00:00:00 → 00:00:03 คุณผู้ฟังเคยรู้สึกไหมคะว่าเวลาหิวที่ไร
00:00:03 → 00:00:07 เราก็มักจะรู้สึกไม่สบายตัวอารมณ์ไม่ดี
00:00:07 → 00:00:10 บางทีก็หงุดหงิดง่ายจนทำให้หลายคนมองว่า
00:00:10 → 00:00:13 ความหิวเนี่ยเป็นเหมือนศัตรูตัวฉะกาดที่
00:00:13 → 00:00:16 ต้องรีบกำจัดให้พ้นไปจากชีวิตให้เร็วที่
00:00:16 → 00:00:17 สุด
00:00:17 → 00:00:20 นั่นสิครับบางคนถึงขั้นพกขนมติดตัวตลอด
00:00:20 → 00:00:23 เวลาหรือต้องกินให้ได้ทุกๆ 2-3 ชั่วโมง
00:00:23 → 00:00:26 เพื่อไม่ให้รู้สึกหิวเลยแม้แต่น้อย
00:00:26 → 00:00:29 แต่ถ้าวันนี้เราจะบอกว่าสิ่งที่คุณเข้าใจ
00:00:29 → 00:00:31 เกี่ยวกับความหิหิวอาจจะไม่ถูกต้องทั้ง
00:00:31 → 00:00:35 หมดล่ะคะวันนี้สุขภาพสนทนาสร้างสุขภาพดี
00:00:35 → 00:00:38 ที่เริ่มต้นจากความเข้าใจใช่แล้วครับและ
00:00:38 → 00:00:41 ถ้าไม่อยากพลาดทุกข้อมูลสุขภาพดีๆแบบนี้
00:00:41 → 00:00:44 อย่าลืมกดติดตามช่องของเราและกดกระดิ่ง
00:00:44 → 00:00:45 แจ้งเตือนกันไว้ด้วยนะครับ
00:00:46 → 00:00:49 ในวันนี้สุขภาพสนทนาจะมาปลดล็อคมุมมอง
00:00:49 → 00:00:51 ใหม่เกี่ยวกับความหิวที่อาจจะเปลี่ยนให้
00:00:51 → 00:00:54 ความหิวกลายเป็นเพื่อนแท้ของสุขภาพที่คุณ
00:00:54 → 00:00:58 ไม่เคยรู้มาก่อนค่ะเราจะมาดูกันว่าทำไม
00:00:58 → 00:01:01 การเรียนรู้ที่จะหิวเป็นถึงสำคัญและจะ
00:01:01 → 00:01:04 ช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดีขึ้นได้อย่างไร
00:01:04 → 00:01:06 ก่อนอื่นเลยเรามาทำความเข้าใจกันก่อนดี
00:01:07 → 00:01:10 กว่าครับว่าจริงๆแล้วความหิวเนี่ยมันคือ
00:01:10 → 00:01:13 อะไรกันแน่เรากำลังพูดถึงความหิวแบบไหน
00:01:13 → 00:01:16 เพราะหลายครั้งที่เรากินเราไม่ได้กิน
00:01:16 → 00:01:18 เพราะหิวจริงๆใช่ไหมครับ
00:01:18 → 00:01:21 ถูกต้องค่ะความหิวที่เรากำลังจะพูดถึงใน
00:01:21 → 00:01:25 วันนี้คือความหิวทางกายภาพหรือ physical
00:01:25 → 00:01:28 hunger ซึ่งเป็นสัญญาณทางชีววิทยาที่
00:01:28 → 00:01:31 ร่างกายส่งออกมาเพื่อบอกว่าเราต้องการ
00:01:31 → 00:01:34 พลังงานและสารอาหารมันเกิดจากการที่ระดับ
00:01:34 → 00:01:36 น้ำตาลในเลือดลดลงระดับฮอร์โมนบางชนิด
00:01:36 → 00:01:39 เปลี่ยนแปลงไปและกระเพาะอาหารเริ่มว่าง
00:01:39 → 00:01:42 สัญญาณเหล่านี้จะค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ
00:01:42 → 00:01:46 มีอาการที่ชัดเจนเช่นท้องว่างรู้สึกจี๊ดๆ
00:01:46 → 00:01:49 มีเสียงท้องร้องรู้สึกพลังงานลดลงเล็ก
00:01:49 → 00:01:51 น้อยและสามารถรอได้ไม่ได้ต้องการกิน
00:01:51 → 00:01:53 เดี๋ยวนั้นทันทีค่ะ
00:01:53 → 00:01:56 แตกต่างจากความหิวทางอารมณ์หรือ emotional
00:01:56 → 00:01:59 hunger ใช่ไหมครับซึ่งอันนี้แหละที่หลาย
00:01:59 → 00:02:01 คนอาจจะสับสนและทำให้เรากินเกินความ
00:02:01 → 00:02:02 จำเป็น
00:02:02 → 00:02:05 ใช่เลยค่ะความหิวทางอารมณ์มักจะมาแบบฉับ
00:02:05 → 00:02:08 พลันเกิดจากอารมณ์บางอย่างเช่นความเครียด
00:02:08 → 00:02:12 ความเบื่อหน่ายความเหงาความกังวลหรือแม้
00:02:12 → 00:02:15 แต่ความสุขเช่นเวลาเครียดๆก็อยากกิน
00:02:15 → 00:02:17 ช็อกโกแลตหรือดูหนังอยู่ก็อยากกิน
00:02:17 → 00:02:20 ป๊อปคอร์นทั้งๆที่เพิ่งกินข้าวไปไม่นาน
00:02:20 → 00:02:23 แล้วมักจะเลือกกินอาหารเฉพาะเจาะจงเช่น
00:02:23 → 00:02:26 อาหารรสจัดอาหารหวานหรืออาหารที่ให้ความ
00:02:26 → 00:02:29 รู้สึกสบายใจกินแล้วก็มักจะรู้สึกผิดหรือ
00:02:29 → 00:02:31 เสียใจภายหลังเพราะรู้ว่าไม่ได้หิวจริง
00:02:32 → 00:02:32 ค่ะ
00:02:32 → 00:02:35 นี่แหละครับคือประเด็นสำคัญเราต้องเริ่ม
00:02:35 → 00:02:38 แยกแยะให้ออกก่อนว่าความหิวที่เรากำลัง
00:02:38 → 00:02:41 เผชิญอยู่เป็นแบบไหนหากเป็นความหิวทาง
00:02:41 → 00:02:44 กายภาพนั่นคือสัญญาณธรรมชาติของร่างกาย
00:02:44 → 00:02:47 แต่ถ้าเป็นความหิวทางอารมณ์อันนี้ต้อง
00:02:47 → 00:02:50 ระวังเลยครับเพราะมันมักจะเป็นสาเหตุหลัก
00:02:50 → 00:02:53 ที่ทำให้เรากินมากเกินไปและนำไปสู่ปัญหา
00:02:53 → 00:02:54 สุขภาพอื่นๆตามมา
00:02:54 → 00:02:57 เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นลองสังเกตตัว
00:02:57 → 00:03:00 เองดูนะคะว่าคุณหิวเพราะร่างกายต้องการ
00:03:00 → 00:03:02 สารอาหารจริงๆหรือหิวเพราะแค่อยากจะกิน
00:03:02 → 00:03:05 อะไรบางอย่างเพื่อคลายเครียดหรือแก้เบื่อ
00:03:05 → 00:03:08 เท่านั้นการทำความเข้าใจจุดนี้เป็นก้าว
00:03:08 → 00:03:11 แรกที่สำคัญมากค่ะที่จะทำให้เราเริ่มหิว
00:03:11 → 00:03:14 เป็นได้อย่างถูกวิธีและรู้ว่าเมื่อไหร่
00:03:14 → 00:03:16 ที่เราควรกินและเมื่อไหร่ที่เราควรจะ
00:03:16 → 00:03:18 ปล่อยให้ร่างกายได้พักจากการย่อยบ้างค่ะ
00:03:18 → 00:03:22 ในร่างกายของเรามีฮอร์โมน 2 ตัวหลักๆที่
00:03:22 → 00:03:25 เป็นผู้เล่นสำคัญในการควบคุมความหิวและ
00:03:25 → 00:03:28 ความอิ่มค่ะคือเกรลิน
00:03:28 → 00:03:31 และเลปตินการทำความเข้าใจบทบาทของฮอร์โมน
00:03:31 → 00:03:34 2 ตัวนี้จะช่วยให้เราเข้าใจกลไกความหิว
00:03:34 → 00:03:37 ของร่างกายได้ดีขึ้นและทำให้เราควบคุมการ
00:03:37 → 00:03:38 กินได้ง่ายขึ้นค่ะ
00:03:39 → 00:03:41 เริ่มจากฮอร์โมนเกรลินก่อนเลยครับตัวนี้
00:03:41 → 00:03:44 มักถูกเรียกว่าเป็นฮอร์โมนความหิว
00:03:44 → 00:03:47 ฮังเกอร์ฮอร์โมนทำไมถึงเป็นอย่างนั้นครับ
00:03:47 → 00:03:49 เพราะว่าเกรลินส่วนใหญ่จะถูกผลิตจาก
00:03:49 → 00:03:52 กระเพาะอาหารค่ะเมื่อกระเพาะอาหารว่างและ
00:03:52 → 00:03:55 ระดับพลังงานในร่างกายลดลงระดับเกรลินก็
00:03:55 → 00:03:58 จะสูงขึ้นและส่งสัญญาณการไปที่สมองส่วน
00:03:58 → 00:04:00 ไฮโปทาัสซึ่งเป็นศูนย์ควบคุมความอยาก
00:04:00 → 00:04:03 อาหารของเราให้เรารู้สึกหิวและกระตุ้นให้
00:04:04 → 00:04:07 เราหาอะไรกินค่ะพอเรากินเข้าไปกระเพาะ
00:04:07 → 00:04:10 อาหารเริ่มเต็มระดับเกรลินก็จะลดลงและ
00:04:10 → 00:04:12 ความรู้สึกหิวก็จะหายไปค่ะ
00:04:12 → 00:04:16 อ๋ออย่างนี้นี่เองครับก็คือพอหิวเกรลินก็
00:04:16 → 00:04:19 จะขึ้นพออิ่มเกรลินก็จะลงแล้วเล็บล่ะครับ
00:04:19 → 00:04:20 ทำงานยังไง
00:04:20 → 00:04:24 เลปตินเป็นอีกตัวที่สำคัญไม่แพ้กันค่ะบาง
00:04:24 → 00:04:27 คนเรียกมันว่าฮอร์โมนความอิ่มสะชายที่
00:04:27 → 00:04:31 ฮอร์โมนหรือฮอร์โมนควบคุมความอ้วนเล็บิน
00:04:31 → 00:04:33 ส่วนใหญ่ถูกผลิตจากเซลล์ไขมันในร่างกาย
00:04:33 → 00:04:37 ค่ะยิ่งมีไขมันสะสมในร่างกายมากเท่าไหรก็
00:04:37 → 00:04:39 ยิ่งผลิตเล็บินออกมามากเท่านั้นเล็บตินจะ
00:04:40 → 00:04:43 ทำหน้าที่ส่งสัญญาณไปยังสมองว่าร่างกายมี
00:04:43 → 00:04:46 พลังงานสะสมเพียงพอแล้วให้ลดความอยาก
00:04:46 → 00:04:49 อาหารลงและเพิ่มการเผาผลาญพลังงานค่ะ
00:04:49 → 00:04:52 ฟังดูเหมือนเลปตินเป็นฮีโร่ที่จะช่วยควบ
00:04:52 → 00:04:55 คุมน้ำหนักเลยนะครับแต่ทำไมบางคนถึงอ้วน
00:04:55 → 00:04:58 ขึ้นทั้งที่มีไขมันเยอะและน่าจะมีเล็บ
00:04:58 → 00:04:59 เยอะด้วยล่ะครับ
00:04:59 → 00:05:01 นั่นเป็นคำถามที่ดีมากค่ะเพราะสิ่งที่
00:05:01 → 00:05:04 เกิดขึ้นกับหลายคนโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่
00:05:04 → 00:05:07 มีภาวะน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนคือภาวะ
00:05:07 → 00:05:10 ที่เรียกว่าภาวะดื้อต่อเลปตินเลpตtin
00:05:10 → 00:05:13 resistance แม้ร่างกายจะผลิตเล็บินออกมา
00:05:13 → 00:05:16 มากแต่สมองกลับไม่ตอบสนองต่อสัญญาณของ
00:05:16 → 00:05:19 เลปตินทำให้สมองไม่รับรู้ว่าร่างกายมี
00:05:19 → 00:05:23 พลังงานเพียงพอแล้วผลก็คือเราก็จะยังคง
00:05:23 → 00:05:26 รู้สึกหิวอยู่ตลอดเวลาอยากกินมากขึ้นและ
00:05:26 → 00:05:29 ระบบการเผาผลาญก็ทำงานได้ไม่เต็มที่ค่ะ
00:05:29 → 00:05:32 โอ้โหแสดงว่าการที่เราไม่สามารถควบคุม
00:05:32 → 00:05:35 ความหิวได้ดีอาจจะไม่ใช่แค่เรื่องของความ
00:05:35 → 00:05:37 หิวทางใจอย่างเดียวแต่เป็นเรื่องของสมดุล
00:05:37 → 00:05:39 ฮอร์โมนในร่างกายด้วยใช่ไหมั้ครับ
00:05:39 → 00:05:42 ถูกต้องค่ะการทำความเข้าใจบทบาทของเกรลิน
00:05:42 → 00:05:45 และเล็บินช่วยให้เรามองความหิวได้ในมุม
00:05:45 → 00:05:48 ที่ลึกซึ้งขึ้นการที่เรากินตลอดเวลาหรือ
00:05:48 → 00:05:51 กินมากเกินไปไม่ได้แค่ทำให้ระดับน้ำตาลใน
00:05:51 → 00:05:54 เลือดพุ่งสูงเท่านั้นแต่ยังส่งผลกระทบต่อ
00:05:54 → 00:05:56 ความสมดุลของฮอร์โมนเหล่านี้ด้วยซึ่งใน
00:05:56 → 00:06:00 ระยะยาวก็อาจนำไปสู่ภาวะดื้อต่อเล็บและทำ
00:06:00 → 00:06:03 ให้การลดน้ำหนักหรือควบคุมอาหารทำได้ยาก
00:06:03 → 00:06:06 ขึ้นไปอีกค่ะการฝึกให้ร่างกายได้พักจาก
00:06:06 → 00:06:08 การย่อยอาหารบ้างอย่างที่เรากำลังจะพูด
00:06:08 → 00:06:11 ถึงจึงเป็นการช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนเหล่า
00:06:11 → 00:06:14 นี้ให้ทำงานได้ดีขึ้นด้วยนั่นเองค่ะ
00:06:14 → 00:06:17 เมื่อเราเข้าใจกลไกความหิวและฮอร์โมนที่
00:06:17 → 00:06:19 เกี่ยวข้องแล้วก็ถึงเวลาที่เราจะมาเรียน
00:06:19 → 00:06:22 รู้การหิวเป็นกันแล้วใช่มั้ยครับแล้วคำ
00:06:22 → 00:06:25 ว่าหิวเป็นนี่คืออะไรครับหมายถึงต้องทน
00:06:25 → 00:06:27 หิวไปเรื่อยๆหรือเปล่าครับ
00:06:27 → 00:06:30 ไม่ใช่เลยค่ะการหิวเป็นไม่ได้หมายถึงการ
00:06:30 → 00:06:33 ทรมานตัวเองให้อดอยากแต่หมายถึงการฟัง
00:06:33 → 00:06:36 เสียงร่างกายและอนุญาตให้ตัวเองได้รู้สึก
00:06:36 → 00:06:39 หิวบ้างในระดับที่พอเหมาะก่อนที่จะรับ
00:06:39 → 00:06:42 ประทานอาหารค่ะมันคือการฝึกให้ร่างกายได้
00:06:42 → 00:06:45 ใช้พลังงานสำรองที่สะสมไว้ไม่ใช่การเติม
00:06:45 → 00:06:47 พลังงานใหม่เข้าไปตลอดเวลา
00:06:47 → 00:06:50 ฟังดูน่าสนใจนะครับแล้วการฝึกหิวเป็น
00:06:50 → 00:06:53 เนี่ยมันมีประโยชน์ต่อสุขภาพของเรายังไง
00:06:53 → 00:06:53 บ้างครับ
00:06:53 → 00:06:56 มีประโยชน์หลายด้านเลยค่ะ 1 ช่วยควบคุม
00:06:56 → 00:06:59 น้ำหนักและลดไขมันเมื่อเราปล่อยให้ร่าง
00:06:59 → 00:07:02 กายรู้สึกหิวบ้างร่างกายจะดึงเอาไขมันที่
00:07:02 → 00:07:05 สะสมไว้มาใช้เป็นพลังงานค่ะซึ่งนี่คือ
00:07:05 → 00:07:08 กลไกธรรมชาติที่ช่วยลดไขมันส่วนเกินได้
00:07:08 → 00:07:11 อย่างมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ
00:07:11 → 00:07:14 การกินจุบจิบตลอดเวลาที่ร่างกายมักจะใช้
00:07:14 → 00:07:16 แต่น้ำตาลจากอาหารที่เราเพิ่งกินเข้าไป
00:07:16 → 00:07:20 ค่ะข้อ 2 ส่งเสริมกระบวนการออโตฟากี้นี่
00:07:20 → 00:07:23 คือหนึ่งในประโยชน์ที่สำคัญมากและหลายคน
00:07:23 → 00:07:26 อาจไม่เคยเคยรู้ค่ะออโตฟากี้คือกระบวนการ
00:07:26 → 00:07:29 ทำความสะอาดตัวเองของเซลล์ซึ่งร่างกายจะ
00:07:29 → 00:07:32 กำจัดเซลล์เก่าเซลล์ที่เสียหายหรือส่วน
00:07:32 → 00:07:35 ประกอบของเซลล์ที่ทำงานผิดปกติออกไปแล้ว
00:07:35 → 00:07:38 นำไปรีไซเคิลสร้างเป็นเซลล์ใหม่ที่ดีกว่า
00:07:38 → 00:07:41 เดิมการที่เราเว้นช่วงการกินนานขึ้นหรือ
00:07:41 → 00:07:43 อยู่ในสภาวะที่ร่างกายต้องดึงพลังงาน
00:07:43 → 00:07:46 สำรองมาใช้จะช่วยกระตุ้นกระบวนการ
00:07:46 → 00:07:49 ออโตฟากี้นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพข้อ 3
00:07:49 → 00:07:52 ชะลอไวและเพิ่มความยืนยาวของชีวิตเมื่อ
00:07:52 → 00:07:55 กระบวนการออโตโซฟากี้ทำงานได้ดีเซลล์ของ
00:07:55 → 00:07:58 เราก็จะสุขภาพดีขึ้นลดการสะสมของสิ่งผิด
00:07:59 → 00:08:01 ปกติซึ่งมีส่วนช่วยในการชะลอความเสื่อม
00:08:01 → 00:08:04 ของเซลล์และอาจส่งผลต่อการมีอายุยืนยาว
00:08:04 → 00:08:08 ขึ้นด้วยค่ะข้อที่ 4 ปรับสมดุลฮอร์โมน
00:08:08 → 00:08:10 อย่างที่เราได้คุยกันเรื่องฮอร์โมนเกรลิน
00:08:10 → 00:08:13 และเลปตินการฝึกหิวเป็นช่วยให้ร่างกาย
00:08:13 → 00:08:16 ปรับสมดุลของฮอร์โมนเหล่านี้ได้ดีขึ้นลด
00:08:16 → 00:08:19 ภาวะดื้อต่ออินซูลินและเลปตินทำให้ร่าง
00:08:19 → 00:08:22 กายตอบสนองต่อสัญญาณความอิ่มและสัญญาณการ
00:08:22 → 00:08:25 จัดการพลังพลังงานได้ดีขึ้น 5 เพิ่ม
00:08:25 → 00:08:28 ประสิทธิภาพการทำงานของสมองมีงานวิจัยที่
00:08:28 → 00:08:31 ชี้ให้เห็นว่าการอดอาหารเป็นช่วงๆซึ่ง
00:08:31 → 00:08:34 เป็นหนึ่งในการฝึกหิวเป็นอาจช่วยเพิ่มการ
00:08:34 → 00:08:37 สร้างเซลล์ประสาทใหม่ๆและปกป้องสมองจาก
00:08:37 → 00:08:39 ความเสื่อมของระบบประสาทได้ค่ะและข้อสุด
00:08:39 → 00:08:43 ท้ายข้อ 6 พัฒนาวินัยในการกินและสติการ
00:08:43 → 00:08:46 เรียนรู้ที่จะหิวเป็นทำให้เรามีความ
00:08:46 → 00:08:49 สัมพันธ์กับอาหารที่ดีขึ้นค่ะเราจะเริ่ม
00:08:49 → 00:08:51 แยกแยะความหิวทางกายภาพกับความหิวทาง
00:08:51 → 00:08:55 อารมณ์ได้ชัดเจนขึ้นและกินอย่างมีสติมาก
00:08:55 → 00:08:57 ขึ้นไม่ใช่กินไปตามอารมณ์หรือความเคยชิน
00:08:57 → 00:08:58 ค่ะ
00:08:58 → 00:09:01 ฟังดูน่าสนใจมากๆเลยครับแสดงว่าการให้
00:09:01 → 00:09:04 ร่างกายได้พักจากการย่อยอาหารบ้างไม่ได้
00:09:04 → 00:09:06 น่ากลัวอย่างที่คิดกลับเป็นผลดีต่อสุขภาพ
00:09:06 → 00:09:08 ในหลายๆด้านเลย
00:09:08 → 00:09:10 ใช่เลยค่ะมันคือการกลับไปเชื่อมโยงกับ
00:09:10 → 00:09:13 ธรรมชาติของร่างกายเราที่ไม่ได้ถูกออกแบบ
00:09:13 → 00:09:17 มาให้กินตลอดเวลาการฝึกหิวเป็นจึงไม่ใช่
00:09:17 → 00:09:19 แค่การควบคุมอาหารแต่เป็นการปรับสมดุล
00:09:19 → 00:09:22 ร่างกายให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิ
00:09:22 → 00:09:25 ประสิทธิภาพสูงสุดค่ะทีนี้หลายคนคงอยาก
00:09:25 → 00:09:28 รู้แล้วใช่ไหมคะว่าแล้วเราจะเริ่มต้นฝึก
00:09:28 → 00:09:32 การหิวเป็นนี้ได้อย่างไรมีคำแนะนำง่ายๆ
00:09:32 → 00:09:34 ที่สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้
00:09:34 → 00:09:35 ค่ะ
00:09:35 → 00:09:38 ผมว่าหลายคนคงกังวลว่ามันจะยากหรือเปล่า
00:09:38 → 00:09:38 ครับ
00:09:38 → 00:09:41 ไม่ยากอย่างที่คิดค่ะลองเริ่มต้นจากจุด
00:09:41 → 00:09:45 เล็กๆก่อนนะคะฝึกรับรู้และแยกแยะความหิว
00:09:45 → 00:09:48 ก่อนที่จะกินอะไรให้หยุดคิดสักนิดว่าเรา
00:09:48 → 00:09:51 หิวจริงๆหรือเปล่าสังเกตอาการทางกายภาพ
00:09:51 → 00:09:55 ภาพเช่นท้องร้องพลังงานตกหากไม่ใช่ความ
00:09:55 → 00:09:59 หิวทางกายภาพลองหากิจกรรมอื่นทำเช่นดื่ม
00:09:59 → 00:10:03 น้ำเดินเล่นโทรหาเพื่อนดื่มน้ำเปล่าให้
00:10:03 → 00:10:06 เพียงพอบางครั้งอาการที่เราเข้าใจว่าเป็น
00:10:06 → 00:10:09 ความหิวแท้จริงแล้วอาจเป็นสัญญาณของภาวะ
00:10:09 → 00:10:12 ขาดน้ำเล็กน้อยค่ะการดื่มน้ำเปล่า 1 แก้ว
00:10:12 → 00:10:15 เมื่อรู้สึกอยากกินอะไรก็ช่วยได้มากเลย
00:10:15 → 00:10:18 ค่ะเว้นช่วงการกินแทนที่จะกินจุบจิบตลาด
00:10:19 → 00:10:21 วันลองตั้งเป้าที่จะเว้นช่วงระหว่างมื้อ
00:10:21 → 00:10:25 อาหารให้ยาวขึ้นสัก 4-5 ชมงหรืออาจจะลอง
00:10:25 → 00:10:28 งดอาหารเช้าเล็กน้อยแล้วไปกินมื้อเที่ยง
00:10:28 → 00:10:31 ทีเดียวเพื่อให้ร่างกายได้มีช่วงเวลาที่
00:10:31 → 00:10:34 ไม่ได้ย่อยอาหารนานขึ้นบ้างหลักการนี้
00:10:34 → 00:10:36 คล้ายกับการทำ intermit hand fasting
00:10:36 → 00:10:40 แบบเบาๆนั่นเองค่ะและกินอย่างมีสติเวลา
00:10:40 → 00:10:43 ที่เรากินให้ตั้งใจกินจริงๆค่ะเคี้ยวช้าๆ
00:10:43 → 00:10:47 สัมผัสรสชาติกลิ่นและเนื้อสัมผัสของอาหาร
00:10:47 → 00:10:50 การกินอย่างมีสติจะช่วยให้เราอิ่มเร็ว
00:10:50 → 00:10:52 ขึ้นและรับรู้สัญญาณความอิ่มของร่างกาย
00:10:52 → 00:10:56 ได้ดีขึ้นค่ะและที่สำคัญไม่กินจนอิ่มเกิน
00:10:56 → 00:10:59 ไปพยายามหยุดกินก่อนที่จะรู้สึกแน่นหลัก
00:10:59 → 00:11:03 การฮาราฮาชิบุของคนญี่ปุ่นที่กินแค่ 80%
00:11:03 → 00:11:06 ของความอิ่มเป็นตัวอย่างที่ดีค่ะการกินใน
00:11:06 → 00:11:09 ปริมาณที่พอดีจะช่วยให้ร่างกายมีเวลาจัด
00:11:09 → 00:11:12 การกับพลังงานและสารอาหารได้ดีขึ้นนอน
00:11:12 → 00:11:16 หลับให้เพียงพอการนอนหลับที่ไม่เพียงพอ
00:11:16 → 00:11:19 ส่งผลต่อฮอร์โมนเกรลินและเลปตินได้โดยตรง
00:11:19 → 00:11:22 ทำให้เราหิวบ่อยขึ้นและอิ่มยากขึ้นดัง
00:11:22 → 00:11:26 นั้นการนอนหลับที่มีคุณภาพจึงสำคัญมากต่อ
00:11:26 → 00:11:29 การควบคุมความหิวค่ะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
00:11:29 → 00:11:32 หากคุณมีโรคประทำตัวหรือมีข้อกังวลใดๆ
00:11:32 → 00:11:35 เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน
00:11:35 → 00:11:38 ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการก่อนเสมอนะ
00:11:38 → 00:11:40 คะเพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมกับ
00:11:40 → 00:11:42 สุขภาพของแต่ละบุคคลค่ะ
00:11:42 → 00:11:45 คำแนะนำเหล่านี้ดูทำตามได้ไม่ยากเลยนะ
00:11:45 → 00:11:47 ครับแค่เราเริ่มใส่ใจและปรับเปลี่ยน
00:11:47 → 00:11:50 พฤติกรรมเล็กๆน้อยๆในชีวิตประจำ
00:11:50 → 00:11:53 ใช่เลยค่ะการหิวเป็นคือการกลับมาฟังเสียง
00:11:53 → 00:11:56 ร่างกายตัวเองอีกครั้งและเชื่อมั่นในกลไก
00:11:56 → 00:11:59 อันชานฉลาดที่ธรรมชาติสร้างมาให้เราเมื่อ
00:11:59 → 00:12:02 เราเรียนรู้ที่จะเป็นมิตรกับความหิวและ
00:12:02 → 00:12:05 มองมันในมุมใหม่คุณจะพบว่าความหิวไม่ใช่
00:12:05 → 00:12:08 ศัตรูอีกต่อไปแต่เป็นสัญญาณสำคัญที่นำไป
00:12:08 → 00:12:12 สู่สุขภาพที่ดีขึ้นได้อย่างยั่งยืนค่ะ
00:12:12 → 00:12:14 วันนี้เราได้เรียนรู้กันไปเยอะเลยนะครับ
00:12:14 → 00:12:17 ว่าความหิวไม่ใช่แค่เรื่องของความรู้สึก
00:12:17 → 00:12:20 ว่างท้องแต่เป็นกลไกที่ซับสอนที่เกี่ยว
00:12:20 → 00:12:23 ข้องกับฮอร์โมนและสามารถเป็นประโยชน์ต่อ
00:12:23 → 00:12:27 สุขภาพของเราได้มากมายหากเราเข้าใจและจัด
00:12:27 → 00:12:29 การมันได้อย่างถูกต้อง
00:12:29 → 00:12:31 ใช่ค่ะเราได้ทำความรู้จักกับความหิว 2
00:12:31 → 00:12:34 ประเภทคือความหิวทางกายภาพและความหิวทาง
00:12:34 → 00:12:37 อารมณ์รวมถึงบทบาทสำคัญของฮอร์โมนเกรลิน
00:12:37 → 00:12:40 และเลปตินที่สำคัญที่สุดเราได้เห็นถึง
00:12:40 → 00:12:43 ประโยชน์มหาศาลของการฝึกหิวเป็นทั้งใน
00:12:43 → 00:12:45 เรื่องของการควบคุมน้ำหนักการกระตุ้น
00:12:45 → 00:12:48 ออโทฟีเพื่อชะลอวัยและการปรับสมดุล
00:12:48 → 00:12:50 ฮอร์โมนในร่างกายค่ะ
00:12:50 → 00:12:53 ขอสรุปง่ายๆนะครับว่าความหิวไม่ใช่สิ่ง
00:12:53 → 00:12:56 ที่ต้องกลัวแต่เป็นสัญญาณที่เราควรเรียน
00:12:56 → 00:12:59 รู้ที่จะฟังการปล่อยให้ร่างกายได้พักจาก
00:12:59 → 00:13:02 การย่อยอาหารบ้างจะเป็นการเปิดโอกาสให้
00:13:02 → 00:13:05 ร่างกายได้ฟื้นฟูตัวเองและทำงานได้อย่าง
00:13:05 → 00:13:07 มีประสิทธิภาพสูงสุดครับ
00:13:07 → 00:13:10 หวังว่าข้อมูลในวันนี้จะเป็นประโยชน์และ
00:13:10 → 00:13:12 ช่วยให้ทุกท่านมองความหิวในมุมที่เปลี่ยน
00:13:12 → 00:13:16 ไปนะคะจำไว้นะคะว่าสุขภาพดีเริ่มต้นจาก
00:13:16 → 00:13:17 ความเข้าใจค่ะ
00:13:17 → 00:13:20 สำหรับวันนี้สุขภาพสดสนทนาต้องขอลาไปก่อน
00:13:20 → 00:13:21 นะครับ
00:13:21 → 00:13:24 และอย่าลืมกดติดตามช่องสุขภาพสนทนาของเรา
00:13:24 → 00:13:26 เพื่อไม่พลาดสาระดีๆแบบนี้นะคะและถ้า
00:13:26 → 00:13:29 เนื้อหานี้มีประโยชน์อย่าลืมกดไลค์กดแชร์
00:13:29 → 00:13:34 หรือคอมเมนต์พูดคุยกับเราได้เสมอ Ha.