00:00:00 → 00:00:02 สวัสดีครับเอ่อเครื่องดื่มแก้วแรกของวัน
00:00:03 → 00:00:07 เนี่ยส่วนใหญ่เรานึกถึงอะไรกันครับกาแฟ
00:00:07 → 00:00:10 >> อืหรือบางคนก็อาจจะเป็นน้ำส้มสดชื่นตอน
00:00:10 → 00:00:11 เช้าเนาะ
00:00:11 → 00:00:14 >> ใช่ครับน้ำส้มนี่แหละครับที่เราคุ้นเคย
00:00:14 → 00:00:18 กันดีแต่เคยสงสัยมั้ครับว่าเอ่อนอกจาก
00:00:18 → 00:00:20 ความอร่อยแล้วเนี่ยมันอาจจะมีอะไรซ่อน
00:00:20 → 00:00:23 อยู่วันนี้เราจะมาลองคุ้ยข้อมูลที่น่าสน
00:00:23 → 00:00:26 ใจดูครับจากงานวิจัยชิ้นหนึ่งเลยที่ตี
00:00:26 → 00:00:28 พิมพ์ในวารสารนิทรน
00:00:28 → 00:00:28 >> ค่ะ
00:00:28 → 00:00:30 >> เขาเชื่อมโยงน้ำส้มเข้ากับเรื่องสุขภาพ
00:00:30 → 00:00:33 ที่สำคัญมากอย่างความดันโลหิตครับ
00:00:33 → 00:00:37 >> ใช่ค่ะเป็นประเด็นที่น่าสนใจมากๆเลยนะคะ
00:00:37 → 00:00:40 เพราะว่าความดันโลหิตสูงเนี่ยเอ่อถือเป็น
00:00:40 → 00:00:43 ปัจจัยเสี่ยงหลักเลยของพวกโรคหัวใจโรค
00:00:43 → 00:00:45 หลอดเลือดซึ่งก็เป็นปัญหาสุขภาพอันดับต้น
00:00:45 → 00:00:46 ๆของโลกเลยนะคะ
00:00:46 → 00:00:47 >> อืมครับ
00:00:47 → 00:00:50 >> การที่เราค้นพบว่าอาหารหรือเครื่องดื่ม
00:00:50 → 00:00:53 ใกล้ตัวมากๆอย่างน้ำส้มเนี่ยอาจจะมีส่วน
00:00:53 → 00:00:55 ช่วยได้บ้างเนี่ยก็แน่ทำความเข้าใจให้ชัด
00:00:55 → 00:00:56 เจนขึ้นนะคะ
00:00:56 → 00:00:59 >> นั่นสิครับใครจะไปคิดเนาะว่าแค่เครื่อง
00:00:59 → 00:01:01 ดื่มง่ายๆแบบนี้อาจจะไปเกี่ยวอะไรกับตัว
00:01:01 → 00:01:03 เลขบนเครื่องวัดความดันได้
00:01:03 → 00:01:04 >> อือฮึ
00:01:04 → 00:01:06 >> ซึ่งไอ้ความดันโลหิตสูงเนี่ยมันเป็นภัย
00:01:07 → 00:01:09 เงียบจริงๆนะครับหลายคนไม่รู้ตัวเลย
00:01:09 → 00:01:10 >> ใช่ค่ะ
00:01:10 → 00:01:13 >> แต่พอปล่อยไว้นานๆนี่สิความเสี่ยงโรคหัว
00:01:13 → 00:01:17 ใจเส้นเลือดสมองหรือแม้แต่ไตวายก็ตามมา
00:01:17 → 00:01:18 ได้หมดเลย
00:01:18 → 00:01:21 >> ถูกต้องเลยค่ะอย่างงานวิจัยในนิวตรนที่
00:01:21 → 00:01:24 เราคุยกันเนี่ยนะคะเขาศึกษาแล้วก็พบว่า
00:01:24 → 00:01:27 กลุ่มคนที่ดื่มน้ำผลไม้ซึ่งก็รวมน้ำส้ม
00:01:27 → 00:01:30 ด้วยนะคะเป็นประจำเนี่ยมีค่าความดันโลหิต
00:01:30 → 00:01:33 ตัวล่างหรือที่เราเรียกว่าไดอสน่ะค่ะลดลง
00:01:33 → 00:01:36 เฉลี่ยประมาณ 2.07 มม.ปล.หลอดเทียบกับ
00:01:36 → 00:01:38 กลุ่มที่ไม่ค่อยได้ดื่ม
00:01:38 → 00:01:42 >> 2 มม.ปล.รอดอาจจะฟังดูเหมือนไม่เยอะเท่า
00:01:42 → 00:01:45 ไหร่นะครับแต่ว่าในทางคลินิกจริงๆแล้วการ
00:01:45 → 00:01:48 ลดความดันตัวล่างได้สม่ำเสมอระดับนี้มัน
00:01:49 → 00:01:51 ช่วยลดภาระหัวใจกับหลอดเลือดในระยะยาวได้
00:01:51 → 00:01:52 จริงมั้ยครับ
00:01:52 → 00:01:55 >> ก็ถือว่ามีส่วนช่วยได้นะคะแล้วที่น่าสนใจ
00:01:55 → 00:01:58 ไปกว่านั้นอีกก็คือข้อมูลมันยังชี้ไปใน
00:01:58 → 00:02:00 ทางเดียวกันด้วยว่ากลุ่มที่ดื่มน้ำผลไม้
00:02:01 → 00:02:03 ประจำเนี่ยความเสี่ยงโดยรวมที่จะเสีย
00:02:03 → 00:02:07 ชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองลดลงถึง 33% เลย
00:02:07 → 00:02:07 นะคะ
00:02:07 → 00:02:09 >> โอ้โห 33%
00:02:09 → 00:02:12 >> ใช่ค่ะแล้วก็แนวโน้มที่จะเกิดปัญหาโรคหัว
00:02:12 → 00:02:13 ใจก็น้อยลงด้วย
00:02:13 → 00:02:16 >> โอ้โหตัวเลข 33% นี่ถือว่าสูงเหมือนกันนะ
00:02:16 → 00:02:18 ครับสำหรับการศึกษาเรื่องอาหารเครื่อง
00:02:18 → 00:02:21 ดื่มแบบนี้แสดงว่าผลมันค่อนข้างชัดเจนที
00:02:21 → 00:02:21 เดียว
00:02:21 → 00:02:24 >> ค่ะก็ถือว่ามีนัยยะสำคัญค่ะ
00:02:24 → 00:02:27 >> แล้วอะไรล่ะครับที่อยู่ในน้ำส้มที่ทำให้
00:02:27 → 00:02:31 เกิดผลแบบนี้ได้กลไกมันเป็นยังไงครับ
00:02:31 → 00:02:34 >> จุดเด่นจริงๆของน้ำส้มนะคะอยู่ที่สาร
00:02:34 → 00:02:37 อาหารสำคัญๆคัญในนั้นล่ะค่ะตัวหลักเลยก็
00:02:37 → 00:02:40 คือโพแทสเสเซียมครับพุทเซียม
00:02:40 → 00:02:44 >> ค่ะแร่ธาตุตัวนี้เนี่ยเขาช่วยปรับสมดุล
00:02:44 → 00:02:47 โซเดียมในร่างกายเราคือช่วยขับโซเดียม
00:02:47 → 00:02:49 ส่วนเกินออกไปแล้วก็ยังมีผลช่วยให้หลอด
00:02:49 → 00:02:52 เลือดมันคลายตัวได้ดีขึ้นนิดหน่อยด้วย
00:02:52 → 00:02:54 ซึ่งอันนี้ก็เป็นกลไกตามธรรมชาติของร่าง
00:02:54 → 00:02:56 กายเลยที่ช่วยลดความดันโลหิตได้ค่ะ
00:02:56 → 00:03:00 >> อ๋อเข้าใจเลยครับเหมือนไปช่วยกลไก
00:03:00 → 00:03:03 ธรรมชาติของร่างกายเราในการคุมความดันโดย
00:03:03 → 00:03:04 ตรงเลย
00:03:04 → 00:03:05 >> ใช่ค่ะ
00:03:05 → 00:03:08 >> แล้วพวกวิตามินซีล่ะครับหรือกรดโฟลิคหรือ
00:03:08 → 00:03:10 สารอื่นอื่นที่เราได้ยินบ่อยๆในน้ำส่อม
00:03:10 → 00:03:13 พวกโพลิฟีนอลอะไรพวกนี้มีบทบาทเสริมตรง
00:03:13 → 00:03:13 ไหนบ้างครับ
00:03:14 → 00:03:16 >> อ๋อกลุ่มนั้นส่วนใหญ่จะทำหน้าที่คล้ายๆ
00:03:16 → 00:03:19 กันค่ะคือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
00:03:19 → 00:03:19 >> ครับ
00:03:19 → 00:03:22 >> มันก็จะช่วยปกป้องเซลล์ผนังหลอดเลือดของ
00:03:22 → 00:03:25 เราไม่ให้ถูกทำลายจากอนุมูลอิสระทำให้
00:03:25 → 00:03:28 หลอดเลือดเราแข็งแรงขึ้นยืดหยุ่นขึ้นแล้ว
00:03:28 → 00:03:31 ก็ทำงานได้ดีขึ้นซึ่งโดยรวมแล้วมันก็ส่ง
00:03:31 → 00:03:34 ผลดีต่อระบบไหลเวียนเลือดแล้วก็ความดัน
00:03:34 → 00:03:35 โดยรวมของเราค่ะ
00:03:35 → 00:03:37 >> ฟังดูมีประโยชน์หลายด้านเหมือนกันนะครับ
00:03:37 → 00:03:40 เนี่ยแต่พอพอพูดถึงน้ำผลไม้ปุ๊บเนี่ยคนก็
00:03:40 → 00:03:42 จะนึกถึงเรื่องน้ำตาลทันทีเลย
00:03:42 → 00:03:44 >> อืใช่ค่ะ
00:03:44 → 00:03:47 >> แม้ว่าจะเป็นน้ำตาลจากธรรมชาติก็ตามในงาน
00:03:47 → 00:03:49 วิจัยเขาให้น้ำหนักกับประเด็นนี้ยังไง
00:03:49 → 00:03:49 บ้างครับ
00:03:49 → 00:03:52 >> เป็นข้อควรระวังที่ถูกเลยค่ะคือน้ำตาลก็
00:03:52 → 00:03:55 คือน้ำตาลเนาะแม้จะมาจากผลไม้แต่ถ้า
00:03:55 → 00:03:58 บริโภคมากไปมันก็ไม่ดีต่อสุขภาพอยู่แล้ว
00:03:58 → 00:04:01 ค่ะหลักการสำคัญที่เขาเน้นย้ำกันเสมอก็
00:04:01 → 00:04:04 คือความพอประมาณค่ะหรือ moderation
00:04:04 → 00:04:05 >> ความพอประมาณ
00:04:05 → 00:04:07 >> ใช่ค่ะปริมาณที่แนะนำกันทั่วไปก็คือ
00:04:07 → 00:04:10 ประมาณ 1 แก้วเล็กๆต่อวันหรือราวๆ 120
00:04:10 → 00:04:12 มล.แค่นั้นพอค่ะ
00:04:12 → 00:04:15 >> อ๋อแสดงว่ากุญแจสำคัญคือปริมาณกับการดื่ม
00:04:15 → 00:04:17 ให้ถูกวิธีไม่ใช่ว่าต้องตัดทิ้งไปเลย
00:04:17 → 00:04:18 >> ถูกต้องค่ะ
00:04:18 → 00:04:21 >> แล้วมีคำแนะนำเพิ่มเติมมั้ยครับอย่างเช่น
00:04:21 → 00:04:24 ควรลืมตอนไหนดีที่สุดอะไรแบบนี้
00:04:24 → 00:04:27 >> มีค่ะมีคำแนะนำว่าควรจะดื่มพร้อมมื้อ
00:04:27 → 00:04:28 อาหารไปเลย
00:04:29 → 00:04:30 >> อ๋อพร้อมมื้ออาหาร
00:04:30 → 00:04:34 >> ใช่ค่ะโดยเฉพาะมื้อที่มีใยอาหารสูงๆอย่าง
00:04:34 → 00:04:38 พวกผักเยอะๆหรือธัญพืชไม่ขัดสี
00:04:38 → 00:04:38 >> ครับ
00:04:38 → 00:04:42 >> เพราะว่าใยอาหารพวกนี้จะไปช่วยชะลอการดูด
00:04:42 → 00:04:46 ซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดเราทำให้ระดับ
00:04:46 → 00:04:49 น้ำตาลในเลือดมันไม่พุ่งสูงเร็วเกินไปค่ะ
00:04:49 → 00:04:52 >> อืมเป็นเทคนิคที่ดีเลยครับคือดื่มได้แต่
00:04:52 → 00:04:54 ต้องรู้จักจำกัดปริมาณแล้วก็เลือกเวลาให้
00:04:54 → 00:04:55 เหมาะสมด้วย
00:04:55 → 00:04:56 >> ใช่ค่ะ
00:04:56 → 00:04:59 >> เอ่อถ้าอย่างนั้นโดยรวมแล้วเราควรมอง
00:04:59 → 00:05:01 เรื่องประโยชน์ของน้ำส้มต่อความดันโลหิต
00:05:01 → 00:05:03 นี่ยังไงดีครับ
00:05:03 → 00:05:06 >> ต้องมองว่าเป็นส่วนเสริมที่น่าสนใจค่ะไม่
00:05:06 → 00:05:10 ใช่ยาไม่ใช่สิ่งทดแทนการดูแลสุขภาพหลักๆ
00:05:10 → 00:05:10 เลยนะคะ
00:05:10 → 00:05:11 >> ครับ
00:05:11 → 00:05:14 >> น้ำส้มแก้วเล็กๆเนี่ยอาจจะมีส่วนช่วยได้
00:05:14 → 00:05:17 จากสารอาหารดีๆที่มีแต่ว่ามันก็ไม่สามารถ
00:05:17 → 00:05:20 ไปชดเชยการกินอาหารที่ไม่สมดุลหรือว่าการ
00:05:20 → 00:05:24 ไม่ออกกำลังกายการพักผ่อนไม่พอได้เลยนะคะ
00:05:24 → 00:05:27 การดูแลสุขภาพองค์รวมทั้งหมดทั้งอาหารการ
00:05:27 → 00:05:30 ออกกำลังกายการพักผ่อนการตรวจสุขภาพยังไง
00:05:30 → 00:05:32 ก็เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดเสมอค่ะ
00:05:32 → 00:05:35 >> ชัดเจนเลยครับคือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่
00:05:35 → 00:05:39 ดีถ้าเรารู้จักบริโภคอย่างพอเหมาะพอดีควบ
00:05:39 → 00:05:41 คู่ไปกับการดูแลสุขภาพด้านอื่นๆให้ครบ
00:05:41 → 00:05:42 ถ้วนด้วย
00:05:42 → 00:05:43 >> ใช่ค่ะ
00:05:43 → 00:05:47 >> สรุปสั้นๆก็คือการดื่มน้ำส้มในปริมาณที่
00:05:47 → 00:05:49 เหมาะสมอาจจะส่งผลดีต่อความดันโลหิตได้
00:05:50 → 00:05:53 จริงจากพวกโพแทสเซียมสารต้านอนุมูลอิสระ
00:05:53 → 00:05:53 ต่างๆ
00:05:53 → 00:05:54 >> ค่ะ
00:05:54 → 00:05:56 >> แต่ว่าก็ต้องไม่ลืมมองเรื่องน้ำตาลแล้วก็
00:05:56 → 00:05:58 ภาพรวมของสุขภาพทั้งหมดด้วย
00:05:59 → 00:06:01 >> ถูกต้องที่สุดเลยค่ะแล้วก็อาจจะอยากชวน
00:06:01 → 00:06:03 คิดต่อไปอีกนิดนึงนะคะว่า
00:06:03 → 00:06:03 >> ครับ
00:06:03 → 00:06:06 >> คือนอกจากการที่เราจะไปโฟกัสที่เครื่อง
00:06:06 → 00:06:09 ดื่มชนิดใดชนิดหนึ่งแล้วเนี่ยบางทีการ
00:06:09 → 00:06:12 ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินโดยรวมของเราที
00:06:12 → 00:06:16 ละเล็กทีละน้อยแต่ทำสม่ำเสมอเช่นอาจจะแค่
00:06:16 → 00:06:19 เพิ่มผักลดเค็มลงหน่อยหรือเลือกกินไขมัน
00:06:19 → 00:06:22 ดีมากขึ้นอะไรแบบนี้มันจะส่งผลต่อสุขภาพ
00:06:22 → 00:06:24 หัวใจและหลอดเลือดของเราในระยะยาวได้มาก
00:06:24 → 00:06:27 น้อยแค่ไหนอันนี้น่าจะเป็นคำถามที่เราควร
00:06:27 → 00:06:29 กลับไปสำรวจพฤติกรรมตัวเองดูนะคะ
00:06:29 → 00:06:32 >> เป็นข้อคิดที่ดีมากเลยครับน่าสนใจจริงๆ
00:06:32 → 00:06:34 ครับ