00:00:00 → 00:00:02 บนโซเชียลแชร์รูปภาพพร้อมข้อความว่า
00:00:02 → 00:00:05 อุทาหรณ์ของพ่อและแม่ให้เด็กน้อยเล่น
00:00:05 → 00:00:08 โทรศัพท์มือถือนานๆโดยไม่มีการดูแลสุด
00:00:08 → 00:00:11 ท้ายเด็กน้อยเหล่านี้ก็ตาบอดตลอดอายุขัย
00:00:11 → 00:00:13 ชัวร์หรอ
00:00:13 → 00:00:17 [เพลง]
00:00:17 → 00:00:19 เรื่องนี้ถ้าจริงก็น่าตกใจและควรรีบบอก
00:00:19 → 00:00:22 เตือนกันครับแต่ก่อนจะแชร์ต่อต้องเช็คให้
00:00:22 → 00:00:24 ถูกชัวร์ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์สำนักข่าวไทย
00:00:24 → 00:00:27 อสมทสอบถามกับประธานวิชาการราชวิทยาลัย
00:00:27 → 00:00:30 จากสู่แพทย์แห่งประเทศไทยครับที่เขาแชร์
00:00:30 → 00:00:32 เตือนว่าถ้าให้เด็กน้อยเล่นโทรศัพท์มือ
00:00:32 → 00:00:35 ถือนานๆทำให้ตาบอดตลอดอายุขัยพร้อมรูปภาพ
00:00:35 → 00:00:38 ที่แนบมานี้จริงไหมครับไม่จริงครับการใช้
00:00:38 → 00:00:41 มือถือหรือการใช้สายตาระยะใกล้เนี่ยแม้
00:00:41 → 00:00:43 ว่าจะใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานก็ไม่ได้
00:00:43 → 00:00:46 เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดอาการของตาบอดใน
00:00:46 → 00:00:48 เด็กขึ้นมาได้ครับรูปตาของเด็กผู้ชายที่
00:00:48 → 00:00:50 เขาแชร์มาด้วยล่ะครับในกรณีนี้เข้าใจว่า
00:00:51 → 00:00:54 เป็นกรณีของเด็กที่มีอาการตาเหล่หรือตาเข
00:00:54 → 00:00:56 แล้วคุณผู้ปกครองก็อาจจะเอาไปโยงกับการ
00:00:56 → 00:00:59 ที่เด็กเล่นมือถือมากในรูปที่มีตาแดงๆ
00:01:00 → 00:01:02 เข้าใจว่าเป็นการได้รับการผ่าตัดกล้าม
00:01:02 → 00:01:04 เนื้อตาน่าจะเป็นช่วงวันหรือ 2 วันแรก
00:01:04 → 00:01:07 หลังการผ่าตัดซึ่งในรูปเนี้ยคือเป็นการ
00:01:07 → 00:01:09 ที่คุณหมอให้เด็กมองไปทางขวาเพื่อที่จะ
00:01:09 → 00:01:12 ได้ตรวจแผลการผ่าตัดที่แดงๆที่ตาลทรายนี้
00:01:12 → 00:01:14 ได้ชัดเจนยิ่งขึ้นครับอาจารย์อธิบาย
00:01:14 → 00:01:17 สาเหตุที่ทำให้ตาเขหรือตาเหล่ใช้หลาย
00:01:18 → 00:01:20 สาเหตุจริงๆสาเหตุของตาเหล่และตาเก๋เนี่ย
00:01:20 → 00:01:23 มีได้หลายสาเหตุแต่ที่ 1 คือเกิดจากมีค่า
00:01:23 → 00:01:26 สายตาผิดปกติเช่นเด็กมีค่าสายตายาวมากๆ
00:01:26 → 00:01:28 เนี่ยก็ต้องมักจะทำให้เด็กมีตาเหล่เข้าใน
00:01:28 → 00:01:31 หรือถ้าเด็กมีภาวะสายตาสั้นหรือสายตา
00:01:31 → 00:01:34 เอียงมากๆเด็กจะมีภาวะตาเขออกนอกสาเหตุ
00:01:34 → 00:01:37 ที่ 2 ที่พบบ่อยก็คือความไม่สมดุลของ
00:01:37 → 00:01:39 กล้ามเนื้อตาแล้วในรูปดวงตาของเด็กผู้
00:01:39 → 00:01:42 หญิงที่แชร์กันนี้นะครับเป็นอะไรกรณีใน
00:01:42 → 00:01:45 ภาพนี้เนี่ยเป็นภาวะที่มีเลือดออกที่
00:01:45 → 00:01:48 เยื่อตาขาวแล้วก็ที่บริเวณเปลือกตาด้าน
00:01:48 → 00:01:50 ล่างอาจารย์อธิบายสาเหตุที่ทำให้เกิด
00:01:50 → 00:01:53 เลือดออกในเยื่อบุตาขาวอาจเกิดได้จาก 3
00:01:53 → 00:01:56 สาเหตุแรกก็คงเป็นการได้รับการกระทบ
00:01:56 → 00:01:59 กระเทือนสาเหตุที่ 2 ก็คือกรณีที่เด็กมี
00:01:59 → 00:02:02 ปัญหาเลือดออกผิดปกติหรือการทำงานของ
00:02:02 → 00:02:05 เกล็ดเลือดผิดปกติก็อาจจะทำให้เกิดเลือด
00:02:05 → 00:02:08 ออกบริเวณต่างๆขึ้นมาเองได้ง่ายส่วน
00:02:08 → 00:02:11 สาเหตุที่ 3 ที่เจอก็คืออาจจะกรณีที่เด็ก
00:02:11 → 00:02:14 มีอาการไอหรือมีการเบ่งมากๆหรืออย่างกรณี
00:02:14 → 00:02:18 มีเหตุการณ์ที่เด็กไปห้อยหัวจนเป็นความ
00:02:18 → 00:02:20 ดันมันลงมาที่บริเวณศีรษะเยอะๆก็อาจจะทำ
00:02:20 → 00:02:23 ให้เส้นเลือดแตกแบบนี้ได้อาการเลือดออกใน
00:02:23 → 00:02:26 เยื่อบุตาขาวจะหายเองได้ไหมครับก็จะใช้
00:02:26 → 00:02:29 เวลาประมาณสัก 10-14 วันเลือดตรงนี้ก็จะ
00:02:29 → 00:02:31 ค่อยๆจางหายไปแล้วทั้ง 2 รูปที่เขาแชร์
00:02:31 → 00:02:33 กันนี้มีโอกาสเกิดจากการเล่นโทรศัพท์นานๆ
00:02:33 → 00:02:36 ได้ไหมครับเป็นสาเหตุที่อาจจะพบร่วมกัน
00:02:36 → 00:02:39 ได้นะครับในกรณีที่เด็กมีการใช้สายตาเยอะ
00:02:39 → 00:02:42 ๆเนี่ยอาจจะทำให้เกิดภาวะสายตาผิดปกติ
00:02:42 → 00:02:45 เยอะขึ้นถ้าเด็กมีความเสี่ยงที่จะเกิดตา
00:02:45 → 00:02:47 เหล่หรือตาเก๋อยู่แล้วก็อาจจะทำให้เรา
00:02:47 → 00:02:50 ตรวจพบว่าเด็กมีตาเหล่หรือตาเก๋ได้อย่าง
00:02:50 → 00:02:54 ในกรณีเคสเด็กคนแรกส่วนกรณีเด็กคนที่ 2
00:02:54 → 00:02:56 เนี่ยที่มีเลือดออกที่บริเวณเยื่อบุตาก็
00:02:57 → 00:02:59 อย่างที่ว่าครับถ้าเราปล่อยให้เด็กเล่น
00:02:59 → 00:03:01 อยู่แต่โทรศัพท์มือถือทั้งวันเนี่ยเด็ก
00:03:01 → 00:03:04 อาจจะเคืองตาแสบตาแล้วก็เอามือไปขยี้ตา
00:03:04 → 00:03:07 อยู่บ่อยๆก็อาจจะทำให้เกิดภาวะเส้นเลือด
00:03:07 → 00:03:10 ที่บริเวณตาขาวแตกได้ครับแต่ว่าการใช้สาย
00:03:10 → 00:03:12 ตาเล่นมือถือทุกวันเนี่ยไม่ได้เป็นต้น
00:03:12 → 00:03:15 เหตุโดยตรงที่ทำให้เส้นเลือดบริเวณดวงตา
00:03:15 → 00:03:17 จะแตกหรือทำให้กล้ามเนื้อตาทำงานปกติ
00:03:17 → 00:03:20 สำหรับผู้ปกครองที่มีความกังวลใจกับเด็กๆ
00:03:20 → 00:03:23 ที่ใช้โทรศัพท์อาจารย์มีคำแนะนำดังนี้
00:03:23 → 00:03:25 ครับเด็กไม่ควรจะใช้สายตามองใกล้หรือเล่น
00:03:25 → 00:03:28 มือถือหรือแท็บเล็ตติดต่อกันนานเกินครึ่ง
00:03:28 → 00:03:30 ชั่วโมงเพราะฉะนั้นทุกๆครึ่งชั่วโมงเนี่ย
00:03:30 → 00:03:32 เด็กจะต้องมีเวลาพักไปทำกิจกรรมอื่นอย่าง
00:03:32 → 00:03:35 น้อยสัก 4-5 นาทีแล้วก็แนะนำว่าควรจะให้
00:03:36 → 00:03:38 เด็กมีกิจกรรมกลางแจ้งเขามีงานวิจัยพบว่า
00:03:38 → 00:03:41 การที่เด็กได้ออกไปมีกิจกรรมกลางแจ้งข้าง
00:03:41 → 00:03:43 นอกบ้างอย่างน้อยวันละ 2 ชั่วโมงจะช่วยลด
00:03:43 → 00:03:46 โอกาสเกิดภาวะสายตาผิดปกติซึ่งอาจจะเป็น
00:03:46 → 00:03:49 ต้นเหตุหนึ่งที่นำไปสู่การเป็นตาเหล่หรือ
00:03:49 → 00:03:51 ตาเก๋ของเด็กได้ครับอาจารย์อย่างแนะนำให้
00:03:51 → 00:03:53 สังเกตหากเด็กมีความผิดปกติลูกของเรามี
00:03:54 → 00:03:57 อาการขยี้ตามบ่อยๆหรือคันตากระพริบตาบ่อย
00:03:57 → 00:03:59 ๆอันนี้อาจจะเป็นอาการที่คุณพ่อคุณแม่
00:03:59 → 00:04:02 ต้องให้ความสำคัญเพราะว่าน่าจะต้องพาไป
00:04:02 → 00:04:04 ตรวจกับจากศูนย์แพทย์ว่าเขามีความผิดปกติ
00:04:04 → 00:04:07 อย่างอื่นในดวงตาร่วมด้วยหรือไม่จะได้รับ
00:04:07 → 00:04:09 การรักษาให้ถูกต้องก็สรุปแล้วที่เค้าแชร์
00:04:09 → 00:04:12 ว่าการปล่อยให้เด็กน้อยเล่นโทรศัพท์มือ
00:04:12 → 00:04:15 ถือนานๆทำให้ตาบอดตลอดอายุขัยพร้อมรูปภาพ
00:04:15 → 00:04:17 ที่แนบมานี้เป็นยังไงครับไม่จริงครับไม่
00:04:17 → 00:04:20 ควรแชร์ต่อแต่อย่างไรก็ตามการใช้โทรศัพท์
00:04:20 → 00:04:22 มือถือกับเด็กเนี่ยจำเป็นที่จะต้องใช้
00:04:22 → 00:04:25 อย่างถูกวิธีเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบหรือ
00:04:25 → 00:04:28 เกิดภาวะปัญหาอย่างอื่นกับดวงตาตามมาได้
00:04:28 → 00:04:31 ครับการรู้ข้อมูลข้อเท็จจริงก่อนส่งต่อ
00:04:31 → 00:04:33 ช่วยลดความกังวลและความเข้าใจผิดได้นะ
00:04:33 → 00:04:35 ครับยังมีอีกหลายเรื่องน่าสงสัยบนสังคม
00:04:35 → 00:04:37 ออนไลน์หากได้รับอะไรมาอย่าเพิ่งแชร์ต่อ
00:04:37 → 00:04:41 ร่วมตรวจสอบไปด้วยกันกับช่วงก่อนแชร์
00:04:41 → 00:04:57 [เพลง]
00:04:57 → 00:05:00