00:00:25 → 00:00:28 ข่าวที่เราหยิบมาคุยกันในสัปดาห์นี้คะ
00:00:28 → 00:00:29 เป็นเรื่องปากท้องอีกแล้ว
00:00:29 → 00:00:31 เกี่ยวกับเรื่องของอาหารการกินค่ะคุณหมอขา
00:00:31 → 00:00:36 พาไปที่งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยอิลลินอยสหรัฐอเมริกานะคะ
00:00:36 → 00:00:38 พบข่าวดีว่า
00:00:38 → 00:00:41 บร็อคโคลี่อาจช่วยป้องกันมะเร็งตับนะคะ
00:00:41 → 00:00:43 โดยใครก็ตามที่รับประทานผักชนิดนี้
00:00:43 → 00:00:46 3 - 5 ครั้ง/สัปดาห์
00:00:46 → 00:00:51 จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก แล้วก็มะเร็งลำไส้ด้วย
00:00:51 → 00:00:53 หลายอย่างมากเลยนะคะ
00:00:53 → 00:00:58 ซึ่งเขาบอกว่าการที่เรานำบร็อคโคลี่มาบริโภคในเเต่ละวันนะคะ
00:00:58 → 00:01:01 นอกจากจะช่วยป้องกันการเป็นมะเร็งตับได้แล้ว
00:01:01 → 00:01:04 ยังช่วยต้านการเกาะของไขมันในตับ
00:01:04 → 00:01:08 และป้องกันการเป็นโรคไขมันเกาะตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์
00:01:08 → 00:01:11 ซึ่งโรคนี้จะเป็นโรคที่ทำให้ตับทำงานผิดปกติ
00:01:11 → 00:01:15 แล้วก็นำไปสู่การเกิดโรคหรือว่าโรคมะเร็งเซลล์ตับ
00:01:15 → 00:01:17 ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตด้วย
00:01:17 → 00:01:20 มีการทดลองกับหนูเรียบร้อย
00:01:20 → 00:01:23 ผลการทดลองออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจมากๆ
00:01:23 → 00:01:28 ก็เลยมีงานวิจัยเพื่อรณรงค์ให้เรารับประทานบร็อคโคลี่กันค่ะคุณหมอขา
00:01:28 → 00:01:34 ไม่น่าหล่ะ ในอเมริกามีอาหารเสริมที่สกัดจากบร็อคโคลี่คุณแนน
00:01:34 → 00:01:37 สำหรับคนที่ไม่ชอบทานบร็อคโคลี่แบบหลายๆมื้อ
00:01:37 → 00:01:39 หลายๆวันต่ออาทิตย์
00:01:39 → 00:01:40 สกัดมาเป็นอาหารเสริมเลย
00:01:40 → 00:01:42 คุณหมอก็ชอบอันเนี้ย
00:01:42 → 00:01:44 หมอทานแล้วรู้สึกดี
00:01:44 → 00:01:47 หมอว่ามันไปช่วยทำให้ตับสะอาดพูดประสาชาวบ้าน
00:01:47 → 00:01:50 ก็คือเหมือนกับทำให้ตับทำงานดีขึ้น
00:01:50 → 00:01:53 แล้วก็ตับสะอาดขึ้นก็คือไม่มีพวกไขมันไปเกาะ
00:01:53 → 00:01:58 ถ้าอย่างงั้นวันนี้เราต้องมาพูดถึงหน้าที่หรือว่าความสำคัญของตับกันหน่อย
00:01:58 → 00:02:01 ว่าทำไมมันถึงต้องดูแลเป็นพิเศษคะคุณหมอขา
00:02:01 → 00:02:03 คือจริงๆแล้วตัวตับเนี่ย
00:02:03 → 00:02:07 มันมีความสำคัญมาก เพราะว่ามันมีอวัยวะที่เกี่ยวกับสารพิษ
00:02:07 → 00:02:10 ที่เกิดขึ้นจากชีวิตประจำวันของเราทุกอย่างเลย
00:02:10 → 00:02:14 รวมถึงไม่ว่าจะมีการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย
00:02:14 → 00:02:16 ของเสียที่เกิดขึ้นจากการทำงานของร่างกาย
00:02:16 → 00:02:19 ยังไงก็ต้องผ่านตับ เวลาเรารับประทานยาเข้าไป
00:02:19 → 00:02:22 ยังไงก็ต้องผ่านตับ คือทุกอย่างที่เข้ามาในร่างกาย
00:02:22 → 00:02:27 นอกจากนี้แล้วเนี่ยมันยังมีความสำคัญก็คือสร้างน้ำดี
00:02:27 → 00:02:29 ช่วยในการย่อยอาหารกลุ่มพวกไขมัน
00:02:29 → 00:02:33 งั้นในกลุ่มคนไข้ที่ตัดถุงน้ำดี
00:02:33 → 00:02:35 แล้วไม่สามารถจะทำงานคู่กับตับได้
00:02:35 → 00:02:38 คนไข้ก็จะมีปัญหาเรื่องของการย่อยอาหารในกลุ่มของไขมัน
00:02:38 → 00:02:42 นอกจากนี้อย่างที่หมอบอกว่ามันทำหน้าที่ขจัดของเสีย
00:02:42 → 00:02:43 เวลาที่มีเชื้อโรคเข้าไป
00:02:43 → 00:02:46 เวลาที่มีเชื้อราเข้าไป ตับจัดการ
00:02:46 → 00:02:49 นี่คือสาเหตุทำไมคนที่ชอบทานถั่ว
00:02:49 → 00:02:51 หรือชอบทานอาหารค้างคืน
00:02:51 → 00:02:55 หรือชอบทานผลไม้ซึ่งบางทีมีเชื้อราผสมอยู่
00:02:55 → 00:02:58 มันก็เลยไปกระตุ้นที่จะทำให้เกิดมะเร็งตับได้
00:02:58 → 00:03:01 นั่นคือสาเหตุเพราะว่าไม่ว่าจะเป็นเชื้อโรคเชื้อรา
00:03:01 → 00:03:03 เชื้อแบคทีเรียอะไรทั้งหลาย
00:03:03 → 00:03:06 สิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายยังไงก็ต้องผ่านตับ
00:03:06 → 00:03:09 แล้วนอกจากนี้ตัวมันยังสร้างโปรตีนตัวนึงที่เรียกว่าอัลบูมิน (Albumin)
00:03:09 → 00:03:13 ซึ่งโปรตีนตัวเนี้ยก็จะเป็นตัวที่อยู่ในกระแสเลือดเรา
00:03:13 → 00:03:15 นั่นคือสาเหตุที่เขาตรวจการทำงานของตับ
00:03:15 → 00:03:19 เขาจะตรวจดูว่าปริมาณโปรตีนที่มีอยู่ในกระแสเลือด
00:03:19 → 00:03:21 มีมากน้อยแค่ไหน ถ้าตับทำงานไม่ดี
00:03:21 → 00:03:23 อัลบูมิน (Albumin) ก็จะต่ำ
00:03:23 → 00:03:25 เวลาอัลบูมิน (Albumin) ต่ำก็ความแข็งแรงไม่ดี
00:03:25 → 00:03:29 เวลามีแผลก็โอกาสที่แผลจะปิดก็ช้า
00:03:29 → 00:03:31 นอกจากนี้แล้วมันยังสร้างคอเลสเตอรอลอีก
00:03:31 → 00:03:34 คอเลสเตอรอลอย่าคิดว่ามันเป็นตัวไม่ดีนะคุณแนน
00:03:34 → 00:03:36 คอเลสเตอรอลเนี่ยเป็นสารตั้งต้น
00:03:36 → 00:03:38 ที่เอาไว้สร้างฮอร์โมน
00:03:38 → 00:03:41 ถ้าคนไหนที่มีคอเลสเตอรอลต่ำ
00:03:41 → 00:03:43 ฮอร์โมนผิดปกติไม่ดี
00:03:43 → 00:03:45 ต้องไปดูหน้าที่ของตับ
00:03:45 → 00:03:48 เพราะบางทีตับไม่ดีก็ทำให้การสร้างคอเลสเตอรอลเนี่ยน้อยลง
00:03:48 → 00:03:52 ก็ทำให้ฮอร์โมนต่างๆของร่างกายไม่สมบูรณ์ได้เหมือนกัน
00:03:52 → 00:03:56 นอกจากนี้สมมุติว่าเราทานอาหารหวานๆไปเยอะมีน้ำตาลสูงเยอะ
00:03:56 → 00:03:59 แล้วก็ไม่ได้ถูกนำไปใช้เปลี่ยนไปเป็นพลังงานเหลือ
00:03:59 → 00:04:02 ก็จะถูกเปลี่ยนไปเป็นคาร์โบไฮเดรตเก็บไว้ที่ตับนะคะ
00:04:02 → 00:04:06 นอกจากนี้แล้วมันก็ยังเป็นตัวที่สร้างกรดอะมิโน
00:04:06 → 00:04:10 ที่เอามาใช้สร้างโปรตีน สร้างสะสมเหล็กได้อีกนะคะ
00:04:10 → 00:04:12 เอาไปไว้ใช้การสร้างพวกตัวเม็ดเลือด
00:04:12 → 00:04:16 แล้วก็เอาไว้สร้างสารที่ทำให้เลือดแข็งตัว
00:04:16 → 00:04:18 สำคัญมากเลยคุณแนน เยอะไปหมดเลย
00:04:18 → 00:04:20 หน้าที่เยอะมาก
00:04:20 → 00:04:23 แล้วมันยังมีหน้าที่ในการเก็บวิตามิน เก็บเกลือแร่อะไรอีก
00:04:23 → 00:04:26 แล้วรู้ว่ามันมีสารที่ละลายในไขมัน
00:04:26 → 00:04:30 สมมุติเราทานสารอาหารเข้าไป ทานวิตามินทานอะไรเข้าไป
00:04:30 → 00:04:32 มันจะมีกลุ่มนึงที่ละลายในไขมัน
00:04:32 → 00:04:34 อย่างเช่น A D E K
00:04:34 → 00:04:37 นอกจากนี้ยังมีกลุ่มพวกB12 หรือพวกเหล็ก
00:04:37 → 00:04:40 หรือทองแดงพวกนี้เนี่ย
00:04:40 → 00:04:41 คือมันละลายในไขมัน
00:04:41 → 00:04:43 จะเห็นว่าตับเนี่ยมีความสำคัญมาก
00:04:43 → 00:04:45 ต้องรักษา ต้องดูแลมันให้ดี
00:04:45 → 00:04:48 นี่ไงคะ เราจะมีวิธีการดูแลตับของเราได้ยังไงบ้าง
00:04:48 → 00:04:49 อย่าทำลายค่ะคุณแนน
00:04:49 → 00:04:50 อันดับแรกห้ามทำลาย
00:04:50 → 00:04:53 อย่าไปทำลายมัน อย่างเช่น ดื่มแอลกอฮอล์
00:04:53 → 00:04:55 กินยาโดยที่ไม่จำเป็น
00:04:55 → 00:05:00 แล้วก็ต้องควบคุมน้ำหนักด้วย คืออย่าปล่อยให้อ้วน อย่าปล่อยให้มีไขมันสูง
00:05:00 → 00:05:02 ควบคุมอาหารที่รับประทาน ไม่ใช่ทานแต่ไขมัน
00:05:02 → 00:05:04 ไม่ใช่ทานแต่ของหวาน
00:05:04 → 00:05:07 พวกนี้ก็จะทำให้ตับทำงานหนักกว่าเดิมอีก
00:05:07 → 00:05:09 นอกจากนี้แล้วก็ต้องรู้จักออกกำลังกาย
00:05:09 → 00:05:13 ต้องใช้พลังงาน อย่างน้อยก็ต้องสัก 3 วันต่ออาทิตย์
00:05:13 → 00:05:15 นี่น้อยที่สุดละ
00:05:15 → 00:05:18 แล้วก็ต้องพยายามควบคุมปัจจัยอื่นๆ
00:05:18 → 00:05:20 ที่จะทำให้เกิดโรคกับตับ
00:05:20 → 00:05:22 อย่างเช่น โรคตับอักเสบ
00:05:23 → 00:05:26 ไม่ว่าจะเป็นตับอักเสบA ตับอักเสบB ตับอักเสบC
00:05:26 → 00:05:29 เวลาไปทานอาหารกับคนอื่นเนี่ยก็ใช้ช้อนกลาง
00:05:29 → 00:05:32 อย่าไปใช้แบบดื่มน้ำร่วมกัน
00:05:32 → 00:05:35 เพราะว่าตับอักเสบAเนี่ยสามารถติดได้จากการรับประทานอาหาร
00:05:35 → 00:05:38 ถ้าBกับCเนี่ยจะไปติดจากพวกเลือดหรือสารคัดหลั่ง
00:05:38 → 00:05:40 อย่างเช่น แปรงสีฟัน
00:05:40 → 00:05:43 ซึ่งอย่าไปใช้ร่วมกับคนอื่น
00:05:43 → 00:05:45 ก็อาจจะทำให้เกิดการอักเสบที่ตับได้
00:05:45 → 00:05:47 หรือแม้กระทั่งการที่เราท้องผูก
00:05:47 → 00:05:51 ก็เหมือนกันคุณแนน แทนที่จะขับของเสียออกไป
00:05:51 → 00:05:57 ก็ทำให้มีการดึงเอาสารพิษสารอะไรทั้งหลายที่หมักกลับเข้าไปสู่ตับ
00:05:57 → 00:05:59 ตับก็ทำงานหนักกว่าเดิม
00:05:59 → 00:06:02 งั้นถ้ามีของเสียก็ต้องปล่อยถ่ายทุกวัน
00:06:02 → 00:06:04 คือทำให้เป็นนิสัย
00:06:04 → 00:06:08 ประจำวัน มันก็จะทำให้ร่างกายเราแข็งแรง
00:06:08 → 00:06:10 ถ้าไม่มีของเสียร่างกายจะทำงานดีขึ้น
00:06:10 → 00:06:13 ตับก็แข็งแรงด้วย / ตับก็แข็งแรง ใช่
00:06:13 → 00:06:16 วันนี้นี่เราได้รู้วิธีการบำรุงดูแลตับนะคะ
00:06:16 → 00:06:18 ยิ่งช่วงที่ผ่านมา ช่วงเข้าพรรษาเขาก็รณรงค์
00:06:18 → 00:06:20 ให้งดแอลกอฮอล์
00:06:20 → 00:06:21 งดดื่มแอลกอฮอล์
00:06:21 → 00:06:23 พักตับค่ะ ให้เขาฟื้นตัว ฟื้นฟูนิดนึงนะคะ
00:06:23 → 00:06:26 แนนว่าเป็นอวัยวะที่สำคัญมากๆจริงๆนะคะ
00:06:26 → 00:06:28 ก็อย่าลืมค่ะดูแลตามที่คุณหมอบอก
00:06:28 → 00:06:31 แล้วก็ทานบร็อคโคลี่เหมือนที่ข่าวเขาบอก
00:06:31 → 00:06:34 เพราะคุณหมอบอกว่ามันช่วยได้จริงๆนะคะ
00:06:34 → 00:06:36 เอาหล่ะช่วงนี้เราพักกันสักครู่ก่อนดีกว่า
00:06:36 → 00:06:39 ช่วงหน้าค่ะเชื่อว่าหลายคนที่เคยลดน้ำหนัก
00:06:39 → 00:06:41 น่าจะเคยมีอาการนี้
00:06:41 → 00:06:44 โยโย่ / ไม่โอเค
00:06:44 → 00:06:46 ไม่โอยังไงเดี๋ยวช่วงหน้ากลับมาติดตามกันค่ะ