00:00:00 → 00:00:02 และอีกหนึ่งปัญหาที่มักจะเจอในคลินิกโรค
00:00:02 → 00:00:04 ปอดและทางเดินหายใจคือผู้ป่วยเนี่ยขาด
00:00:04 → 00:00:08 ความรู้เรื่อง i 2 ขัดความรู้เรื่องยา
00:00:08 → 00:00:12 แก้ไอชนิดไหนเหมาะสำหรับเรานะครับแล้วก็
00:00:12 → 00:00:15 ขาดความรู้เรื่องชนิดของยาแก้ไอทางเลือก
00:00:15 → 00:00:18 ที่มีอยู่ในบ้านเราโดยเฉพาะยาสามัญที่
00:00:18 → 00:00:21 เป็นยาสมุนไพรไทยวันนี้เลยตั้งใจจะทำ
00:00:21 → 00:00:25 ซีรี่ย์นี้ประกอบประมาณ 3 ตอนนะฮะในตอน
00:00:25 → 00:00:28 ที่ 1 จะพูดเรื่อง I ก่อนมีอะไรที่เรา
00:00:28 → 00:00:31 ต้องรู้มีอะไรที่เราต้องเข้าใจว่าการที่
00:00:31 → 00:00:36 เราระงับอาการไออยู่บ่อยๆเนี่ยอาจจะเป็น
00:00:36 → 00:00:39 ภัยอาจจะเป็นอันตรายถึงสุขภาพเราได้นะ
00:00:39 → 00:00:44 ครับตอนต่อไปจะนำไปสู่ยาแก้ไอในตลาดมีกี่
00:00:44 → 00:00:47 กลุ่มมีอะไรที่เราต้องรู้แล้วจะเลือกใช้
00:00:47 → 00:00:51 ยาแก้ไอยังไงให้ตอบโจทย์เรานำมาสู่ตอนสุด
00:00:51 → 00:00:55 ท้ายคือแล้วยาแก้ไอสมุนไพรไทยเราล่ะที่มี
00:00:55 → 00:00:59 ขายอยู่ทั่วโลกแม้กระทั่งในต่างประเทศมี
00:00:59 → 00:01:02 สรรพคุณยังอ่านแล้วตอบโจทย์ได้มากน้อยแค่
00:01:02 → 00:01:03 ไหน
00:01:03 → 00:01:11 [เพลง]
00:01:11 → 00:01:13 สำหรับใครที่
00:01:13 → 00:01:17 เพิ่งเข้ามาใหม่ในช่องทางผมนะครับ
00:01:17 → 00:01:20 มีสาระสำคัญเรื่องโรคปอดและทางเดินหายใจ
00:01:20 → 00:01:24 เนี่ยผมจะเรียบเรียงในภาษาชาวบ้านนะครับ
00:01:24 → 00:01:28 จะพยายามพูดช้านะพยายามพูดในภาษาบ้านๆ
00:01:28 → 00:01:33 สำหรับใครที่รู้สึกว่าพูดช้าไปสามารถเข้า
00:01:33 → 00:01:36 ไปแล้วปรับ Speed ได้หรืออะลุ่มฟอร์ดจะ
00:01:36 → 00:01:38 ต้องดื่มหลังบางเพียงปัจจุบันเราไม่ทำเรา
00:01:38 → 00:01:41 จะปีครับหนึ่งก็รักษาหายคนไข้ดีเอาเช่น
00:01:41 → 00:01:45 กับอดีก็เลยเหมาะที่ขึ้นและยังสามารถตาม
00:01:45 → 00:01:48 ทันอยู่นะครับได้ก่อนอื่นที่เราจะเริ่ม
00:01:48 → 00:01:51 ต้นกันเนี่ยผมอยากแบ่งประสบการณ์ก่อนว่า
00:01:51 → 00:01:55 ที่ผ่านมาเนี่ยเราเจอคนไข้ไม่น้อยนะครับ
00:01:55 → 00:01:59 ที่ชอบระงับอาการไอตนเองไม่ว่าจะเป็น
00:01:59 → 00:02:03 ระงับโดยการพยายามคุมไม่ให้ไอมักจะเกิดใน
00:02:03 → 00:02:07 สถานการณ์ที่เวลาเราอยู่ในที่สาธารณะรถไฟ
00:02:07 → 00:02:10 ฟ้ารถเมล์นะครับหรือในห้างหรือไปห้อง
00:02:10 → 00:02:14 ประชุมที่มีคนเยอะๆเราจะรู้สึกน่าเป็น
00:02:14 → 00:02:17 ห่วงหรือกลัวจะเป็นที่รังเกียจของสังคมใน
00:02:17 → 00:02:22 แอบดูพฤติกรรมที่ระงับการไอนก I ไปได้เรา
00:02:22 → 00:02:23 จะรีบคุมและผิด
00:02:23 → 00:02:28 ใช่มั้ยฮะพฤติกรรมวันที่ 2 ก็คือเราจะมี
00:02:28 → 00:02:31 ยาแก้ไอจิ๊บจิ๊บๆอยู่ในกระเป๋าจิบ
00:02:31 → 00:02:35 พฤติกรรมอันที่สามเราจะมียาอมนะฮะบางคนมา
00:02:35 → 00:02:39 หาหมอเนี่ยผมจนลิ่มลิ้นดำเลยฮะนะครับบาง
00:02:39 → 00:02:42 คนกลุ่มที่ 4 คือพฤติกรรมก็คือจะกินยาแก้
00:02:42 → 00:02:45 ไอนะครับแล้วก็พฤติกรรมที่ 5 จะจิบน้ำ
00:02:45 → 00:02:49 อยู่บ่อยๆงั้นพฤติกรรมการระงับการไอเนี่ย
00:02:49 → 00:02:52 อาจจะไม่เหมาะสมถ้าเรายังไม่รู้สาเหตุ
00:02:52 → 00:02:57 นั้นเจตนาของผมที่ตั้งใจทำคลิปเรื่อง I
00:02:57 → 00:02:59 เนี่ยอยากให้เรารู้ก่อนอันดับแรกว่าไอ
00:02:59 → 00:03:04 เนี่ยทำไมเราไม่ควรไปนะครับทำไมเราควรจะ
00:03:04 → 00:03:07 ให้ความสำคัญในการหาสาเหตุของอาการไอของ
00:03:07 → 00:03:11 เราที่ผ่านมาตัวอย่างในเพจผมก็มีเยอะพอสม
00:03:11 → 00:03:15 ควรแล้วนะครับสามารถไปอ่านได้ไอก็คือเป็น
00:03:15 → 00:03:21 กลไกของการหาดีใจนะที่เราจะเพิ่มความดัน
00:03:21 → 00:03:24 ในปอดแล้วผักสิ่งแปลก Pop คือตู้มออกมา
00:03:24 → 00:03:28 จากปอดเรานะครับมันเป็นคนไกลการหายใจที่
00:03:28 → 00:03:33 อาศัยการทำงานของการหายใจกล้ามเนื้อกล่อง
00:03:33 → 00:03:38 เสียงได้ไหมครับงั้นการหายใจการไอเนี่ยจะ
00:03:38 → 00:03:41 แบ่งเป็น 4 ขั้นตอนขั้นตอนแรกคือหายใจ
00:03:41 → 00:03:45 เข้าลึกๆขั้นตอนที่สองคือกล่องเสียงปิด
00:03:45 → 00:03:49 ซึ่งขั้นตอนที่ 3 คือแรงดันในปอดเพิ่ม
00:03:49 → 00:03:53 ขึ้นอย่างกะทันหัน Food พอถึงจุดหนึ่ง
00:03:53 → 00:03:57 แล้วขั้นตอนต่อไปคือกล่องเสียงเปิดทุ่มลม
00:03:57 → 00:04:01 ที่กำลังดันออกก็จะผักสิ่งแปลกปลอมให้
00:04:01 → 00:04:04 หลุดออกมาจากหลอดลมเราอุ้มสุดท้ายกลับไป
00:04:04 → 00:04:07 หายใจเข้าใหม่ 4 Step นะฮะนั่นแรง
00:04:07 → 00:04:10 เดอกาส์ในเนี่ยเป็นกระบวนการที่ถูกดีไซน์
00:04:10 → 00:04:14 มาเพื่อขับสิ่งแปลกปลอมออกนั้นเราจะได้ใจ
00:04:14 → 00:04:18 เข้าอันหายใจต้องเสียงปิดเพื่ออ่ะและดัน
00:04:18 → 00:04:20 ให้มันเยอะมันก็จะผักสิ่งของออกนะตุ้ม
00:04:20 → 00:04:24 เพราะความดันมันแน่นๆละกล่องเสียงเปิด
00:04:24 → 00:04:28 ซึ่งนะซึ่งกับฟอร์มกระแทกมาทันที
00:04:28 → 00:04:32 มีการไอหรือยังไม่ได้มีแค่การกระแทกครั้ง
00:04:32 → 00:04:35 เดียวอาจจะหลายสเต็ปนะฮะมี Pattern หรือ
00:04:35 → 00:04:37 มีรูปแบบ
00:04:37 → 00:04:39 ให้แม่รึ
00:04:39 → 00:04:42 หรือ
00:04:42 → 00:04:45 หรือยาวเลย
00:04:45 → 00:04:48 อ้าเห็นไหมครับผมพยายามจะทำให้เหมือนที่
00:04:48 → 00:04:52 สุดนะฮะนั่นการไอก็มีแพทเทิร์นของมา I
00:04:52 → 00:04:53 เนี่ยสามารถ
00:04:53 → 00:04:58 สั่งการได้จากความรู้สึกหรือสมองเราเอ๊ย
00:04:58 → 00:05:02 กลไกการป้องกันอย่างเดียวในร่างกายที่
00:05:02 → 00:05:05 สามารถกระตุ้นได้ด้วยสมองเราคือการไออัน
00:05:05 → 00:05:09 ครับเห็นไหมฮะผมอยากจะไอ้ผมสั่ง
00:05:09 → 00:05:13 มันจะไอ้เหมือนจริงชัดเจนเลยได้ไหมครับใน
00:05:13 → 00:05:16 นั้น 4 อย่างเรื่องแรกไอคืออะไรอยากจะบอก
00:05:16 → 00:05:19 แค่นี้ว่าไอเป็นปรากฎการณ์ที่ต้องการจะ
00:05:19 → 00:05:22 ป้องกันร่างกายเพื่อที่จะขับสิ่งแปลกปลอม
00:05:22 → 00:05:25 ออกจากร่างกาย I ประกอบไปด้วย 4 ระยะหาย
00:05:25 → 00:05:29 ใจเข้าอัดลมเปิดกล่องเสียงประเทศผู้ส่ง
00:05:29 → 00:05:31 ออกสิ่งกับต้องออกแล้วก็จะกลับมาหายใจ
00:05:31 → 00:05:34 เหมือนเดิมใช่ไหมครับการไอมีหลายแบบ
00:05:34 → 00:05:37 Pattern หลายแบบแต่แพทเทิร์นแต่ละอันไม่
00:05:37 → 00:05:40 สามารถนำมาใช้บอกถึงโรคได้บางคนอาจจะ
00:05:40 → 00:05:44 ไอแรงบางคนอาจจะๆเบาบางคนจะอาจจะอายแบบ
00:05:44 → 00:05:46 เดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหายไม่ได้บ่งบอกถึงโรค
00:05:46 → 00:05:49 อะไรเลยนะครับแต่ให้รู้ว่าเป็นสัญญาณ
00:05:49 → 00:05:53 เตือนนำไปสู่หัวข้อที่ 2 คือผมอยากจะปรับ
00:05:53 → 00:05:56 ทัศนคติหรือปรับมารเสร็จให้เรามองกาใน
00:05:56 → 00:06:00 เนี่ยเป็นเรื่องที่ร่างกายกำลังต้องการจะ
00:06:00 → 00:06:04 ปกป้องหรือเตือนอะไรเราบางอย่างไม่อยาก
00:06:04 → 00:06:07 ให้เรามองว่าการไอเป็นอะไรที่น่านั่ง
00:06:07 → 00:06:11 เกียรติถ้าไม่อยากให้มองว่าการไอเป็นอะไร
00:06:11 → 00:06:14 ที่น่ารำคาญอยากให้เราเข้าใจการไอเรามาก
00:06:14 → 00:06:17 กว่าว่าจริงๆแล้วร่างกายเราเนี่ยกำลัง
00:06:17 → 00:06:20 ฟ้องอะไรอยู่หรือมันมีสิ่งแปลกปลอมอะไร
00:06:20 → 00:06:23 อยู่ที่ร่างกายเรากำลังพยายามจะสู้พยายาม
00:06:23 → 00:06:26 จะต่อต้านพยายามจะเอาชนะและพยายามจะปก
00:06:26 → 00:06:30 ป้องร่างกายแล้วนะฮะถ้าเราเข้าใจจุดนี้
00:06:30 → 00:06:33 ปุ๊บเนี่ยเราจะตัดพฤติกรรมที่จะรีบไปซื้อ
00:06:33 → 00:06:36 ยาแก้ไอกินเองจริงไหมครับก็หลายคนเดือน
00:06:36 → 00:06:39 ถ้ารู้สึกอะไรเนี่ยน่ารำคาญไม่ดีจะรีบไป
00:06:39 → 00:06:42 ซื้อยาแก้ไอแต่ถ้าเรามีมายเซทว่าไอมีไว้
00:06:42 → 00:06:45 เพื่อเตือนเราแอคชั่นต่อไปคือเราจะถาม
00:06:45 → 00:06:47 แล้วเป็นอะไร
00:06:47 → 00:06:50 3 ต้องรีบปรึกษาแพทย์หรือเปล่าเห็นไหม
00:06:50 → 00:06:53 มันเปลี่ยนเปลี่ยนมุมมองเปลี่ยนแนวทางการ
00:06:53 → 00:06:55 ปฏิบัติตนและเปลี่ยนแนวทางการดูแลตนเอง
00:06:55 → 00:06:59 ชัดเจนเลยงั้นผมฝากนะอยากให้เรามองว่าไอ
00:06:59 → 00:07:03 เป็นเรื่องที่ควรจะให้ความสำคัญอยากกินยา
00:07:03 → 00:07:07 ยาระงับมันโดยไม่ไม่รู้สาเหตุทำไมถึงมี
00:07:07 → 00:07:10 ความสำคัญมากแต่เท่าที่ผมพยายามสรุปมาให้
00:07:10 → 00:07:13 เราดูเนี่ยไอ้เนี่ยอันที่ 1 คือเป็นกลไก
00:07:13 → 00:07:18 ที่ติดมาตั้งแต่กำเนิดเพื่อปกป้องปอดและ
00:07:18 → 00:07:21 ทางเดินหายใจนะฮะเป็นคนไกลปกป้องติดมา
00:07:21 → 00:07:25 ตั้งแต่กำเนิดอันที่สองเนี่ยการไอเนี่ยจะ
00:07:25 → 00:07:26 ช่วยให้เราสามารถ
00:07:26 → 00:07:32 ขับสิ่งแปลกปลอมเมือกนะฮะสารกระตุ้นสาร
00:07:32 → 00:07:36 อักเสบทั้งหลายได้ดีอันที่ 3 คือการไอ
00:07:36 → 00:07:40 เนี่ยก็เป็นกลไกที่จะปกป้องทางเดินหายใจ
00:07:40 → 00:07:44 ตั้งแต่จมูกคอกล่องเสียงหลอดลมหลอดลมส่วน
00:07:44 → 00:07:48 กลางส่วนปลายแล้วก็เนื้อปอดอันที่ 4 คือ
00:07:48 → 00:07:53 การที่เราไม่มีอาการไอโลกไประงับอาการไอ
00:07:53 → 00:07:57 บ่อยๆอาจจะเป็นโทษหรือเป็นอันตรายต่อร่าง
00:07:57 → 00:08:02 กายได้อ่ะอันที่เรากินยาระงับอาการไออาจ
00:08:02 → 00:08:05 จะมีผลถึงขั้นติดเชื้อถึงขั้นเสียชีวิต
00:08:05 → 00:08:07 ได้
00:08:07 → 00:08:10 คะอันที่ 5 คือการไอเนี่ยเป็นสัญญาณเตือน
00:08:10 → 00:08:14 ว่าเราอาจจะมีโรคแอบแฝงอยู่ซึ่งอาจจะเป็น
00:08:14 → 00:08:17 โรคที่ติดต่อหรือมะโรคที่ไม่ติดต่อก็ได้
00:08:17 → 00:08:21 โรคติดต่อในแง่การติดเชื้อได้ไหมครับแต่
00:08:21 → 00:08:24 รูปที่ไม่ติดต่อก็เช่นภูมิแพ้หลอดลม
00:08:24 → 00:08:28 อักเสบนะครับหรือพวกพังผืดทั้งหลาย
00:08:28 → 00:08:30 ตัวหรือแพ้ยาเป็นต้น
00:08:30 → 00:08:33 แต่สุดท้ายกาล I เนี่ยก็เป็นตัวชี้วัดอัน
00:08:33 → 00:08:37 นึงสำหรับผู้ป่วยแล้วก็แพทย์ในการติดตาม
00:08:37 → 00:08:41 การรักษาว่าสรุปเราวินิจฉัยถูกมั้ยยาที่
00:08:41 → 00:08:44 ให้ไปการรักษาที่ให้ไปตอบโจทย์คนไข้หรือ
00:08:44 → 00:08:48 ไม่นั้นทุกอย่างที่ผมพยายามจะนำเสนออยาก
00:08:48 → 00:08:51 ให้เรามองว่าการไอเนี่ยจริงเป็นเรื่องที่
00:08:51 → 00:08:54 ดีเป็นเรื่องที่ปกป้องตนเองและเราไม่ควร
00:08:54 → 00:08:57 จะเป็นอะงับมันถ้าเราไม่รู้สาเหตุยำนะ
00:08:57 → 00:09:00 ครับแต่วันเศร้ารู้สาเหตุวินิจฉัยแล้วเรา
00:09:00 → 00:09:03 ควรจะช่วยล่ะครับมันเพราะการไอมากๆก็มีผล
00:09:03 → 00:09:06 เสียเดี๋ยวนำไปสู่หัวข้อต่อไปนี้คำถามต่อ
00:09:06 → 00:09:11 ไปคือการไอเป็นเรื่องปกติได้ไหม
00:09:11 → 00:09:14 อยู่ในไหนบอกว่าไอเนี่ยเป็นกลไกการปกป้อง
00:09:14 → 00:09:18 ร่างกายที่เป็นมาตั้งแต่กำเนิดนั้นมัน
00:09:18 → 00:09:20 เป็นเรื่องปกติได้ไหมเหมือนสั่งน้ำมูก
00:09:20 → 00:09:23 อย่างเงี้ยใช่ไหมเหมือนเราจะมีเนี่ยเป็น
00:09:23 → 00:09:27 เรื่องปกติได้ไหมคำตอบคือได้ครับ
00:09:27 → 00:09:30 แต่ไอเนี่ยเป็นเรื่องปกติไม่ได้แปลว่า
00:09:30 → 00:09:34 ต้องเป็นรูปเสมอไปนะครับมีการศึกษามากมาย
00:09:34 → 00:09:37 นะยกตัวอย่างมาสักหนึ่งชิ้นกันและกันมี
00:09:37 → 00:09:40 การเซอร์เวย์หรือสำรวจก็พบว่าประชากรทั่ว
00:09:40 → 00:09:44 ไปที่แข็งแรงเนี่ยมีโอกาสที่จะไอได้เนี่ย
00:09:44 → 00:09:47 สูงถึง 20 เปอร์เซ็นต์นะฮะ I love รัง
00:09:47 → 00:09:49 ด้วยซ้ำสูงถึง 20 เปอร์เซ็นต์ในหนึ่ง
00:09:49 → 00:09:54 ชีวิตของเขาไลฟ์แฟนของเขาทั้งที่คนคนนั้น
00:09:54 → 00:09:57 ไม่มีโรคประจำตัวก็ตาม
00:09:57 → 00:10:02 เจอกันไอเป็นเรื่องปกติแต่คนที่ไอมักจะ
00:10:02 → 00:10:04 สะท้อน
00:10:04 → 00:10:08 แต่ว่าเขาอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ปกติพบ
00:10:08 → 00:10:11 มากในพวกที่อยู่ในเมืองที่มีฝุ่นเยอะฝุ่น
00:10:11 → 00:10:15 แม้กระทั่งฝุ่นภายในบ้านฝุ่นนอกบ้านพบใน
00:10:15 → 00:10:19 กลุ่มที่ประชากรที่อยู่ในแอร์โพลูชั่น
00:10:19 → 00:10:22 หรือมีมลพิษในอากาศเยอะพบในประชากรที่ทำ
00:10:22 → 00:10:26 งานในโรงงานที่มีความเย็นความชื้นสูงใช่
00:10:26 → 00:10:29 ไหมครับงั้นการไอถึงแม้จะเป็นเรื่องปกติ
00:10:29 → 00:10:32 แต่จะสัมพันธ์กับวิถีชีวิตค่อนข้างมากพอ
00:10:32 → 00:10:36 สมควรนั้นพริกคลิปที่ผ่านมาผมก็พูดอยู่
00:10:36 → 00:10:40 หลายคลิปนะสำหรับใครที่อยากอ่านเพิ่มหรือ
00:10:40 → 00:10:43 ฟังเพิ่มเรื่องไอเรื้อรังหรือเสมหะในลำคอ
00:10:43 → 00:10:45 เรื้อรังเนี่ยผมจะพูดเสมอว่า
00:10:45 → 00:10:48 ไอเนี่ยเป็นเรื่องที่ปวดหัวที่สุดสำหรับ
00:10:48 → 00:10:51 แพทย์นะฮะเชื่อไหมครับผู้ป่วยมาพบแพทย์
00:10:51 → 00:10:56 อันดับต้นๆฮะคือไอไอเรื้อรังทุกแผนกทั่ว
00:10:56 → 00:10:58 โลกเหมือนกันเพราะไอเรื้อรังเนี่ยมันเป็น
00:10:58 → 00:11:01 อะไรที่สัมพันธ์กับวิถีชีวิตมากๆมันอาจจะ
00:11:01 → 00:11:05 ไม่ใช่เป็นโรคการกินกันนอนกันก็มันเครียด
00:11:05 → 00:11:08 แล้วเรากำลังกายสัมพันธ์มะนะฮะงั้นในเป็น
00:11:08 → 00:11:12 ไรที่เรื่องปกติก็ได้
00:11:12 → 00:11:15 ขอไอยังสัมพันธ์กับผู้ป่วยที่สูบบุหรี่
00:11:15 → 00:11:18 ถึงแม่ก็อาจจะยังไม่เป็นโรคก็ตามนั้นถึง
00:11:18 → 00:11:21 จุดนี้เนี่ยผมขอแซ่บตัวอย่างคนไข้ผมเพิ่ง
00:11:21 → 00:11:24 เมื่อวานเองก็แล้วกันก็มีคุณลุงท่านหนึ่ง
00:11:24 → 00:11:27 เป็นพาร์กินสันรักษาอยู่โรงพยาบาลแห่ง
00:11:27 → 00:11:31 หนึ่งห้องกินยาพาร์กินสันอยู่ก็มีอาการไอ
00:11:31 → 00:11:34 เรื้อรังมาซักระยะนึงและก็ไม่ยอมไปตรวจก็
00:11:34 → 00:11:36 แพทย์ไม่แจ้งหมอเจ้าของไข้หรือว่าตัวเอง
00:11:36 → 00:11:40 ไอก็ซื้อยาแก้ไอมากินมาจิบอย่างเนี้ยตาม
00:11:40 → 00:11:43 ประสาชาวบ้านจนกระทั่งตัวเองเริ่มรู้สึก
00:11:43 → 00:11:47 มีไข้ต่ำๆรู้สึกเหนื่อยตกกลางคืนหายใจ
00:11:47 → 00:11:51 ลำบากก็เลยมาพบแพทย์เอกซเรย์ก็เจอว่ามี
00:11:51 → 00:11:54 ปืนในปอดก็น่าจะคิดว่าน่าจะเป็นปอดติด
00:11:54 → 00:11:57 เชื้อแหละก็น่าจะสัมพันธ์การสำนักงานด้วย
00:11:57 → 00:12:00 ซ้ำก็เริ่มรักษาไปงั้นสั้นๆครับบทเรียน
00:12:00 → 00:12:02 นี้เราได้เรียนรู้อะไรจากคุณลุงท่านนี้
00:12:02 → 00:12:06 อันที่ 1 คือเขาอาจจะมองว่าการไอของเขา
00:12:06 → 00:12:09 เป็นเรื่องรังเกียจเขาเลยพฤติกรรมเขาก็
00:12:09 → 00:12:12 เลยไปซื้อยามาระงับหรือเขาจะขี้เกียจ
00:12:12 → 00:12:15 รักษานี้ผมไม่ทราบสาเหตุจริงๆนะแต่ว่าว่า
00:12:15 → 00:12:18 เขาไม่ได้ให้ความสำคัญของการไอเขาไม่เข้า
00:12:18 → 00:12:20 ใจว่าอายุเขากำลังเตือนอะไรเขาบางอย่าง
00:12:20 → 00:12:24 ใช่ไหมครับเขาก็ปล่อยซื้อยาแก้ไอหรือยา
00:12:24 → 00:12:27 แก้ไอแล้วยาแก้ไอที่เขาซื้อก็ซื้อผิดอีก
00:12:27 → 00:12:31 ไม่ถูกกันลักษณะไอที่เขาเป็นก็ไม่ตอบ
00:12:31 → 00:12:34 โจทย์อีกเห็นไหมครับเสียทั้งเวลาเสียทั้ง
00:12:34 → 00:12:37 สุขภาพเสียทั้งเงินยาที่ซื้อมาก็ไม่ตอบ
00:12:37 → 00:12:41 โจทย์อีกจบสุดท้ายก็ไม่หายก็รออย่างนี้มา
00:12:41 → 00:12:43 สัก 2-3 อาทิตย์จะมาตั้งเป็นมาก
00:12:43 → 00:12:46 อ่ะนะสุดท้ายก็ต้องนอนโรงพยาบาลค่าใช้
00:12:46 → 00:12:49 จ่ายก็เสียมากกว่าเดิมอีกสิ่งหนึ่งที่ผม
00:12:49 → 00:12:52 ก็สอนแกเสมอเพราะคุณลุงครับเมื่อไหร่ที่
00:12:52 → 00:12:55 เราเริ่ม I ละ 2-3 วันที่ทางไม่ดีขึ้นเรา
00:12:55 → 00:12:58 อายุขนาดนี้บวกกับมีโรคประจำตัวเยอะมี
00:12:58 → 00:13:01 สำนักอาหารปรึกษาหมอเจ้าของไข้ดูสักทีนึง
00:13:01 → 00:13:04 นะว่ามันมีอะไรที่เราต้องรีบรักษาหรือดัก
00:13:04 → 00:13:07 ตั้งแต่เนิ่นๆไหมอย่าปล่อยจะซื้อยาแก้ไอ
00:13:07 → 00:13:11 กินเฮงนำไปสู่หัวข้อต่อไปคือกลไกการไออัน
00:13:11 → 00:13:14 นี้ผมสำหรับใครที่สนใจก็ฟังต่อได้นะครับ
00:13:14 → 00:13:18 ผมพยายามจะพูดเป็นภาษาบ้านๆนะแต่ผมเชื่อ
00:13:18 → 00:13:20 ว่าถ้าเราฟังแล้วเราอาจจะเข้าใจมากขึ้น
00:13:20 → 00:13:25 อ่ะเรามาเริ่มกันต้นใกล้กันไอเนี่ยอ้ะมัน
00:13:25 → 00:13:29 เกิดจากการที่ร่างกายเราเนี่ยมีตัว
00:13:29 → 00:13:33 เซ็นเซอร์เซ็นเซอร์ก็คือเหมือนกับเป็นตัว
00:13:33 → 00:13:38 วัดชนิดหนึ่งตัวจับดักฝุ่นกับดักสิ่งแปลก
00:13:38 → 00:13:43 ปลอมจะจับดักอากาศกลิ่นอย่างเงี้ยมันจะ
00:13:43 → 00:13:46 ไล่ตั้งแต่จมูกคอแล้วมันจะมากขึ้นเรื่อยๆ
00:13:46 → 00:13:50 ตั้งแต่กล่องเสียงหลอดลมหลอดลมส่วนต้นนะ
00:13:50 → 00:13:53 ฮะมันจะมากขึ้นช่วงนี้แล้วมันจะน้อยลง
00:13:53 → 00:13:56 ช่วยหล่อคนส่วนปลายแล้วก็เนื้อปอดก็
00:13:56 → 00:13:59 เนื่องจากนี้เนี่ยไอ้ตัวเซ็นเซอร์เนี่ย
00:13:59 → 00:14:01 หรือตัวดักจับสิ่งแปลกปลอมเนี่ยมันไม่ได้
00:14:01 → 00:14:04 เจอแค่ในปอดผมนะเจอได้ตั้งแต่หัวใจเยื่อ
00:14:04 → 00:14:07 หุ้มหัวใจเยื่อหุ้มปอดหลอดอาหารก็ยังเป็น
00:14:07 → 00:14:10 ไปได้เห็นไหมครับงั้นอยากให้เรามองว่า
00:14:10 → 00:14:13 ร่างกายเราเนี่ยที่เราโตมาเนี่ยอยู่ดีๆ
00:14:13 → 00:14:16 เราไม่ได้หรอกมันมีตัวตัวจับสัญญาณอยู่
00:14:16 → 00:14:18 ว่ามีสิ่งแปลกปลอม
00:14:18 → 00:14:20 ถ้าเมื่อไหร่ที่เรามีสิ่งแปลกปลอมปุ๊บตัว
00:14:20 → 00:14:24 สัญญาเนี่ยมันจะส่งกระแสไปที่ก้านสมอง
00:14:24 → 00:14:29 แล้วส่งขึ้นไปที่สมองเป็นศูนย์การไอสั่ง
00:14:29 → 00:14:33 การลงมาพึ่งผ่านทางสมองแล้วกลับมาที่ปลาย
00:14:33 → 00:14:38 ประสาทที่อยู่ที่กล้ามเนื้ออกดำเนื้อท้อง
00:14:38 → 00:14:41 กล้ามเนื้อกระบังหลวงให้เราไปออกมาเห็น
00:14:41 → 00:14:44 ไหมเป็นอย่างที่ผมพูดตอนแรกเนี่ยเป็น
00:14:44 → 00:14:48 กระบวนการที่โคกันระหว่างระบบประสาท
00:14:48 → 00:14:52 เซ็นเซอร์และระบบสั่งการลงมาเห็นไหมงั้น
00:14:52 → 00:14:55 อยากให้เรารู้ว่าคนเราจะอายได้เนี่ย
00:14:55 → 00:14:58 เซ็นเซอร์พวกเนี่ยมันจะเป็นตัวเตือนเลย
00:14:58 → 00:15:01 มันจะส่งขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกาย
00:15:01 → 00:15:04 รับเชื้อรักสิ่งแปลกปลอมขอย้ำลิงทิศนึงก็
00:15:04 → 00:15:07 คือหลายคนอาจจะเข้าใจว่าไอที่เราจะต้อง
00:15:07 → 00:15:09 เป็นโรคปอดไม่จริงนะครับไอทีไลฟ์มีโรค
00:15:09 → 00:15:12 อื่นได้ที่ไม่ใช่โรคปอดเดี๋ยวผมจะพูดตอน
00:15:12 → 00:15:15 สุดท้ายนะครับว่าทำไมถึงต้องให้ความสำคัญ
00:15:15 → 00:15:18 กับการไองั้นจบแค่นี้ก่อนนะเราพอเข้าใจ
00:15:18 → 00:15:21 แค่นั้นพอเราเข้าใจกลไกเราจะเริ่มเข้าใจ
00:15:21 → 00:15:24 แล้วว่าแล้วยาที่เอามาใช้ในการระงับอาการ
00:15:24 → 00:15:27 ไอเนี่ยเราเอาไว้ใช้สำหรับระงับส่วนไหน
00:15:27 → 00:15:32 ส่วนเซ็นเซอร์หรือส่วนสมองกันแน่พอเรา
00:15:32 → 00:15:35 เห็นภาพเราจะรู้เลยว่าอ้อมการเลือกยาที่
00:15:35 → 00:15:38 ผิดก็มีผลต่อการรักษามีผลแทรกซ้อนโดย 3
00:15:38 → 00:15:42 ข้อเสียของการปล่อยให้อาการไอเรื้อรังและ
00:15:42 → 00:15:45 คุณกินยาไอระงับไปเรื่อยๆเนี่ยสิ่งหนึ่ง
00:15:45 → 00:15:49 ที่ต้องระวังเลยมันจะเกิดภาวะดื้อต่อยา
00:15:49 → 00:15:51 แก้ไอ
00:15:51 → 00:15:54 คะอันที่สองคือมันจะเกิดภาวะไวต่อสิ่ง
00:15:54 → 00:15:56 กระตุ้นนะ
00:15:56 → 00:15:59 จะเอาใหม่นะครับเคยสังเกตไหมครับเราไอสอง
00:15:59 → 00:16:03 สามปีที่แล้วเราซื้อยาแก้ไอมากินเองแรกๆ
00:16:03 → 00:16:05 ก็ดูเหมือนจะได้หลังๆดูเหมือนจะเอาไม่
00:16:05 → 00:16:09 อยู่เห็นมั้ยฮะอันที่สองเราสังเกตว่าว่า
00:16:09 → 00:16:12 ระยะหลังนั้นเราไวมากขึ้นเรื่อยๆเราไวมาก
00:16:12 → 00:16:14 ขึ้นเรื่อยๆจับเดิมเนี่ยเพียงแค่เราเห็น
00:16:14 → 00:16:18 ฝุ่นหรือเอ่อได้กลิ่นนิดนึงอาจจะใช้เวลา
00:16:18 → 00:16:21 ก็จะ I ไปว่าไอ้แป๊บเดียวเดี๋ยวนี้จะได้
00:16:21 → 00:16:25 เดินผ่านเลยจะได้เห็นอยากได้กลิ่นไอมากไอ
00:16:25 → 00:16:29 ทันทีอันนี้เราเรียกว่า End แฮชเซนซิตี้
00:16:29 → 00:16:32 คือมันเป็นการเรียนรู้ของร่างกายชนิดนึง
00:16:32 → 00:16:36 ยิ่งคุณปล่อยให้มันไอมากขึ้นมากขึ้นมันก็
00:16:36 → 00:16:39 จะเรียนรู้ที่จะตอบสนองไวมากขึ้นไวมาก
00:16:39 → 00:16:43 ขึ้นกลายเป็นเนี่ยคุณไปกดอาการไอเรื้อรัง
00:16:43 → 00:16:46 ไปเรื่อยๆเนี่ยนั่งกายมันจะยิ่งไวตรงกัน
00:16:46 → 00:16:49 ข้ามนะแต่ฉันจำอีกทีนะครับการกดในที่นี้
00:16:50 → 00:16:52 คือกฎโดยที่ไม่ทราบสาเหตุซื้อกินไปเรื่อย
00:16:52 → 00:16:56 ๆอันนี้ไม่ถูกต้องการปล่อยให้อาการไอ
00:16:56 → 00:16:59 เรื้อรังโดยที่ไม่ทราบสาเหตุส่งผลกระทบ
00:16:59 → 00:17:01 ยังไงต่อร่างกายคืออันที่หนึ่งในงานระบบ
00:17:01 → 00:17:05 ปลอดผมเองเนี่ยทำให้เกิดนะฮะ
00:17:05 → 00:17:09 ผู้ติดเชื้อหรือมีภาวะแทรกซ้อนอะไรที่
00:17:09 → 00:17:12 หลุดแล้วคุณไม่ได้ตรวจผมมีตัวอย่างใน
00:17:12 → 00:17:14 Facebook เพจค่อนข้างเยอะนะลองไปดูอัน
00:17:14 → 00:17:18 ที่สองคือบางคนไอมากๆอาจจะทำให้ปลอดแตก
00:17:18 → 00:17:22 ปอดรั่วได้นะครับอันที่ 3 คือบางคนไอมากๆ
00:17:22 → 00:17:25 กล้ามเนื้อทรวงอกเนี่ยเกิดการอักเสบบางคน
00:17:25 → 00:17:29 กล้ามเนื้อเนี่ยมีระบมมีฉีกมีขาดได้บางคน
00:17:29 → 00:17:32 ซี่โครงหักก็มีนะผมก็มีตัวอย่างหมดแล้วใน
00:17:32 → 00:17:36 เพจไปดูได้เห็นไหมครับบางคนไอมากๆกล้าม
00:17:36 → 00:17:39 เนื้อหน้าท้องเกิดอะไรขึ้นนะกู้ดการระบม
00:17:39 → 00:17:44 อักเสบไอมากปวดหลังนะฮะบางคนกล้ามเนื้อ
00:17:44 → 00:17:47 ฉีกยังมีเลยคนอะไรมากๆเนี่ยกระดูกปลิ้น
00:17:47 → 00:17:50 เลยน่ะเลขกระดูกทับเส้นหน่ะ Pro Lab ก็
00:17:50 → 00:17:54 ไอมากๆกระดูกซี่โครงกระดูกสันหลังหักก็
00:17:54 → 00:17:56 ยังมีใช่มะ
00:17:56 → 00:17:59 และก็หรือจากนี้การไอมากๆจึงส่งผลกระทบ
00:17:59 → 00:18:04 ต่อระบบสมองทำให้ปวดหัวๆมากๆทำให้มึนหน้า
00:18:04 → 00:18:08 มืดสลบหัวฟาดพื้นได้ไอมากๆทำให้ตาแดงเส้น
00:18:08 → 00:18:11 เลือดฝอยแตกบ้างนะครับแต่ผมเชื่อว่าเรา
00:18:11 → 00:18:15 ทุกคนคงจะเคยเจอ Case 1 ทันใดนึงที่ผม
00:18:15 → 00:18:20 เคยพูดนะไอ้มากๆเนื่องจากนี้ยังทำให้หาย
00:18:20 → 00:18:23 ใจแล้วก็หัวใจเต้นเร็วบางทีเต้นเร็วมากๆ
00:18:23 → 00:18:26 เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะได้อันนี้ก็เป็น
00:18:26 → 00:18:29 ประเด็นการที่เราปล่อยไว้นานๆเนี่ยมันไม่
00:18:29 → 00:18:32 ใช่ส่งผลกระทบแค่ปอดอย่างเดียวแล้วมัน
00:18:32 → 00:18:35 เริ่มลามไปถึงมันกระแทกนะครับมันก็แทบ
00:18:35 → 00:18:38 ระบบทั้งหมดแล้วมันสั่นสะเทือนหมดใครไอ
00:18:38 → 00:18:41 เรื้อรังจะเข้าใจบางคนไอมากๆเริ่มเกิด
00:18:41 → 00:18:44 ภาวะไส้เลื่อนเลยเคยได้ยินใช่ไหมคะไป
00:18:44 → 00:18:46 เรือนหลังมีไส้เลื่อน
00:18:46 → 00:18:49 ถ้าเธอให้มากๆบางคนเนี่ยผิวหนังเนี่ยก็มี
00:18:49 → 00:18:51 เส้นเลือดฝอยแตกนะฮะ
00:18:51 → 00:18:55 และสุดท้ายคือส่งผลกระทบต่อความมั่นใจไม่
00:18:55 → 00:18:58 กล้าออกสังคมนะขาดความมั่นใจรู้สึกเป็น
00:18:58 → 00:19:01 ที่น่ารังเกียจงั้นข้อเสียของการๆและนาง
00:19:01 → 00:19:04 เนี่ยมีเยอะนะครับสำหรับใครที่ยังมีนิสัย
00:19:04 → 00:19:07 หรือมีพฤติกรรมชอบซื้อยาแก้ไอกินเองโดย
00:19:07 → 00:19:10 ที่ไม่ปรึกษาแพทย์ก็อยากจะให้ความสำคัญ
00:19:10 → 00:19:11 กับ
00:19:11 → 00:19:14 มาถึงจุดนี้ผมว่าแชปเตอร์นี้ตอนแรกน่าจะ
00:19:14 → 00:19:17 เพียงพอแล้วนะครับคลิปต่อไปผมก็จะมาเริ่ม
00:19:17 → 00:19:21 พูดถึงเรื่องยาแก้ไอบ้างหล่ะครับว่ายาแก้
00:19:21 → 00:19:25 ไอเนี่ยมีแบบไหนมีอะไรที่เราต้องรู้เวลา
00:19:25 → 00:19:29 จะเลือกยาแก้ไอให้ตรงกับร่างกายเราเลือก
00:19:29 → 00:19:33 แบบไหนแล้วก็ย้ำในครับสุดท้ายคือยาแก้ไอ
00:19:33 → 00:19:38 สมุนไพรที่เราหาซื้อได้ตามท้องตลาดช่วย
00:19:38 → 00:19:41 เราได้ยังไงมีประโยชน์อย่างไรสวัสดีครับ
00:19:41 → 00:19:41 คุณ
00:19:41 → 00:19:43 [เพลง]
00:19:43 → 00:19:47 ม.ค
00:19:47 → 00:19:50 [เพลง]