00:00:00 → 00:00:02 อาจารย์ขาต้องขอรบกวนด้วยค่ะแม้ว่าดูมัน
00:00:03 → 00:00:06 เหมือนว่าเอ๊ะมันดูเป็นปัญหาที่แบบพื้น
00:00:06 → 00:00:08 ฐานหรือว่าทุกคนเคยเจอแต่ว่าบางคนก็ยัง
00:00:08 → 00:00:10 ไม่รู้ว่าเอ๊ะสิ่งที่เราเผชิญเนี่ยเขา
00:00:10 → 00:00:12 เรียกว่าเราท้องผูกหรือยังหรือว่าอะไร
00:00:12 → 00:00:15 อย่างนี้ค่ะอาการท้องผูกเลยค่ะมันมีอาการ
00:00:15 → 00:00:17 ยังไงแล้วมันเป็นนานแค่ไหนคะถึงจะเรียก
00:00:17 → 00:00:22 ว่าท้องผูกค่ะอาจารย์
00:00:22 → 00:00:24 คือก่อนที่เราจะรู้ว่าท้องผูกเป็นยังไงก็
00:00:24 → 00:00:29 ต้องรู้ว่าปกติคนเราเนี่ยการขับถ่าย
00:00:29 → 00:00:32 ปกติเนี่ยเป็นยังไงบ้างนะครับคนเราปกติ
00:00:32 → 00:00:35 เราก็คิดว่ามันต้องถ่ายทุกวันถึงจะเรียก
00:00:35 → 00:00:39 ว่าปกติแต่จริงๆแล้วเนี่ยความเป็นจริงเรา
00:00:39 → 00:00:42 พบว่าคนทั่วไปเนี่ยอาจจะถ่ายได้ตั้งแต่
00:00:42 → 00:00:45 วันหนึ่งสองสามครั้งก็ได้นะครับหรือ 2-3
00:00:45 → 00:00:49 วันจ่ายครั้งก็ได้นะครับต้องไม่ถือว่าผิด
00:00:49 → 00:00:52 ปกติอะไรตอนนี้เพราะว่าท้องผูกเนี่ยก็คือ
00:00:52 → 00:00:55 ว่ามีการถ่ายอุจจาระถือว่ามากกว่า 3 วัน
00:00:55 → 00:00:56 แล้วยังไม่ทาน
00:00:56 → 00:01:00 นะครับคือนะครับหรือมีลักษณะของการ
00:01:00 → 00:01:03 เปลี่ยนแปลงของรักษาอุจจาระเช่นอุจจาระ
00:01:03 → 00:01:08 แข็งตายลำบากนะครับถ่ายไม่สวยนะครับเป็น
00:01:08 → 00:01:13 ปัญหาเรื่องว่าเอ่อปวดใช่ตลอดเวลานะครับ
00:01:13 → 00:01:17 กาแฟสั่งของเรื่องของท้องผูกนะครับเพราะ
00:01:17 → 00:01:20 ฉะนั้นท้องผูกเนี่ยก็จะมีอยู่ 2 กลุ่มก็
00:01:20 → 00:01:22 คือกลุ่มที่เปลี่ยนท้องผูกซึ่งมีอาการไม่
00:01:22 → 00:01:26 นานนะครับเดินหน้าก็ไม่เกิน 2 สัปดาห์ใน
00:01:26 → 00:01:28 กลุ่มพวกนี้ก็จะมีสาเหตุหลายๆอย่างเช่น
00:01:28 → 00:01:31 เรื่องของพฤติกรรมเรื่องของความเครียด
00:01:31 → 00:01:35 เรื่องของการออกกำลังกายก็เรื่องของการ
00:01:35 → 00:01:36 รับประทานอาหาร
00:01:36 → 00:01:39 นอกนั้นก็จะมีปัจจัยเกี่ยวข้องกับพวกยา
00:01:39 → 00:01:41 บางอย่างซึ่งอาจจะทำให้มีอากาศเห็นได้นะ
00:01:41 → 00:01:47 ครับ
00:01:47 → 00:01:51 ถ้าเอาตามมาตรฐานทั่วไปเขาเอาเพราะฉะนั้น
00:01:51 → 00:01:54 นี่คือ 3 เดือน
00:01:54 → 00:01:57 ถ้าเกิดว่าเป็นถึง 3 เดือนอย่างนี้หรือ
00:01:57 → 00:01:59 ว่าอยากเลิกเรียกว่าเรื้อรังและคำว่า
00:01:59 → 00:02:03 เรื้อรังเป็นเราไม่หายนะครับก็มีคนเยอะละ
00:02:03 → 00:02:08 อย่างการบีบรัดตัวของลำไส้ไม่ค่อยดี
00:02:08 → 00:02:12 เรื่องของอุปนิสัยของเราที่อาจจะแบบกั้น
00:02:12 → 00:02:15 อุจจาระบ่อยๆแล้วก็แบบเรียนไปอยู่ในสถาน
00:02:15 → 00:02:19 ที่ที่เราไม่ไม่มีความต้องการที่อยากจะ
00:02:19 → 00:02:21 ถ่ายหรือว่ามีงานอะไรอย่างเงี้ยครับ
00:02:21 → 00:02:24 มันก็จะเป็นเรื่องของอาหารการกินเช่น
00:02:24 → 00:02:28 เรื่องของการทานอาหารที่มีใยอาหารน้อย
00:02:29 → 00:02:34 แล้วก็การดื่มน้ำน้อยการไม่ออกกำลังกายก็
00:02:34 → 00:02:37 เป็นปัจจัยทั่วๆไปนอกจากนั้นก็จะมีสาเหตุ
00:02:37 → 00:02:39 อื่นๆที่ทำให้เกิดปัญหาพวกนี้ได้ก็เป็น
00:02:39 → 00:02:43 โรคทางกายต่างๆนะครับซึ่งควรที่เป็นโรค
00:02:43 → 00:02:47 เบาหวานและเบาหวานปลายประสาทก็จะทำเรื่อง
00:02:47 → 00:02:50 ของการควบคุมการทำงานของการหายก็จะเสียไป
00:02:50 → 00:02:51 นะครับ
00:02:51 → 00:02:54 ก็จะไม่ค่อยดีดตัวก็เลยเกิดภาวะเรื่องของ
00:02:54 → 00:02:58 ท้องผูกได้และบางวันก็จะมีลักษณะเด่น
00:02:58 → 00:03:00 อย่างนี้คือว่าบางทีท้องผูกบางทีก็ท้อง
00:03:00 → 00:03:04 เสียเพราะว่าระบบประสาทที่ไม่แน่นอน
00:03:04 → 00:03:10 แล้วก็อาจจะเป็นโรคอื่นๆพวกไทรอยด์
00:03:10 → 00:03:15 ต่ำก็จะทำให้การทำงานก่อนประวัติศาสตร์
00:03:15 → 00:03:20 บางอย่างที่เราพูดกันบ่อยๆปัจจุบันลบก็
00:03:20 → 00:03:22 คือโลกันต์
00:03:22 → 00:03:26 นี้เราเจอช่วงหลังเราจะเจอคนไข้ค่อนข้าง
00:03:26 → 00:03:29 เยอะๆนะฮะก็ยังมีปัญหาเรื่องการเคลื่อน
00:03:29 → 00:03:33 ไหวที่เชื่องช้านะครับล้มง่ายนะครับหน้า
00:03:33 → 00:03:36 ตาก็จะแบบไม่ค่อยแสดงความรู้สึกเนื่องจาก
00:03:36 → 00:03:39 ว่าการเมืองของเขาเนี่ยการทำงานผิดปกตินะ
00:03:39 → 00:03:42 ครับแล้วก็แน่นอนมันก็มีผลต่อเรื่องของ
00:03:42 → 00:03:45 การทำงานของระบบบริหารได้ด้วยก็เลยทำให้
00:03:45 → 00:03:48 คนไข้ภาคอีสานก็จะท้องผูกบ่อย
00:03:48 → 00:03:50 นอกจากนั้นยาที่รักษาการสื่อสารบางตัวก็
00:03:50 → 00:03:54 ทำให้เกิดอาการท้องผูกได้ด้วย
00:03:54 → 00:03:57 กันก็จะเป็นจากยาบางอย่างที่เราทาน
00:03:57 → 00:03:59 ยกตัวอย่างเช่น
00:03:59 → 00:04:03 ยาลดความดันบางประเภทนะครับยาพวกธาตุ
00:04:03 → 00:04:07 เหล็กซึ่งจะทำให้ท้องผูกได้
00:04:07 → 00:04:09 หรือยาในบางกลุ่มช่วงยาวพวกเกี่ยวข้องกับ
00:04:09 → 00:04:12 อาคารคลายเครียดกังวลบางตัวก็ทำให้มี
00:04:12 → 00:04:14 โอกาสท้องผูกได้
00:04:14 → 00:04:17 ก็จะเป็นกลุ่มพวกนี้นะครับอ่า
00:04:17 → 00:04:24 [เพลง]
00:04:24 → 00:04:27 อาจารย์คะคำสงสัยนะคะทำไมถึงเรียกว่าท้อง
00:04:27 → 00:04:31 ผูกว่าไม่ผูกกับอะไรคะทำไมเราไม่ใช้ว่าอึ
00:04:31 → 00:04:34 ไม่ออกหรือว่าเราไม่ใช้คำว่าฝึกแข็งจังทำ
00:04:34 → 00:04:36 อะไรต้องใช้คำว่าท้องผูกไหม
00:04:36 → 00:04:39 ฮะ
00:04:39 → 00:04:47 ไม่น่าจะร่วงไปไหน
00:04:47 → 00:04:50 เร็วอันนี้ท้องผูกคือถ่ายไม่ออกคือเหมือน
00:04:50 → 00:04:54 กับมีอะไรไปผูกท้องเราไว้ทำให้เราอ่าทำ
00:04:54 → 00:04:56 ให้เรารู้สึกไม่อยากถ่ายครับน่าจะเป็นการ
00:04:56 → 00:04:59 สื่อสารที่เราใช้กันแบบชาวบ้านชาวบ้าน
00:04:59 → 00:05:02 ง่ายๆครับท้องร่วงใช่มั้ยฮะมันต้องร่วงไป
00:05:02 → 00:05:04 เลยฮะ
00:05:04 → 00:05:07 ท้องผูกก็คือเหมือนมีอะไรที่ถูกลำไส้เรา
00:05:07 → 00:05:12 จะถ่ายไม่ออกเขาก็เลยเรียกว่าท้องผูก
00:05:12 → 00:05:17 แต่รู้จักรากศัพท์ของคำนี้ก็เพราะว่าบาง
00:05:17 → 00:05:19 คนสงสัยเฮ้ยท้องผูกทำไมถึงเรียกท้องผูก
00:05:19 → 00:05:22 ทำไมไม่บอกว่าอึไม่ออกมันก็จะได้แบบเข้า
00:05:22 → 00:05:42 ใจไปเลยอ๋อผูกเอาไว้ก็เลยไม่ออกนะคะ
00:05:42 → 00:05:48 ปกติแต่ไม่ยอมถ่ายทุกวัน 5 วันได้เนี่ยก็
00:05:48 → 00:05:50 พรุ่งนี้ก็ไปซ้อมผูกไว้เลยถ้าแบบว่าไม่
00:05:50 → 00:05:52 ออกอย่างเดียวก็บางคนก็สื่อสารเข้าใจยาก
00:05:52 → 00:05:55 นิดนึงนะอาจารย์คะการประสบความสำเร็จหรือ
00:05:55 → 00:05:59 ชัยชนะในห้องน้ำนะคะในการมันควรจะใช้เวลา
00:05:59 → 00:06:01 สักเท่าไหร่เพราะบางคนน่ะค่ะกินเวลายาว
00:06:01 → 00:06:04 นานแล้วบางคนก็บอกว่าเออมันก็เป็นแบบปกติ
00:06:04 → 00:06:07 นะก็ทำไมจะต้องบางคนเนี่ยเหมือนเช่นคำ
00:06:07 → 00:06:09 โฆษณาค่ะนั่งนานไปหน่อยหรืออะไรอย่าง
00:06:09 → 00:06:12 เงี้ยคือจริงๆแล้วมันควรจะใช้เวลาขนาดไหน
00:06:12 → 00:06:15 คะแบบพรวดทีเดียวออกหรือว่าต้องแบบอืมใช้
00:06:15 → 00:06:17 การ build อารมณ์หรืออะไรอย่างเงี้ยค่ะ
00:06:18 → 00:06:20 บางคนบอกเอาหนังสือไปสักเล่มละกันอ่ะเล่น
00:06:20 → 00:06:22 เกมสักตาหรืออะไรอย่างเงี้ยค่ะอ่าน
00:06:22 → 00:06:24 หนังสือสักหน่อยก็เลยอยากรู้ว่ามันต้องกด
00:06:24 → 00:06:28 ก็จริงๆเราต้องเข้าใจนิดนึงว่าลำไส้เรา
00:06:28 → 00:06:32 เนี่ยมันจะมีการหยิบตัวหลายแบบนะครับมี
00:06:32 → 00:06:34 ตั้งหลายแบบที่ 1 ก็คือการบีบตัวถ้าเป็น
00:06:34 → 00:06:37 ลำไส้ใหญ่เนี่ยหน้าที่หลักการใหญ่เนี่ย
00:06:37 → 00:06:39 มันก็เกี่ยวข้องกับถ่ายใช่มั้ยฮะ
00:06:39 → 00:06:44 พวกกะอาหารไว้แล้วก็ดูดน้ำกับแล้วก็ขับ
00:06:44 → 00:06:45 ถ่าย
00:06:45 → 00:06:47 แต่ติดตัวของลำไส้ใหญ่เนี่ยจะมีอยู่ 2
00:06:47 → 00:06:50 แบบแบบนี้ก็คือเก็บตัวเพื่อให้ชนะจากส่วน
00:06:50 → 00:06:51 ต้นในที่ส่วนกลาง
00:06:51 → 00:06:54 คือการดีดตัวอย่างรุนแรงเพื่อให้มีการขับ
00:06:54 → 00:06:56 ถ่าย
00:06:56 → 00:06:58 นะฮะตัวการบีบตัวอย่างรุนแรงเพื่อให้ขับ
00:06:58 → 00:07:01 ถ่ายเนี่ยส่วนมากมันจะเกิดขึ้นช่วงเช้า
00:07:01 → 00:07:04 มืดนะฮะช่วงเช้ามืดอยู่หลังอาหารเช้า
00:07:04 → 00:07:06 เพราะฉะนั้นเนี่ยเวลาที่ถ่ายดีที่สุดคือ
00:07:06 → 00:07:07 จะเป็นช่วงเช้า
00:07:07 → 00:07:12 แต่บางท่านก็บอกว่าให้กินน้ำอุ่นนะแก้ว
00:07:12 → 00:07:16 นึงตอนเช้าตื่นมานะครับจะช่วยทำให้การขับ
00:07:16 → 00:07:19 ถ่ายเราดีขึ้นตอนนี้ถามว่าเราเข้าห้องน้ำ
00:07:19 → 00:07:22 เนี่ยโดยปกติใช้เวลานานแค่ไหน
00:07:22 → 00:07:26 ซึ่งค่าปกติแต่ละคนก็อาจจะไม่เท่ากันนะ
00:07:26 → 00:07:29 ครับโดยทั่วไปก็ประมาณ 10-15 นาทีก็น่าจะ
00:07:29 → 00:07:32 โอเคอันนี้เราเข้าไปเนี่ยอย่างที่บอกอาจ
00:07:32 → 00:07:35 จะขึ้นมาก็ทานน้ำหัวสักแก้วนึง
00:07:35 → 00:07:39 แล้วก็เข้าห้องน้ำได้ระหว่างห้องน้ำเนี่ย
00:07:39 → 00:07:41 ไม่แนะนำให้เอามือถือและถือพิมพ์เข้าไปนะ
00:07:41 → 00:07:45 ครับว่าเวลาอ่านหนังสือพิมพ์หรือว่ามือ
00:07:45 → 00:07:46 ถือเข้าไป
00:07:46 → 00:07:49 ฟาร์มสนใจของเรามันจะกลายไปอยู่ที่
00:07:49 → 00:07:55 หนังสือพิมพ์
00:07:55 → 00:07:56 หนังสือแทน
00:07:56 → 00:08:00 แล้วก็เดินพอเกินปุ๊บเนี่ยบางทีเราจะขับ
00:08:00 → 00:08:01 ถ่ายเนี่ย
00:08:01 → 00:08:04 มันก็จะไม่ได้ทำงานเท่าที่ควรเพราะว่าอ่า
00:08:04 → 00:08:06 ส่วนหนึ่งเรามาให้ความสำคัญกับเรื่องของ
00:08:06 → 00:08:11 การดูการอ่าใช่ครับก็ยังเพลินไปดูกันนะฮะ
00:08:11 → 00:08:13 บางคนครึ่งชั่วโมงก็ยังขายไม่เสร็จเพราะ
00:08:13 → 00:08:16 ว่ามัวแต่ว่าอ่านมือถือมัวแต่เนี่ยครับก็
00:08:16 → 00:08:18 ทำให้มีปัญหาได้
00:08:18 → 00:08:21 กลายเป็นลดเวลา
00:08:21 → 00:08:25 คนที่อาจจะถ่ายไม่ค่อยไม่ค่อยคล่องอีกอัน
00:08:25 → 00:08:27 นี้คือเขาบอกว่าช่วงเวลาที่ฝึกงานนี่คือ
00:08:27 → 00:08:30 หลังทานอาหารเช้านะครับ
00:08:30 → 00:08:34 เวลาการทานอาหารเนี่ยจะมีร่างกายเราจะมี
00:08:34 → 00:08:37 ปฏิกิริยาที่เรียกว่าพญากระตุ้นการบีบตัว
00:08:37 → 00:08:41 ของลำไส้ใหญ่จากการจากกระเพาะอาหารและ
00:08:41 → 00:08:44 กระเพาะอาหารทานเข้าไปปุ๊บเนี่ยเราก็จะ
00:08:44 → 00:08:47 ขยายตัวเพื่อรับอาหาร
00:08:47 → 00:08:51 ไปที่ตัวลำไส้ใหญ่ให้มีการบีบัดส่วนร่วม
00:08:51 → 00:08:52 ด้วย
00:08:52 → 00:08:54 เพราะฉะนั้นจะเห็นว่าบางท่านที่เป็นพวกลำ
00:08:54 → 00:08:58 ไส้แบบส่วนนะฮะ
00:08:58 → 00:09:00 ไอ้เด็กเข้าห้องน้ำเพราะว่าปลายประสาท
00:09:00 → 00:09:03 อย่างนี้ไวกว่าปกติ
00:09:03 → 00:09:05 เพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าเกิดว่าคนที่ท้องผูก
00:09:05 → 00:09:09 เนี่ยจะอยากถ่ายอีกเวลานึงที่ดีที่สุดคือ
00:09:09 → 00:09:13 ด่าอาหารเช้า
00:09:13 → 00:09:16 เราก็จะไม่สะดวกเนื่องจากว่า
00:09:16 → 00:09:19 ยังไงถ้าเราต้องไปทำงานแล้วไม่ได้ทำให้
00:09:19 → 00:09:23 เราอาจจะลำบากนิดนึง
00:09:23 → 00:09:30 อาจจะต้องไปถ่ายที่ทำงานนะครับ
00:09:30 → 00:09:33 เรื่องของเรื่องของอาการท้องผูกครับ
00:09:33 → 00:09:36 อาจารย์ถ้าเราเป็นแล้ว
00:09:36 → 00:09:41 เป็นเป็นนานๆเป็นบ่อยๆแบบนี้มันจะส่งผล
00:09:41 → 00:09:46 ยังไงต่อต่อร่างกายของเราบ้างไหมมันจะมัน
00:09:46 → 00:09:48 จะส่งเอฟเฟคอะไรเพิ่มเติมจากนอกจากการ
00:09:48 → 00:09:53 ท้องผูกหลังจากนั้นอีกไหม
00:09:54 → 00:09:57 ครับก็จะมีปัญหาเหมือนกันเพราะว่าเป็นบาง
00:09:57 → 00:09:59 ครั้งเวลาเราถ่ายเนี่ย
00:09:59 → 00:10:02 ก็จะมีปัญหา 2 อย่างกลุ่มหนึ่งก็คือ
00:10:02 → 00:10:06 คุณถ่ายไม่ออกเบี่ยงแล้วไม่ออกเกี่ยวข้อง
00:10:06 → 00:10:10 อาจจะทำให้เกิดพวกมีกี่ดวงที่ก้น
00:10:10 → 00:10:14 บริเวณด้วย
00:10:14 → 00:10:17 ก็คือว่าบางทีถ้าแบบว่าเบ่งมากๆพรใดต้อง
00:10:17 → 00:10:19 ท้องมันสูงแต่เรามีโรคประจำตัวบางอย่าง
00:10:19 → 00:10:22 เช่นโรคหัวใจหรือโรคเกี่ยวข้องกับเรื่อง
00:10:22 → 00:10:25 ของความดันเนี่ยความดันขึ้นได้โรคหัวใจ
00:10:25 → 00:10:27 เป็นน้ำเป็นได้
00:10:27 → 00:10:30 แล้วก็บางคนที่มีปัญหาเรื่องเกี่ยวข้อง
00:10:30 → 00:10:33 กับความดันสูงพวกเรียกว่าเอ่อเรื่องของ
00:10:33 → 00:10:37 เกี่ยวข้องกับหินก็จะมีผลได้เหมือนกัน
00:10:37 → 00:10:40 พวกนี้ก็แล้วก็บางทีเด็ดมากๆมันก็มีผลต่อ
00:10:40 → 00:10:43 การกลั่นปัสสาวะได้ด้วยเพราะว่า
00:10:43 → 00:10:47 ทำให้บางทีการปัสสาวะได้ไม่ดีนะครับเพราะ
00:10:47 → 00:10:49 ฉะนั้นแล้วก็สิ่งสำคัญคือว่าท้องผูกถ้า
00:10:49 → 00:10:52 เป็นเรื้อรังแล้วเรามีปัญหาตลอดเนี่ยเรา
00:10:52 → 00:10:54 ต้องมาดูว่าจำเป็นต้องเช็คอะไรเพิ่มเติม
00:10:54 → 00:10:57 ไหมว่าโอเคมันจะเป็นท้องผูกจากที่
00:10:57 → 00:10:59 พฤติกรรมของเราไม่ดีเองหรือว่าเรามีท้อง
00:11:00 → 00:11:02 ผูกแต่เรามีโรคบางอย่างตอนอยู่ที่เราจะ
00:11:02 → 00:11:05 กลัวก็คืออาจจะมีปัญหาเรื่องมะเร็งนั่น
00:11:06 → 00:11:09 เองที่พูดถึงเลยบ่อยๆนะครับถามว่าทุกคนจะ
00:11:09 → 00:11:12 เป็นมะเร็งในท้องผูกจริงๆไม่ใช่นะครับมัน
00:11:12 → 00:11:14 ยังเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นเองเพียงแต่
00:11:14 → 00:11:16 ว่าถ้าเรามีปัจจัยหรืออาการเตือนอะไรบ้าง
00:11:16 → 00:11:21 ที่ต้องคิดถึงมะเร็งบ้างครับเช่นเอ่อ
00:11:21 → 00:11:26 ชนะจำเล็กโรงนะครับอ่าเป็นลูกเลือดนะครับ
00:11:26 → 00:11:28 มีน้ำหนักลดนะครับ
00:11:28 → 00:11:30 แล้วก็อีกอันที่เขาพูดถึงบ่อยๆคือเรื่อง
00:11:30 → 00:11:33 ของอายุนะครับถ้าท่านมีมุมตั้งแต่ 50 ปี
00:11:33 → 00:11:36 ขึ้นไปนะครับก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นกับ
00:11:36 → 00:11:37 การเป็นมะเร็ง
00:11:37 → 00:11:39 เพราะฉะนั้นถ้าเกิดว่าอายุประมาณ 50 ปี
00:11:39 → 00:11:42 เนี่ยให้มาเช็คดูดีกว่า
00:11:42 → 00:11:44 นอกจากนั้นอีกกลุ่มนึงที่จะมีปัญหากลุ่ม
00:11:44 → 00:11:47 ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งนะถ้าเกิด
00:11:47 → 00:11:50 ว่าคนที่เป็นมะเร็งมะเร็งลำไส้นะครับถ้า
00:11:50 → 00:11:53 เกิดก็กลัวแน่นอนว่าก็จะมีการถ่ายทอดมา 1
00:11:53 → 00:11:56 ตัวเราด้วยทำให้เรามีความเสี่ยงสูงกว่าคน
00:11:56 → 00:12:02 ปกติที่จะเป็นมะเร็งได้นะครับเพราะว่า
00:12:02 → 00:12:06 พออาจารย์บอกว่าเบาหวานเองมันไปปราสาทเอง
00:12:06 → 00:12:08 มันก็ขับถ่ายเหมือนเดิมพอบอกว่าเราจะต้อง
00:12:08 → 00:12:11 เบ่งเข้าไปอีกโอ้โหความดันมาสานถ้าสมมุติ
00:12:11 → 00:12:15 คนเป็นแบบหลายโรคพร้อมกันก็เออลำบากนะคะ
00:12:15 → 00:12:16 อาจารย์
00:12:16 → 00:12:20 คะคืออย่างนี้ค่ะอาจารย์พอเวลาที่อาจารย์
00:12:20 → 00:12:23 บอกว่าอุจจาระของเราอ่ะค่ะมันลำเล็กลง
00:12:23 → 00:12:26 หรือลำเปลี่ยนไปแล้วเวลาเราต้องเพิ่ม
00:12:26 → 00:12:28 ปริมาณการเบรคเนี่ยเพื่อไม่ให้เป็น
00:12:28 → 00:12:30 ลิสซิ่งอีกเนี่ยค่ะอาจารย์อุจจาระที่ดี
00:12:30 → 00:12:33 มันควรจะต้องรำขนาดไหนคะอาจารย์แล้วมันจะ
00:12:33 → 00:12:37 ต้องแบบเอ่ออ่อนแข็งยังไงคะอาจารย์ดู
00:12:37 → 00:12:39 ลักษณะของน้องเหมือนเราต้องก้มดูสักนิด
00:12:39 → 00:12:43 นึงค่ะอาจารย์
00:12:43 → 00:12:46 ก็คงจะประมาณเส้นผ่าศูนย์กลางของลำไส้เรา
00:12:46 → 00:12:49 ครับก็อยู่ประมาณ 2-3 เส้นได้ประมาณนี้
00:12:49 → 00:12:52 ครับแล้วก็สีเหลืองเนื่องจากว่าเป็นสีที่
00:12:52 → 00:12:56 เดียวออกมาพวกเพื่อนควรจะแข็งเกินไปไม่
00:12:56 → 00:12:57 ควรจะเหลวเกินไป
00:12:57 → 00:13:00 แต่ว่าบางครั้งเนี่ยอาจจะมีมูกได้บ้าง
00:13:00 → 00:13:02 เพราะปกติลำไส้ใหญ่ของเราก็จะมีใจเรามุ่ง
00:13:02 → 00:13:04 ออกมาเพื่อหล่ออื่นอยู่แล้ว
00:13:04 → 00:13:08 แต่ว่าไม่ควรจะมีเลือดปนนะครับ
00:13:08 → 00:13:11 แล้วก็การขับถ่ายเนี่ยก็อย่างที่ว่าว่า
00:13:11 → 00:13:14 พรุ่งนี้เนี่ยในบางรายที่จะบอกว่ามันเบรค
00:13:14 → 00:13:17 ไม่ออกเนี่ยปัจจัยกันก็คือว่าบางท่านทาน
00:13:17 → 00:13:20 อาหารอาจจะแบบเรื่องของพวกผักผลไม้อะไร
00:13:20 → 00:13:24 พวกกากใยน้อยไปก็เป็นส่วนที่ทำให้บางที
00:13:24 → 00:13:27 อุจจาระเม็ดลงได้นะครับเราอาจจะเพิ่มพวก
00:13:27 → 00:13:31 ผักผลไม้เช่นจะเป็นส้มจะเป็นแคนตาลูปจะ
00:13:31 → 00:13:34 เป็นเรื่องของแก้วมังกร
00:13:34 → 00:13:37 ดูว่ามันช่วยเราได้ไหมนะครับทีนี้ก็เป็น
00:13:37 → 00:13:41 ตัวหนึ่งที่อาจจะพอลองดูก่อนได้ว่าเรามี
00:13:41 → 00:13:43 ปัญหาแบบอุจจาระแบบเล็กลงซึ่งจริงๆเนี่ย
00:13:43 → 00:13:48 แต่บางครั้งบางครั้งอีกตัวมากเหมือนกัน
00:13:48 → 00:13:51 ค่ะอาจารย์ตรงกับคุณผู้ฟังทางบ้านที่สอบ
00:13:51 → 00:13:54 ถามมาแบบนี้ค่ะในปริมาณผักผลไม้ที่เท่า
00:13:54 → 00:13:57 กันทำไมบางคนถ่ายได้แต่บางคนถ่ายแบบไม่
00:13:57 → 00:14:00 ออกอ่ะค่ะระบบหรือว่าลำไส้เขาต่างกันยัง
00:14:00 → 00:14:03 ไงคะแล้วคนสูงอายุอ่ะค่ะกล้ามเนื้อบีบรัด
00:14:03 → 00:14:05 ในลำไส้เนี่ยมันจะด้อยประสิทธิภาพลงไหมคะ
00:14:05 → 00:14:09 เหมือนความเสื่อมตามวัยค่ะ
00:14:09 → 00:14:13 เออคำถามแรกถามว่าการทานผักผลไม้แต่ละ
00:14:13 → 00:14:15 ท่านเนี่ยตอบสนองไม่เหมือนกันไอ้นี่ก็
00:14:15 → 00:14:19 เป็นเรื่องธรรมดานะฮะเพราะว่าอันที่ 1 ก็
00:14:19 → 00:14:21 ต้องขึ้นอยู่ที่ 2 เขาแล้วมาที่ทานด้วย
00:14:21 → 00:14:25 เพราะว่าบางอย่างก็ยังมีกากใยสูงนะครับ
00:14:25 → 00:14:28 เช่นสมมุติถ้าท่านทานต้มอะไรอย่างนี้ก็จะ
00:14:28 → 00:14:30 กราบใหญ่เยอะจริงแต่ถ้าท่านทานทุกองุ่น
00:14:30 → 00:14:33 พวกอะไรเงี้ยคือไม่ทานพวก
00:14:33 → 00:14:38 ลำไยพวกลิ้นจี่ก็ไม่ค่อยมีกากก็จะน้อย
00:14:38 → 00:14:41 อันที่ 2 ก็ขึ้นอยู่กับระบบการทำงานของลำ
00:14:41 → 00:14:43 ไส้โดยพื้นฐานของเราเองด้วยว่าเป็นยังไง
00:14:43 → 00:14:46 นะครับเพราะว่าเพื่อนของเราเนี่ยแต่ละคน
00:14:46 → 00:14:48 ก็จะมีพื้นฐานที่ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
00:14:48 → 00:14:49 เพราะฉะนั้น
00:14:49 → 00:14:53 ถ้าเราทานเข้าไปแล้วเนี่ยบางคนดีบางคนไม่
00:14:53 → 00:14:56 ดีก็อาจจะต้องดูปัจจัยพวกนี้ประกอบด้วย
00:14:56 → 00:14:59 โดยทั่วไปเนี่ยเราก็จะดูก่อนว่า 1 เราทาน
00:14:59 → 00:15:01 เยอะเนี่ยทานเยอะๆอยู่แล้วไงหรือว่าไม่
00:15:01 → 00:15:05 เยอะอันที่ 2 เนี่ยก็คือว่าเรื่องของนอก
00:15:05 → 00:15:07 จากการทานแล้วเนี่ยไม่ต้องมีเรื่องอื่นๆ
00:15:07 → 00:15:09 ด้วยเส้นกิจกรรมเช่นการเดินก้าวออกกำลัง
00:15:09 → 00:15:13 กายเพื่อช่วยทำให้การทำงานของพวกลำไส้ดี
00:15:13 → 00:15:14 ขึ้น
00:15:14 → 00:15:17 แล้วก็อย่างไฟเบอร์แต่ละคนเนี่ยการตอบ
00:15:17 → 00:15:19 สนองก็จะไม่เท่ากันอย่างที่บอกไปนะครับ
00:15:19 → 00:15:23 เพราะฉะนั้นเราก็เราลองดูได้แต่ว่าตัว
00:15:23 → 00:15:30 ไฟเบอร์เองเนี่ยบางคนก็ดีบางคนก็ไม่ดี
00:15:30 → 00:15:33 ก็จะเจอปัญหาเรื่องท้องผูกได้บ่อย
00:15:33 → 00:15:37 แต่คนคนที่กลุ่มที่เจอท้องผูกบ่อยๆก็มี
00:15:37 → 00:15:40 อยู่ 2 กลุ่มคือภาพดนตรีนะครับอาจจะ
00:15:40 → 00:15:41 เกี่ยวข้องกับเรื่องฮอร์โมนด้วยอันที่ 2
00:15:41 → 00:15:45 ก็ผู้สูงอายุแน่นอนว่าการทำงานของกล้าม
00:15:45 → 00:15:47 เนื้อลำไส้เรื่องของกระบังลมอะไรก็จะ
00:15:47 → 00:15:51 เปลี่ยนแปลงไปตามวัยและความแรงดันอีกตัว
00:15:51 → 00:15:52 ก็จะลดลง
00:15:52 → 00:15:55 ผู้สูงอายุก็ยังมีโอกาสเกิดท้องผูกได้มาก
00:15:55 → 00:16:02 ขึ้นหลังจากนั้นผู้สูงอายุ
00:16:02 → 00:16:06 ก็จะแย่ลงเพราะว่าท่านอยากจะแบบมีความ
00:16:06 → 00:16:09 จำกัดเช่นไม่ได้เดินอะไรเงี้ยครับอยู่เฉย
00:16:09 → 00:16:12 ๆนอนแต่นั่งเนี่ยบางทีก็ทำให้การทำงานของ
00:16:12 → 00:16:14 เราแต่เราแย่ลงด้วยในผู้ป่วยสูงอายุก็จะ
00:16:15 → 00:16:17 มีแนวโน้มที่จะมีปัญหาเรื่องของท้องผูก
00:16:17 → 00:16:18 ได้สูงกว่าคนทั่วไป
00:16:18 → 00:16:21 พี่คุณผู้ฟังท่านนี้ก็ยังถามต่อเนื่องค่ะ
00:16:21 → 00:16:24 อาจารย์ถามว่าแล้วถ้าทานน่ะค่ะแต่ว่าเอ่อ
00:16:24 → 00:16:28 ท่านเหมือนกันแต่ที่ออกความแตกต่างและ
00:16:28 → 00:16:30 เป็นเพราะกล้ามเนื้อบีบรัดต่างกันหรือมัน
00:16:30 → 00:16:36 เพราะแบบระบบเผาผลาญของเราค่ะอาจารย์
00:16:36 → 00:16:40 คือเวลาทานออกมาจะเห็นว่าบางคนที่เกิดการ
00:16:40 → 00:16:45 ย่อยละเอียดไหม 2 ก็คือระบบการย่อยแต่ละ
00:16:45 → 00:16:48 ท่านอาจจะไม่เท่ากันแล้วก็เดี๋ยวพี่จะก็
00:16:48 → 00:16:50 คือแจ้งการดูดซึมก็จะไม่เหมือนกันเพราะ
00:16:50 → 00:16:51 ฉะนั้น
00:16:51 → 00:16:55 ตรงนี้ก็จะมันก็จะทำให้ลักษณะบางที
00:16:55 → 00:16:56 อุจจาระออกมาก็จะไม่ได้เหมือนกันเลยที
00:16:57 → 00:17:00 เดียวนะมันเป็นปัจจัยหนึ่งที่สามารถช่วย
00:17:00 → 00:17:04 ทำให้เราดีขึ้นได้เราสามารถกรองต่ำเพราะ
00:17:04 → 00:17:07 ว่าการทานไฟเบอร์หรือทานพวกผักผลไม้เนี่ย
00:17:07 → 00:17:10 มันเป็นสิ่งที่เราสามารถทำได้เองไม่ต้อง
00:17:10 → 00:17:41 ไปพบแพทย์ก็ได้
00:17:41 → 00:17:44 แล้วอันนี้ถามอีกนิดนึงค่ะมีคุณผู้ฟังอีก
00:17:44 → 00:17:47 ท่านนึงถามมาแบบนี้อาจจะว่า
00:17:47 → 00:17:49 เรื่องของขนาดของอุจจาระเนี่ยค่ะมันบอก
00:17:49 → 00:17:52 โรคได้ไหมคะเช่น
00:17:52 → 00:17:54 ลำเล็กเล็กมากหรือบางคนบอกว่าเนี่ย
00:17:54 → 00:17:58 อุจจาระเหมือนแบบขอโทษนะคะเหมือนแบบมุม
00:17:58 → 00:18:00 แพะหรืออะไรอย่างนี้บางคนก็จะบอกแบบนี้นะ
00:18:00 → 00:18:03 เป็นเม็ดๆใช่บางคนก็แบบเป็นแท่งยาวไปเลย
00:18:03 → 00:18:05 อะไรอย่างเงี้ยค่ะมันบอกอะไรได้ไหมคะว่า
00:18:05 → 00:18:09 ไส้ของเราเนี่ยมันผิดปกติหรือเราต้องเติม
00:18:09 → 00:18:12 กากใยหรือว่าเราต้องเติมน้ำหรืออะไรคะ
00:18:12 → 00:18:14 อาจารย์
00:18:14 → 00:18:17 จริงๆตัวลักษณะอุจจาระก็จะมีการแบ่งเป็น
00:18:17 → 00:18:20 หลายประเภทอย่างที่อย่างที่คุณโยมบอกมานะ
00:18:20 → 00:18:24 ฮะตั้งแต่ประเภทเหลวตั้งแต่ประเทศส้นตีน
00:18:24 → 00:18:28 แข็งเป็นใช้อุจจาระแพะก็จะบอกเรื่องของ
00:18:28 → 00:18:32 ความรุนแรงของโรคว่าจะไปทางไหนถ้าเร็วจะ
00:18:32 → 00:18:34 ไปทางท้องเสีย
00:18:34 → 00:18:37 เป็นแบบที่แท้นี่ก็เป็นท้องผูก
00:18:37 → 00:18:40 เล็กลงเงี้ยครับคนที่ถามว่าสามารถบอกว่า
00:18:40 → 00:18:42 บอกสาเหตุจากตรงนี้ได้ไหมเนี่ยจริงๆตรง
00:18:42 → 00:18:44 เนี้ยจะไม่ได้บอกสาเหตุเลยชัดเจนทีเดียว
00:18:44 → 00:18:45 นะครับ
00:18:45 → 00:18:47 เพราะว่าพี่จะสนใจที่พูดมาทั้งหมดเนี่ย
00:18:47 → 00:18:50 สามารถเจอได้ในคนไข้ที่มีปัญหาเรื่องโรค
00:18:50 → 00:18:53 นึงที่จะเรียกว่าลำไส้แปรปรวนเพราะฉะนั้น
00:18:53 → 00:18:55 ใช้แปรปรวนแปลว่าอะไรฮะแต่ว่าลำไส้มันมี
00:18:55 → 00:18:58 การอดีตวัดตัวผิดปกติโดยที่มันไม่ได้มี
00:18:58 → 00:19:01 โรคอะไรเลยแต่ว่าปลายประสาทที่ควบคุมการ
00:19:01 → 00:19:03 ทำงานของมันเนี่ย
00:19:03 → 00:19:07 อาจจะทำงานมากเกินไปก็มีท้องเสียทำงาน
00:19:07 → 00:19:10 น้อยเกินไปก็ท้องผูกหรือว่าบางทีทำงานมาก
00:19:10 → 00:19:13 เกินไปแต่ระบบขับถ่ายไม่ดีก็ปวดท้องได้
00:19:13 → 00:19:16 เพียงแต่ว่าเป็นสิ่งที่จะบอกว่าลักษณะ
00:19:16 → 00:19:18 อุทยานของเราเนี่ยบ่งชี้ไปทางไหนว่าจะ
00:19:18 → 00:19:20 ต้องถูกหรือท้องเสียเป็นบ้านหรือเป็นน้อย
00:19:20 → 00:19:25 ถ้าเป็นมากมันก็จะอุจจาระแข็งออกเลยนะ
00:19:25 → 00:19:27 ถ้าเป็นไม่มากนักมันก็อาจจะได้เป็นแค่
00:19:27 → 00:19:29 เป็นแบบง่ายๆที่บอกอ่ะบีบตัวเป็นเส้นๆ
00:19:29 → 00:19:31 เนี่ยถ่ายออกได้
00:19:31 → 00:19:33 เพราะจะเห็นว่าบอกว่ามันก็จะบอกว่าอันที่
00:19:33 → 00:19:35 เป็นเส้นๆเนี่ยลำไส้เราบิดตัวเยอะนะกว่า
00:19:35 → 00:19:38 จะถ่ายออกอะไรอย่างเงี้ยฮะอันที่ 2 ก็
00:19:38 → 00:19:40 ต้องแยกว่าไอ้ที่มันบีบตัวเยอะเนี่ยมัน
00:19:40 → 00:19:42 เป็นแต่บิดตัวอย่างเดียวหรือว่าอุจจาระ
00:19:42 → 00:19:45 เราเนี่ยลำไส้เรามีอะไรไปอุดตันทำให้มัน
00:19:45 → 00:19:49 เล็กลงไปงั้นก็ต้องแช่ก่อนครับ
00:19:49 → 00:19:52 อาจารย์ครับพออาจารย์พูดแบบนี้ค่ะทำให้
00:19:52 → 00:19:55 หนูนึกถึงแล้วมีคุณฟังถามมาพอดีว่าแต่
00:19:55 → 00:19:57 ก่อนมันจะมีช่วงนึงที่มันเป็นข่าวว่า
00:19:57 → 00:20:00 เนี่ยโรคอึเต็มท้องหรือว่าอะไรอย่างเงี้ย
00:20:00 → 00:20:03 ค่ะขี้เต็มท้องก็ให้หนูก็เลยจินตนาการว่า
00:20:03 → 00:20:06 พอเราอึไม่ออกไงคะอาจารย์มันก็จะค้างอยู่
00:20:06 → 00:20:08 ในลำไส้ใช่มั้ยคะแล้วมันก็จะตันๆๆๆขึ้นไป
00:20:08 → 00:20:22 เรื่อยๆหรือเปล่าอะไรอย่างเงี้ยค่ะ
00:20:22 → 00:20:28 พูดง่ายๆให้เราเข้าใจง่ายก็
00:20:28 → 00:20:32 ปัญหาที่สำคัญคือว่าการที่อุจจาระเยอะไม่
00:20:32 → 00:20:35 ถ่ายเนี่ยถ้าเป็นงานเนี่ยก็ยังเป็นหาตาม
00:20:35 → 00:20:37 มาที่สำคัญคือมันจะแข็ง
00:20:37 → 00:20:40 คนที่แข็งแบบบางคนกินไปไม่หายเป็นเดือนก็
00:20:40 → 00:20:41 มีฮะ
00:20:41 → 00:20:44 มันแข็งแบบอยู่ในลำไส้เลยก็มีคนต้องแคระ
00:20:44 → 00:20:47 ส่องกล้องแชร์ก็ไม่ออก
00:20:47 → 00:20:49 ขนาดนั้นเลยเหรอฮะ
00:20:49 → 00:20:54 อ่าใช่ครับ
00:20:54 → 00:20:58 ว่าคือถ้าเกิดเราเป็นเนี่ยเป็นนานๆแล้ว
00:20:58 → 00:21:01 มันไม่ดีขึ้นเนี่ยนะแล้วก็ไม่ถ่ายเลยตั้ง
00:21:01 → 00:21:03 แต่อาทิตย์ขึ้นไป
00:21:03 → 00:21:06 รีบมาพบแพทย์ดีกว่าเพราะว่าเราคุยกันหน้า
00:21:06 → 00:21:09 สวนสาธารณะ
00:21:09 → 00:21:11 หรือว่าจะมีพอมีอะไรที่แบบช่วยในการทำให้
00:21:11 → 00:21:14 เราขับถ่ายได้ที่บอกไป
00:21:14 → 00:21:17 อาจารย์บอกว่าต้องส่องกล้องแค่นี้หนู
00:21:17 → 00:21:20 พยายามนึกจินตนาการส่องกล้องนี่คือเข้าไป
00:21:20 → 00:21:23 ทางทวารหรือว่าเข้าไปทางไหนคะที่ไปแคะออก
00:21:23 → 00:21:25 มา
00:21:25 → 00:21:29 ทานตะวันอ่ะเพราะว่าเพราะว่าลำไส้
00:21:29 → 00:21:34 พูดถึงเดือนเนี้ย
00:21:34 → 00:21:37 เป็นส่วนที่ต่อเข้ามาที่ทวารหนักนะครับ
00:21:37 → 00:21:40 แล้วก็ส่องกล้องเข้าไปซึ่งปกติเวลาส่อง
00:21:40 → 00:21:41 กล้องเนี่ยต้องให้ยาระบายอย่างแรงเพื่อ
00:21:41 → 00:21:43 ล้างลำไส้ก่อน
00:21:44 → 00:21:48 แปลว่าคนพวกคนที่จำพวกที่แบบว่าเป็นแบบ
00:21:48 → 00:21:50 อุจจาระแข็งเหมือนเป็นหินอย่างนี้ค่ะที่
00:21:51 → 00:21:53 ว่าเต็มลำไส้เนี่ยคือยาถ่ายไงช่วยไม่ได้
00:21:53 → 00:22:01 แล้วใช่ไหมคะอาจารย์ต้องแงะค่ะ
00:22:01 → 00:22:04 ตัวใยอาหารหรือไฟเบอร์นี้ก็เป็นส่วนหนึ่ง
00:22:04 → 00:22:07 ที่ใช้ในการขาย
00:22:07 → 00:22:31 ในกลุ่มที่ดูดพวกน้ำเข้ามาในลำไส้นะครับ
00:22:31 → 00:22:33 ใช่
00:22:33 → 00:22:40 ก็คือเป็นพวกยาพวกยากระตุ้น
00:22:40 → 00:22:43 อ่า
00:22:43 → 00:22:47 กระตุ้นลำไส้บิดตัวข้อเสียมันคือใช้นานๆ
00:22:47 → 00:22:48 ทำให้
00:22:48 → 00:22:51 แล้วก็มีมันไม่ให้ปวดท้องรุนแรงได้นะครับ
00:22:51 → 00:22:53 ต้องระวังนิดนึง
00:22:53 → 00:22:57 นอกจากนั้นก็จะมีบางคนก็ใช้ยาเหน็บก็จะมี
00:22:57 → 00:23:01 กระตุ้นให้ลำไส้ดีดตัวในเด็กๆก็ยังมีตัว
00:23:01 → 00:23:04 หนึ่งที่เรียกว่ากลีเซอรีน
00:23:04 → 00:23:10 เสื้อบีบตัวเพราะผู้ใหญ่หน่อย
00:23:10 → 00:23:13 แล้วก็อีกอันนึงที่เรามักจะชอบพูดถึงกัน
00:23:13 → 00:23:16 บ่อยๆคือการทำดีท็อก
00:23:16 → 00:23:20 ซ์กาแฟพวกนี้ครับหลักการก็คล้ายๆกันเหตุ
00:23:20 → 00:23:25 เข้าไปเพื่อให้เราออกแบบถ่ายออกมา
00:23:25 → 00:23:29 ซึ่งเราก็ไม่แนะนำให้ใช้ 1 ก็คือไม่ได้ทำ
00:23:29 → 00:23:35 ให้ใช้ 2 ถ้าใช้ก็นานๆจำได้แต่อย่าบ่อย
00:23:35 → 00:23:38 มีบางคนก็ใช้สูตรนี้เหมือนกันนะพี่หมอเออ
00:23:38 → 00:23:41 ใช้สูตรแบบว่าตัวเองกินอะไรแล้วมันถ่าย
00:23:41 → 00:23:43 ง่ายถ่ายกล้องอย่างเช่นอะไรล่ะโยเกิร์ต
00:23:43 → 00:23:46 อย่างเช่นนมเปรี้ยวหรือว่าจะเป็นพวกนม
00:23:46 → 00:23:47 อะไรอย่างเงี้ย
00:23:47 → 00:23:50 หรือว่าอาหารที่แบบกินแล้ว
00:23:50 → 00:23:54 กินเป็นกินแบบอาหารจานนี้เราปกติถ่ายง่าย
00:23:54 → 00:23:57 เลยก็จะอาจจะใช้สูตรพวกนี้ได้เหมือนกัน
00:23:57 → 00:24:01 ครับก็บางคนก็อย่างเงี้ยบางคนอาจจะแฟร์
00:24:01 → 00:24:07 แล้วถ่ายแต่ก็เป็นคนสงสัยได้
00:24:07 → 00:24:10 ก็มันจะมีผลไม้บางอย่างที่ทำให้เราถ่าย
00:24:10 → 00:24:15 เช่นกินมะละกอนะครับแต่ว่าคุณไง
00:24:15 → 00:24:19 พวกนี้ก็ช่วยเป็นเป็นลักษณะที่ช่วยถ่าย
00:24:19 → 00:24:23 ได้หรือบางคนก็ไม่ชอบกินมะขามเป็นเม็ดๆ
00:24:23 → 00:24:25 แต่ว่ากินมะขามเนี่ยครับมะขามทั่วไป
00:24:25 → 00:24:27 เหมือนกัน
00:24:27 → 00:24:31 พวกนี้มันก็เป็นยาระบายได้อยู่แล้ว
00:24:31 → 00:24:34 ก็บางท่านก็จะใช้ยาพวกยาสมุนไพรของไทยที่
00:24:34 → 00:24:36 ขายทั่วไป
00:24:36 → 00:24:38 ห่อตามใบแก้ว
00:24:38 → 00:24:44 กระตุ้นให้ลำไส้บิดตัวมากก็ผสมแขก
00:24:44 → 00:24:47 [เพลง]
00:24:47 → 00:24:52 ใช้ได้แต่ว่าใช้บ่อยครั้งเนี่ยยาสมุนไพร
00:24:52 → 00:24:53 ไทย
00:24:53 → 00:24:55 เมื่อกี้เห็นอาจารย์พูดถึงมิวแมกนีเซียม
00:24:55 → 00:24:58 อันนี้อันนี้หยกเคยทานแต่ทีนี้ค่ะอาจารย์
00:24:58 → 00:25:01 การทานนะคะมันจะต้องแบบว่ามีระยะเวลาใช่
00:25:01 → 00:25:04 ไหมคะก็ก่อน 22:00 นหรือเปล่าคะหรือว่า
00:25:04 → 00:25:06 มันจะต้องแบบเมื่อไหร่เราก็ทานได้อะไร
00:25:06 → 00:25:09 อย่างเงี้ยค่ะเพราะว่าหนูเจอแบบพี่เพสัน
00:25:09 → 00:25:13 น้องมันจะมันจะกระตุ้นให้ดูดพวกน้ำพวก
00:25:13 → 00:25:15 เกลือแร่เข้ามาเวลามันออกนิดนึงจะใช้เวลา
00:25:15 → 00:25:19 ประมาณ 6 ชั่วโมงนะครับแล้วก็กะว่าจะตื่น
00:25:19 → 00:25:20 เช้ากี่โมง
00:25:20 → 00:25:24 แล้วก็สมมุติเราตื่นตอน 6 โมงแล้วกินกิน
00:25:24 → 00:25:27 ประมาณแต่ 4 ทุ่มก็ได้ครับประมาณนี้ก็น่า
00:25:27 → 00:25:28 จะได้
00:25:28 → 00:25:31 ไอ้นี่มันก็เป็นลักษณะที่ว่าเรากะว่ามัน
00:25:32 → 00:25:35 จะให้มันออกอีกตอนไหนเดี๋ยวมันก็ง่ายสุด
00:25:35 → 00:25:36 ก็คือการก่อนนอนนะครับ
00:25:36 → 00:25:40 ส่วนมากก็ทานประมาณ 15 - 30 นาทีได้
00:25:40 → 00:25:42 ยินเสียงนี้ก็เป็นยาที่ดีนะครับแล้วก็
00:25:42 → 00:25:44 เปิดเครื่องเคียงน้อยแต่ว่าต้องระวังนิด
00:25:44 → 00:25:46 นึงในคนที่เป็นโรคไตเพราะมันมีแมกนีเซียม
00:25:46 → 00:25:47 อยู่
00:25:47 → 00:25:50 แต่ว่าเป็นโรคไตแล้วแบบว่าใจมันแย่มากๆ
00:25:50 → 00:25:52 เลยบางทีไม่มีเสี้ยนดูดซึมเข้าไปทำให้มี
00:25:52 → 00:25:54 จิตใจต่อร่างกายได้
00:25:54 → 00:25:58 ก็เป็นยาส่วนซึ่งมีประโยชน์ราคาถูกแต่ว่า
00:25:58 → 00:26:01 มีข้อจำกัดในการใช้นิดนึงคือคนเป็นโรคไต
00:26:01 → 00:26:05 ใช้ไม่ได้แต่ว่ากลไกของมันก็คือการทำงาน
00:26:05 → 00:26:08 คืออย่างน้อยคุณต้องให้เวลา 6 ชั่วโมงใช่
00:26:08 → 00:26:10 ไหมคะ
00:26:10 → 00:26:13 เพื่อให้คุณไม่ไปทำธุระกลางท้องถนนหรือ
00:26:13 → 00:26:15 ว่าคุณเกิดอยู่ระหว่างทาง
00:26:15 → 00:26:18 ก็ยิ่งกว่าจะ
00:26:18 → 00:26:21 คือถ้าเกิดเราขับรถไปเลยก็ไม่ค่อยมีปัญหา
00:26:21 → 00:26:23 เพราะว่ามันชั่วโมงต่อชั่วโมงผมไปออกมา
00:26:23 → 00:26:24 เลยทีเดียว
00:26:24 → 00:26:27 สมมุติว่าเราคงต้องกะเวลานิดนึงโอเคเรา
00:26:27 → 00:26:34 สร้าง 6 โมงเช้าไปถึงที่ทำงาน 8 โมง
00:26:34 → 00:26:37 แต่ละคนก็
00:26:37 → 00:26:40 นอนมากกว่า
00:26:40 → 00:26:43 เพราะว่า 6 ชั่วโมงอย่างน้อยเรานอนเนี่ย
00:26:43 → 00:26:45 คนเราก็ต้องนอนมากกว่าประมาณนั้นอยู่แล้ว
00:26:45 → 00:26:52 ใช่ไหมคะตื่นมาจะได้พอดีกัน
00:26:52 → 00:26:57 เคยมีไหมครับแบบท้องที่อาจารย์เคยเจอแล้ว
00:26:57 → 00:27:00 โอเคแบบโอ้ยท้องผูกโอ๊ยเป็นมานานจังทำไม
00:27:00 → 00:27:02 เพิ่งมาหาหมอ
00:27:02 → 00:27:10 พอพอจะมีบ้างอดทนขนาดนั้น
00:27:10 → 00:27:14 คงจะมีลักษณะที่ว่าท้องท้องผูกแต่ว่าอาจ
00:27:14 → 00:27:15 จะรู้สึกว่า
00:27:15 → 00:27:25 ไม่เป็นไม่รบกวนชีวิตประจำวันครับ
00:27:25 → 00:27:28 จะต้องมีอาการปวด
00:27:28 → 00:27:30 เนี่ย
00:27:30 → 00:27:39 แจ้งความดันสูง
00:27:39 → 00:27:42 เราท้องผูกเฉยๆแต่ว่ามัน
00:27:42 → 00:27:45 หรือว่าไม่ได้แบบว่าเอออ่าที่เป็นถ่ายดี
00:27:45 → 00:27:47 แต่เขาบอกก็โอเคก็กินได้ไม่มีปัญหาอะไร
00:27:47 → 00:27:50 ไม่ได้ปวดท้องอะไรอย่างเงี้ยหรือว่าไม่
00:27:50 → 00:27:52 ได้ปัญหาว่าโอ๊ยเข้าห้องน้ำแบ่งใช้เบ่ง
00:27:52 → 00:27:55 ไม่ออกเลยอะไรอย่างเงี้ยต้องเบ่งแล้วเบรค
00:27:55 → 00:27:58 อีกก็เงี้ยถือว่ามาเร็วแน่นอนแต่ถ้าเกิด
00:27:58 → 00:28:01 ว่าในกรณีที่แบบบางทีคนที่เขาไม่ได้มี
00:28:01 → 00:28:03 ปัญหาเรื่องของการเบ่งด้วยเนี่ยเขาก็จะ
00:28:03 → 00:28:07 ค่อยไม่ค่อยได้มีปัญหามากเพราะว่าอาจจะ
00:28:07 → 00:28:10 ได้อย่างนี้คือว่าบางทีคนไทยในบ้านเรามัน
00:28:10 → 00:28:13 อย่าเยอะครับ
00:28:13 → 00:28:16 ตามร้านขายยา
00:28:16 → 00:28:19 ฝรั่งใช่มั้ยฮะ
00:28:19 → 00:28:23 ยาไทยอย่างเงี้ยใช่มั้ยฮะแล้วก็มียาจีน
00:28:23 → 00:28:26 อีกอ่าก็เขาก็สามารถที่จะรักษาดูแลตัวเอง
00:28:26 → 00:28:28 ได้ระดับนึงนะครับ
00:28:28 → 00:28:32 รู้สึกว่าที่เขาดูแลเนี่ยมันไม่โอเคเช่น
00:28:32 → 00:28:36 อาการเป็นมากขึ้นมีอาการปวดท้องหรือบางคน
00:28:36 → 00:28:40 เป็นมากขนาดแบบว่ากินอะไรไม่ได้น้ำหนักลด
00:28:40 → 00:28:44 เขาจะมาก็จะมีเหมือนกันนะที่ถามว่าเป็น
00:28:44 → 00:28:46 อย่างนั้นมันดีไหมก็คงถ้าเกิดมันถ้าคิดใน
00:28:46 → 00:28:48 แง่ตรงไปตรงมาถ้ามันเป็นโรคที่มันเป็น
00:28:48 → 00:28:51 แล้วมากขึ้นขนาดนั้นเนี่ยถ้าเราเจอในระยะ
00:28:51 → 00:28:54 ที่มันเป็นมากมันก็การดูแลรักษามันก็จะ
00:28:54 → 00:28:57 ยากแล้วก็คนจะรักษาก็จะไม่ดี
00:28:57 → 00:28:59 เพราะฉะนั้นเราก็เราก็ไม่แนะนำว่าท่าน
00:29:00 → 00:29:02 อย่าอดทนเยอะหรือว่าท่านใช้ยาแล้วไม่ดี
00:29:02 → 00:29:05 ขึ้นเงี้ยประมาณ 2-4 สัปดาห์ท่านไม่ดี
00:29:05 → 00:29:08 ขึ้นก็แนะนำให้มาหาคุณหมอดีกว่าเพราะว่า
00:29:08 → 00:29:11 บางอย่างเรามีโรคซ่อนอยู่เราไม่ทราบเนี่ย
00:29:11 → 00:29:14 เรารักษาไปตามอาการไปเรื่อยๆมันก็
00:29:14 → 00:29:17 ในระยะยาวมันก็จะเกิดผลข้างเคียงแล้วก็
00:29:17 → 00:29:21 แล้วก็มาเจอโรคในระยะที่เป็นมากก็จะทำให้
00:29:21 → 00:29:24 การอยู่อาศัยเพื่อให้โลกหายเนี่ยกลายเป็น
00:29:24 → 00:29:27 โรคไม่หายหรือว่าการรักษาด้วยวิธีที่ง่าย
00:29:27 → 00:29:51 ๆก็ไม่ได้ต้องผ่าตัดเลยนะครับ
00:29:51 → 00:29:56 เด็กเล็กๆก็จริงๆก็อาจจะเจอได้บ้างแต่ผู้
00:29:56 → 00:30:00 ใหญ่มากกว่าผู้ใหญ่สูงอายุ
00:30:00 → 00:30:14 ก็บางคนก็ได้ก็จะมีนะครับ
00:30:14 → 00:30:18 ความไม่ได้อาการที่หลับเป็นยังไงครับ
00:30:18 → 00:30:21 คือจริงๆเนี่ยท้องผูกเนี่ยมันยังอยู่อยู่
00:30:21 → 00:30:24 จริงๆอาการมันจะมีอยู่ 2 กลุ่มนะ
00:30:24 → 00:30:28 คือปัญหาไม่ออกคือแบบเบ่งเท่าไหร่ก็ไม่
00:30:28 → 00:30:31 ออกปวดแต่เด็กไม่ออก
00:30:31 → 00:30:36 กลุ่มเนี้ยถ้าเขามีอาการเนี่ยคือเขาทรมาน
00:30:36 → 00:30:37 เป็นกลุ่มนึงก็คือว่า
00:30:37 → 00:30:43 เบ่งออกไม่ปกติแต่ว่าไม่มากไม่สุดอ่า
00:30:43 → 00:30:46 อาจจะรู้สึกไม่ค่อยมีปัญหาอะไรกับชีวิต
00:30:46 → 00:30:48 ประจำวันเขาก็จะไม่มา
00:30:48 → 00:30:51 แสดงเป็น 2 กลุ่มดังนั้นถ้าเกิดว่าไอ้
00:30:51 → 00:30:53 กลุ่มยิ่งมีปัญหาเรื่องการปวดการหนี้ด้วย
00:30:53 → 00:30:56 เนี่ยเขาก็จะมา
00:30:56 → 00:31:00 เคยถามอาจารย์นี้นิเวศน์บอกว่าเนี่ยคุณ
00:31:00 → 00:31:02 รู้ไหมพอเวลาเสียชีวิตนั้นบางครั้งคนเรา
00:31:02 → 00:31:04 นะในไส้เรามันก็มีค้างใช่ไหมคะก็เลยบอก
00:31:04 → 00:31:07 ว่าบางครั้งเราก็ต้องแบบทานยาถ่ายบ้าง
00:31:07 → 00:31:09 อะไรเงี้ยมันจะได้แบบ
00:31:09 → 00:31:12 ลูกๆออกไปบ้างมันจะได้ไม่ค้างอันนี้หนูก็
00:31:12 → 00:31:13 เลยแบบว่า
00:31:13 → 00:31:16 เราในชีวิตนึงเราควรทานใช่ไหมถ้าสมมุติ
00:31:16 → 00:31:19 ว่าเราไม่ควรปล่อยมันว่าเราควรล้างไส้ให้
00:31:19 → 00:31:21 สะอาดบ้างอะไรอย่างนี้ควรทานบ้างไหมคะ
00:31:21 → 00:31:24 อาจารย์
00:31:24 → 00:31:27 จริงๆตามหลักวิชาการ
00:31:27 → 00:31:30 เราก็ลำดับมาเราก็ถ่ายกันทุกวันอยู่แล้ว
00:31:30 → 00:31:35 ไม่ต้องขนาดนั้น
00:31:35 → 00:31:39 ไม่ได้มีคำแนะนำชัดเจนนะครับเพราะว่าเรา
00:31:39 → 00:31:43 กินทุกวันเราก็ถ่ายถึงยังไม่ถ่ายทุกวัน
00:31:43 → 00:31:46 เราก็ 2-3 วันแล้วก็ถ่ายอีกที
00:31:46 → 00:31:50 แต่ว่าโอเคถ้าเกิดเรารู้สึกไม่สบายใจจะ
00:31:50 → 00:31:53 กินยาระบายบ้างรู้สึกว่าช่วงไหนอะไรเงี้ย
00:31:53 → 00:31:58 เช่นบางครั้งแบบเครียดบ้างถ่ายไม่ตรงเวลา
00:31:58 → 00:32:02 บ้างหรือว่ากินผักผลไม้น้อยบ้างอย่าง
00:32:02 → 00:32:04 เงี้ยแต่ใช้ยาระบายก่อนช่วยได้ไม่เป็นไร
00:32:04 → 00:32:05 ครับ
00:32:05 → 00:32:08 แต่ว่าที่เราไม่แนะนำคือไปทำอีก 2 เพราะ
00:32:08 → 00:32:08 ว่า
00:32:08 → 00:32:12 อาจจะแรงเกินไปอันที่ 2 ก็คือว่าการสอบ
00:32:12 → 00:32:15 เมื่อกี้มันทำให้เกิดการฉีกขาดก่อนพวก
00:32:15 → 00:32:22 เนื้อเยื่อลำไยได้
00:32:22 → 00:32:26 สามารถทำได้แต่ถามว่าตามหลักวิชาการทาง
00:32:26 → 00:32:29 การแพทย์ก็ไม่มีคำแนะนำตรงนี้นะครับ
00:32:29 → 00:32:33 เพราะว่าบางอย่างมันก็จะเป็นความเห็นใน
00:32:33 → 00:32:36 ลักษณะที่เป็นความเห็นลักษณะของความเห็น
00:32:36 → 00:32:38 ชุดทั่วไปซึ่งบางท่านอาจจะมีความเห็นได้
00:32:38 → 00:32:43 แต่ว่าถ้าถามว่าตามตามมาตรฐานการสำหรับ
00:32:43 → 00:32:47 แพทย์นี้ก็คือตรงนี้ไม่ได้แนะนำว่าเรา
00:32:47 → 00:32:49 ต้องล้างลำไส้ทุก 3 เดือน
00:32:49 → 00:32:50 แล้วครับ
00:32:50 → 00:32:51 [เพลง]
00:32:51 → 00:32:55 ก็คือถ้าเราขับถ่ายปกติไม่ได้รู้สึกอึด
00:32:55 → 00:32:58 อัดลำบากอะไรหรือว่าลองดูอุจจาระของเรา
00:32:58 → 00:33:01 แล้วก็ไม่ได้แข็งหรืออะไรมากเกินไปก็ก็
00:33:01 → 00:33:04 ถือว่าคุณใช้ชีวิตปกติแต่ถ้าเมื่อไหร่อึ
00:33:04 → 00:33:07 แล้วอึไม่ออกรู้สึกทรมานอึดอัดเป็นนานไม่
00:33:07 → 00:33:10 เกิน 2-4 สัปดาห์ควรต้องมาพบแพทย์ได้แล้ว
00:33:10 → 00:33:12 ใช่ไหมคะอาจารย์
00:33:12 → 00:33:14 ครับก็ถ้าเป็นมา
00:33:14 → 00:33:17 ก็อย่างที่บอกประมาณถ้า
00:33:17 → 00:33:20 สัปดาห์ 2 สัปดาห์ถ้ามันไม่ดีขึ้นอย่าง
00:33:20 → 00:33:24 นี้อาจจะลองการปรับผลไม้ดูก่อนหรือว่าบาง
00:33:24 → 00:33:27 ท่านอาจจะลองลองทานยาเบื้องต้นได้เช่น
00:33:27 → 00:33:30 สมมุติว่าอาจารย์ Mom นี่ก็ได้มีปัญหา
00:33:30 → 00:33:33 อะไรแต่ว่าถ้าพี่สังเกตนิดนึงก็คือว่าถ้า
00:33:33 → 00:33:35 ท่านมีอาการเตือนซึ่งดูแล้วไม่ค่อยดีเช่น
00:33:35 → 00:33:40 ถ่ายไม่ออกปวดท้องมากท้องอืดกลายเป็นมูก
00:33:40 → 00:33:43 เลือดน้ำหนักลดไข้สูง
00:33:43 → 00:33:45 ทานไม่ได้พวกนี้ต้องรีบมาเลยนะครับไม่
00:33:45 → 00:33:48 ต้องรอเพราะว่าเรากลัวว่ามันจะมีโรคอะไร
00:33:48 → 00:33:50 บางอย่างเกิดขึ้น
00:33:50 → 00:33:52 อันนี้เงินบางคนมีเราเรื่องของลำไส้อุด
00:33:52 → 00:33:54 ตันอะไรพวกนี้ครับนึกว่าท้องผูกธรรมดา
00:33:54 → 00:33:57 เป็นเคยผ่าตัดแล้วมาก่อนไม่มีพังผืดแต่
00:33:57 → 00:33:59 มันเป็นรัฐลำไส้พวกเนี้ยบางทีมันเป็น
00:33:59 → 00:34:02 เฉียบพลันขึ้นมาท้องผูกแขนไม่ออกท้องอาจ
00:34:02 → 00:34:05 จะสามารถจะมาแบบท้องผูกได้เลยนะครับก็
00:34:05 → 00:34:07 ต้องระวังนิดนึงแล้วก็อีกกลุ่มนึงที่บอก
00:34:07 → 00:34:10 คือท่านจะอายุเยอะนะครับเกิน 50 ปีขึ้นไป
00:34:10 → 00:34:14 มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งนะครับหรือ
00:34:14 → 00:34:17 ว่าเรื่องของน้ำหนักลดลงด้วยเนี่ยท่านก็
00:34:17 → 00:34:19 ควรจะรีบมาดูด้วยเพราะว่าท่านจะมีความ
00:34:19 → 00:34:22 เสี่ยงที่จะมีโรคบางอย่างซึ่งไม่ใช่ท้อง
00:34:22 → 00:34:25 ผูกธรรมดาซ่อนอยู่ได้
00:34:25 → 00:34:28 ให้คุณหมอช่วยแนะนำหน่อยครับว่าถ้าไม่
00:34:28 → 00:34:31 อยากท้องผูกควรจะทำตัวอย่างไรแต่เนิ่นๆดี
00:34:31 → 00:34:33 ครับ
00:34:33 → 00:34:36 กูท้องผูกเนี่ยก็เป็นภาวะที่อาจจะเจอได้
00:34:36 → 00:34:38 คนๆทั่วๆไปนะครับ
00:34:38 → 00:34:41 ปัจจัยสำคัญก็คือเรื่องของการดำเนินชีวิต
00:34:41 → 00:34:43 ประจำวันเป็นหลักครับ
00:34:43 → 00:34:47 ก็โดยมากก็เกี่ยวข้องกับหนึ่งก็คือการรับ
00:34:47 → 00:34:49 ประทานอาหารนะครับแนะนำให้รับประทานอาหาร
00:34:49 → 00:34:54 ที่มีกากใยแล้วก็ออกกำลังกายการดื่มน้ำ
00:34:54 → 00:34:57 ช่วยนะครับแล้วก็การมีเรื่องของกิจวัตร
00:34:57 → 00:35:00 ต่างๆนะครับก็จะช่วยทำให้การขับถ่ายดี
00:35:00 → 00:35:03 ขึ้นนะครับนอกนั้นเนี่ยก็คือว่าพยายาม
00:35:03 → 00:35:05 สำรวจตัวเองดูว่าเรามีโรคอะไรที่มีอาการ
00:35:05 → 00:35:07 ผิดปกติเป็นอาจารย์เตือนว่าจะมีโรคร้าย
00:35:07 → 00:35:11 แรงไหมเช่นมีน้ำหนักลดมีถ่ายเป็นลูกเลือด
00:35:11 → 00:35:14 นะครับหรือว่ามีเรื่องของท้องถิ่นมากกว่า
00:35:14 → 00:35:18 ปกติท้องโตขึ้นนะครับหรือว่ามีปัญหาว่า
00:35:18 → 00:35:21 ทานยาแล้วไม่ดีขึ้นนั้นไม่ควรเกินประมาณ
00:35:21 → 00:35:24 1-2 สัก 2 อาทิตย์นี้ครับควรจะรีบมาพบ
00:35:24 → 00:35:27 แพทย์เพื่อว่าจะได้ทำการวินิจฉัยให้ครบ
00:35:27 → 00:35:30 รอบที่อย่างแสนต้องรายรับการรักษาตั้งแต่
00:35:30 → 00:35:33 แรกถึงจะทำให้คนการรักษาแล้วก็จะดีขึ้น
00:35:33 → 00:35:37 แล้วก็ทำให้โลกหายได้ครับ
00:35:37 → 00:35:40 อันนี้ก็คือการออกกำลังกายก็จะช่วยทำให้
00:35:40 → 00:35:42 การทำงานของระบบทางเดินอาหารเหล่านี้ขึ้น
00:35:42 → 00:35:45 แล้วก็การขับถ่ายเราก็จะดีขึ้นตามไปด้วย
00:35:45 → 00:35:46 ครับ
00:35:46 → 00:35:49 ได้รับความรู้จากอาจารย์มากเลยนะคะแล้วก็
00:35:49 → 00:35:52 ขอบคุณนะคะอาจารย์ที่สละเวลาเราก็ให้ความ
00:35:52 → 00:35:55 รู้เราในค่ำคืนนี้นะคะอาจารย์ขอบพระคุณ
00:35:55 → 00:35:58 อาจารย์สยามมากนะคะขอบคุณครับ
00:35:58 → 00:36:02 สวัสดีค่ะ