00:00:00 → 00:00:03 5 อันตรายที่เกิดจากยาลดไขมัน
00:00:10 → 00:00:13 สวัสดีครับ ผมหมอท๊อป และนี่คือ DOCTORTOP Channel
00:00:13 → 00:00:16 รายการสุภาพที่ทั้งสนุกและมีสาระ
00:00:18 → 00:00:23 วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องที่คนไทยเป็นเยอะมากๆ
00:00:23 → 00:00:26 นั่นก็คือภาวะไขมันสูง
00:00:26 → 00:00:30 และภาวะไขมันสูงมักอาจจะต้องทานยากลุ่มลดไขมัน
00:00:30 → 00:00:32 วันนี้เราจะมาเจาะลึก
00:00:32 → 00:00:36 5 อันตรายที่เกิดจากยาลดไขมัน
00:00:36 → 00:00:37 ก่อนไปอย่าลืมกด Like กด Share
00:00:37 → 00:00:40 กด Subscribe และกดกระดิ่ง ขอบคุณครับ
00:00:40 → 00:00:42 สำหรับท่านที่มีเวลาน้อย
00:00:42 → 00:00:44 ผมขออนุญาตให้กระโดดไปที่ 3 นาทีสุดท้าย
00:00:44 → 00:00:46 ผมสรุปไว้ให้เรียบร้อย
00:00:46 → 00:00:49 ส่วนท่านที่เวลา เราไปพร้อมๆ กันเลย
00:00:50 → 00:00:55 สำหรับเรื่องของไขมันสูง คนไทยถือว่าเป็นกันเยอะมากๆ
00:00:55 → 00:00:59 โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุเกิน 40 ปีขึ้นไป
00:00:59 → 00:01:04 เอาว่าคร่าวๆ ถ้าเกิดอายุเกิน 40 ปีขึ้นไป หรือเกิน 50 ปีขึ้นไป
00:01:04 → 00:01:10 จะมีครึ่งนึงมักจะต้องได้รับยาลดไขมัน
00:01:10 → 00:01:12 มักจะต้องได้รับยาลดไขมัน
00:01:12 → 00:01:15 บางคนก็น้อยบางคนก็มากก็ว่ากันไป
00:01:15 → 00:01:16 ยาลดไขมันนี้บอกว่าดีไหม
00:01:17 → 00:01:21 ผมออกเลยบอกว่ามีการวิจัยเยอะแยะมากมายในโลกใบนี้เลยบอกว่า
00:01:21 → 00:01:26 มันดีมากๆ มันช่วยลดหัวใจขาดเลือด มันช่วยทำให้ชีวิตยืนยาว
00:01:26 → 00:01:30 แต่สิ่งสำคัญคือมันไม่ได้มีแต่ข้อดีอย่างเดียว
00:01:30 → 00:01:35 มันมีข้อเสียด้วย และถ้าเกิดท่านไม่ได้ไปเจาะลึกข้อเสีย
00:01:35 → 00:01:39 ปล่อยให้มันดำเนินต่อไปโดยไม่มีใครรู้
00:01:39 → 00:01:42 มันอาจจะถึงชีวิตได้ เพราะฉะนั้นตั้งใจฟังให้ดี
00:01:42 → 00:01:44 มาดูกันที่ข้อแรกก่อนเลย
00:01:44 → 00:01:48 ข้อแรกก็คือ ผลข้างเคียงที่รุนแรงต่อตับ
00:01:48 → 00:01:53 ผู้ป่วยที่มักทานยาลดไขมันกัน
00:01:53 → 00:01:56 จะเป็นยาลดไขมันที่เป็นกลุ่มสแตนติน
00:01:56 → 00:01:58 อันนี้คือทานกันแพร่หลายทั่วโลก
00:01:58 → 00:02:03 ซึ่งมีข้อดีเยอะจริงๆ แต่ข้อเสียข้อแรกคือทำให้ตับอักเสบได้
00:02:03 → 00:02:07 พบภาวะตับอักเสบประมาณ 0.5-2%
00:02:07 → 00:02:09 ก็ไม่น้อยไม่มาก ก็พบได้
00:02:09 → 00:02:12 มีตั้งแต่พบเบาๆ จนตับอักเสบรุงแรงได้
00:02:12 → 00:02:14 เพราะฉะนั้นเราจะป้องกันได้ยังไง
00:02:14 → 00:02:21 เมื่อไหร่ก็ตามที่ท่านเริ่มได้รับยาลดไขมันหรือยากลุ่มสแตติน
00:02:21 → 00:02:23 ควรที่จะต้องได้รับการตรวจ
00:02:23 → 00:02:27 เขาเรียกว่า Liver Enzyme หรือว่าค่าตัวการทำงานของตับ
00:02:27 → 00:02:30 และถ้าให้ดีตรวจค่าการทำงานของไตด้วยก็ดี
00:02:30 → 00:02:34 ก็จะตรวจรวมกันไปเลยที่ 3 เดือนแรก
00:02:34 → 00:02:37 ดูซิว่ามันมีผลอะไรกับตับกับไตไหม
00:02:37 → 00:02:39 ถ้าไม่มีก็โอเคทานต่อได้
00:02:39 → 00:02:42 แต่ถ้ามันมีอาจจะต้องเปลี่ยนยาหรือเปล่า
00:02:42 → 00:02:44 อาจจะต้องลดปริมาณยาหรือเปล่า
00:02:44 → 00:02:46 อาจจะต้องดูอย่างอื่นเพิ่มเติมหรือเปล่า
00:02:46 → 00:02:49 อันนี้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะว่าภาวะตับอักเสบ
00:02:49 → 00:02:55 มันอาจจะลุกลาม แล้วก็ทำให้ท่านไม่สบายอย่างรุนแรงได้
00:02:55 → 00:02:59 เพราะฉะนั้นข้อแรกก็คือตับอักเสบต้องระวังนั่นเอง
00:02:59 → 00:03:04 มาต่อกันที่อันตรายข้อที่ 2 ของยาลดไขมัน
00:03:04 → 00:03:07 นั่นคือภาวะปวดกล้ามเนื้อ
00:03:07 → 00:03:09 ภาวะปวดกล้ามเนื้อต้องบอกเลยว่า
00:03:09 → 00:03:12 10 คน มักจะพบอย่างน้อย 1 คน
00:03:12 → 00:03:14 นั่นคือปวดกล้ามเนื้อแบบธรรมดาๆ
00:03:14 → 00:03:18 คือทานแล้วมักจะมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
00:03:18 → 00:03:22 แต่ต้องบอกว่ามันมีอะไรที่น่ากลัวมากกว่านั้น
00:03:22 → 00:03:25 นั่นคือภาวะการสลายของกล้ามเนื้อแบบรุนแรง
00:03:25 → 00:03:29 ภาษาอังกฤษเรียกว่า Rhabdomyolysis
00:03:30 → 00:03:34 ผู้ป่วยที่จะพบภาวะนี้ก็คือประมาณ 1 ใน 3,000
00:03:34 → 00:03:36 ราวๆ นี้ ประมาณนี้
00:03:36 → 00:03:40 ซึ่งตัวภาวะกล้ามเนื้อสลายแบบรุนแรง
00:03:40 → 00:03:42 มันจะทำให้เรามีอาการปวดกล้ามเนื้อมาก
00:03:42 → 00:03:46 บางท่านก็อาจจะมีปัสสาวะสีคล้ำผิดปกติ
00:03:46 → 00:03:48 ไตทำงานมากกว่าปกติ
00:03:48 → 00:03:52 ถ้าเกิดเป็นรุนแรงรุนแรงขึ้นอาจจะเกิดภาวะไตวายเฉียบพลัน
00:03:52 → 00:03:55 ต้องฟอกไตเร่งด่วนถึงแก่ชีวิตได้
00:03:55 → 00:03:58 เพราะฉะนั้นถือว่าผลข้างเคียงอันนี้ไม่เบาเลยทีเดียว
00:03:58 → 00:04:02 ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่ท่านได้รับยาลดไขมัน
00:04:02 → 00:04:06 ในกลุ่มที่ชื่อว่าสแตตินในนี้กลุ่ม มีหลายตัวเลย
00:04:07 → 00:04:12 ก็ควรที่จะสังเกตว่าเรามีอาการปวดกล้ามเนื้อมากมาย
00:04:12 → 00:04:14 ถ้าปวดกล้ามเนื้อให้บอกคุณหมอ
00:04:14 → 00:04:16 แล้วรู้ได้ไงว่าเกิดจากยาตัวนี้
00:04:16 → 00:04:19 ก็คือเราไม่ควรจะมีอาการแบบนี้มาก่อน
00:04:19 → 00:04:22 การปวดกล้ามเนื้อมักจะปวดทั้งร่างกาย
00:04:22 → 00:04:25 ปวดทั้ง 2 ข้าง ไม่ควรจะแบบปวดข้างเดียว
00:04:25 → 00:04:28 ปวดข้างเดียวเรามักจะนึกถึงกล้ามเนื้ออักเสบ
00:04:28 → 00:04:31 การบาดเจ็บจากการใช้งานมากกว่า
00:04:31 → 00:04:35 แต่ถ้าปวดทั้ง 2 ข้าง ปวดเท่าๆกัน
00:04:35 → 00:04:43 น่าจะเกิดจากสิ่งที่ทำทั้งร่างกายของเราให้มีอาการปวดกล้ามเนื้อนั่นเอง
00:04:43 → 00:04:46 ซึ่งมักจะเกิดจากภาวะแบบ Systemic
00:04:46 → 00:04:51 ก็คือเกิดทั่วร่างกายก็มักเกิดจากยาหรือผลข้างเคียงของมัน
00:04:51 → 00:04:54 เพราะฉะนั้นถ้าท่านมีอาการนี้ เช่น ปวดกล้ามเนื้อมาก
00:04:54 → 00:04:57 ปัสสาวะสีผิดปกติ รีบพบแพทย์โดยด่วน
00:04:57 → 00:05:00 มาดูผลข้างเคียงข้อที่ 3 กัน
00:05:00 → 00:05:03 สำหรับเรื่องของยาลดไขมันกลุ่มสแตติน
00:05:03 → 00:05:07 นั่นก็คือเรื่องของภาวะน้ำตาลที่คุมยากขึ้น
00:05:07 → 00:05:12 หรือการคุมน้ำตาลได้ลำบากขึ้นในผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน
00:05:12 → 00:05:14 เพราะฉะนั้นถ้าท่านเป็นเบาหวานอยู่
00:05:14 → 00:05:20 แล้วเพิ่งได้รับยาลดไขมัน ต้องดูระดับน้ำตาลให้ดีเลยนะ
00:05:20 → 00:05:25 เพราะว่าระดับน้ำตาลของท่านอาจจะมีการสวิงขึ้นลงได้
00:05:26 → 00:05:29 เป็นอะไรที่เขาเรียกว่าอันตรายเหมือนกัน
00:05:29 → 00:05:34 คือภาวะน้ำตาลสูงมากไปก็มีช็อคได้มีเสียชีวิตได้
00:05:34 → 00:05:39 ต่ำเกินไปก็เป็นลมสลบหน้ามืดช็อคได้เสียชีวิตได้เช่นกันนะ
00:05:39 → 00:05:42 เพราะฉะนั้นเรื่องของน้ำตาลไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
00:05:42 → 00:05:44 เรื่องของเบาหวานไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
00:05:44 → 00:05:48 เพราะฉะนั้นแล้วถ้าท่านมีภาวะน้ำตาลสูงอยู่แล้ว
00:05:48 → 00:05:49 ทานยาลดน้ำตาลอยู่แล้ว
00:05:49 → 00:05:53 แล้วเพิ่งเริ่มเพิ่มยาในกลุ่มลดไขมันเข้ามา
00:05:53 → 00:05:57 การคุมน้ำตาลด้วยการคุมอาหาร
00:05:57 → 00:06:00 ด้วยการทานยาให้ตรงเวลา ด้วยการออกกำลังกาย
00:06:00 → 00:06:02 ด้วยการนอนหลับพักผ่อนอย่างดี
00:06:02 → 00:06:05 ก็จะทำให้การคุ้มกันที่ดีและโอเคเหมือนเดิม
00:06:05 → 00:06:10 เพราะฉะนั้นแล้วจะต้องใกล้ชิดกับระดับน้ำตาลในเลือดในช่วงแรกมากๆ เลย
00:06:10 → 00:06:14 ในการเริ่มทานยาลดไขมันนั่นเอง
00:06:14 → 00:06:17 มาต้อกันที่ผลข้างเคียงข้อที่ 4
00:06:17 → 00:06:22 อันนี้แบบน่ากลัวจริงๆ นั่นคือภาวะความจำเสื่อม
00:06:22 → 00:06:26 ต้องบอกว่าไม่ใช่ว่าทานยากลุ่มลดไขมันกลุ่มสแตตินนี้
00:06:26 → 00:06:28 แล้วจะความจำเสื่อมไปทุกคน ไม่ใช่
00:06:28 → 00:06:33 เพียงแต่ว่ามีโอกาสที่จะมีความจำเสื่อมมากกว่าคนที่ไม่ทานนั่นเอง
00:06:33 → 00:06:37 เพราะฉะนั้นแล้วให้ดีที่สุดไม่ต้องทานก็ดีนะยาลดไขมัน
00:06:37 → 00:06:39 ถามว่าไม่ต้องทานได้ยังไงบ้าง
00:06:39 → 00:06:43 ผมบอกเลยว่าถ้าท่านคุมน้ำหนักได้ดี
00:06:43 → 00:06:47 คุมอาหารได้ดี นอนได้เพียงพอ ออกกำลังกายได้โอเค
00:06:48 → 00:06:49 ถ้าไขมันท่านไม่สูงมาก
00:06:49 → 00:06:54 แล้วท่านไม่ได้แบบมีกรรมพันธุ์ที่เป็นเยอะมากๆ
00:06:54 → 00:06:59 โดยส่วนใหญ่แล้วไขมันมักจะลดมาในระดับที่มันโอเคเลย
00:06:59 → 00:07:05 เพราะฉะนั้นเอาจริงๆ ถ้าเราดูแลร่างกายได้ดี ดูแลจิตใจได้ดี
00:07:05 → 00:07:11 ยาลดไขมัน ผมว่ามีครึ่งนึงไม่ต้องทาน
00:07:11 → 00:07:14 แต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้นอย่าลดยาเอง
00:07:14 → 00:07:16 ไม่ใช่ฟังคลิปนี้แล้วไปลดยาเอง อย่างนี้ไม่แนะนำ
00:07:16 → 00:07:20 อย่างไรก็ตามควรจะต้องให้แพทย์แผนปัจจุบันเป็นผู้บอกว่า
00:07:20 → 00:07:22 ควรจะลดยา ควรจะหยุดยา
00:07:22 → 00:07:27 มันมีหลักการ มันมีเทคนิคของมันอย่าไปหยุดยาเอง
00:07:27 → 00:07:31 ก็เรื่องของความจำเสื่อม ถ้าสมมุติเราต้องทานยาจริงๆ
00:07:31 → 00:07:34 ก็อย่าไปซีเรียสกับมัน เราใช้การกระตุ้นอย่างอื่นได้
00:07:34 → 00:07:36 การอ่านหนังสือ การทำงาน
00:07:36 → 00:07:38 การที่ทำงานตลอดเวลาไม่ยอมเกษียณ
00:07:38 → 00:07:40 จะไม่มีความจำเสื่อมเลย
00:07:40 → 00:07:42 เพราะฉะนั้นเราอย่าไปคิดเรื่องเกษียณ
00:07:42 → 00:07:44 เราคิดเรื่องการทำงานให้แฮปปี้ดีกว่า
00:07:44 → 00:07:52 มาต่อกันที่ผลข้างเคียงข้อที่ 5 นั่นก็คือ Drug Interaction
00:07:52 → 00:07:54 ก็คือการมีผลกันของยาแต่ละชนิด
00:07:54 → 00:07:58 คือมันตีกันมันสู้กัน หรือว่าบางที่มันเพิ่มฤทธิ์ให้กัน
00:07:58 → 00:08:02 เอายาที่พบประจำแล้วกัน นั่นก็คือยาคุมความดันบางตัว
00:08:02 → 00:08:05 พอยากลุ่มลดไขมันหรือกลุ่มสแตตินเข้าไป
00:08:05 → 00:08:07 จะทำให้ความดันคุมยากขึ้น
00:08:07 → 00:08:13 จะทำให้ยาลดความดันบางชนิดมีผลลดลงหรือมีผลมากขึ้น
00:08:13 → 00:08:16 ก็คือมีทั้ง 2 ผล อาจจะทำให้ความดันต่ำเกินไป
00:08:16 → 00:08:18 หรือจะทำให้ความดันสูงเกินไป
00:08:18 → 00:08:22 เพราะฉะนั้นแล้วก็แนะนำให้เช็คความดันสม่ำเสมอ
00:08:22 → 00:08:23 แล้วถ้าเกิดมีภาวะความดันสวิง
00:08:23 → 00:08:26 อาจจะต้องปรึกษาแพทย์เพื่อได้รับการเปลี่ยนยา
00:08:26 → 00:08:28 หรือปรับยาให้เหมาะสมนั่นเอง
00:08:28 → 00:08:30 ยาอีกกลุ่มนึงที่ค่อนข้างอันตรายเลย
00:08:30 → 00:08:36 และมักจะมีการเสริมฤทธิ์กันกับยากลุ่มสแตติน
00:08:36 → 00:08:40 นั่นก็คือยากลุ่มที่ป้องกันการแข็งตัวของเลือด
00:08:40 → 00:08:43 หรือยากลุ่มที่ชื่อว่าวาร์ฟารินนั่นเอง
00:08:43 → 00:08:47 กลุ่มวาร์ฟารินมักจะให้ในผู้ป่วยที่มีเลือดแข็งตัวผิดปกติ
00:08:47 → 00:08:49 เลือดมันก็จะไม่แข็งตัว
00:08:49 → 00:08:52 แต่ข้อเสียของมันคือเลือดมันก็จะไหลง่าย
00:08:52 → 00:08:55 คราวนี้คุณหมอเขาก็จะให้ในระดับที่มันพอดี
00:08:56 → 00:08:59 คือไม่ไหลง่ายจนเกินไป แล้วก็ไม่แข็งจนเกินไป
00:08:59 → 00:09:03 แต่พอเราทานไอ้ยาสแตตินเข้ามา มันทำให้ฤทธิ์มันมากขึ้น
00:09:03 → 00:09:05 มันก็เกิดเลือดไหลง่ายที่มันมากจนเกินไป
00:09:05 → 00:09:09 เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อเราเริ่มให้ยากลุ่มลดไขมัน
00:09:09 → 00:09:11 แล้วเราทานยาละลายลิ่มเลือดอยู่
00:09:11 → 00:09:16 เราจะต้องตรวจเลือดในช่วงแรกค่อนข้างที่จะบ่อยหน่อย
00:09:16 → 00:09:20 อาจจะช่วงเดือน 3 เดือน ถ้าคงที่แล้วก็โอเค
00:09:20 → 00:09:22 เพราะว่ายาละลายลิ่มเลือดมันปรับได้นั่นเอง
00:09:22 → 00:09:27 นี่คือ 5 ข้ออันตรายของยาลดไขมัน
00:09:28 → 00:09:30 คราวนี้ผมขออนุญาตสรุป
00:09:30 → 00:09:33 5 ข้ออันตรายที่จำเป็นจะต้องรู้เลย
00:09:33 → 00:09:36 ถ้าท่านทานยาลดไขมัน
00:09:36 → 00:09:41 ต้องบอกเลยผู้ป่วยหรือว่าคนไทยที่อายุ 40-50 ขึ้นไป
00:09:41 → 00:09:44 มีครึ่งหนึ่งทานยาลดไขมัน
00:09:44 → 00:09:47 เพราะฉะนั้นแล้วควรรู้เป็นอย่างมาก
00:09:47 → 00:09:50 ต้องบอกว่ายาลดไขมัน ถ้าไม่ทานได้ก็ดีกว่า
00:09:50 → 00:09:54 การรักษาที่ถูกต้องคือการที่ทานยาให้น้อยที่สุด
00:09:54 → 00:09:57 แต่ร่างกายปกติมากที่สุด
00:09:57 → 00:10:00 คือถ้าเราสามารถลดหรืองดยาลดไขมันได้
00:10:00 → 00:10:04 จะเป็นสิ่งที่ดีต่อชีวิตมากกว่าการทานไปตลอดชีวิตนั่นเอง
00:10:04 → 00:10:08 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องให้คุณหมอลด อย่าไปหยุดเอง
00:10:08 → 00:10:11 มาที่ข้อแรกของผลข้างเคียงข้อแรก
00:10:11 → 00:10:14 นั่นคือตับอักเสบนั่นเอง
00:10:14 → 00:10:18 พบประมาณ 0.5-2% มีตั้งแต่เบาจนไปหนักมาก
00:10:18 → 00:10:21 เพราะฉะนั้นถ้าท่านได้ยาไขมันในช่วงแรก
00:10:21 → 00:10:23 ในช่วง 3 เดือนหลังจากได้ไป
00:10:23 → 00:10:26 อาจจะต้องตรวจค่า Liver Enzyme หรือค่าตับ
00:10:26 → 00:10:29 ถ้าแถมค่าไตด้วยก็ดี ดูทั้งตับทั้งไต
00:10:29 → 00:10:31 ถ้าปกติดีก็ทานต่อได้ไม่เป็นอะไร
00:10:31 → 00:10:35 ถ้าผิปกติต้องคุยกันแล้วว่าจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนชนิด
00:10:35 → 00:10:37 หรือลดชนิดหรือเปล่า
00:10:37 → 00:10:39 ถ้าจะมีการเปลี่ยนชนิดยาลดไขมัน
00:10:39 → 00:10:41 ก็ควรจะต้องตรวจพวกนี้ซ้ำอีกทีซิ 3 เดือน
00:10:41 → 00:10:46 เพื่อดูว่าเราเข้ากันได้กับยาลดไขมันหรือเปล่านั่นเอง
00:10:47 → 00:10:49 ผลข้างเคียงอย่างที่ 2 อันนี้พบบ่อยมาก
00:10:49 → 00:10:51 นั่นก็คือเรื่องของการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
00:10:51 → 00:10:54 10 คน พบ 1 คน
00:10:54 → 00:10:56 มักเป็นการปวดกล้ามเนื้อธรรมดา
00:10:56 → 00:10:58 แบบนี้ไม่ค่อยน่ากลัว
00:10:58 → 00:11:01 อาจจะหายด้วยตัวเองหรือว่าจะป่วยนิดๆ หน่อยๆ ไม่ซีเรียส
00:11:01 → 00:11:04 หรือบางทีเปลี่ยนยาก็ดีขึ้นแล้ว
00:11:04 → 00:11:09 แต่มีอีกโรคหนึ่งที่รุนแรงกว่านี้
00:11:09 → 00:11:11 เรียกว่าโรคกล้ามเนื้อสลายอย่างรุนแรง
00:11:11 → 00:11:14 ภาษาอังกฤษเรียกว่า Rhabdomyolysis
00:11:14 → 00:11:18 พวกนี้พบ 1 ใน 3,000 โดยประมาณ อันตรายมากๆ
00:11:18 → 00:11:22 คนจะปวดกล้ามเนื้อรุนแรง ไม่มีแรงเลย แล้วก็กล้ามเนื้อสลาย
00:11:22 → 00:11:27 ก็บางครั้งจะพบปัสสาวะสีเข้ม
00:11:27 → 00:11:32 ซึ่งภาวะนี้จะทำให้เกิดไตวายเฉียบพลันได้ด้วย
00:11:32 → 00:11:34 เพราะฉะนั้นอันตรายจริงๆ ต้องระมัดระวัง
00:11:34 → 00:11:38 ถ้ามีปัสสาวะสีดำหรือปวดกล้ามเนื้อมาก รีบพบแพทย์โดยด่วน
00:11:38 → 00:11:43 มาต่อกันข้อที่ 3 นั่นก็คือการคุมน้ำตาลที่จะลำบากขึ้น
00:11:43 → 00:11:45 เพราะว่าเวลาเราทานยาสแตตินไป
00:11:45 → 00:11:49 จะพบว่ามีผู้ป่วยบางท่านมีภาวะน้ำตาลสวิงขึ้นสวิงลง
00:11:49 → 00:11:51 โดยเฉพาะผู้ที่เป็นเบาหวานอยู่แล้ว
00:11:51 → 00:11:54 เพราะฉะนั้นในช่วงแรกๆ ที่เริ่มทานยาลดไขมัน
00:11:54 → 00:11:58 อาจจะต้องคุมน้ำตาลกันแบบจริงจังกันนิดนึง
00:11:58 → 00:12:02 มาต่อกันที่ผลข้างเคียงข้อที่ 4 นั่นคือเรื่องของความจำ
00:12:02 → 00:12:04 มีวิจัยว่าการทานยาสแตติน
00:12:04 → 00:12:09 มีโอกาสความจำเสื่อมมากกว่ากลุ่มผู้ที่ไม่ทานยาสแตติน
00:12:09 → 00:12:12 เพราะฉะนั้นแล้วถ้าไม่ทานได้จะดีกว่าทาน
00:12:12 → 00:12:14 แต่ถ้าจำเป็นต้องทาน อย่าไปเครียด
00:12:14 → 00:12:18 เราอ่านหนังสือเยอะๆ ทำงานเยอะๆ เจอผู้คนเยอะๆ
00:12:18 → 00:12:22 ออกไปพบปะคนเยอะๆ แค่นี้ความจำก็ดีจนถึงอายุ 100 ปีแล้ว
00:12:22 → 00:12:26 และมาต่อกันที่ข้อสุดท้าย นั่นก็คือ Drug Interaction
00:12:26 → 00:12:30 หรือการมีผลเสริมฤทธิ์กันของยาต่างๆ นั่นเอง
00:12:30 → 00:12:32 ยาที่มักมีปัญหาก็เช่นยาความดัน
00:12:32 → 00:12:34 อาจจะมีฤทธิ์มากขึ้นหรืออาจจะมีฤทธิ์ลงลดก็ได้
00:12:34 → 00:12:38 ทำให้ความดันควบคุมลำบาก แล้วก็ยาอีกตัวที่น่ากลัว
00:12:38 → 00:12:42 ก็คือยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด
00:12:42 → 00:12:44 ถ้าเรามีการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ มันจะอันตราย
00:12:44 → 00:12:48 คุณหมอมักจะให้ยาตัวนี้ ชื่อที่ว่ายาวาร์ฟาริน
00:12:48 → 00:12:54 ยาวาร์ฟารินอาจจะมี Drug Interaction กับยาสแตติน
00:12:54 → 00:12:57 ทำให้ฤทธิ์มันมากขึ้น
00:12:57 → 00:13:01 ฤทธิ์มากขึ้นเกิดอะไร ก็เกิดเลือดออกตามจุดต่างๆ ได้ง่าย
00:13:01 → 00:13:03 ถ้ามันฤทธิ์มากขึ้นแบบสุดๆ
00:13:03 → 00:13:06 มันอาจจะเกิดเลือดออกในสมองขณะที่เราเดินไปเดินมา
00:13:06 → 00:13:09 เพราะฉะนั้นอันตรายจริงๆ ถ้าท่านทานยาตัวนี้อยู่
00:13:09 → 00:13:13 แล้วแอดยาหรือเพิ่มยาลดไขมันมาควรจะต้องมอนิเตอร์
00:13:13 → 00:13:17 หรือการตรวจเรื่องของผลการออกฤทธิ์
00:13:17 → 00:13:19 ของยาวาร์ฟารินอย่างใกล้ชิดในช่วงแรก
00:13:19 → 00:13:23 หลังจากกลับได้แล้ว ทุกอย่างก็มักจะปกติไม่ต้องกังวลไป
00:13:23 → 00:13:27 และนี่ก็คือ 5 อันตรายของยาลดไขมัน
00:13:27 → 00:13:30 ก็ขอให้ทุกท่านสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงดีทุกคน
00:13:30 → 00:13:31 ก่อนไปอย่าลืมกด Like กด Share
00:13:31 → 00:13:34 กด Subscribe และกดกระดิ่ง ขอบคุณครับ