การให้รางวัลตัวเองมีบทบาทอย่างไรในการเปลี่ยนนิสัย

[Medley] นิสัยและความเชื่ออะไรที่ดึงดูดพลังงานดี ๆ | หมอฟ้า สมาธิศาสตร์

จากช่อง : Klaoshow


ดูคำบรรยาย / View Transcript

00:00:0000:00:02 พลังงานก็คือตัวเรานี่แหละพลังงานที่สอด

00:00:0200:00:05 คล้องอ่ะก็คือสุขภาพที่ดีถ้าพลังงานข้าง

00:00:0500:00:08 ในเราเป็นยังไงอ่ะเราก็จะเลือกสิ่งที่สอด

00:00:0800:00:10 คล้องกับไลฟ์สไตล์หรือว่าชีวิตของเรา

00:00:1000:00:13 นิสัยเกิดจากสิ่งที่เราคิดสิ่งที่เราคิด

00:00:1300:00:16 นำมาสู่สิ่งที่เรารู้สึกสิ่งที่เรารู้สึก

00:00:1600:00:19 นำมาสู่สิ่งที่เราลงมือทำพอเราลงมือทำซ้ำ

00:00:1900:00:22 ๆอ่ะมันกลายเป็นนิสัยเป็นบุคลิกภาพและ

00:00:2200:00:25 กลายเป็นโชคชะตาของเราความเชื่อของเราอ่ะ

00:00:2500:00:28 มันทำให้เราเปลี่ยนร่างกายของเราได้แต่

00:00:2800:00:33 สิ่งที่ทำให้แบบไปได้ไวกว่าคือNoซebroไม่

00:00:3300:00:35 ได้มีตัวที่ทำให้เกิดโรคแต่ความคิดทำให้

00:00:3500:00:38 เกิดโรคความคิดที่เกิดขึ้นซ้ำๆมีผลต่อ

00:00:3800:00:42 ร่างกายมีผลต่อชีวิตของเราด้วย

00:00:4200:00:48 >> เกลาแก้โรคเกลานิสัยห่างไกลโรค

00:00:4800:00:51 สวัสดีค่ะยินดีต้อนรับเข้าสู่รายการเกลา

00:00:5100:00:54 แก้โรคค่ะทุกท่านเคยได้ยินมั้คะว่าคนที่

00:00:5400:00:57 พลังงานดีๆเนี่ยเขามักจะสุขภาพดีกันหรือ

00:00:5700:00:59 เราจะเคยเห็นผู้หลักผู้ใหญ่นะคะที่อายุ

00:00:5900:01:02 ยืนเนี่ยท่านก็มักจะเวลาที่เราไปอยู่ใกล้

00:01:0200:01:04 เนี่ยเราจะรู้สึกรับรู้ได้ถึงพลังงานเย็น

00:01:0400:01:06 ๆสบายๆไม่ร้อนรุ่มเดี๋ยววันนี้แพนด้าว่า

00:01:0700:01:09 เรามาหาคำตอบกันดีกว่าค่ะว่าพลังงานกับ

00:01:0900:01:12 สุขภาพเนี่ยเขาเกี่ยวข้องกันยังไงแล้ววัน

00:01:1200:01:14 นี้นะคะแพนด้าก็อยู่กับคุณหมอท่านนึงเป็น

00:01:1400:01:17 คุณหมอที่สวยมากแล้วก็น่าจะให้คำตอบได้ดี

00:01:1700:01:19 มากๆด้วยก็คือคุณหมอฟ้าจากเพจหมอฟ้า

00:01:1900:01:20 สมาธิศาสตร์สวัสดีค่ะ

00:01:2100:01:24 >> สวัสดีค่ะสวัสดีค่ะน้องแพนด้า

00:01:2400:01:25 >> เป็นยังไงบ้างคะตื่นเต้นมั้คะ

00:01:2500:01:27 >> ตื่นเต้นค่ะปกติพูดคนเดียว

00:01:2700:01:28 >> อ้าววันอือๆ

00:01:2800:01:30 >> อ๋อนับเป็นคนมั้คะ

00:01:3000:01:30 >> มัดเป็น

00:01:3000:01:33 >> นับเป็นนะโอเควันนี้ได้คุยกับคนแล้วโอเค

00:01:3300:01:34 ค่ะ

00:01:3400:01:37 >> ค่ะทีนี้อย่างที่แพนด้าเกริ่นไปเนาะว่า

00:01:3700:01:41 เออทำไมคนบางคนที่เขาพลังงานดีๆเนี่ยเามี

00:01:4100:01:43 สุขภาพดีอยากรู้ว่าจริงๆแล้วเรื่องพลัง

00:01:4300:01:45 งานกับสุขภาพเนี่ยค่ะเขาเกี่ยวข้องกัน

00:01:4500:01:45 มั้ยคะ

00:01:4600:01:48 >> บางทีอ่ะเราไปพูดคำว่าพลังงานน่ะเราก็จะ

00:01:4900:01:51 นึกถึงอะไรที่มันแบบออกจากตัวเราอ่ะค่ะ

00:01:5100:01:54 แต่จริงๆแล้วอ่ะพลังงานคือการเคลื่อนไหว

00:01:5400:01:57 ในร่างกายเราอ่ะอะไรที่มันเป็นการเคลื่อน

00:01:5700:01:58 ไหว

00:01:5800:02:01 มีการเข้ามีการออกมีการหมุนเวียนเช่นลม

00:02:0100:02:05 หายใจหรือว่าการเต้นของหัวใจเห็นคะจริงๆ

00:02:0500:02:08 แล้วอ่ะพลังงานก็คือตัวเรานี่แหละพลังงาน

00:02:0800:02:11 ที่สอดคล้องอ่ะก็คือสุขภาพที่ดีพอเวลาที่

00:02:1100:02:13 เราพูดถึงพลังงานอยากให้ทุกคนแบบหรือว่า

00:02:1300:02:15 น้องแพนด้าค่อยๆจินตนาการถึงสิ่งที่

00:02:1500:02:17 เคลื่อนไหวอยู่ในร่างกายเรา

00:02:1700:02:19 >> เออเราจะได้แบบรู้ว่าอ๋อจริงๆมันก็คือตัว

00:02:1900:02:22 เรานี่แหละคือลมหายใจของเราคือเซลล์ของ

00:02:2200:02:23 เราคือร่างกายของเราอ

00:02:2300:02:26 >> ออมันคือมันอยู่ในเนื้อในตัว

00:02:2600:02:27 >> ใช่อยู่ในเนื้อในตัว

00:02:2700:02:30 >> ไอ้แสดงว่าก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่อง

00:02:3000:02:33 ของสุขภาพโดยตรงเลยมั้คะอย่างงี้

00:02:3300:02:35 >> อ่าเกี่ยวข้องโดยตรงมั้อันนี้พี่อาจจะ

00:02:3500:02:38 เล่าจากประสบการณ์แล้วกันค่ะลองนึกถึง

00:02:3800:02:42 เวลาที่เราเครียดเราก็จะไปกินอะไรที่มัน

00:02:4200:02:44 ไม่ได้เป็นสุขภาพอ่ะอาจจะทานน้ำตาลเยอะ

00:02:4400:02:48 หรือว่าทานอาหารfastฟู้ดเราจะเลือกตาม

00:02:4800:02:51 สิ่งที่ข้างในเราเป็นก็คือสุขภาพเราเป็น

00:02:5100:02:53 แบบไหนเราก็จะเลือกแบบนั้นเพราะฉะนั้นน่ะ

00:02:5300:02:56 ค่ะถ้าพลังงานข้างในเราเป็นยังไงอ่ะเราก็

00:02:5600:02:58 จะเลือกสิ่งที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์หรือ

00:02:5800:02:59 ว่าชีวิตของเราอ

00:02:5900:03:01 >> อุ๊ยแต่ถ้าสมมุติว่าเราเถียงแทนบางคนที่

00:03:0100:03:04 บอกว่าอาหารจังฟู้ดหรือแบบช็อกโกแลตหรือ

00:03:0400:03:07 น้ำตาลเป็นอาหารที่ดีสำหรับเขานะเพราะว่า

00:03:0700:03:09 ช่วยฮีลใจเขาได้เลยอย่างเงี้ยค่ะ

00:03:0900:03:11 >> อ่าอันนี้อาจจะต้องตอบด้วยแบบสารเคมีใน

00:03:1100:03:14 สมองจริงๆแล้วอ่ะคำว่าดีสำหรับเขาถูกต้อง

00:03:1400:03:16 แล้วนะคะน้องแพนด้าเพราะว่าเขาชิน

00:03:1600:03:16 >> อื

00:03:1600:03:19 >> อ่ามันเป็นสารเคมีในร่างกายของเขาอ่ะชิน

00:03:1900:03:22 กับสิ่งนี้เขาก็เลยเลือกสิ่งนี้เออเหมือน

00:03:2200:03:24 แบบบางคนที่กินชานมไข่มุกเคยเห็นมั้ยนาง

00:03:2400:03:28 ก็จะต้องแบบกินทุกเพราะว่าเรากำลังเสพติด

00:03:2800:03:30 สารเคมีในสมองหรือว่าสารเคมีในร่างกายของ

00:03:3000:03:31 เรา

00:03:3100:03:34 >> อืออกเวลาเรากินอะไรที่เรารู้สึกว่าอร่อย

00:03:3400:03:37 หรือเป็นน้ำตาลน้ำหวานอะไรพวกเนี้ยคือเรา

00:03:3700:03:40 ชอบกินแต่ไม่ได้หมายความว่าเราติดที่รส

00:03:4000:03:41 ชาติมันหรอกค่ะอ

00:03:4100:03:43 >> จริงๆมันเกิดจากความเครียดค่ะในร่างกาย

00:03:4300:03:45 เราอ่ะมันจะมีฮอร์โมนฮอร์โมนคือสิ่งที่

00:03:4500:03:49 มันแบบไหลเวียนในร่างกายเราก็คือพลังงาน

00:03:4900:03:51 นี่แหละทีเนี้ยเวลาที่เราอ่ะรู้สึกเครียด

00:03:5100:03:53 ใช่มยเวลาเรารู้สึกเครียดเราจะหลั่งแสน

00:03:5300:03:55 เคมีอย่างเช่นคอร์ติเข้ามาพอคอร์ติซอล

00:03:5500:03:58 เข้ามาปุ๊บเราเครียดเราก็เลยต้องการน้ำ

00:03:5800:04:00 ตาลมาเหมือนสนองนิดความเครียดอ่ะเพราะ

00:04:0000:04:02 ฉะนั้นน่ะค่ะเวลาเสพติดอ่ะเราเสพติด

00:04:0300:04:04 คอร์ติซอล

00:04:0400:04:04 >> อ๋อค่ะ

00:04:0400:04:08 >> เสพติดสารเคมีแห่งความเครียดนั้นและเรา

00:04:0800:04:10 อ่ะก็เลยเอาความหวานมาตอบสนองความเครียด

00:04:1000:04:14 นั้นจริงๆเรากำลังเสพติดสารเคมีนี้มาก

00:04:1400:04:14 กว่าค่ะ

00:04:1400:04:17 >> อค่ะโอน่าสนใจมากๆเลยแล้วเดี๋ยวมีบางคำ

00:04:1700:04:19 ถามที่มันได้อยากถาม

00:04:1900:04:21 >> อ่ะถามไว้ก่อนดีกว่าคืออยากรู้ว่าแล้ว

00:04:2100:04:25 อย่างคอิสตอลคือเราเสพติดใช่มั้คะแต่ว่า

00:04:2500:04:27 ถ้าสมมติสมเรารู้แล้วเนี่ยแต่เรายังมันคง

00:04:2700:04:29 จะหักดิบไม่ได้แต่ถ้าเราจะหักดิบเรามี

00:04:2900:04:32 วิธียังไงบ้างแต่อย่าเพิ่งตอบนะคะเดี๋ยว

00:04:3200:04:35 ไปเรื่อยๆอยากให้ทุกท่านอยู่ฟังจนถึงนาที

00:04:3500:04:37 นั้นที่คุณหมอตอบอ่า

00:04:3700:04:40 >> โอเคค่ะอย่างเมื่อกี้ค่ะคุณหมอบอกว่าเฮ้ย

00:04:4000:04:42 บางครั้งนี่พอเราเครียดร่างกายก็เลย

00:04:4200:04:45 ต้องการน้ำตาลอาจจะมีบางคนที่เขาบอกว่า

00:04:4500:04:49 ไม่ไม่ได้เครียดเลยแต่แค่ชอบกินหวานเฉยๆ

00:04:4900:04:50 มันเกี่ยวยังไงกับ

00:04:5000:04:52 >> ยังไงเอาพูดจากประสบการณ์ฟังแล้วกันค่ะ

00:04:5200:04:55 จริงๆอ่ะการกินหวานวันเดียวอ่ะไม่เป็นไร

00:04:5500:04:58 แต่เราต้องดูว่าเราอ่ะติดเขาไหมติดอ่ะคือ

00:04:5900:05:01 เสพติดหมายความว่าถ้าเรากินหวานแบบเอ้ย

00:05:0100:05:04 นี่ๆหน่อยแล้วเรารู้สึกว่าเราแบบไม่มี

00:05:0400:05:07 เา้าก็ได้อ่ะอันนั้นคือการแบบกินหวานแต่

00:05:0700:05:10 ต้องกินทุกวันหรือว่าเราจะต้องแบบกินกาแฟ

00:05:1000:05:13 ทุกวันกินหวานทุกวันนี่คือการแบบเสพติด

00:05:1300:05:15 ค่ะฉะนั้นแยกที่การเหมือนกับต้องได้รับ

00:05:1500:05:17 มันทุกวันมถ้าไม่ได้รับแล้วเรารู้สึกยัง

00:05:1700:05:20 ไงเรารู้สึกกระวนกระวายมที่จะต้องได้รับ

00:05:2000:05:21 สิ่งนั้นอะไรอย่างเงี้ย

00:05:2100:05:23 >> โหจริงๆถ้าคุยเรื่องนี้เนี่ยอาจจะไม่จบ

00:05:2300:05:26 ได้เพราะว่าจริงๆก็มีพฤติกรรมของผู้ใหญ่

00:05:2600:05:29 หลายๆท่านอย่างคุณพ่อคุณแม่ที่แบบตื่น

00:05:2900:05:32 เช้ามาก็จะมีการกินกาแฟ

00:05:3200:05:34 >> ก็คือก็กินเป็นกิจวัตรอ่ะค่ะ

00:05:3400:05:37 >> คืออย่างงี้ค่ะคือร่างกายเราอ่ะมันจะมี

00:05:3700:05:40 กระบวนการในการทำให้เราอยู่กับสิ่งนั้น

00:05:4000:05:44 ได้เช่นเคยเดินเข้าไปในห้องที่มันเหม็นสี

00:05:4400:05:44 มย

00:05:4400:05:46 >> หรือว่าเดินเข้าไปในห้องที่แบบว่ามีกลิ่น

00:05:4600:05:49 ขยะกลิ่นเหม็นอะไรอย่างเงี้ยตอนแรกเราจะ

00:05:4900:05:51 รู้สึกว่ามันเหม็นแต่พอเราอยู่ไปสักพัก

00:05:5100:05:54 นึงอ่ะสิ่งที่เกิดขึ้นคือเราจะชินเพราะ

00:05:5400:05:57 เรารู้สึกว่าเราอยู่กับเขาได้อันนี้คือ

00:05:5700:06:00 กลไกร่างกายเพื่อให้เราอ่ะอยู่รอดเพราะ

00:06:0000:06:02 ฉะนั้นในวันที่เราเครียดตอนแรกเราจะรู้

00:06:0200:06:05 สึกว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตมากเอ้ย

00:06:0500:06:08 ฉันมาทำงานที่เนี่ยแบบทำงานตลอดตั้งแต่

00:06:0800:06:10 เช้าจะหลดเย็นมันเป็นแบบเรื่องเครียดอ่ะ

00:06:1000:06:13 แต่ถ้าเกิดผ่านไปสักพักอ่ะเราจะรู้สึกว่า

00:06:1300:06:15 มันอยู่ได้เพราะร่างกายมีกระบวนการแบบ

00:06:1500:06:18 โฮมโอสเตasคือกระบวนการรักษาสมดุลเพื่อ

00:06:1800:06:20 ให้เราอยู่กับสิ่งนั้นได้เพราะฉะนั้น

00:06:2000:06:24 เนี่ยสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือบางบางทีอ่ะเรา

00:06:2400:06:27 ไม่รู้ว่าเราอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ

00:06:2700:06:30 หรือว่าอยู่ในอะไรที่มันแบบอยู่ใน

00:06:3000:06:32 สถานการณ์ความเครียดเพราะความเครียดอ่ะ

00:06:3200:06:35 ดันเป็นเราไปแล้วเราชินกับความเครียดไป

00:06:3500:06:37 แล้วอ่ะค่ะเออเราอยู่กับสิ่งนั้นได้เรา

00:06:3700:06:40 อยู่กับกลิ่นสีในห้องนั้นได้ไปแล้วอ่ะมัน

00:06:4000:06:42 ก็เลยไม่ได้ทุกข์ไม่ได้ร้อนจนบางทีเราอาจ

00:06:4300:06:45 จะต้องแยกแยะว่าเฮ้ย 1 เราไม่ได้เครียด

00:06:4500:06:47 หรือว่า 2 จริงๆเราเครียดแล้วเราไม่รู้

00:06:4700:06:49 งั้นสิ่งที่เราจะรู้ได้เราต้องดูจาก

00:06:4900:06:53 พฤติกรรมค่ะแล้วก็กลับมาจับความรู้สึกอาจ

00:06:5300:06:54 จะต้องเปรียบเทียบอ่ะถ้าเกิดว่าเราเครียด

00:06:5400:06:57 จนชินใช่มยเราลองแบบไปเที่ยวอ่ะหรือว่าทำ

00:06:5700:07:00 ตัวที่แบบสบายๆอ่ะแล้วความรู้สึกมันต่าง

00:07:0000:07:03 กันมั้ถ้ามันต่างกันเราถึงจะวัดได้ว่าเออ

00:07:0300:07:05 จริงๆแล้วฉันชินกับความเครียดนะ

00:07:0500:07:07 >> เพราะว่าวัดในตอนที่เขาเครียดอ่ะมันไม่

00:07:0700:07:11 รู้อ่ะเราอยู่สิ่งนั้นจนชินไปแล้วอ่ะอื

00:07:1100:07:14 >> ค่ะก็เป็นวิธีนึงที่เราจะสามารถเช็คได้

00:07:1400:07:16 ว่าเฮ้ยเรากำลังชินกับความเครียดหรือ

00:07:1600:07:19 เปล่าคือลองพาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อม

00:07:1900:07:21 ที่สบายๆขึ้นหรือว่า

00:07:2100:07:21 >> ที่แตกต่าง

00:07:2100:07:23 >> ที่แตกต่างจากที่เราชิน

00:07:2300:07:25 >> อ่าว่าความรู้สึกต่างกันมั้ย

00:07:2500:07:27 >> ใช่ใช่หรือง่ายๆนะถ้ารู้สึกว่ามีวันหยุด

00:07:2700:07:28 อ่ะ

00:07:2800:07:28 >> ค่ะ

00:07:2800:07:31 >> แล้วรู้สึกว่าฉันจะต้องไปหาธรรมชาติฉันจะ

00:07:3100:07:35 ต้องพักวันหยุดแสดงว่าจริงๆแล้วที่ที่เรา

00:07:3500:07:37 อยู่อ่ะร่างกายเขากำลังบอกว่าอันเนี้ยเ

00:07:3700:07:39 ไม่ได้เไม่ได้ชอบเพราะถ้าตรงนี้มันเป็น

00:07:3900:07:42 ที่ที่เราอยู่สบายจริงๆเราไม่จำเป็นที่จะ

00:07:4200:07:44 ต้องตั้งหน้าตั้งตาพักขนาดนั้นอะไรอย่าง

00:07:4400:07:45 เงี้ยเออใช่

00:07:4500:07:47 >> อ๋ออันนี้ชัดเจนค่ะเช่นแบบ

00:07:4700:07:50 >> เอแบบฉันจะต้องหยุดแล้วนะอะไรเงี้ยใช่มี

00:07:5000:07:53 อยากเสาร์อาทิตย์นี้ต้องมีทริปหรืออยากไป

00:07:5300:07:53 หาธรรมชาติ

00:07:5300:07:56 >> หรือว่านอนทั้งวันเพราะว่าร่างกายเขา

00:07:5600:07:58 ต้องการพักผ่อนอะไรอย่างเงี้ยค่ะแสดงว่า

00:07:5800:08:00 ชีวิตส่วนใหญ่ที่เราอยู่อ่ะเขาแบบรู้สึก

00:08:0000:08:03 ว่าเขาไม่ได้พักเต้องวิ่งเเหนื่อยเออวัน

00:08:0300:08:05 ที่เราพักเราก็เลยแบบไม่อยากทำอะไรและ

00:08:0500:08:07 อะไรอย่างเงี้ยมันเป็นกระบวนการรักษา

00:08:0700:08:09 สมดุลของร่างกายอ

00:08:0900:08:11 >> ก็เช็คตัวเองกันได้

00:08:1100:08:12 >> ใช่ๆค่ะ

00:08:1200:08:14 >> แต่มันไม่ได้มีอะไรตายตัวเนาะก็ให้สังเกต

00:08:1400:08:16 ตัวเองกันเยอะๆแล้วกันว่าอันนี้มันเป็น

00:08:1600:08:18 ปกติของเราหรือเปล่าหรือว่าอันนี้ไม่ปกติ

00:08:1800:08:21 ของเรา

00:08:2100:08:24 เรื่องพลังงานกับนิสัยค่ะมันมีความ

00:08:2400:08:25 สัมพันธ์กันมั้คะ

00:08:2500:08:27 >> อจริงๆพลังงานคือนิสัยเลยอาจจะพูดง่ายๆ

00:08:2800:08:30 แบบนี้ที่ตอนแรกพี่บอกไปว่าพลังงานคือการ

00:08:3000:08:32 เคลื่อนไหวใช่มั้ยคะสิ่งนึงที่สำคัญมาก

00:08:3200:08:36 อ่ะคือความรู้สึกสังเกตมยเวลาที่เราแบบ

00:08:3600:08:38 โกรธมากๆน้องแพนด้าเคยโกรธมากๆมั้ย

00:08:3900:08:39 >> เคย

00:08:3900:08:42 >> ถ้าโกรธมากๆบางทีแบบเนื้อตัวเราจะสั่น

00:08:4200:08:44 >> เออสายตาเราก็จะไม่เหมือนเดิมเราจะพูด

00:08:4400:08:47 เสียงดังขึ้นใช่มั้ยคะมันคือพลังงานที่

00:08:4700:08:50 ถูกส่งออกมาเออพลังงานคือความรู้สึกทีนี้

00:08:5000:08:53 เราต้องรู้ว่านิสัยเกิดมาได้ยังไงจริงๆ

00:08:5300:08:57 อ่ะนิสัยเกิดจากสิ่งที่เราคิดในมนุษย์เรา

00:08:5700:09:00 อ่ะค่ะเขาจะมีอิเล็กโต magnetic field

00:09:0000:09:03 คือหมายความว่ารอบๆตัวเราอ่ะมันจะมีสนาม

00:09:0300:09:05 พลังงานเช่นแบบว่าแฟนเรางอน

00:09:0500:09:05 >> ค่ะ

00:09:0600:09:08 >> ที่อยู่ในรถที่เป็นแบบพื้นที่ปิดเขาไม่

00:09:0800:09:10 ได้พูดอะไรเลยนะแต่เรารับรู้ได้ถึงแบบ

00:09:1000:09:13 หลังสีอัมหิตอ่ะที่เขาส่งมาโดยที่เขาไม่

00:09:1300:09:15 ต้องพูดอะไรเพราะว่าจริงๆแล้วเนี่ยมนุษย์

00:09:1500:09:19 ส่งพลังงานหากันตลอดเวลาหรือเคยเจอแบบไม่

00:09:1900:09:22 รู้จักคนนี้เลยแต่เข้าไปทีไรแล้วเรารู้

00:09:2200:09:24 สึกไม่ชอบคนนี้จังเลยอ่ะโดยที่ไม่ต้องพูด

00:09:2400:09:27 อะไรเลยหรือว่าเรารู้สึกว่าอยู่ใกล้คนนี้

00:09:2700:09:29 แล้วเรารู้สึกสบายใจจังเลยโดยที่เราอาจจะ

00:09:2900:09:32 ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนหมายความว่าเออจริง

00:09:3200:09:34 ๆแล้วอ่ะเราไม่ได้คุยกันที่คำอย่างเดียว

00:09:3400:09:37 เราคุยกันทางแบบสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยเออ

00:09:3700:09:39 อย่างเงี้ยก็จะเห็นภาพอย่างที่เราไม่ชอบ

00:09:3900:09:42 คนเนี้ยเออเขาไม่ได้มาทำอะไรให้ฉันแต่รู้

00:09:4200:09:44 สึกไม่ถูกชะตาเลยอ่ะเพราะว่าเขาก็ส่งพลัง

00:09:4400:09:47 งานหาเราหรือบางคนแบบออล่ามากเลยเดินมา

00:09:4700:09:49 แล้วแบบเคยเห็นคนที่เด็กๆวิ่งเข้าหามั้ย

00:09:4900:09:50 ค่ะ

00:09:5000:09:53 >> หรือว่าไปอยู่ที่ไหนก็รู้สังหรือว่าเวลา

00:09:5300:09:55 เราไปหาพระที่เรารู้สึกสงบร่มเย็นน่ะค่ะ

00:09:5500:09:58 เพราะว่ามันมีพลังงานออกมาทีเนี้พลังงาน

00:09:5800:10:01 เกี่ยวข้องกับนิสัยตรงที่ว่านิสัยที่เรา

00:10:0100:10:03 บอกอ่ะมันเกิดจากสิ่งที่เราคิดสิ่งที่เรา

00:10:0300:10:06 คิดนำมาสู่สิ่งที่เรารู้สึกสิ่งที่เรารู้

00:10:0600:10:09 สึกนำมาสู่สิ่งที่เราลงมือทำเออพอเราลง

00:10:0900:10:12 มือทำซ้ำๆอ่ะมันกลายเป็นนิสัยเป็น

00:10:1200:10:15 บุคลิกภาพและกลายเป็นโชคชะตาของเราอ่ะยก

00:10:1500:10:17 ตัวอย่างง่ายๆถ้าวันเนี้ยค่ะเราแบบเริ่ม

00:10:1700:10:20 จะลดน้ำหนักแหละเราต้องคิดก่อนใช่มยว่า

00:10:2000:10:23 เอ้ยฉันจะเป็นคนสุขภาพดีแล้วเราก็มี

00:10:2300:10:25 inspiration เราก็มีแรงบันดาลใจเรารู้

00:10:2500:10:28 สึกเออพอเริ่มรู้สึกปุ๊บเราจะเริ่มปรับ

00:10:2800:10:32 เปลี่ยนอาหารที่เรากินเริ่มไปยิ้มพอไป

00:10:3200:10:34 ยิ้มซ้ำๆอ่ะมันก็เริ่มน้ำหนักลงมันก็

00:10:3400:10:37 เริ่มแบบมีกล้ามเนื้อถูกมั้ยคะอันนั้นก็

00:10:3700:10:40 เลยกลายเป็นคนสุขภาพดีสิ่งที่คนเห็นว่า

00:10:4000:10:42 เฮ้ยคนนี้หุ่นดีจังเลยอ่ะจริงๆแล้วมันคือ

00:10:4200:10:46 การลงมือทำซ้ำๆจนเป็นนิสัยแต่มันเริ่มจาก

00:10:4600:10:48 สิ่งเล็กๆก็คือสิ่งที่เขาคิดอ่ะเค้าเห็น

00:10:4900:10:52 ตัวเองว่าเค้าไม่ควรสุขภาพดีเค้าถึงลงมือ

00:10:5200:10:54 ทำสอดคล้องกับสิ่งที่เขาคิดเพราะฉะนั้น

00:10:5400:10:58 นิสัยที่เราเห็นภายนอกบุคลิกภาพของคนนี้

00:10:5900:11:01 หรือว่าแบบเอ้ยคนนี้เป็นคนแบบเนี้ยจริงๆ

00:11:0100:11:03 เกิดจากสิ่งที่เล็กที่สุดคือสิ่งที่เขา

00:11:0300:11:06 คิดและสิ่งที่เขารู้สึกมันก็เลยเป็นเหตุ

00:11:0600:11:10 ผลว่าทำไมสิ่งที่เรามองไม่เห็นน่ะมันถึง

00:11:1000:11:12 ส่งผลกับสิ่งที่มองเห็นเออหรือที่เขา

00:11:1200:11:14 เรียกว่าการ manifest อะไรเงี้ยซึ่ง

00:11:1400:11:15 เดี๋ยวเราคุยกันต่อไป

00:11:1500:11:18 >> อค่ะเมื่อกี้ค่ะที่คุณหมอบอกว่าเอ่อจริง

00:11:1800:11:21 จริงๆเราไม่ได้คุยกันแค่คำพูดมีสนามพลัง

00:11:2100:11:22 งานอยู่รอบตัวเรา

00:11:2200:11:23 >> อ

00:11:2300:11:26 >> อาจจะมีคำถามนึงค่ะที่แปลกๆอีกและ

00:11:2600:11:26 >> จ้ะ

00:11:2600:11:29 >> เช่นแล้วอย่างเงี้ค่ะบางคนที่สงสัยเรื่อง

00:11:2900:11:30 กระแสจิต

00:11:3000:11:30 >> อื

00:11:3000:11:33 >> อันนี้เกี่ยวข้องกับสนามพลังงานตรงนี้มั้

00:11:3300:11:34 คะที่แบบ

00:11:3400:11:38 >> ส่งแพนด้าเคยมีประสบการณ์สักครั้งมั้ยที่

00:11:3800:11:41 นึกถึงใครและเา้าแบบว่าทักมาหาเรา

00:11:4100:11:42 >> มีค่ะเพื่อนสนิท

00:11:4200:11:45 >> เออหรือว่าทุกคนที่แบบว่าดูช่องนี้ก็ได้

00:11:4500:11:48 ลองนึกดูว่าอยู่ดีๆอ่ะเออนึกถึงคนนี้แล้ว

00:11:4800:11:52 เโทรมาหรือว่านึกถึงอยากกินทุเรียนอะไร

00:11:5200:11:55 อย่างเงี้ยเออมันมันก็จะเข้ามาอะไรอย่าง

00:11:5500:11:56 เงี้ยจริงๆอ่ะเราสื่อสารแบบนั้น

00:11:5600:11:58 >> แต่ว่าถ้าอธิบายมันก็จะลึกใช่มั้

00:11:5800:11:59 >> มันจะลึกมันจะลึกใช่

00:11:5900:12:02 >> โอเคค่ะก็ไม่เป็นไรแต่ว่าถ้าอยากรู้เพิ่ม

00:12:0200:12:03 นี่ก็คือติดตามช่องคุณหมอได้

00:12:0300:12:06 >> ได้ค่ะขอบคุณค่ะ

00:12:0600:12:09 >> ทีนี้อย่างที่เราคุยกันว่านิสัยเนี่ยกับ

00:12:0900:12:11 พลังงาน่ะจริงๆก็คือเป็นสิ่งเดียวกันเลย

00:12:1100:12:16 อ่าแล้วนิสัยอะไรที่ส่งเสริมพลังงานบวก

00:12:1600:12:18 และนิสัยอะไรที่ส่งเสริมพลังงานลบในตัว

00:12:1800:12:19 เราอ่ะค่ะ

00:12:1900:12:23 >> อืโอเคถ้าแบบเนี้ยพี่ขอพูดในมุมมองของ

00:12:2300:12:24 ฮอร์โมน

00:12:2400:12:27 >> หรือว่าในมุมมองของร่างกายเพราะฉะนั้น

00:12:2700:12:29 เนี่ยถ้าเกิดว่าเป็นนิสัยลบเราก็จะมองว่า

00:12:2900:12:32 อ๋ออะไรนะที่ทำให้เกิดการหลังฮอร์โมนแห่ง

00:12:3200:12:35 ความเครียดหรือว่าฮอร์โมนคอร์ติซอลอย่าง

00:12:3500:12:37 เช่นการที่เรารู้สึกไม่ดีกับตัวเองอะไร

00:12:3700:12:39 อย่างเงี้ยค่ะหรือว่าการเปรียบเทียบตัว

00:12:3900:12:41 เองการอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ทำให้เรารู้

00:12:4100:12:45 สึกเครียดทำให้เกิดฮอร์โมนคอร์ติซอลเมื่อ

00:12:4500:12:47 ซ้ำๆอ่ะสิ่งนั้นก็จะทำให้เราเลือก

00:12:4700:12:49 พฤติกรรมความเครียดแล้วก็เป็นคนที่นิสัย

00:12:4900:12:51 ในเชิงลบอ่ะค่ะแต่มีอันนึงที่พี่รู้สึก

00:12:5100:12:55 ว่าสำคัญมากๆเนที่อยากจะบอกก็คือว่าไม่

00:12:5500:12:59 อยากให้ตีความว่าอันเนี้ยมันเป็นนิสัย

00:12:5900:13:03 เชิงบวกหรือว่านิสัยเชิงลบขนาดนั้นพี่

00:13:0300:13:06 อยากให้มองว่าทุกอารมณ์ที่เกิดขึ้นน่ะ

00:13:0600:13:10 >> เป็นเรื่องปกติเป็นเรื่องธรรมดาสิ่งที่

00:13:1000:13:13 พี่เจอก็คือว่าหลายๆคนน่ะค่ะพยายามผลัก

00:13:1300:13:16 ใส่เอ้ยเดี๋ยวแบบหมอฟ้าบอกว่าอันนี้มัน

00:13:1600:13:18 เป็นนิสัยเชิงลบนะมันเป็นนิสัยที่ทำให้

00:13:1800:13:21 เราแบบอยู่ในอารมณ์ไม่ดีอ่ะแล้วฉันอยากจะ

00:13:2100:13:24 เอาสิ่งนี้ออกไปอ่ะค่ะมันทำให้เราแบบกลาย

00:13:2400:13:26 เป็นคนที่แบบว่าปฏิเสธตัวเองด้วยเพราะ

00:13:2600:13:29 จริงๆแล้วเนี่ยทั้งบวกและลบมันก็คือความ

00:13:2900:13:31 เป็นมนุษย์อ่ะเออให้แบบค่อยๆกลับมายอมรับ

00:13:3100:13:33 ตรงเนี้ยถึงจะทำให้เราเป็นคนที่แบบพลัง

00:13:3300:13:35 งานดีจริงๆอะไรเงี้ย

00:13:3500:13:38 >> แพนด้าเคยเห็นสเกลนึงค่ะที่เป็น scale of

00:13:3800:13:42 emotion ก็คือเป็นที่เขาไล่ระดับอารมณ์

00:13:4200:13:44 >> อ่าอันนี้อยากให้หมอฟ้าช่วยอธิบายเพิ่ม

00:13:4400:13:45 เติมหน่อยค่ะ

00:13:4500:13:47 >> อ๋อโอเคค่ะอันนั้นน่ะเขาเรียกว่าเป็น

00:13:4700:13:50 emotional guidance scale คือเขาเอา

00:13:5000:13:52 อารมณ์ของมนุษย์นี่แหละค่ะมาตีว่า

00:13:5300:13:56 อันเนี้ยฉันอยู่ในอารมณ์ระดับไหนนะถ้า

00:13:5600:13:58 เกิดว่าโกรธหรือว่าเกลียดฉันอยู่ใน 50

00:13:5800:14:01 ถ้าฉันมีความอยากฉันอยู่ใน 100 เพื่อให้

00:14:0100:14:05 ดูว่าเราอยู่ในเลเวลไหนซึ่งอันเนี้ยค่ะ

00:14:0500:14:07 มันเป็นมันเป็นดาบสังคมเหมือนกันหมายความ

00:14:0800:14:11 ว่าหลายครั้งอ่ะเราจะไปอยู่ในสเกลสูงก็

00:14:1100:14:14 คือความสุขหรือว่าสิ่งที่ทำให้เราแบบดึง

00:14:1400:14:17 ดูดสิ่งดีๆมีความสุขอะไรเงี้ยจนเราลืม

00:14:1700:14:20 ปฏิเสธไม่เอาด้านล่างอ่ะเออไม่เอาอารมณ์

00:14:2000:14:24 ทางด้านลบซึ่งการตีสเกลนี้อ่ะค่ะ

00:14:2400:14:26 >> ไม่ได้หมายความว่าถ้าฉันรู้สึกโกรธแล้ว

00:14:2700:14:30 มันจะเป็นแบบ 100 เลยนะสเกลนั้นคือเหมือน

00:14:3000:14:32 ขั้นบันไดที่เรายืนอยู่

00:14:3200:14:32 >> ค่ะ

00:14:3200:14:37 >> เออถ้าเคยแบบนึกถึงชื่อเพื่อนคนนึงแล้ว

00:14:3700:14:40 แบบคนนี้เท่ากับเป็นคนแบบไหนม

00:14:4000:14:40 >> อ

00:14:4000:14:45 >> คนเนี้ยเป็นคนขี้โมโหคนเนี้ยเป็นคนขี้

00:14:4500:14:46 หงุดหงิด

00:14:4600:14:50 คนนี้เป็นคนอารมณ์ดีนะเออไอ้คำว่าเป็นคน

00:14:5000:14:54 น่ะค่ะการเป็นน่ะคือสิ่งที่เขารู้สึกซ้ำๆ

00:14:5400:14:56 และทำบ่อยๆ

00:14:5600:14:56 >> อื

00:14:5600:14:59 >> คนภายนอกก็เลยเห็นเขาเป็นแบบนั้น

00:14:5900:15:01 >> เช่นคนนี้แบบโอเจอทุกครั้งแบบนางวีนแตก

00:15:0100:15:05 ทุกครั้งแสดงว่าไม่ว่าอะไรมากระทบคนนี้ก็

00:15:0500:15:09 หวีนหรือคนเนี้ยเป็นคนใจเย็นเออแสดงว่า

00:15:0900:15:11 ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นนางก็ใจเย็นมันคือ

00:15:1100:15:14 สิ่งที่เขาตอบสนองกับโลกซ้ำๆอ

00:15:1400:15:18 >> อืนั่นน่ะคือการเป็นก็คือนิสัยอ่ะทุกคนจะ

00:15:1800:15:21 ค่อยๆเห็นแบบโมเมนตัมว่าเออจริงๆแล้วอ่ะ

00:15:2100:15:23 ค่ะไอ้พวกแบบพลังงานที่เขาบอกมันคือ

00:15:2300:15:26 อารมณ์พออารมณ์มันเกิดขึ้นซ้ำๆเขาทำซ้ำๆ

00:15:2600:15:28 มันเลยกลายเป็นนิสัย

00:15:2800:15:30 >> เออคือขั้นบันไดที่เขาอยู่อ่ะว่าคนนี้ขี้

00:15:3000:15:34 โกรธคนนี้ขี้แบบอิจฉาคนนี้ขี้อันนั้นคือ

00:15:3400:15:36 สิ่งที่เราทำซ้ำๆเพราะฉะนั้น Emotional

00:15:3600:15:38 Guidance scale ไม่ใช่แค่อารมณ์ใน 1

00:15:3800:15:41 ฉากแต่อารมณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆจนเขาเสพติด

00:15:4100:15:44 อารมณ์นั้นและเป็นคนแบบนั้นเขาก็จะปล่อย

00:15:4400:15:46 ขึ้นพลังงานแบบนั้นออกมาอย่างเท่านั้น

00:15:4600:15:47 เอง่ะ

00:15:4700:15:49 >> เข้าใจมากขึ้นแล้วแปลว่าจริงๆแล้วเนี่ย

00:15:4900:15:51 ไอชาร์จที่เราขึ้นให้ดูตอนเค่ะจริงๆแล้ว

00:15:5100:15:54 ถ้าเราดูเป็นปกติอย่างที่หมอฟ้าบอกคือ

00:15:5400:15:58 จริงๆเราทุกคนน่ะมีแทบทุกสเกลแหละอ่าเป็น

00:15:5800:16:01 เรื่องปกติเลยแต่ว่าสเกลอ่าชั้นไหนที่เรา

00:16:0100:16:04 แบบมีอยู่บ่อยๆอันนั้นน่ะมันคือการเป็น

00:16:0400:16:05 ของเราละอ

00:16:0500:16:06 >> ใช่ฉันไปยืนอยู่ตรงนั้นแหละ

00:16:0600:16:08 >> อ่าแล้วก็ทำให้คนอื่นจดจำเราแบบนี้

00:16:0800:16:09 >> ใช่

00:16:0900:16:11 >> ข่าวดีก็คือว่าถ้าเราอยู่ในชั้นที่ไม่

00:16:1100:16:13 ค่อยจะชอบไม่ค่อยโอเค

00:16:1300:16:14 >> ก็เปลี่ยนได้

00:16:1400:16:15 >> ได้

00:16:1500:16:15 >> อ่ะ

00:16:1500:16:18 >> ได้อันนี้ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่เออจริง

00:16:1800:16:20 ๆแล้วอ่ะเราสามารถเปลี่ยนตัวเราเองได้

00:16:2000:16:23 เปลี่ยนนิสัยพอเปลี่ยนนิสัยจะเปลี่ยนโชค

00:16:2300:16:24 ชะตาชีวิต

00:16:2400:16:24 >> ออ

00:16:2400:16:26 >> เออเปลี่ยน Destiny เลย

00:16:2600:16:30 >> ค่ะอุ๊ยแต่ว่าถ้าอย่างเราอาจจะไม่รู้หรอ

00:16:3000:16:33 คะว่าตอนนี้เราอยู่ในชั้นไหนมีวิธีในการ

00:16:3300:16:34 สังเกตเรามั้คะ

00:16:3400:16:35 >> รู้ตัว

00:16:3500:16:35 >> อื

00:16:3500:16:39 >> มันเลยเป็นจุดเริ่มต้นของสติว่าทำไมสติ

00:16:3900:16:43 ถึงเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างนิสัยหรือ

00:16:4300:16:45 ว่าจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงชีวิตเลย

00:16:4500:16:49 >> เพราะถ้าเราไม่รู้ตัวเราจะไหลไปกับสิ่ง

00:16:4900:16:52 ที่เราเคยชินต้องบอกก่อนว่าตัวเราอ่ะมัน

00:16:5200:16:56 คือระบบอัตโนมัติคำว่าระบบอัตโนมัติคือ

00:16:5600:16:59 เราเคยทำแบบไหนเคยเลือกแบบไหนเราจะเลือก

00:16:5900:17:02 แบบนั้นเพราะว่าสมองเราอ่ะค่ะต้องเซต

00:17:0200:17:05 อัตโนมัตินางเป็นอวัยวะที่ใช้พลังงานเยอะ

00:17:0500:17:07 เพราะฉะนั้นเนี่ยเขาจะต้องทำยังไงก็ได้

00:17:0700:17:10 ให้เขาใช้พลังงานน้อยคือเซตออโตมติเคยไหม

00:17:1000:17:13 ที่แบบเวลาเราขับรถเคยไปทำงานทางขวาเงี้ย

00:17:1300:17:15 แต่วันนี้ฉันไม่ต้องทำงานแล้วนะแต่ฉันก็

00:17:1500:17:18 ยังจิตจดจำอยู่อะไรเงี้ยจำว่าเราต้องไป

00:17:1800:17:21 ทางนั้นเราเคยแบบว่าโมโหทุกครั้งที่มี

00:17:2100:17:23 อะไรมากระทบอ่ะเราจะทำสิ่งนั้นโดย

00:17:2300:17:24 อัตโนมัติ

00:17:2400:17:25 >> อื

00:17:2500:17:27 >> เออเพราะว่าเราชินไงค่ะเพราะฉะนั้นเนี่ย

00:17:2700:17:30 ถ้าเกิดว่าวันเนี้ยเรารู้ตัวว่าเราเป็นคน

00:17:3000:17:32 ขี้หงุดหงิดอ่ะจุดเปลี่ยนว่าเราจะเปลี่ยน

00:17:3200:17:36 อะไรได้เราต้องกลับมารู้ตัวเยอะๆเอ้ยตอน

00:17:3600:17:39 เนี้ยฉันกำลังหงุดหงิดแล้วนะเพื่อให้เรา

00:17:3900:17:43 เลือกทางใหม่อ่ะจากปกติแบบรถตัดหน้าฉัน

00:17:4300:17:46 ฉันจะด่าละเราเคยตอบสนองแบบนี้จนเป็น

00:17:4600:17:50 ออโตแมติใช่มั้คะแต่ในวันที่เราอ่ะจะตัด

00:17:5000:17:52 สินใจว่าเราจะเป็นคนใจเย็นคือเราจะไม่ตอบ

00:17:5200:17:55 สนองแล้วอ่ะมันต้องมีสติรู้อ่ะไอ้จุดตรง

00:17:5500:17:58 กลางเพื่อให้เราเลือกใหม่ว่าฉันจะไม่ด่า

00:17:5800:17:58 >> อ

00:17:5800:18:01 >> เออซึ่งถ้าไม่มีจุดของการรู้ตัวหรือว่า

00:18:0100:18:03 สติตรงเนี้ยมันเปลี่ยนไม่ได้

00:18:0300:18:03 >> อื

00:18:0300:18:07 >> มันจะไหลเราจะชินเราจะทำแบบที่เราเคยทำ

00:18:0700:18:08 เพราะว่ามันใช้พลังงานน้อย

00:18:0800:18:10 >> เออมันไม่ต้องใช้พลังงานเยอะมันไม่

00:18:1000:18:11 เหนื่อย

00:18:1100:18:11 >> อื

00:18:1100:18:13 >> เออเออสมองจะเซตแบบนี้

00:18:1400:18:17 >> อือจริงๆแล้วการเปลี่ยนนิสัยเนี่ยคือบาง

00:18:1700:18:18 ท่านอาจจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องใหญ่

00:18:1800:18:20 เหมือนกันเนาะเพราะว่านิสัยเป็นสิ่งที่

00:18:2000:18:21 เราสะสมมานานอ

00:18:2100:18:23 >> แต่ว่าอย่างที่คุณหมอยกตัวอย่างเนี่ยชัด

00:18:2300:18:26 เจนมากว่าเริ่มให้ได้ก่อน

00:18:2600:18:26 >> ใช่

00:18:2600:18:28 >> เออเพราะว่าเมื่อเริ่มแล้วรู้ตัวทุกครั้ง

00:18:2800:18:29 เนี่ย

00:18:2900:18:30 >> มันจะค่อยๆเปลี่ยนไปเอง

00:18:3000:18:33 >> ใช่ใช่อย่างน้อยที่สุดอ่ะค่ะให้กลับมารู้

00:18:3300:18:36 ตัวรู้ตัวในที่เนี้ยไม่จำเป็นที่จะต้อง

00:18:3600:18:38 นั่งทำสมาธิอย่างเช่นพี่คุยกับแพนด้าก็

00:18:3800:18:42 คือรู้ตัวขับรถให้รู้ตัวเพื่อให้กลับมา

00:18:4200:18:42 อยู่ตรงเนี้ย

00:18:4200:18:43 >> อ

00:18:4300:18:45 >> เหมือนเป็นการฝึกกำลังจิตให้มันแข็งแรง

00:18:4500:18:48 อ่ะค่ะเหมือนเรายกเวทอ่ะเออให้ตรงเแข็ง

00:18:4800:18:51 แรงเพราะว่าเราก็ต้องยอมรับอ่ะว่าเวลาเรา

00:18:5100:18:54 จะสร้างนิสัยหรือทำอะไรมันใช้เวลามันใช้

00:18:5400:18:57 กำลังมันเหมือนเราจะต้องค่อยๆไปทีละนิด

00:18:5700:18:57 อ่ะค่ะ

00:18:5700:19:00 >> โหแล้วถ้าสมมุติบางคนที่กำลังอยู่ในขั้น

00:19:0000:19:03 ตอนในการเปลี่ยนนิสัยเอ่อเริ่มรู้ตัวมาก

00:19:0300:19:05 ขึ้นละแต่ว่าอ

00:19:0500:19:08 >> สมมุตินะคะว่าเาทำมาได้สักอาทิตย์นึงละโอ

00:19:0800:19:10 เริ่มเริเริ่มเริ่มไปอีกขั้วนึงดีขึ้นอ่า

00:19:1000:19:14 ๆวันที่ 8 กลับไปเป็นคนที่หงุดหงิดเหมือน

00:19:1400:19:17 เดิมแบบแล้วเรู้สึกว่าแบบฉันคงเปลี่ยนไม่

00:19:1700:19:20 สำเร็จหรอกอคุณหมอมีคำแนะนำยังไง

00:19:2000:19:23 >> ถ้ามีวันใดที่เริ่มที่จะเปลี่ยนเรารู้สึก

00:19:2300:19:28 ว่ายังทำไม่ได้อ่ะค่ะให้กลับมาให้อภัยตัว

00:19:2800:19:30 เองการให้อภัยตัวเองหรือว่าการยอมรับอ่ะ

00:19:3000:19:33 มันทำให้เราไปต่อได้คือไอ้สเต็ปที่แบบเออ

00:19:3300:19:36 ไม่ได้อ่ะแล้วแบบเออไม่เป็นไรเอาใหม่อ่ะ

00:19:3600:19:38 อันนั้นสำคัญมากกว่าอีกเพราะว่ามันทำให้

00:19:3800:19:42 เราแบบไปต่อได้พี่มีแบบหลายเคสมากค่ะที่

00:19:4200:19:45 เขาต้องการที่จะเปลี่ยนจุดสำคัญเวลาแบบ

00:19:4500:19:46 หลายครั้งที่เราโคachชิ่งหรือว่าเราคุย

00:19:4600:19:49 กับคนน่ะค่ะไม่ใช่แค่แบบวันที่ปรบมือให้

00:19:4900:19:51 เขาในวันที่เขาทำสำเร็จนะแต่คือการปรบมือ

00:19:5200:19:54 ให้เขาในวันที่เขาทำไม่ได้ด้วยเพื่อให้

00:19:5400:19:56 เขา้าอ่ะรู้สึกว่าการที่มันล้มเหลวบ้าง

00:19:5600:19:58 อะไรอย่างเงี้ยคือเรื่องธรรมดาแล้วเดี๋ยว

00:19:5900:20:00 เขาจะไปได้เอง

00:20:0000:20:01 >> มันก็คือขั้นตอนนึง

00:20:0100:20:05 >> ใช่มันคือกลับมายอมรับอ่ะให้อภัยยอมรับ

00:20:0500:20:05 >> อื

00:20:0500:20:08 >> อืแต่ว่าจริงๆเนาะพอถ้าเราพูดถึง scale

00:20:0800:20:10 of emotion อย่างกรณีเมื่อกี้เช่นทำมา

00:20:1000:20:13 ได้ 7 วันความถี่ก็คือ 7 วันละแต่อาจจะ

00:20:1300:20:16 วันที่ 8 อาจจะมีครั้งนึงที่แบบกลับไปรู้

00:20:1600:20:19 สึกไม่ดีรู้สึกโมโหอีกแต่ว่าความถี่มัน

00:20:1900:20:21 ต่างกันแล้วไงไอ้สิ่งที่พลังงานที่เรา

00:20:2100:20:24 อยู่สูงๆมันมากกว่าแล้วใช่มั้คะเมื่อกี้

00:20:2400:20:27 ใช่มยในวันที่เราแบบไม่ได้อ่ะแต่ในวันที่

00:20:2700:20:31 เรายอมรับอ่ะค่ะสเกลมันขึ้นไป 300-350

00:20:3100:20:34 แล้วอ่ะเพราะฉะนั้นน่ะแค่กลับมายอมรับว่า

00:20:3400:20:36 ไม่ได้เออไม่ได้ก็คือไม่ได้อ่ะมันคือ

00:20:3600:20:38 คลื่นสูงแล้วนะคะเออเพราะต้องยอมรับก่อน

00:20:3800:20:40 มันถึงไปต่อได้

00:20:4000:20:42 >> อืจริงๆยอมรับก็

00:20:4200:20:43 >> ใช่คลื่นสูงแล้ว

00:20:4300:20:45 >> ยอมรับว่าเออมันก็ไม่ได้อ่ะมันก็มีวันที่

00:20:4500:20:47 ไม่ได้มันทำให้เราไปต่อได้ที่คนไปต่อไม่

00:20:4700:20:51 ได้เพราะว่าทำไมฉันถึงทำไม่ได้นะเออทำไม

00:20:5100:20:54 ฉันเป็นคนแบบนี้อ่ะมันก็เลยถูกติดอยู่ใน

00:20:5400:20:57 แบบระดับล่างอ่ะค่ะแต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่ได้

00:20:5700:21:00 เราขึ้น 350 แล้วนะมันก็จะไปต่อได้เอง

00:21:0000:21:02 >> มันคือการที่แบบอยู่กับปัจจุบันเรื่อยๆ

00:21:0200:21:04 โอเคอันนี้ไม่ได้ไม่เป็นไรจบไปแล้วเอาอัน

00:21:0400:21:07 ใหม่ทำอยู่กับอันปัจจุบันใหม่ใช่

00:21:0700:21:09 >> อโอเคค่ะใช่ค่ะ

00:21:0900:21:11 >> แพนด้าเคยได้ยินเอ่อการใช้ชีวิตแบบนึงมา

00:21:1100:21:14 ค่ะคือการใช้ชีวิตแบบ Survival Mode ก็

00:21:1400:21:16 รู้มาบ้างว่าจริงๆโหมดนี้เป็นโหมดของการ

00:21:1600:21:18 เอาตัวรอดเนาะแต่ว่าอยาก

00:21:1800:21:21 >> ให้พี่หมอฟ้าเนี่ยช่วยแนะนำหน่อยว่าเอ้ย

00:21:2100:21:23 จริงๆ Survival Mode เนี่ยมันคืออะไร

00:21:2300:21:25 แล้วเราอย่างตัวแพนด้าเองเนี่ยมีโอกาส

00:21:2500:21:27 อยู่ใน Survival Mode มั้ย

00:21:2700:21:30 >> อ่าโอเคค่ะคือร่างกายมนุษย์อ่ะอันนี้จะ

00:21:3000:21:33 อธิบายในเชิงของระบบประสาทอัตโนมัติ

00:21:3300:21:36 >> อัตโนมัติหมายความว่าทำเองเราไม่สามารถ

00:21:3600:21:37 บังคับเ

00:21:3700:21:40 เช่นอะไเช่นแบบหายใจอย่าเงี้ยเออเราไม่

00:21:4000:21:43 สามารถบังคับเพมีจังหวะของเขาใช่คะการ

00:21:4300:21:46 เต้นของหัวใจการไหลของเลือดการบีบตัวของ

00:21:4600:21:49 ลำไส้พวกนี้เขาเรียกว่าอัตโนมัติค่ะเรา

00:21:4900:21:51 ไม่สามารถควบคุมได้อย่างเช่นเขาบอกว่าเออ

00:21:5100:21:54 น้องแพนด้าแบบกำมืออันนี้คือได้แต่เราแบบ

00:21:5400:21:57 หัวใจหยุดเต้นสินางก็จะแบบไม่ได้อ่าอัน

00:21:5700:21:59 นี้คือระบบอสอัตโนมัติทีเนี้ยร่างกาย

00:21:5900:22:02 มนุษย์อ่ะค่ะเขาจะมี 2 เส้น 2 สายในการ

00:22:0200:22:05 ที่จะรักษาร่างกายของเราอันแรกอ่ะก็คือ

00:22:0500:22:07 โหมดสู้หรือหนี

00:22:0700:22:09 หรือว่า Survival mode อันเนี้ยจะถูกควบ

00:22:0900:22:12 คุมโดยระบบประสาทอัตโนมัติซิมพาทติคือซิม

00:22:1200:22:15 ก็คือฉันสู้หรือหนีอีกอันนึงอันที่ 2 ก็

00:22:1500:22:18 คือพาราซิมพาราซิมคือผ่อนคลาย

00:22:1800:22:18 >> อื

00:22:1800:22:20 >> เพราะฉะนั้นพี่ไม่ได้อยากบอกว่าเฮ้ยวัน

00:22:2100:22:22 นี้เราไม่ดีเพราะเราอยู่ในโหมดไล่ล่าไม่

00:22:2200:22:26 ใช่ค่ะชีวิตที่สมดุลน่ะคือมีทั้งโหมดไล่

00:22:2600:22:30 ล่าและโหมดพักผ่อนให้นึกถึงเคยเห็นคนที่

00:22:3000:22:31 เขา้าแบบแบกโอ่งมั้ย

00:22:3100:22:33 >> แบกโอ่งเวลาไฟไหม้อ่ะ

00:22:3300:22:35 >> อันนั้นเขาต้องใช้สู้หรือหนี

00:22:3500:22:38 >> อ่ามันจะจะต้องเกิดการสู้ก่อนหรือพูดง่าย

00:22:3800:22:42 ๆเคยเห็นแบบกวางที่โดนเสือไล่ล่าอ่าตอน

00:22:4200:22:45 ที่คือถ้านางไม่โหมดสู้อ่ะนางก็ตายเขา

00:22:4500:22:48 จำเป็นที่จะต้องมีโหมดสู้หรือหนีคือเขาจะ

00:22:4800:22:50 มีการทำงานของร่างกายเพื่อให้พ้นตรงนั้น

00:22:5000:22:53 ไปซึ่งสู้หรือหนีเนี่ยมันหลั่งคอร์ติซอล

00:22:5300:22:54 มันหลั่งฮอร์โมนแห่งความเครียดเราจะต้อง

00:22:5500:22:57 เค้นพละกำลังทั้งหมดให้ผ่านตรงนั้นไปถูก

00:22:5700:22:58 มั้คะ

00:22:5800:23:01 >> พอพอกวางตัวนั้นมันรอดจากเสือปุ๊บอ่ะมัน

00:23:0100:23:02 จะเป็นหมวดพัก

00:23:0200:23:02 >> อ

00:23:0200:23:06 >> ชั้นรอดและชั้นพักอันเนี้ยพาราซิมจะกลับ

00:23:0600:23:09 ขึ้นมาทำงานก็คือพอตอนแรกเราหลั่งฮอร์โมน

00:23:0900:23:12 แห่งความเครียดพอเราพักปุ๊บอ่ะฮอร์โมน

00:23:1200:23:14 ความเครียดจะต่ำลงฮอร์โมนอีกชุดนึงจะขึ้น

00:23:1400:23:18 มาเพื่อให้เราซ่อมสร้างสิ่งที่ถูกทำลายไป

00:23:1800:23:18 อื

00:23:1800:23:21 >> เออเพราะฉะนั้นเนี่ยร่างกายคือเกิดการ

00:23:2100:23:25 สมดุลคือสู้ด้วยพักด้วยสู้ด้วยแล้วก็พัก

00:23:2500:23:27 ด้วยแต่สิ่งที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ก็คือว่า

00:23:2800:23:31 เราสู้ไม่พักลองจินตนาการว่ากวางตัวเนี้ย

00:23:3100:23:34 มันวิ่งตลอดเวลาสุดท้ายกวางจะไม่ได้ตาย

00:23:3400:23:37 จากเสือกวางจะตายไปด้วยตัวของเขาเองเพราะ

00:23:3700:23:39 ว่าธรรมชาติมนุษย์อ่ะมันไม่ได้ถูกสร้างมา

00:23:3900:23:43 ให้วิ่งตลอดเวลาค่ะแต่ว่าทุกวันเนี้ยเรา

00:23:4300:23:45 วิ่งตลอดเวลาแล้วสิ่งกระตุ้นเราอ่ะมัน

00:23:4600:23:49 เล็กน้อยไปเรื่อยๆเช่นเมื่อก่อนอย่าง

00:23:4900:23:52 เงี้ยกวางจะต้องเห็นเสือตัวใหญ่ๆนางถึงจะ

00:23:5300:23:56 วิ่งแต่เดี๋ยวเนี้ยค่ะตัวเราอ่ะใบไม้ไหว

00:23:5600:23:58 อ่ะเราก็เครียดและสมมุติว่าเราเล่น

00:23:5800:24:01 โซเชียลมีเดียเราเดินออกไปความวุ่นวายของ

00:24:0100:24:04 สังคมที่เราอยู่อ่ะมันทำให้เราอ่ะร่างกาย

00:24:0400:24:08 ของแล้วรับรู้ได้ว่าฉันวิ่งตลอดเวลาแล้ว

00:24:0800:24:10 เหมือนรถที่มันไม่ได้มีแบบพักเติมน้ำมันอ

00:24:1000:24:11 >> ค่ะ

00:24:1100:24:15 >> มันมีแบบใช้ตลอดเวลาแต่ไม่ได้พักเพื่อ

00:24:1500:24:18 ซ่อมสร้างร่างกายเราก็เลยแบบพังไปเรื่อยๆ

00:24:1800:24:20 อ่ะค่ะเกิดจากการที่เราขาดสมดุลเพราะ

00:24:2000:24:23 ฉะนั้นการที่อยู่ใน Survival mode อ่ะ

00:24:2300:24:25 ไม่ได้หมายความว่าฉันจะเอาโหมดพักอย่าง

00:24:2500:24:27 เดียวถ้าพักอย่างเดียวจะไม่เกิดการก้าว

00:24:2700:24:31 หน้าเออเราจะเป็นคนแบบหนืดๆฉันอยากนอน

00:24:3100:24:33 ตลอดเวลาอะไรอย่างเงี้ยแต่ถ้าเราสู้อย่าง

00:24:3300:24:36 เดียวแล้วเราไม่พักอ่ะร่างกายจะพังเพราะ

00:24:3600:24:39 มันผิดธรรมชาติเขาไม่ได้ถูกสร้างมาแบบ

00:24:3900:24:41 นั้นเราไม่ใช่แบบหุ่นยนต์่ะพอเราอยู่โหมด

00:24:4100:24:44 นี้ตลอดเราก็เลยทำให้เราอ่ะเป็นโรคเครียด

00:24:4400:24:47 หรือว่าเรารู้สึกว่านอนไม่หลับซึ่งลองคิด

00:24:4700:24:50 ดูนะแบบเรื่องนอนน่ะเป็นเรื่องธรรมชาติ

00:24:5000:24:53 ของความเป็นมนุษย์อ่ะมนุษย์ไม่ควรจะกินยา

00:24:5300:24:54 นอนหลับเอออันนี้เดี๋ยวมันจะเกิดข้อ

00:24:5500:24:57 คอนฟิกหมายความว่าถ้าใครกินก็คือกินน่ะ

00:24:5700:24:59 ค่ะแต่ลองค่อยๆถอยออกมาแล้วเห็นความ

00:25:0000:25:03 ธรรมชาติอ่ะการนอนควรจะเป็นเรื่องธรรมดา

00:25:0300:25:06 ที่เราไม่ควรจะมีอะไรไปเสริมเพื่อให้เรา

00:25:0600:25:08 นอนหลับเพราะมันเป็นเรื่องของชีวิตอ่ะแต่

00:25:0800:25:10 ที่เราต้องใช้อะไรไปเสริมอ่ะเพราะว่าเรา

00:25:1000:25:14 ผิดธรรมชาติหมายความว่าเราใช้ชีวิตอยู่ใน

00:25:1400:25:17 โหมด Survival แล้วทำให้เราอ่ะพักไม่เป็น

00:25:1700:25:20 ถึงคราวที่จะพักอ่ะมันเลยไม่สามารถพักได้

00:25:2000:25:22 แบบธรรมชาติคือหัวถึงหมอแล้วหลับเพราะ

00:25:2200:25:24 ฉะนั้นน่ะบางทีเรานึกถึงแบบโอ๊ยพลังงานดี

00:25:2400:25:27 บางทีแค่อาจจะเป็นการแบบกินดีหัวถึงหมอน

00:25:2700:25:29 แล้วเราหลับถึงเวลาตื่นแล้วเราตื่นได้เอง

00:25:2900:25:31 แล้วเราสดชื่นมันคือการกลับสู่แบบ

00:25:3100:25:34 ธรรมชาติอ่ะเท่านั้นเอง Survival Mode

00:25:3400:25:37 ก็คือว่าคนที่ไม่ได้พักเลยมีความเครียด

00:25:3700:25:38 อยู่ตลอดเวลาอ

00:25:3800:25:41 >> จนเอฟเฟคกระทบต่อร่างกายเรา

00:25:4100:25:45 >> อ่าพลังงานกิจวัตรหลายๆอย่างเนาะเพราะว่า

00:25:4500:25:47 อย่างที่เราจะเห็นได้ชัดมากอย่าง Survival

00:25:4700:25:50 Mode อาจจะเกิดขึ้นในกลุ่มวัยทำงาน

00:25:5000:25:53 >> ที่ต้องทำงานตลอดงานเยอะหรือว่าสมมุติจบ

00:25:5300:25:55 งานแล้วก็ต้องมีเข้าสังคมหรืออะไรก็ตามทำ

00:25:5600:25:56 ให้

00:25:5600:25:59 >> ไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตตามรูทีนที่ควรจะเป็น

00:25:5900:26:02 ตามธรรมชาติหรือไม่ได้ใช้ชีวิตตามพระ

00:26:0200:26:03 อาทิตย์ด้วยซ้ำ

00:26:0300:26:07 >> ใช่ถึงเวลานอนแล้วก็อาจจะแบบไม่ได้นอน

00:26:0700:26:09 อะไรอย่างเงี้ยค่ะแล้วก็ถึงเวลาพักเราก็

00:26:0900:26:12 ไม่ได้พักหรือเคยมั้ยเราอาจจะพักไปเที่ยว

00:26:1200:26:16 ทะเลแต่หัวเราอ่ะคิดตลอดเพราะว่าเราชิน

00:26:1600:26:19 กับความไม่ได้พักอ่ะความที่เราไล่ล่าหรือ

00:26:1900:26:21 ว่าความที่เราแบบต้องทำงานนะฉันต้องทำมาก

00:26:2200:26:24 กว่านี้เราชินกับสภาวะนั้นน่ะจนมันปิด

00:26:2400:26:26 โหมดไม่ได้อ่ะค่ะ

00:26:2600:26:29 >> จริงๆฟังดูเหมือนไม่มีอะไรแต่ว่ามี

00:26:2900:26:33 >> สำคัญมากเลยเออสำคัญต่อสุขภาพกายแล้วก็

00:26:3300:26:36 สัมพันธ์ต่อสุขภาพจิตด้วยพี่ว่านะถึงแม้

00:26:3600:26:39 ว่าเราอาจจะเป็นคนนึงที่อยู่ใน Survival

00:26:3900:26:41 mode ค่ะแล้วก็สมมุติฟังคลิปนี้แล้วก็

00:26:4100:26:43 รู้สึกว่าโอเคเราจะเริ่มหาเวลาพักให้กับ

00:26:4300:26:45 ตัวเองมากขึ้นแต่อย่างที่บอกเนาะว่าพอ

00:26:4500:26:48 ร่างกายมันชินกับการอยู่ในโหมดไล่ล่ามา

00:26:4800:26:50 โดยตลอดค่ะพอไปพักปึ๊บ

00:26:5000:26:51 >> มันก็ยัง

00:26:5100:26:51 >> ไม่ได้ใช่มั้

00:26:5100:26:54 >> ไม่ได้อ่าเราทำยังไงดีที่จะค่อยๆปรับ

00:26:5400:26:57 สมดุลร่างกายเราให้มาอยู่ในหมวดพักได้มาก

00:26:5700:26:57 ขึ้น

00:26:5700:27:01 >> อ๋อโอเคการหายใจเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุด

00:27:0100:27:04 เป็นของขวัญที่แบบว่ามีในมนุษย์ทุกคนน้อง

00:27:0400:27:07 แพนด้าลองจินตนาการเคยแบบวิ่งแข่งมั้ย

00:27:0700:27:07 >> ค่ะ

00:27:0700:27:10 >> เราที่เราวิ่งเสร็จอ่ะเราหายใจแบบไหนก็

00:27:1000:27:12 เฮือกใหญ่เลยนะ

00:27:1200:27:15 >> เออคือเราจะหายใจหอบใช่มั้ยคะเออแบบเราจะ

00:27:1500:27:16 หายใจแบบ

00:27:1600:27:19 >> หอบอ่ะเหนื่อยลองดูนะเวลาที่เราเหนื่อย

00:27:1900:27:22 เราจะหอบพอหอบเนี่ยเราจะหายใจแล้วก็อก

00:27:2200:27:23 กระเพื่อม

00:27:2300:27:23 >> อื

00:27:2300:27:26 >> ถูกป่ะอันนั้นน่ะคือหมดไล่ล่าแต่เวลาที่

00:27:2600:27:28 เราไปเดินชายทะเลมีความสุขอ่ะค่ะเราจะหาย

00:27:2800:27:31 ใจอีกแบบนึงเพราะฉะนั้นเนี่ยการที่เราอ่ะ

00:27:3100:27:34 จะพาร่างกายเข้าสู่โหมดพักผ่อนน่ะไม่

00:27:3400:27:36 จำเป็นที่จะต้องไปใช้ทะเลทุกวันแต่คือการ

00:27:3600:27:40 ที่เราต้องหายใจให้ถูกและหายใจให้เป็นคือ

00:27:4000:27:43 จริงๆแล้วธรรมชาติของมนุษย์เราเกิดมาและ

00:27:4300:27:46 หายใจลงไปที่ท้องน้องด้าลองดูก็ได้ค่ะ

00:27:4600:27:48 หรือว่าทุกคนลองดูก็ได้ว่าอาจจะเอาแบบมือ

00:27:4800:27:51 ขวาวางไว้ใช่มยแล้วก็มือซ้ายอันนี้อ่ะ

00:27:5100:27:54 แล้วลองหายใจเข้า

00:27:5400:27:56 หายใจออก

00:27:5600:27:58 อกหรือว่าท้องขยับ

00:27:5800:27:59 >> ไม่หน้าท้องนะ

00:27:5900:28:01 >> เออมีใครแบบว่าอยู่ที่อกมั้คะอันนี้ก็

00:28:0100:28:02 ค่อยๆเช็คได้นะ

00:28:0300:28:06 >> แหมทีมงานบอกท้องใหญ่

00:28:0600:28:09 >> จริงๆแล้วอ่ะธรรมชาติของมนุษย์อ่ะค่ะเรา

00:28:0900:28:11 หายใจไปที่ท้องเอ่อเขาเรียกว่าเป็น

00:28:1100:28:14 diammatic breathing คือหายใจแล้วท้อง

00:28:1400:28:17 ป่องแต่ทีเนี้ยเวลาที่เราแสดงว่านเเป็น

00:28:1700:28:19 ภาวะพักเด็กน้อยเนี่ยเขาจะหายใจไปที่ท้อง

00:28:1900:28:23 หลายครั้งมากตอนแรกที่พี่ทำเอ่อสอนเรื่อง

00:28:2300:28:26 การหายใจอ่ะคนหายใจที่อกเยอะมากค่ะเพราะ

00:28:2600:28:29 ว่าจริงๆแล้วการหายใจที่อกคือโหมดไล่ล่า

00:28:2900:28:32 แต่ท้องอ่ะคือการหายหายใจแบบผ่อนคลายหรือ

00:28:3200:28:35 ว่าเข้าสู่ภาวะพักแต่พอเราอยู่ในภาวะแบบ

00:28:3500:28:37 เครียดตลอดเวลาสิ่งแวดล้อมที่เป็นเครียด

00:28:3700:28:41 ตลอดเวลามนุษย์วิวัฒนาการเออคือมนุษย์จะ

00:28:4100:28:46 ปรับร่างกายให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมเหมือน

00:28:4600:28:47 อะไรนะยีราฟอ่ะ

00:28:4700:28:47 >> ค่ะ

00:28:4700:28:51 >> ที่คอต้องยาวมนุษย์เลยวิวัฒนาการมาหายใจ

00:28:5100:28:55 ที่อกตลอดเวลาตลอดจนกลายเป็นธรรมชาติใหม่

00:28:5500:28:58 ของเขาและนั่นทำให้ร่างกายเขารับรู้ได้

00:28:5800:29:00 ว่าต้องล่าตลอดเวลาด้วย

00:29:0000:29:02 >> อืเพราะฉะนั้นการฝึกให้ร่างกายแบบเข้าสู่

00:29:0300:29:06 โหมดผ่อนคลายคือการที่เราต้องฝึกหายใจไป

00:29:0600:29:09 ที่ท้องค่ะคือพอเราหายใจไปที่ท้องปุ๊บอ่ะ

00:29:0900:29:13 มันคือการส่งสัญญาณว่าพักว่าพักแล้วก็

00:29:1300:29:16 เหมือนค่อยๆเหมือนหยอดกระปุกสอนร่างกาย

00:29:1600:29:20 ใหม่ว่าจริงๆแล้วอ่ะเธอพักได้นะเธอหยุด

00:29:2000:29:23 ได้นะรู้ไหมว่าแค่เรื่องหายใจที่อกกับที่

00:29:2300:29:27 ท้องอ่ะคนติดเยอะมากคนบอกพี่ว่าแบบหมอฟ้า

00:29:2700:29:31 พี่ว่ามันไม่น่าจะใช่นะพี่ว่าคนน่ะต้อง

00:29:3100:29:33 หายใจที่อกเพราะว่าพี่หายใจที่ท้องแล้ว

00:29:3300:29:36 พี่เหนื่อยฟาก็เลยบอกว่าพี่อ่ะจะต้องแบบ

00:29:3600:29:39 ลองกลับไปดูเด็กน้อยเด็กน้อยจะหายใจไปที่

00:29:3900:29:41 ท้องแต่ที่เราหายใจที่ท้องไม่ได้เพราะว่า

00:29:4100:29:45 เราชินกับการหายใจไปที่อกเราชินกับการไล่

00:29:4500:29:48 ล่าค่ะร่างกายเลยเกิดการวิวัฒนาการเพราะ

00:29:4800:29:52 ฉะนั้นถ้าช่วงแรกในการที่เราจะปรับให้เรา

00:29:5200:29:55 แบบได้มีโหมดพักขึ้นฟ้ารู้สึกว่ากลับมา

00:29:5500:29:58 ที่ลมหายใจ 1 ให้กลับมารู้ลมหายใจ 2 หาย

00:29:5900:30:02 ใจไปที่ท้องถ้าช่วงแรกเหนื่อยให้ฝึกตอน

00:30:0200:30:04 นอนก่อนนอนแบบเหมือนตอนที่เรากำลังจะหลับ

00:30:0400:30:07 ตาแล้วเราก็เอามือวางไว้ที่ท้องเออแล้วก็

00:30:0700:30:11 ฝึกให้แบบหายใจท้องป่องเพื่อให้ส่งสัญญาณ

00:30:1100:30:16 ใหม่ให้ร่างกายอ่ะค่ะว่าแบบเอ้ยพักพักนะ

00:30:1600:30:19 >> อันนี้คือพักซึ่งนี้เรื่องใหญ่มากนะบางคน

00:30:1900:30:23 นอนเองไม่ได้กินยานอนหลับแบบเป็น 10 ปี

00:30:2300:30:27 แค่ฝึกหายใจแบบนี้นะคะแบบชีวิตประจำวัน

00:30:2700:30:30 หายใจอะไรก็หายใจไปใช่มั้ยแล้วตอนตอนก่อน

00:30:3000:30:33 นอนอ่ะแค่กลับมาที่ท้องอ่ะเขาค่อยๆลดยา

00:30:3300:30:35 นอนหลับนะเพราะว่ามันคือการที่บอกร่างกาย

00:30:3500:30:37 ว่าถึงเวลาพักแล้ว

00:30:3700:30:37 >> อ

00:30:3700:30:40 >> มันเป็นการคุยกับร่างกายผ่านลมหายใจอ่ะ

00:30:4000:30:43 ค่ะว่าถึงเวลาพักแล้วเข้าโหมดพาราซิมแล้ว

00:30:4300:30:45 แล้วสุดท้ายอ่ะเขาเลือกยานอนหลับแล้วฟ้า

00:30:4500:30:47 บอกว่าเรื่องนี้เรื่องใหญ่นะเพราะว่าการ

00:30:4700:30:50 ที่เรากินยานอนหลับมา 10 ปีอ่ะเราชินกับ

00:30:5000:30:53 สิ่งนี้แต่สมมุติก็ว่าเราค่อยๆลดเองอ่ะ

00:30:5300:30:56 ค่ะหมายถึงว่าค่อยๆลดไปทีละนิดจนวันที่

00:30:5600:30:58 เราไม่ต้องใช้เค้าแล้วอ่ะมันคือการที่เรา

00:30:5800:30:59 แบบเหมือนชนะอ่ะ

00:31:0000:31:02 >> เออชนะตัวเองอ่ะเออซึ่งเรื่องเนี้ยยิ่ง

00:31:0200:31:04 ใหญ่มากการหายใจเป็นเรื่อง

00:31:0400:31:08 >> พี่มองว่ามันแบบมองว่าเป็นเรื่องเล็กๆแต่

00:31:0800:31:11 คนไม่เห็นคุณค่าความสำคัญและเป็นสิ่งที่

00:31:1100:31:12 สำคัญมากๆ

00:31:1200:31:16 >> เพราะว่าจริงๆแล้วลมหายใจก็ทำให้สุขภาพดี

00:31:1600:31:17 ขึ้นหรือแย่ลงได้ด้วย

00:31:1800:31:21 >> ได้ถ้าสิ่งนี้สามารถวิวัฒนาการมนุษย์ได้

00:31:2100:31:25 อ่ะมันมันสำคัญในการที่เราจะเปลี่ยนได้

00:31:2500:31:25 เลย

00:31:2600:31:29 >> ถามเป็นเทคนิคนิดนึงค่ะว่าแล้วจะหายใจยัง

00:31:2900:31:33 ไงให้ถึงท้องคือคือเราบอกว่าออท้องขึ้น

00:31:3300:31:34 มั้อ่ะบางคนอ่ะก็รู้สึกว่าท้องขึ้นแล้ว

00:31:3400:31:37 แต่มันอาจจะยังไม่ถูกก็ได้

00:31:3700:31:40 >> อ๋อพี่รู้สึกว่าแบบอาจจะไม่ต้องมีมาตวัด

00:31:4000:31:41 ว่าถูกหรือผิดก็ได้

00:31:4100:31:41 >> อ่าค่ะ

00:31:4200:31:45 >> อ่ะให้ทำในขอบเขตที่เราทำได้เช่นถ้าใช้

00:31:4500:31:49 ชีวิตปกติทำไม่ได้เลยขอแค่ตอนเช้ากับตอน

00:31:4900:31:52 นอนได้มยในภาวะที่แบบเออเราก็ค่อยเหมือน

00:31:5200:31:55 มาจ่ายให้กับตัวเองอ่ะให้เริ่มจากทีละนิด

00:31:5500:31:58 ก่อนเพราะว่าพี่จะไม่ค่อยไม่ใส่แบบทุก

00:31:5800:32:00 อย่างไปในทีเดียวว่าเธอจะต้องหายใจที่

00:32:0000:32:03 ท้องนะหายใจทั้งวันนะกลายเป็นว่าทั้งวัน

00:32:0300:32:05 ไม่ทำอะไรแล้วอ่ะเครียดหนักกว่าเดิมอีก

00:32:0500:32:09 อ่ะในการกลับมาจ้องท้องให้ขอแค่แบบสบายๆ

00:32:0900:32:13 ค่ะรู้ตัวก็กลับมาทำได้ก็ทำไม่ได้ก็ปล่อย

00:32:1300:32:15 ผ่านแล้วก็อยู่กับเขาไปอ่ะเพราะสุดท้ายลม

00:32:1500:32:17 หายใจก็อยู่กับเราทั้งชีวิตอยู่แล้วอ่ะ

00:32:1700:32:21 เพราะฉะนั้นน่ะค่อยๆปรับไปตามสิ่งที่เรา

00:32:2100:32:22 ทำได้

00:32:2200:32:25 >> โหลมหายใจนี่มหัศจรรย์มากๆ

00:32:2500:32:28 >> จ้ะน้องแพนด้าเดี๋เราจะต้องลองไปแบบลองทำ

00:32:2800:32:30 ดูแต่สำคัญคืออย่าเครียดเพราะว่าเมื่อ

00:32:3000:32:32 ไหร่ก็ตามที่ทำอะไรแล้วเครียดเนี่ยเดี๋ยว

00:32:3200:32:34 มันเอฟเฟคมากกว่าเดิม

00:32:3400:32:34 >> ใช่

00:32:3400:32:37 >> อ่าค่ะทีนี้ที่เราติดเอาไว้อยู่ตอนแรกค่ะ

00:32:3700:32:41 ที่พูดว่าเรื่องของการที่เราเสพติดอ่า

00:32:4100:32:43 >> ฮอร์โมนบางอย่างอ่า

00:32:4300:32:47 >> ของการกินของหวานแล้วก็ถ้าคนที่รู้สึกว่า

00:32:4700:32:50 โอเครู้แล้วล่ะในเชิงทฤษฎีรู้ละทีนี้ใน

00:32:5000:32:54 เชิงปฏิบัติค่ะว่าอืมจะต้องลดหรอลดแค่ไหน

00:32:5400:32:57 มันก็เป็นความสุขนะหรือว่าทำยังไงที่มัน

00:32:5700:32:58 ดีต่อร่างกายเรามากขึ้น

00:32:5800:33:02 >> อือันดับแรกนะคะร่างกายเราอ่ะมันสมมุติ

00:33:0200:33:06 ว่าเขาเสพติดไปแล้วอ่ะเราจะต้องทำเหมือน

00:33:0600:33:10 ค่อยๆเป็นกบฏอ่ะอย่ากระโตกกระตากเพราะว่า

00:33:1000:33:14 เค้าเถูกเซตออโต้มาแล้วมันเหมือนคอมfort

00:33:1400:33:17 โซนของเขาเป็นพื้นที่ปลอดภัยของเขาเช่น

00:33:1700:33:19 เขากินกาแฟทุกวันหรือว่ากินน้ำตาลทุกวัน

00:33:1900:33:22 น่ะเออมันเป็นพื้นที่ปลอดภัยของเขาทีนี้

00:33:2200:33:24 ถ้าเราต้องการที่จะลดการหยาบน้ำตาลไม่

00:33:2400:33:28 ต้องแบบฉันจะประกาศไม่ต้องค่ะค่อยๆปรับ

00:33:2800:33:28 >> อ

00:33:2800:33:31 >> ทำเหมือนเป็นกบฏเล็กๆน้อยๆอ่ะจากปกติเรา

00:33:3100:33:36 กินแบบน้ำหวานแก้วนึงเออเราลองลดหวานน้อย

00:33:3600:33:39 ลงมานิดนึงหรือปกติกินวันละแก้วอ่ะกลาย

00:33:3900:33:42 เป็นวันละ 2 วันแก้วได้มยหรือว่ากินครึ่ง

00:33:4200:33:44 นึงแบ่งกับเพื่อนครึ่งนึงอะไรอย่างเงี้ย

00:33:4400:33:46 ค่ะค่อยๆทำ

00:33:4600:33:49 >> มันเป็นกระบวนการเมตตาตัวเองอ่ะไม่ใช่บอก

00:33:4900:33:52 ว่าเขาบอกว่าการไม่กินน้ำตาลดีนะแต่มันก็

00:33:5200:33:54 อาจจะเป็นส่วนหนึ่งในความสุขของเราก็ได้

00:33:5400:33:57 เพราะฉะนั้นลองปรับจากเคยใช้น้ำตาลที่

00:33:5700:33:59 เป็นแบบซูโคสที่เป็นแบบน้ำตาลเลยอ่ะลอง

00:34:0000:34:02 เปลี่ยนเป็นหญ้าหวานได้มยหรือว่าลอง

00:34:0200:34:05 เปลี่ยนเป็นน้ำตาลหล่อฮังก๊วยได้มยให้

00:34:0500:34:08 บาanceซความสุขและบาanceซแบบร่างกายเรา

00:34:0800:34:11 ไม่จำเป็นที่จะต้องตัดทุกอย่างอ่ะค่ะลอง

00:34:1100:34:14 แบบalanceซเวลาเราใช้ชีวิตอ่ะมันมีแบบ

00:34:1400:34:16 หลายมิติไงเพราะว่าพี่ก็แบบไม่ได้งดได้

00:34:1600:34:19 100% บางวันฉันก็อยากหวานมากอะไรอย่าง

00:34:1900:34:22 เงี้ยค่ะแต่ค่อยๆอยู่กับเขาค่อยๆไปกับเขา

00:34:2200:34:24 อยากกระตุกกระตาก

00:34:2400:34:26 พอกระโตกระตากปุ๊บเดี๋ยวจะมีการ

00:34:2600:34:27 >> ดึงกลับ

00:34:2700:34:28 >> โยโย

00:34:2800:34:31 >> ใช่ๆดึงกลับมันเป็นเรื่องเดียวกับลดน้ำ

00:34:3100:34:34 หนักเอ่อก่อนหน้าที่จะมาอัดอ่ะค่ะมีพี่คน

00:34:3400:34:37 นึงถามเฟ้าว่าแบบเออถ้าเขาจะลดน้ำหนักอ่ะ

00:34:3700:34:40 เขาตั้งไว้ว่าเขาจะลดน้ำหนัก 65 ภายในปี

00:34:4100:34:43 นี้แล้วมันไม่เคยได้สักทีเลยแล้วมันวน

00:34:4300:34:46 หลูปใครเคยเจอใช่มยจริงๆอันเนี้ยค่ะมัน

00:34:4600:34:48 เกิดจากการที่เราอ่ะลืมเมตตาตัวเองหรือ

00:34:4800:34:51 ว่าเรากระโตกกระตากจริงๆการลดน้ำหนักอ่ะ

00:34:5100:34:53 เราต้องแบบไม่ต้องคิดว่าเป็นการลดน้ำหนัก

00:34:5300:34:57 แต่คิดว่าค่อยๆปรับวิถีชีวิตแต่เราอาจจะ

00:34:5700:35:00 ไม่ต้องตั้งธงว่าจะลดกี่กในเท่าไหร่มัน

00:35:0000:35:02 เหมือนเป็นการประกาศก้าวและร่างกายนั้นก็

00:35:0200:35:06 จะแบบเกิดการแอนตี้พอเรารู้สึกว่าเราอยาก

00:35:0600:35:09 ลดอ่ะแสดงว่าเราอ่ะรู้สึกว่ามันไม่โอเค

00:35:0900:35:13 กับตอนนี้เราไม่โอเคกับร่างนี้เออเพราะ

00:35:1300:35:15 ฉะนั้นเนี่ยร่างกายจะรู้สึกว่าเขาเครียด

00:35:1500:35:17 แล้วเขาจะหลั่งฮอร์โมนแห่งความเครียดขึ้น

00:35:1700:35:21 มาเราเลยลดไม่ได้สักทีวิธีการก็คือว่าเรา

00:35:2100:35:24 จะต้องกินให้ช้าลงเพื่อรับรู้แล้วก็ใช้

00:35:2400:35:27 การกินนั้นในการกลับมาบอกรักร่างกายถ้า

00:35:2700:35:29 เราไม่ชอบตรงนี้แสดงว่าเราเกลียดอ่ะมัน

00:35:2900:35:31 เป็นอารมณ์เชิงข้างล่างอ่ะค่ะเราเลยวน

00:35:3100:35:34 หลูมแต่ถ้าทุกการกินเราทำมาเพื่อแบบบอก

00:35:3400:35:36 รักอ่ะมันเป็นอารมณ์เชิงบวกเออเพราะ

00:35:3600:35:39 ฉะนั้นเราจะทำได้ง่ายขึ้นแล้วค่อยๆปรับ

00:35:3900:35:42 เช่นแบบอาจจะเปลี่ยนจากการกินน้ำหวาน 2

00:35:4200:35:45 แก้วเป็นแก้วนึงเปลี่ยนจากข้าวขาวเป็น

00:35:4500:35:48 ข้าวอันเนี้ยค่อยๆทำทีละนิดอ่ะค่ะมันจะทำ

00:35:4800:35:49 ได้สำเร็จมากกว่าอ

00:35:4900:35:52 >> อือค่ะที่สำคัญก็คือว่าอย่างที่พี่ที่หมอ

00:35:5200:35:55 ฟ้าบอกเลยว่าต้องไม่แข่งกับใครเพราะว่า

00:35:5500:35:57 การเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น

00:35:5700:35:57 >> อือ

00:35:5700:35:59 >> มันก็เป็นพลังงานที่ต่ำอีกเหมือนกัน

00:35:5900:36:03 >> อืใช่ลองดูก็ได้ค่ะเวลาที่เราเปรียบเทียบ

00:36:0300:36:06 กับคนอื่นเราจะรู้สึกว่าคนอื่นสูงกว่า

00:36:0600:36:08 เพราะฉะนั้นน่ะเราจะรู้สึกว่าเราอ่ะดีไม่

00:36:0800:36:12 พอสักทีไอ้คำว่าแบบทำเท่าไหร่ก็ดีไม่พอ

00:36:1200:36:16 สักทีอ่ะมันเป็นูปที่ไม่สามารถขึ้นมาได้

00:36:1600:36:20 อ่ะค่ะแต่ถ้าเรายอมรับไปเลยนะว่าก็ทำได้

00:36:2000:36:22 เท่าเนี้ยมันขึ้นไป 350 แล้วอ่ะอื

00:36:2200:36:26 >> เออแต่ไอ้คำว่าแบบฉันมันไม่ดีหรือว่าฉัน

00:36:2600:36:28 ดีไม่พอมันได้แค่แบบ 50 หรือว่า 100 อ่ะ

00:36:2800:36:31 ค่ะมันมันต่างกันมากเพราะว่ายอมรับไปเลย

00:36:3100:36:34 ทำได้เท่านี้ก็เท่านี้แล้วไปในจังหวะของ

00:36:3400:36:35 แบบตัวเอง

00:36:3500:36:37 >> ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ต้องฝึกเนาะทุก

00:36:3700:36:40 อย่างอ่าไม่ใช่ว่าแบบคิดแล้วเข้าใจวันนี้

00:36:4000:36:42 แล้วคิดว่ามันจะได้ในไม่กี่วันไม่ใช่คือ

00:36:4200:36:46 มันต้องฝึกซ้ำๆเรื่อยๆทีนี้แพนด้าเคยได้

00:36:4600:36:48 ยินมาอีกแล้วค่ะว่าการสวดมนต์เนี่ยค่ะคุณ

00:36:4800:36:51 หมอฟ้าจะช่วยสามารถเปลี่ยนโมเลกุลน้ำใน

00:36:5100:36:52 ร่างกายของเราได้

00:36:5200:36:55 >> เออทำให้เราเป็นคนที่แบบพลังงานดีขึ้น

00:36:5500:36:58 >> อาจจะมีออร่ามากขึ้นอะไรอย่างเงี้ยอ

00:36:5800:37:00 >> เกี่ยวกันมั้คะจริงๆอันนี้มีงานวิจัยของ

00:37:0000:37:04 ดร.มาซุอิโมโตที่เขาเอาน้ำขึ้นมาค่ะแล้ว

00:37:0400:37:06 ก็อันนึงเป็นน้ำปกติแล้วก็อีกอันนึงน่ะ

00:37:0600:37:08 เขาไม่ได้เป็นสวดมนต์นะเป็นเหมือนกับบอก

00:37:0800:37:13 รักอ่ะฉันรักเธอนะฉันชอบเธอนะฉันภูมิใจใน

00:37:1300:37:15 ตัวเธอแล้วก็เอาผลึกของน้ำเนี่ยมาเข้า

00:37:1500:37:18 กล้องจุรทานแล้วก็ดูว่ามันเป็นยังไงสรุป

00:37:1800:37:21 ก็คือว่าน้ำที่เราแบบพูดคำดีๆอ่ะเขากลาย

00:37:2100:37:24 เป็นผลึกที่แบบสวยงามแต่ถ้าเกิดว่าเอา

00:37:2400:37:27 อันเนี้ยมาลิงก์กับการสวดมนต์น่ะจริงๆอ่ะ

00:37:2700:37:29 ความลับก็คือว่ารู้มว่าการสวดมนต์น่ะค่ะ

00:37:2900:37:32 หรือว่าการที่เราท่องบดอะไรอย่างเงี้ยมัน

00:37:3200:37:35 ไปสอดคล้องกับลมหายใจ 1 คือเรื่องของผลึก

00:37:3500:37:39 น้ำเออที่มีการทำทดลองแบบเยอะมากค่ะไม่

00:37:3900:37:41 ว่าจะเป็นเรื่องน้ำหรือว่าเรื่องที่เขา้า

00:37:4100:37:44 แบบเอาข้าวมาเออแล้วอันนึงพูดว่าเกลียด

00:37:4400:37:46 น่ะจะขึ้นลาเร็วแต่อันไหนที่เราบอกว่ารัก

00:37:4700:37:49 เขาจะอยู่ได้นานส่วนนึงนะแต่ว่าการสวด

00:37:4900:37:52 มนต์ที่ทำให้ร่างกายเราแข็งแรงดีหรือถือ

00:37:5200:37:54 ว่าแบบอยู่ในสภาวะที่ดีมันเกี่ยวข้องกับ

00:37:5400:37:57 การหายใจการหายใจอ่ะมันจะมีจังหวะนึงเขา

00:37:5800:38:00 เรียกว่าเป็น coherent beating ก็คือการ

00:38:0000:38:04 หายใจที่สอดคล้องเข้า 5.5 วินาทีออก 5.5

00:38:0400:38:09 วินทีนี่คือลมหายใจที่ไปสอดคล้องกับการ

00:38:0900:38:13 เต้นของหัวใจสอดคล้องกับสมดุลร่างกายอ่ะ

00:38:1300:38:16 ค่ะแล้วเชื่อมว่ามีแบบงานวิจัยที่บอกว่า

00:38:1600:38:20 เวลาเราสวดมนต์น่ะจังหวะที่สวดมนต์น่ะค่ะ

00:38:2000:38:23 มันทำให้เราหายใจ 5.5 5 วินาสังเกตไม่

00:38:2300:38:25 ว่าจะเป็นบทสวดมนต์หรือเวลาเราร้องเพลง

00:38:2500:38:26 อ่ะมันจะเป็นจังหวะ

00:38:2700:38:27 >> อื

00:38:2700:38:30 >> เออไอ้จังหวะนั้นน่ะมันสอดคล้องกับลมหาย

00:38:3000:38:32 ใจกับร่างกายมันก็เลยทำให้เราอ่ะสุขภาพดี

00:38:3200:38:36 >> อ้าแล้วถ้าสมมุติบางคนสวดมนต์แต่ว่าแรป

00:38:3600:38:36 >> อะไรนะ

00:38:3600:38:39 >> แรปค่ะสวดเร็วสวดแบบมีจังหวะเป็นของตัว

00:38:3900:38:39 เอง

00:38:3900:38:41 >> อ่าๆๆ

00:38:4100:38:42 >> มันยังจะ 5.5 วินมั้คะ

00:38:4200:38:45 >> อันเนี้ยน่าจะไม่ 5.5 จริงๆมันมีบทของเขา

00:38:4500:38:48 ว่าคำไหนที่แบบเป็น 5.5 5 นะแต่สำหรับ

00:38:4800:38:51 พี่อ่ะการที่แบบว่าสวดมนต์น่ะค่ะอย่าง

00:38:5100:38:53 น้อยที่สุดอ่ะมันคือการที่ฝึกเขาอยู่กับ

00:38:5300:38:56 ปัจจุบันขณะมันคือการที่เขาแบบฝึกอยู่

00:38:5600:38:58 อย่างน้อยก็ไม่ได้คิดอะไรแบบในตอนนั้น

00:38:5800:39:00 เพราะว่าสวดมนต์ส่วนมากเราก็จะสวดมนต์ออก

00:39:0000:39:02 เสียงเวลาเราออกเสียงเเราก็จะอยู่กับ

00:39:0200:39:05 โฟกัสในบทนั้นใช่ป่ะเออเราก็จะแบบอยู่กับ

00:39:0500:39:07 ปัจจุบันขณะด้วยเออเพราะฉะนั้นการสวดมนต์

00:39:0700:39:10 มีทั้งหลายอย่างค่ะ 1 เขาเปลี่ยนโมเลกุล

00:39:1000:39:13 น้ำในร่างกายเออทำให้เราอยู่กับปัจจุบัน

00:39:1300:39:16 ขณะทำให้ลมหายใจเราสอดคล้องกับร่างกายอีก

00:39:1600:39:18 >> แล้วมีอะไรอีกบ้างมั้คะที่จะช่วยเปลี่ยน

00:39:1800:39:20 โมเลกุลน้ำในร่างกายของเราได้

00:39:2000:39:22 >> น่าจะเป็นอันเมื่อกี้ที่พี่แบบบอกกับ

00:39:2200:39:26 แพนด้าก็คือการพูดสิ่งดีๆอ่ะขนาดตัวเรา

00:39:2600:39:29 อ่ะเราอยู่กับเราตลอดเวลาค่ะการที่เราแบบ

00:39:2900:39:31 พูดสิ่งดีๆกับตัวเราเองอ่ะอันเนี้มีผลกับ

00:39:3100:39:35 เซลล์ในร่างกายมีผลกับโมเลกุลน้ำด้วยอื

00:39:3500:39:37 >> อือคำพูดของเราที่มีต่อตัวเราเอง

00:39:3700:39:38 >> ใช่เพราะมันพูดซ้ำๆ

00:39:3800:39:40 >> อ่าถ้ายังไม่ออกมาเป็นคำพูดแต่เป็นความ

00:39:4000:39:41 คิดที่มีต่อตัวเรา

00:39:4100:39:42 >> มีผลหมด

00:39:4200:39:43 >> อต้องค่อยๆรู้ตัวเนาะ

00:39:4300:39:48 >> โอสำคัญมากเพราะบางครั้งเหมือนเราคิด

00:39:4800:39:50 สมมุติเราคิดไม่ดีกับคนอื่นน่ะ

00:39:5000:39:52 >> แพนด้าเคยได้ยินมั้ว่าจริงๆคนแรกที่รู้

00:39:5200:39:53 อ่ะคือตัวเรา

00:39:5300:39:56 >> คือเราเพราะว่าเราแค่คิดปุ๊บมันก็สั่น

00:39:5600:39:58 สะเทือนในเราแล้วอะไรอย่างเงี้ยค่ะ

00:39:5800:40:01 >> ทีนี้เราเข้าใจกันแล้วค่ะว่าถ้าเรามีพลัง

00:40:0100:40:04 งานที่ดีนิสัยที่ดีก็อาจจะช่วยให้เรามี

00:40:0400:40:06 สุขภาพที่ดีขึ้นได้

00:40:0600:40:09 >> อยากรู้ว่าแล้วอย่างเงี้ยค่ะสมาธิมีส่วน

00:40:0900:40:11 ช่วยในการที่ทำให้เราพลังงานดีขึ้นได้

00:40:1100:40:11 มั้ยคะ

00:40:1100:40:16 >> ออืจริงๆสมาธิเป็นเครื่องมือที่ทำให้เรา

00:40:1600:40:19 เห็นตัวเองสังเกตมยเวลาเรานั่งสมาธิอ่ะ

00:40:1900:40:23 เราหลับตาใช่มั้ยคะแล้วเรากลับมาที่ลมหาย

00:40:2300:40:25 ใจไม่ว่ามีความคิดอะไรเรากลับมาที่ลมหาย

00:40:2500:40:28 ใจมันเป็นเครื่องมือที่ทำให้เราเห็นตัว

00:40:2800:40:31 เองมากขึ้นว่าอ๋อจริงๆแล้วเนี่ยฉันเป็นคน

00:40:3100:40:34 ที่แบบเห็นอะไรฉันก็ตอบสนองหมดหรือฉัน

00:40:3400:40:36 เป็นคนแบบนั้นแบบนี้อะไรเงี้ยค่ะเพื่อให้

00:40:3600:40:38 เสียงข้างนอกมันเบาลงแล้วเราได้ยินเสียง

00:40:3800:40:41 ตัวเองเยอะขึ้นสมาธิอ่ะพี่มองว่าคือ

00:40:4100:40:44 เหมือนการยกเวททางใจอ่ะหรือว่ายกเวททาง

00:40:4400:40:46 จิตอ่ะเวลาที่เราฝึกจิตเหมือนกับถ้าเรา

00:40:4600:40:48 อยากมีกล้ามเราก็ต้องยกเวทชีวิตจริงแต่

00:40:4800:40:50 ถ้าเกิดว่าเราอยากให้กำลังจิตเราแข็งแรง

00:40:5000:40:53 อ่ะก็คือการที่เราฝึกสมาธิเพราะว่าทุก

00:40:5300:40:56 ครั้งที่มีความคิดแล่นกลับเข้ามามีความ

00:40:5600:40:58 คิดแล่นเข้ามากลับมาที่จุดศูนย์กลางมัน

00:40:5800:41:00 คือทำให้ตรงเนี้ยแข็งแรงและตรงเแข็งแรง

00:41:0000:41:02 มันมีผลต่อการสร้างนิสัยเพราะว่าเวลาเรา

00:41:0200:41:04 สร้างนิสัยอ่ะเราต้องใช้กำลังจิตที่แข็ง

00:41:0400:41:07 แรงนะใช้ความตั้งจิตตั้งใจอ่ะเช่นฉันจะ

00:41:0700:41:09 เป็นคนใหม่แล้วอย่างเงี้ยและต่อเนื่องยาว

00:41:0900:41:12 นานพอด้วยเราใช้กำลังจิตเยอะมากค่ะเพราะ

00:41:1200:41:14 ฉะนั้นสมาธิเป็นจุดที่ทำให้เราฝึกกำลัง

00:41:1400:41:16 จิตให้แข็งแข็งแรงเป็นฝึกที่ทำให้เราแบบ

00:41:1600:41:19 กลับมาอยู่กับปัจจุบันขณะไม่ได้ไหลไปกับ

00:41:1900:41:21 ระบบออโต้ที่มันถูกเซตอัตโนมัติอ่ะที่ทำ

00:41:2100:41:23 ให้เราแบบมีชีวิตที่เราแบบอาจจะยังไม่

00:41:2400:41:25 โอเคกับตอนเนี้ยเออ

00:41:2500:41:28 >> ค่ะแปลว่าถ้าสมมุติใครที่กำลังรู้สึกว่า

00:41:2800:41:30 อยากเปลี่ยนพลังงานอยากเปลี่ยนนิสัยแล้ว

00:41:3000:41:34 ก็เริ่มทำในเชิงปฏิบัติละแต่ว่าเหมือนทำ

00:41:3400:41:36 ไปสักพักนึงแล้วอาจจะแบบกลับไปนิสัยเดิม

00:41:3600:41:38 หรืออะไรอย่างงี้แล้วก็รู้สึกหมดกำลังใจ

00:41:3800:41:41 สมาธิก็ช่วยตรงนี้ได้ทำให้เรามีกำลังใจ

00:41:4100:41:41 ต่อ

00:41:4100:41:43 >> อืทำให้เรารู้ตัว

00:41:4300:41:44 >> ค่ะ

00:41:4400:41:47 >> พอเรารู้ตัวเราจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่อง

00:41:4700:41:50 ธรรมดาที่เกิดเรื่องพวกนี้ได้หรือว่าทำ

00:41:5000:41:51 ให้เรากลับมายอมรับตัวเองได้

00:41:5100:41:54 >> อถ้าง่ายกว่านั้นก็หมายความว่าณขณะนั้น

00:41:5400:41:57 ที่เรากำลังทำอะไรแล้วเรารู้ตัวเนี่ย

00:41:5700:41:58 >> สมาธิก็คือลมหายใจ

00:41:5800:42:01 >> ใช่หลายทีเราจะรู้สึกว่าเอ้ยสมาธิต้องแบบ

00:42:0100:42:04 นั่งเป็นจริงเป็นจังไปหลายๆวันอะไรอย่าง

00:42:0400:42:06 เงี้ยสำหรับพี่อ่ะสมาธิก็คือกักลับมารู้

00:42:0700:42:10 ตัวกลับมาที่ลมหายใจเพราะมันคือการแบบ

00:42:1000:42:12 สมาธิแบบไลฟ์สไตล์ meditation น่ะใช้

00:42:1200:42:14 ชีวิตไปกับสมาธินี่แหละ

00:42:1400:42:17 >> คำถามสุดท้ายค่ะแพน่าอยากรู้ว่าแล้วเราจะ

00:42:1700:42:20 ทำยังไงให้เราเนี่ยเป็นคนที่มีพลังงานดีๆ

00:42:2000:42:22 โดยที่เราอ่ะไม่หลอกตัวเอง

00:42:2200:42:26 >> คือการยอมรับเราจะกลับไปที่จุดเดิมคือแม้

00:42:2600:42:28 กระทั่ง Emotional Guidance scale อ่ะ

00:42:2800:42:30 ที่เราอาจจะแบบอุ๊ยอันนี้โซนบวกนะ

00:42:3000:42:31 >> ค่ะ

00:42:3100:42:33 >> อันนี้โซนลบนะแต่การที่มันเป็นเราอ่ะมัน

00:42:3400:42:36 คือทั้งบวกแล้วลูกมันคือการยอมรับในวัน

00:42:3600:42:40 ที่เราแบบก็มีความกลัวมีความอิจฉามีความ

00:42:4000:42:44 คิดลบเป็นเรื่องธรรมดาโดยที่เราอาจจะต้อง

00:42:4400:42:48 ให้ตัวเองได้รู้สึกอ่ะค่ะไม่ต้องพยายาม

00:42:4800:42:52 กำจัดความคิดลบแต่ให้มองเห็นเขาและมีพื้น

00:42:5200:42:55 ที่ให้เขาได้รู้สึกด้วยถ้าแบบนั้นน่ะความ

00:42:5500:42:57 คิดลบหรืออะไรที่เราบอกว่ามันลบอ่ะมันจะ

00:42:5700:42:59 กลายเป็นเรื่องธรรมดาแต่หลายทีอ่ะที่เรา

00:42:5900:43:02 ติดอ่ะเพราะเราอยากเอาเขาออกไปเรารู้สึก

00:43:0200:43:04 ว่าสิ่งนี้มันไม่ดีเลยอ่ะทำไมฉันต้องรู้

00:43:0400:43:08 สึกแบบนี้แต่นี่มันคือฉันเพราะฉะนั้นการ

00:43:0800:43:10 ที่เราแบบต้องคิดบวกทิศบวกอ่ะพี่รู้สึก

00:43:1000:43:12 ว่าแบบผิดธรรมชาติอ่ะพี่รู้สึกว่าการที่

00:43:1200:43:15 เรามีบวกด้วยแล้วในวันที่เราลบเราก็รู้

00:43:1500:43:18 อ่ะแล้วมันก็จะไหลผ่านไปเหมือนสายลมอ่ะ

00:43:1800:43:20 ค่ะมันก็คือแบบความธรรมดาอื

00:43:2000:43:23 >> แล้วเราจะรู้ถึงพลังงานที่ดีของตัวเอง

00:43:2300:43:25 จริงๆได้ยังไงมันจะสัมผัสได้ยังไงว่าอันเ

00:43:2500:43:27 นี้คือพลังงานที่ดี

00:43:2700:43:27 >> อ๋อ

00:43:2700:43:29 >> มันจะรู้สึกประมาณไหนอะไรอย่างเงี้ย

00:43:2900:43:31 >> อ๋อโอเคอันเนี้ยพี่แนะนำว่ากลับมาเช็คที่

00:43:3100:43:34 ฐานกายค่ะเพราะว่าเวลาที่มันเป็นความคิด

00:43:3400:43:37 ความรู้สึกอ่ะมันจับต้องไม่ได้แต่เวลาที่

00:43:3700:43:40 เรากลับมาที่กายลองกลับมาดูดิว่าในวันที่

00:43:4000:43:43 เราโกรธอ่ะลมหายใจเรามันเป็นแบบไหนหัวใจ

00:43:4300:43:46 เรามันเต้นแบบไหนในวันที่เรารู้สึกว่าเรา

00:43:4600:43:48 แบบรู้สึกรักตัวเองจังเลยหัวใจเรามันเต้น

00:43:4800:43:51 แบบไหนลมหายใจเรามันเป็นแบบไหนเพราะว่า

00:43:5100:43:54 กายกับจิตแล้วก็สิ่งที่อยู่ข้างในมันสอด

00:43:5500:43:57 คล้องกันฉะนั้นน่ะถ้าเราจะรู้ว่าอันเนี้ย

00:43:5700:44:00 เราพลังงานดีและกลับมาเช็คที่ถาดกายเรา

00:44:0000:44:03 โอเคมยร่างกายเราโอเคมยหรือในวันที่เรา

00:44:0300:44:06 รู้สึกเครียดลองสังเกตตรงไหนมันตึงลมหาย

00:44:0600:44:09 ใจเราสั้นลงไปหรือเปล่ากินนอนได้มกลับมา

00:44:0900:44:10 ที่ฐานกายเลยค่ะอ

00:44:1000:44:13 >> อันนั้นคือเครื่องในการวัดพลังงานหรือว่า

00:44:1300:44:14 ความรู้สึกของเรา

00:44:1400:44:17 >> อืค่ะเพราะเขาบอกกันไว้ว่าร่างกายไม่เคย

00:44:1700:44:18 โกหก

00:44:1800:44:19 >> ใช่ๆแล้ว

00:44:1900:44:22 >> อยู่ที่ว่าเราจะยอมรับหรือเปล่าไว้

00:44:2200:44:25 >> อเราจะเห็นมั้ยเออวันนี้ต้องขอขอบคุณคุณ

00:44:2500:44:27 หมอฟ้ามากๆนะคะเพราะว่าสิ่งที่เราคุยกัน

00:44:2700:44:29 แพนด้าว่าเป็นประโยชน์กับทุกๆคนที่มาฟัง

00:44:2900:44:32 แน่ๆเพราะว่าเรื่องของการปรับนิสัยการ

00:44:3200:44:35 เปลี่ยนพลังงานตัวเองมันสอดคล้องกันมัน

00:44:3500:44:36 เป็นแทบจะเป็นสิ่งเดียวกันเลยอย่างที่บอก

00:44:3600:44:38 เนาะเพราะว่าทุกอย่างตรงนี้เนี่ยพอเรา

00:44:3800:44:42 เริ่มทำได้ค่อยๆปรับได้ก็จะทำให้สุขภาพ

00:44:4200:44:44 ของเราดีขึ้นอ่ามันเกี่ยวข้องกันยังไงก็

00:44:4400:44:46 คือตามที่คุณหมอได้พูดไปหมดแล้วว่าเฮ้ย

00:44:4600:44:49 จริงๆมันก็วิทยาศาสตร์นะไม่ไม่ใช่แค่แบบ

00:44:4900:44:52 เป็นความเชื่อนะค่ะแล้วก็ไม่ว่าวันนี้เรา

00:44:5200:44:55 จะหรือขณะนี้เราจะมีความรู้สึกแบบไหนอาจ

00:44:5500:44:56 จะเป็นความรู้สึกบวกหรืออาจจะเป็นความรู้

00:44:5600:45:00 สึกที่ใหม่ขอยดีก็อยากให้ยอมรับเห็นและ

00:45:0000:45:03 ยอมรับก็ไม่ต้องไปผลักดันเขาออกหรือไปกีด

00:45:0300:45:05 กันเค้าเพราะว่าเขาก็คือส่วนนึงของของเรา

00:45:0500:45:08 นี่แหละอ่าก็แค่เรียนรู้ไปแล้วก็ถ้าเรามี

00:45:0800:45:11 เป้าหมายที่จะปรับนิสัยก็ค่อยๆทำแล้วก็

00:45:1200:45:15 รู้ตัวทุกครั้งอ่าถึงแม้ว่าจะพลาดบ้างก็

00:45:1500:45:18 ให้อภัยตัวเองหน่อยก็ไม่เป็นไรค่ะแล้วทุก

00:45:1800:45:21 อย่างจะค่อยๆดีเองเออยุคเนี้ยเราจะได้ยิน

00:45:2100:45:23 เนาะอย่างปี 2024 ที่ผ่านมาค่ะ

00:45:2300:45:26 >> จะเป็นยุคของการ manifest อ่าเราจะได้ยิน

00:45:2600:45:29 เป็นคำประจำปีเลยเดี๋ยววันนี้เราอยากจะ

00:45:2900:45:30 คุยกันในเรื่องนี้ค่ะว่าเอ้ยเราจะ

00:45:3000:45:33 manifest สุขภาพดีได้มยอ่า

00:45:3300:45:35 >> ก่อนอื่นค่ะแพนด้าอยากรู้ว่าแล้วอย่าง

00:45:3500:45:38 เจ้าความคิดอ่ะค่ะความคิดลบเนี่ยค่ะมันมี

00:45:3800:45:41 ผลต่อการเจ็บใครไม่สบายของเราได้ไหมคะ

00:45:4100:45:45 >> มีผลมากๆเลยพี่อยากจะเล่าเคสพี่แล้วกัน

00:45:4500:45:47 จริงๆอ่ะค่ะช่องหมอฟ้าสมาธิศาสตร์ไม่ได้

00:45:4700:45:51 เกิดจากการที่แบบโอ้ชีวิตดีแล้วออกมาทำ

00:45:5100:45:53 ช่องไม่ใช่จุดเริ่มต้นของเขาเกิดมาจากการ

00:45:5300:45:56 ที่พี่ป่วยคือความคิดของพี่อ่ะทำให้พี่

00:45:5600:45:59 ป่วยตอนนั้นน่ะคือเราทำงานตลอดเวลา 9:00

00:45:5900:46:03 น.ถึง 20:00 น.ทำงานทุกวันอาทิตย์ละ 6

00:46:0300:46:06 วัน 7 วันตลอดและทีเนี้ยมันถึงจุดที่พี่

00:46:0600:46:08 อ่ะเบิร์น out ตอนแรกก็แค่เบิร์น out รู้

00:46:0800:46:10 สึกแบบไม่อยากไปทำงานอะไรเงี้ยสักพัก

00:46:1000:46:13 เริ่มนอนไม่ได้เริ่มมีภาวะซึมเศร้าจนสุด

00:46:1400:46:17 ท้ายอ่ะพี่ไปเป็นโรคที่แบบหาสาเหตุไม่ได้

00:46:1700:46:19 อ่ะเออคือหมอไม่สามารถวินิจฉัยได้ว่าเรา

00:46:1900:46:22 เป็นอะไรเพราะว่าตอนนั้นน่ะค่ะพี่แบบไม่

00:46:2200:46:25 ชอบชีวิตตัวเองเลยรู้สึกไม่ดีไอ้ความคิด

00:46:2500:46:27 นั้นของพี่อ่ะมันทำลายพี่หรือว่าสร้างโลก

00:46:2700:46:29 ให้พี่ทั้งๆที่มันไม่สามารถวินิจฉัยได้

00:46:2900:46:32 แต่ถ้าเกิดว่าในเชิงของวิทยาศาสตร์อ่ะเขา

00:46:3200:46:35 จะเรียกสิ่งนี้ว่าเป็นnoซbroคือ no คือ

00:46:3500:46:38 ไม่มีไม่ได้มีตัวที่ทำให้เกิดโรคแต่ความ

00:46:3800:46:41 คิดทำให้เกิดโรคมีคุณลุงคนนึงชื่อคุณตา

00:46:4100:46:44 แซมลอนแต่ว่าในหลายปีมาแล้วนะคะคือคุณตา

00:46:4400:46:47 เนี่ยเขาไปหาหมอหมอบอกว่าเฮ้ยเนี่ยคุณตา

00:46:4700:46:49 เป็นแบบมะเร็งหลอดอาหารคุณตาหลังจากที่

00:46:4900:46:51 รู้ว่าเป็นมะเร็งหลอดอาหารน่ะค่ะจากตอน

00:46:5100:46:54 แรกอ่ะก็แบบมีความสุขดีใช่ป่ะก็คือแบบดาว

00:46:5400:46:57 ลงมาเรื่อยๆคุณตาคิดว่าตัวเองเป็นและคนใน

00:46:5700:46:59 บ้านก็คิดว่าคุณตาเป็นมะเร็งหลอนอาหาร

00:46:5900:47:01 ด้วยหลังหลังจากนั้นอีกประมาณ 2-3

00:47:0100:47:04 อาทิตย์อ่ะคุณตาเสียชีวิตลงพอคุณตาเสีย

00:47:0400:47:07 ชีวิตลงไปใช่ไหมคะเขาก็เลยเอาไปชันสูตร

00:47:0700:47:10 สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือคุณตาไม่ได้เป็น

00:47:1000:47:13 มะเร็งหลอดอาหารคือเขาเป็นแค่แบบจุดในปอด

00:47:1300:47:15 อ่ะค่ะซึ่งสิ่งที่ทำให้คนสงสัยก็คือว่า

00:47:1500:47:18 สิ่งที่คุณตาเป็นน่ะมันไม่สามารถทำให้คน

00:47:1800:47:22 นึงอ่ะเสียชีวิตได้แต่อะไรที่ทำให้คนนึง

00:47:2200:47:25 เสียชีวิตสิ่งนั้นก็คือความเชื่อของคุณตา

00:47:2500:47:28 ว่าเขาจะต้องแบบแน่เลยอะไรอย่างเงี้ยแล้ว

00:47:2800:47:30 สิ่งแวดล้อมก็คือทุกคนคิดว่าคุณตาแบบไม่

00:47:3000:47:32 รอดแน่เลยอ่ะค่ะเพราะฉะนั้นความคิดอ่ะมัน

00:47:3200:47:35 ไม่ใช่แค่ความคิดความคิดที่เกิดขึ้นซ้ำๆ

00:47:3500:47:38 มีผลต่อร่างกายมีผลต่อชีวิตของเราเลย

00:47:3800:47:40 >> เมื่อกี้ที่พี่ฟ้าบอกคือเขาถูกวินิจฉัย

00:47:4000:47:41 ตอนแรก

00:47:4100:47:44 >> ใช่เวินิจฉัยตอนแรกว่าเป็นแต่เหมือนแบบมี

00:47:4400:47:47 การผิดพลาดทางการวินิจฉัยอ่ะแล้วพอพอเขา

00:47:4700:47:49 แบบชันสูตรตอนหลังอ่ะมันไม่ได้เป็นแบบ

00:47:4900:47:51 นั้นคือเหมือนกับวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง

00:47:5100:47:53 แต่ว่าอาจจะเป็นแค่แบบเล็กๆอ่ะที่ไม่ได้

00:47:5300:47:55 เป็นสาเหตุที่ทำให้คนนึงอ่ะต้องเสียชีวิต

00:47:5500:47:56 ลง

00:47:5600:47:57 >> อืค่ะเออ

00:47:5700:48:00 >> แพนด้าถามแทนคนที่ฟังอยู่ว่าต้องมีคนหลาย

00:48:0000:48:03 ๆคนแย้งขึ้นมาแน่ๆว่าอ้าวก็คุณหมอเป็นคน

00:48:0300:48:05 บอกเราว่าเราป่วยนี่เราก็มีสิทธิ์ที่จะ

00:48:0500:48:06 เชื่อตามนั้นเพราะว่าคุณหมอเป็นคน

00:48:0700:48:09 วินิจฉัยแล้วแล้วบอกว่าเราอ่ะป่วย

00:48:0900:48:11 >> อ่าคุณตาก็ไม่ผิดที่เชื่อมั้คะ

00:48:1100:48:14 >> ใช่อันเนี้ไม่ผิดที่เชื่อแต่สิ่งเนี้ยมัน

00:48:1400:48:17 บอกว่าความเชื่อของเราอ่ะมันทำให้เรา

00:48:1700:48:20 เปลี่ยนร่างกายของเราได้คือเค้าอ่ะไม่ผิด

00:48:2000:48:22 ที่เชื่อหมออันเนี้ยใช่แต่ไอ้ตรงความ

00:48:2200:48:25 เชื่อที่เขาเชื่อกับตัวเองอ่ะมันทำให้

00:48:2500:48:27 เขา้าอ่ะอยู่หรือไปได้ความเชื่อเขามีพลัง

00:48:2700:48:28 มากขนาดนั้น

00:48:2800:48:31 >> แปลว่าถ้าสมมุติเราไม่ได้เป็นอะไรเลยตอน

00:48:3100:48:33 นี้คือเราตรวจสุขภาพมาแล้วเราก็เป็นคนที่

00:48:3400:48:36 มีร่างกายแข็งแรงคนนึงล่ะแต่ว่าเราอาจจะ

00:48:3600:48:38 มีความวิตกกังวลหรือว่าอย่างทุกวันนี้

00:48:3800:48:42 เห็นโรคมากขึ้นออกไปเจอฝุ่นเจออะไรแล้ว

00:48:4200:48:44 บางครั้งเนี่ยเรากังวลมากเกินกว่าความ

00:48:4400:48:46 เป็นจริง่

00:48:4600:48:47 >> อ่าเราก็มีโอกาสที่จะป่วย

00:48:4700:48:48 >> ใช่

00:48:4800:48:52 >> ใช่หรือลองนึกย้อนไปตอนโควิดจำได้มั้ยคะ

00:48:5200:48:56 ตอนโควิดอ่ะเชื้อส่วนนึงนะแต่สิ่งที่ทำ

00:48:5600:49:00 ให้แบบไปได้ไวกว่าคือความกลัวเพราะเมื่อ

00:49:0000:49:02 ไหร่ก็ตามที่เรากลัวค่ะมันจะทำให้ภูมิ

00:49:0200:49:05 ต้านทานของมนุษย์อ่ะต่ำลงพอต่ำลงปุ๊บอ่ะ

00:49:0500:49:07 สิ่งที่แบบมันอาจจะเป็นอะไรเล็กๆอ่ะมัน

00:49:0700:49:09 ส่งผลต่อร่างกายเรามากกว่าเดิมเพราะ

00:49:1000:49:12 ฉะนั้นน่ะความกลัวเป็นตัวเหมือนแบบขยาย

00:49:1200:49:15 โลกอ่ะอันนี้พี่ก็เลยใช้ในการผ่านพ้นทุก

00:49:1500:49:19 ซีรียส์ของโควิดมาทั้งๆที่เราอ่ะทำงาน

00:49:1900:49:22 เป็นหมอฟันแล้วเราแบบอยู่กับปากคนแต่ว่า

00:49:2200:49:24 เราสามารถแบบเอออยู่กับเขาได้โดยที่ไม่

00:49:2400:49:26 กลัวแล้วเราก็แบบเออไม่ติดโควิดจริงๆ

00:49:2600:49:29 >> อือทั้งๆที่เราใกล้ชิดคิดกับอาจจะมีโอกาส

00:49:2900:49:31 เป็นมากกว่าคนปกติด้วย

00:49:3100:49:33 >> ใช่ใช่ค่ะขอแค่เราอยู่กับเขาได้อ่ะไม่

00:49:3300:49:35 ต้องกลัวหรือว่าตื่นตระหนกอ่ะค่ะ

00:49:3500:49:38 >> แล้วทีเนี้ยค่ะอยากถามถึงคนสุขภาพดีบ้าง

00:49:3800:49:41 ว่าแพนด้าจะเคยเห็นบางคนเนาะว่าเค้าเดิน

00:49:4100:49:43 มาหรือว่าเราเจอเค้าแล้วเรารู้สึกว่าเฮ้ย

00:49:4300:49:45 คนเนี้ยมีออร่าอ

00:49:4500:49:47 >> อ่าไอ้ออร่าที่เกิดขึ้นเนี่ยมันคืออะไร

00:49:4700:49:50 แล้วออร่าเนี่ยจำเป็นมั้ที่จะต้องเกิด

00:49:5000:49:52 ขึ้นกับคนสุขภาพดีเท่านั้น

00:49:5200:49:55 >> จริงๆแล้วอ่ะไอ้คำว่าออร่ามักจะพูดในเชิง

00:49:5500:49:56 ของจิตวิญญาณ

00:49:5600:50:00 >> เออว่าอันเนี้ยแบบออร่าดีหรือว่าคนนี้ดู

00:50:0000:50:02 แบบพลังงานดีจริงๆแล้วอ่ะค่ะออร่า

00:50:0200:50:06 สัมพันธ์กับจักระจักระคือไม่ไม่ได้มีใน

00:50:0600:50:08 ร่างกายมนุษย์นะเค้าเหมือนเป็นศูนย์ของ

00:50:0800:50:11 พลังงานแต่มันเชื่อมโยงกับร่างกายมนุษย์

00:50:1100:50:13 คือเป็นระบบฮอร์โมนถ้าเกิดว่าใครแบบได้

00:50:1300:50:16 ศึกษาเรื่องเาจะบอกว่าจักรกะมันเป็น 7

00:50:1600:50:18 จักกะแต่จริงๆมีมากกว่านั้นนะคะแต่ศูนย์

00:50:1800:50:21 จักรกะมี 7 จักรกะแต่จุดสำคัญก็คือว่าแต่

00:50:2100:50:25 ละที่สัมพันธ์กับต่อมที่สร้างฮอร์โมนของ

00:50:2500:50:27 แต่ละร่างกายเช่นจักกะที่ 2 จะเกี่ยวข้อง

00:50:2700:50:30 กับระบบสืบพันจักกัดที่ 3 เกี่ยวข้องกับ

00:50:3000:50:32 ช่องท้องอย่างเงี้ยค่ะหรือว่าจักรที่ 4

00:50:3200:50:35 เกี่ยวข้องกับหัวใจจักกะที่ 5 คือเนี่ย

00:50:3500:50:37 ไทรรอยด์ก็จะเกี่ยวข้องกับฮอร์โมน

00:50:3700:50:40 ไทรรอยด์จักรที่ 6 อ่ะคือไพเนียลแกนส่วน

00:50:4000:50:42 จักกะที่ 7 คือพิทูอิตาลีแกนเพราะฉะนั้น

00:50:4200:50:45 พวกเนี้ยถ้าเกิดว่าออร่าดีนั่นหมายความ

00:50:4500:50:49 ว่าฮอร์โมนของเราอ่ะสมดุลถ้าเราสุขภาพดี

00:50:4900:50:52 กินอิ่มนอนหลับมีความสุขฮอร์โมนเราสมดุล

00:50:5200:50:54 ถ้าเป็นผู้หญิงก็เป็นประจำเดือนปกติก่อน

00:50:5500:50:57 เป็นประจำเดือนไม่ได้เหวี่ยงไม่ได้วีนเรา

00:50:5700:51:00 สามารถกินได้นอนได้แสดงว่าเราอยู่ในความ

00:51:0000:51:03 สมดุลถ้าอยู่ในความสมดุลฮอร์โมนก็สมดุล

00:51:0300:51:05 เพราะฉะนั้นฮอร์โมนที่สมดุลออล่าก็สมดุล

00:51:0500:51:08 ไปด้วยสังเกตมยอย่างเช่นอย่างผู้หญิงอ่ะ

00:51:0800:51:10 ค่ะจะเห็นชัดถ้าเกิดบางคนแบบประจำเดือน

00:51:1000:51:13 ไม่มาประเจิมเดือนมาไม่ปกติผิวเราก็จะไม่

00:51:1300:51:15 ค่อยดีเคยเป็นมั้ยหรือว่าก่อนประจำเดือน

00:51:1500:51:16 มาเราจะแบบเป็นสิว

00:51:1600:51:19 >> เพราะว่าฮอร์โมนมันเกี่ยวข้องกับออร่าของ

00:51:1900:51:22 เราคือออร่าคือเรื่องของสมดุลฮอร์โมนมาก

00:51:2200:51:23 กว่า

00:51:2300:51:23 >> อื

00:51:2300:51:26 >> ก็เกี่ยวกับสุขภาพร่างกายเพราะว่า

00:51:2600:51:28 >> ฮอร์โมนก็มีส่วนทำให้ร่างกายเราแข็งแรง

00:51:2800:51:30 หรือไม่แข็งแรงด้วยการทำงาน

00:51:3000:51:34 >> โมากมากๆเลยค่ะฮอร์โมนนี่คือเขาเป็นสาร

00:51:3400:51:37 เคมีที่วิ่งอยู่ในร่างกายเราแต่ว่าถ้า

00:51:3700:51:39 เกิดว่าชัดอ่ะจะเห็นในผู้หญิงเพราะผู้

00:51:3900:51:41 หญิงอ่ะฮอร์โมนจะมีผลเยอะเพราะว่าเรามี

00:51:4100:51:43 รอบเดือนเรามีประจำเดือนใช่มั้ยอืเรา

00:51:4300:51:45 สังเกตถ้าเกิดว่าแบบทำไมก่อนเป็นประจำ

00:51:4500:51:48 เดือนทำไมเราถึงหงุดหงิดมากแม้แต่สิ่ง

00:51:4800:51:50 เล็กๆที่เราเรียกว่าแบบมันอาจจะดูไม่มี

00:51:5000:51:52 อะไรอ่ะแต่ทำไมผู้หญิงบางคนถึงแบบโอปวด

00:51:5200:51:55 ท้องขนาดนั้นน่ะเพราะว่าฮอร์โมนมันไม่

00:51:5500:51:57 สมดุลอ่ะฮอร์โมนอาจจะเป็นเรื่องเล็กๆแต่

00:51:5700:51:59 ว่ามันส่งผลกับชีวิตเราแบบเยอะ

00:51:5900:52:00 >> อื

00:52:0000:52:03 >> ค่ะฮอร์โมนก็ถ้าในเชิงวิทยาศาสตร์ก็คือ

00:52:0300:52:05 มันคือเรื่องของออ่าคือจักรกะ

00:52:0500:52:07 >> ใช่ฮอร์โมนเกี่ยวข้องกับจักรกะจักรกะจริง

00:52:0700:52:09 ๆเป็นศูนย์พลังงานที่ไม่ได้มีในร่างกาย

00:52:0900:52:12 แต่เกี่ยวข้องกับอวัยวะที่สร้างฮอร์โมน

00:52:1200:52:14 นั้นๆเพราะฉะนั้นถ้าจักกะสมดุลฮอร์โมนก็

00:52:1400:52:17 สมดุลคนก็ร่างกายแข็งแรงไปด้วยอ

00:52:1700:52:20 >> ออืค่ะใครที่อยู่สายสปิชualเนี่ยอาจจะเคย

00:52:2000:52:22 ได้ยินเรื่องของออร่าเรื่องของจักระจริงๆ

00:52:2200:52:23 ก็คือมันก็เกี่ยวข้องกับสุขภาพร่างกาย

00:52:2300:52:25 เนาะอย่างที่คุณหมอบอกไปเลยว่าบางครั้ง

00:52:2500:52:29 แล้วการที่เรามาดูแลร่างกายก็จะทำให้

00:52:2900:52:31 ออร่าหรือจักกะเราดีขึ้น

00:52:3100:52:31 >> ใช่

00:52:3100:52:35 >> อือจริงๆก็บนเป็นแบบเดียวกันเรื่องเดียว

00:52:3500:52:37 กันพี่ไม่ได้มองว่าแบบเอ้ย spiritual คือ

00:52:3700:52:40 เรื่องนอกตัวจริงๆแล้วอ่ะคือเรื่องร่าง

00:52:4000:52:43 กายเราถ้าเราดูแลร่างกายเราดีพลังงานเรา

00:52:4300:52:45 ดีออร่าเราก็ดีตามไปด้วยสมมุติว่าร่างกาย

00:52:4500:52:48 เราดีอ่ะค่ะเราก็จะรู้สึกดีกับตัวเองเวลา

00:52:4800:52:50 คนที่เข้ามาแบบใกล้ชิดกับเราเขาก็จะ

00:52:5000:52:52 สัมผัสได้ถึงพลังงานดีๆจากเราอ่ะเออ

00:52:5200:52:56 >> อืเราจะเคยได้ยินคำว่าคิดแบบไหนก็ได้แบบ

00:52:5600:52:57 นั้น

00:52:5700:52:59 >> มันเป็นอย่างนั้นจริงๆมั้ยคะอ

00:52:5900:53:02 >> อันเนี้ยสำคัญถ้าคิดแล้วไม่ได้คิดซ้ำๆอ่ะ

00:53:0300:53:05 ไม่ได้เป็นแต่สิ่งที่เราเกิดขึ้นก็คือ

00:53:0500:53:08 สิ่งที่เราคิดซ้ำๆนำมาสู่รู้สึกซ้ำๆรู้

00:53:0800:53:11 สึกแล้วทำให้เกิดการลงมือทำลงมือทำแล้ว

00:53:1100:53:14 กลายเป็นนิสัยจริงๆอ่ะคิดแล้วเป็นแบบนั้น

00:53:1400:53:18 น่ะค่ะเกิดจากการที่คิดซ้ำๆจนเป็นนิสัย

00:53:1800:53:21 ของเราเออเราก็เลยได้สิ่งนั้นอย่างคนที่

00:53:2100:53:24 แบบมีนิสัยชอบออกกำลังกายอ่ะเขาก็มีซกแพค

00:53:2400:53:27 เห็นป่ะคิดว่าอยากมีซิแพคแต่เกิดจากการ

00:53:2700:53:31 คิดแล้วก็ทำซ้ำๆจนมีซกแพคเขาเลยเป็นคนที่

00:53:3100:53:32 มีซิกแพค

00:53:3200:53:36 >> คิดแล้วเลยได้สิ่งนั้นเออเห็นมั้ยคะมัน

00:53:3600:53:39 ไม่ได้เกิดจากความคิดอย่างเดียวแต่คิดซ้ำ

00:53:3900:53:42 ๆอ่ะมันนำมาสู่โมเมนตัมโมเมนตัมที่ใหญ่

00:53:4200:53:44 ขึ้นที่นำมาสู่การลงมือทำและกลายเป็นการ

00:53:4400:53:45 เป็นของเรา

00:53:4500:53:47 >> แล้วอย่างอย่างเมื่อกี้เนี่ยเป็นตัวอย่าง

00:53:4700:53:50 ของการที่ในด้านที่ดีเนาะคิดในเชิงที่

00:53:5000:53:53 อยากพัฒนาร่างกายมีซิแพคแล้วอย่างกรณีคน

00:53:5300:53:56 ที่คิดซ้ำๆในด้านที่ไม่ค่อยดี

00:53:5600:53:59 >> อ่ามันจะได้แบบนั้นคือจะได้แบบไหนคะอย่าง

00:53:5900:54:03 เช่นถ้าเรากลัวหรือว่าวิตกกังวลซ้ำๆแบบ

00:54:0300:54:05 เนี้ยค่ะสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือพอมันเป็น

00:54:0500:54:08 ซ้ำๆอ่ะจะเป็นคนที่ภูมิตกหรือว่าเป็นคน

00:54:0800:54:11 ที่เป็นภูมิแพ้ง่ายบางอย่างไม่ควรจะแพ้ก็

00:54:1100:54:14 แพ้แบบเนี้ยค่ะเพราะว่าเราอยู่กับความ

00:54:1400:54:17 กลัวหรือว่าความคิดแบบนั้นซ้ำๆอ่ะเออก็จะ

00:54:1700:54:20 เป็นอันนี้แบบอาจจะยกตัวอย่างน้องฟักก็

00:54:2000:54:22 ได้ค่ะเพราะว่าแบบใกล้ตัวเนาะไม่กล้าไม่

00:54:2200:54:24 กล้าไปพูดเรื่องของคนอื่นคือน้องฟ้าน่ะ

00:54:2400:54:27 อันนี้ฟักขอเขามาแล้วนะมีอยู่ช่วงนึงที่

00:54:2700:54:30 เขาแบบเครียดเออแล้วเขาคิดซ้ำๆอ่ะแล้ว

00:54:3000:54:33 เชื่อไหมว่าเขาอ่ะเป็นแบบทอนซินอักเสบเฉย

00:54:3300:54:38 ๆช็อกเข้า ICU เลยอ่ะคือสิ่งที่เป็นน่ะ

00:54:3800:54:41 เขาแบบไม่ได้สอดคล้องกับรอยโรคอ่ะค่ะ

00:54:4100:54:43 เหมือนนิดนึงแต่ว่ามันส่งผลเยอะเพราะว่า

00:54:4400:54:46 อยู่ในช่วงที่เขาภูมิตกเอออาจจะมีความ

00:54:4600:54:48 กลัวความกังวลแล้วภูมิมันตกอ่ะ

00:54:4800:54:49 >> อื

00:54:4900:54:51 >> เออเราก็อาจจะเป็นนิดเดียวหรือช่วงเนี้ย

00:54:5100:54:54 ใครที่เป็นเยอะอย่างเช่นเมื่อก่อนน่ะเป็น

00:54:5400:54:56 หวัด 3-4 วันหายและเดี๋ยวเนี้ยเป็นกัน

00:54:5600:54:58 เป็นอาทิตย์ 2 อาทิตย์เพราะว่าภูมิเราตก

00:54:5800:55:00 เรากลัวหรือว่าอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มี

00:55:0000:55:02 ความกลัวค่ะมันก็เลยทำให้สิ่งนั้นน่ะไม่

00:55:0200:55:05 หายสักทีหรือเป็นก็เป็นหนักขึ้นอย่าง

00:55:0500:55:05 เงี้ย

00:55:0500:55:08 >> โอแม้กระทั่งมันเสมอไปมั้คะเช่นก็เป็นคน

00:55:0800:55:10 ที่กลัวนะเพราะก็ไม่ได้อยากป่วยใช่มั้คะเ

00:55:1000:55:12 ก็กลัวแต่ว่าพอเขาเป็นอย่างอย่างเป็นหวัด

00:55:1200:55:15 เาก็ดูแลตัวเองดีค่ะคือก็มีความกลัวอยู่

00:55:1500:55:18 นะแล้วก็ก็ดูแลตัวเองกินยาคือทำทุกอย่าง

00:55:1800:55:19 เลยเพื่อที่จะให้หายอ่ะค่ะ

00:55:1900:55:20 >> อื

00:55:2000:55:22 >> อ่าในเมื่อเขาดูแลตัวเองดีขนาดนี้แล้วแต่

00:55:2200:55:23 มีความกลัวกลัวอยู่ด้วยเนี่ยแปลว่าเขาจะ

00:55:2300:55:24 หายช้าขึ้นหรอคะ

00:55:2400:55:27 >> ใช่จับด้วยความรู้สึกว่าสิ่งที่เราทำอ่ะ

00:55:2700:55:30 เราทำด้วยความรักหรือว่าทำด้วยความกลัว

00:55:3000:55:33 เราแบบกินดีเพราะเรากลัวเพราะว่าความกลัว

00:55:3300:55:35 นั้นน่ะมันทำให้เราแบบภูมิต้านทานเราต่ำ

00:55:3500:55:36 อือ

00:55:3600:55:39 >> ให้ทำแต่ว่าทำด้วยความรักเป็นก็ยอมรับ

00:55:3900:55:41 แล้วก็อาจใช้เหมือนแบบกินยาแล้วก็บอกรัก

00:55:4100:55:43 ตัวเองไปด้วยอะไรอย่างเงี้ยค่ะเพราะว่า

00:55:4300:55:45 ทุกคำที่สื่อสารน่ะเซลล์เขาก็ได้ยินนะให้

00:55:4500:55:48 เช็คความรู้สึกว่าเราทำด้วยความรักหรือ

00:55:4800:55:50 ว่าทำด้วยความกลัวถ้าทำด้วยความกลัวมันก็

00:55:5000:55:51 จะหายช้าอยู่ดี

00:55:5100:55:52 >> อื

00:55:5200:55:54 >> อือค่ะก็คือเป็นอีกทางเลือกนึงเอ่อเพราะ

00:55:5500:55:57 ว่าเวลาที่เราป่วยเนี่ยเราก็ต้องดูแลตัว

00:55:5700:55:59 เองอยู่แล้วล่ะต้องกินยาอยู่แล้วเนาะ

00:55:5900:56:01 อย่างที่หมอฟ้าบอกก็คือเพิ่มอีกนิดนึงก็

00:56:0100:56:04 คือใส่ความรู้สึกขอบคุณหรือว่ารู้สึกดี

00:56:0400:56:06 รู้สึกแบบว่าอยากให้เขาหายอยากให้ร่างกาย

00:56:0600:56:08 เกลับมาเป็นปกติ

00:56:0800:56:11 >> แล้วก็เวลาที่เราป่วยเนี่ยค่ะเราไม่ควรจะ

00:56:1100:56:13 โทษร่างกายที่ป่วยด้วยใช่มั้ยคะ

00:56:1300:56:15 >> ใช่เราเหมือนจะต้องเป็นคนที่แบบเหมือน

00:56:1500:56:18 เป็นเพื่อนน่ะเออคือถ้าเรารู้สึกว่าคนนี้

00:56:1800:56:20 เป็นเพื่อนน่ะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราจะ

00:56:2000:56:22 อยู่ข้างๆเขาใช่มั้ยในวันที่เาอ่อนแอร์

00:56:2200:56:24 เราก็คือโอเคเราก็กลับไปอยู่กับเขาอ่ะเออ

00:56:2400:56:27 ไม่เป็นไรถึงเวลาที่จะต้องพักก็ต้องพัก

00:56:2700:56:30 ร่างกายเนี่ยเขามีปัญญาของเขาคือเขาแบบ

00:56:3000:56:33 เขาจะค่อยๆบอกเราว่าเราควรจะทำอะไรสังเกต

00:56:3300:56:36 มั้คะโรคไข้หวัดใหญ่อ่ะจริงๆแล้วอ่ะไม่

00:56:3600:56:38 ได้มียารักษาเพราะว่าไข้หวัดใหญ่เขาเกิด

00:56:3800:56:40 จากไวรัสอย่างบางอันเนี่ยมาจากเชื้อ

00:56:4000:56:43 แบคทีเรียเขาจะมีแอนตีไบโอติกที่เรากินยา

00:56:4300:56:45 เข้าไปแต่เวลาเป็นไข้หวัดใหญ่อ่ะเราจะรู้

00:56:4500:56:48 สึกว่าอะไรเราอยากนอนน้องแพนด้าเคยเป็น

00:56:4800:56:49 ไข้หวัดใหญ่มั้คะ

00:56:4900:56:50 >> น่าจะเคยค่ะจำไม่ได้

00:56:5000:56:58 >> จำไม่ได้แล้วใช่มั้อื

00:56:5800:57:01 ปวนะแต่ไข้วใหญ่ลองสังเกตค่ะเวลาที่เรา

00:57:0100:57:04 เป็นไข้อ่ะเราจะอยากนอนเพราะว่าร่างกาย

00:57:0400:57:07 เขากำลังพาตัวเราอ่ะมาพักเพียงแต่ว่าเรา

00:57:0700:57:10 อ่ะไม่รู้ว่าเอ้ยมันต้องพักอ่ะเราเป็นนิด

00:57:1000:57:13 ๆอ่ะเราก็แบบอุ้ยฉันไหวเออฉันไหวแล้วก็ไป

00:57:1300:57:15 ต่อมันก็เลยเป็นเยอะเพราะเราไม่ได้กลับมา

00:57:1500:57:18 ฟังเสียงร่างกายตัวเราเองถ้าเราฟังอ่ะเรา

00:57:1800:57:21 ก็รู้สึกว่าอ๋อแค่ง่วงเราก็นอนพอนอนไปสัก

00:57:2100:57:23 พักอ่ะเราก็จะหายโดยที่เราไม่ต้องกินยาก็

00:57:2300:57:24 ได้อื

00:57:2400:57:24 >> เออ

00:57:2400:57:27 >> อ๋อจริงๆร่างกายก็ค่อนข้างมหัศจรรย์เนาะเ

00:57:2700:57:30 ค่อนข้างจะมีกลไกในการที่จะรักษาตัวเอง

00:57:3000:57:30 >> ใช่

00:57:3000:57:33 >> อ่าเพียงแต่เราก็ต้องฟังเสียงร่างกายของ

00:57:3300:57:34 เราให้

00:57:3400:57:37 >> ใช่ใช่ค่ะเาเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดละ

00:57:3700:57:40 เขามีกลไกในการปกป้องแล้วก็ดูแลตัวเองแต่

00:57:4000:57:41 เราอ่ะไม่ได้ยิน

00:57:4100:57:44 >> แสดงว่าเวลาที่เราป่วยเราจะแค่กินยาอย่าง

00:57:4400:57:47 เดียวแล้วไม่ไม่ให้เวลาในการพักผ่อนพัก

00:57:4700:57:49 ฟื้นเลยอันนี้ก็อาจจะไม่ได้ทำให้หาย

00:57:4900:57:52 >> อาจจะพูดยากถ้าถามว่าหายมั้ยบางทีก็หาย

00:57:5200:57:55 ค่ะแต่เราอาจจะใช้ยานานกว่าเดิมเราอาจจะ

00:57:5500:57:59 ใช้ยาโดสแบบมากกว่าเดิมที่รู้สึกว่ายังไง

00:57:5900:58:01 อ่ะตัวเราอ่ะการที่เราค่อยๆกลับมารักษา

00:58:0100:58:04 ร่างกายหรือว่ากลับมาดูแลเขาอ่ะร่วมกับยา

00:58:0400:58:06 ไปด้วยมันเหมือนร่วมด้วยช่วยกันน่ะ

00:58:0600:58:07 >> ทำให้มันง่าย

00:58:0700:58:07 >> ใช่

00:58:0700:58:08 >> ง่วงก็นอน

00:58:0800:58:12 >> ใช่ง่วงก็นอนแล้วก็เหนื่อยก็พักตามจังหวะ

00:58:1200:58:14 ของเราอะไรอย่างเงี้ยแล้วมันจะไม่ได้เกิด

00:58:1400:58:17 อะไรใหญ่ๆอ่ะส่วนมากโลกที่เรารู้สึกว่า

00:58:1700:58:20 เป็นอะไรใหญ่ๆอ่ะมักจะมาจากเสียงเล็กๆแต่

00:58:2000:58:21 เราไม่ได้ยิน

00:58:2100:58:23 >> อย่างที่ตอนแรกที่แพนด้าพูดถึงนะว่าเอ้ย

00:58:2300:58:26 เราจะสามารถดึงดูดหรือ manifest สุขภาพดี

00:58:2600:58:28 ได้มก่อนอื่นต้องถามคุณหมอก่อนค่ะว่าการ

00:58:2800:58:30 manifest เนี่ยคืออะไร

00:58:3000:58:32 >> manifest อ่ะคือการเปลี่ยนความคิดให้

00:58:3200:58:34 กลายเป็นความจริงก็คือเหมือนเปลี่ยนสิ่ง

00:58:3400:58:36 ที่อยู่ในหัวเราอ่ะให้กลายเป็นความจริง

00:58:3600:58:38 ไม่ว่าเฮ้ยฉันอยากมีสุขภาพที่ดีกว่านี้

00:58:3800:58:40 ฉันอยากมีเงินมากกว่านี้อะไรอย่างเงี้ย

00:58:4000:58:41 ค่ะแล้วเปลี่ยนเป็นสิ่งที่เราแบบจับต้อง

00:58:4100:58:43 ได้เห็นในโลกที่เราเป็นจริง

00:58:4300:58:45 >> อันนั้นคือ manifest

00:58:4500:58:47 >> ใช่แต่ว่ากระบวนการของการ manifest อ่ะ

00:58:4700:58:51 ถ้าพูดคร่าวๆมันก็คือการขอเชื่อแล้วก็รับ

00:58:5100:58:53 ที่เขาพูดกันใช่มั้คะการขอก็คือเราต้อง

00:58:5300:58:56 ส่งออกไปก่อนหรือว่าเราเห็นภาพว่าเราอ่ะ

00:58:5600:58:58 จะเอาอะไรเราเห็นภาพตัวเองเป็นแบบไหนเช่น

00:58:5800:59:01 เราเห็นภาพตัวเองเป็นคนที่มีซิแพคอันนี้

00:59:0100:59:04 คือเราส่งออกไปละเชื่อคือการลงมือทำพอเรา

00:59:0400:59:07 เห็นเสร็จปุ๊บว่าเออฉันแบบมีหุ่นแบบนี้นะ

00:59:0700:59:09 ฉันมีสุขภาพดีแบบนี้ฉันก็ลงมือปรับ

00:59:0900:59:11 เปลี่ยนนี่คือความเชื่อค่ะความเชื่อไม่

00:59:1100:59:14 ใช่แบบเชื่อๆแต่เชื่อที่แท้จริงอ่ะคือเรา

00:59:1400:59:17 ลงมือทำอ่ะฉันลงไปฟิตเนสฉันกินอาหารที่ดี

00:59:1700:59:20 ขึ้นฉันกินโปรตีนให้ถึงมันก็เลยสอดคล้องไ

00:59:2000:59:23 ค่ะขอก็คือเห็นภาพและเชื่อเราลงมือทำแล้ว

00:59:2300:59:25 เราก็ได้รับเราทำแบบไหนเราก็ได้รับแบบ

00:59:2500:59:26 นั้นเออ

00:59:2600:59:28 >> อืค่ะเพราะว่าขั้นตอนของความเชื่อเนี่ย

00:59:2800:59:30 ถ้าจะให้เชื่อจริงๆมันต้องมีหลักฐานถูก

00:59:3000:59:30 มั้คะอ

00:59:3000:59:33 >> อืใช่เราไม่ได้เชื่อจากการแบบโอ๊ยนั่ง

00:59:3300:59:37 สมาธิเราเชื่อแต่มันเชื่อจากการที่เราลืม

00:59:3700:59:40 ตาลงมือทำให้สอดคล้องเราถึงจะเกิดความ

00:59:4000:59:41 เชื่อขึ้นมาค่ะ

00:59:4100:59:44 >> แล้วการตั้งจิตอธิษฐานอย่างเงี้ยค่ะถือ

00:59:4400:59:45 เป็นการ manifest มั้ยคะ

00:59:4500:59:48 >> การตั้งจิตอ่ะมันคือการส่งแรงปรารถนาเออ

00:59:4800:59:51 มันคือส่วนหนึ่งของการ manifest แต่ถ้า

00:59:5100:59:53 เราส่งอย่างเดียวฉันจะเอาซิแพคอย่างเดียว

00:59:5300:59:56 แต่เราไม่ได้ลงมือทำอ่ะมันก็ไม่สามารถ

00:59:5600:59:58 เกิดในสิ่งที่เราจับต้องได้เพราะฉะนั้น

00:59:5801:00:01 น่ะการตั้งจิตอฐานเป็นส่วนหนึ่งแค่แบบ

01:00:0101:00:03 ส่วนเล็กๆอ่ะค่ะเออแต่ไม่ใช่ทั้งหมดของ

01:00:0301:00:06 การ manifest manifest ไม่ได้ลงมือทำก็

01:00:0601:00:09 ไม่มีทางเกิดเหมือนเรานึกภาพอยากได้ซpแพค

01:00:0901:00:11 อ่ะแต่เราไม่ได้ปรับอะไรเลยอ่ะเราก็ยัง

01:00:1101:00:12 เหมือนเดิม

01:00:1201:00:14 >> จริงๆการตั้งจิตอธิษฐานนี่ก็ต้องลงมือทำ

01:00:1401:00:15 อย่างที่บอก

01:00:1501:00:18 >> เพราะบางทีขออย่างเดียวมันก็ไม่ใช่มันก็

01:00:1801:00:20 จะไปโทษเป็นภาระของสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีก

01:00:2001:00:23 ใช่แต่ว่ามันจะดีตรงที่ว่าเวลาที่เราตั้ง

01:00:2301:00:26 จิตอธิษฐานน่ะหรือว่าขออ่ะมันเป็นกระบวน

01:00:2601:00:28 การโฟกัสค่ะอย่างเช่นแบบมันเกิดการโฟกัส

01:00:2801:00:30 ว่าฉันจะเอาซิแพคอันเนี้ยเพราะฉะนั้นฉัน

01:00:3001:00:33 จะได้ทำทุกอย่างเพื่อให้สอดคล้องกับซกแพค

01:00:3301:00:35 อันนี้จะเอาหุ่นแบบนี้ก็ต้องออกกำลังกาย

01:00:3501:00:37 แบบนี้จะเอาหุ่นอีกแบบนึงก็ออกกำลังกาย

01:00:3701:00:40 แบบนึงเพราะฉะนั้นน่ะมันคือการโฟกัสว่าจะ

01:00:4001:00:42 เอาอะไรเฉยๆแต่ว่าโฟกัสอย่างเดียวอ่ะแต่

01:00:4201:00:44 เราไม่ได้ทำอ่ะมันไม่สามารถให้สิ่งนั้น

01:00:4401:00:46 น่ะมันเกิดขึ้นในแบบชีวิตจริงของเราได้

01:00:4601:00:49 >> มีคำถามถามค่ะว่าแล้วอย่างเงี้ย manifest

01:00:4901:00:50 คือตัณหามั้คะ

01:00:5001:00:53 >> ถ้าเกิดว่าตัณหาเท่ากับความอยากใช่มยอยาก

01:00:5301:00:56 ได้ก็คือเราส่งไปจริงๆแล้วอ่ะค่ะ Manifest

01:00:5601:01:00 อ่ะคือกฎแห่งธรรมชาติเราอ่ะไม่ได้ในสิ่ง

01:01:0001:01:02 ที่เราอยากเราได้ในสิ่งที่เราควรพี่ยกตัว

01:01:0201:01:05 อย่างง่ายๆอย่างวันเนี้ยเราอยากได้เงิน

01:01:0501:01:08 ล้านเราส่งไปว่าเราอยากได้เงินล้านแต่ถ้า

01:01:0801:01:11 เราเงินล้านเงินล้านเงินล้านแต่เราไม่ได้

01:01:1101:01:13 กลับมาเปลี่ยน่ะเราอยู่คนละระดับกัน

01:01:1301:01:15 manifest คือการจูนคลื่นหรือว่าเหมือน

01:01:1501:01:17 เราจูนคลื่นวิทยุอยู่ให้อยู่ในร่องเดียว

01:01:1701:01:19 กันแล้วเราได้รับในสิ่งนั้นสมมุติว่าเงิน

01:01:1901:01:22 ล้านมันจูนคือ 100 อ่ะค่ะแต่เราอยากคือ

01:01:2201:01:24 เราเป็นศูนย์น่ะเราไม่ได้นะคะการที่เราจะ

01:01:2401:01:26 manifest ได้คือการที่เรากลับมาตัวเอง

01:01:2701:01:30 ฉันทำอะไรได้ในตอนนี้แล้วลงมือทำให้มัน

01:01:3001:01:32 สอดคล้องเพื่อไปจูนคลื่นเดียวกันให้มัน

01:01:3201:01:34 ตรงเราถึงจะได้เพราะฉะนั้นสำหรับพี่

01:01:3401:01:37 manifest ไม่ได้เป็นความอยากอยากเป็นการ

01:01:3701:01:39 ส่งแต่เราไม่ได้ในสิ่งที่อยากเราได้ใน

01:01:3901:01:42 สิ่งที่เราคู่ควรที่จะได้รับเมื่อเราลง

01:01:4201:01:45 มือทำสอดคล้องกับสิ่งนั้นเราถึงจะได้รับ

01:01:4501:01:47 เพราะฉะนั้น manifest ก็คือกดกฎธรรมชาติ

01:01:4701:01:51 การเหตุและผลทำอะไรได้แบบนั้นอย่างเงี้ย

01:01:5101:01:51 อื

01:01:5101:01:53 >> เรามานิเฟสเพื่อสุขภาพที่ดีกันแล้วเนี่ย

01:01:5301:01:55 นะคะเราก็ต้องมาสร้างเหตุที่ดีกันด้วยค่ะ

01:01:5501:01:58 ด้วยการดูแลร่างกายแล้วก็ดูแลผิวพรรณของ

01:01:5801:02:00 เราให้ดีนะคะหากใครที่มีปัญหาเรื่องมี

01:02:0001:02:02 เวลาน้อยนะคะแล้วก็อยากหาสกินแคร์ที่มี

01:02:0201:02:05 ประสิทธิภาพเนี่ยก็จะแนะนำเป็นสกินแคร์

01:02:0501:02:07 ที่มีส่วนผสมของ PLA หรือว่า Penla ค่ะ

01:02:0701:02:09 ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและชะลอ

01:02:0901:02:12 ความเสื่อมของผิวค่ะ PLA หรือว่า Penla

01:02:1201:02:14 เนี่ยเป็นส่วนผสมที่มีอยู่ในสโคปaคล้ายๆ

01:02:1401:02:16 โบท็อกซ์ค่ะแต่ว่าคอตัวนี้เนี่ยสามารถทำ

01:02:1701:02:18 ให้เราใช้เพลได้ทุกวันเลยค่ะ

01:02:1801:02:22 >> ทีนี้สำหรับบางท่านที่อาจจะเคย manifest

01:02:2201:02:24 หรือว่าเคยทำกระบวนการแบบนี้เนาะแล้วก็

01:02:2401:02:26 เฮ้ยบางเรื่องเรา manifest สำเร็จกับบาง

01:02:2601:02:28 เรื่องนะเช่นแบบว่าเราเป็นคนมีหน้าที่การ

01:02:2801:02:31 งานที่โอเคละสำเร็จละแต่ทำไมกับอย่างอีก

01:02:3101:02:33 บางเรื่องเช่นความสัมพันธ์ไม่สำเร็จสักที

01:02:3301:02:35 นึงอ่ามันเป็นเพราะอะไรคะมันติดอยู่ที่

01:02:3501:02:36 ขั้นตอนไหนหรือเปล่า

01:02:3601:02:38 >> ส่วนมากที่เรา manifest ได้มักจะเป็น

01:02:3801:02:41 เรื่องที่เราไม่ค่อยคาดหวังเป็นเรื่องแบบ

01:02:4101:02:43 เล็กๆลองสังเกตนะคะว่าเรื่องที่เรา

01:02:4301:02:46 manifest ได้ที่เราสร้างได้มักจะเป็น

01:02:4601:02:49 เรื่องง่ายๆที่เราไม่คาดหวังหรือว่าเรา

01:02:4901:02:50 รู้สึกว่าเรื่องนี้เอาอยู่แต่ว่าเรื่อง

01:02:5101:02:53 ที่เราแบบ manifest ไม่ได้อ่ะมักจะเป็น

01:02:5301:02:55 เรื่องที่ใหญ่เป็นเรื่องที่เราอยากเป็น

01:02:5501:02:58 เรื่องที่เราแบบต้องลงมือทำมากอีกนิดนึง

01:02:5801:02:59 เกิน comfort z โซน

01:02:5901:03:01 >> น่าสนใจมากค่ะคือเรื่องที่เรามักจะ

01:03:0101:03:02 manifest สำเร็จมันเป็นเรื่องที่เรามี

01:03:0301:03:05 ความรู้สึกว่าเเรื่องเเราเอาอยู่

01:03:0501:03:07 >> เอาอยู่คือไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรกับตรง

01:03:0701:03:11 นั้นฉันจะผ่านไปได้ฉันจะทำได้แน่ๆคือการ

01:03:1101:03:12 วางใจใช่มั้คะ

01:03:1201:03:14 >> ใช่หรือว่าเรื่องที่แบบได้ก็ได้ไม่ได้ก็

01:03:1401:03:19 ไม่เป็น

01:03:1901:03:23 มันไม่เป็นอย่างเราก็จะวางใจได้ง่ายกว่า

01:03:2301:03:27 แต่ถ้าเกิดว่าถ้าไม่ได้เงินแสนสิ้นเดือน

01:03:2701:03:30 เนี้ยไม่มีเงินจ่ายค่าบ้านโอ้โหมันมีความ

01:03:3001:03:32 อยากมันต้องได้มันมีความเครียดตั้งแต่แรก

01:03:3301:03:35 แล้วอ่ะค่ะมันก็เลยทำให้เราอ่ะได้ยากขึ้น

01:03:3501:03:37 มันมีแรงต้านเยอะ

01:03:3701:03:37 >> อื

01:03:3701:03:39 >> แต่มันก็เป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็นใช่มั้

01:03:3901:03:41 คะไอ้พลังงานพวกนี้

01:03:4101:03:41 >> หมายถึง

01:03:4101:03:43 >> เอ่าแรงต้านต่างๆ

01:03:4301:03:46 >> จริงๆมันก็มีอยู่ตลอดนะลองไปกลับไปที่

01:03:4701:03:48 เรื่องลดน้ำหนักก็ได้เราแบบลดน้ำหนักมา

01:03:4901:03:51 ตั้งกี่ครั้งแล้วอ่ะการที่บอกว่าเราอ่ะจะ

01:03:5101:03:53 ลดน้ำหนักได้มากกว่าเนี้ยแต่สุดท้ายพอเรา

01:03:5301:03:56 ทำอ่ะเราก็กลับไปเหมือนเดิมหรือฉันจะตื่น

01:03:5601:03:58 5:00 น.ฉันเขียน New Year Resolu ตอน

01:03:5801:04:00 เช้าว่าฉันจะตื่น 5:00 น.มานั่งสมาธิอ่ะ

01:04:0001:04:02 ค่ะเราทำไปประมาณ 1 เดือนน่ะสุดท้ายเรา

01:04:0201:04:05 กลับไปเป็นเหมือนเดิมเพราะมันมีแรงต้าน

01:04:0501:04:08 เออมันมีสิ่งที่ดึงเราสู่จุดเดิมอ่ะค่ะ

01:04:0801:04:10 มันก็คือไอ้ตรงความเชื่อจำกัดตรงนี้นี่

01:04:1001:04:10 แหละ

01:04:1001:04:13 >> แล้วเราจะมีวิธียังไงในการที่จะลดแรงต้าน

01:04:1301:04:15 ตรงนั้นมั้คะเพื่อทำให้เราเนี่ย manifest

01:04:1501:04:16 สำเร็จมากขึ้นน่ะ

01:04:1601:04:19 >> สำหรับพี่นะลงมือทำความเชื่อไม่ได้ถูกลบ

01:04:1901:04:22 ล้างด้วยการนั่งแล้วบอกว่าแบบรู้สึกดีแต่

01:04:2201:04:26 ความเชื่อถูกลบล้างเมื่อเราลงมือทำค่ะใน

01:04:2601:04:29 วันที่แบบอุ๊ยเราวางซิแพคไว้ไกลมากอ่ะแต่

01:04:2901:04:31 ความเชื่อนั้นน่ะมันจะแบบเฮ้ยฉันทำได้

01:04:3101:04:34 เมื่อเราเริ่มลงมือทำเมื่อเราลงมือทำอาจ

01:04:3401:04:36 จะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตามอาจจะออกไปเดิน

01:04:3601:04:39 เปลี่ยนการกินเล็กๆน้อยๆอ่ะมันจะทำให้แรง

01:04:3901:04:41 ต้านตรงเนี้ยมันน้อยลงความเชื่อไม่ได้ถูก

01:04:4101:04:45 กำจัดหรือว่าทำให้น้อยลงผ่านการนั่งเฉยๆ

01:04:4501:04:48 ผ่านการเรียนไม่ใช่ต้องทำด้วยตัวเราเอง

01:04:4801:04:50 เพราะว่าการทำอ่ะก่อให้เกิดประสบการณ์

01:04:5001:04:53 แล้วตรงนั้นถึงจะค่อยๆทลายความเชื่อลงไป

01:04:5301:04:54 ค่ะ

01:04:5401:04:56 >> อ่าแล้วอย่างกรณีที่เราจะ manifest อะไร

01:04:5601:04:57 สักอย่างค่ะ

01:04:5701:05:00 >> มันจะต้องเป็นสิ่งที่เรารู้ว่าสิ่งเนี้ย

01:05:0001:05:03 เป็นไปได้ด้วยมั้คะคืออย่างสมมุตินะอยู่ๆ

01:05:0301:05:07 วันนี้ manifest ว่าฉันจะเป็นเจ้าของ NASA

01:05:0701:05:10 อ่าอย่างเงี้ยอือแล้วก็เราจะทำสำเร็จได้

01:05:1001:05:12 มั้ยอ่ะอจริงๆอ่ะมันได้หมดเลย

01:05:1201:05:13 >> อ่ะ

01:05:1301:05:15 >> ไอ้ตรงที่เราส่งไปอ่ะได้หมดเลยแต่คำถาม

01:05:1501:05:18 คือตอนที่เราส่งไปความเชื่อที่เรามีต่อ

01:05:1801:05:21 สิ่งนั้นน่ะมันได้ไหมแล้วกระบวนการ

01:05:2101:05:23 manifest อ่ะไม่ใช่กระบวนการที่เกิดขึ้น

01:05:2301:05:27 แบบ 1 วัน 2 วันมันเป็นรองเกมมันเป็นระยะ

01:05:2701:05:29 ยาวอ่ะค่ะเพราะฉะนั้นนั้นเราอาจจะแบบเอ้ย

01:05:2901:05:32 ฉันจะไปทำงานNASซ่าเอ้ยเราทำได้นะหรือว่า

01:05:3201:05:34 เราตั้งเป้าหมายได้นะแต่ประเด็นคือพูด

01:05:3501:05:37 แล้วอ่ะเรารู้สึกเชื่อได้ไหมเพราะถ้าเรา

01:05:3701:05:40 เชื่อปุ๊บอ่ะเดี๋ยวเราจะหาทางสักอย่างนึง

01:05:4001:05:41 >> เพื่อไปถึงตรงนั้นน่ะ

01:05:4101:05:44 >> อแปลว่าตั้งแต่กระบวนการขอเนี่ยถ้าตรงที่

01:05:4401:05:46 ขอเราจะรู้อยู่แล้วหรอว่าอันเนี้ยเราคิด

01:05:4601:05:48 ว่ามันจะเป็นไปได้จริงหรือเปล่าใช่มั้ยคะ

01:05:4801:05:50 >> อ่ากับบางอย่างอย่างเมื่อกี้ที่้ายกตัว

01:05:5001:05:51 อย่างคือ

01:05:5101:05:53 >> มันดูสุดต่งไปเลยใช่มั้ต่งมาก

01:05:5301:05:56 >> เออพอย์ก็คือว่าแบบพอมันสุดต่งมากอ่ะเรา

01:05:5601:05:59 ก็เชื่อไม่ได้อ่ะพอเราเชื่อในตัวเองไม่

01:05:5901:06:01 ได้จริงๆไม่ผิดเลยนะคือส่งได้ทุกอย่างแต่

01:06:0101:06:04 ว่าพอเราเชื่อไม่ได้เนี่ยมันก็ไม่เกิดการ

01:06:0401:06:06 ลงมือทำที่สอดคล้องอ่ะ

01:06:0601:06:09 >> งั้นมีแบบแซ่นิดนึงค่ะพี่รู้สึกว่าจริงๆ

01:06:0901:06:11 แล้วกระบวนการ manifest อ่ะเวลาที่เราส่ง

01:06:1101:06:14 อะไรไปอ่ะมักจะเป็นสิ่งที่เรายังไม่เคย

01:06:1401:06:14 ได้รับ

01:06:1401:06:17 >> อ่าเช่นชีวิตที่มี passive income ชีวิต

01:06:1701:06:19 ที่มีอิสระมีร่างกายที่อุดมสมบูรณ์เพราะ

01:06:1901:06:22 ฉะนั้นน่ะสิ่งที่เราส่งไปอ่ะมักจะออกจาก

01:06:2201:06:25 comfor โซนเรานิดนึงแต่อย่าให้ไกลเกิน

01:06:2501:06:29 กว่าเราไม่เชื่อสิ่งแต่มันไม่ใช่แน่นอน

01:06:2901:06:31 ถ้าเรายังทำงานประจำเราคงไม่ man ทำงาน

01:06:3101:06:34 ประจำเพราะเราได้รับมันแล้วไงเราเป็นสิ่ง

01:06:3401:06:36 นั้นไปแล้วส่วนมากถ้าเรายังทำงานประจำเรา

01:06:3601:06:38 ก็อยากที่จะมีชีวิตอิสระใช่ไหมให้ออกจาก

01:06:3801:06:41 comfort โซนแต่อย่าไกลเกินไปที่เราไม่

01:06:4101:06:45 เชื่อว่าเราจะทำได้ค่อยๆขยับจากแบบโอเคทำ

01:06:4501:06:47 งานประจำอาจจะขยายหรือว่าเริ่มทำธุรกิจ

01:06:4701:06:49 อ่ะสเกล 1 ล้าน 10 ล้านให้เรารู้สึกว่า

01:06:4901:06:51 เอ้ยเราค่อยๆไปแบบเนี้ยค่ะ

01:06:5101:06:54 >> อืค่ะอ๋อจริงๆอย่างที่บอกเลยเนาะว่าไม่

01:06:5401:06:57 ว่าจะขอใหญ่แค่ไหนไม่ได้แปลว่าจะไม่

01:06:5701:07:00 สำเร็จแต่มันมีกระบวนการที่ว่าอาจจะต้อง

01:07:0001:07:02 ถอยมาให้มันเป็นสเต็ปไปก่อนเพื่อให้เข้า

01:07:0301:07:04 ใกล้สิ่งนั้นไปเรื่อยๆ

01:07:0401:07:06 >> ใช่จริงๆคำว่าเข้าใกล้อ่ะคือมันเป็นการ

01:07:0601:07:10 พัฒนาความเชื่อเราอ่ะเฉยๆอย่างเช่นถ้าเรา

01:07:1001:07:13 ไม่เคยได้ 1 ล้านเลยอ่ะแล้วเราไป manifest

01:07:1301:07:16 แบบ 100 ล้านน่ะยากที่เราแบบจะเชื่อในวัน

01:07:1601:07:19 ที่แบบเราเงินเดือน 15,000 กับ 100 ล้าน

01:07:1901:07:21 น่ะมันแบบมันไกลมากอ่ะค่ะแต่ถ้าเรา

01:07:2101:07:24 manifest ล้านแรกแล้วเราทำร้านแรกได้อ่ะ

01:07:2401:07:27 เราเปลี่ยนจากมนุษย์เงินหมื่นเป็นมนุษย์

01:07:2701:07:29 เงินล้านแล้วเพราะว่าเราเชื่อว่าเราทำได้

01:07:2901:07:32 แล้วอ่ะล้านนึงไป 100 ล้านมันก็เลยเหมือน

01:07:3201:07:35 ทำให้เราทำมันสั้นลงอ่ะค่ะพอยคือความ

01:07:3501:07:37 เชื่อของเราตัวตนเรามันถูกขยายว่าฉันทำ

01:07:3701:07:38 สิ่งนี้ได้แล้ว

01:07:3801:07:43 >> อืค่ะก็มีวิธีการในการที่จะตั้งเป้าหมาย

01:07:4301:07:45 หรือว่าการขอเหมือนกันเนาะเพราะว่าบาง

01:07:4501:07:48 ครั้งถ้าตั้งอะไรที่มันยังไม่สมควรจะตั้ง

01:07:4801:07:51 ในตอนนี้มันอาจจะทำให้เราเข้าใจผิดว่าเรา

01:07:5101:07:53 ไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะทำสิ่งนั้นได้

01:07:5301:07:56 >> เมื่อก่อนน่ะคนจะถามพี่ว่าเอ้ยเฮ้ย

01:07:5601:07:59 manifest ต้องใช้กระบวนการอะไรจะต้องมี

01:07:5901:08:02 ขั้นตอนอะไรบ้างอะไรเงี้ยแต่จริงๆแล้วอ่ะ

01:08:0201:08:06 manifest คือการเป็นการเป็นคือนิสัย

01:08:0601:08:08 เมื่อไหร่ก็ตามอ่ะค่ะสมมุติว่าเราส่งไป

01:08:0801:08:11 ว่าเราเป็นคนสุขภาพดีแต่เราจะได้รับสิ่ง

01:08:1101:08:14 นั้นเมื่อเราลงมือทำใช่ป่ะจนเราเป็นคนที่

01:08:1401:08:18 นิสัยสุขภาพดีคือเป็นคนกินผักเป็นนิสัย

01:08:1801:08:20 เป็นคนแบบออกกำลังกายเป็นนิสัยอ่ะเราถึง

01:08:2001:08:23 ได้รับสิ่งนั้นจริงๆแล้ว manifest ไม่ใช่

01:08:2301:08:27 กระบวนการ manifest คือการพัฒนาตัวเราอ่ะ

01:08:2701:08:30 จนเราขยายการเป็นหรือว่าเป็นนิสัยใหม่อ่ะ

01:08:3001:08:32 แล้วเราจะได้รับสิ่งใหม่โดยที่เราไม่ต้อง

01:08:3201:08:33 ใช้กระบวนการ manifest เลย

01:08:3301:08:34 >> อื

01:08:3401:08:37 >> เราจะไม่กลับมาถามว่าขอแบบนี้ได้มยเชื่อ

01:08:3701:08:40 ยังไงได้รับยังไงเราจะไม่มีกระบวนการเลย

01:08:4001:08:42 เพราะว่ามันเป็นการเป็นของเราไปแล้ว

01:08:4201:08:45 >> คือ manifest เกี่ยวกับนิสัยว่าเราพัฒนา

01:08:4501:08:48 ตัวเองพัฒนานิสัยเราเพื่อที่สมควรจะเป็น

01:08:4801:08:50 คนๆนั้นที่เราต้องการ

01:08:5001:08:51 >> ใช่ใช่

01:08:5101:08:53 >> หมายความว่าจริงๆแล้วอ่ะคะมันก็เป็นสิ่ง

01:08:5301:08:55 ที่ต้องแลกเหมือนกันใช่มั้ยคะไม่ใช่ใช่

01:08:5501:08:56 ได้ฟรีๆ

01:08:5601:09:00 >> อือาจจะต้องถามว่าเราแลกกับอะไรมากกว่า

01:09:0001:09:02 เพราะว่าสุดท้ายแล้วอ่ะสิ่งที่เรา

01:09:0201:09:05 manifest ก็เป็นชีวิตที่เราต้องการอยู่

01:09:0501:09:07 แล้วเราคงไม่ได้ manifest ในเชิงลบแต่

01:09:0701:09:09 ส่วนใหญ่อ่ะเราจะ manifest อัตโนมัติแล้ว

01:09:0901:09:11 จะได้ผลลบเพราะว่าสิ่งแวดล้อมหรือว่าสิ่ง

01:09:1101:09:13 ที่เราอยู่อ่ะมันทำให้เรา manifest

01:09:1301:09:14 อัตโนมัติ

01:09:1401:09:17 >> จริงๆแล้วมนุษย์ทุกคน manifest ตลอดเวลา

01:09:1701:09:18 >> อื

01:09:1801:09:21 >> เพียงแต่สิ่งที่เราได้รับเป็นสิ่งที่เรา

01:09:2101:09:24 ไม่ได้เลือกเช่นเราออกไปแบบดูข่าวเราก็จะ

01:09:2401:09:27 เจอเจออะไรที่มันเป็นโซนลบหรือว่าเขา

01:09:2701:09:30 อาชญากรรมมันเลยทำให้เราอ่ะอยู่ในโซนลบ

01:09:3001:09:32 เออให้รู้ไว้ว่าตอนเนี้ยเรากำลัง manifest

01:09:3201:09:34 อยู่เพียงแต่ว่าสิ่งนั้นเราไม่ได้เลือก

01:09:3401:09:37 แต่เวลาที่เราแบบตั้งจิตแล้วเรา manifest

01:09:3701:09:39 อ่ะเป็นชีวิตที่เราเลือกแล้วอ่ะแล้วเราลง

01:09:3901:09:42 มือทำแบบนั้นมันก็เลยเป็นจุดโฟกัส

01:09:4201:09:42 >> อื

01:09:4201:09:46 >> นั่นหมายความว่าถ้าสมมุติเรื่องของการมี

01:09:4601:09:47 สุขภาพดี

01:09:4701:09:50 >> เรา manifest เนี่ยดึงดูดเลยเราอยากเป็น

01:09:5001:09:52 คนที่มีสุขภาพดีแต่เราไม่ได้เปลี่ยนนิสัย

01:09:5201:09:54 ไม่ได้เปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองระหว่างหลัง

01:09:5401:09:57 นี้ให้เป็นคนที่สมควรจะเป็นคนที่มีสุขภาพ

01:09:5801:09:58 ดี

01:09:5801:10:00 >> นั่นหมายความว่าเราก็คงไปไม่ถึงสิ่งที่

01:10:0101:10:01 เราต้องการนั่นเอง

01:10:0101:10:04 >> ไม่มีทางใช่เพราะว่า manifest มันไม่ใช่

01:10:0401:10:07 ความคิดอ่ะค่ะแต่คิดซ้ำๆอ่ะถึงลงมือทำลง

01:10:0701:10:09 มือทำซ้ำๆเป็นนิสัยเพราะฉะนั้นถ้าไม่ได้

01:10:0901:10:12 เปลี่ยนนิสัยก็ไม่สามารถได้รับในสิ่งนั้น

01:10:1201:10:13 ได้

01:10:1301:10:14 >> ไม่มีทางลัดเนาะ

01:10:1401:10:17 >> ไม่มีทางลัดทางลัดคือทำไปเรื่อยๆค่ะมันก็

01:10:1701:10:20 เลยกลับไปตอบคำถามเดิมที่ว่าจริงๆแล้วอ่ะ

01:10:2001:10:22 manifest ไม่ใช่แบบตัณหาหมายถึงว่าไม่

01:10:2201:10:25 ใช่เป็นความอยากเพราะว่าเราไม่ได้ในสิ่ง

01:10:2501:10:27 ที่เราอยากเราอาจจะอยากหุ่นดีทุกคนก็อยาก

01:10:2701:10:29 ได้แบบ passive income แต่ไม่ใช่ทุกคน

01:10:2901:10:33 ที่จะได้อยู่ที่ว่าเราลงมือทำจนเป็นนิสัย

01:10:3301:10:36 แล้วไหมเออนิสัยความรับผิดชอบนิสัยแบบล้ม

01:10:3601:10:38 แล้วลุกขึ้นมาใหม่นิสัยอะไรพวกเนี้ยค่ะ

01:10:3801:10:40 ที่ทำให้เราไปได้รับสิ่งนั้นน่ะ

01:10:4001:10:42 >> คล้ายๆกับอันนึงที่เขาจะบอกว่าถ้าเราอยาก

01:10:4201:10:44 ได้ผลลัพธ์ใหม่แต่เรายังทำวิธีการเดิม

01:10:4401:10:46 เนี่ยไม่มีทางที่มันจะเกิดผลลัพธ์ใหม่

01:10:4601:10:47 ขึ้นได้

01:10:4701:10:49 >> ใช่จริงๆก็คือเรื่องเดียวกันเพราะว่าเป็น

01:10:4901:10:51 เรื่องแบบธรรมชาติเออ

01:10:5101:10:54 >> ออยากถามว่าในระหว่างที่เราตั้งเป้าเป้า

01:10:5401:10:56 หมายแล้วอ่ะค่ะแล้วก็อาจจะมีการลงมือทำ

01:10:5601:10:59 อย่างเข้มข้นมีวินัยมากขึ้นหรือกำลัง

01:10:5901:11:00 เปลี่ยนนิสัยเปลี่ยนตัวเองเปลี่ยน

01:11:0001:11:02 พฤติกรรมเนี่ยค่ะมันอาจจะมีความเครียด

01:11:0201:11:06 เกิดขึ้นบ้างเพราะว่ามันต้องสู้กับนิสัย

01:11:0601:11:09 เดิมๆเนาะอ่าอาจจะต้องมีคำการฝืนหรือหลาย

01:11:0901:11:11 ๆอย่างค่ะอยากรู้ว่าระหว่างที่ทำไปแล้ว

01:11:1101:11:14 เครียดกดดันตัวเองไปด้วยก็จะได้ผลลัพธ์

01:11:1401:11:15 เหมือนกันมั้คะ

01:11:1501:11:19 >> มันจะติดหลูปเท่าที่พี่เจอนะถ้าเกิดว่าทำ

01:11:1901:11:22 แล้วแบบทำไมฉันทำไม่ได้อ่ะมันทำให้เราไป

01:11:2201:11:25 ต่อไม่ได้เพราะฉะนั้นนั้นน่ะมันคือการทำ

01:11:2501:11:28 รับรู้ว่าเออตอนนี้ไม่ได้แล้วแบบไปต่ออ่ะ

01:11:2801:11:30 เหมือนกลับมาคิลิ่งตัวเองแล้วก็แบบไปต่อ

01:11:3001:11:33 เพราะฉะนั้นถ้าเกิดทำแล้วแบบเครียดทำด้วย

01:11:3301:11:35 ความอยากทำไมฉันทำไม่ได้ดีมากกว่าเนี้ย

01:11:3501:11:38 ค่ะมันจะทำให้เราอยู่โซนล่างอ่ะอยู่ใน

01:11:3801:11:41 อารมณ์ที่แบบเป็นเชิงลบอ่ะแล้วมันทำให้

01:11:4101:11:42 เราไปต่อไม่ได้

01:11:4201:11:44 >> นั่นหมายความว่าระหว่างที่เรากำลัง

01:11:4401:11:46 เปลี่ยนกำลังปรับเราก็ต้องมีการวางใจด้วย

01:11:4601:11:46 มั้ยคะ

01:11:4601:11:49 >> โออันนี้สำคัญมากจริงๆเป็นกระบวนการที่

01:11:4901:11:52 แบบคนแบบ 80-90% ติดเพราะว่ากระบวนการวาง

01:11:5201:11:54 ใจอ่ะเวลา Manifest อ่ะค่ะเรา manifest

01:11:5401:11:56 สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าเราเพราะฉะนั้นน่ะ

01:11:5601:11:59 สิ่งที่คนติดคือความอยากแก้ด้วยการแบบรู้

01:11:5901:12:01 สึกวางใจแต่เราจะวางใจไม่ได้นะคะถ้าเรา

01:12:0101:12:04 อยู่เฉยๆเราจะวางใจได้เมื่อเราลงมือทำ

01:12:0401:12:07 เท่านั้นมันทำให้ระยะสั้นลงเพราะว่าพอลง

01:12:0701:12:09 มือทำปุ๊บอ่ะมันกลับมาเติมความเชื่อเราพอ

01:12:0901:12:11 มันเติมความเชื่อมันทำให้ไอ้เส้นที่มัน

01:12:1101:12:14 เคยแบบ 100 ก.อ่ะมันลดเหลือเหลือแบบ 80

01:12:1401:12:16 อ่ะแล้วมันสั้นลงไปเรื่อยๆเพราะฉะนั้นการ

01:12:1601:12:19 วางใจไม่ได้เกิดจากการที่นั่งเฉยๆแล้วบอก

01:12:1901:12:21 ตัวเองว่าวางใจแต่เกิดจากการลืมตาไปใช้

01:12:2101:12:25 ชีวิตแล้วก็ลงมือทำไปเรื่อยๆค่ะทำให้ความ

01:12:2501:12:28 เชื่อแข็งแรงขึ้นการวางใจจะมากขึ้น

01:12:2801:12:30 >> อค่ะการวางใจก็เหมือนกับที่เราคุยกันไป

01:12:3001:12:32 ก่อนหน้านี้ว่าบางเรื่องที่มัน manifest

01:12:3201:12:34 สำเร็จก็คือเพราะว่าเราคิดเราวางใจเรา

01:12:3401:12:36 เชื่อว่าเราเอาอยู่อ่าอันนี้ก็เช่นกันคือ

01:12:3601:12:38 ระหว่างกระบวนการขั้นตอนที่เราจะไปถึง

01:12:3801:12:40 สิ่งที่เราตั้งใจเรากำลังเปลี่ยนหรืออะไร

01:12:4001:12:43 ก็ตามขอให้เชื่อมั่นละกันว่าเออวันนึงเรา

01:12:4301:12:44 จะไปถึงแหละ

01:12:4401:12:45 >> ใช่

01:12:4501:12:48 >> อ่าอย่างตอนแรกค่ะที่เราคุยกันแล้วคุณหมอ

01:12:4801:12:51 ฟ้าพูดถึงเรื่องของnoซคือคนที่ไม่ได้ป่วย

01:12:5101:12:53 แต่ว่าคิดว่าป่วยก็เลยเกิดเอฟเฟคกับร่าง

01:12:5301:12:56 กายทีนี้อยากรู้ว่าแล้วมีคนไหนที่เขาป่วย

01:12:5601:13:00 จริงๆแล้วสามารถหายได้ด้วยการทำสมาธิหรือ

01:13:0001:13:02 ว่าสามารถหายได้ด้วยพลังใจบ้างมอ่ะค่ะ

01:13:0201:13:04 >> อือพี่เองนี่แหละ

01:13:0401:13:07 >> เออคือตอนแรกเราป่วยแล้วมันหาสาเหตุไม่

01:13:0701:13:10 ได้พอหาสาเหตุไม่ได้เนี่ยหมอเขาก็เลย

01:13:1001:13:12 เหมือนแบบเออจะต้องพักนิดนึงและไอ้ช่วง

01:13:1201:13:15 นั้นน่ะด้วยความที่มันไม่มีทางแก้ในโลก

01:13:1501:13:17 ข้างนอกแล้วอ่ะค่ะพี่ก็เลยกลับมานั่งทำ

01:13:1701:13:20 สมาธิคือกลับมาอาจจะแบบไม่ได้นั่งสมาธิ

01:13:2001:13:22 ทั้งวันทั้งคืนนะคะแต่กลับมาพักแล้วก็

01:13:2201:13:25 กลับมาอยู่กับตัวเองแล้วจุดนั้นน่ะเป็น

01:13:2501:13:28 จุดที่ทำให้เราอ่ะค่อยๆหายจากตอนแรกอ่ะ

01:13:2801:13:31 เรานอนเองไม่ได้เริ่มกลับมานอนเองได้เออ

01:13:3101:13:34 แล้วก็เริ่มลดยาวิตกกังวลไปเรื่อยๆอ่ะค่ะ

01:13:3401:13:37 แล้วแค่ระยะเวลาประมาณ 2-3 เดือนอะไร

01:13:3701:13:39 ประมาณเนี้ยไอ้ตรงโรคที่เราแบบเป็นอยู่

01:13:3901:13:42 ตรงนั้นน่ะมันหายเองพี่เลยมี inspiration

01:13:4201:13:44 ตรงนั้นน่ะเป็นจุดศึกษาว่าเฮ้ยจริงๆแล้ว

01:13:4401:13:47 ความคิดของเราหรือว่าสิ่งที่เรารู้สึกอ่ะ

01:13:4701:13:49 มันไม่ใช่แค่ความรู้สึกแล้วนะมันสามารถทำ

01:13:4901:13:51 ให้เราป่วยแล้วมันไม่มีคำวินิจฉัยได้และ

01:13:5101:13:54 เป็นสิ่งที่ทำให้เราหายได้ซึ่งอันเนี้ยพอ

01:13:5401:13:56 เราไปศึกษาเขาเรียกว่าเป็นplซiboไอ้ตอน

01:13:5601:13:58 ที่แบบความคิดทำให้เราป่วยเขาเรียกว่า

01:13:5801:14:01 noซiboแต่ความคิดทำให้เราหายเขาเรียกว่า

01:14:0101:14:03 pasibอible

01:14:0301:14:06 ก็คือมันเป็นการทดลองเหมือนเขาเรียกว่ายา

01:14:0601:14:08 หลอกคือเหมือนแบ่งคนไข้ออกเป็น 2 กลุ่ม

01:14:0801:14:11 กลุ่มนึงอ่ะได้ยาจริงเช่นคนไข้เป็นเบา

01:14:1101:14:13 หวานแล้วก็ให้ยาจริงๆค่ะแล้วก็วัดปริมาณ

01:14:1301:14:17 น้ำตาลส่วน possible คือให้นางกินแป้งแต่

01:14:1701:14:19 ผลก็คือน้ำตาลลดเหมือนกัน

01:14:1901:14:21 >> อันนี้คือยาหลอกแป้งที่บอกนี่คือไม่ใช่

01:14:2101:14:25 แบบว่ากินแป้งนะคะเป็นเม็ดแป้งที่ทำเป็น

01:14:2501:14:29 เหมือนยาแล้วคนไข้อ่ะเข้าใจว่าอันนี้คือ

01:14:2901:14:32 ยาแต่จริงๆไม่ใช่ยาเป็นแค่เม็ดแป้งเฉยๆ

01:14:3201:14:35 แต่สิ่งที่รักษาเขาอ่ะคือจิตใจหรือว่า

01:14:3501:14:37 ความคิดของเขาเอง

01:14:3701:14:40 >> มีเคสไหนอีกมั้คะที่รักษาด้วย

01:14:4001:14:43 >> ในในฐานะที่พี่เป็นหมอฟันเนาะอาจจะแบบไม่

01:14:4301:14:45 ไม่ใช่เป็นเชิงรักษาแต่ว่าเล่าแบบตลกๆ

01:14:4501:14:46 แล้วกัน

01:14:4601:14:49 >> ส่วนมากเนี่ยคนจะกลัวเวลามาหาหมอฟันมี

01:14:4901:14:52 ความทรงจำอันเลวร้ายอะไรอย่างเงี้ยโดย

01:14:5201:14:54 เฉพาะพาร์ทแบบผ่าฟันคุดอ่ะถ้าเมื่อไหร่ก็

01:14:5401:14:57 ตามที่คนไข้เดินมาด้วยความกลัวนะยาชา

01:14:5701:15:01 ไม่เคยชาเลยประสบการณ์ตรงเลยคือยาชาปกติ

01:15:0101:15:04 ฉีดแล้วอ่ะต้องชาเพราะว่ามันเป็นเฉพาะที่

01:15:0401:15:08 ไงคะมันไม่ควรมีกลไกอื่นแล้วอ่ะแต่พี่เคย

01:15:0801:15:11 เจอแบบคนไข้ปวดแล้วแบบกลัวกลัวพอกลัวปุ๊บ

01:15:1101:15:15 อ่ะเราใส่ยาชาไปแบบ 3 หลอด 4 หลอดแล้วอ่ะ

01:15:1501:15:17 คนไข้ไม่ชาค่ะเพราะว่าความกลัวที่คนไข้

01:15:1801:15:21 สร้างขึ้นความคิดที่เขากลัวมันทำให้ระบบ

01:15:2101:15:23 การช้าไม่ช้าร่างกายสามารถผิดเพี้ยนไปได้

01:15:2301:15:25 หมดเลยตามความคิดของเขาอ

01:15:2501:15:26 >> อื

01:15:2601:15:27 >> แหลกเหมือนกันเลย

01:15:2701:15:28 >> เออใช่

01:15:2801:15:32 >> โหทีนี้จริงๆอันนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น

01:15:3201:15:35 จริงๆเนาะที่เรามาพูดก็คือมีคนที่หายได้

01:15:3501:15:38 ด้วยการทำสมาธิหรือหายได้ด้วยพลังใจแต่

01:15:3801:15:41 ว่าเราก็ไม่ได้หมายความว่าท่านที่กำลังมี

01:15:4101:15:45 การรักษาอยู่จะหยุดการรักษาแล้วมาทำแบบ

01:15:4501:15:46 นี้เลยอย่างี้ใช่มั้คะ

01:15:4601:15:50 >> อ๋อใช่อันนี้พี่แบบไม่สนับสนุนมากๆถ้ามี

01:15:5001:15:52 โรคอะไรอยู่หรือว่าดูแลตัวเองยังไงไปหา

01:15:5201:15:56 หมอแบบไหนอ่ะค่ะทำไปตามนั้นเพียงแต่ว่า

01:15:5601:15:58 ที่เรามาคุยกันในวันเนี้ยค่ะเพื่อเป็นจุด

01:15:5801:16:01 ว่าอ๋อจริงๆแล้วเนี่ยความคิดเราเขาสามารถ

01:16:0101:16:05 รักษาร่างกายเราได้เราช่วยคุณหมอเขาด้วย

01:16:0501:16:07 เออคือนี่มันเป็นร่างกายของเราเราอาจจะไป

01:16:0701:16:10 เจอหมอแบบเดือนละครั้งอ่ะแต่เราเป็นคนที่

01:16:1001:16:13 อยู่กับตัวเราตลอดเวลามันจะดีมยถ้าโอเค

01:16:1301:16:16 เราได้กินยาซึมเศร้านะเรามีภาวะวิโตกังวล

01:16:1601:16:18 นะเรากินไปแต่ว่าเรากลับมาบอกรักร่างกาย

01:16:1901:16:21 เรามั้ยเรากลับมาดูแลร่างกายในส่วนที่เรา

01:16:2101:16:24 ทำได้เพื่อเสริมเค้าอ่ะค่ะและถ้าตรงนี้

01:16:2401:16:26 เค้าดีอ่ะเดี๋ยวคุณหมอเขาจะเป็นคนลดยาเอง

01:16:2601:16:29 ไม่ได้สนับสนุนว่าโอ้ทุกคนจะต้องลุกขึ้น

01:16:2901:16:32 มาทำสมาธิแล้วจะต้องมาแบบรักษาตัวเองค่อย

01:16:3201:16:34 ๆไปตามจังหวะถ้าอะไรที่ต้องอยู่ในวงการ

01:16:3401:16:38 แพทย์ทำตามนั้นแต่ช่วยร่างกายเราด้วยจาก

01:16:3801:16:40 ที่แบบโอ๊ยเเราอาจจะกินยายาวกว่านี้เรา

01:16:4001:16:42 อาจจะกินยาสั้นลงแล้วเดี๋คุณหมอเขาจะลดไป

01:16:4201:16:46 เองค่ะถ้าอาการดีเขาจะปล่อยแบบลดยาเองแต่

01:16:4601:16:48 ไม่ต้องแบบไปทำเองอะไรอย่างเงี้ย

01:16:4801:16:51 >> อยากรู้ว่าสมาธิเนี่ยเ้ามีกระบวนการยังไง

01:16:5101:16:55 ที่ทำให้อาการป่วยดีขึ้นได้อ่าคือทำงาน

01:16:5501:16:56 ยังไงกับร่างกายอ่ะค่ะอ

01:16:5601:17:00 >> อืจริงๆอ่ะสมาธิอ่ะเป็นจุดของปัจจุบันขณะ

01:17:0001:17:00 >> อื

01:17:0001:17:04 >> ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนสมมุติว่าเราเคยป่วย

01:17:0401:17:07 แบบนี้เราจะมีความคิดแบบเนี้จนทำให้เรา

01:17:0701:17:09 ป่วยอย่างบางคนคิดมากอ่ะเราจะคิดวนอยู่

01:17:0901:17:12 กับเรื่องเดิมๆแล้วพอเราคิดวนอยู่ซ้ำๆอ่ะ

01:17:1201:17:14 ค่ะมันทำให้เราสมว่าวนซ้ำๆอันเนี้ยทำให้

01:17:1401:17:17 เราเป็นโรคนี้แต่เวลาที่เราฝึกสมาธิอ่ะ

01:17:1701:17:19 เวลามีความคิดเรากลับมาที่ลมหายใจเวลามี

01:17:1901:17:22 ความคิดเรากลับมาที่จุดศูนย์กลางมันทำให้

01:17:2201:17:25 เราอ่ะไม่ได้ไปเลือกไอ้ความคิดวนนั้นและ

01:17:2501:17:28 ทำให้เราเลือกเส้นทางใหม่เฉยๆงั้นพี่มอง

01:17:2801:17:30 ว่าสมาธิคือจุดสำคัญที่ทำให้เรากลับมา

01:17:3001:17:33 อยู่กับปัจจุบันขนาดเพื่อให้เราไม่ได้ไป

01:17:3301:17:36 เลือกในสิ่งที่เราเคยเลือกแล้วมันสร้าง

01:17:3601:17:39 โลกให้เราอ่ะอ่าทำให้เราแบบเลือกใหม่และ

01:17:3901:17:42 อีกจุดนึงที่สำคัญมากๆคือเวลาที่เราฝึก

01:17:4201:17:45 สมาธิอ่ะค่ะมันเกี่ยวข้องกับลมหายใจคือ

01:17:4501:17:47 เราจะสังเกตมยถ้าเราทำสมาธิไปเรื่อยๆลม

01:17:4701:17:50 หายใจเราจะช้าลงเราจะหายใจได้แบบละเอียด

01:17:5001:17:53 ขึ้นพอลมหายใจดีอ่ะมันดันไปสอดคล้องกับ

01:17:5301:17:54 การทำงานของร่างกาย

01:17:5501:17:57 >> ก็คล้ายๆกับเราคุยกันไปแล้วใน EP ที่แล้ว

01:17:5801:18:00 เนาะว่าลมหายใจสัมพันธ์สอดคล้องกับการทำ

01:18:0001:18:02 งานของร่างกายยังไงถ้าท่านไหนยังไม่ได้

01:18:0201:18:05 ฟังนะคะก็ตามไปฟังกันได้นะคะสุดท้ายค่ะ

01:18:0501:18:08 แพนด้ามีคำถามนึงอยากถามคุณหมอมากมากแล้ว

01:18:0801:18:09 แพนด้าว่าคุณหมอน่าจะเป็นคนที่มี

01:18:0901:18:12 ประสบการณ์ตรงด้วยก็คือการขอบคุณร่างกาย

01:18:1201:18:15 เนี่ยสำคัญยังไงและการขอบคุณร่างกายเนี่ย

01:18:1501:18:17 จะทำให้เราสุขภาพดีขึ้นได้ด้วยไหม

01:18:1701:18:21 >> อันเนี้ยมันอาจจะไม่ได้มีแบบโอวิจัยที่

01:18:2101:18:22 ออกมาชัดเจนเพราะว่ามันทำกับร่างกาย

01:18:2301:18:26 มนุษย์นะคะแต่ว่าสิ่งที่พี่ทำมาโดยตลอด

01:18:2601:18:29 ตอนนั้นน่ะตัวที่พี่แบบว่ามีภาวะซึมเศร้า

01:18:2901:18:31 อ่ะแล้วขึ้นมาได้อ่ะเกิดจากการกลับมา

01:18:3101:18:34 ขอบคุณร่างกายเพราะว่าเรารู้ว่าทุกเสียง

01:18:3401:18:37 ทุกความคิดที่มันส่งไปอ่ะมันส่งผลต่อ

01:18:3701:18:39 เซลล์ในร่างกายหลายคนอาจจะแบบเออ้ยแล้ว

01:18:3901:18:41 มันมีแบบงานวิจัยมั้ยหรืออะไรมยสำหรับพี่

01:18:4101:18:44 พี่รู้สึกว่าการทำสิ่งเนี้ยไม่มีอะไรเสีย

01:18:4401:18:48 หายพี่หายมาได้จากการที่เรากลับมาขอบคุณ

01:18:4801:18:50 เขาแล้วเวลาที่เราขอบคุณไปเรื่อยๆอ่ะเรา

01:18:5001:18:54 กำลังฝึกตัวเองให้ชินกับการขอบคุณซึ่ง

01:18:5401:18:55 สิ่งนั้นน่ะมันเป็นคลื่นพลังงานบวกอยู่

01:18:5501:18:58 แล้วงั้นพอเราเริ่มชินกับการขอบคุณน่ะสาร

01:18:5801:19:01 เคมีในร่างกายเราก็ชินกับพลังงานบวกเราก็

01:19:0101:19:04 เลยค่อยๆแบบรู้สึกดีขึ้นแล้วก็ใช้สิ่งเใน

01:19:0401:19:06 การกลับมา healing หรือว่ากลับมาเยียวยา

01:19:0601:19:07 ร่างกายได้ค่ะ

01:19:0701:19:10 >> แล้วเราจะมีวิธีในการขอบคุณร่างกายที่คุณ

01:19:1001:19:12 หมออยากแนะนำแล้วก็สามารถทำตามได้ง่ายๆ

01:19:1201:19:12 บ้างมั้คะ

01:19:1201:19:16 >> ตอนนั้นที่พี่ทำนะคือตอนเช้ากับก่อนนอน

01:19:1601:19:19 น่ะพี่จะกลับมาที่ร่างกายก่อนเออแล้วก็

01:19:1901:19:22 กลับมาแบบเอ้ยขอบคุณนะขอบคุณร่างกายอะไร

01:19:2201:19:24 อย่างเงี้ยค่ะแล้วก็ใช้แบบทุกกิจวัตรหรือ

01:19:2401:19:27 ว่าสิ่งที่เราทำอ่ะเป็นการกลับมาขอบคุณ

01:19:2701:19:30 ทุกอย่างเลยเช่นในวันที่กินข้าวเราต้อง

01:19:3001:19:33 กินข้าวอยู่แล้วใช่มั้คะเวลากินข้าวเราจะ

01:19:3301:19:35 กินด้วยความภาวนาหรือว่ากินด้วยความ

01:19:3501:19:37 ขอบคุณเพราะว่าจริงๆข้าวก็มาจากแผ่นดิน

01:19:3701:19:39 น่ะค่ะเขาหล่อเลี้ยงเราเพราะฉะนั้นน่ะเรา

01:19:3901:19:43 กินเหมือนแบบค่อยๆกินไม่ต้องรีบแล้วก็

01:19:4301:19:47 ขอบคุณในขณะที่กินกินข้าวดื่มน้ำหรือว่า

01:19:4701:19:49 ทำอะไรถ้าเรานึกได้เราจะให้เหมือนกับคำ

01:19:4901:19:52 ขอบคุณเนี้ยอยู่ในวิถีชีวิตเราเลยไม่ว่า

01:19:5201:19:54 เราจะทำอะไรก็ตามอย่างเงี้ยไปเรื่อยๆอ่ะ

01:19:5401:19:57 แรกๆมันก็ดูขัดๆอ่ะแต่พอทำไปเรื่อยๆทุก

01:19:5701:19:59 ครั้งที่เรากินข้าวเราก็แบบทำสิ่งนี้จน

01:19:5901:20:02 มันชินไปแล้วอ่ะเพื่อสร้างเส้นทางในสมอง

01:20:0201:20:05 ใหม่สร้างสารเคมีในร่างกายใหม่อ่ะเออ

01:20:0501:20:08 >> อค่ะโอเป็นกันขอบคุณทั้งร่างกายขอบคุณทุก

01:20:0801:20:08 อย่าง

01:20:0801:20:11 >> เออมันจะทำให้เรารู้สึกว่าจริงๆแล้วเราก็

01:20:1101:20:13 เป็นคนนึงที่ได้รับและเป็น

01:20:1301:20:13 >> ใช่

01:20:1401:20:16 >> เออเพราะว่าบางครั้งเนี่ยเรามีหลายๆอย่าง

01:20:1601:20:19 >> แต่พอเราไม่เคยขอบคุณหรือแม้กระทั่งร่าง

01:20:1901:20:22 กายตัวเองที่เราก็มีอยู่อย่างจริงๆอ่ะแต่

01:20:2201:20:24 ว่าเราพอเราไม่ได้ขอบคุณเนาะเรามองข้ามเา

01:20:2401:20:29 เกินไปอ่าจริงๆก็มีผลต่อกันหมดเลยอ่

01:20:2901:20:31 >> ทั้งหมดที่เราคุยกันมาในวันนี้ค่ะใน

01:20:3101:20:33 เรื่องของการที่จะดึงดูดสุขภาพดีเนี่ย

01:20:3301:20:37 เอ่อจริงๆแล้วทุกๆคนสามารถที่จะทำได้อ่า

01:20:3701:20:39 แต่ว่าจะมา manifest ยังไงให้สำเร็จหรือ

01:20:3901:20:41 อะไรก็ตามอันนี้เป็นสิ่งที่เราต้องไปถาม

01:20:4101:20:46 ตัวเองแล้วก็ขอในสิ่งที่เราก็คิดว่าเฮ้ย

01:20:4601:20:49 เราจะมีความเชื่อว่าเราจะได้รับแล้วก็ลง

01:20:4901:20:52 มือทำนิสัยเปลี่ยนพฤติกรรมให้เรามีความ

01:20:5301:20:55 เชื่อมีหลักฐานในการเชื่อแล้ววันนึงมันก็

01:20:5501:20:58 จะสำเร็จแล้วก็ในการขอสิ่งใดสิ่งนั้นก็

01:20:5801:21:01 ต้องเป็นสิ่งที่เราก็คือออกจากเซฟโซนออก

01:21:0101:21:03 จาก comfort โซนหน่อยอ่าแต่อาจจะไม่ใช่

01:21:0301:21:06 สิ่งที่ไกลตัวมากเกินไปเพราะว่าพอเราตั้ง

01:21:0601:21:08 อะไรที่ไกลตัวมากเกินอาจจะทำให้บั่นทอน

01:21:0801:21:11 ตัวเองอ่าค่ะอันนี้ก็ค่อยๆเป็นค่อยๆไป

01:21:1101:21:15 เนาะรวมถึงเรื่องของ noble pri ด้วยความ

01:21:1501:21:17 คิดของเราเนี่ยมีผลต่อร่างกายของเราแม้

01:21:1701:21:19 ว่าตอนนี้เราอาจจะไม่ได้เจ็บป่วยแต่ว่า

01:21:1901:21:22 เรามีความคิดที่ว่าเราป่วยหรือคิดไม่ดี

01:21:2201:21:24 คิดเชิงลบกับสุขภาพร่างกายก็เอ้ยเราก็อาจ

01:21:2401:21:26 จะป่วยขึ้นมาจริงๆกับอีกอย่างนึงคือถ้า

01:21:2601:21:30 สมมุติเราป่วยอยู่ก็อาจจะลองplางใจแล้วก็

01:21:3001:21:32 เชื่อว่าร่างกายเนี้ยจะ healing จะรักษา

01:21:3301:21:35 ตัวเขาเองได้ในขะขณะเดียวกันคือท่านไหน

01:21:3501:21:38 ที่มีการรักษาอยู่ก็ทำควบคู่กันไปนะคะไม่

01:21:3801:21:41 ได้บอกให้หยุดการรักษาอะไรเนาะเพราะว่าทำ

01:21:4101:21:43 ควบคู่กันไปไม่มีอะไรเสียหายสมองเนี่ย

01:21:4301:21:46 เป็นอวัยวะนึงที่สำคัญมากๆแล้วก็อยู่กับ

01:21:4601:21:49 เราตั้งแต่เกิดจนวันสุดท้ายของชีวิตเลย

01:21:4901:21:51 แล้วสมองเนี่ยเราต้องดูแลยังไงบอกก่อนเลย

01:21:5101:21:52 นะคะว่า EP นี้เนี่ยเราจะพาทุกท่านเนี่ย

01:21:5301:21:55 มาเพิ่มพลังโฟกัสด้วยสมาธิกันค่ะแล้วจะ

01:21:5501:21:57 เป็นใครไม่ได้นะคะที่จะให้คำตอบเรื่องนี้

01:21:5701:22:00 ได้ดีนั่นก็คือคุณหมอฟ้าจากเพจหมอฟ้า

01:22:0001:22:02 สมาธิศาสตร์สวัสดีค่ะคุณหมอ

01:22:0201:22:04 >> สวัสดีค่ะ

01:22:0401:22:05 >> อ่าวันนี้เจอกันอีกแล้วนะคะ

01:22:0501:22:06 >> ค่ะ

01:22:0601:22:08 >> อยากชวนคุยในเรื่องของการที่เราจะเพิ่ม

01:22:0801:22:11 พลังโฟกัสค่ะด้วยการทำสมาธิก่อนอื่น

01:22:1101:22:14 พันน้าอยากถามก่อนว่าอย่างสมองของเรา

01:22:1401:22:16 เนี่ยค่ะแพนด้าก็จะรู้ว่าสมองของเราเนี่ย

01:22:1601:22:19 ก็จะมีบางอย่างที่เป็นขยะเนาะเออแล้วอะไร

01:22:1901:22:21 บ้างที่ถือเป็นขยะสมองค่ะอ

01:22:2101:22:23 >> ขยะสมองในที่เนี้ยอ่ะขยะเวลาเรานึกถึงขยะ

01:22:2301:22:25 ก็คือสิ่งที่เราไม่ต้องการหรือว่าเรา

01:22:2601:22:28 ต้องการที่จะทิ้งใช่มั้ยคะสมองคือสิ่งที่

01:22:2801:22:30 อยู่ในความคิดเราอาจจะต้องกลับมาคิดว่า

01:22:3001:22:33 เอ้ยอันไหนที่เราคิดวนแล้วทำให้เรารู้สึก

01:22:3301:22:35 เป็นทุกข์แล้วเราอยากจะกำจัดออกอันนั้น

01:22:3601:22:38 น่ะถือว่าเป็นขยะเออคือเหมือนคิดแล้วมัน

01:22:3801:22:40 แบบไม่ได้เกิดอะไรขึ้นมาหรือว่าอยู่ตรง

01:22:4001:22:42 นี้แล้วทำให้เราเป็นทุกข์อ่ะค่ะ

01:22:4201:22:44 >> เอออันนั้นคือขยะที่เราแบบค่อยๆเคลียร์

01:22:4401:22:45 ออกไป

01:22:4501:22:47 >> รวมถึงสิ่งที่เราสะสมมาโดยที่เราไม่รู้

01:22:4701:22:48 ตัวด้วยมั้คะ

01:22:4801:22:50 >> ใช่เพราะว่าเวลาที่เราออกไปใช้ชีวิตอ่ะ

01:22:5001:22:53 ค่ะสื่อที่เราเซฟสิ่งที่เราเห็นโดยที่เรา

01:22:5301:22:55 เข้ามาสิ่งนั้นน่ะพอเข้ามาที่สมองก็เข้า

01:22:5501:22:57 ไปสู่จิตใต้สำนึกหรือว่าตัวเราเหมือนกัน

01:22:5701:23:00 อันนั้นก็ถือว่าเป็นขยะถ้าเป็นสิ่งที่เรา

01:23:0001:23:03 แบบไม่ต้องการหรือว่าไม่ได้ตั้งใจให้เกิด

01:23:0301:23:03 ขึ้น

01:23:0301:23:06 >> แล้วอย่างเงี้ยค่ะเราจะสามารถสังเกตร่าง

01:23:0601:23:08 กายหรือว่ามีเอฟเฟคทางร่างกายอะไรบ้างที่

01:23:0801:23:10 จะทำให้เรารู้ว่าเฮ้ยตอนเนี้ยสมองของเรา

01:23:1001:23:12 เนี่ยมีขยะมากเกินไป

01:23:1201:23:15 >> อันนี้อาจจะแชร์จากประสบการณ์ของพี่แล้ว

01:23:1501:23:18 กันนะคะเพราะฉะนั้นขยะคือสิ่งที่เรารับมา

01:23:1801:23:20 แล้วทำให้เราเป็นทุกข์เออสำหรับพี่อ่ะถ้า

01:23:2001:23:22 เกิดว่าเราเช็คก็คือพี่จะเช็คว่าช่วงนั้น

01:23:2201:23:25 น่ะพี่มีความเครียดหรือว่าวิตกกังวลเยอะ

01:23:2501:23:29 ไหมหรือว่าทำอะไรแล้วแบบรีบๆลนๆโฟกัสไม่

01:23:2901:23:32 ได้แล้วรู้สึกแบบไม่สุขสบายอ่ะรู้สึกรู้

01:23:3201:23:33 สึกโฟกัสไม่ได้เพราะถ้าเกิดโฟกัสไม่ได้

01:23:3301:23:35 มันเกิดแบบผลงานไม่ได้ไงคะเพราะฉะนั้น

01:23:3601:23:39 ช่วงไหนที่รู้สึกเครียดเยอะๆกังวลเยอะๆ

01:23:3901:23:42 คิดมากๆคิดในสิ่งที่ยังไม่เกิดแล้วทำให้

01:23:4201:23:45 เรากลับมาวนๆอะไรอย่างเงี้ยคือให้รู้ว่า

01:23:4501:23:47 เออตรงนั้นถึงเวลาที่เราจะต้องแบบมา

01:23:4701:23:50 เคลียร์ละเราได้รับข้อมูลที่มากเกินไป

01:23:5001:23:53 เพราะว่าข้อมูลที่เข้ามาเข้ามาที่หัวแต่

01:23:5301:23:55 มันมีความรู้สึกที่ใจไงเข้ามาแล้วมันทำ

01:23:5501:23:57 ให้เรารู้สึกอะไรที่ทำให้เรารู้สึกที่มัน

01:23:5701:23:59 ไม่ดีอ่ะคือนั่นแหละถึงเวลาที่เราจะต้อง

01:23:5901:24:02 เที่ยวอือค่ะแล้วอย่างถ้าสมมุติการนอนไม่

01:24:0201:24:04 หลับอ่าอาการนอนไม่หลับที่เกิดขึ้นกับ

01:24:0401:24:07 ร่างกายเนี่ยค่ะสามารถสะท้อนกับสุขภาพ

01:24:0701:24:08 สมองของเราได้มั้คะ

01:24:0801:24:11 >> โอแน่นอนเพราะเราคิดเยอะเราพักไม่เป็นเรา

01:24:1101:24:14 คิดตลอดเวลาค่ะเพราะฉะนั้นเราก็ชินกับ

01:24:1401:24:16 ความคิดติดอยู่ที่หัวเพราะฉะนั้นเวลาที่

01:24:1601:24:18 เรารู้สึกว่าเราจะต้องพักอ่ะเขารู้สึกว่า

01:24:1801:24:21 โหมดพักเป็นโหมดที่เขาไม่ชินเขาก็เลยนอน

01:24:2101:24:24 เองไม่ได้หรือบางคนแบบไปเที่ยวเออเหมือน

01:24:2401:24:26 จะไปพักเตก็กลับมาคิดอีกอะไรอย่างเงี้ย

01:24:2601:24:28 ค่ะเพราะฉะนั้นการคิดบนเป็นเรื่องสำคัญ

01:24:2801:24:30 มากเพราะว่ามันเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยน

01:24:3001:24:31 แปลงสมองด้วย

01:24:3101:24:33 >> คุณหมอบอกแพนด้าว่าจริงๆสมองของคนเรา

01:24:3301:24:35 เนี่ยสามารถเปลี่ยนได้เปลี่ยนเส้นทางได้

01:24:3501:24:37 ด้วยแล้วมันคืออะไรอ่ะคะ

01:24:3701:24:39 >> อเอ่ออันเนี้ยเขาเรียกว่าเป็น neur

01:24:3901:24:43 plasticity neur คือสมองพลาสติกคือยืด

01:24:4301:24:44 หยุ่น

01:24:4401:24:47 >> เปลี่ยนเส้นทางได้พี่พูดอย่างงี้เวลาที่

01:24:4701:24:49 อ่ะพี่คุยกับแพนด้าอย่างเงี้ยมีเสียงเข้า

01:24:4901:24:51 มาหรือว่าเราเห็นอะไรอ่ะค่ะมันจะเกิด

01:24:5101:24:54 สัญญาณขึ้นในสมองแล้วเวลาสมองเคยเห็นที่

01:24:5401:24:55 เขาเป็นโครงข่ายมย

01:24:5501:24:56 >> ค่ะ

01:24:5601:24:59 >> เออเขาจะเกิดการคุยกันด้วยสารเคมีคือเขา

01:24:5901:25:01 จะแบบอย่างเงี้ยแล้วเขาจะคุยกันด้วยสาร

01:25:0101:25:04 เคมีเขาเรียกกระบวนการเว่าเป็นการไซนAP

01:25:0401:25:06 อ่ามันเป็นศัพท์การแพทย์แบบไม่ต้องสนใจ

01:25:0601:25:08 หรอกพูดง่ายๆคือทุกครั้งที่เราได้รับอะไร

01:25:0801:25:10 มาเขาจะคุยกันแล้วเขาเกิดการเชื่อมกัน

01:25:1001:25:13 เพราะฉะนั้นเนี่ยสิ่งที่เราทำซ้ำๆจะกลาย

01:25:1301:25:15 เป็นสิ่งที่เขาคุยกันและเชื่อมกันแบบนี้

01:25:1501:25:16 >> อื

01:25:1601:25:18 >> แล้วมันจะถูกเซตอ่ะเป็นแบบเหมือนกับ

01:25:1801:25:21 เชื่อมแข็งไปแล้วอ่ะในตอนที่อายุ 25

01:25:2101:25:23 สังเกตว่าหลังอาย 25 เราจะแบบเปลี่ยนแปลง

01:25:2301:25:26 ได้ยากเพราะว่ามันถูกเซ็ตอ่ะค่ะสมองที่

01:25:2601:25:29 ถูกเซ็ตคือตัวเราที่ถูกเซ็ตทีนี้เคยเห็น

01:25:2901:25:31 คนที่เป็นอัมพฤกอัมพาตมั้ยที่บางทีเขา

01:25:3101:25:34 เป็นสตกสตกคือเส้นเลือดในสมองตีบถูกมั้คะ

01:25:3501:25:37 และตอนแรกเขาอาจจะแบบยังเดินไม่ได้สักพัก

01:25:3701:25:39 เเริ่มเดินได้มันอาจจะไม่ได้กลับมา 100%

01:25:3901:25:42 แต่ว่าเขาจะกลับมาเดินได้นั่นแหละเกิดจาก

01:25:4201:25:45 การที่สมองเขาสามารถซ่อมสร้างตัวเองได้ที

01:25:4501:25:48 เนี้ยจุดสำคัญก็คือว่าเขาเคยเชื่อมกัน

01:25:4801:25:51 อย่างเงี้ยมา 25 ปีจุดสำคัญคือถ้าวันนี้

01:25:5101:25:54 เรารู้สึกว่าเราอยากเป็นคนใหม่เราจะ

01:25:5401:25:56 เปลี่ยนแปลงสมองอ่ะมันเลยต้องกลับมาที่

01:25:5601:25:59 การโฟกัสมันคือกลับมาจุดของปัจจุบันขณะ

01:25:5901:26:02 แล้วเกิดการโฟกัสก่อนเพราะว่าเวลาเขา

01:26:0201:26:04 เชื่อมกันอย่างเงี้ยเขาเชื่อมเป็นอutโมติ

01:26:0401:26:06 เขาเชื่อมเป็นระบบประสาทอัตโนมัติไปแล้ว

01:26:0601:26:09 เคยทำแบบนี้มาตั้ง 25 ปีเขาทำแบบนี้ซ้ำๆ

01:26:0901:26:12 อ่ะค่ะการที่เราจะเปลี่ยนนิสัยใหม่เป็นคน

01:26:1301:26:15 ใหม่เราเลือกเส้นทางใหม่เราต้องมีการ

01:26:1501:26:16 โฟกัส

01:26:1601:26:16 >> อื

01:26:1601:26:19 >> เพราะถ้าไม่โฟกัสเราจะกลับไปที่ร่องสมอง

01:26:1901:26:22 เดิมงั้นเนี่ยสมองสามารถเปลี่ยนแปลงได้

01:26:2201:26:25 แต่คุณสมบัติสำคัญคือเราจะต้องกลับมาที่

01:26:2501:26:26 จุดของการโฟกัสก่อน

01:26:2601:26:27 >> อื

01:26:2701:26:29 >> เออเพื่อรู้ก่อนว่าเฮ้ยเนี่ยเนี่ยมันเป็น

01:26:2901:26:32 แบบตัวเก่าของฉันนะฉันจะเป็นคนใหม่มัน

01:26:3201:26:34 ต้องรู้ตัวกลับมาจุดตรงนี้ก่อนอ

01:26:3401:26:38 >> อืคือสมองจะเปลี่ยนได้เราต้องมีโฟกัส

01:26:3801:26:38 >> ใช่

01:26:3801:26:42 >> อ่าถามต่อค่ะว่าแล้วพฤติกรรมอะไรบ้างที่

01:26:4201:26:44 ทำลายโฟกัสของเราอ่ะ

01:26:4401:26:47 >> อย่างแบบมากสุดทำลายโฟกัสโฟกัสคือแสง

01:26:4701:26:48 เลเซอร์อ

01:26:4801:26:51 >> คือทำสิ่งหนึ่งในครั้งหนึ่ง

01:26:5101:26:54 >> อ่าให้นึกถึงเคยเล่นเกมแบบตอนเด็กๆมั้คะ

01:26:5401:26:57 ที่เราเอาแว่นขยายมาคือแสงแดดมันก็แค่

01:26:5701:26:59 ร้อนใช่ป่ะแต่ถ้าเราแว่นแว่นขยายมาเขา

01:26:5901:27:02 สามารถโฟกัสแล้วมันทำให้กระดาษไหม้ได้อ่ะ

01:27:0201:27:06 โฟกัสคือทำ 1 อย่างณชั่วขณะนั้นจนเป็นแสง

01:27:0601:27:08 เลเซอร์เลยเพราะฉะนั้นเนี่ยตรงข้ามกับการ

01:27:0801:27:11 ทำโฟกัสคือทำมันทุกอย่างเพราะฉะนั้นพอทำ

01:27:1101:27:14 ทุกอย่างอ่ะเราไม่สามารถใส่โฟกัสไปในอะไร

01:27:1401:27:17 ได้อ่ะค่ะถามว่ามันเกิดงานมอ่ะเกิดงานแต่

01:27:1701:27:20 ว่าถามว่าคุณภาพจะเป็นแบบไหนอ่ะอันนี้อีก

01:27:2001:27:23 เรื่องนึงแต่ไม่ดีกับสมองแน่ๆเพราะว่า

01:27:2301:27:25 สมองเขาแบบไม่ได้เกิดมาเพื่อนทสอ่ะขนาด

01:27:2501:27:27 เขาจะเปลี่ยนเขายังต้องโฟกัสเลยอ่ะเขาถึง

01:27:2801:27:29 จะเปลี่ยนได้เพราะมันเป็นธรรมชาติของเขา

01:27:2901:27:30 อะไรเงี้ยอ

01:27:3001:27:32 >> อืคือทำอะไรทำทีละอย่างก่อน

01:27:3201:27:33 >> ทีละอย่าง

01:27:3301:27:34 >> อ่าค่ะ

01:27:3401:27:37 >> แต่ว่าในปัจจุบันเนี้ยค่ะโลกมันหมุนไวมาก

01:27:3701:27:41 เนาะแล้วก็เราต้องใช้ชีวิตให้มันทันกับ

01:27:4101:27:44 โรคที่หมุนไวอ่าก็จะมีเรื่องของการบริหาร

01:27:4401:27:47 เวลาเกิดขึ้นเช่นบางคนรู้สึกว่าใน 1

01:27:4701:27:49 ชั่วโมงเฉันต้องทำอะไรให้มันได้เยอะๆถึง

01:27:4901:27:52 จะแบบรู้สึกว่าเป็นคนโปรดักเป็นคนที่แบบ

01:27:5201:27:55 เออมีคุณภาพอย่างเงี้ยอ่าจริงๆสิ่งเนี้ย

01:27:5501:27:56 มันดีหรือไม่ดียังไงคะ

01:27:5601:27:58 >> แบบไม่ได้อยากบอกว่าแบบดีไม่ดีเลยเพราะ

01:27:5901:28:02 ว่าแต่ละคนเขาก็จะมีแบบสไตล์ของเขาพี่อาจ

01:28:0201:28:05 จะแชร์ในมุมของพี่แล้วกันว่าในสำหรับพี่

01:28:0501:28:08 อ่ะค่ะที่แบบเออเราฝึกสมาธิมาแล้วก็เราทำ

01:28:0801:28:10 งานแบบหลายอย่างด้วยอ่ะการโฟกัสอ่ะเป็น

01:28:1001:28:14 สิ่งที่พี่ทำเสมอคือทำได้แค่ 1 อย่างณ

01:28:1401:28:17 ชั่วขณะนั้นนะคะแล้วสิ่งสำคัญคือมันไม่

01:28:1701:28:19 เครียดอ่ะสมมุติว่าอันนั้นเราก็ต้องทำอัน

01:28:1901:28:22 นี้ก็ต้องทำอ่ะค่ะมากกว่าสมองเครียดอ่ะ

01:28:2201:28:25 คือร่างกายเราเครียดนะสังเกตมว่าทำอะไร

01:28:2501:28:30 เราก็จะแบบรีบไปหมดอ่ะเพราะว่ากำลังความ

01:28:3001:28:33 สอนร่างกายเรากำลังสอนสมให้ชินกับความ

01:28:3301:28:37 เครียดเพะสำหรับพี่อ่ะการโฟกัสอ่ะเป็น

01:28:3701:28:40 สิ่งที่เราทำแล้วมันได้ผลน่ะถ้ามัน

01:28:4001:28:43 มัลติสองเราจะใช้พลังงานเยอะเพราะฉะนั้น

01:28:4301:28:47 เขาก็จะเหนื่อยเขาก็จะล้าอาจจะลองดูก็ได้

01:28:4701:28:50 ค่ะวันที่เราโฟกัสอาจจะ 1 อย่างกับวันที่

01:28:5001:28:51 เราแบบทำทุกอย่างลองดูว่าผลงานมันเป็นยัง

01:28:5101:28:52 ไง

01:28:5201:28:54 >> อืลองค่อยๆชั่งน้ำหนักแล้วก็บาลานซเอา

01:28:5401:28:57 >> อ่าแล้วถ้าสมมุติบางคนที่เไม่สามารถวัน

01:28:5701:29:00 นึงทำแค่อย่างเดียวได้ด้วยหน้าที่การงาน

01:29:0001:29:03 หรือด้วยอ่ะสมมุตินะคะเช่นเป็นคุณแม่

01:29:0401:29:07 >> อ่าต้องดูแลลูกด้วยต้องทำงานด้วยต้องดูแล

01:29:0701:29:08 บ้านต้องดูแลสามี

01:29:0801:29:10 >> อ่ามันคงเป็นไปไม่ได้หรอกที่เราจะเลือกทำ

01:29:1001:29:14 แค่สิ่งที่ที่อยากทำแล้วเขาจะทำยังไงให้เ

01:29:1401:29:17 ยังต้องทำสิ่งหลายๆอย่างเนี้ย

01:29:1701:29:20 >> แล้วเป็นผลดีต่อสมองใช่เป็นผลดีต่อคนรอบ

01:29:2001:29:23 ตัวความสัมพันธ์แล้วก็สมองของตัวเองโอเออ

01:29:2301:29:26 โอเคสำหรับพี่นะงั้นงั้นแชร์แล้วกันเพราะ

01:29:2601:29:29 ว่าพี่ก็แบบทำหมอฟันด้วยเป็นแม่ด้วยอะไร

01:29:2901:29:32 อย่างเงี้ยค่ะให้ดูว่ากิจกรรมไหนที่มัน

01:29:3201:29:35 ไม่ต้องใช้โฟกัสเยอะเช่นการกวาดบ้านถ้า

01:29:3501:29:38 กวาดบ้านแล้วเอาลูกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง

01:29:3801:29:41 ของการกวาดบ้านการกวาดบ้านอาจจะไม่ใช่การ

01:29:4101:29:44 กวาดบ้านะเราสามารถแบบใช้เวลานั้นกับลูก

01:29:4401:29:46 อันนี้ถือว่าเป็น multitest ส่วนหนึ่งที่

01:29:4601:29:49 แบบดีอาจจะดูว่ากิจกรรมไหนที่เราไม่ต้อง

01:29:4901:29:53 ใช้ความคิดเยอะขับรถหรือฟังพcสก็ได้นะ

01:29:5301:29:55 >> อ้าหรือเนี่ยแบบฟังเกาอะไรอย่างเงี้ย

01:29:5501:29:57 เพราะว่าการขับขับรถมันถูกเซตเป็นออโต้ไป

01:29:5701:30:00 แล้วและเราไม่จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแต่

01:30:0001:30:03 ถ้าอะไรที่เราจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนใช้

01:30:0301:30:05 พลังโฟกัสเยอะเป็นงานที่เราจะต้อง

01:30:0501:30:07 concentrate อันนั้นน่ะต้องทำ 1 อย่าง

01:30:0701:30:10 แต่่งงานไปแล้วไปเรื่อยอ่ะเออแบบว่า

01:30:1001:30:13 เรื่องปกติทั่วไปที่ไม่ใช้พลังงานเยอะไม่

01:30:1301:30:15 จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนอาจจะเอาสิ่งอื่น

01:30:1501:30:18 เล็กๆน้อยๆเข้ามาแทรกได้อาจจะทำให้เรา

01:30:1801:30:20 balance ได้เพราะฉะนั้นสรุปก็คือถ้าเป็น

01:30:2001:30:22 งานที่เราต้องโฟกัสช่วงที่พี่จะต้องทำ

01:30:2201:30:24 คลิปช่วงจะต้องเขียนสิปเรา concentrate

01:30:2401:30:27 เราไม่สามารถทำกับอันอื่นได้เลยแต่แบบ

01:30:2701:30:29 เอ้ยบางอันที่เราจะต้องแบบอ่าล้างจานเรา

01:30:2901:30:32 ก็ทำกับอย่างอื่นได้ลองดูเอกความสำคัญดู

01:30:3201:30:32 ค่ะ

01:30:3201:30:34 >> อืแสดงว่าจริงๆแล้วแต่ละท่านเนี่ยไม่ได้

01:30:3401:30:36 เหมือนกันเลยอาจจะต้องดูว่ากิจกรรมอะไร

01:30:3601:30:39 ที่เอ้ยเราทำจนมันเป็นกิจวัตรจนทำจนแบบ

01:30:3901:30:41 เป็นสิ่งที่ทำได้อย่างอัตโนมัติแล้วเรา

01:30:4101:30:44 อาจจะเพิ่มสิ่งอื่นเข้ามาได้จริงๆเกณฑ์

01:30:4401:30:46 ของมันหรือว่าสิ่งที่จะทำให้เราดูได้คือ

01:30:4601:30:49 ตัวเราเองไม่ได้รู้สึกว่ามันมากระทบหรือ

01:30:4901:30:52 เปล่าคะไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งนี้มาขัดมา

01:30:5201:30:55 >> รู้สึกหงุดหงิดอะไรอย่างเงี้ยใช่ใช่แล้ว

01:30:5501:30:58 ก็ว่าสำคัญน่ะคือจับความรู้สึกตัวเราเอง

01:30:5801:31:01 ค่ะแบบมันไม่ได้มีถูกว่าเอ้ยโฟกัสดีหรือ

01:31:0101:31:04 ว่าเป็นmultิทสดีเราก็โฟกัสในบางงานเพียง

01:31:0401:31:07 แต่ว่าถ้าเราทำให้เราค่อยๆปรับในขอบเขต

01:31:0701:31:09 ที่เรารู้สึกว่ามันโอเคแล้วไม่กดดันตัว

01:31:0901:31:12 เองเกินไปเราเคยมัลติสอย่างวันนี้ป๊าบอก

01:31:1201:31:14 ให้ทำ 1 อย่างมันก็เยอะไปอ่ะค่ะให้เรา

01:31:1401:31:17 ค่อยๆปรับไปทีละนิดตามไลฟ์สไตล์

01:31:1701:31:17 >> อ

01:31:1701:31:19 >> ที่สำคัญก็คือเรื่องของความเครียดใน

01:31:1901:31:22 ระหว่างที่ทำเนาะว่าบางคนอาจจะทำได้หลาย

01:31:2201:31:24 อย่างแต่ว่าเทำได้ไม่ได้เครียดอันนี้ก็

01:31:2501:31:26 ไม่ได้ไม่ได้มีปัญหาอะไร

01:31:2601:31:29 >> ใช่ๆค่ะสุดท้ายถ้าเขาแบบสามารถไปต่อได้

01:31:2901:31:30 นี่เป็นไลฟ์สไตล์ที่เรารู้สึกว่าเราโอเค

01:31:3101:31:33 ก็ถือว่าแบบดีตามนั้นเลย

01:31:3301:31:35 >> อแต่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่มันหนักไปอ่ะ

01:31:3501:31:37 เดี๋ยวร่างกายเขาจะบอกเราเอง

01:31:3701:31:40 >> ใช่ให้กลับมาเช็คผ่านร่างกายเยอะๆเช่นแบบ

01:31:4001:31:43 เราเริ่มแบบนอนไม่หลับละเราเริ่มกระวน

01:31:4301:31:46 กระวายเราเริ่มหายใจไม่โอเคร่างกายเรามัน

01:31:4601:31:49 ไม่ดีอ่ะค่ะอันนั้นเป็นลักษณะที่ว่าเฮ้ย

01:31:4901:31:51 จริงๆอ่ะคำว่า multitest มันอาจจะหมายถึง

01:31:5101:31:53 การที่เราเสพติดคอติซอลหรือว่าฮอร์โมความ

01:31:5301:31:55 เครียดก็ได้ที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราจะ

01:31:5501:31:58 ต้องทำเยอะกว่านี้มากกว่านี้เราถึงจะโอเค

01:31:5801:32:00 ได้รับการยอมรับเราอาจจะต้องเช็คกายเป็น

01:32:0001:32:03 หลักเพราะว่ากายอ่ะจะบอกถึงภาวะของใจหรือ

01:32:0301:32:04 ว่าความรู้สึก

01:32:0401:32:06 >> ทุกวันเค่ะเราทุกคนก็ใช้โซเชียลเนาะใช้

01:32:0601:32:09 โทรศัพท์ใช้เครื่องมือสื่อสารในการที่จะ

01:32:0901:32:12 สื่อสารกันเป็นยุคของการที่แบบออนไลน์

01:32:1201:32:15 >> อ่าทีนี้แพนด้าอยากรู้ว่าการใช้ออนไลน์

01:32:1501:32:17 เยอะๆหรือว่าการใช้โทรศัพท์เครื่องมือ

01:32:1801:32:20 สื่อสารเยอะๆเนี่ยค่ะเยอะแค่ไหนที่มัน

01:32:2001:32:23 เริ่มจะส่งผลต่อร่างกายของเราเราจะสามารถ

01:32:2301:32:26 ดูร่างกายได้ยังไงว่าเฮ้ยขณะเเราใช้

01:32:2601:32:27 โซเชียลมากเกินไปนะ

01:32:2801:32:30 >> คือเช็คความเป็นธรรมชาติถ้าสมมุติว่าเล่น

01:32:3001:32:32 โทรศัพท์แล้วแบบทำให้เราตื่นกลางคืนเช้า

01:32:3201:32:35 มาไม่สดชื่นปวดค้อบลัยอะไรอย่างเงี้ยคือ

01:32:3501:32:38 เช็คฐานกายไปเลยว่ามีตรงไหนที่เขาปวดมมี

01:32:3801:32:41 ตรงไหนที่แบบเฮ้ยฉันเคยแบบสมองปอดโป่งอ่ะ

01:32:4101:32:43 ตอนนี้มันไม่ได้เป็นเหมือนเดิมแล้วอะไร

01:32:4301:32:45 อย่างเงี้ยค่ะแล้วก็มีอย่างนึงก็คือ

01:32:4501:32:47 ระหว่างการใช้ออนไลน์กับการใช้โซเชียล

01:32:4701:32:49 medเดียไม่เหมือนกันนะ

01:32:4901:32:49 >> อื

01:32:4901:32:52 >> อ่าเพราะว่าสมมุติว่าอ่ะทุกคนนั่งดูเกลา

01:32:5201:32:53 ค่ะ

01:32:5301:32:56 >> นั่งดูแบบ 1 ชม.อ่ะจริงๆเรา concentrate

01:32:5601:32:59 เราอาจจะขับรถไปด้วยแต่มันคือการเปิดยาว 1

01:32:5901:33:01 ชม.อืแต่การเล่นโซเชียล Media ที่น่ากลัว

01:33:0101:33:04 คือการสไลด์เร็วๆบ่อยๆ

01:33:0401:33:05 >> อื

01:33:0501:33:08 >> อืหรือว่าเราทำงานแล้วเราเปิดคอมที่เรา

01:33:0801:33:10 ต้องใช้อินเทอร์เน็ตในการหาข้อมูลแต่เรา

01:33:1001:33:11 concentrate อันนั้นอันนี้ก็ถือว่าเป็น

01:33:1101:33:14 อะไรที่ที่โอเคนะคะเพราะฉะนั้นการใช้

01:33:1401:33:16 ออนไลน์อ่ะไม่ได้เป็นแบบผู้ร้ายแม้

01:33:1601:33:18 กระทั่งการใช้โซเชียลมีก็ไม่ใช่ผู้ร้าย

01:33:1801:33:21 ค่ะแต่ให้ระวังตรงที่เวลาที่เราแบบใช้

01:33:2101:33:23 บ่อยๆเลื่อนบ่อยๆเพราะว่าอันนี้มันนำไป

01:33:2401:33:25 เกี่ยวข้องกับสารเคมีในสมองเรา

01:33:2601:33:28 >> อืเกี่ยวข้องยังไงคะการเลื่อนบ่อยๆ

01:33:2901:33:30 >> เพราะเพราะว่ามันไปเกี่ยวกับสารเคมีตัว

01:33:3001:33:34 นึงที่เราเรียกว่าโดปามีนจริงๆโดินก็ไม่

01:33:3401:33:37 ใช่ผู้ร้ายจริงๆเขาเป็นฮอร์โมนของแรง

01:33:3701:33:40 บันดาลใจเคยมที่แบบว่ามีแรงบันดาลใจในการ

01:33:4001:33:43 ทำสิ่งอื่นหรือว่าเวลาเราอยากทำความฝัน

01:33:4301:33:45 ให้เป็นจริงอ่ะเราใช้โดปามินนะมันเป็น

01:33:4501:33:47 ฮอร์โมนของการขับเคลื่อนแต่ว่าจุดก็คือ

01:33:4801:33:50 ว่าฮอร์โมนโดปามีนจะเกิดขึ้นเมื่อเราลง

01:33:5001:33:52 มือทำ

01:33:5201:33:54 >> ฮอร์โมนหลั่งแล้วทำให้เกิดการเสพติดเวลา

01:33:5401:33:57 ที่เราแบบเคยชนะอะไรเล่นเกมอะไรแล้วชนะ

01:33:5701:34:00 เราจะอยากชนะแต้มใหญ่ไปอีก

01:34:0001:34:02 >> เออหรือว่าเล่นเกมเลเวลต่อไป

01:34:0201:34:05 >> เออหรือว่าถ้าเราติดอะไรในเชิงไม่ดีก็

01:34:0501:34:07 อย่างเช่นแบบติดการพนันน่ะสังเกตมยพอเรา

01:34:0701:34:10 ได้อันนึงอ่ะเราจะอยากได้ใหญ่ไปอีกเขา

01:34:1001:34:12 เรียกว่าเป็นวงจรของการแdictหรือว่าวงจร

01:34:1201:34:16 ของการเสพติดค่ะคือลงมือทำแล้วก็จะหลั่ง

01:34:1601:34:19 สารเกิดการเสพติดแล้วเกิดทำให้เราอยากทำ

01:34:1901:34:22 สิ่งนั้นไปเรื่อยๆอันนี้เป็นเรื่องปกติ

01:34:2201:34:25 ของธรรมชาติที่ทำให้มนุษย์เราขับเคลื่อน

01:34:2501:34:27 แต่ว่าจุดก็คือว่าเวลาที่เราเล่นโซเชียล

01:34:2801:34:30 medดีอ่ะที่เราสไลด์เร็วๆอ่ะมันทำให้

01:34:3001:34:32 โดปามีนของเราอ่ะมันหลั่งง่ายเกินไปเค้า

01:34:3201:34:35 เรียกว่าเป็น sheep โดปามีนก็คือว่าเรา

01:34:3501:34:38 แทบจะไม่ต้องทำอะไรเยอะเราก็ถูกสนองความ

01:34:3801:34:41 ต้องการแล้วเช่นถ้าเรารู้สึกไม่สบายใจอ่ะ

01:34:4101:34:43 เมื่อก่อนถ้าเราไม่ได้มีโซเชียลมีดียเรา

01:34:4301:34:45 อาจจะมีกระบวนการที่มันแบบเอ้ยเราต้อง

01:34:4501:34:48 เคลื่อนย้ายตัวเองออกไปเดินจะต้องไปคุย

01:34:4801:34:51 กับเพื่อนไปทำอะไรที่มันแบบมีความพยายาม

01:34:5101:34:52 นิดนึงอ่ะค่ะแต่เวลาที่เราเล่น

01:34:5201:34:55 โซเชียลมีเดียเฮ้ยเราไม่โอเคอ่ะไม่โอเค

01:34:5501:34:57 เราก็ปัดเฮ้ยไม่ชอบคลิปนี้อ่ะดูไป 3 นาที

01:34:5701:35:00 ทีเราก็ปัดเพราะฉะนั้นน่ะมันทำให้เราอ่ะ

01:35:0001:35:04 คะมีความอดทนน้อยลงเราอดทนในโลกแห่งความ

01:35:0401:35:08 เป็นจริงได้น้อยลงเพราะในโลกแห่งโซเชียล

01:35:0801:35:10 medเดียเราไม่ต้องทนอะไรเลยแล้วมันแบบมัน

01:35:1001:35:13 ล็อคเราไว้ด้วยสารเคมีเพราะว่าพอเราพึงพอ

01:35:1301:35:16 ใจอ่ะเราเลื่อนแล้วเราพึงพอใจใช่มั้คะพึง

01:35:1601:35:19 พอใจปุ๊บหลั่งโดปามีนพอหลั่งโดปามีนปุ๊บ

01:35:1901:35:21 เกิดการติดสังเกตมยเวลาที่เราเล่น

01:35:2101:35:24 โซเชียลมีเดียเรากะจะเล่นแบบ 15 นาทีมัน

01:35:2401:35:27 ไม่เคย 15 นาทีเพราะมันเกิดการไหล

01:35:2701:35:29 สังเกตเวลาเราเล่นโซเชียลมีเนี่ยเรารู้

01:35:2901:35:33 ตัวน้อยมากเราไหลไปกับสิ่งที่อยู่ข้างนอก

01:35:3301:35:35 ค่ะแล้วเราโฟกัสน้อยมากมันคือการทำงานที่

01:35:3501:35:38 แบบเราไม่เหลือความแบบปัจจุบันขณะหรือว่า

01:35:3801:35:41 สติรู้ตัวเลยมันก็คือเรื่องเดียวกันกับ

01:35:4101:35:43 ที่เราแบบมีนิสัยทุกวันนี้เพราะเราเซต

01:35:4301:35:44 ออโต้ไง

01:35:4401:35:46 >> มันเป็นเรื่องเดียวกันน่ะค่ะมันทำให้จิต

01:35:4601:35:49 เราไม่มีกำลังในการที่เราจะแบบสร้างชีวิต

01:35:4901:35:51 ที่ดีหรือมีอะไรอย่างเงี้ยอื

01:35:5101:35:54 >> ค่ะโอการสไลด์บ่อยๆคือทำให้เรารู้สึกว่า

01:35:5401:35:56 สำเร็จละสำเร็จละมันคือกัน

01:35:5601:35:57 >> อืออื

01:35:5701:36:00 >> เพิ่มขึ้นของจำนวนจำนวนที่มากขึ้นอื

01:36:0001:36:04 >> แต่ว่าไอ้ความว่าพอใจและสำเร็จนั้นน่ะมัน

01:36:0401:36:06 ดันไม่ใช่ความสำเร็จในชีวิตจริงไง

01:36:0601:36:07 >> อืค่ะ

01:36:0701:36:10 >> เพราะเวลาสมมุติว่าเราจะทำอะไรใหม่แม้

01:36:1001:36:12 กระทั่งเราจะแบบมีสุขภาพที่ดีเราจะมี

01:36:1201:36:15 ซิแพคอ่ะมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นน่ะเราต้อง

01:36:1501:36:18 แบบมีความช่วงเวลาที่เราต้องอดทนมีช่วง

01:36:1801:36:21 เวลาของการพ้นผ่านอะไรอย่างเงี้ยค่ะแต่

01:36:2101:36:25 เราดันไปติดความง่ายที่มันถูกตอบสนองมัน

01:36:2501:36:27 ทำให้เวลาที่เราไปใช้ชีวิตจริงอ่ะเราปรับ

01:36:2701:36:28 ตัวไม่ได้

01:36:2801:36:29 >> อื

01:36:2901:36:32 >> เออเราทนไม่ได้กับเรื่องเล็กๆน้อยๆเพราะ

01:36:3201:36:34 ว่าในโซเชียลมีดีเราไม่ต้องทน

01:36:3401:36:34 >> อ

01:36:3401:36:37 >> เราไม่ชอบเราก็แค่เลื่อนผ่านแต่ในชีวิต

01:36:3701:36:39 จริงอ่ะมันเป็นไปไม่ได้ไงเรามีเรื่องที่

01:36:3901:36:41 เราต้องทนหรือว่ามีเรื่องที่เราต้องผ่าน

01:36:4101:36:43 >> แต่เราไม่ได้ฝึกค่ะ

01:36:4301:36:46 >> ว่าแต่จริงๆคือการใช้โซเชียลมีเดียถ้าใช้

01:36:4601:36:48 อย่างไม่ได้มีสติใช้อย่างไหลตามคือบาง

01:36:4801:36:50 ครั้งเราก็รู้สึกว่ามันไม่ได้มีอะไรแต่

01:36:5001:36:52 จริงๆแล้วมันเปลี่ยนนิสัยของเราไปเลย

01:36:5201:36:53 >> อมาก

01:36:5301:36:53 >> อื

01:36:5301:36:54 >> มากเลย

01:36:5401:36:57 >> เปลี่ยนเป็นคนที่จากคนที่อาจจะเคยมีความ

01:36:5701:37:00 พยายามก็อาจจะรู้สึกว่าอันนี้มันง่ายคือ

01:37:0001:37:02 มันดูไม่มีอะไรมันดูแค่สิ่งที่อยู่ในมือ

01:37:0201:37:03 เนาะแต่มันเอฟเฟคกับ

01:37:0301:37:05 >> จิตใจความสมองของเรา

01:37:0501:37:08 >> ใช่ใช่อีกอย่างนึงที่พี่ว่าสำคัญคือเวลา

01:37:0801:37:10 ที่เราเสพโซเชียลmedเดียทุกคนก็จะโพสต์

01:37:1101:37:13 ด้านที่ดูดีเพราะว่ามันเป็นด้านที่เขา

01:37:1301:37:15 ต้องการจะโชว์ใช่มยเพราะฉะนั้นน่ะมันยิ่ง

01:37:1501:37:17 ทำให้เรากลับมารู้สึกว่าแบบเอ้อตัวฉันไม่

01:37:1701:37:19 เห็นดีอย่างเขาเลยเขาไปเที่ยวต่างประเทศ

01:37:1901:37:22 ตลอดเลยเขาขับรถนั่นรถนี่อ่ะแต่จริงๆแล้ว

01:37:2201:37:24 ความเป็นมนุษย์อ่ะมันก็มีด้านที่ดีด้าน

01:37:2401:37:24 ที่ไม่ดีแต่

01:37:2401:37:26 [เพลง]

01:37:2601:37:29 ด้านที่ต้องการให้มันยิ่งทำให้เรากลับมา

01:37:2901:37:32 ยิ่งแบบรู้สึกแย่งกับตัวเองอีกเออเพราะ

01:37:3201:37:35 ฉะนั้นแบบสารเคมีก็ถูกล็อกคพิเศษก็ทำให้

01:37:3501:37:37 เรากลับมาแบบไม่ได้ดูแลหัวใจเราอีกอะไร

01:37:3701:37:39 อย่างเงี้ยค่ะตอนที่เราได้คุยกันค่ะคุณ

01:37:3901:37:43 หมอพูดถึงว่าจริงๆแล้วเนี่ยคนเราอ่ะคน

01:37:4301:37:45 เนี่ยถูกกำหนดให้เป็นอิสระ

01:37:4501:37:46 >> อื

01:37:4601:37:49 >> อ่าแต่ว่าด้วยหลายๆอย่างทำให้เราอ่ะ

01:37:4901:37:52 >> ไปยึดไปบล็อกตัวเองอยากให้คุณหมอช่วย

01:37:5201:37:53 อธิบายเรื่องนี้เลย

01:37:5301:37:56 >> คำว่าอิสระคือสมมุติถ้าเราย้อนกลับไปที่

01:37:5601:38:00 manifest อ่ะเราสามารถตั้งความฝันอะไรก็

01:38:0001:38:02 ได้และถ้าเราลงมือทำสอดคล้องอ่ะสิ่งนั้น

01:38:0201:38:05 จะเกิดเพียงแต่ว่าเราอาจจะรอไม่ได้เรา

01:38:0501:38:07 อยากให้มันเกิดขึ้นเร็วกว่านี้

01:38:0701:38:07 >> อื

01:38:0801:38:10 >> แต่จริงๆมันเกิดแต่เราอยากให้มันเร็วกว่า

01:38:1001:38:13 นี้ค่ะความอดทนเราไม่ได้เพียงพอแต่เวลา

01:38:1301:38:16 ที่เราอยู่ในโลกของโซเชียลมีเดียหรือว่า

01:38:1601:38:19 โลกที่เราอยู่ปกตินี่แหละมันแบบเออ้ยคน

01:38:1901:38:22 นั้นก็ดีคนนี้ก็ดีอะไรอย่างเงี้ยค่ะคน

01:38:2201:38:24 นั้นก็มีรถคนนี้ก็อันเนี้ยเนี่ยมันทำให้

01:38:2401:38:27 ความอิสระหรือว่าตัวเราอ่ะมันน้อยตรงที่

01:38:2701:38:29 บางทีเราไปตั้งความฝันหรือว่าสิ่งที่เรา

01:38:2901:38:32 ต้องการตามสังคมอ่ะโดยที่เราไม่ได้กลับมา

01:38:3201:38:34 ถามว่าอันนี้มันเป็นความฝันของฉันจริงๆ

01:38:3401:38:37 ใช่มยอะไรอย่างเงี้ยค่ะเคยมีช่วงนึงที่

01:38:3701:38:38 พี่เคยตั้งว่าแบบเอ้ยต้องไปเที่ยวต่าง

01:38:3801:38:41 ประเทศทุกปีกับพ่อแม่เว้ยแล้วก็กลับไปถาม

01:38:4101:38:44 พ่อว่าเออเนี่ยเราจะไปญี่ปุ่นด้วยกันนะ

01:38:4401:38:45 อะไรอย่างเงี้ยเพราะว่าเรารู้สึกว่ามัน

01:38:4501:38:48 เป็นความฝันแล้วพ่อพี่ก็บอกพี่ว่าแบบเอ้ย

01:38:4801:38:50 จริงๆเขาไม่ได้อยากไปเขาไม่ได้อยากแบบ

01:38:5001:38:52 นั่งเครื่องบินเขาไม่ได้อยากไปญี่ปุ่นที่

01:38:5201:38:54 มันหนาวอะไรอย่างเงี้ยมันเลยทำให้เราเข้า

01:38:5401:38:58 ใจว่าเออว่ะภาพของสังคมอ่ะที่อาจจะบอกว่า

01:38:5801:39:01 การทำสิ่งนี้คือประสบความสำเร็จอ่ะแต่ถ้า

01:39:0101:39:03 เราไม่เงียบฟังตัวเองอ่ะเราจะรู้สึกว่า

01:39:0301:39:05 เราไปยึดติดกับสิ่งเนี้ยว่าคือความสำเร็จ

01:39:0601:39:08 แต่มันอาจจะไม่ใช่ความสำเร็จสำหรับเราก็

01:39:0801:39:10 ได้คนที่เรารักอาจจะไม่ได้ต้องการสิ่ง

01:39:1001:39:11 นั้นก็ได้อื

01:39:1101:39:14 >> แล้วการที่เราพอใจในชีวิตของเราอ่ะค่ะ

01:39:1401:39:18 >> มันมีผลดีกับการพัฒนาตัวเองมั้คะเพราะว่า

01:39:1801:39:20 บางครั้งคือแพนด้าจะเคยได้ยินมาแล้วว่า

01:39:2001:39:23 จริงๆมันต้องกลับมาพอใจแล้วมันจะรู้สึก

01:39:2301:39:25 รู้สึกคือหลายๆอย่างมันจะดีขึ้นอ่าแต่ถ้า

01:39:2501:39:28 สมมุติเราพอใจจนเราแบบไม่พัฒนาเลย

01:39:2801:39:30 >> อ๋ออันนี้เป็นคำถาม inside ที่คนผ่านการ

01:39:3001:39:33 ทำงานกับตัวเองมาแล้วคือแบบนี้จริงๆแล้ว

01:39:3401:39:36 การ manifest อ่ะค่ะเท้าต้องแน่นหมายความ

01:39:3601:39:39 ว่าแบบนี้ลองจินตนาการว่าเรายืนอยู่อ่ะ

01:39:3901:39:42 ค่ะแล้วเราแบบส่งไปว่าเราต้องการอะไรใช่

01:39:4201:39:45 ป่ะแต่สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นได้เมื่อเรายอม

01:39:4501:39:48 รับหรือว่าพอใจในสิ่งที่เรามีแล้วเพราะ

01:39:4801:39:51 ว่าเวลาที่เราพอใจเราจะสามารถขอบคุณใน

01:39:5101:39:54 สิ่งที่เรามีได้พอเราขอบคุณในสิ่งที่เรา

01:39:5401:39:56 มีได้เราจะเกิดการเชื่อมต่อหรือว่า

01:39:5601:39:59 connect the dog และก้าวไปเรื่อยๆพอ

01:39:5901:40:01 เราขอบคุณปุ๊บจะมีโอกาสเข้ามาตามการ

01:40:0101:40:05 manifest แล้วเราก็จะแบบโอเคเติบโตไปตาม

01:40:0501:40:07 จังหวะค่ะมันเหมือนตัวเราแน่นน่ะนั่นคือ

01:40:0701:40:10 ความพอใจแต่ถ้าลิงก์กับสารเคมีในสมองจริง

01:40:1001:40:13 ๆแล้วอ่ะการพอใจไปเชื่อมโยงกับสาร

01:40:1301:40:16 ซิโลโตนินมันคนละหมวดกันซิโลตนินเนี่ย

01:40:1601:40:19 เป็นสารที่เป็น Fundamental ก็คือเป็นฐาน

01:40:1901:40:23 ใหญ่มากเป็นฮอร์โมนที่หลังโดยที่ไม่ต้อง

01:40:2301:40:26 ทำอะไรโดปามีนเนี่ยนะต้องทำเป็นฮอร์โมน

01:40:2601:40:29 แห่งการวิ่งต้องทนกับความลำบากและได้รับ

01:40:2901:40:32 ส่วนซีโรโตนินน่ะเป็นฮอร์โมนของความพึงพอ

01:40:3201:40:35 ใจถ้าวันนี้เราสามารถยืนอยู่แล้วเรา

01:40:3501:40:39 สามารถขอบคุณชีวิตได้ขอบคุณโลกใบเนี้ยโดย

01:40:3901:40:41 ที่เราไม่ต้องทำอะไรอ่ะค่ะมันเป็นฮอร์โมน

01:40:4101:40:45 ของการรับรู้ว่ามีอันนั้นน่ะถึงจะทำให้

01:40:4501:40:47 เราอ่ะเป็นต้นกำเนิดของการ manifest

01:40:4701:40:50 เพราะรับรู้ว่ามีอ่ะมันเหมือนว่าเราได้

01:40:5001:40:52 รับไปแล้วไงเพราะฉะนั้นนั้นมันไม่เหมือน

01:40:5201:40:55 กันตรงที่ว่าเวลาที่เรารับรู้ได้ว่ามีอ่ะ

01:40:5501:40:58 มันคือการที่เราไม่วิ่งไม่ไล่ล่าเราถึง

01:40:5801:41:01 ดึงดูดหรือว่า manifest แต่เวลาที่เราแบบ

01:41:0101:41:03 อยากไปอีกแล้วไม่สามารถรับรู้ได้ถึงการมี

01:41:0301:41:06 เรากำลังวิ่งตลอดเวลาเราอยู่ในเลนส์ไล่

01:41:0601:41:09 ล่าตลอดเวลามันจะไม่ใช่การดึงดุทีนี้ถ้า

01:41:0901:41:12 เรากลับมาที่เรื่องของอชีฟโดูปามีนที่เรา

01:41:1201:41:16 เสพติดจากการไถฟีดต่างๆเนี่ยค่ะเอิ่มแน่

01:41:1601:41:19 นอนว่าณขณะนั้นที่เรากำลังอยู่ในวงจร

01:41:1901:41:21 เนี้ยมันแดดิมันติดอ่ะ

01:41:2101:41:24 คือมันค่อนข้างจะยากเหมือนกันนะที่จะถอน

01:41:2401:41:28 ตัวเองออกมาอ่าเราจะมีวิธีการในการหยุดวง

01:41:2801:41:31 จรนี้ได้ยังไงบ้างคะที่แบบคุณหมออยากแนะ

01:41:3101:41:34 นำแล้วเราก็เอาไปทำได้จริงอถ้าจะหยุดวงจร

01:41:3401:41:37 นี้คือมันจะกลับไปที่วิธีการสร้าง

01:41:3701:41:41 พฤติกรรมใหม่เราอาจจะต้องใช้สิ่งแวดล้อม

01:41:4101:41:44 ในการช่วยสร้างเช่นเราอาจจะแบบเอา

01:41:4401:41:48 โทรศัพท์วางไว้นอกห้องก่อนที่จะนอนถ้าเรา

01:41:4801:41:50 เป็นคนตื่นมาแล้วชอบหยิบโทรศัพท์อ่ะจัด

01:41:5001:41:53 การสิ่งแวดล้อมง่ายกว่าจัดการใจเพราะว่า

01:41:5301:41:56 จัดการสิ่งแวดล้อมอ่ะมันง่ายอ่ะใจมันใช้

01:41:5601:41:58 Wel Power หรือว่ากำลังของจิตเยอะถ้า

01:41:5801:42:00 เรารู้เป็นคนตื่นมาแล้วเราแบบชอบจับ

01:42:0001:42:02 โทรศัพท์เอาเ้าไปไว้ที่อื่นหรือบอกกับตัว

01:42:0201:42:06 เองว่ากินข้าวไม่จับโทรศัพท์ถ้าจะเข้าไป

01:42:0601:42:08 กินข้าวเอาโทรศัพท์ไปไว้ที่อื่นเคลียร์

01:42:0801:42:10 แบบนี้ก่อนค่ะแล้วเวลาที่เราจะเกิด

01:42:1001:42:13 พฤติกรรมได้คือหลังจากที่ทำให้กลับมา

01:42:1301:42:16 รีวอร์ดก็คือจะต้องให้รางวัลตัวเองในวัน

01:42:1601:42:19 ที่ทำได้จะต้องกลับมาแบบเออเธอทำได้แล้ว

01:42:1901:42:22 นะคือต้องกลับมาให้เหมือนชื่นชมด้วยอ่ะ

01:42:2201:42:24 มันถึงจะเกิดวงจรของโดปามีนอีกอันนึงมัน

01:42:2401:42:28 คือทำหลังโดปามีนแล้วได้รางวัลมันถึงจะ

01:42:2801:42:31 เกิดการทำซ้ำเราแค่ต้องทำพฤติกรรมใหม่ใน

01:42:3101:42:34 อีกวงจรนึงถ้าสมมุติว่าเราอ่ะตื่นมาแล้ว

01:42:3401:42:36 เราไม่ได้จับโทรศัพท์กลับมาชมตัวเองด้วย

01:42:3601:42:38 เพื่อให้เกิดรางวัลกับตัวเราเองแล้วเรา

01:42:3801:42:41 อยากจะทำเส้นใหม่เนี้ยซ้ำอ่ะเพราะว่าอัน

01:42:4101:42:43 นี้เป็นพฤติกรรมที่ไม่ดีมันเกิดจาก

01:42:4301:42:45 โดปามีนหลูปนี้แหละแต่เราต้องไปสร้าง

01:42:4501:42:49 พฤติกรรมใหม่ด้วยการทำให้รางวัลตัวเอง

01:42:4901:42:52 แล้วกลับมาทำซ้ำๆมันจะอยากเสกซ้ำๆอ่ะค่ะ

01:42:5201:42:52 เออ

01:42:5201:42:55 >> อืก็เป็นเหมือนการสร้างเส้นทางใหม่ในสมอง

01:42:5501:42:55 ของเรา

01:42:5501:42:58 >> ใช่ๆวิธีการสร้างพฤติกรรมใหม่หรือว่า

01:42:5801:43:00 เปลี่ยนเส้นทางอ่ะทำแบบนี้อาจจะเชื่อมโยง

01:43:0001:43:03 กับพี่ยกตัวอย่างแบบลูกพี่คือลูกพี่อ่ะ 3

01:43:0301:43:05 ขวบเพราะฉะนั้นเป็นช่วงที่เขาปรับ

01:43:0501:43:09 พฤติกรรมเช่นถ้าเราอยากให้เขากินข้าวเอง

01:43:0901:43:13 เขาไปกินข้าวเองเราชมแบบตบมือเล่นใหญ่เขา

01:43:1301:43:16 จะทำอีกมันเหมือนเด็กที่แบบบ้ายออ่ะตัว

01:43:1601:43:19 เราเองอ่ะก็บ้ายอเราชอบได้ยินคำชมเราชอบ

01:43:1901:43:23 การที่คนมองเห็นความสำคัญเหมือนกันค่ะถ้า

01:43:2301:43:25 ทำอะไรสำเร็จในการแบบปรับพฤติกรรมเล็กๆ

01:43:2501:43:27 น้อยๆกลับมาชมตัวเองด้วย

01:43:2701:43:27 >> อื

01:43:2701:43:29 >> เออแล้วเราจะอยากทำสิ่งนั้นมากขึ้นไปอีก

01:43:2901:43:34 >> อการให้รางวัลตัวเองแบบนี้นะคะเช่นอ่าเรา

01:43:3401:43:36 ไม่เล่นโทรศัพท์ตอนนี้เราตั้งใจจะโซเชียล

01:43:3601:43:37 ดีท็อกซ์ห่างโทรศัพท์

01:43:3701:43:38 >> อือๆ

01:43:3801:43:41 >> อ่าแล้วก็อ่ะเดี๋ยวทำซักครึ่งวันแล้วก็

01:43:4101:43:43 หลังกับครึ่งวันทำได้อ่ะทำได้แล้วเล่นให้

01:43:4301:43:45 รางวัลด้วยการเล่นโทรศัพท์

01:43:4501:43:48 >> อันนี้การให้รางวัลต้องไม่ใช่แบบสิ่งนั้น

01:43:4801:43:51 แล้วก็สิ่งสำคัญก็คือว่าระหว่างแบบ

01:43:5101:43:55 ดีท็อกซ์ยาวๆอ่ะกับฝึกเล็กๆอ่ะฝึกเล็กๆมี

01:43:5501:43:56 ผลกว่า

01:43:5601:43:56 >> อื

01:43:5601:43:59 >> พฤติกรรมให้เอาแบบเหมือนเอาจิ๊กซอมาต่อที

01:43:5901:44:01 ละนิดอ่ะค่ะมากกว่าการที่แบบฉันเลิกเล่น 3

01:44:0101:44:04 วันมันเหมือนคนจะลดน้ำหนักแล้วกลับมาโยโย

01:44:0401:44:07 อ่ะให้พยายามพฤติกรรมอยู่ในชีวิตปรับจาก

01:44:0701:44:08 ชีวิต

01:44:0801:44:10 >> ค่ะเหมือนความถี่อย่างี้ใช่มั้คะ

01:44:1001:44:11 >> ใช่

01:44:1101:44:14 >> ใช่เหมือนความถี่ในเมื่อเราติดจากความถี่

01:44:1401:44:16 ที่มากขึ้นเราต้องสร้างเส้นทางใหม่จาก

01:44:1601:44:18 ความถี่ทำบ่อย

01:44:1801:44:21 สำคัญกว่าทำนานทีเดียวอ่ะ

01:44:2101:44:23 >> อ๋อเหมือนกับการที่อย่างที่เราคุยกันตอน

01:44:2301:44:25 แรกว่าจริงๆเราเปลี่ยนสมองได้คือเราสร้าง

01:44:2501:44:28 เส้นทางใหม่ได้คือเหมือนการขุดร่องใหม่

01:44:2801:44:28 เนี่ย

01:44:2801:44:31 >> คือทำซ้ำๆยิ่งทำก็ยิ่งขุดยิ่งทำก็เกิด

01:44:3101:44:32 ร่องใหม่

01:44:3201:44:35 >> อ่าแต่ถ้านานๆทำทีมันก็เหมือนขุดวางขุด

01:44:3501:44:37 วางแต่มันก็ยังไม่เกิดร่องใหม่

01:44:3701:44:40 >> ใช่ใช่ค่ะอย่างที่คุณหมอบอกว่าจริงๆแล้ว

01:44:4001:44:42 การที่เราจะเปลี่ยนอะไรสักอย่างเนี่ย

01:44:4201:44:44 อย่างเมื่อกี้ความถี่ก็คือเป็นเป็นสิ่ง

01:44:4401:44:46 นึงที่ช่วยให้เปลี่ยนสำเร็จแต่ว่าก่อนที่

01:44:4601:44:48 เราจะเปลี่ยนมันต้องมีโฟกัสก่อน

01:44:4901:44:52 >> อ่าแล้วทีเนี้ยค่ะเราจะทำยังไงได้บ้างให้

01:44:5201:44:54 เราแบบมีโฟกัสมากขึ้นหรือว่าอะไรที่จะ

01:44:5401:44:57 ช่วยเปลี่ยนให้เราเป็นคนที่มีโฟกัสได้ดี

01:44:5701:45:00 ขึ้นจริงๆโฟกัสอ่ะมันคือการที่เรารู้มัน

01:45:0001:45:03 จะพุ่งไปโฟกัสไปที่ไหนคำว่าโฟกัสมันต้อง

01:45:0301:45:05 มีจุดหมายปลายทาง

01:45:0501:45:05 >> ค่ะ

01:45:0501:45:07 >> เพราะฉะนั้นน่ะการที่ทำให้เรามีโฟกัสอ่ะ

01:45:0701:45:10 มันการคือการที่เรากลับมาอยู่ตรงนี้มัน

01:45:1001:45:15 คือการที่เราให้เสียงในตัวเรามันชัดขึ้น

01:45:1501:45:17 ไม่ใช่หมายความว่าการเสพโซเชียลmedดียไม่

01:45:1701:45:20 ดีแต่เราต้องมีเวลาพักเพื่อให้เรากลับมา

01:45:2001:45:23 ถามตัวเองว่าอะไรเป็นสิ่งที่ฉันต้องการ

01:45:2301:45:26 ชีวิตฉันต้องการอะไรเป้าหมายของฉันคือ

01:45:2601:45:29 อะไรเพราะนั่นน่ะถึงจะรู้ว่าเราจะโฟกัส

01:45:2901:45:31 ที่ไหนถ้าเราแบบมีเป้าหมายที่จะอ่ะฉันจะ

01:45:3201:45:34 มีอายุยืนยาวถึง 80 อันนี้คือจุดโฟกัส

01:45:3401:45:37 แล้วนะคะเราถึงจะทำอะไรให้มันสอดคล้องได้

01:45:3701:45:39 อ่ะแต่ถ้าเกิดว่าเสียงข้างนอกมันดังไปหมด

01:45:3901:45:42 เลยอ่ะเราจะวิ่งทุกอย่างเลยจนเราไม่รู้

01:45:4201:45:44 ว่าจริงๆแล้วความต้องการมันคืออะไรเพราะ

01:45:4401:45:48 ฉะนั้นโฟกัสอ่ะมาหลังจากการที่เรากลับมา

01:45:4801:45:51 ที่ตัวเองเราต้องกลับมาที่ตัวเองก่อนเรา

01:45:5101:45:53 ถึงจะเข้าใจตัวเองแล้วเราถึงจะรู้ว่าเรา

01:45:5301:45:57 จะโฟกัสอะไรเราต้องรู้ก่อนที่จะโฟกัสไม่

01:45:5701:45:59 งั้นมันไม่เกิดจุดโฟกัสได้

01:45:5901:46:02 >> อค่ะแล้วเราจะกลับมาที่ตัวเองมีวิธียังไง

01:46:0201:46:04 บ้างคะที่จะกลับมาที่ตัวเอง

01:46:0401:46:05 >> ให้เวลาตัวเอง

01:46:0501:46:08 >> อืแต่บางคนคือให้เวลาตัวเองก็ให้นะคะแต่

01:46:0801:46:10 คือเขาก็อาจจะแบบสมมุตินะวันนี้ตั้งใจลา

01:46:1001:46:13 หยุด 1 วันอยากให้เวลาตัวเองอ่ะแต่ไม่รู้

01:46:1301:46:17 ว่าไอ้ 1 วันเนี้ต้องทำอะไรหรอคืออะไรคือ

01:46:1701:46:19 ที่จะจะทำให้แบบเนี่ยคือให้เวลาตัวเอง

01:46:1901:46:20 แล้วอ่ะ

01:46:2001:46:23 >> สำหรับพี่น้าอาจจะไม่ต้องแบบลา 1 วันแต่

01:46:2301:46:27 ขอลองดูว่าภายใน 1 วันน่ะมีเวลาโดยที่ไม่

01:46:2701:46:31 ต้องทำอะไรเลยสัก 5 นาทีหรือ 10 นาทีได้

01:46:3101:46:34 ไหมอยากคิดว่าเป็นเรื่องแบบสั้นๆนะเรื่อง

01:46:3401:46:36 เนี้ยแบบเป็นเรื่องยิ่งใหญ่มากเพราะว่า

01:46:3601:46:39 หลายคนติดเพราะว่าเรารู้สึกกับการติดใน

01:46:3901:46:43 การที่จะทำลงมือทำให้ฉันรู้สึกดีการลงมือ

01:46:4301:46:46 ทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันมีค่าทำให้ฉันรู้สึก

01:46:4601:46:49 ว่าฉันโปรtiveแต่เวลาที่เราอยู่นิ่งๆอ่ะ

01:46:4901:46:51 เรารู้สึกว่าแบบบางคนจะรู้สึกว่าโอ้ยฉัน

01:46:5101:46:54 แบบไร้ค่ามากเลยทั้งๆที่ถ้าเราไม่เงียบ

01:46:5501:46:57 อ่ะเราไม่ได้ยินแล้วเสียงข้างนอกอ่ะมัน

01:46:5701:46:59 ดังกว่าเสียงข้างในเราอยู่แล้วเพราะ

01:46:5901:47:02 ฉะนั้นน่ะค่ะให้เวลาตัวเองอาจจะแค่ 5

01:47:0201:47:05 นาทีต่อวันที่จะวางทุกอย่างแล้วลองอยู่

01:47:0501:47:08 เงียบๆแล้วลองดูว่าในตอนที่มันไม่ได้ทำ

01:47:0801:47:11 อะไรเลยอ่ะมันมีอะไรขึ้นมาแล้วเราจะค่อยๆ

01:47:1101:47:13 กลับไปทำความรู้จักตัวเองอีกครั้งนึงอ่ะ

01:47:1301:47:16 ถ้าไม่เงียบอ่ะไปต่อไม่ได้เหมือนมันมัน

01:47:1601:47:19 ดังไปหมดอ่ะทำไปหมดอ่ะมันไม่มีช่องว่าง

01:47:1901:47:19 เลยอ่ะค่ะ

01:47:2001:47:22 >> อืแต่ว่าคือทุกคนก็จะเป็นอย่างงี้ใช่มั้

01:47:2201:47:25 คะคือแค่เราเงียบเราปิดการรับรู้จากคน

01:47:2601:47:26 อื่นบ้าง

01:47:2601:47:27 >> ใช่

01:47:2701:47:29 >> อ่าแล้วเสียงเรามันจะดังขึ้นมาเองเลย

01:47:2901:47:31 >> ใช่เพราะว่าจริงๆเขาบอกเราอยู่แล้วเสื่อ

01:47:3101:47:34 สารกับเราอยู่แล้วเในที่นี้คือร่างกาย

01:47:3401:47:34 >> ค่ะ

01:47:3401:47:36 >> เอออยู่แล้วแต่เราแบบไม่ได้ยินเหมือน

01:47:3601:47:38 เรื่องป่วยอ่ะก่อนที่พี่จะเป็นภาวะซึม

01:47:3801:47:41 เศร้าอ่ะมันไม่ได้อยู่ดีๆเป็นนะคือเราแบบ

01:47:4101:47:45 ไม่มีความสุขกับการทำงานพี่ที่ปวดคอจนแบบ

01:47:4501:47:48 ไม่สามารถหันซ้ายหันขวาได้เป็นหลักเดือน

01:47:4801:47:50 ไม่สามารถนอนเองได้เพราะว่าปวดทางร่างกาย

01:47:5001:47:54 แต่เราไม่ได้ยินไงเราไม่ได้ยินเราเพิกเฉย

01:47:5401:47:56 สิ่งที่มันเป็นเรื่องเล็กๆมันก็เลยเป็น

01:47:5601:47:58 เรื่องที่ยิ่งใหญ่เขาแค่ตะโกนบอกเราว่า

01:47:5801:48:00 เขาไม่ไหวแล้วเพราะฉะนั้นน่ะทุกอย่างที่

01:48:0001:48:02 เกิดขึ้นน่ะมันเกิดจากการที่เราไม่หยุด

01:48:0201:48:05 ฟังเราแบบเสียงดังไปหมดอ่ะเพราะฉะนั้นถ้า

01:48:0501:48:08 เราหยุดฟังอ่ะเราจะได้ยินเขาแน่นอนค่ะ

01:48:0801:48:10 อยู่นิ่งๆหรือว่าอยู่เงียบๆกับตัวเองอ่ะ

01:48:1001:48:13 อันนี้สำคัญมากพี่มีแบบเคสนึงเนาะเขาแบบ

01:48:1301:48:15 ได้เข้ามาเรียนหรือว่าได้คุยกันอะไรอย่า

01:48:1501:48:20 เงี้ยค่ะเขาเป็นคุณหมอที่ยุ่งมากแล้วก็มี

01:48:2001:48:23 ภาวะ SLE SL คือภาวะภูมิคุ้มกันเขาทำลาย

01:48:2301:48:25 ตัวเองค่ะเป็นเลือดเพราะฉะนั้นเนี่ยเขาก็

01:48:2501:48:28 เลยไม่สามารถมีลูกได้คุณหมอเนี่ยก็บอกว่า

01:48:2801:48:30 เอ้ยมีลูกยากนะไม่ได้หมายความว่าแบบไม่มี

01:48:3001:48:33 ได้เลยมียากทีเนี้ยพอมันยุ่งไปหมดอ่ะเขา

01:48:3301:48:37 ไม่ได้มีเวลากลับมาให้ตัวเองเชื่อมว่าแค่

01:48:3701:48:39 แบบมีเวลาให้ตัวเองนะมันเหมือนได้กลับมา

01:48:3901:48:42 เชื่อมโยงกับตัวเองอ่ะตอนหลังครั้งล่าสุด

01:48:4201:48:45 อ่ะคือเค้าแบบไปเช็คอ่ะเลือด SL อ่ะกลับ

01:48:4501:48:47 มาปกติอีกสักพักนึงอ่ะเขาสามารถกลับมามี

01:48:4701:48:51 ลูกได้แล้วตอนนี้เขาท้องแบบน่าจะ 5 เดือน

01:48:5101:48:53 แล้วอ่ะเออแล้วเขาก็กลับมาบอกพี่ว่าเออ

01:48:5301:48:56 หมอฟ้ารู้มว่าไอ้การที่แบบกลับมาอยู่กับ

01:48:5601:48:59 ตัวเองบ้างอ่ะมันทำให้เค้าอ่ะได้กลับมา

01:48:5901:49:02 เชื่อมโยงกับตัวเองแล้วแบบพลังงานในตัว

01:49:0201:49:04 เราอ่ะมันจะค่อยๆดีขึ้นน่ะค่ะเออแล้วเขา

01:49:0401:49:07 ก็แบบสุดท้ายก็ได้มีลูกแล้วพยายามมาแบบ

01:49:0701:49:08 หลายปีมาก

01:49:0801:49:09 >> 4-5 ปี

01:49:0901:49:11 >> อย่างอย่างที่คุณหมอบอกว่าจริงๆแล้วการ

01:49:1101:49:13 ให้เวลากับตัวเองอะไรอย่างเงี้ยมันไม่ได้

01:49:1301:49:17 จำเป็นว่าเราจะต้องลา 1 วันหรือเป็น

01:49:1701:49:20 กิจจลักษณะหรือแบบเอ้ยเดี๋ยวเดี๋ทริปหน้า

01:49:2001:49:22 นะเดี๋ยวจะให้เวลากับตัวเองอันนี้ไม่ใช่

01:49:2201:49:24 แต่เราควรจะทำให้มันเป็นกิจวัตรคือทำให้

01:49:2401:49:26 มันอยู่ในชีวิตประจำวัน

01:49:2601:49:26 >> ใช่

01:49:2601:49:27 >> ออ

01:49:2701:49:30 >> ทุกวันสำคัญกว่าแบบลานานๆ

01:49:3001:49:33 >> เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทุกวันจะกลายเป็น

01:49:3301:49:36 กิจวัตรสิ่งที่เป็นกิจวัตรจะกลายเป็น

01:49:3601:49:39 นิสัยและสุดท้ายมันจะกลายเป็นตัวตนของเรา

01:49:3901:49:43 เออเพราะฉะนั้นน่ะทำทุกวันสำคัญกว่าหยุด 3

01:49:4301:49:46 วัน 5 วันหรือว่าหยุดเดือนนึงอะไรอย่าง

01:49:4601:49:46 เงี้ยค่ะเออ

01:49:4601:49:50 >> อค่ะแล้วการที่เราให้เวลาตัวเองเป็นประจำ

01:49:5001:49:54 ทุกวันอย่างเงี้ยค่ะมันขุดร่องใหม่อะไรใน

01:49:5401:49:56 สมองของเราหรือเปล่าคะ

01:49:5601:49:59 >> เวลาที่เราจะเปลี่ยนสมองนะ 1 คือเราต้อง

01:49:5901:50:01 มีโฟกัสว่าเราจะไปที่ไหนแต่การที่จะ

01:50:0101:50:04 เปลี่ยนได้อ่ะคือต้องผ่อนคลายเราไม่

01:50:0401:50:07 สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตในขณะที่เรารีบไป

01:50:0701:50:11 หมดได้ลองสังเกตในเวลาที่เช้าสายไปเที่ยน

01:50:1101:50:13 เราแบบสกสเกดเต็มไปหมดอ่ะเราจะคิดอะไรออก

01:50:1301:50:17 มยไม่เพราะเราจะทำทุกอย่างตาม schedule

01:50:1701:50:20 คือทำแล้วไหลเพราะฉะนั้นในการที่เราจะ

01:50:2001:50:22 เปลี่ยนอะไรใหม่เราต้องผ่อนคลายการที่เรา

01:50:2201:50:25 มีเวลาให้ตัวเองได้ผ่อนคลายอ่ะมันคือช่วง

01:50:2501:50:28 เวลาที่ทำให้เราอ่ะเซ็ตเส้นทางใหม่เวลาจะ

01:50:2801:50:31 เปลี่ยนสมองเวลาจะโปรแกรมอะไรทำอะไรที่

01:50:3101:50:33 เกี่ยวกับจิตอ่ะค่ะต้องผ่อนคลายเออสมาธิ

01:50:3301:50:36 เลยกลายเป็นคีย์เวิร์ดนึงเพราะว่าสมาธิทำ

01:50:3601:50:39 ให้คลื่นสมองเราอ่ะอยู่ในคลื่นผ่อนคลาย

01:50:3901:50:41 เราเลยสามารถ manifest ก็คือการที่เรามี

01:50:4101:50:44 ภาพใช่มั้มีภาพแล้วใส่เข้าไปเลยทำตอนทำ

01:50:4401:50:46 สมาธิเพราะว่ามันผ่อนคลายค่ะในภาวะปกติ

01:50:4601:50:48 เราแบบโอ้โหเครียดอ่ะความเครียดในคลื่น

01:50:4801:50:51 สมองเขาจะเป็นเบต้าหรือว่าคลื่นเร็วเพราะ

01:50:5101:50:54 ฉะนั้นน่ะมันไม่ผ่อนคลายเขาจะเจะรับไม่

01:50:5401:50:54 ได้

01:50:5501:50:55 >> เขาจะเอาออก

01:50:5501:50:58 >> ถ้าสมมุติเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ก็

01:50:5801:51:01 เช่นไม่ต้องรอเวลาพักไม่ต้องรอตอนเย็น

01:51:0101:51:04 หรืออะไรเรารู้ตัวตอนไหนเราก็พักสักนิด

01:51:0401:51:08 นึงออฮะค่ะแล้วมีวิธีที่จะช่วยรีเซตได้ใน

01:51:0801:51:09 ขณะนั้นเลยมั้คะ

01:51:1001:51:12 >> สำหรับพี่ก็ยังกลับไปที่ลมหายใจอยู่เพราะ

01:51:1201:51:15 ว่าลมหายใจเป็นสิ่งที่เราไม่ต้องมีกระบวน

01:51:1501:51:17 การเยอะถ้าเราจะเปลี่ยนอะไรอ่ะมันต้องไม่

01:51:1701:51:20 มีกระบวนการเยอะขอแค่โอเครู้ตัวปุ๊บอ่ะ

01:51:2001:51:23 หายใจไปที่ท้องนะหายใจช้าลงก็ได้ถ้าตอน

01:51:2301:51:26 นี้ยังท้องไม่ได้ฉันยังหายใจที่อกก็ไม่

01:51:2601:51:29 เป็นไรค่ะขอช้าลงหน่อยได้มยแค่นั้นเองถ้า

01:51:2901:51:32 หายใจช้าไม่ได้รู้ตัวก่อนได้มั้ทำอะไรก็

01:51:3201:51:35 ได้ค่ะให้เริ่มน้อยที่สุดแต่ทำไปเลย

01:51:3501:51:36 >> อื

01:51:3601:51:38 >> อืทีละเล็กๆแต่ว่า

01:51:3801:51:41 >> ทำเลยทำเลย

01:51:4101:51:43 ไม่งั้นจะเปลี่ยนไม่ได้แล้วก็แบบการ

01:51:4301:51:46 เปลี่ยนมันต้องแบบทำทันทีอ่ะขอแค่รู้ตัว

01:51:4601:51:48 ค่ะมันก็เป็นจุดที่แบบหัวใจเราก็จะแบบ

01:51:4801:51:51 แข็งแรงขึ้นและเริ่มเปลี่ยนได้จากที่เรา

01:51:5101:51:53 คุยกันมาทั้งหมดของวันนี้เนาะเป็นเรื่อง

01:51:5301:51:55 เกี่ยวกับการที่เราอ่ะจะเปลี่ยนชีวิตของ

01:51:5501:51:58 เราก็คือต้องเปลี่ยนสมองอ่าซึ่งจะเปลี่ยน

01:51:5801:52:01 สมองได้ก็ต้องเปลี่ยนนิสัยแล้วก็ไอ้นิสัย

01:52:0101:52:03 เจะเปลี่ยนได้ก็ต้องมีโฟกัสเมื่อทำ 1 อ่ะ

01:52:0301:52:06 เดี๋ยวมันจะกระชอบชิ่งไปเองอ่าแต่ต้อง

01:52:0601:52:08 เริ่มให้ถูกก่อนแล้วก็สิ่งที่สำคัญมากๆ

01:52:0801:52:11 คือเรื่องของโฟกัสที่ว่าอะไรบ้างทุกวัน

01:52:1101:52:13 นี้ที่แบบทำลายโฟกัสเราอยู่เราจำเป็นต้อง

01:52:1301:52:16 รู้เพื่อที่เราจะต้องหลีกเลี่ยงแล้วก็ลด

01:52:1601:52:18 แล้วก็รวมถึงโดามีนที่เราเสพติดชีป

01:52:1801:52:22 โดปามีนด้วยว่าเฮ้ยจริงๆแล้วถ้าเรารู้ตัว

01:52:2201:52:25 แล้วเราก็ลองเปลี่ยนอีกแผนนึงในการที่เรา

01:52:2501:52:28 จะลองเปลี่ยนนิสัยทำถี่ๆเนี่ยแล้วก็มีการ

01:52:2801:52:30 ชื่นชมตัวเองให้รางวัลตัวเองว่าเฮ้ยเรา

01:52:3001:52:33 กำลังทำสิ่งนี้โดยใช้ความพยายามมากขึ้นก็

01:52:3301:52:36 จะทำให้เรามีเ่อโดปามีนที่เป็นโดปามีน

01:52:3601:52:38 ราคาแพงมากขึ้นเออซึ่งมันก็จะดีต่อร่าง

01:52:3901:52:41 กายของเราซึ่งทั้งหมดที่คุยมาแพนด้าว่าดี

01:52:4101:52:44 มากๆแล้วก็น่าจะช่วยให้หลายๆท่านเนี่ยมี

01:52:4401:52:46 แนวทางในการที่จะไปเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว

01:52:4701:52:49 ก็พอเปลี่ยนนิดนึงก็อย่างที่บอกเนาะ

01:52:4901:52:51 เดี๋ยวชีวิตเราก็จะค่อยๆดีขึ้นเองแล้ววัน

01:52:5101:52:54 นี้ค่ะเราคุยกันเรื่องสมองเนาะอ้าแพนด้า

01:52:5401:52:59 ก็เลยมีสิ่งนึงค่ะช่วยปกป้องสมองของเรา

01:52:5901:53:02 หมวกเกลาค่ะอันนี้มามอบให้คุณหมอนะคะจริง

01:53:0201:53:05 ๆข้างในเป็นสีดำอ่าสามารถใส่ได้ 2 ด้าน

01:53:0501:53:08 เลยพิกด้านไหนก็ใส่ได้เหมือนกันค่ะแล้วก็

01:53:0801:53:10 ถ้าท่านไหนสนใจหมวกแบบนี้นะคะรับรองว่าหู

01:53:1001:53:13 ใส่แล้วชิกมากใส่แล้วดีแล้วก็อาจจะได้

01:53:1301:53:16 เตือนให้เราแบบอ่าปกป้องสมองของเราด้วยก็

01:53:1601:53:19 ฝากอุดหนุนได้นะคะที่ใต้ description นี้

01:53:1901:53:21 นะคะแล้วก็ยังมีเสื้อเกลานะคะแล้วก็

01:53:2101:53:23 กระเป๋าผ้าเกาด้วยค่ะยังไงก็เป็นกำลังใจ

01:53:2301:53:25 ให้พวกเราด้วยนะคะอันนี้ให้คุณหมอเลยค่ะ

01:53:2501:53:26 ขอบค

01:53:2601:53:28 >> แล้วก็ดูคลิปนี้แล้วนะคะได้ประโยชน์ยังไง

01:53:2801:53:30 บ้างหรือว่าอยากแชร์อะไรประสบการณ์ส่วน

01:53:3001:53:33 ตัวนี้เราก็ยินดีรับฟังนะคะคอมเมนต์บอก

01:53:3301:53:35 กันเอาไว้ได้นะคะแล้วก็อย่าลืมกดไลค์กด

01:53:3501:53:37 แชร์แล้วก็กด Subscribe เป็นกำลังใจให้

01:53:3701:53:39 พวกเราด้วยนะคะรวมถึงตามไปกดไลก์กดแชร์

01:53:3901:53:41 ช่องคุณหมอช่องไหนคะ

01:53:4101:53:42 >> หมอฟ้าสมาธิศาสตร์ค่ะ

01:53:4301:53:45 >> อ่าไปติดตามกันได้คุณหมอจะมีไลฟ์ประจำวัน

01:53:4501:53:46 ไหนคะ

01:53:4601:53:47 >> ทุกวันอังคารค่ะ

01:53:4701:53:50 >> อ่าทุกวันอังคารก็ไปติดตามไลฟ์ช่องคุณหมอ

01:53:5001:53:52 ได้ค่ะสำหรับวันนี้ก็ต้องขอขอบคุณมากๆเลย

01:53:5201:53:53 นะคะ

01:53:5301:53:57 >> ขอบคุณค่ะ

01:53:5701:54:16 [เพลง]