00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:04 world vi The
00:00:05 → 00:00:08 Voice สวัสดีครับผมวีรพงษ์ทวีศักดิ์
00:00:08 → 00:00:12 ดิฉันสุธิราพรปรีเปรมและนี่คือศัลยกรรม
00:00:12 → 00:00:15 ความสุขรายการที่ฟังแล้วทำให้คุณมีความ
00:00:15 → 00:00:18 สุขมากขึ้นมีความทุกข์น้อย
00:00:18 → 00:00:24 ลงพี่วีคะคุณผู้ฟังคะสมัยนี้เนี่ยเด็กๆ
00:00:24 → 00:00:28 วัยรุ่นเนี่ยเคมีความเป็นตัวของตัวเอง
00:00:28 → 00:00:32 เนาะโอหสูงมากมากเลยนะคะแล้วก็พี่อ้อย
00:00:32 → 00:00:38 เนี่ยเคยเห็นคลิปนึงที่อ่าเป็นเรื่องที่
00:00:38 → 00:00:44 พ่อแม่อยากจะบอกลูกเรื่องดีๆอ๋ออ่าแต่ลูก
00:00:44 → 00:00:50 ส่วนกลับลูกสวนกลับมาว่าไม่ต้องมา
00:00:50 → 00:00:53 สอนโอ้โห
00:00:54 → 00:00:59 เลยผมว่านะคุณผู้ฟังครับตอนนี้เนี่ยน่าจะ
00:00:59 → 00:01:01 เป็นตอนที่คุณผู้ฟังหลายคนเนี่ยหลายท่าน
00:01:01 → 00:01:03 อาจจะมีประสบการณ์ร่วมเลยมีประสบการณ์
00:01:03 → 00:01:08 ร่วมแล้วกำลังกำลังกำลังปวดขมับว่าค่ะ
00:01:08 → 00:01:13 เฮ้ยทำไงดีสอนยากสอนเย็นนะเออๆๆแล้วทำยัง
00:01:13 → 00:01:18 ไงดีอุ๊ยน่าสนใจพี่อ้อยค่ะเออจริงๆเด็ก
00:01:18 → 00:01:20 รุ่นใหม่เนี่ยเคมีความเป็นตัวของตัวเอง
00:01:20 → 00:01:24 สูงมากอืใช่เเชื่อมั่นในตัวเองสูงมากใช่
00:01:24 → 00:01:26 แล้วก็มันประกอบกับว่ามันจะมีพวก
00:01:27 → 00:01:30 เทคโนโลยีมันทำให้เ้ารู้สึกว่าเค้าหาข้อ
00:01:30 → 00:01:35 มูลได้เออใช่ๆแต่จริงๆไม่ต้องมาสอนเนี่ย
00:01:35 → 00:01:40 มันมีมาแต่โบราณแล้วนะพี่วีออใช่ใช่ค่ะ
00:01:40 → 00:01:43 เพราะว่าอย่างตัวเองเนี่ยฮะเอาเอาเรื่อง
00:01:43 → 00:01:46 สอนการบ้านลูกง่ายๆเลยนะเบสิคที่ทุกบ้าน
00:01:46 → 00:01:50 ต้องต้องทำอ่ะเออๆแล้วคิดดูตอนนี้ลูก 30
00:01:50 → 00:01:54 กว่าจะ 40 แล้วอ่ะตอนลูกเล็กๆน่ะตั้งย้อน
00:01:54 → 00:01:58 ไปตั้ง 30 ปีอ่ะฮะยังสอนไม่ได้เลยเออ
00:01:58 → 00:02:02 เพราะว่าอะไรลุมั้คะลูกบอกแม่ไม่ต้องสอน
00:02:02 → 00:02:05 เออเพราะว่าแม่สอนไม่เหมือนกับครูสอนเอ้า
00:02:05 → 00:02:10 เออมันเหมือนแบบกระบวนการสอนมันเปลี่ยน
00:02:10 → 00:02:13 แปลงไปออแล้วพอมายุคใหม่นี้มันมีทั้ง
00:02:13 → 00:02:16 เทคโนโลยีทั้งอะไรต่ออะไรที่เด็กเรียนรู้
00:02:16 → 00:02:19 ได้อือๆเด็กก็ยิ่งไปเชื่อกับสิ่งเหล่า
00:02:19 → 00:02:23 นั้นออแล้วก็ไม่เชื่อพ่อแม่แล้วฮเพราะพ่อ
00:02:23 → 00:02:27 แม่ล้าสมัยอืๆไม่ทันยุคสมัยอือความเชื่อ
00:02:28 → 00:02:31 อันเนี้ยมันถูกสะสมเข้ามาในสมองของเด็ก
00:02:31 → 00:02:36 เอออ่ามันก็เลยยิ่งทำให้ความห่างระหว่าง
00:02:36 → 00:02:39 พ่อแม่เนี่ยที่จะดูแลลูกที่จะบอกเรื่องดี
00:02:39 → 00:02:44 ๆที่จะแนะนำอะไรก็ตามเนี่ยกลายเป็นสิ่ง
00:02:44 → 00:02:47 ที่ลูกไม่รับอืแต่มันไม่ใช่แค่ลูกนะค่ะ
00:02:47 → 00:02:52 พี่โอ้ใช่หัวหน้าลูกน้องครูบาอาจารย์ลูก
00:02:52 → 00:02:56 ศิษย์คือเราจะเจอคนในสังคมยุคนี้นี่เยอะ
00:02:56 → 00:02:58 มากนะพี่อ้อยอย่างที่ผมเมื่อกี้พอพี่อ้อย
00:02:58 → 00:03:00 เล่าปุ๊บผมนึกค่อยๆนึกไปเรเรื่อยๆเนี่ยผม
00:03:00 → 00:03:03 นึกถึงเลยว่าค่ะสถานการณ์แบบเนี้ยมันไม่
00:03:03 → 00:03:06 ใช่กับกับลูกหรือกับเด็กหรือกับอะไรอย่าง
00:03:06 → 00:03:09 เดียวอือมีคนจำนวนมากเลยที่จะมีความรู้
00:03:09 → 00:03:14 สึกว่าแกแกเป็นใครอ่ะอ่าถึงมาสอนเออถึงจะ
00:03:14 → 00:03:17 มาสอนโอเดี๋ยวนี้คนสอนเยอะด้วยนะใช่แล้ว
00:03:17 → 00:03:20 แกเป็นใครหรือมาสอนชั้นอย่างเงี้นะค่ะ
00:03:20 → 00:03:23 หรือบางครั้งเนี่ยผมเองก็เคยเจอสถานการณ์
00:03:23 → 00:03:28 ที่ถูกเชิญให้ให้ไปบรรยายอ่ะอือนะฮะจะ
00:03:28 → 00:03:31 เรียกว่าสอนหรือเปล่าแต่ไปบรรยายหัวข้อ
00:03:31 → 00:03:34 หัวข้อนึงอ่ะค่ะซึ่งเราก็เกิดคำถามนี้กับ
00:03:34 → 00:03:38 ตัวเองนะพี่อ้อยค่ะว่าเราเป็นใครถึงจะไป
00:03:38 → 00:03:41 สอนเาได้เนี่ยอืเพราะว่าหลายครั้งนะพี่
00:03:41 → 00:03:45 ห้อยมันท้าทายมากเลยนะว่าอผมต้องไปบรรยาย
00:03:45 → 00:03:50 ให้กับข้าราชการระดับสูงอ่ะอืมค่ะที่เป็น
00:03:50 → 00:03:53 ระดับสูงที่มีอำนาจมีความรับผิดชอบสูงมาก
00:03:53 → 00:03:57 อ่ะในเรื่องนั้นด้วยในเรื่องนั้นๆด้วยอื
00:03:57 → 00:04:00 แล้วเราโดยที่เไม่ต้องมาถามเลยว่าว่าเรา
00:04:00 → 00:04:02 เป็นใครถึงจะไปสอนเขาอือเราได้รับหน้าที่
00:04:02 → 00:04:06 มาเราก็ถามตัวเองแล้วค่ะเฮ้ยเราเป็นใครวะ
00:04:06 → 00:04:09 เนี่ยถึงจะไปสอนเ้าได้เนี่ยอือมันเกิด
00:04:09 → 00:04:11 ขึ้นแบบอย่างเงี้เลยแล้วแล้วอย่างนี้เรา
00:04:11 → 00:04:14 ต้องทำยังไงเออพี่อ้อยอือค่ะในในมุมของ
00:04:14 → 00:04:18 พี่อ้อยพี่คิดว่าอย่างนี้ค่ะพี่วีคือ
00:04:18 → 00:04:20 เรื่องวิธีการเป็นอีกเรื่องนึงนะคะแต่เรา
00:04:20 → 00:04:23 เป็นคลายถึงไปสอนเขาได้เนี่ยอันนี้เป็น
00:04:23 → 00:04:28 อีกเรื่องนึงอ่าคนละคำถามคนละคำตอบอันอัน
00:04:28 → 00:04:31 แรกเลยที่บอกว่าเราเป็นคลายถึงไปสอนเขได้
00:04:31 → 00:04:36 เนี่ยไปสอนหรือไปแบ่งปันประสบการณ์หรือไป
00:04:36 → 00:04:40 แลกเปลี่ยนความคิดเห็นก็ไม่รู้ออือแต่ว่า
00:04:40 → 00:04:43 มันเป็นการถ่ายทอดระหว่างเรากับเาอ่ะอ่า
00:04:43 → 00:04:46 ตรงนี้เนี่ยพี่อ้อยมีความคิดว่าจริงๆแล้ว
00:04:46 → 00:04:49 เนี่ยถ้าเราจะเป็นคนที่เป็นคนถ่ายทอด
00:04:49 → 00:04:55 เนี่ยอืมุมนึงเนี่ยอ่อเราจะต้องมีความรู้
00:04:55 → 00:04:58 ในเรื่องนั้นอย่างเชี่ยวชาญอืเพราะว่า
00:04:58 → 00:05:01 มนุษย์ 1 คนเนี่ยไม่มีวันเชี่ยวชาญทุก
00:05:01 → 00:05:04 สิ่งทุกเรื่องทุเรื่องใช่ใช่มั้ยคะแต่มัน
00:05:04 → 00:05:07 ก็จะมีที่เค้ารู้ดีกว่าเราอ่าบางเรื่อง
00:05:07 → 00:05:10 เออเรารู้ดีกว่าเค้าบางเรื่องเพราะฉะนั้น
00:05:10 → 00:05:13 เรื่องที่เราจะแบไปแบ่งปันเนี่ยก็คือ
00:05:13 → 00:05:17 เรื่องที่เราน่าจะมีประสบการณ์มีความ
00:05:17 → 00:05:21 เชี่ยวชาญมีความรู้ดีกว่าอ่าใช่ก็เลยไป
00:05:21 → 00:05:23 แบ่งปันสิ่งดีๆให้เค้าอ่าใช่ค่ะอันนี้คือ
00:05:24 → 00:05:28 ในภาคของเราใช่แล้วอย่างงี้คนที่แสดงว่า
00:05:28 → 00:05:30 ผมคิดว่าอันนี้เนี่ยถ้าเกิดเราเข้าใจ
00:05:30 → 00:05:33 เรื่องแบบนี้นะพี่ห้อยในภาคของเรานะถ้า
00:05:33 → 00:05:35 เราจะไปแบ่งปันเราก็ต้องมั่นใจว่าเรามี
00:05:35 → 00:05:38 ความรู้เรื่องเนี้ยประมาณนึงแหละใช่นั่น
00:05:38 → 00:05:41 หมายความว่าคนที่ถ้าเราเป็นผู้รับการ
00:05:41 → 00:05:46 เรียนรู้อ่าค่ะเราก็จะต้องใช้ mindset
00:05:46 → 00:05:50 หรือใช้วิธีคิดเดียวกันเลยนะค่ะว่าถึงแม้
00:05:50 → 00:05:53 ว่าเราอ่ะจะมีความรู้มีความเชี่ยวชาญหลาย
00:05:53 → 00:05:57 เรื่องนะค่ะแต่ก็มีบางเรื่องที่เรามีความ
00:05:57 → 00:06:00 รู้น้อยกว่าเาใช่ใช่นั่นหมายความว่าอะไร
00:06:00 → 00:06:03 หมายความว่าทุกครั้งที่เรามีโอกาสที่มี
00:06:04 → 00:06:07 ใครบางคนอยากจะมาแบ่งปันแง่คิดวงอะไรกับ
00:06:07 → 00:06:11 เราเนี่ยอเราจะต้องถือว่าเป็นโชคดีนะค่ะ
00:06:12 → 00:06:16 ถ้าเราคิดไม่คิดว่าเราโชคดี้าคือถ้าเรา
00:06:16 → 00:06:19 คิดว่าเป็นโชคดีก่อนเราจะเหมือนน้ำแก้ว
00:06:19 → 00:06:22 เปล่าอย่างที่เราจะพร้อมรับเอใช่ใช่แต่
00:06:22 → 00:06:26 ถ้าเราไม่คิดว่าเราโชคดีฉันรู้ดีแกคือใคร
00:06:26 → 00:06:29 อะไรอย่างเงี้ยก็จะกลายเป็นน้ำเต็มแก้
00:06:29 → 00:06:32 เต็มแก้วแถวนี้มันก็ล้นอย่างเดียวละก็ไม่
00:06:32 → 00:06:37 ได้รับอะไรไปที่เป็นประโยคใช่ๆแสดงว่าถ้า
00:06:37 → 00:06:41 เกิดว่าคนที่พูดคำว่าไม่ต้องมาสอนเนี่ย
00:06:41 → 00:06:45 ค่ะเอาเข้าจริงๆนะถ้าเกิดเราปรับวิธีคิด
00:06:45 → 00:06:50 น่ะอ้าใชปรับวิธีคิดว่าเอาเหอะถึงแม้เรา
00:06:50 → 00:06:52 จะรู้มากหรืออะไรก็ตามทีแต่เราปรับวิธี
00:06:52 → 00:06:56 คิดว่าลองฟังดูก่อนนะอืแสดงว่าใครได้
00:06:56 → 00:07:00 ประโยชน์เราเราได้ประโยชน์ค่ะโออันนี้
00:07:00 → 00:07:03 สำคัญมากเลยนะพี่อ้อยพี่พี่อ้อยว่าอย่าง
00:07:03 → 00:07:08 งี้ค่ะพี่วีอืสำคัญจริงๆเพราะว่าในมุมของ
00:07:08 → 00:07:11 ถ้าสมมุติว่าเป็นเรื่องราวเดียวกันทฤษฎี
00:07:11 → 00:07:16 เดียวกันหลักการเดียวกันแต่ประสบการณ์ของ
00:07:16 → 00:07:21 เราอืที่ไปพบเจอหหรือใช้ทฤษฎีนี้กับประ
00:07:21 → 00:07:25 ประสบการณ์ของเค้าอืมันย่อมไม่เหมือนกัน
00:07:25 → 00:07:28 ไม่เหมือนกันใช่มันจะมีแง่มุมอะไรให้เรา
00:07:28 → 00:07:32 ได้ประโยชน์เสมอใช่ๆซึ่งอันนี้โอ้โหมันไป
00:07:32 → 00:07:34 ตรงกับเรื่องที่ผมเพิ่งเจอมาพอดีเลยพี่
00:07:34 → 00:07:38 ห้อยค่ะคือผมไปจัดอบรมให้กับกลุ่มๆนึงนะ
00:07:38 → 00:07:41 พี่อ้อยค่ะซึ่งในความเป็นจริง
00:07:41 → 00:07:44 เนี่ยอันนี้เป็นเรื่องแทบจะเป็นเรื่อง
00:07:44 → 00:07:46 เดียวกันเลยแหละก็คือตั้งแต่ตอนเริ่ม
00:07:46 → 00:07:50 เนี่ยที่รับโจทย์เนี่ยเราก็ถามตัวเองว่า
00:07:50 → 00:07:53 เอ๊เรื่องนี้เนี่ยเค้าเรารู้ดีกว่าเค้า
00:07:53 → 00:07:55 เหรอหรือว่าเค้ารู้ดีกว่าเราจริงๆแล้ว
00:07:55 → 00:07:58 อะไรเงี้ยแล้วเราจะไปสอนเค้าได้ยังไงนะออ
00:07:58 → 00:08:02 อย่าเงี้ยแล้วก็แล้วตอนที่เริ่มเปิดการ
00:08:03 → 00:08:06 เค้าเรียกมีพิธีกรเริ่มอ่ะมีพิธีกรเริ่ม
00:08:06 → 00:08:09 นำเข้าสู่กระบวนการและแนะนำวิทยากรน่ะค่ะ
00:08:09 → 00:08:12 เขาคก็พูดแบบนี้เลยนะพูดสิ่งนี้เลยนะก็
00:08:12 → 00:08:16 บอกว่าเออคราวนี้อาจจะแปลกนิดหน่อยนะที่
00:08:16 → 00:08:20 เราจะเชิญวิทยากรท่านนี้มาเนี่ยอืทั้งๆ
00:08:20 → 00:08:23 ที่ในความเป็นจริงเรื่องเนี้ยเราอ่ะอาจจะ
00:08:23 → 00:08:27 รู้ดีกว่าเคด้วยซ้ำไปอือ้าวเปิดฉากมาแบบ
00:08:27 → 00:08:29 นี้
00:08:29 → 00:08:33 เออแล้วยังไงต่อคะใช่ป่ะค่ะก็ประมาณ
00:08:33 → 00:08:36 เหมือนกับว่าสิ่งที่เ้าพูดเนี่ยใจความ
00:08:36 → 00:08:42 ประมาณนี้เลยนะว่าเวิทยากรอือคุณน่ะไม่
00:08:42 → 00:08:46 ต้องมาสอนเราหรอกอือฮึเตื่นเต้นแทนใช่ป่ะ
00:08:46 → 00:08:51 ค่ะซึ่งผมอ่ะโชคดีที่ผมจะมีในฐานะที่เรา
00:08:51 → 00:08:54 เป็นวิทยากรนะผมก็จะมี mindset อย่างนี้
00:08:54 → 00:08:59 อยู่แล้วเพราะว่าผมชอบแนวความคิดอนึงของ
00:08:59 → 00:09:04 ปรมาจารย์ของปรมาจารย์ทั้งมวลในโลกนี้คือ
00:09:04 → 00:09:08 คือเป็นนักปรัชญาโบราณนะนักนักปรัชญากรีก
00:09:08 → 00:09:12 โบราณน่ะเออที่ชื่อว่าโซคราติสนะพี่โอ
00:09:12 → 00:09:14 โซเครติสเนี่ยคนที่เป็นวิทยากรคนที่เป็น
00:09:14 → 00:09:18 นักคิดคนที่เป็นต้องเรียนรู้แนวคิดของ
00:09:18 → 00:09:22 โซคราติสอเขาเป็นปรัชญานักปรัชญาที่เป็น
00:09:22 → 00:09:24 นักปรัชญาแบบอาจารย์ของทั้งมวลในโลกนี้
00:09:24 → 00:09:28 ค่ะเป็นพันปีมาแล้วเนี่ยอ่าแสดงว่าเยิ่ง
00:09:28 → 00:09:31 ใหญ่ขนาดนี้นะค่ะแต่เรื่องเกี่ยวกับการ
00:09:31 → 00:09:33 สอนเนี่ยค่ะเค้ามีลูกศิษย์มากมายนะแต่
00:09:33 → 00:09:36 เรื่องเกี่ยวกับการสอนเนี่ยโซคราติสเค้า
00:09:36 → 00:09:41 มีทัศนคติมีแง่คิดมุมมองว่าเคเคยพูด
00:09:41 → 00:09:45 ประโยคประมาณนี้นะว่าเอาเข้าจริงๆนะอือผม
00:09:45 → 00:09:48 ก็ไม่เคยสอนใครได้เลยนะ
00:09:48 → 00:09:51 อือย่างมากที่สุดที่ผมทำก็
00:09:51 → 00:09:55 คือก็แค่ทำให้เคได้คิดเท่านั้นแหละออยย
00:09:56 → 00:09:59 สุดยอดเค้าไม่เคยสอนใครอืเค้าไม่ได้รู้
00:09:59 → 00:10:03 สึกว่าเคมีหน้าที่สอนใครแต่เค้ามีหน้าที่
00:10:03 → 00:10:08 ในการที่กระตุ้นให้คนนั้นน่ะได้คิดค่ะ
00:10:08 → 00:10:10 แล้ววิธีที่เขาจะกระตุ้นให้ใครสักคนนึง
00:10:10 → 00:10:15 คิดนะพี่อ้อยค่ะก็คือเขาคจะถามคำถาม
00:10:15 → 00:10:19 ออเพราะการถามคำถามนี่แหละจะทำให้เขาคได้
00:10:19 → 00:10:23 คิดแล้วพอเค้าคิดเค้าก็จะพบคำตอบด้วยตัว
00:10:23 → 00:10:27 เขาเองอืแล้วพี่ห้อยรู้มั้ยว่าเนี่ยคือ
00:10:27 → 00:10:30 กลยุทธ์ในการสอนคนอย่างยั่งยืนที่สุดอ๋อ
00:10:30 → 00:10:33 สุดยอดเพราะฉะนั้นพอผมเข้าใจเรื่องนี้นะ
00:10:33 → 00:10:37 พี่อ้อยแล้วผมชอบแนวคิดนี้ของโซติสนะค่ะ
00:10:37 → 00:10:39 ทุกที่ที่ผมเดินทางไปผมไม่เคยคิดว่าผมสอน
00:10:39 → 00:10:41 ใครเลย
00:10:41 → 00:10:47 อืถึงแม้เกรณีที่เค้ามีเรารู้ทั้งรู้ด้วย
00:10:47 → 00:10:49 ว่าเค้ามีความรู้และมีความเชี่ยวชาญ
00:10:49 → 00:10:54 เรื่องนี้มากกว่าเราอือฮึค่ะเราก็ไม่กลัว
00:10:54 → 00:10:56 อ้าเพราะตั้งแต่เริ่มต้นมาเราก็ไม่
00:10:56 → 00:11:00 ต้องการจะมาสอนอยู่แล้วอืจริงๆหลักการ
00:11:00 → 00:11:03 เนี้ยฮะไม่ว่าเขาจะมีความรู้มากหรือน้อย
00:11:03 → 00:11:06 กว่าเราอ่ะอ่าเราใช้ได้ตลอดเลยใช้ได้ตลอด
00:11:06 → 00:11:10 เลยนึกถึงเอ่อดอกเตอร์คนนึงค่ะครับเป็น
00:11:10 → 00:11:15 คุณครูที่พี่อ้อยค่อนข้างจะแบบนับถือแก
00:11:15 → 00:11:18 มากอ่าเดิมเนี่ยแกเริ่มต้นการอาชีพเป็น
00:11:18 → 00:11:23 ครูเนี่ยก็สอนแบบครูธรรมดานะอ่าไปถึงแก
00:11:23 → 00:11:27 สอนชีวะฮะก็สอนเลยหลักการชีวะอะไรต่ออะไร
00:11:27 → 00:11:29 อย่างเงี้ยทฤษฎีต่างๆ
00:11:29 → 00:11:36 แล้วลูกศิษย์ก็ไม่สนใจมั่งอือ่าคุยกัน
00:11:36 → 00:11:41 มั่งหลับมั่งอือะไรอย่างเงี้ยค่ะแต่แกไม่
00:11:41 → 00:11:43 ไม่โกรธนะคะที่ลูกศิษย์หลับเแกก็มองว่า
00:11:43 → 00:11:46 ลูกศิษย์ต้องมีเหตุผลอะไรแต่ความไม่สนใจ
00:11:46 → 00:11:50 ของลูกศิษย์เนี่ยทำให้แกเอะใจอืแล้วแกก็
00:11:50 → 00:11:53 มีโอกาสได้เหมือนได้คุยกับเด็กอ่ะแล้ว
00:11:53 → 00:11:57 เด็กก็บอกว่าที่ครูสอนน่ะหนูเอาไปใช้ไม่
00:11:57 → 00:12:03 ได้หนูเลยไม่อยากอไม่ไม่สนใจอืแกเอาคำเ
00:12:03 → 00:12:08 ค่ะมามาถอดรหัสว่าอือเฮ้ยทำยังไงสอนแต่
00:12:08 → 00:12:12 ทฤษฎีหลักการวิชาไปให้ให้สอบผ่านอือมัน
00:12:12 → 00:12:14 ไม่มีประโยชน์อ่ะเพราะฉะนั้นมองว่าทำยัง
00:12:14 → 00:12:17 ไงที่เด็กจะแบบเอาไปใช้ในชีวิตประจำวัน
00:12:17 → 00:12:20 ได้อ๋อแกสร้างกิจกรรมมาใหม่เลยค่ะค่อยๆทำ
00:12:20 → 00:12:23 ให้เด็กสนุกสนานเข้ามาร่วมมือก็คือ
00:12:23 → 00:12:27 กระตุ้นให้คิดอ่ะเออๆแล้วคราวนี้เด็กจดจำ
00:12:27 → 00:12:33 ไม่ไม่ลืมเลยเออเออเนี่ยค่ะโหลักแสดงว่า
00:12:33 → 00:12:35 อะไรเนี่ยตอนนี้เรากำลังถอดรหัสนะคือ
00:12:35 → 00:12:37 เมื่อกี้ที่พี่อ้อยพูดให้ฟังเกี่ยวกับ
00:12:37 → 00:12:39 เรื่องครูท่านนี้หรือดอกเตอร์ท่านนี้นะ
00:12:39 → 00:12:43 ว่าพอเค้าสอนแล้วเด็กเด็กก็แบบไม่สนใจ
00:12:43 → 00:12:46 หลับมั่งนู่นนี่นั่นอะไรบ้างเนี่ยผมก็เลย
00:12:46 → 00:12:50 นึกถึงว่าจริงๆแล้วถ้าครูคนนึงนะค่ะสอนนะ
00:12:50 → 00:12:53 ค่ะสอนนักเรียนเหมือนปกติเนี่ยแล้วมีเด็ก
00:12:53 → 00:12:56 คนนึงลุกขึ้นมาพูดแล้วบอกกับครูว่าอือครู
00:12:56 → 00:12:59 ครับครูไม่ต้องมาสอนเราเหอะอืออันนี้แรง
00:12:59 → 00:13:04 มั้ยจริงๆแล้วเนี่ยฝถ้าใครที่เป็นผู้รับ
00:13:04 → 00:13:08 ฟังโดยไม่ทันตั้งตัวนะจะรู้สึกว่าแรงมาก
00:13:08 → 00:13:10 แรงมากใช่มั้ยใช่ค่ะแต่ในความเป็นจริง
00:13:10 → 00:13:11 แล้ว
00:13:11 → 00:13:15 เนี่ยการที่จะบอกว่าไม่ต้องมาสอนเนี่ยไม่
00:13:16 → 00:13:18 ใช่ว่ามันมันไม่ใช่ว่าเป็นแค่คำพูดอย่าง
00:13:18 → 00:13:22 เดียวนะแต่การที่ครูสักคนนึงสอนเด็กแล้ว
00:13:22 → 00:13:26 เด็กไม่สนใจเด็กหลับเด็กคุยกันเนี่ยเค้า
00:13:27 → 00:13:30 ไม่ได้พูดคำว่าครูไม่ต้องมาสอนใช่แต่
00:13:30 → 00:13:34 พฤติกรรมพฤติกรรมหมายถึงสิ่งนั้นใช่อ่า
00:13:34 → 00:13:36 อันนี้อันที่ผมประทับใจเมื่อกี้นะแล้วก็
00:13:36 → 00:13:41 ประทับใจกับกลยุทธ์ของคุณครูค่ะที่เกิด
00:13:41 → 00:13:44 การเรียนรู้ปุ๊บเอะใจนะเอะใจปุ๊บแล้วก็
00:13:44 → 00:13:47 เลยเปลี่ยนแนวทางใช่ค่ะนำมาสู่อะไรมยพี่
00:13:47 → 00:13:50 ห้อยค่ะชื่อตอนวันเนี้ยที่บอกว่าไม่ต้อง
00:13:50 → 00:13:54 มาสอนไม่ต้องมาสอนเนี่ยอือหลายคนไม่ว่าจะ
00:13:54 → 00:13:57 เป็นพ่อแม่ผู้ปกครองหรือครูหรือหัวหน้าก็
00:13:57 → 00:14:01 ตามทีที่ต้องสอนคนนะอือแล้วโดนตอกกลับมา
00:14:01 → 00:14:03 ว่าไม่ต้องมาสอนไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรือ
00:14:03 → 00:14:07 ปฏิกิริยานะค่ะฟังตอนนี้แล้ว
00:14:07 → 00:14:11 นะก็อาจจะบอกว่าเฮ้ยเอาละตอนนี้นี่น่าจะ
00:14:11 → 00:14:14 มีวิธีแล้วล่ะว่าเราจะจัดการกับคนที่พูด
00:14:14 → 00:14:17 อย่างนี้กับเรายังไงอือปรากฏว่าวิธีเรามี
00:14:17 → 00:14:20 มั้ยเนี่ยพี่อ้อยไม่มีไม่มีเพราะอะไรรู้
00:14:20 → 00:14:25 มั้ยค่ะเพราะถ้ามีใครพูดกับเราว่าไม่ต้อง
00:14:25 → 00:14:29 มาสอนนะวิธีคืออะไรอื
00:14:29 → 00:14:32 ไม่ต้องไปหาวิธีสอนเค้าค่ะก็ในเมื่อเขา
00:14:32 → 00:14:35 บอกว่าไม่ต้องไปสอนเราก็ก็ไม่ต้องไปสอน
00:14:35 → 00:14:36 เค้า
00:14:36 → 00:14:42 ดิงั้นๆเล่านิดนึงของคนนึงก่อนเออๆๆๆคน
00:14:42 → 00:14:45 เนี่ยจะบอกว่าเป็นผู้บริหารแล้วเหมือนกัน
00:14:45 → 00:14:50 แหละออเา้าจะมีแนวคิดของเขาว่าผมไม่ชอบ
00:14:50 → 00:14:55 ให้ใครมาสอนผมออแล้วผมก็ไม่ชอบรับคำแนะนำ
00:14:55 → 00:14:57 จากใคร
00:14:57 → 00:15:01 โอผมชอบเรียนรู้ด้วยตัวผมเองออหนังสือ
00:15:01 → 00:15:05 ต่างๆผมก็ไม่ให้มาชี้นำผมเออผมต้องเก็บ
00:15:05 → 00:15:09 เกี่ยวประสบการณ์ด้วยตัวผมเองอ่าเท่านั้น
00:15:09 → 00:15:15 โอ้อืผมจะเจอเองผมจะแก้ปัญหาเองอืๆแล้วคน
00:15:15 → 00:15:18 นี้เป็นยังไงรู้มั้ยคะเป็นไงฮะแปกออไม่
00:15:19 → 00:15:23 เติบโตๆคุยกับใครก็ยากไปหมดอืเราก็ไม่
00:15:23 → 00:15:27 ค่อยรู้เรื่องอ่ะเออๆนะคะแล้วก็พอใครคุย
00:15:27 → 00:15:30 เรื่องอะไรที่มันเป็นแนวคิดอะไรอย่าง
00:15:30 → 00:15:33 เงี้ยเอเขาก็จะเดินหนีไปเลยเพราะว่าเ้ามี
00:15:33 → 00:15:37 กำลังมีความรู้สึกเคถูกสอนเถูกชี้นำอ๋อเค
00:15:37 → 00:15:40 ไม่เอาเไม่ต้องการอือๆแล้วชีวิตอย่างที่
00:15:40 → 00:15:45 บอกคือไม่เติบโตอยู่ตำแหน่งเดิมจนออยาวไป
00:15:45 → 00:15:48 จนเกษียณเอก็เรียนรู้ต่อไปคุณเรียนรู้ต่อ
00:15:48 → 00:15:52 ไปโดยความเชื่อมั่นของตัวคุณเองว่าคุณ
00:15:52 → 00:15:56 เชื่อตัวเองอืคุณไม่เชื่อใครเลยเออๆๆพี่
00:15:56 → 00:15:59 ในในความรู้สึกของตัวพี่อ้อยเองพี่อ้อยมี
00:15:59 → 00:16:03 ความรู้สึกว่าคนเราอ่ะถ้าเราเรียนรู้จาก
00:16:03 → 00:16:10 คนที่รู้ตัวจริงอืคนที่ใช่คุณน่ะคือฉลาด
00:16:10 → 00:16:13 เรียนรู้อืแล้วคุณก็ย่นระยะเวลาการเรียน
00:16:13 → 00:16:17 รู้ของคุณอืลงไปได้อืแต่ถ้าคุณไม่เชื่อ
00:16:17 → 00:16:20 ใครเลยอ่ะอือโอ้คุณจะใช้เวลาอีกเท่าไหร่
00:16:20 → 00:16:22 อ่ะก็ได้นะจริงๆแล้วอ่ะก็ก็ได้มันเป็น
00:16:23 → 00:16:25 ช้อยส์ของชีวิตเค้าอ่ะใช่ค่ะแต่ว่าคุณจะ
00:16:25 → 00:16:28 ใช้เวลาเท่าไหร่ใช่พอพี่อ้อยเล่าเรื่อง
00:16:28 → 00:16:31 งี้ผมนึกถึงใครรู้มั้ยค่ะผมนึกถึงตัวเอง
00:16:31 → 00:16:34 นี่แหละอค่ะตัวเองนี่แหละพี่ห้อยเพราะว่า
00:16:34 → 00:16:37 ผมเป็นคนที่สมัยก่อนนะพี่ห้อยค่ะเป็นคน
00:16:37 → 00:16:40 ที่ขี้เกียจอ่านหนังสือเบร 1 เลยออเป็นคน
00:16:40 → 00:16:43 ไม่ชอบอ่านหนังสือด้วยแต่สอบได้ดีนะไม่
00:16:43 → 00:16:45 ไม่ชอบอ่านหนังสือด้วยนะค่ะเออจนกระทั่ง
00:16:45 → 00:16:48 วันนึงเนี่ยพี่อ้อยค่ะผมไปเจอหนังสือเล่ม
00:16:48 → 00:16:52 นึงฮะค่ะแล้วผมก็ที่ได้หนังสือเล่มนี้
00:16:52 → 00:16:54 เพราะว่ามันเป็นเรื่องแบบอยู่ๆมันก็ไปเจอ
00:16:54 → 00:16:57 เหตุการณ์เหตการณ์นึงแล้วก็เหตุการณ์นั้น
00:16:57 → 00:17:00 เนี่ยพูดในเหตุการณ์นั้นมีคนพูดถึงคนๆนึง
00:17:00 → 00:17:04 ซึ่งเขียนหนังสือเล่มนึงอ่าแล้วก็บอกว่า
00:17:04 → 00:17:06 คนๆเนี้เคยพูดไว้ในหนังสือเล่มนึงว่า
00:17:06 → 00:17:09 อย่างงี้ออพอผมได้ยินโค้ดคำนั้นนะผมบอก
00:17:10 → 00:17:13 เฮ้ยแนวคิดนี้ดีอ่ะอืไนแล้วลองไปอ่าน
00:17:14 → 00:17:16 หนังสือเขาสักเล่มนึงซิอือเนี่ยแล้วพอไป
00:17:16 → 00:17:20 อ่านหนังสือเค้านะพี่อ้อยค่ะผมเกิดความ
00:17:20 → 00:17:25 คิดนึงเข้ามาในหัวเลยว่าเฮ้ยคนๆนึงที่เขา
00:17:25 → 00:17:29 เขียนหนังสือเล่มนึงเนี่ยเค้าจะต้องถ่าย
00:17:29 → 00:17:32 ทอดมาจากประสบการณ์ชีวิตเ้าทั้งชีวิตลงมา
00:17:32 → 00:17:35 ในหนังสือเล่มหนอ่ะใช่เนี่ยเเกิดการเรียน
00:17:35 → 00:17:38 รู้ในชีวิตเแต่ทั้งชีวิตเลยนะแล้วเก็ถ่าย
00:17:38 → 00:17:41 ทอดมันลงในหนังสือ 1 เล่มค่ะค่ะแล้วพอเรา
00:17:41 → 00:17:45 อ่านหนังสือเล่มนั้นเราสามารถมารับสิ่ง
00:17:45 → 00:17:48 ที่เป็นคุณค่าที่เขาเรียนรู้มาทั้งชีวิต
00:17:48 → 00:17:52 ใช่แล้วกลั่นกรองมาในหนังสือ 1 เล่มใช่
00:17:52 → 00:17:54 แล้วเรามารับคุณค่า
00:17:54 → 00:17:59 นั้นได้จากการอ่านหนังสือ 1 เล่มซึ่ง
00:17:59 → 00:18:04 แล้วคุณเออชีวิตของเขาอ่ะกี่ 10 ปีใช่ 2
00:18:04 → 00:18:08 หนังสือเนี้ย 1 เล่มอ่ะราคาเท่าไหร่ 100
00:18:08 → 00:18:12 กว่าบาท 200 กว่าบาท 300 กว่าบาทเออโอ้โห
00:18:12 → 00:18:14 แล้วเรามารับได้ภายในเวลาของการอ่า
00:18:14 → 00:18:16 หนังสือ 1 เล่มเล่มนั้นผมอ่านภายใน 1
00:18:16 → 00:18:19 อาทิตย์ใช่ค่ะพี่อรู้มยว่าวันนั้นเกิด
00:18:19 → 00:18:22 อะไรขึ้นผมเกิดคำถามกับตัวเองว่าอือทำไม
00:18:22 → 00:18:26 เราไม่อ่านมาตั้งนานแล้ววะพี่วีเป็นคนดี
00:18:26 → 00:18:29 มากเลยนะคะหลังจากนั้นเปลี่ยนเป็นอีกคน
00:18:29 → 00:18:33 นึงเลยเออโอ้โหยซื้อหนังสืออ่านไม่ทันจน
00:18:33 → 00:18:37 กระทั่งบางเล่มนะพี่อ้อยค่ะเฮ้ยเล่มนี้ดี
00:18:37 → 00:18:40 ซื้อมารอคิวไว้ก่อนยังไม่ได้อ่านมีอีกวัน
00:18:40 → 00:18:43 ไปเจอหนังสืออุยเล่มนี้ดีซื้อมารอคิวไว้
00:18:43 → 00:18:47 ก่อนแล้วปรากฏว่าอ้าวเล่มนี้ซื้อแล้ว
00:18:47 → 00:18:50 เหมือนกันเลยค่ะเนี่ยจากไม่อ่านเลยอืไม่
00:18:50 → 00:18:54 อ่านเลยด้วย mindset บอกว่าอือฉันเป็นคน
00:18:54 → 00:18:59 อ่านหนังสือได้ 2 หน้าฉันก็หลับอืเพราะ
00:18:59 → 00:19:01 ฉะนั้นเนี่ยมันก็เลยทำให้พี่อ้อยกลายเป็น
00:19:01 → 00:19:04 ว่าพี่อ้อยไม่ได้เรียนต่อปริญญาโทอะไร
00:19:04 → 00:19:07 ขึ้นไปอเพราะว่าฉันเป็นคนอ่านหนังสือได้
00:19:07 → 00:19:09 ไม่กี่หน้าฉันก็หลับอืเพราะฉะนั้นถ้าเป็น
00:19:09 → 00:19:12 หนังสือทั่วไปยิ่งอ่านไม่ได้เพราะฉะนั้น
00:19:12 → 00:19:16 เป็นคนไม่ซื้อหนังสืออ่านเลยเออๆๆแต่ว่า
00:19:16 → 00:19:19 วันนึงที่พี่อ้อยอยากเปลี่ยนแปลงและพัฒนา
00:19:19 → 00:19:24 ตัวเองอือๆๆบอกว่าเฮ้ยจริงๆหนังสือคิด
00:19:24 → 00:19:26 อย่างที่พี่วีบอกเนี่ยแหละหนังสือเนี่ย
00:19:26 → 00:19:29 กว่าจะกลั่นกรองออกมาเนี่ยอือไม่ใช่อยู่ๆ
00:19:29 → 00:19:31 ใครลุกขึ้นมาเขียนวันนึงแล้วก็ออกมาเป็น
00:19:31 → 00:19:34 หนังสือ 1 เล่มแล้วซี้ซเขียนอะไรก็ไม่รู้
00:19:34 → 00:19:39 พี่อ้อยก็ลองจากเล่มที่แเป็นการ์ตูนอมี
00:19:39 → 00:19:43 ข้อความน้อยๆเฮ้ยอ่านสนุกดีอย่างเงี้ยค่ะ
00:19:43 → 00:19:46 แล้วพอเริ่มรู้สึกว่าเฮ้ยฉันอ่านได้นี่
00:19:46 → 00:19:49 หว่าอือๆคราวเนี้ยหนังสือตอนเมีอย่างที่
00:19:49 → 00:19:53 พี่วีพูดอ่ะซื้อแล้วซื้ออีกมีเป็นตู้ๆเลย
00:19:53 → 00:19:56 ค่ะตอนนี้กลายเป็นมีชมรมอ่านหนังสือของ
00:19:56 → 00:19:59 ตัวเองออโอโหไปเลยประมาณผมมีชมรมอ่าน
00:19:59 → 00:20:01 หนังสือของตัวเองด้วยนะครับคุณผู้ฟังนี่
00:20:01 → 00:20:03 เดี๋ยวผมต้องรีบไปสมัครแล้วเนี่ยแต่ตอน
00:20:03 → 00:20:06 นี้เราเรากำลังไม่ได้เชียร์ว่าเรื่องอ่าน
00:20:06 → 00:20:08 หนังสือเนาะเออไม่ใช่ใชแต่เรากำลังพูด
00:20:08 → 00:20:12 เรื่องว่าให้อ่าในมุมมองของการการสอนถูก
00:20:12 → 00:20:17 สอนการสอนถูกสอนใช่ใช่แสดงว่าจริงๆแล้วคน
00:20:17 → 00:20:18 ที่บอก
00:20:18 → 00:20:21 ว่าเวลาที่มีใครมาสอนเราแล้วบอกว่าไม่
00:20:21 → 00:20:23 ต้องมาสอนชันเนี่ยนะค่ะถามว่าได้มั้ยก็
00:20:23 → 00:20:26 ได้นะใช่คุณสามารถเรียนรู้ได้ในชีวิตเลย
00:20:26 → 00:20:29 ไม่ได้เพียงแต่ว่าคุณคุณต้องใช้เวลาเท่า
00:20:29 → 00:20:32 ไหร่ใช่เพราะฉะนั้นถ้าเกิดว่ามีใครมาสอน
00:20:32 → 00:20:37 อะไรเรานะดีหรือไม่ดีถูกหรือไม่ถูกบอกกับ
00:20:37 → 00:20:41 ตัวเองเลยมาเลยใช่เพราะอะไรเราก็ให้เค้า
00:20:41 → 00:20:46 สอนไปดิอืแล้วก็เรามีหน้าที่เลือกแล้ว
00:20:46 → 00:20:49 สิ่งที่เขาสอนถ้ามันใช่ถ้ามันจริงถ้ามัน
00:20:49 → 00:20:52 ดีก็รับไว้อันไหนมันไม่ใช่ไม่จริงไม่ดี
00:20:52 → 00:20:56 ไม่เห็นด้วยก็ปล่อยผ่านไปคแสดง
00:20:56 → 00:21:00 ว่าไม่ว่ายังไงก็ตามสิ่งที่คนนั้นมาสอนดี
00:21:00 → 00:21:03 หรือไม่ดีถูกไม่ถูกนะเรารับไว้ก่อนเนี่ย
00:21:03 → 00:21:06 เราได้แต่ประโยชน์เลยนะใช่ค่ะใช่มั้ยฮะ
00:21:06 → 00:21:08 ใช่ค่ะแล้วก็ไม่ไม่มีไม่มีข้อเสียอย่าง
00:21:09 → 00:21:12 งี้ดีกว่าไม่มีข้อเสียถ้าเราเรารู้จัก
00:21:12 → 00:21:17 เลือกที่จะรับอ่าใช่แต่ในขณะที่เราบอกว่า
00:21:17 → 00:21:21 เราไม่รับใครก็ไม่ต้องมาสอนเนี่ยอือตรง
00:21:21 → 00:21:25 นี้เนี่ยทบทวนนิดนึงอ่าใช่ว่าวันนี้เราพอ
00:21:25 → 00:21:28 ใจชีวิตเราแค่ไหนใช่ถ้าเราอยู่ดีมีความ
00:21:28 → 00:21:31 สุขเจริญก้าวหน้ารุ่งเรืองเออๆก็ไม่เป็น
00:21:31 → 00:21:35 ไรเอาเลยเอาเลยฉะนั้นเนี่ยถ้าเกิดว่าใคร
00:21:35 → 00:21:39 ที่โดนต้องมีคนมาสอนแล้วเรารู้สึกอึดอัด
00:21:39 → 00:21:43 หงุดหงิดใจนะอือลองคิดคิดดูใหม่อีกทีนึง
00:21:43 → 00:21:47 ค่ะว่าไอ้การที่มีใครมาสอนเนี่ยถูกหรือ
00:21:47 → 00:21:50 ไม่ถูกดีไม่ๆไันนี้เรื่องนึงฟังไว้ก่อน
00:21:50 → 00:21:55 เลยมาพี่มาสอนเชิญมาสอนเลยนะดีหรือไม่ดี
00:21:55 → 00:21:57 เรามีหน้าที่เลือกอีกทีนึงแสดงว่าเราได้
00:21:57 → 00:22:01 แต่ประโยชน์ใชค่ะในมุมมองของคนที่สอนอ่า
00:22:01 → 00:22:04 ค่ะถ้าเราไปเจอคนที่พูดว่าไม่ต้องมาสอน
00:22:04 → 00:22:09 กับเรานะค่ะเราก็แค่เอาเข้าจริงๆนะคือเรา
00:22:09 → 00:22:11 อ่ะจะไปสอนเคเนี่ยคือเรามีความปรารถนาดี
00:22:11 → 00:22:14 กับเขาใช่มั้ยใช่ค่ะแต่ถ้าเกิดเราไปเจอคน
00:22:14 → 00:22:17 ที่มี mindset บอกว่าไม่ต้องมาสอนนี่นะ
00:22:17 → 00:22:20 สำหรับผมนะอือกลยุทธ์ก็คือถ้าเขาไม่ชอบ
00:22:20 → 00:22:23 ไม่สอนก็ไม่ต้องสอนไม่ต้องสอนอือแต่ว่า
00:22:23 → 00:22:28 เราสามารถแปลงความปรารถนาดีและเราแปลง
00:22:28 → 00:22:31 สิ่งที่ที่จะส่งมอบเ้าเนี่ยด้วยการสอน
00:22:31 → 00:22:35 ด้วยการไม่สอนคือยังไงพี่ี่ก็ยายความก็
00:22:35 → 00:22:39 คือสอนด้วยการไม่สอนก็คือใช้แบบโซติไง
00:22:39 → 00:22:43 อ่าสอนด้วยการถามคำถามโอเอาฮะแล้วเดี๋ยว
00:22:43 → 00:22:46 เขาจะเกิดการเรียนรู้ด้วยตัวเาเองค่ะ
00:22:46 → 00:22:49 เพราะอะไรรู้มยครับเพราะว่าคนที่มี
00:22:49 → 00:22:52 mindset ว่าไม่ต้องมาสอนเนี่ยแสดงว่าเ
00:22:52 → 00:22:55 ไม่ชอบถูกสอนอืแสดงว่าเคเชื่อมั่นตัวเอง
00:22:55 → 00:22:58 ด้วยเเชื่อมั่นตัวเองแล้วเชอบแสวงหาความ
00:22:58 → 00:23:01 รู้ด้วยตัวเเองใช่มครับคนเหล่านี้ก็อย่า
00:23:01 → 00:23:06 ไปป้อนเนื้อหาให้เอืแต่ว่าป้อนคำถามให้เ
00:23:06 → 00:23:11 โอเคดีงามนะค่ะค่ะป้อนคำถามให้เขาเลยแล้ว
00:23:11 → 00:23:16 เขาก็จะเกิดการเรียนรู้อือฮึจากคำ
00:23:16 → 00:23:20 ถามแล้วเราก็ยังคงได้ช่วยเขาด้วยอืใช่
00:23:20 → 00:23:24 มั้ยฮะค่ะเนี่ยก็กลายเป็นว่าไม่ว่าเราจะ
00:23:24 → 00:23:25 เป็นใคร
00:23:25 → 00:23:30 นะเป็นคนที่ถูกสอนหรือเป็นคนที่ต้องไปสอน
00:23:30 → 00:23:34 ตอนนี้เนี่ยน่าจะผมเชื่อว่าน่าจะให้ไม่
00:23:34 → 00:23:37 ถึงก็เป็นคำตอบสุดท้ายนะค่ะแต่ว่าให้ให้
00:23:37 → 00:23:40 แง่คิดให้มุมมองแล้วก็ให้แนวทางในการ
00:23:40 → 00:23:44 เลือกนะอย่างน้อยก็ไม่ขุ่นมัวแหละใช่แล้ว
00:23:44 → 00:23:47 เราก็ไม่ขุ่นมัวจริงๆในชีวิตผมผมเจอเคย
00:23:47 → 00:23:49 เจอเด็กหลายคนนะที่บอกว่าไมู่้มาสอนได้
00:23:50 → 00:23:52 ป่ะอืแล้วผมเจออย่างงี้ปุ๊บผมก็ไม่สอนเลย
00:23:52 → 00:23:56 อืผมถามคำถามกลับเลยโอเคอย่างเงี้ยคแล้ว
00:23:56 → 00:23:59 พอเราถามคำถามกลับเนี่ยเาจะเกิดการเรียน
00:23:59 → 00:24:03 รู้ค่ะแล้วที่สำคัญก็เลยรู้มั้ยครับเค้า
00:24:04 → 00:24:06 ก็ไม่รู้ตัวด้วยว่าเคถูกสอน
00:24:06 → 00:24:10 ออเนียนมากค่ะเนียนแบบเนียนๆนะครับคุณผู้
00:24:10 → 00:24:12 ฟังครับเพราะฉะนั้นตอนนี้เป็นตอนที่บอก
00:24:12 → 00:24:16 ว่าไม่ต้องมาสอนไม่ว่าเราจะเป็นใครเราก็
00:24:16 → 00:24:20 น่าจะได้แง่คิดมุมมองบางประการนะที่จะเอา
00:24:20 → 00:24:23 ไปใช้อยู่ในสถานการณ์นี้เพื่อทำให้ชีวิต
00:24:23 → 00:24:27 เรามีความสุขมากขึ้นแล้วก็มีความทุกข์
00:24:27 → 00:24:30 น้อยลงนะครับวันนี้สัตกรรมความสุขตอนนี้
00:24:30 → 00:24:33 ผมและพี่อ้อยก็ต้องลาไปก่อนนะครับสวัสดี
00:24:33 → 00:24:36 ครับสวัสดี
00:24:36 → 00:24:39 ค่ะติดตามรายการทางเว็บไซต์และ
00:24:39 → 00:24:42 แอปพลิเคชันของ Thai PBS podcast
00:24:42 → 00:24:45 spotify South Cloud Google podcast
00:24:45 → 00:24:48 Apple podcast และ YouTube Channel
00:24:48 → 00:24:52 Thai PBS podcast Thai PBS podcast
00:24:52 → 00:24:55 View the world via The
00:24:55 → 00:24:57 [เพลง]
00:24:57 → 00:25:01 Voice อ