00:00:00 → 00:00:03 ปั่นหูแคะหูบ่อยๆก็ยิ่งทำให้คันบ่อยขึ้น
00:00:03 → 00:00:05 ก็ติดนิสัยทำให้อยากจะปั่นบ่อยๆมันก็เป็น
00:00:05 → 00:00:08 วงจรอุบาทแบบนี้การปั่นการแคะเนี่ยอาจจะ
00:00:08 → 00:00:11 นำพาไปสู่การติดเชื้อได้หรือว่าใช้
00:00:11 → 00:00:14 อุปกรณ์ที่มันแหลมคมเยื่อแก้วหูทะลุหูฟัง
00:00:14 → 00:00:16 แบบอินเอียเนี่ยมันเพิ่มโอกาสในการติด
00:00:16 → 00:00:19 เชื้อและขี้หูตันง่ายขึ้นหูอื้อหูได้ยิน
00:00:19 → 00:00:21 ผิดปกติเวียนหัวบ้านหมุนมีเสียงในหูอะไร
00:00:21 → 00:00:24 ต่างๆความดันในช่องหูชั้นกลางมันปรับผิด
00:00:24 → 00:00:27 ปกติเวลาขึ้นลงที่สูงขึ้นลงลิฟตขึ้นลง
00:00:27 → 00:00:30 เครื่องบินบางคนหูอื้อปวดหูค้างเลย
00:00:30 → 00:00:33 เปลี่ยนหัวมึนงตื้อๆในหัวเดินแล้วแบบโครง
00:00:33 → 00:00:36 เครลงอยู่ดีๆแบบป๊อกเลยคือหูข้างนึงมัน
00:00:36 → 00:00:39 ไม่ได้ยินเลยโรคประสาทหูดับฉำลังรีบไปหา
00:00:39 → 00:00:41 หมอดีกว่า
00:00:41 → 00:00:48 >> เกลาแก้โรคเกลานิสัยห่างไกลโรค
00:00:48 → 00:00:51 >> สวัสดีค่ะยินดีต้อนรับเข้าสู่รายการเกลา
00:00:51 → 00:00:53 แก้โรคค่ะทอปิวันนี้นะคะเราจะมาคุยกัน
00:00:53 → 00:00:56 เรื่องของหูที่ฟังแล้วจะต้องร้องว่า
00:00:56 → 00:00:59 อู้ฮู้เพราะว่าเรื่องของหูนะคะมันมีโรค
00:00:59 → 00:01:00 ซ่อนต้นอยู่มากกว่าที่เราคิดค่ะวันนี้
00:01:00 → 00:01:03 แพนด้าก็อยู่กับคุณหมอไมค์นะคะแพทย์เฉพาะ
00:01:03 → 00:01:05 ทางด้านหูคอจมูกและเวชศาสตร์การนอนหลับ
00:01:05 → 00:01:06 สวัสดีค่ะคุณหมอ
00:01:06 → 00:01:07 >> สวัสดีครับน้องแพนด้า
00:01:08 → 00:01:10 >> ในที่สุดเราก็มาถึงเรื่องของหูกันแล้ว
00:01:10 → 00:01:10 >> อ่า
00:01:10 → 00:01:11 >> อย่างยาวนาน
00:01:11 → 00:01:12 >> ครับ
00:01:12 → 00:01:14 >> วันนี้ใครอยากขอความรู้จากคุณหมอเกี่ยว
00:01:14 → 00:01:17 กับเรื่องของหูเราปกติอ่ะแพนด้าว่าทุกๆคน
00:01:17 → 00:01:19 เนาะรวมถึงแพนด้าก็จะรู้สึกว่าหูก็คือหู
00:01:20 → 00:01:21 แล้วที่เรารู้จักหูอ่ะก็อาจจะมีแค่เรื่อง
00:01:21 → 00:01:22 ของขี้หู
00:01:22 → 00:01:25 >> อ่าแต่จริงๆแล้วมันมีอะไรมากกว่านั้นใช่
00:01:25 → 00:01:27 มั้ยคะในหูของเราเนี่ยค่ะมันประกอบด้วย
00:01:27 → 00:01:28 ยังไงบ้างคะ
00:01:28 → 00:01:31 >> โครงสร้างของหูหูเนี่ยมันมี 3 ชั้นด้วย
00:01:31 → 00:01:33 กันนะครับถ้าพูดถึงโครงสร้างคร่าวๆเนี่ย
00:01:33 → 00:01:36 ก็คือจะมีหูชั้นนอกเนาะหูชั้นนอกก็คือใบ
00:01:36 → 00:01:39 หูนี่แหละใบหูนะครับรวมทั้งรูหูที่จะเป็น
00:01:39 → 00:01:42 ช่องที่จะมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปได้รวมทั้ง
00:01:42 → 00:01:45 มีการสร้างขี้หูร่วมด้วยแล้วพอสิ้นสุดจาก
00:01:45 → 00:01:48 รูหูเนี่ยรูหูเราจะมีความยาวประมาณ 2.5
00:01:48 → 00:01:50 ซม.ที่เอานิ้วเข้าไปได้เนี่ยนะครับหรือ
00:01:50 → 00:01:52 บางทีเด็กก็จะมีความยาวประมาณไม่ถึง 2
00:01:52 → 00:01:56 ซม.นนะครับพอเลยจากรูหูไปแล้วเนี่ยจุด
00:01:56 → 00:01:58 สิ้นสุดของรูหูจะเป็นเยื่อแก้วหูเยื่อ
00:01:59 → 00:02:02 แก้วหูเป็นคล้ายๆกระดาษบางๆบางเท่ากระดาษ
00:02:02 → 00:02:04 สานะครับที่จะเป็นจุดกั้นระหว่างหูชั้น
00:02:04 → 00:02:08 นอกและหูชั้นกลางพอเข้าไปในหูชั้นกลางเรา
00:02:08 → 00:02:11 เนี่ยหลังเยื่อแก้วหูจะเป็นช่องโล่งๆที่
00:02:11 → 00:02:14 มีกระดูกนำเสียงอยู่ชื่อว่ากระดูกคอนทั่ง
00:02:14 → 00:02:16 โกนเราอาจจะเคยได้ยินกันเนอะว่าตอนเด็กๆ
00:02:16 → 00:02:18 นะมีกระดูก 3 ชิ้นนะครับแล้วก็กระดูดคอน
00:02:19 → 00:02:21 ท่างโกนเนี่ยนะครับเราก็จะนำไปสู่หูชั้น
00:02:21 → 00:02:23 ในละหูชั้นในก็จะเป็นบริเวณที่บรรจุ
00:02:23 → 00:02:27 อวัยวะในการที่จะรับเสียงและการทรงตัว
00:02:27 → 00:02:29 อยู่หูชั้นในจะมี 2 หน้าที่นะครับก็คือ
00:02:29 → 00:02:32 เรื่องของการรับเสียงจะมีอวัยวะเป็นรูปขด
00:02:32 → 00:02:36 หอยที่มีโครงสร้างในการที่จะรับมีขนที่
00:02:36 → 00:02:38 เป็นเซลล์ขนเนี่ยรับรู้เสียงนะครับแล้วก็
00:02:38 → 00:02:41 มีเกี่ยวกับการทรงตัวจะมีโครงสร้างคล้ายๆ
00:02:41 → 00:02:44 เป็นหู 3 หูรวมทั้งมีกระเปาะข้างในด้วย
00:02:44 → 00:02:46 ที่เราจะมีหินปูนข้างในเราอาจจะเคยรู้จัก
00:02:46 → 00:02:48 โรคตะวันหินปูนในหูหลุดอะไรอย่างเงี้ยจะ
00:02:49 → 00:02:51 มีกระเปาะข้างในเป็นกระเปาะที่มีหินปูน
00:02:51 → 00:02:53 ภายในรับรู้การทรงตัวในแนวระนาบแนวดิ่ง
00:02:53 → 00:02:56 เพื่อให้หูเราเนี่ยเรามีการเคลื่อนไหวจะ
00:02:56 → 00:02:58 ได้รู้ว่าโอเคนี้เคลื่อนไหวแบบไหนแบบไหน
00:02:58 → 00:03:00 นะเพราะฉะนั้นในหูจะมีส่วนประกอบทั้งหมด 3
00:03:00 → 00:03:04 ชั้นแล้วก็มีหน้าที่ในการที่จะอ่าทำให้หู
00:03:04 → 00:03:06 เนี่ยได้ยืนและการทรงตัวนะครับ
00:03:06 → 00:03:09 >> เราขอเริ่มจากหูชั้นนอกที่ตาเรามองเห็น
00:03:09 → 00:03:11 ก่อนแล้วก็อย่างที่คุณหมอบอกว่าจริงๆรูหู
00:03:11 → 00:03:14 ของคนเราคือมันยังอยู่ในชั้นนอกที่เรา
00:03:14 → 00:03:16 สามารถเอานิ้วเข้าไปได้หรือแหย่เข้าไปได้
00:03:16 → 00:03:18 เนี่ยมันจะประมาณไม่เกิน 2.5 ซม.ประมาณ
00:03:18 → 00:03:21 นี้แล้วอันนี้ชั้นนอกเนี้ยค่ะมันมีโรค
00:03:21 → 00:03:24 อะไรหรือว่ามีอะไรที่เราต้องระวังบ้างได้
00:03:24 → 00:03:26 หูชั้นนอกในช่องหูเราเนี่ยก็จะมีต่อมไข
00:03:26 → 00:03:29 มันนะครับที่มันสร้างขี้หูขึ้นมาขี้หู
00:03:29 → 00:03:32 เนี่ยคืออะไรมันคือไขมันนะร่วมกับเป็นพวก
00:03:32 → 00:03:35 เศษเนื้อตายที่ไม่ได้ทำหน้าที่แล้วในหู
00:03:35 → 00:03:38 เนี่ยนะครับก็จะเกิดเป็นขี้หูเกิดขึ้นขี้
00:03:38 → 00:03:41 หูมีหน้าที่อะไรบ้าง 1 คือกลไกในการปก
00:03:41 → 00:03:43 ป้องนะครับปกป้องให้เวลามีสิ่งแปลกปลอมไป
00:03:43 → 00:03:47 ในหูเนี่ยมันไม่เข้าไปในหูชันลึกๆได้นะมี
00:03:47 → 00:03:49 ขี้หูเนี่ยเนี่ยบางส่วนเนี่ยกั้นไว้อยู่
00:03:49 → 00:03:51 แมลงที่จะเข้าไปมันเจอขี้หูมันก็มันก็อาจ
00:03:51 → 00:03:53 จะแบบไม่เข้าลึกหรือว่ามีสิ่งแปลกปลอม
00:03:53 → 00:03:56 เช่นมีเม็ดทรายเม็ดผงอะไรเข้าไปมันก็ถูก
00:03:56 → 00:04:00 ขี้หูเนี่ยกั้นไว้นะครับอีกกลไกนึงคือขี้
00:04:00 → 00:04:03 หูเรามีความเป็นกรดด่างที่ทำให้สภาพใน
00:04:03 → 00:04:05 ช่องหูเราเนี่ยมีสมดุลกดด่างและไม่ติด
00:04:05 → 00:04:09 เชื้อง่ายบางคนชอบไปปั่นหูแคะหูบ่อยๆเนาะ
00:04:09 → 00:04:13 ทำให้หูมันมีความเสียสมดุลกดด่างนั้นหูก็
00:04:13 → 00:04:15 จะติดเชื้อง่ายขึ้นเกราะป้องกันของการติด
00:04:15 → 00:04:18 เชื้อมันมันหายไปหูก็จะคันง่ายระคายเคือง
00:04:18 → 00:04:21 แห้งง่ายหรือติดเชื้อง่ายนะครับสุดท้ายก็
00:04:21 → 00:04:24 คือว่าในการหล่อลื่นภายในช่องหูที่หูทำ
00:04:24 → 00:04:26 ให้หูเราเนี่ยมีความชุ่มชื้นเล็กน้อย
00:04:26 → 00:04:29 เพื่อทำให้หูไม่แห้งเกินนะครับถ้าแห้ง
00:04:29 → 00:04:31 เกินเนี่ยจะก่อให้เกิดอาการคันซึ่งหลายๆ
00:04:31 → 00:04:34 คนชอบไปปั่นไปแคะก็ยิ่งทำให้คันบ่อยขึ้น
00:04:34 → 00:04:37 ก็ติดนิสัยทำให้อยากจะปั่นบ่อยๆมันก็เป็น
00:04:37 → 00:04:39 วงจรอุบาทแบบนี้นะครับ
00:04:39 → 00:04:41 >> แล้วอย่างคือการที่เราผันอ่าอย่างคอตบั
00:04:41 → 00:04:43 ที่เราเอามาปั่นหูเนี่ยหลังจากที่เราอาบ
00:04:43 → 00:04:45 น้ำซึ่งเราทำกันเป็นรูทีนเลยด้วยซ้ำเนาะ
00:04:45 → 00:04:48 บางคนพอรู้สึกว่ามันสบายตัวเอิ่มหลังอาบ
00:04:48 → 00:04:51 น้ำหรือเวลาช่วงที่มันมีน้ำเข้าไปในหูค่ะ
00:04:51 → 00:04:53 เราจะเอาน้ำออกยังไงคะถ้าไม่ใช้คอตันบั
00:04:53 → 00:04:55 >> ใช่ 1 คือเราปั่นเพราะเราฟินหรือเปล่าเรา
00:04:55 → 00:04:58 ชอบเป็นนิสัยหรือเปล่าก็ต้องดูว่าเออมัน
00:04:58 → 00:05:00 มีน้ำค้างอยู่จริงมเนาะถ้าเกิดว่าเรารู้
00:05:00 → 00:05:02 สึกว่าหลังอาบน้ำเนี่ยรู้สึกมีความแฉะ
00:05:02 → 00:05:05 ชื้นในช่องหูเนี่ยสามารถจะเปิดพัดลมเป่า
00:05:05 → 00:05:08 ในช่องหูได้ให้หูมันแห้งเองหรือเปิดไดใน
00:05:08 → 00:05:10 โหมดที่ไม่ร้อนเนี่ยครับเปิดห่างๆให้ลม
00:05:10 → 00:05:13 เข้าในหูสักพักหูก็แห้งเองนะครับเราจะไม่
00:05:13 → 00:05:16 ใช้วิธีในการที่เอาน้ำเยอะคือเทน้ำปริมาณ
00:05:16 → 00:05:19 เยอะเข้าไปเพื่อจะนำพาน้ำปริมาณน้อยออกมา
00:05:19 → 00:05:20 >> อที่แบบกรอก
00:05:20 → 00:05:22 >> อ่ากรอกเข้าไปอีกเนี่ยเรายิ่งทำให้หูมัน
00:05:22 → 00:05:24 มีโอกาสติดเชื้อเพราะเราเอาของไม่สะอาด
00:05:24 → 00:05:27 เข้าไปในหูเพราะฉะนั้นการที่จะปั่นการแคะ
00:05:27 → 00:05:30 เนี่ยไม่ต้องทำเป็นรูทีนเนาะนานๆจะโอเคจะ
00:05:30 → 00:05:32 ปั่นใช้ความสะอาดทีนิดหน่อยอะไรอย่าง
00:05:32 → 00:05:35 เงี้ยก็ทำนานๆครั้งได้แต่ว่าการทำทุกวัน
00:05:35 → 00:05:37 เ่ะมีโอกาสจะเกิดการบาดเจ็บบางคนเป็นชนิด
00:05:37 → 00:05:40 ขี้หูที่เป็นขี้หูเหนียวเนี่ยนะครับจะทำ
00:05:40 → 00:05:43 ให้เวลาเราใส่คอตบัเข้าไปในหูเนี่ยมันจะ
00:05:43 → 00:05:45 ดันให้ขี้หูมันยิ่งอัดแน่นแล้วก็ตันง่าย
00:05:45 → 00:05:47 ขึ้นขี้หูถูกมีกลไกในการที่จะผลักตัวเอง
00:05:47 → 00:05:50 ออกมาได้อยู่แล้วแต่ละคนน่ะการที่มันจะ
00:05:50 → 00:05:52 ตันไม่ตันมันแล้วแต่ปัจจัย 1 ก็คือ
00:05:52 → 00:05:54 พันธุกรรมด้วยพันธุกรรมบางคนขี้หูแห้งบาง
00:05:54 → 00:05:57 คนขี้หูเหนียวเนาะคนที่ขี้หูแห้งเนี่ยก็
00:05:57 → 00:05:59 ค่อนข้างจะไม่ค่อยตันมันจะเป็นผงๆออกมา
00:05:59 → 00:06:02 ได้ง่ายแต่ขี้หูเหนียวเนี่ยมันก็จะเกาะ
00:06:02 → 00:06:05 ติดในผนังในช่องรูหูแล้วพอเราไปปั่นอีก
00:06:05 → 00:06:08 เนี่ยโอกาสจะยิ่งตันก็ง่ายขึ้นนะครับรวม
00:06:08 → 00:06:11 ทั้งโครงสร้างของช่องหูบางคนช่องหูเล็ก
00:06:11 → 00:06:14 ช่องหูแคบขี้หูก็ตันได้ง่ายขึ้นนะหรือคน
00:06:14 → 00:06:16 ที่มีโรคจำตัวเช่นโรคภูมิแพ้พวกเนี้ยเรา
00:06:16 → 00:06:18 มักจะเจอว่าคนไข้พวกเนี้ยจะมีขี้หูที่
00:06:18 → 00:06:20 ค่อนข้างเหนียวค่อนข้างเยอะได้เพราะ
00:06:20 → 00:06:22 ฉะนั้นมันก็แล้วแต่บุคคลนะครับ
00:06:22 → 00:06:25 >> แล้วการที่ขี้หูตันน่ะค่ะมันก็แค่ขี้หู
00:06:25 → 00:06:27 ตันหรือว่าขี้หูตันเนี่ยมันจะทำให้เรา
00:06:27 → 00:06:28 เกิดอะไรขึ้นบ้าง
00:06:28 → 00:06:30 >> ส่งผลยังไงต่อร่างกายบ้างเนาะปกติแล้ว
00:06:30 → 00:06:33 เนี่ยนะครับถ้าการที่มีขี้หูส่วนนึงในหู
00:06:33 → 00:06:37 เป็นปกติของร่างกายไม่ก่อให้เกิดโรคเนาะ
00:06:37 → 00:06:40 แต่ถ้ามันมีปริมาณเยอะจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
00:06:40 → 00:06:42 1 ก็คือว่าขี้หูอุดตันจนทำให้เราได้ยิน
00:06:42 → 00:06:45 น้อยลงจะรู้สึกว่าบล็อกกันได้ยินไม่เท่า
00:06:45 → 00:06:47 กันปกติมันจะไม่ตันพร้อมกันทีเดียว 2
00:06:47 → 00:06:50 ข้างป๊กพร้อมกันมันจะตันไวข้างใดข้าง
00:06:50 → 00:06:52 หนึ่งก่อนจะรู้สึกว่าการได้ยินเนี่ยมัน
00:06:52 → 00:06:54 มันไม่เท่ากันเช่นฟังหูฟังแล้วรู้สึกไอ้
00:06:54 → 00:06:57 หูข้างเมันได้ยินชัดแต่ต้องไม่เสียนะอแต่
00:06:57 → 00:06:59 อีกข้างนมันได้ยินไม่ชัดจังเลยอะไรอย่าง
00:06:59 → 00:07:01 เงี้ยเราก็ต้องดูว่าเออหรือว่าเรามีปัญหา
00:07:01 → 00:07:03 การได้ยินสูญเสียข้างใดข้างหนึ่งนะครับก็
00:07:03 → 00:07:05 ต้องมาหาหมอเพื่อเอาออกนอกจากการที่ขี้หู
00:07:05 → 00:07:08 ตันจะทำให้เราได้ยินเสียงน้อยบางอย่างก็
00:07:08 → 00:07:11 จะมีเอ่ออย่างเช่นภาวะที่มันตันทำให้มี
00:07:11 → 00:07:13 การอักเสบของช่องหูก็เป็นไปได้เหมือนกัน
00:07:13 → 00:07:16 ที่หูมันบวมน้ำสมมุตินะที่หูมันปริมาณไม่
00:07:16 → 00:07:19 ได้เยอะมากมันก็อยู่ในหูแต่พอเจอน้ำเช่น
00:07:19 → 00:07:22 ว่ายน้ำอาบน้ำแล้วน้ำเข้ามันอุ้มน้ำมัน
00:07:22 → 00:07:26 บวมเป่งในหูก็มีอาการปวดหูหรือหูติดเชื้อ
00:07:26 → 00:07:28 ได้หรือบางคนถ้ามันบวมเยอะหรืออัดแน่น
00:07:28 → 00:07:31 เยอะมีผลต่อการทรงตัวเพราะว่ามันก็จะ
00:07:31 → 00:07:34 เพิ่มความดันไปในหูชั้นกลางแล้วก็ไปสู่หู
00:07:34 → 00:07:36 ชั้นในบางคนก็มีอาการเวียนหัวบ้านหมุน
00:07:36 → 00:07:38 มึนงงได้เหมือนกันอ
00:07:38 → 00:07:38 >> นะครับ
00:07:38 → 00:07:42 >> ขอกลับมาที่เรื่องการแค่ขี้หูนิดนึง
00:07:42 → 00:07:44 >> เดี๋ยวเนี้ยมันจะมีนวัตกรรมที่ว่าจะมีขาย
00:07:44 → 00:07:45 ทั่วไปเลยอ่ะ
00:07:45 → 00:07:49 >> เป็นไม้แค้หูที่มีกล้องสามารถส่องได้ดูใน
00:07:49 → 00:07:52 โทรศัพท์ได้ดูในสมาร์ทโฟนได้เลยว่า
00:07:52 → 00:07:54 >> เอ้ยตอนนี้เป็นยังไงแล้วเราก็ฟินเนาะเวลา
00:07:54 → 00:07:55 พอเห็นเราก็อยากแพ้อย่างเงี้ยค่ะ
00:07:55 → 00:07:56 >> มันอันตรายมั้คะ
00:07:57 → 00:08:00 >> มีความอันตรายอยู่พอสมควรเพราะว่าอุปกรณ์
00:08:00 → 00:08:03 ที่มันปลายมันค่อนข้างแหลมคมเนี่ยมันก็มี
00:08:03 → 00:08:05 โอกาสจะบาดเจ็บภายในช่องหูได้เพราะช่องหู
00:08:05 → 00:08:08 มันบอบบางมากนะครับแล้วก็ปลายมันอาจจะมี
00:08:08 → 00:08:12 ไฟมีความร้อนเกิดขึ้นก็เกิดความร้อนของ
00:08:12 → 00:08:15 ตัวไฟได้นะครับหูเนี่ยนะครับบางทีเราเข้า
00:08:15 → 00:08:18 ไปแค่ 2 ซม.กวาดเนี่ยสิ้นสุดทางมันคือ
00:08:18 → 00:08:21 เยื่อแก้วหูเพราะฉะนั้นมันบอบบางมากถ้า
00:08:21 → 00:08:24 เกิดว่าฟลุ๊กโอเคคิออกได้ในปริมาณที่
00:08:24 → 00:08:26 เหมาะสมแล้วไม่บาดเจ็บอันนั้นก็เป็นข้อดี
00:08:26 → 00:08:29 แต่จำนวนนึงที่คนทำแล้วมันบาดเจ็บเนาะมัน
00:08:29 → 00:08:32 ไปเขี่ยโดนผนังในช่องหูหรือเป็นแผลที่
00:08:32 → 00:08:34 เยื่อแก้วหูก็มีเหมือนกันเพราะฉะนั้น
00:08:34 → 00:08:38 เนี่ยก็แนะนำว่าเราอาจจะส่องแค่ดูแต่ว่า
00:08:38 → 00:08:40 ในการเข้าไปแคะไปเขี่ยเนี่ยมีโอกาสบาด
00:08:40 → 00:08:42 เจ็บสูงนะครับก็อาจจะปรึกษาคุณหมอถ้ามี
00:08:42 → 00:08:45 ขี้หูค่อนข้างตันเยอะก็มีอุปกรณ์ในการที่
00:08:45 → 00:08:47 จะเอาออกโดยแพทย์แพทย์อ่าเช่นอุปกรณ์ครีบ
00:08:47 → 00:08:50 หรือว่าอุปกรณ์เป็นพวกsuชัในการดูดเนี่ย
00:08:50 → 00:08:52 ก็จะปลอดภัยมากกว่านะครับ
00:08:52 → 00:08:54 >> อที่ฟังมานั้นแปลว่าจริงๆถ้าเรื่องของขี้
00:08:54 → 00:08:57 หูอ่ะเขามีระบบเ cleaning คือเขาจัดการ
00:08:57 → 00:08:57 ตัวเอง
00:08:58 → 00:08:58 >> ใช่
00:08:58 → 00:08:59 >> คือเราไม่ต้องไป
00:08:59 → 00:09:02 >> ในในปริมาณถ้าเกิดปริมาณที่สร้างไม่ได้
00:09:02 → 00:09:04 เยอะมากเนี่ยร่างกายจะมีการผลัดออกมาเอง
00:09:04 → 00:09:06 ถ้าเป็นคนที่ขี้หูไม่ได้เหนียวนะครับแต่
00:09:06 → 00:09:09 ถ้าเป็นขี้หูเหนียวเนี่ยบางทีการที่เราจะ
00:09:09 → 00:09:12 ไปแคะเขี่ยเองเนี่ยมันออกมายากมีแต่จะ
00:09:12 → 00:09:14 เพิ่มการอุดกันเพิ่มให้มันดันมากขึ้น
00:09:15 → 00:09:17 อย่างเงี้ยครับแล้วก็จะเอาออกไม่ได้ส่วน
00:09:17 → 00:09:19 มากคนที่มีปัญหาขี้หูเหนียวเนี่ยหมอก็จะ
00:09:19 → 00:09:22 นัดติดตามอาจจะปีละครั้งหรือว่าปีละ 2
00:09:22 → 00:09:24 ครั้งเพื่อเอาออกก็จะมีคนบางกลุ่มที่ที่
00:09:24 → 00:09:25 ขี้หูสร้างมากจริงๆนะครับ
00:09:25 → 00:09:28 >> แล้วเราจะรู้ได้ยังไงคะว่าเราขี้หูแห้ง
00:09:28 → 00:09:28 หรือเหนียวอ่ะ
00:09:28 → 00:09:31 >> พวกนี้จะเราจะพอรู้เนาะจากการที่บางที
00:09:31 → 00:09:34 เนี่ยภายนอกหูก็จะมีลักษณะขุยของผงที่
00:09:34 → 00:09:36 เป็นขี้หูที่เป็นแห้งๆอะไรอย่างเงี้ยหรือ
00:09:36 → 00:09:38 บางคนก็ถ้าเป็นขี้หูเหนียวจะเป็นคราบสี
00:09:38 → 00:09:41 เข้มๆดำๆอย่างี้มากกว่านะครับอีกอย่างนึง
00:09:41 → 00:09:44 ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือการใช้หูฟังเดี๋ยว
00:09:44 → 00:09:46 นี้เราก็ทำงานออนไลน์หรือว่าต้องใช้หูฟัง
00:09:46 → 00:09:49 เยอะเนี่ยหูฟังแบบอินเอียเนี่ยนะครับที่
00:09:49 → 00:09:51 เป็นแบบที่อุมีอุปกรณ์บางส่วนเข้าไปในหู
00:09:51 → 00:09:53 เนี่ยมันเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อและขี้หู
00:09:53 → 00:09:56 ตันง่ายขึ้นโดยเฉพาะถ้าขี้หูเป็นคนขี้หู
00:09:56 → 00:09:58 เหนียวเนี่ยการที่เราใช้หูฟังเนี่ยมัน
00:09:58 → 00:10:01 เป็นการ push เอาขี้หูดันเข้าไปข้างในนะ
00:10:01 → 00:10:03 ครับก็ทำให้หูติดเชื้อเพราะว่าเวลาเราใช้
00:10:03 → 00:10:05 หูฟังนานๆเนี่ยเราจะสังเกตมว่าเรารู้สึก
00:10:06 → 00:10:08 มีเหมือนเหงื่อออกในหูอ่ะหูมันจะเริ่มแบบ
00:10:08 → 00:10:11 แฉะมีความชื้นในหูถ้าเราใช้นานๆอ่ะนะครับ
00:10:11 → 00:10:12 ถ้าเราไม่
00:10:12 → 00:10:15 >> เอ่อให้เวลาที่จะถอดมาบ้างเลยเนี่ยหูมัน
00:10:15 → 00:10:17 ชื้นมันแฉะมันก็ติดเชื้อได้ั้นคำแนะนำก็
00:10:17 → 00:10:20 คือว่าเราใช้หูฟังประเภทเนี้ยจริงๆแล้ว
00:10:20 → 00:10:23 แบบที่เป็นครอบหูอ่ะน่าจะเซฟกับช่องหูมาก
00:10:23 → 00:10:26 กว่ารวมทั้งเรื่องของประสาทการได้ยินด้วย
00:10:26 → 00:10:28 เวลาใช้หูฟังแบบครอบเนี่ยมันจะเซฟกว่าแบบ
00:10:28 → 00:10:31 ที่เป็น ine นะครับแล้วก็เวลาที่ใช้หูฟัง
00:10:31 → 00:10:34 เนี่ยเราจะเปิดไม่เกิน 50% ของความดังสูง
00:10:35 → 00:10:37 สุดคือไม่ควรจะเกินครึ่งหรือ 60% ของความ
00:10:37 → 00:10:40 ดังสูงสุดนะครับให้หูมันไม่ได้เจอกับ
00:10:40 → 00:10:43 เสียงที่ดังมากแล้วใช้เนี่ย 60 นาทีก็
00:10:43 → 00:10:46 ต้องมีเวลาพัก 60 เนาะความดังไม่เกิน 60%
00:10:47 → 00:10:48 แล้วก็ใช้ 60 นาทีก็ต้องพัก
00:10:48 → 00:10:50 >> พักนานแค่ไหนคะถึงจะใช้ได้อีกครั้ง
00:10:50 → 00:10:52 >> ก็ควรจะอย่างน้อยก็ต้อง 10-15 นาทีอะไร
00:10:52 → 00:10:54 อย่างงี้เนาะถ้าแนะนำจริงๆก็คือว่าวันนึง
00:10:54 → 00:10:57 ไม่ควรจะใช้นานมันไม่เกิน 1-2 ชมงนะครับ
00:10:57 → 00:11:00 แต่ถ้าใช้ก็ต้องมีเวลาพักบ้างนะครับอื
00:11:00 → 00:11:02 >> โอเคอันนี้คือเรื่องของขี้หู
00:11:02 → 00:11:05 >> อืหูชั้นนอกและนอกจากนี้หูชั้นนอกก็มี
00:11:05 → 00:11:08 สิ่งแปลกปลอมเข้าได้เช่นแมลงแมลงเข้าเนาะ
00:11:08 → 00:11:10 บางทีผมที่เราตัดผมด้วยนะมันอาจจะมีผมบาง
00:11:10 → 00:11:12 ส่วนดีดเข้าไปในหูก็เกิดเป็นสิ่งแปลกปลอม
00:11:12 → 00:11:15 ในหูได้ก็มีเสียงก๊อกแก๊กในหูได้ถ้ามีใน
00:11:15 → 00:11:18 เรื่องของแมลงเข้าหูอ่าเราก็จะนำว่าให้
00:11:18 → 00:11:20 ใช้น้ำมันพืชน้ำมันมะกอกน้ำมันที่มันไม่
00:11:20 → 00:11:22 ใช่น้ำมันเครื่องอ่ะนะอ่าคือจะหยอดเข้าไป
00:11:22 → 00:11:25 ในหูให้แมลงมันหยุดนิ่งและตายเพราะถ้าเรา
00:11:25 → 00:11:28 หยอดน้ำธรรมดาเนี่ยแมลงจะยิ่งดิ้นมันไม่
00:11:28 → 00:11:30 เสียชีวิตแต่ถ้าเป็นน้ำมันพืชเนี่ยมันจะ
00:11:30 → 00:11:32 มีความหนืดทำให้นองเขา้าเนี่ยนิ่งแล้วก็
00:11:32 → 00:11:34 เทออกมาก็จะหลุดออกมา
00:11:34 → 00:11:36 >> นะครับแต่ว่าถ้าเกิดว่าอ่ามันนิ่งแล้ว
00:11:36 → 00:11:38 แล้วมันไม่หลุดก็ต้องมาหาหมอให้หมอครีบ
00:11:38 → 00:11:39 ออก
00:11:39 → 00:11:40 >> อื
00:11:40 → 00:11:42 >> หยอดน้ำมันข้าหูหยอดแบบไหนคะมันไม่
00:11:42 → 00:11:43 อันตรายหรอคะ
00:11:43 → 00:11:45 >> น้ำมันพืชอันตรายน้ำมันพืชมันประกอบหรือ
00:11:45 → 00:11:47 ว่าเ
00:11:47 → 00:11:49 >> คือใช้อะไรหยดลงไป
00:11:49 → 00:11:53 >> ก็คือเราอาจจะค่อยๆกรอกให้มันเข้าในรูหู
00:11:53 → 00:11:56 นะครับแล้วก็จนท่วมในรูหูเลยเราก็สังเกต
00:11:56 → 00:11:59 ว่ามีแมลงลอยขึ้นมามนะครับหรือมันมีการ
00:11:59 → 00:12:02 นิ่งคือคนที่รู้สึกก็คือคนที่โดนแมลงเข้า
00:12:02 → 00:12:04 หูเองเนี่ยก็จะรู้สึกว่ามันมีการหยุดขยับ
00:12:04 → 00:12:06 หรือยังถ้ามันเริ่มนิ่งและไม่ค่อยมีการ
00:12:06 → 00:12:08 เคลื่อนไหวแล้วแปลว่ามันตายแล้วก็พลิก
00:12:08 → 00:12:10 ตะแคงเทมออก
00:12:10 → 00:12:10 >> อื
00:12:11 → 00:12:14 >> ถามแทนบางคนที่อาจจะสงสัยเว่าการกรอกไป
00:12:14 → 00:12:16 อย่างงั้นน่ะค่ะหูเรามันจะไม่ทะลุไปที่
00:12:16 → 00:12:17 อื่นอวัยวะอื่นหรอกค่ะ
00:12:17 → 00:12:19 >> ใช่หูเราเนี่ยคือก้นแก้วน้ำนึกภาพเป็นก้น
00:12:19 → 00:12:22 แก้วน้ำเนาะช่องหูเนี่ยความยาว 2.5 ซม.
00:12:22 → 00:12:25 สิ้นสุดทางคือเยื่อแก้วหูเพราะฉะนั้น
00:12:25 → 00:12:27 เนี่ยเราเอาน้ำมันเข้าไปเนี่ยมันก็คือ
00:12:27 → 00:12:29 เหมือนกับเราเทน้ำใส่แก้วและเมื่อแมลงตาย
00:12:30 → 00:12:32 เราก็เทออกคล้ายๆกับเหมือนเราเทน้ำออก
00:12:32 → 00:12:34 >> แต่ว่าเยื่อแก้วหูเป็นตัวกั้น
00:12:34 → 00:12:37 >> ปกติเยื่อแก้วหูมันจะแข็งแรงพอสมควรนะ
00:12:37 → 00:12:40 ครับเว้นแต่แมลงมันมีการเข้าไปแบบทำลาย
00:12:40 → 00:12:43 แล้วเป็นรูเป็นทะลุในเยื่อแก้วหูอันตราย
00:12:43 → 00:12:45 มีแมลงข้าวเราจะเอาคอตonบัไปแคะหูเนี่ย
00:12:45 → 00:12:48 ไม่ควรเพราะแมลงบางอย่างเนี่ยหมอเจอแมลง
00:12:48 → 00:12:50 สาบเจอหลายตัวแล้วแมลงสาบสังเกตมันจะมี
00:12:50 → 00:12:51 แง่งใช่มั้ย
00:12:51 → 00:12:52 >> ค่ะ
00:12:52 → 00:12:54 >> มีไอ้ไอ้ขามันน่ะก็จะมีแบบรอยแง่งอะไร
00:12:54 → 00:12:56 อย่างเงี้ยเเข้าไปอยู่ข้างในลึกๆเนี่ย
00:12:56 → 00:12:58 ใกล้ยาแกวหูแล้วเราไปปั่นอีกเนี่ยเราทำ
00:12:58 → 00:13:01 ให้น้องเขาแบบไปครูดในหูเราเนี่ยเนาะอัน
00:13:01 → 00:13:03 นี้ก็ยิ่งบาดเจ็บเพราะฉะนั้นถ้าแมลงเข้า
00:13:03 → 00:13:06 เราจะไม่แคะเด็ดขาดเลยเพราะมันจะยิ่งจะทำ
00:13:06 → 00:13:07 ร้ายเรามากขึ้น
00:13:07 → 00:13:08 >> อันนี้ในส่วนของหูชั้นนอก
00:13:08 → 00:13:12 >> ชั้นนอกะอ่ะกลางมั้ยกลางหูชั้นกลางเนี่ย
00:13:12 → 00:13:15 อ่ะมันเป็นห้องนึกภาพมันเป็นห้องอยู่นะ
00:13:15 → 00:13:17 หลังเยื่อแก้วหูเนี่ยจะเป็นเป็นห้องนึงะ
00:13:17 → 00:13:19 ที่มีกระดูกนำเสียงค่อนข้างโกนอยู่นะ
00:13:19 → 00:13:22 ปัญหาที่เกิดขึ้นในหูชั้นกลางที่พบได้
00:13:22 → 00:13:25 บ่อยคือปัญหาของความดันในช่องหูชั้นกลาง
00:13:25 → 00:13:28 มันปรับผิดปกติยกตัวอย่างเช่นเวลาขึ้นลง
00:13:28 → 00:13:31 ที่สูงขึ้นลงลิฟขึ้นลงเครื่องบินบางคนหู
00:13:31 → 00:13:33 อื้อปวดหูค้างเลยนะครับหรือดำน้ำก็ตาม
00:13:33 → 00:13:35 เนี่ยเราเป็นการเปลี่ยนแปลงความดำ
00:13:35 → 00:13:38 บรรยากาศภายนอกเราเนาะจากอากาศอ่าสมมุติ
00:13:38 → 00:13:40 อยู่ข้างบนเครื่องบินเนี่ยอากาศน้อยพอเรา
00:13:40 → 00:13:42 ร่อนดวงแรนดingเนี่ยบางคนปวดหูอากาศมัน
00:13:42 → 00:13:45 หนักขึ้นนะครับปกติกลไกของร่างกายเวลาเรา
00:13:45 → 00:13:47 เปลี่ยนบรรยากาศเราจะมีท่อปรับความดันใน
00:13:47 → 00:13:50 หูชั้นกลางที่จะเชื่อมมาอยู่ที่หลังโพรง
00:13:50 → 00:13:53 จมูกเเรียกว่าท่อAชan
00:13:53 → 00:13:56 ในการปรับความดันบรรยากาศในหูชั้นกลางให้
00:13:56 → 00:13:59 เท่าบรรยากาศภายนอกเสมอออโตมติด้วยการ
00:13:59 → 00:14:02 กลืนเขียวหาวมันจะมีการปรับความดันให้นะ
00:14:02 → 00:14:04 ครับยกตัวอย่างเช่นเราลงเครื่องบินร่อนลง
00:14:04 → 00:14:07 และเริ่มหูอื้อเราเริ่มเคี้ยวหมาฝรั่ง
00:14:07 → 00:14:11 ดื่มน้ำนะครับหูจะค่อยๆปรับแรงดันได้สัก
00:14:11 → 00:14:14 พักหูจะเริ่มป๊อกๆๆๆเคลียร์ความดันได้นะ
00:14:14 → 00:14:18 ครับท่อเทำหน้าที่อย่างดีเมื่อจมูกโล่ง
00:14:18 → 00:14:21 จมูกไม่มีการอักเสบไม่มีอาการฟึดฟัดมีน้ำ
00:14:21 → 00:14:24 มูกภูมิแพ้ทั้งหลายนะครับถ้าเกิดว่าจมูก
00:14:24 → 00:14:27 มีปัญหาจมูกตันคัดจมูกเป็นภูมิแพ้เวลา
00:14:27 → 00:14:29 ขึ้นลงเครื่องบินสังเกตมั้ยหูจะอื้อง่าย
00:14:29 → 00:14:32 นะครับเพราะท่อปรับความดันทำงานไม่ได้
00:14:32 → 00:14:34 แล้วก็บางคนเนี่ยออกแรงยกเวทหนักๆออก
00:14:34 → 00:14:36 กำลังกายหนักแล้วหูอื้ออันนี้เป็นกลไก
00:14:37 → 00:14:39 ปกติของร่างกายที่แรงดันมันเยอะขึ้นลมมัน
00:14:39 → 00:14:42 จะเข้าไปในหูได้นะครับเมื่อมีการกลืน
00:14:42 → 00:14:45 เคี้ยวหาวกินข้าวกินน้ำต่างๆหูมันโล่ง
00:14:45 → 00:14:47 ขึ้นได้เองกลไกปกติของร่างกาย
00:14:47 → 00:14:51 >> แล้วอย่างบางคนตอนโมโหหูก็อื้อเหมือนกัน
00:14:51 → 00:14:52 นะคะคุณหมอมันเกิดจากอะไร
00:14:52 → 00:14:53 >> จากอารมณ์
00:14:53 → 00:14:54 >> มันเกี่ยวมั้คะแรงดัน
00:14:55 → 00:14:57 >> เป็นได้คือเราหายใจเร็วหายใจแรงหายใจเร็ว
00:14:57 → 00:15:00 เนี่ยบางทีลมบางส่วนมันจะเข้าไปในหูชั้น
00:15:00 → 00:15:01 กลางได้
00:15:01 → 00:15:04 >> แต่เมื่อเรามีการปรับความดันในหูชั้นกลาง
00:15:04 → 00:15:06 ด้วยการกลืนเคี้ยวหาวเนี่ยท่อปรับความดัน
00:15:06 → 00:15:08 มาทำหน้าที่เนี่ยหูจะหายอื้อได้เองเว้น
00:15:08 → 00:15:11 แต่บางคนที่มีปัญหาเรื่องของท่อมันบวม
00:15:11 → 00:15:14 หรือว่ามีปัญหาอาการคัดจมูกมีน้ำมุกหรือ
00:15:14 → 00:15:16 เป็นหวัดพวกเนี้ยท่อก็จะทำหน้าที่ไม่ได้
00:15:16 → 00:15:19 ก็จะมีอาการหูอื้อค้างอยู่ได้
00:15:19 → 00:15:21 >> นะครับอืแล้วหูหูอื้อนานๆอันตรายมั้คะ
00:15:21 → 00:15:24 >> ต้องบอกว่าอื้อจากอะไรก็ต้องไปตรวจก่อน
00:15:24 → 00:15:26 ว่าเกิดจากอ่ะเบสิคที่สุดคือขี้หูหรือ
00:15:26 → 00:15:29 เปล่าถ้าหูอื้อนานๆแต่เป็นจากขี้หูเนี่ย
00:15:29 → 00:15:31 เอาออกก็จบแต่ถ้าไม่ใช่จากขี้หูก็จะเป็น
00:15:31 → 00:15:33 จากหูชั้นกลางและหูชั้นในและซึ่งก็ต้องไป
00:15:33 → 00:15:36 สืบหาต่อด้วยการตรวจการได้ยินว่าเป็นจาก
00:15:36 → 00:15:39 สาเหตุอะไรที่เจอบ่อยช่วงนี้คือจากหูชั้น
00:15:39 → 00:15:43 กลางก็คือ PM เยอะอากาศมีฝนมีฝุ่นจมูกก็
00:15:43 → 00:15:45 จะเริ่มเป็นภูมิแพ้จมูกเริ่มตันพอจมูกตัน
00:15:46 → 00:15:48 การเวียนอากาศในหูชั้นกลางก็เกิดไม่ดีก็
00:15:48 → 00:15:50 มีปัญหาหูอื้ออื้อซึ่งพวกนี้จะอื้อเป็น
00:15:51 → 00:15:53 ช่วงๆอย่างตอนเช้าหรือตอนดึกเนี่ยอื้อมาก
00:15:53 → 00:15:55 ตอนกลางวันก็อื้อน้อยลงอะไรอย่างเงี้ยจะ
00:15:55 → 00:15:58 มีความอื้อที่มันขึ้นลงเนาะแต่ถ้าหูอื้อ
00:15:59 → 00:16:01 ตลอดเท่ากันตลอดเวลาอันนี้ต้องอาจจะเป็น
00:16:01 → 00:16:02 หูชั้นในหรือเปล่า
00:16:02 → 00:16:02 >> อ
00:16:02 → 00:16:05 >> ก็ต้องตรวจกันได้ยินดูว่าเป็นสาเหตุอะไร
00:16:05 → 00:16:07 นะครับหรือบางคนเนี่ยเป็นหวัดแล้วเป็นหู
00:16:07 → 00:16:10 น้ำหนวกก็เป็นหูชั้นกลางเหมือนกันหูน้ำ
00:16:10 → 00:16:12 หนวกคือหูชั้นกลางติดเชื้อนะครับการเป็น
00:16:12 → 00:16:16 หวัดเนี่ยก็นำพาไปสู่ว่าเวลาอ่าเราเป็น
00:16:16 → 00:16:19 หวัดเราจะมีท่อที่หมอบอกจะเป็นท่อจากจมูก
00:16:19 → 00:16:21 กับหูหูนี่มันเชื่อมโยงกันในการปรับความ
00:16:21 → 00:16:23 ดันนะครับบางคนเป็นหวัดการติดเชื้อในลุก
00:16:23 → 00:16:25 ลามผ่านท่อเนี้เข้าไปในหูชั้นกลางก็ได้ก็
00:16:25 → 00:16:28 เกิดหูน้ำหนวกเกิดขึ้นก็ต้องมีการกินยา
00:16:28 → 00:16:31 ฆ่าเชื้อรักษากันต่อหรือเป็นการพ่นยาลง
00:16:31 → 00:16:32 จมูกพวกเนี้ยนะครับ
00:16:32 → 00:16:35 >> แล้วเราอาจจะเคยได้ยินมั้ฐานะที่เป็นคน
00:16:35 → 00:16:37 ไทยเราจะเคยได้ยินสิ่งนี้ก็คือน้ำในหูไม่
00:16:38 → 00:16:38 เท่ากัน
00:16:38 → 00:16:39 >> ไม่เท่ากันอ่ะ
00:16:39 → 00:16:40 >> ในหูมีน้ำจริงๆ
00:16:40 → 00:16:42 >> จะเข้าไปสู่หูชั้นในละเป็นการเปิดเรื่อง
00:16:42 → 00:16:45 ได้ดีมากนะฮะอ่ะหูชั้นในเนี่ยมันก็คือ
00:16:45 → 00:16:47 เป็นส่วนที่อยู่ลึกๆของหูและนะครับโครง
00:16:47 → 00:16:49 สร้างหูชั้นในจะอยู่ตรงใต้ใต้ฐานกะโหลก
00:16:49 → 00:16:52 และมันจะมีอวัยวะทำหน้าที่ 2 ประเด็นด้วย
00:16:52 → 00:16:55 กัน 1 คือการได้ยินการได้ยินจะเป็นหน้าตา
00:16:55 → 00:16:57 เหมือนขดหอยเเรียกว่าคอเคลียร์อ
00:16:57 → 00:17:00 >> เป็นขดหอยเนาะอ่าอาจจะเคยเรียนรู้มาก่อน
00:17:00 → 00:17:02 ตอนเด็กๆนะครับกับอีกอย่างนึงเป็นโครง
00:17:02 → 00:17:04 สร้างที่เกี่ยวกับการbบาanceซการทรงตัวใน
00:17:04 → 00:17:07 ร่างกายจะมีโครงสร้างทั้งหมด 2 ส่วนส่วน
00:17:07 → 00:17:09 นึงเป็นกระเปาะกระเปาะเนี่ยรับรู้การทรง
00:17:09 → 00:17:12 ตัวในแนวรถระนาบเช่นเดินหน้าถอยหลังขึ้น
00:17:12 → 00:17:15 ลงลิฟต์แกน x แกน y เป็นกระเปาะอยู่มีหิน
00:17:15 → 00:17:18 ปูนภายในกับแบบที่เป็นหู 3 หูมันจะตั้ง
00:17:18 → 00:17:22 วางเนี่ยเอ่อคนละคิดกันไอ้หู 3 หูเนี่ยจะ
00:17:22 → 00:17:25 เป็นโครงสร้างที่เกี่ยวกับการเงยก้มหัน
00:17:25 → 00:17:29 ซ้ายหันขวาทำให้มีรับรู้ในแนวในการเงยก้ม
00:17:29 → 00:17:32 เอียงต่างๆมันทำหน้าที่แยกกันอวะทุกอย่าง
00:17:32 → 00:17:35 ในหูชั้นในมีน้ำหล่อเลี้ยงหมดเป็นน้ำที่
00:17:35 → 00:17:37 เกิดจากเลือดเรานี่แหละไหลเวียนเข้าไป
00:17:37 → 00:17:40 เป็นน้ำอยู่ข้างในเพราะอะไรเพราะว่าอ่ะ
00:17:40 → 00:17:43 สมมุติพูดถึงว่าหูชั้นในทางด้านการได้ยิน
00:17:43 → 00:17:46 เวลาที่เสียงมันเข้าเนาะเสียงเข้าไปในหู
00:17:46 → 00:17:49 ชั้นนอกชั้นกลางแล้วพอเจอหูชั้นในมันจะ
00:17:49 → 00:17:52 เป็นเสียงที่ผ่านน้ำเข้าไปแล้วไปซัดพาขน
00:17:52 → 00:17:54 ในการได้ยินเพราะฉะนั้นน้ำเป็นส่วนประกอบ
00:17:54 → 00:17:57 สำคัญในหูชั้นในมีอยู่แล้วแต่น้ำจะมี
00:17:57 → 00:18:00 ปริมาณที่เหมาะสมคือมีการสร้างและการ
00:18:00 → 00:18:03 ระบายที่เท่าๆกันเพราะฉะนั้นจะไม่เกิดน้ำ
00:18:03 → 00:18:06 ที่มากเกินแต่โรคน้ำในหูไม่เท่ากันทางการ
00:18:06 → 00:18:09 แพทย์เลือกโรคมีเนียเป็นภาวะที่ข้างใด
00:18:09 → 00:18:12 ข้างหนึ่งของหูเนี่ยมันมีน้ำมากเกินไปหู
00:18:12 → 00:18:15 ชั้นในนะไม่ใช่หูชั้นนอกนะน้ำหูไม่เท่า
00:18:15 → 00:18:17 กันไม่ได้เกิดจากน้ำอาบน้ำเข้าคนละอย่าง
00:18:17 → 00:18:19 กันนะครับเพราะฉะนั้นนั้นการเวียนอาจจะมี
00:18:19 → 00:18:22 น้ำสร้างเยอะแต่ระบายไม่ทันหรือสร้างปกติ
00:18:22 → 00:18:24 แต่ระบายน้อยลงอะไรอย่างเงี้ยนะครับเพราะ
00:18:24 → 00:18:27 ฉะนั้นน้ำในหูชั้นในจะมากขึ้นมีผลทำให้
00:18:27 → 00:18:30 การผิดปกติในเรื่องของการส่งตัวจะทำให้
00:18:30 → 00:18:32 เวียนหัวบ้านหมุนนะรวมทั้งการได้ยินมี
00:18:32 → 00:18:35 ปัญหาก็จะมีอาการหูอื้อหรือมีเสียงในหู
00:18:35 → 00:18:37 ได้นะครับอาการของโรคเนี้ยก็มักจะเป็น
00:18:37 → 00:18:40 อาการบ้านหมุนอ่าบ้านหมุนก็เรามักก็จะรู้
00:18:40 → 00:18:42 จักกันเนาะแต่จริงๆบ้านหมุนก็เกิดกับอีก
00:18:42 → 00:18:45 หลายๆโรคนะครับเพราะฉะนั้นอ่ะโรคแรกก็คือ
00:18:45 → 00:18:47 จะเป็นเรื่องน้ำหนูไม่เท่ากันโรคที่ 2
00:18:47 → 00:18:49 เลยที่พบพบบ่อยก็คือตะกอนหินปูนในหูหลุด
00:18:49 → 00:18:51 บางคนก็บอกว่าเออมันตะกอนมาจากไหนอะไร
00:18:51 → 00:18:54 อย่างเงี้ยนะครับจริงๆแล้วก็คือในกระเปาะ
00:18:54 → 00:18:56 ในหูชั้นในเรามีตะกอนอยู่แล้วรับรู้แนว
00:18:56 → 00:18:59 ระนาบเช่นเดินหน้าถอยหลังขึ้นลงต่างๆนะ
00:18:59 → 00:19:01 ครับก็จะมีโรคที่หินปูนหลุดออกจากกระเปาะ
00:19:01 → 00:19:04 ของมันเข้าไปในท่อที่เป็นท่อ 3 ท่อไอ้ท่อ
00:19:04 → 00:19:06 3 ท่อเนี่ยไม่ควรจะมีหินปูนอยู่ข้างใน
00:19:06 → 00:19:08 แต่หินปูนบางส่วนหลุดออกไปจากกระเปาะเข้า
00:19:08 → 00:19:11 ไปในท่อ 3 ท่อนั้นทำให้เวลาที่เราเปลี่ยน
00:19:11 → 00:19:15 ท่าเช่นตะแคงเปลี่ยนจากนั่งเป็นนอนนอน
00:19:15 → 00:19:18 เป็นนั่งหรือว่ามีการก้มเงยต่างๆเปลี่ยน
00:19:18 → 00:19:20 ท่าปุ๊บหมุนเลยแต่หมุนของหินปูนหลุดจะ
00:19:20 → 00:19:23 เป็นหมุนสั้นๆไม่เกิน 10 วินาที 20
00:19:23 → 00:19:26 วินาทีประมาณนี้อันนี้จะหมุนไม่เหมือนกับ
00:19:26 → 00:19:28 น้ำในหูไม่เท่ากันอาการไม่เหมือนกันถ้า
00:19:28 → 00:19:30 โรคนั้นเนี่ยเขาจะเป็นอาการหมุนเป็นหลัก
00:19:30 → 00:19:34 เป็นชั่วโมงแล้วก็มีอาการหูได้ยินผิดปกติ
00:19:34 → 00:19:36 ด้วยมีเสียงในหูอะไรต่างๆแต่ถ้าตะกอนหิน
00:19:36 → 00:19:38 ปูนในหูหลุดเนี่ยมักจะเป็นอาการเวียน
00:19:38 → 00:19:41 อย่างเดียวแล้วเวียนเป็น episod สั้นๆ
00:19:41 → 00:19:44 ประมาณ 10-20 วินาทีประมาณนี้มันก็แยกโรค
00:19:44 → 00:19:47 กันเนาะถามว่าเรามีอาการบ้านหมุนเนี่ยมัน
00:19:47 → 00:19:51 มีอาการยังไงเนาะอ่ะบางคนก็เรียกโลกหมุนอ
00:19:51 → 00:19:51 >> อือ
00:19:51 → 00:19:54 >> บางคนก็เรียกอะไรหมุนก็ไม่รู้ก็ต้องบอก
00:19:54 → 00:19:57 ว่าบ้านหมุนมันคือความรู้สึกที่ว่ามีสนนิ
00:19:57 → 00:20:00 ก็คือสิ่งแวดล้อมหมุนรอบตัวเรานะครับคำ
00:20:00 → 00:20:03 ว่าเวียนหัวมันมันมันมีหลายอาการมากเช่น
00:20:03 → 00:20:07 มึนงงตื้อๆในหัวไม่สบายหัวหรือว่าเดิน
00:20:07 → 00:20:09 แล้วแบบโครงเครลงมั้ยแบบโครงเคงเวลาเรา
00:20:09 → 00:20:11 แผ่นดินไหวเราก็รู้สึกเนาะเหมือนกับว่า
00:20:11 → 00:20:13 โครงเครลงอะไรอย่างเงี้ยนะครับหรือมี
00:20:13 → 00:20:14 อาการรู้สึกบางคนก็บอกเวียนหน้าอะไรอย่าง
00:20:14 → 00:20:16 เงี้ยเนาะบางคนก็ใช้ความจำกัดความที่แตก
00:20:17 → 00:20:19 ต่างกันไปแต่บ้านหมุนคือรู้สึกว่าสิ่งแวด
00:20:19 → 00:20:22 ล้อมหมุนรอบตัวเราโดยเราเป็นจุดหมุนตรง
00:20:22 → 00:20:25 กลางมันมักจะเจอในโรคอะไรบ้างถ้าเป็นโรค
00:20:26 → 00:20:29 ทางหูก็จะเป็นน้ำในหูไม่เท่ากันหินปูนใน
00:20:29 → 00:20:32 หูหลุดหรือว่าประสาทหูมีการอักเสบอันนี้
00:20:32 → 00:20:34 เราจะเจอบ่อยนะครับแต่บ้านหมุนเกิดจาก
00:20:34 → 00:20:37 สาเหตุที่ซีเรียสอื่นๆเป็นได้เหมือนกัน
00:20:37 → 00:20:40 เช่นสokeกสokeกคือเส้นเลือดในสมองตีบหรือ
00:20:40 → 00:20:42 ว่าแตกแล้วก็จากไมเกรนก็ได้หรือว่าจากมี
00:20:43 → 00:20:45 ก้อนที่เป็นก้อนเนื้อในสมองก็ได้เหมือน
00:20:45 → 00:20:47 กันเนาะเพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าเราจะดูคร่าวๆ
00:20:47 → 00:20:50 ว่าเราเป็นจากโรคอะไรจริงๆก็ดูยากแหละนะ
00:20:50 → 00:20:52 ครับเบื้องต้นแล้วเนี่ยนะครับถ้าเป็น
00:20:52 → 00:20:55 อาการบ้านหมุนแล้วมีอ่อนแรงร่วมด้วยยกตัว
00:20:55 → 00:20:57 อย่างเช่นปากเบี้ยวหน้าเบี้ยวแขนขาอ่อน
00:20:57 → 00:20:59 แรงไม่มีแรงนะครับอันเนี้ยมักจะเป็นโรค
00:21:00 → 00:21:02 ที่เกิดจากในสมองควรต้องรีบไปหาหมออย่าง
00:21:02 → 00:21:05 ยิ่งอย่างด่วนเลยนะครับอ่าบ้านหมุนเป็น
00:21:05 → 00:21:06 เรื่อยๆเลยนะอยู่ดีๆมีปากเบี้ยวหน้า
00:21:06 → 00:21:09 เบี้ยวอ่อนแรงแขนขาไม่ไม่ปกติะอันนี้ควร
00:21:10 → 00:21:12 อย่างเร่งด่วนแต่ถ้าเป็นอาการบ้านหมุนจาก
00:21:12 → 00:21:14 โรคในหูเนี่ยมักจะเป็นอาการบ้านหมุนเป็น
00:21:14 → 00:21:17 ช่วงแล้วก็ไม่ค่อยมีอาการอ่อนแรงแขนขา
00:21:17 → 00:21:19 เดินเหินได้ปกติ
00:21:19 → 00:21:21 >> ไม่มีอ่อนแดงไม่มีหน้าเบี้ยวปากเบี้ยวนะ
00:21:21 → 00:21:24 ครับอันนี้ก็แยกคร่าวๆอย่างไรก็ตามรีบไป
00:21:24 → 00:21:26 หาหมอดีกว่าเพราะว่าเราเนี่ยอาจจะแยกด้วย
00:21:26 → 00:21:28 ลำบากนะครับหมอก็ตรวจร่างกายละเอียดแล้ว
00:21:28 → 00:21:30 ดูว่ามันเกิดจากสาเหตุอะไร
00:21:30 → 00:21:31 >> ค่ะครับ
00:21:31 → 00:21:33 >> อย่างธาตกรหินปูนในหูชั้นในหลุดอ่ะค่ะคุณ
00:21:33 → 00:21:33 หมอ
00:21:33 → 00:21:35 >> คุณหมอบอกว่าจริงๆมันเป็นไม่นานมันจะมัน
00:21:35 → 00:21:37 จะประมาณ 10 วินาที
00:21:37 → 00:21:39 >> มันจะเป็นตามการเปลี่ยนท่าอ่าครับ
00:21:39 → 00:21:41 >> อ่าแล้วมันต้องเอากลับเข้าที่เดิมมั้คะ
00:21:41 → 00:21:44 >> อปกติแล้วหมอจะตรวจร่างกายว่ามันเกิดจาก
00:21:44 → 00:21:47 โรคนี้หรือไม่และการหลุดของหินปูนเนี่ย
00:21:47 → 00:21:49 มันเข้าไปในท่อไหนเราบอกว่าในหูแต่ละข้าง
00:21:49 → 00:21:53 มันจะมี 3 ท่อที่วางตั้งอ่าคนละทิศกันนะ
00:21:53 → 00:21:55 ครับถ้าเกิดว่าหลุดไปในท่อนี้ก็จัดท่าแบบ
00:21:55 → 00:21:58 นึงหลุดในท่อนึงก็จัดท่าแบบนึงเพราะ
00:21:58 → 00:22:00 ฉะนั้นเวลาหมอตรวจหมอจะต้องดูว่ามันหลุด
00:22:00 → 00:22:02 เข้าไปในท่อไหนดูจากการตรวจร่างกายจะมี
00:22:03 → 00:22:06 การให้นอนเ้าเรียกว่าเป็นการตรวจที่ดูหิน
00:22:06 → 00:22:08 ปูนหลุดอะอนะครับเเรียกว่าดิฮอไปคือเป็น
00:22:08 → 00:22:11 การตะแคงแล้วก็ล้มตัวลงนอนแล้วดูว่ามัน
00:22:11 → 00:22:15 หลุดเข้าไปในท่อที่สงสัยหรือเปล่าถ้าเจอ
00:22:15 → 00:22:18 ก็จะมีการจัดท่าโดยหมอจัดท่าให้มันเข้า
00:22:18 → 00:22:20 ตำแหน่งก็จะมีการพลิกตะแคงเล็กน้อยให้มัน
00:22:20 → 00:22:22 เข้าที่นะครับแต่ถ้าหลุดอีกท่อนึงก็เป็น
00:22:22 → 00:22:24 การจัดท่าอีกแบบนึงเพราะฉะนั้นเนี่ยเรา
00:22:24 → 00:22:26 จัดท่าเองไม่ได้เพราะว่าเราไม่รู้ว่ามัน
00:22:26 → 00:22:29 หลุดท่อไหนเราก็ต้องมาตรวจกับหมอดูนะครับ
00:22:29 → 00:22:31 >> อแล้วพอคุณหมอจัดท่าเข้าไปแล้วค่ะมันหลุด
00:22:31 → 00:22:33 ออกมาได้อีกถูกมั้คะ
00:22:33 → 00:22:35 >> ได้มีโอกาสแต่เราจะแนะนำคนไข้ว่าต้องมี
00:22:35 → 00:22:38 การดูแลตัวเองต่อนะครับเวลาจัดท่าเราก็
00:22:38 → 00:22:40 ต้องมีการแนะนำในเรื่องของพฤติกรรมว่า
00:22:40 → 00:22:42 กลับไปแล้วเนี่ยเรามีการกินยาต่อเพื่อ
00:22:42 → 00:22:44 ป้องกันโอกาสในการหลุดซ้ำน้ำยาที่กินก็จะ
00:22:44 → 00:22:46 เป็นแนวๆที่เลือดไปเลี้ยงในประสาทหูชั้น
00:22:46 → 00:22:49 ในให้มันไม่หลุดใหม่หรือว่าเป็นลดการ
00:22:49 → 00:22:52 อาการเวียนลดอาการที่จะขึ้นไส้อาเจียน
00:22:52 → 00:22:54 ต่างๆเวลาจัดท่าแล้วเนี่ยก็ต้องมีการ
00:22:54 → 00:22:57 จำกัดท่าทางไม่ให้หลุดใหม่โดยการที่แนะนำ
00:22:57 → 00:22:59 ในเรื่องของการก้มเงยอย่าก้มเงยบ่อยแล้ว
00:22:59 → 00:23:03 ก็นอนหัวสูงสัก 1-2 สัปดาห์กิจกรรมที่
00:23:03 → 00:23:06 ต้องเงยแหงนหน้าบ่อยๆเช่นการสระผมทำฟัน
00:23:06 → 00:23:08 พวกเนี้ยก็ต้องเว้นสักระยะนึง
00:23:08 → 00:23:09 >> อื
00:23:09 → 00:23:10 >> อ่ามันเกิดขึ้นได้กับทุกคนเนาะ
00:23:10 → 00:23:13 >> จริงๆแล้ววัยที่จะเกิดหินปูนในหูหลุด
00:23:13 → 00:23:16 เนี่ยมันได้ทุกวัยเลยแต่มักจะเป็นผู้หญิง
00:23:16 → 00:23:18 มากกว่าผู้ชายนะครับผู้หญิงเนี่ยเจอบ่อย
00:23:18 → 00:23:21 กว่ามากนะครับประมาณสัก 80 ซม.ผู้หญิง
00:23:21 → 00:23:24 แล้วก็วัยเนี่ย 30 ขึ้นไปจนถึงอายุเยอะๆ
00:23:24 → 00:23:27 เลยนะครับยิ่งในวัยทำงาน 30-40 เนี่ยเจอ
00:23:27 → 00:23:29 บ่อยมากเพราะว่าเราแคทีเรามีการเคลื่อน
00:23:30 → 00:23:33 ไหวผลโยคะพีรัทิสห้อยหัวเป็นว่าเล่นอะไร
00:23:33 → 00:23:35 อย่างงี้เนาะสาเหตุครึ่งนึงไม่มีสาเหตุ
00:23:35 → 00:23:38 ครึ่งนึงอาจจะเกิดจากการที่มีการเคลื่อน
00:23:38 → 00:23:42 ไหวศีรษะเช่นการเขย่าหรือการแหงนหน้าเยอะ
00:23:42 → 00:23:45 ก้มหน้าเงยหน้าบ่อยนะหรือบางคนก็เป็นหลัง
00:23:45 → 00:23:47 จากที่นอนทำฟันนอนสระผมมาอะไรอย่างเงี้ย
00:23:47 → 00:23:50 นะครับก็จะกระตุ้นได้หรือบางทีปีนเขาอ่ะ
00:23:50 → 00:23:52 เราเงยอย่างเงี้ตลอดเวลาเราปีนเขาเนาะก็
00:23:52 → 00:23:53 เป็นได้เหมือนกัน
00:23:53 → 00:23:55 >> คือมันเกิดจากการที่เคลื่อนไหวเร็วๆ
00:23:55 → 00:23:55 อย่างี้มั้
00:23:55 → 00:23:57 >> ใช่มักจะเป็นแบบนั้นหรือไม่มีสาเหตุก็
00:23:57 → 00:23:59 เกิดจากตามอายุได้อย่างเช่นว่าแต่ก่อนมัน
00:23:59 → 00:24:02 ก็มีความหลุดออกจากตำแหน่งได้ง่ายอะไร
00:24:02 → 00:24:02 อย่างเงี้ยครับ
00:24:02 → 00:24:05 >> แล้วอย่างพฤติกรรมที่เวลาตื่นนอนบางคนชอบ
00:24:05 → 00:24:08 ดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนเร็วๆอย่างเงี้ยมี
00:24:08 → 00:24:10 โอกาสทำให้ตะกอนหินปูนหลุดได้มั้ยคะ
00:24:10 → 00:24:13 >> ลุกท้าอย่าลุกเร็วเนาะเออเพราะแบบขยับ
00:24:13 → 00:24:16 ศีรษะเร็วอะไรอย่างเงี้ยหรือว่าบางคนมี
00:24:16 → 00:24:18 พฤติกรรมชอบแบบก๊อกๆอย่างเงี้ยแบบบิดหัว
00:24:18 → 00:24:19 ให้ตัดคอ
00:24:19 → 00:24:22 >> อ่าบิดหัวให้มันแบบรู้สึกว่าผ่อนคลายแบบ
00:24:22 → 00:24:24 ดัดกระดูกคออะไรอย่างเงี้ยบางทีก็ทำให้
00:24:24 → 00:24:26 ตะกอนหินปูนหลุดได้เหมือนกัน
00:24:26 → 00:24:29 >> ซึ่งพอหลุดแล้วอ่ะค่ะยังไงก็คือเราจะรู้
00:24:29 → 00:24:30 ตัวแล้วเราก็ต้องไปหาหมอถูกมั้คะ
00:24:30 → 00:24:33 >> มันก็จะมีการบ้านหมุนเป็นสัญญาณแรกเลยนะ
00:24:33 → 00:24:33 ครับ
00:24:33 → 00:24:35 >> แล้วถ้าไม่รักษาล่ะคะ
00:24:35 → 00:24:37 >> หายเองได้มั้ยได้แต่หลายสัปดาห์ถึงเป็น
00:24:37 → 00:24:39 เดือนบางคนหลายเดือนก็ไม่หายแต่เวลาที่
00:24:39 → 00:24:41 ตรวจแล้วเนี่ยเวลาเจอหมอเนี่ยการตรวจมัน
00:24:42 → 00:24:43 จะรู้เลยว่าหลุดหรือไม่หลุดแล้วมีการจัด
00:24:43 → 00:24:46 ท่ามันก็จะเข้าที่ได้ทันทีก็จะอาการก็จะ
00:24:46 → 00:24:47 ดีขึ้นเลย
00:24:47 → 00:24:49 >> นะครับแต่ถามว่าเป็นใหม่ได้มั้ยนี้เป็น
00:24:49 → 00:24:51 ใหม่ได้ก็ต้องระมัดระวังในการเรื่องของ
00:24:51 → 00:24:53 ท่าทางจริงๆถ้าเป็นในเรื่องของโรคหูชั้น
00:24:53 → 00:24:56 ในก็จะมีโรคที่เจอบ่อยคือโรคประสาทหูดับ
00:24:56 → 00:24:59 ฉับพลันอาจจะเคยเห็นในดาราหรือว่าผู้มี
00:24:59 → 00:25:01 ชื่อเสียงหลายคนน่ะคือ
00:25:01 → 00:25:03 >> รู้สึกว่าอยู่ดีๆแบบป๊อกเลยคือหูข้างนึง
00:25:03 → 00:25:04 มันไม่ได้ยินเลย
00:25:05 → 00:25:07 >> นะครับอันนี้ก็เจอบ่อยเหมือนกันคือเกิด
00:25:07 → 00:25:10 จากการที่ประสาทในหูเนี่ยครับเส้นประสาท
00:25:10 → 00:25:12 หูเนี่ยมีการอักเสบมันจะเกิดจากความ
00:25:12 → 00:25:15 เครียดได้นะเครียดกังวลนอนน้อยพักผ่อนไม่
00:25:15 → 00:25:17 เพียงพอหรือบางทีก็คือเกิดจากภายหลังการ
00:25:17 → 00:25:20 ติดเชื้อเป็นหวัเลยมาก่อนเชื้อโรคเนี่ย
00:25:20 → 00:25:23 มันก็จะมีการไปอักเสบในหูประสาทหูชั้นใน
00:25:23 → 00:25:26 แล้วทำให้การได้ยินมันลดลงปุบปับตื่นเช้า
00:25:26 → 00:25:28 มาแล้วหูป๊อกไม่ได้ยินเลยก็มีเหมือนกัน
00:25:28 → 00:25:30 ซึ่งการรักษาก็ต้องหาสาเหตุว่าเกิดจาก
00:25:30 → 00:25:33 อะไรนะซึ่งก็มีการเจาะเลือดตรวจต่างๆการ
00:25:33 → 00:25:36 ได้ยินต่างๆถ้าไม่เจอเนี่ยเราก็จะเป็นการ
00:25:36 → 00:25:39 รักษาให้ยาลดการอักเสบของประสาทหูแล้วก็
00:25:39 → 00:25:41 หูจะมีโอกาสจะกลับมาได้
00:25:41 → 00:25:42 >> อ
00:25:42 → 00:25:45 >> บางคนก็อาจจะฟื้นได้น้อยหรือว่าไม่ฟื้น
00:25:45 → 00:25:48 ขึ้นอยู่กับโรคประจำตัวแต่ละบุคคล
00:25:48 → 00:25:51 มันมีพฤติกรรมอะไรหรือว่ามีปัจจัยเสี่ยง
00:25:51 → 00:25:53 อะไรอีกบ้างคะที่มันอาจจะทำให้เราอ่ะสูญ
00:25:53 → 00:25:55 เสียกันได้ยินตลอดกาลเลยอ่ะ
00:25:55 → 00:25:58 >> อถ้าเบื้องต้นเลยรักษาสภาพหูเนี่ยก็คือใน
00:25:58 → 00:26:01 เรื่องของอ่ะเบื้องต้นคือการปั่นการแคะ
00:26:01 → 00:26:03 ก่อนเลยการปั่นการแคะเนี่ยคือเราอาจจะ
00:26:03 → 00:26:05 เห็นเป็นเรื่องปกติเนาะแต่ว่าการบาดเจ็บ
00:26:06 → 00:26:08 ที่เกิดจากการแคะหูเนี่ยอาจจะนำพาไปสู่
00:26:08 → 00:26:11 การติดเชื้อได้อย่างเช่นเราปั่นค่อนข้าง
00:26:11 → 00:26:14 แรงเนาะหรือว่าใช้อุปกรณ์ที่มันแหลมคมนะ
00:26:14 → 00:26:17 ครับเยแก้วหูทะลุซึ่งอันเนี้ยมันก็แก้ไข
00:26:17 → 00:26:20 ก็ต้องมีการผ่าตัดหรือบางคนมันก็ทะลุจน
00:26:20 → 00:26:23 ไม่สามารถจะแก้ไขได้ก็มีเหมือนกันติด
00:26:23 → 00:26:25 เชื้อแล้วผ่าตัดแล้วมันก็ไม่ติดอะไรอย่าง
00:26:25 → 00:26:27 เงี้ยมีได้เหมือนกันแล้วก็ต่อมาคือการใช้
00:26:27 → 00:26:30 หูฟังหูฟังอินเอียเนี่ยที่เราใช้กันเนี่ย
00:26:30 → 00:26:32 ก็แนะนำว่าจริงๆแล้วเราก็ใช้แบบที่เป็น
00:26:32 → 00:26:35 ครอบน่าจะปลอดภัยมากกว่าแล้วก็เปิดไม่ดัง
00:26:35 → 00:26:36 เกินไป
00:26:36 → 00:26:38 >> คือมันมีโอกาสทำให้เราเสียกันได้ยินน่ะ
00:26:38 → 00:26:42 >> คือใช้นานๆใช้บ่อยๆนะครับมันคงโอกาสน้อย
00:26:42 → 00:26:44 แหละแต่ก็มีโอกาสเพราะว่าปราสาทหูเรา
00:26:44 → 00:26:47 เนี่ยมันมีการได้ยินเสียงที่อยู่ใกล้ๆหู
00:26:47 → 00:26:49 ตลอดตลอดเวลามีโอกาสในการเกิดประสาทหูดับ
00:26:49 → 00:26:50 สูงนะอ
00:26:50 → 00:26:52 >> อย่างเช่นในโรงงานอุตสาหกรรมโรงงาน
00:26:52 → 00:26:55 เครื่องจักรต่างๆเนาะพวกเนี้ยมักจะเจอว่า
00:26:55 → 00:26:58 ประสาทหูมีปัญหามีความเสื่อมเร็วก็ดูแล
00:26:58 → 00:27:02 โดยการที่เราลดการสัมผัสเสียงดังๆก็จะทำ
00:27:02 → 00:27:04 ให้หูอยู่ได้นานๆนะครับ
00:27:04 → 00:27:06 >> แล้วอย่างบางคนค่ะตัวแพนด้าเองก็เคยเนาะ
00:27:06 → 00:27:08 เราจะมีได้ยินเสียงวีดในหูอย่างเงี้ย
00:27:09 → 00:27:10 เสียงเหมือนแบบเสียงกรี๊ดเสียงอะไรอย่าง
00:27:10 → 00:27:12 เงี้ยมันมันคือเสียงอะไรคะ
00:27:12 → 00:27:14 >> อ่ามันก็จะมีเสียงหลากหลายแบบเนาะถ้าเป็น
00:27:14 → 00:27:16 เสียงก๊อกแก๊กก๊อกแก๊กอะไรอย่างเงี้ยเรา
00:27:16 → 00:27:18 มักจะคิดถึงว่าน่าจะมีสิ่งแปลปลอมในหู
00:27:18 → 00:27:20 เช่นขี้หูเนี่ยคือเรื่องที่เบสิคที่สุด
00:27:20 → 00:27:22 เลยว่ามีขี้หูจะมีเสียงในหูได้เป็นเสียง
00:27:22 → 00:27:26 ก๊อกแก๊กก๊อกแก๊บในหูนะหรือมีผมในหูก็เจอ
00:27:26 → 00:27:28 บ่อยเหมือนกันว่าเวลาตัดผมผมมันดิเข้าไป
00:27:28 → 00:27:30 ในหูเนี่ยก็จะเป็นเสียงก๊อบแก๊บก๊อบแก๊บ
00:27:30 → 00:27:33 คราวเนี้ยจะมีปัญหาบางคนจะมีเสียงวีทหรือ
00:27:33 → 00:27:36 เสียงหึงในหูเสียงหึในหูตลอดเวลานะครับ
00:27:36 → 00:27:38 เกิดจากอะไรได้บ้างก็จะเป็นในเรื่องของ 1
00:27:38 → 00:27:40 คือความเครียดได้เวลาที่เครียดเนี่ยจะมี
00:27:40 → 00:27:43 เสียงในหูได้ถ้าพักผ่อนดีก็จะเสียงน้อยลง
00:27:43 → 00:27:45 นะครับอย่างที่ 2 เลยคือความเสื่อมประสาท
00:27:45 → 00:27:48 หูที่มีความเสื่อมตามอายุในผู้สูงอายุจะ
00:27:48 → 00:27:51 เจอได้ว่าพอหูเริ่มตึงก็จะมีเสียงในหู
00:27:51 → 00:27:54 เกิดขึ้นเป็นเสียงวีดพวกเนี้ยหายากต้องมี
00:27:55 → 00:27:57 การกินยานะครับหรือว่าต้องมีการปรับความ
00:27:57 → 00:28:00 รู้สึกและว่าอย่าไปโฟกัสกับมัน
00:28:00 → 00:28:00 >> เราก็ยังได้ยินปกติ
00:28:01 → 00:28:02 >> ใช่เพราะว่าเสียงพวกเนี้ยมันจะได้ยินเด่น
00:28:02 → 00:28:04 ชัดตอนเราจะหลับกลางวันเนี่ยมันก็มีอะไร
00:28:04 → 00:28:07 ให้เราสนใจมันก็ไม่ได้โฟกัสนะแต่พอกลาง
00:28:07 → 00:28:09 คืนเนี่ยมันเริ่มมาและผู้สูงอายุก็จะได้
00:28:09 → 00:28:12 ยินช่วงกลางคืนบ่อยเพราะฉะนั้นนอกจากการ
00:28:12 → 00:28:14 ตรวจกับคุณหมอแล้วก็ต้องปรับพฤติกรรมคือ
00:28:14 → 00:28:16 เราต้องบิดเบินความสนใจอย่างที่ว่าไปเปิด
00:28:16 → 00:28:18 เพลงเพลงฟังหรือไปหาสิ่งอื่นๆที่จดจ่อ
00:28:18 → 00:28:21 เนาะก็จะไม่ไปโฟกัสกับเรื่องของเสียงในหู
00:28:21 → 00:28:24 นะครับอื่นๆคือการได้ยินเสียงที่ค่อนข้าง
00:28:24 → 00:28:27 ดังบ่อยๆยกตัวอย่างเช่นหูฟังใช้หูฟังบ่อย
00:28:27 → 00:28:30 ๆเนี่ยนะครับมีเสียงในหูได้หรือว่าทำงาน
00:28:30 → 00:28:32 ในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีเสียงดังมากๆมี
00:28:33 → 00:28:36 เสียงในหูได้ยาบางอย่างเช่นยาคีโมทำให้
00:28:36 → 00:28:39 เกิดเสียงในหูได้เหมือนกันสุดท้ายเลยคือ
00:28:39 → 00:28:41 โรคที่เราไม่อยากให้เป็นคือโรคก้อนเนื้อ
00:28:41 → 00:28:44 ในสมองหรือก้อนเนื้อในเส้นประสาทหูทำให้
00:28:44 → 00:28:46 เกิดเสียงในหูได้เพราะฉะนั้นเบื้องเบื้อง
00:28:46 → 00:28:49 ต้นถ้ามีปัญหารบกวนชีวิตเยอะก็ควรไปตรวจ
00:28:49 → 00:28:51 ดูว่ามันเกิดจากสาเหตุอะไรมันอาจจะมีทาง
00:28:51 → 00:28:54 ในการแก้ไขให้หายหรือบางคนเนี่ยถ้าเจอ
00:28:54 → 00:28:57 แล้วมันไม่มีทางจริงๆในการแก้ไขก็อยู่กับ
00:28:57 → 00:28:59 มันหรือเป็นการกินยาเพื่อบรรเทาให้มันเบา
00:28:59 → 00:28:59 ลง
00:29:00 → 00:29:02 >> นะครับอย่างเราอายุมากขึ้นไปเรื่อยๆค่ะ
00:29:02 → 00:29:04 การได้ยินมันจะลดลงเป็น
00:29:04 → 00:29:07 >> แน่นอนเป็นปกติของอนิจจัง
00:29:07 → 00:29:10 >> นะก็คือว่าหลัง 60- 70 เนาะการได้ยินคน
00:29:10 → 00:29:14 เรามันจะเสื่อมลงในความถี่สูงๆก่อนคือ
00:29:14 → 00:29:16 ส่วนพูดคุยมันยังชัดอยู่นะแต่ถ้าตรวจกัน
00:29:16 → 00:29:18 ได้ยินแล้วเนี่ยจะพบว่าความถี่สูงๆก็คือ
00:29:18 → 00:29:20 เสียงผู้หญิงเสียงเด็กมันจะเริ่ม decine
00:29:20 → 00:29:23 เริ่มเบาลงอาจจะได้ยินเสียงทุ้มๆแบบหมอ
00:29:23 → 00:29:26 เนี่ยคือเสียงผู้ชายเนาะจะชัดอยู่แต่ถ้า
00:29:26 → 00:29:28 เป็นเสียงง๊องแแงงงองแง้งหน่อยเสียงเด็กๆ
00:29:28 → 00:29:30 เนี่ยมันจะได้ยินยากขึ้นเพราะฉะนั้นอยู่
00:29:31 → 00:29:33 กับคนแก่ที่บ้านน่ะเราต้องพูดให้ชัดถ้อย
00:29:33 → 00:29:37 ชัดคำพูดให้ทุ้มถ้าพูดลอยแหลมๆเนี่ยมันจะ
00:29:37 → 00:29:38 ฟังยากอื
00:29:38 → 00:29:39 >> นะครับ
00:29:39 → 00:29:41 >> แล้วอย่างสมมุติเราเป็นคนที่ชอบไป
00:29:41 → 00:29:44 คอนเสิร์ตอ่าชอบไปฟังเพลงฟังดนตรีอะไรที่
00:29:44 → 00:29:46 มันดังๆกระหึ่มกระหึมอย่างเงี้ยค่ะมัน
00:29:46 → 00:29:47 อันตรายมั้คะ
00:29:47 → 00:29:49 >> ใช่ค่ะคืออาจจะต้องมีอุปกรณ์ในการป้องกัน
00:29:49 → 00:29:51 เช่นอ่ะอาจจะมีสำลีเนี่ยเราแบ่งครึ่งสำลี
00:29:51 → 00:29:53 แล้วอุดหูไว้นิดนึงเพื่อลดความดังของ
00:29:54 → 00:29:56 เสียงนิดนึงเพราะว่าในที่เสียงดังๆเนี่ย
00:29:56 → 00:29:59 มันจะเกิดภาวะacูสติรมได้คือเป็นการบาด
00:29:59 → 00:30:01 เจ็บของปราสาทหูบางคนไปคอนเสิร์ตอีกวัน
00:30:01 → 00:30:04 นึงเนี่ยหูดับหรือว่าหูบาดเจ็บมีเสียงวิท
00:30:04 → 00:30:07 ในหูเป็นไปได้เหมือนกันถ้าไปอยู่ในที่ที่
00:30:07 → 00:30:10 ในโซนของคอนเสิร์ตที่มันมีใกล้ลำโพงอ่ะ
00:30:10 → 00:30:11 อันนั้นเนี่ยเราจะบาดเจ็บ
00:30:11 → 00:30:12 >> รถแห่ก็ด้วย
00:30:12 → 00:30:14 >> ใช่รถแห่ด้วยแล้วก็ต้องห่างๆรถแห่หน่อย
00:30:14 → 00:30:17 คืออยู่ให้แบบไม่นานเกินไปแล้วก็มี
00:30:17 → 00:30:20 อุปกรณ์ในการปกป้องไม่ให้เสียงดำมันกระทบ
00:30:20 → 00:30:21 หูนานเกินไป
00:30:21 → 00:30:24 >> เราจะสังเกตพฤติกรรมตัวเองหรือคนใกล้ตัว
00:30:24 → 00:30:26 ยังไงคะว่าเาเริ่มสูญเสียกันได้ยินหรือ
00:30:26 → 00:30:27 เริ่มหูตึง
00:30:27 → 00:30:29 >> สิ่งที่เราพูดคุยกันอยู่ในวงเดียวกัน
00:30:29 → 00:30:32 เนี่ยแหละแล้วเขาได้ยินลำบากหรือคุณพ่อ
00:30:32 → 00:30:34 คุณแม่ถ้าเกิดว่าเขาต้องเปิดทีวีหรือว่า
00:30:34 → 00:30:36 วิทยุให้ดังขึ้นกว่าปกติอันนี้ก็เป็น
00:30:36 → 00:30:39 สัญญาณว่าเค้ากับอาจจะมีปัญหาในการได้ยิน
00:30:39 → 00:30:41 หรือว่าเรียกแล้วเนี่ยพูดคุยน้ำเสียงปกติ
00:30:41 → 00:30:44 ที่ทุกคนได้ยินแล้วอ่ะเาไม่ได้ยินอแล้ว
00:30:44 → 00:30:47 แล้วถ้าสมมุติเราหูตึงหรือได้ยินน้อยลง
00:30:47 → 00:30:49 ค่ะมันจะส่งผลให้เราพูดดังขึ้นจริงมั้ย
00:30:49 → 00:30:51 >> ถูกต้องใช่ก็เหมือนกันก็คือเราต้องพูดให้
00:30:51 → 00:30:53 ดังขึ้นเพราะเราก็ไม่ได้ยินเสียงที่เรา
00:30:53 → 00:30:54 พูด
00:30:54 → 00:30:54 >> อื
00:30:55 → 00:30:57 >> เราเข้าใจว่าเราพูดเบาหรือเปล่าเราก็ต้อง
00:30:57 → 00:30:58 พูดให้ดังขึ้น
00:30:58 → 00:31:00 >> อแล้วบางทีเราก็ไปเข้าใจว่า้โวยวายทำไม
00:31:00 → 00:31:02 >> ใช่อันนี้คือสัญญาณเลยของผู้สูงอายุที่
00:31:02 → 00:31:05 เขาจะพูดดังเนาะรวมทั้งเขาจะไม่ค่อยได้
00:31:05 → 00:31:08 ยินเราเพราะเขามีปัญหาของความเสื่อมของใน
00:31:08 → 00:31:09 หูชั้นใน
00:31:09 → 00:31:11 >> อืค่ะซึ่งอันนี้มันอย่างที่คุณหมอบอก
00:31:11 → 00:31:14 อนิจังเป็นอยู่แล้วซึ่งพวกเนี้ยการรักษา
00:31:14 → 00:31:16 ถ้าเกิดประสาทหูเสื่อมก็มีการรักษาด้วย
00:31:16 → 00:31:18 การใช้ยาก็มีเพื่อชะลอให้มันไม่เสื่อมใช้
00:31:18 → 00:31:21 วิตามินหรือว่าถ้าเสื่อมไปแล้วได้ยินน้อย
00:31:21 → 00:31:23 และต้องการจะได้ยินกลับมาชัดก็ใช้เครื่อง
00:31:23 → 00:31:26 ช่วยฟังก็จะเป็นอุปกรณ์ในการที่จะทำให้
00:31:26 → 00:31:29 ผู้สูงอายุเขาได้ยินชัดถ้าเขายังฟังก์ชัน
00:31:29 → 00:31:31 อยู่นะในแง่การทำงานสื่อสารเนี่ยการที่
00:31:31 → 00:31:33 เขาใช้เครื่องช่วยฟังเขาจะทำให้เขาเนี่ย
00:31:33 → 00:31:35 ไม่ depress บางคนเนี่ยพอลูกหลานไม่ได้
00:31:35 → 00:31:38 พูดคุยแล้วก็กลายเป็นคนที่เก็บตัวหรือว่า
00:31:38 → 00:31:40 โอเคไม่อยากพูดด้วยและหงุดหงิดกันอะไร
00:31:40 → 00:31:43 อย่างเงี้เนาะก็ยิ่งแยกตัวจากสังคมหรือคน
00:31:43 → 00:31:45 รอบข้างนะครับเพราะงั้นการได้ยินเนี่ยหู
00:31:45 → 00:31:48 เขาจะไม่ขี้เกียจเยังมีการพัฒนาของสมอง
00:31:48 → 00:31:51 อยู่จะลดโอกาสที่จะจะสมองเสื่อมนะครับ
00:31:51 → 00:31:53 >> มีอีกคำถามนึงที่แพนด้าอยากถามคุณหมอมากๆ
00:31:53 → 00:31:56 ว่าอย่างช่วงเวลาที่เรากำลังโฟกัสอะไรสัก
00:31:56 → 00:31:58 อย่างอยู่อ่ะค่ะบางครั้งทำไมเราถึงไม่ได้
00:31:58 → 00:31:59 ยินเสียงรอบข้างอ่ะ
00:31:59 → 00:32:03 >> ก็เราโฟกัสอยู่เรามีสติกับสิ่งนั้นเนี่ย
00:32:03 → 00:32:07 บางทีเราก็อาจจะไม่ได้ฟังเสียงที่เข้ามา
00:32:07 → 00:32:08 คือเหมือนเราอาจจะเลือกโหมดของการที่จะ
00:32:08 → 00:32:11 โฟกัสแบบเลือกเรื่องนี้ที่จะฟังใครที่พูด
00:32:11 → 00:32:13 อะไรแบบที่เราไม่ได้โฟกัสอยู่อ่ะอ่ะมันก็
00:32:13 → 00:32:15 เหมือนผ่านไปเหมือนหูทนลมอ่ะเหมือนเรา
00:32:15 → 00:32:17 เล่นเกมอยู่แล้วแม่เราเรียกอ่ะใช่มั้ยเรา
00:32:17 → 00:32:19 ก็ไม่ฟังถูกมั้ยเออหรือว่าทำอะไรอยู่อ่าน
00:32:19 → 00:32:21 หนังสืออยู่แล้วคนอื่นพูดถ้าเราเลือกที่
00:32:21 → 00:32:23 จะโฟกัสเหนือเรื่องใดเรื่องหนึ่งบางทีเรา
00:32:23 → 00:32:26 อาจจะลดการโฟกัสกับสิ่งที่มันผ่านเข้ามา
00:32:26 → 00:32:29 >> อือแปลว่าจริงๆหูก็มีโฟกัสถูกมั้คะ
00:32:29 → 00:32:32 >> คือความตั้งใจของคนเราสติกับเรื่องอะไร
00:32:32 → 00:32:34 เนี่ยมันทำให้ประสาทส่วนนั้นอาจจะลดการ
00:32:34 → 00:32:36 รับรู้ได้เนาะอ
00:32:36 → 00:32:40 >> อโอเคแล้วอย่างถ้าผู้สูงอายุค่ะที่การได้
00:32:40 → 00:32:43 ยินลดลงหูเริ่มตึงมากขึ้นน่ะค่ะมันจะส่ง
00:32:43 → 00:32:45 ผลกระทบต่อสภาพจิตใจมั้คะ
00:32:45 → 00:32:48 >> ใช่เลยครับก็คือเวลาที่เราได้ยินอะไรน้อย
00:32:48 → 00:32:52 อ่ะเนาะอ่าผู้สูงอายุก็จะทำให้ลูกหลานก็
00:32:52 → 00:32:55 ต้องแบบรู้สึกว่าหงุดหงิดในการพูดคุยด้วย
00:32:55 → 00:32:57 ต้องพูดเสียงดังมากขึ้นเนาะตัวคุณพ่อคุณ
00:32:57 → 00:32:59 แม่เราเองก็อาจจะรู้สึกรำคาญว่าแบบเอ้ย
00:32:59 → 00:33:01 ไม่พูดแล้วกันวะพูดแล้วก็ไม่ได้ยินอะไร
00:33:01 → 00:33:04 ต้องพูดดังอะไรอย่างเงี้ยหรือบางทีก็ไม่
00:33:04 → 00:33:06 ได้ยินในสิ่งที่ลูกหลานพูดก็รู้สึกว่า
00:33:06 → 00:33:08 โอเคงั้นปล่อยแล้วกันฉันไม่คุยด้วยะอะไร
00:33:08 → 00:33:11 อย่างเงี้ยมันก็ทำให้ผู้สูงอายุเนี่ยเอ่อ
00:33:11 → 00:33:13 ออกห่างจากสังสังคมหรือว่าไม่ค่อย
00:33:13 → 00:33:15 Conเnectกับคนรอบข้างหรือเพื่อนฝูงเพราะ
00:33:15 → 00:33:17 ปัญหาทางการได้ยินซึ่งถ้าเกิดว่าเราอยาก
00:33:17 → 00:33:20 แก้ปัญหานั้นก็คือเรารักษาให้เขากลับมา
00:33:20 → 00:33:22 ได้ยินเหมือนเดิมโดยการใช้เครื่องช่วยฟัง
00:33:22 → 00:33:24 นะครับซึ่งก็มีประโยชน์ในแง่ที่ว่าเา้า
00:33:24 → 00:33:27 ยังสื่อสารกับเราได้ไม่เกิดปัญหาใน
00:33:27 → 00:33:30 ครอบครัวนะครับแล้วก็ทำให้เกิดภาวะสมอง
00:33:30 → 00:33:32 เสื่อมน้อยลงได้เพราะว่าการที่ยังฟังอยู่
00:33:33 → 00:33:35 ก็ยังคิดอยู่ไงเวลาเราพูดคุยเราฟังอยู่
00:33:35 → 00:33:37 เนี่ยเราก็มีความคิดไปด้วยเนาะเพราะ
00:33:37 → 00:33:39 ฉะนั้นเขาจะได้ทำหน้าที่แล้วเขาจะได้มี
00:33:39 → 00:33:42 ฟังก์ชันของสมองที่ยังพัฒนาได้อยู่ไม่
00:33:42 → 00:33:44 งั้นถ้าเกิดว่าปิดกั้นทุกการได้ยินเลย
00:33:44 → 00:33:46 เนี่ยอยู่กับตัวเองก็จะสมองเสื่อมได้ง่าย
00:33:46 → 00:33:47 ขึ้น
00:33:47 → 00:33:48 >> อืโอสำคัญมาก
00:33:48 → 00:33:49 >> ใช่
00:33:49 → 00:33:51 >> โอ้อีกสาเหตุหนึ่งของการเป็นอัลไซเมอร์
00:33:51 → 00:33:52 ได้เหมือนกัน
00:33:52 → 00:33:54 >> ใช่ก็ไม่ไม่คิดไม่ทำอะไรเลยวันๆอยู่กับ
00:33:54 → 00:33:58 พี่นะครับอค่ะในเรื่องของการฟังเนาะเราก็
00:33:58 → 00:34:00 น่าจะได้สังเกตตัวเองสังเกตคนรักคนรอบ
00:34:00 → 00:34:02 ข้างของเราเพราะว่าเรื่องของหูเนี่ยสำคัญ
00:34:02 → 00:34:05 มากๆแล้วมันบางครั้งปัญหามันเกิดจาก
00:34:05 → 00:34:07 พฤติกรรมที่เราทำประจำที่เราไม่คิดว่ามัน
00:34:07 → 00:34:09 อันตรายด้วยซ้ำเนาะก็ต้องมาดูแลกันมาก
00:34:09 → 00:34:12 ขึ้นวันนี้นะคะก็ต้องขอขอบคุณคุณหมอมากๆ
00:34:12 → 00:34:13 เลยเพราะว่าเรื่องที่มาคุยกันแล้วคุณหมอ
00:34:13 → 00:34:14 มาให้ความรู้เนี่ย
00:34:14 → 00:34:15 >> ครับ
00:34:15 → 00:34:17 >> อย่างแพนด้านะเป็นเด็กสายวิทยแต่ก็ไม่ได้
00:34:17 → 00:34:21 เข้าใจขนาดนั้นพอวันนี้มาเฮ้ยหูชั้นนอก
00:34:21 → 00:34:23 ชั้นกลางชั้นในทำหน้าที่อะไรบ้างสำคัญกับ
00:34:23 → 00:34:24 ฟื
00:34:24 → 00:34:26 >> ใช่รื้อรื้อฟื้นด้วยแล้วก็เชื่อว่าคุณผู้
00:34:26 → 00:34:28 ชมหลายๆคนก็น่าจะได้เข้าใจมากขึ้นว่าเฮ้ย
00:34:28 → 00:34:31 หูของเราอ่ะเราต้องดูแลอะไรบ้างอะไรควรทำ
00:34:31 → 00:34:34 อะไรไม่ควรทำแล้วก็เมื่อถึงวันนึงที่หู
00:34:34 → 00:34:36 ของเราการได้ยินลดลงเพราะว่าเกิดจากวัย
00:34:36 → 00:34:39 เนี่ยแล้วเราจะมีวิธีการดูแลตัวเองยังไง
00:34:39 → 00:34:42 รวมถึงดูแลคนที่เรารักยังไงวันนี้ขอบคุณ
00:34:42 → 00:34:45 คุณหมอมากๆเลยนะคะแล้ววันนี้ค่ะทางเกลาก็
00:34:45 → 00:34:49 มอบหมวกนะคะให้คุณหมอใส่ปิดหูไว้
00:34:49 → 00:34:51 >> ปิดหูพอจะปิดหูชงเข้าหูด้วย
00:34:51 → 00:34:53 >> ป้องกันแมลงได้นี่นะคะมอบให้คุณหมอเลยค่ะ
00:34:53 → 00:34:55 เขียนว่า I wanna be better version
00:34:55 → 00:34:56 of myself นี่
00:34:56 → 00:34:57 >> อเป็นตัวเองที่ดีกว่า
00:34:57 → 00:34:59 >> ใช่และพิเศษกว่าคือมันใส่ได้ 2 ด้านค่ะ
00:34:59 → 00:35:00 คุณหมอนี่
00:35:01 → 00:35:03 >> อันนี้ก็เป็นสีขาวก็ได้เหมือนกันเนา
00:35:03 → 00:35:05 >> ใช่ใส่ได้ 2 ด้านเลยนะคะอันนี้มอบให้คุณ
00:35:05 → 00:35:07 หมอแล้วก็ถ้าใครอยากได้หมวกเก๋ๆแบบนี้นะ
00:35:07 → 00:35:09 คะใต้ description นี้สามารถสั่งซื้อได้
00:35:09 → 00:35:12 เลยนะคะทางเกลายังมีเสื้อเกลาแบบนี้นะคะ
00:35:12 → 00:35:14 แล้วก็มีกระเป๋าผ้าด้วยค่ะฝากอุดหนุนเกลา
00:35:14 → 00:35:17 ด้วยนะคะก็ถ้าใครอยากติดตามคุณหมอไม้ติด
00:35:17 → 00:35:18 ตามได้ทางไหนบ้างคะ
00:35:18 → 00:35:20 >> จากเพจมองไม้หูคอจมูกและการนอนหลับนะครับ
00:35:20 → 00:35:23 ก็มีทั้ง Facebook แล้วก็ TikTok ครับ
00:35:23 → 00:35:25 >> ค่ะฝากติดตามคุณหมอแล้วก็กดติดตามเกากด
00:35:25 → 00:35:28 ไลก์คลิปนี้นะคะกดแชร์ให้คนที่คุณรักด้วย
00:35:28 → 00:35:30 นะคะแล้วเจอกันใหม่ใน EP ต่อๆไปค่ะวันนี้
00:35:30 → 00:35:31 ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
00:35:31 → 00:35:35 >> ครับสวัสดีครับ
00:35:35 → 00:35:54 [เพลง]