:26 → 00:09:30 คนที่อยู่ในอารมณ์เศร้าจะทำงานยากยากและ
00:09:30 → 00:09:34 งานที่ต้องใช้ความอดทนทำเช่นงานฝีมืองาน
00:09:34 → 00:09:37 ที่ต้องใช้ความละเอียดต่างๆได้ดีกว่าคน
00:09:37 → 00:09:39 ที่กำลังมีความสุขอาดังหนึ่งก็อาจจะเป็น
00:09:39 → 00:09:42 เพราะคนที่กำลังเศร้าอยากเบี่ยงเบนความสน
00:09:42 → 00:09:45 ใจของตัวเองไปจากเรื่องเศร้าด้วย
00:09:45 → 00:09:50 ข้อ 4 ในบางกรณีความเศร้าทำให้
00:09:50 → 00:09:55 ปฏิสัมพันธ์ดีขึ้นโดยปกติแล้วความสุขจะไป
00:09:55 → 00:09:57 เพิ่มปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนกับคนให้ดีขึ้น
00:09:57 → 00:10:00 เพราะว่าคนที่มีความสุขจะยิ้มง่ายกว่า
00:10:00 → 00:10:04 อยากสื่อสารกับคนอื่นมากกว่าทำให้คนทั่ว
00:10:04 → 00:10:07 ไปชอบคนที่มีความสุขมากกว่าคนที่กำลัง
00:10:07 → 00:10:11 เศร้าแต่ในบางสถานการณ์ก็กลับกันเพราะมี
00:10:11 → 00:10:14 การทดลองหนึ่งที่ให้ผู้เข้าร่วมไปดูหนัง
00:10:14 → 00:10:17 แฮปปี้กับหนังเศร้าแล้วหลังจากดูหนังแล้ว
00:10:17 → 00:10:22 ก็ต้องไปขอเอกสารแต่คนอื่นปรากฏว่าคนที่
00:10:22 → 00:10:25 เศร้าจะไปขอเอกสารด้วยท่าทีที่สุภาพกว่า
00:10:25 → 00:10:29 ระมัดระวังตัวมากกว่าค่อยเป็นค่อยไปมาก
00:10:29 → 00:10:32 กว่าว่าในขณะที่คนที่ดูหนังสุขสนุกสนานมา
00:10:32 → 00:10:36 จะตรงเข้าไปขอแบบดื้อและใช้วิธีที่สุภาพ
00:10:36 → 00:10:40 น้อยกว่าจะทำให้คนที่เศร้ามีโอกาสได้รับ
00:10:40 → 00:10:44 เอกสารมากกว่าคนที่มีความสุขอย่างไรก็ตาม
00:10:44 → 00:10:48 ทั้งหมดนี้ต้องเน้นยามไว้ได้ว่าความเศร้า
00:10:48 → 00:10:52 ในที่นี้ไม่ใช่โรคซึมเศร้าเพราะความเศร้า
00:10:52 → 00:10:55 เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในคนทั่วไปแต่โรคซึม
00:10:55 → 00:10:58 เศร้าเป็นอาการที่เกิดจากสารเคมีในสมอง
00:10:58 → 00:11:02 ความเศร้าเป็นประโยชน์ก็จริงแต่ก็เป็น
00:11:02 → 00:11:05 ประโยชน์ไปถึงระดับหนึ่งแต่ถ้าคุณเศร้า
00:11:05 → 00:11:08 ดิ่งลึกถึงระดับเป็นโรคซึมเศร้าก็ไม่
00:11:08 → 00:11:11 สามารถบอกได้ว่าเป็นประโยชน์ทฤษฎีหรือ
00:11:11 → 00:11:14 วัฒนาการบอกเราว่าทุกอารมณ์ที่เกิดขึ้น
00:11:14 → 00:11:18 กับเราล้วนแล้วแต่มีที่มาบางอย่างและทำ
00:11:18 → 00:11:21 ให้เราอยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงทุกวันนี้ได้
00:11:21 → 00:11:26 ดังนั้นในเวลาที่คุณเศร้าจึงอยากชวนคุณมา
00:11:26 → 00:11:29 พริกมุมมองดูความเศร้าของตัวเองบ้างบางที
00:11:29 → 00:11:32 เราอาจเห็นคุณค่าและประโยชน์ของความเศร้า
00:11:33 → 00:11:36 อย่างที่เราคิดไม่ถึงก็เป็นได้กด
00:11:36 → 00:11:39 ติดตามฟังบทความของ The Sand ด่านที่จะ
00:11:39 → 00:11:42 ช่วยให้ชีวิตดีและมีความสุขในรูปแบบของ
00:11:42 → 00:11:45 Audio article ได้ทุกพอดแคสต์ Player
00:11:45 → 00:11:48 ที่คุณชัย spotify soundcloud และ
00:11:48 → 00:11:51 YouTube