00:00:00 → 00:00:02 คนกรุงเทพฯเนี่ย 10 คนนหมดไฟไปแล้ว 7 เรา
00:00:02 → 00:00:04 จะรู้ได้ไงว่าเราเป็นภาวะหมดไฟอ่ะครับเรา
00:00:04 → 00:00:08 จะเริ่มมีคำถามดีพอหรือยังเกิดข้อผิดพลาด
00:00:08 → 00:00:11 ตรงไหนจะทำไปทำไมวนเวียนอยู่ในความคิดของ
00:00:11 → 00:00:13 เราตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ตอนตื่น
00:00:13 → 00:00:16 ตอนทำงานหรือว่าตอนเข้านอนนอนหลับยากหลับ
00:00:16 → 00:00:19 ๆตื่นๆอยากนอนทั้งวันเลยแล้วมันสามารถ
00:00:19 → 00:00:22 รักษาได้มอ่ะครับการรักษาหลักๆก็คงมีทั้ง
00:00:22 → 00:00:25 2 วิธีวิธีแรกก็จิตแพทย์เนี่ยเจอคนไข้
00:00:25 → 00:00:26 ไม่กี่ชั่วโมงแต่ครอบครัวกับเขาเนี่ยต้อง
00:00:26 → 00:00:30 อยู่กับเขาตลอดเวลามันจะมีในบางกรณีที่คน
00:00:30 → 00:00:32 ใกล้ตัวเองเนี่ยกลายเป็นปัญหาซะเองตัดเข
00:00:32 → 00:00:37 ไปได้บ้างก็เป็นทางออกที่ดีนะครับ
00:00:37 → 00:00:40 ผมนางเอดสเวลาเศร้าเนี่ยก็จะกินไอติมหรือ
00:00:40 → 00:00:42 กินของหวานมันเชื่อมโยงยังไงอ่ะครับการ
00:00:42 → 00:00:46 ที่ 1 ชิ้นก็ไม่พอ 2 ชิ้น 3 ชิ้น 5 ชิ้น
00:00:46 → 00:00:48 จนเราเริ่มรู้สึกว่ามันหยุดไม่ได้และเกิด
00:00:48 → 00:00:51 เป็นความคิตี้ความรู้สึกผิดคนที่อกหัก
00:00:51 → 00:00:54 อยากฆ่าตัวตายเป็นซึมเศร้าไหมครับชีวิต
00:00:54 → 00:00:58 รักจบลงงั้นชีวิตเราจบตามไปด้วยดีกว่าย
00:00:58 → 00:01:01 วันนึงคนไข้เดินเข้ามาแล้วบอกว่าหมอคะวัน
00:01:01 → 00:01:03 เนี้ยหนูอยากจะขอบคุณหมอมากๆเพราะว่าตอน
00:01:03 → 00:01:07 เนี้ยหนูเจอคนที่ดีกว่าคนๆนั้นแล้วและ
00:01:07 → 00:01:10 ชีวิตหนูเนี่ยมีความสุขขึ้นเยอะเลยบาง
00:01:10 → 00:01:12 ครั้งการที่เราผิดหวังจากใครสักคนมันก็
00:01:12 → 00:01:16 เป็นการที่ทำให้เราเนี่ยสามารถเจอคนที่
00:01:16 → 00:01:18 เข้ากับเราได้มากกว่าขอบคุณมากนะครับพี่
00:01:18 → 00:01:20 อ้อยอ่าขอบคุณพี่สอดด้วยเช่นกันครับผมแล
00:01:20 → 00:01:23 นี่รายการขับไปเไม่
00:01:23 → 00:01:25 ใช่สวัสดีครับยินดีต้อนรับเข้าสู่ doct
00:01:26 → 00:01:28 Talk podcast ที่หมอและผู้เชี่ยวชาญทาง
00:01:28 → 00:01:30 ด้านสุขภาพจะมาพูดคุยประเด็นเรื่องสุขภาพ
00:01:30 → 00:01:33 ต่างๆอยู่กับผมหมอจิมมี่แพทย์ผู้เชี่ยว
00:01:33 → 00:01:35 ชาญทางด้านเวชศาสตร์ป้องกันจากสถานการณ์
00:01:35 → 00:01:38 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเศรษฐกิจการเมือง
00:01:38 → 00:01:40 สิ่งแวดล้อมหรือโลกใหม่ๆที่เข้ามาทุกปี
00:01:40 → 00:01:43 ค้นพบว่าคนไทยป่วดเป็นโรคจิตเวททั้งหมด 10
00:01:43 → 00:01:46 ล้านคนและมีแนวโน้มที่สูงมากยิ่งขึ้นใน
00:01:46 → 00:01:48 นั้นเพียงแค่ 2.9 ล้านคนที่ได้รับการ
00:01:48 → 00:01:51 รักษาอยู่ถ้าพูดถึงโรคซึมเศร้าคนไทยที่มี
00:01:51 → 00:01:53 อายุมากกว่า 15 ปีขึ้นไปป่วยเป็นโรคซึม
00:01:53 → 00:01:57 เศร้าทั้งหมด 1.5 ล้านคนเฉลี่ยจาก 100 คน
00:01:57 → 00:01:59 เนี่ยได้รับการรักษาเพียงแค่ 28 คนเท่า
00:01:59 → 00:02:02 นั้นแต่อีก 70% ยังไม่ได้รับการรักษาหรือ
00:02:02 → 00:02:06 บางคนอาจจะต้องทุก์ทรมานต่อไปนานๆ EP นี้
00:02:06 → 00:02:08 หมอเลยอยากจะมาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของ
00:02:08 → 00:02:10 โรคต่างๆเกี่ยวกับโรคทางด้านจิตเวทเพื่อ
00:02:10 → 00:02:13 ทุกคนและคนใกล้ตัวของคุณจะได้เข้าใจมาก
00:02:13 → 00:02:16 ขึ้นหมอก็เลยชวนเพื่อนของหมอและเป็นพี่
00:02:16 → 00:02:18 ที่รู้จักกันมานานตั้งแต่หมอเป็นเด็กฝึก
00:02:18 → 00:02:21 หัดแพทย์นั่นเองนะครับขอแนะนำพี่ดิวนะ
00:02:21 → 00:02:23 ครับสวัสดีครับพี่ดิวสวัสดีครับผมฝากพี่
00:02:23 → 00:02:25 ดิวแนะนำตัวหน่อยครับอ่าได้เลยครับผมผมขอ
00:02:25 → 00:02:27 อนุญาตแนะนำตัวนะครับผมหมอดิวนะครับนาย
00:02:27 → 00:02:30 แพทย์ธนานันท์นุ่มแสงนะครับเป็นแพทย์ผู้
00:02:30 → 00:02:32 เชี่ยวชาญด้านจิตเวชศาสตร์นะครับซึ่ง
00:02:32 → 00:02:35 ปัจจุบันเนี้ยก็ทำงานเอ่อดูแลคนไข้ใน
00:02:35 → 00:02:37 กลุ่มที่เป็น mental Health นะครับเ่า
00:02:37 → 00:02:40 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอ่าปัญหาความเครียด
00:02:40 → 00:02:42 นะครับปัญหาเรื่องของทางด้านอารมณ์ไม่ว่า
00:02:42 → 00:02:45 จะเป็นโรคซึมเศร้านะครับความวิตกกังวลนะ
00:02:45 → 00:02:47 ครับหรือปัญหาในชีวิตต่างๆนะครับไม่ว่าจะ
00:02:47 → 00:02:49 เป็นภาวะเบิร์น Out ปัญหาความสัมพันธ์
00:02:49 → 00:02:51 หรือแม้กระทั่งคนไข้เนี่ยที่มีปัญหา
00:02:51 → 00:02:54 เรื่องของนอนไม่หลับต่างๆเนี่ยก็อ่อเป็น
00:02:54 → 00:02:56 คนไข้ที่ดูแลอยู่ในปัจจุบันนะครับก็
00:02:56 → 00:02:59 ขอบคุณที่สละเวลามาให้ความรู้กับเราในวัน
00:02:59 → 00:03:01 นี้นะครับครับครับก่อนอื่นเลยเนี่ยอยากจะ
00:03:01 → 00:03:04 พูดถึงเรื่องของความเครียดที่หมอเชื่อว่า
00:03:04 → 00:03:07 หลายๆคนเนี่ยเจอมันอยู่ทุกๆวันความเครียด
00:03:07 → 00:03:09 เนี่ยมันทำปฏิกิริยายังไงในร่างกายของเรา
00:03:09 → 00:03:11 ่ะครับพี่ดิวเพื่ออธิบายให้เข้าใจในใน
00:03:11 → 00:03:13 พาร์ทนี้นะครับซึ่งเป็นคำถามที่น่าสนใจ
00:03:13 → 00:03:15 มากอ่อพี่จะขอแบ่งเป็น 2 อย่างก่อนแล้ว
00:03:16 → 00:03:18 กันนะครับว่าความเครียดเนี่ยมี 2 แบบนะ
00:03:18 → 00:03:20 ครับคือความเครียดที่ลักษณะที่เป็นความ
00:03:20 → 00:03:22 เครียดเฉียบพันหรือว่าเป็น acute stress
00:03:22 → 00:03:24 นะครับและความเครียดที่มันเกิดขึ้นแบบ
00:03:24 → 00:03:26 สะสมเรื้อรังหรือว่าเป็น Chic stress นะ
00:03:26 → 00:03:28 ครับเรามาเริ่มต้นที่ acute stress ก่อน
00:03:28 → 00:03:31 นะครับโดยปกติแล้วเนี่ยร่างกายนะครับจะมี
00:03:31 → 00:03:34 ระบบในการที่คอยตอบสนองความเครียดนะครับ
00:03:34 → 00:03:36 หรือว่าคอยคิดแก้ปัญหาวางแผนต่างๆอยู่
00:03:36 → 00:03:38 แล้วซึ่งสมองส่วนหลักที่ทำหน้าที่นี้
00:03:38 → 00:03:40 เนี่ยก็จะเป็นสมองส่วนหน้านะครับหรือว่า
00:03:40 → 00:03:42 ตรงบริเวณ prefrontal cortex นะครับที่
00:03:42 → 00:03:46 จะคอยคิดวางแผนนะครับวิเคราะห์ต่างๆกับ
00:03:46 → 00:03:48 เรื่องราวที่เราเจอแต่เมื่อไหร่ก็ตามนะ
00:03:48 → 00:03:50 ครับที่ร่างกายเนี่ยเกิดเผชิญกับ acute
00:03:50 → 00:03:52 stress หรือความเคียดที่มันเฉียบพันขึ้น
00:03:52 → 00:03:55 มาระบบปฏิบัติการต่างๆของสมองเนี่ยมันจะ
00:03:55 → 00:03:58 ย้ายนะครับเนาะไปใช้บริเวณของอิดานะครับ
00:03:58 → 00:04:01 ซึ่งมันจะเป็นบริเวณของสมองส่วนกลางซึมี
00:04:01 → 00:04:04 ขนาดเล็กแต่เป็นอ่าแต่เป็นสิ่งที่บริเวณ
00:04:04 → 00:04:06 ที่มันมีความสำคัญมากๆนะครับที่จะทำหน้า
00:04:06 → 00:04:09 ที่คอยควบคุมการตอบสนองของร่างกายใน
00:04:09 → 00:04:11 ลักษณะที่เป็น Flight or Flight นะครับ
00:04:11 → 00:04:15 คือการต่อจะสู้หรือว่าจะถอยหนีเนาะนะครับ
00:04:15 → 00:04:17 ก็จะเป็นระบบแบบนี้ที่คอยรับมือนะครับ
00:04:17 → 00:04:20 เมื่อเราเผชิญกับความเครียดเฉียบพันธหรือ
00:04:20 → 00:04:22 ว่า acute stress ก็คือเป็นความเครียด
00:04:22 → 00:04:24 ที่เราไม่สามารถควบคุมได้ร่างกายเนี่ยจะ
00:04:25 → 00:04:26 เกิดปฏิกิริยาเองโดยอัตโนมัติเราเรียก
00:04:27 → 00:04:29 อย่างงนี้ดีกว่าคือมันจะมีอย่างที่อิล่า
00:04:29 → 00:04:31 เนี่ยมันมันก็คือทำให้หลั่งแหล่งผลิต
00:04:31 → 00:04:34 ฮอร์โมนที่เรียกว่าอินีออกมาเพิ่มมากขึ้น
00:04:34 → 00:04:37 ตัวอินีนี่แหละที่ทำให้เราต้องหนีต้องสู้
00:04:37 → 00:04:40 กับชีวิตไม่ว่าจะเป็นทำให้ม่านตาเราขยาย
00:04:40 → 00:04:43 มากขึ้นเลือดสูบฉีดมากขึ้นหรือว่ากล้าม
00:04:43 → 00:04:46 เนื้อของเรามันเกรงมัดพร้อมที่จะวิ่ง
00:04:46 → 00:04:48 พร้อมที่จะสู้ถูกมครับเพราะฉะนั้นพวกนี้
00:04:48 → 00:04:50 จริงๆอ่ะเราควบคุมมันไม่ได้แต่ถ้าเราพูด
00:04:50 → 00:04:52 ถึงเรื่องของ chronic stress แบบเรื้อ
00:04:52 → 00:04:54 รังล่ะครับ chronic Stage มันเกิดขึ้นมา
00:04:54 → 00:04:56 ได้ยังไงอ่ะครับแน่นอนครับพอเวลาที่อ่า
00:04:57 → 00:04:59 เป็น chronic Stage มันคือการที่เราต้อง
00:04:59 → 00:05:02 เชิญนะครับความเครียดต่างๆที่อาจจะไม่ได้
00:05:02 → 00:05:04 เข้ามาฉับพันทันทีแต่มันเป็นความเครียด
00:05:04 → 00:05:07 ที่ค่อยๆสะสมนะครับสะสมเข้ามาไม่ว่าจะ
00:05:07 → 00:05:10 เป็นในชีวิตประจำวันนะครับในการทำงานเนาะ
00:05:10 → 00:05:12 นะครับหรือในปัญหาเรื่องราวชีวิตต่างๆมัน
00:05:12 → 00:05:15 ก็จะค่อยๆสะสมทำให้ร่างกายเนี่ยเนาะนะ
00:05:15 → 00:05:17 ครับระบบต่างๆก็จะมีการตอบสนองที่ต่างออก
00:05:17 → 00:05:21 ไปจากอ่าตัวช่วงที่เป็น acute stress
00:05:21 → 00:05:23 เนาะนะครับก็คืออย่างที่ถ้าผมดูมานะครับ
00:05:24 → 00:05:25 เรื่องของ chronic stress เนี่ยมัน
00:05:25 → 00:05:27 เกี่ยวกับเรื่องของฮอร์โมนตัวนึงที่เรียก
00:05:27 → 00:05:29 ว่าฮอร์โมนคอร์ติซอลทุกๆครั้งที่ที่เรา
00:05:30 → 00:05:32 เจอกับความเครียดไม่ว่าจะเป็นการเงินการ
00:05:32 → 00:05:35 งานรถติดทะเลาะกับแฟนเนี่ยคิซก็จะหลั่ง
00:05:35 → 00:05:37 ออกมาเพื่อไปสู้กับความเครียดนั้นแต่คุณ
00:05:37 → 00:05:40 ต้องลองไปดูว่าเอ๊ะถ้าคุณมีความเครียดทุก
00:05:40 → 00:05:43 เวลาทุกวันทุกปีตลอดเวลาแล้วมันมาหลาย
00:05:43 → 00:05:45 ด้านถูกมยความเครียดมันไม่มาพร้อมกัน
00:05:45 → 00:05:48 ครั้งเดียวมันมาแบบโอ้โหมั่วซั่วไปหมด
00:05:48 → 00:05:51 แล้วคุณต้องผลิตคิซตลอดเวลาตลอดเวลาแลถ้า
00:05:51 → 00:05:54 คุณผลิตไปอย่างนั้นเรื่อยๆๆๆเนี่ยต่อไป
00:05:54 → 00:05:57 อ่ะคอิโซของคุณก็จะเริ่มหมดหายไปเรื่อยๆ
00:05:57 → 00:06:00 พอเริ่มคิซร่างกายไม่สามารถสรถผลิตเพียง
00:06:00 → 00:06:03 พอเนี่ยคุณอาจจะเกิดภาวะเรียกว่าภาวะหมด
00:06:03 → 00:06:06 ไฟก็ได้เพราะว่ามันไม่มีให้คุณไปสู้กับ
00:06:06 → 00:06:09 ความเครียดที่เจอนั่นเองก็พูดง่ายๆว่าเรา
00:06:09 → 00:06:10 อ่ะเจอเรื่องของความเครียดได้อยู่แล้ว
00:06:11 → 00:06:13 แหละไม่ว่าจะเป็นความเครียดแบบระยะสั้น
00:06:13 → 00:06:15 หรือระยะยาวแต่มันขึ้นกับว่าเราจะตอบสนอง
00:06:15 → 00:06:17 มันยังไงหรือดูแลสุขภาพและจัดการกับความ
00:06:18 → 00:06:20 เครียดของเราได้ยังไงใช่ครับผมใช่เลยถูก
00:06:20 → 00:06:23 ต้องเลยครับพี่ดิวเนี่ยคนไข้ชอบพูดว่า
00:06:23 → 00:06:25 สบายมากไม่เป็นไรเหมอแต่พอตรวจร่างกายออก
00:06:25 → 00:06:28 มาเนี่ยความเครียดของร่างกายกับเครียดของ
00:06:28 → 00:06:30 ความรู้สึกเนี่ยมันแตกต่างกันสิิ่งเชิง
00:06:30 → 00:06:32 เลยคราวนี้ถ้าเราอยากรู้ว่าร่างกายมัน
00:06:32 → 00:06:34 เครียดอ่ะมันดูได้จากตรงไหนอ่ะครับพี่ดิว
00:06:34 → 00:06:36 โอโอเคอันนี้เป็นคำถามที่น่าสนใจมากเลย
00:06:36 → 00:06:38 ครับผมจริงๆเนี่ยเวลาที่ร่างกายตอบสนอง
00:06:38 → 00:06:40 กับความเครียดนะครับอ่าพี่จะแบ่งเป็น 2
00:06:41 → 00:06:43 อย่างนะครับก็คือการสังเกตอาการการ
00:06:43 → 00:06:46 เปลี่ยนแปลงของร่างกายนะครับไม่ว่าจะเป็น
00:06:46 → 00:06:49 ความตึงเครียดบริเวณกล้ามเนื้อต่างๆเนาะ
00:06:49 → 00:06:51 นะครับหรือว่าไม่ว่าจะเป็นบริเวณศีรษะต้น
00:06:51 → 00:06:55 คอนะครับหรือว่าหลังคอบ่าไหล่ต่างๆกล้าม
00:06:55 → 00:06:57 เนื้อจะมีความหดเกร็งนะครับหรืออาจจะทำ
00:06:57 → 00:06:59 ให้เราเกิดอาการปวดต่างๆได้มากขึ้นนะครับ
00:06:59 → 00:07:02 อันนี้คือเรื่องของอ่าส่วนหนึงของร่างกาย
00:07:02 → 00:07:04 อีกส่วนนึงเนี่ยมันจะไปกระทบกับเรื่องของ
00:07:04 → 00:07:08 สมาธิการจดจ่อต่างๆที่อาจจะทำให้แย่ลงเรา
00:07:08 → 00:07:11 จะบางครั้งเรารู้สึกอ้านึกอะไรออกยากเนาะ
00:07:11 → 00:07:14 นะครับหลงลืมบ้างเนาะนะครับหรือว่าโฟกัส
00:07:14 → 00:07:16 ได้ยากนะครับหรือแม้กระทั่งเนี่ยบางคน
00:07:16 → 00:07:19 เนี่ยร่างกายก็จะเกิดภาวะที่เบื่ออาหาร
00:07:19 → 00:07:21 หรือว่าทานได้น้อยหรือบางคนทานเยอะขึ้น
00:07:21 → 00:07:23 เนาะนะครับเพื่อให้เราเนี่ยสามารถที่จะมี
00:07:23 → 00:07:25 พลังงานต่างๆไปสู้กับความเครียดได้อัน
00:07:26 → 00:07:29 นั้นคือการเปลี่ยนแปลงของร่างกายในบางคน
00:07:29 → 00:07:31 นะครับหรือบางเคสที่มีความเครียดสูงมากๆ
00:07:31 → 00:07:34 ก็จะไปกระทบถึงระบบการนอนนะครับของร่าง
00:07:34 → 00:07:37 กายด้วยซ้ำเช่นบางคนจะรู้สึกว่านอนหลับ
00:07:37 → 00:07:40 ยากขึ้นลำดับตื่นๆคุณภาพการนอนก็แย่ลงนะ
00:07:40 → 00:07:42 ครับผมอันนั้นคือส่วนของการสังเกตอาการ
00:07:42 → 00:07:45 ของร่างกายนะครับแต่นี่ส่วนนึงนะครับ
00:07:45 → 00:07:48 เพื่อให้มันอ่าลงในรายละเอียดต่างๆได้มาก
00:07:48 → 00:07:50 ขึ้นในปัจจุบันเนี่ยมันก็มีการสามารถเจาะ
00:07:51 → 00:07:53 ตรวจฮอร์โมนคอร์ติซอลอย่างที่น้องจิมมี่
00:07:53 → 00:07:55 ได้อธิบายนะครับให้กับทุกๆคนไปอันนั้นก็
00:07:55 → 00:07:58 เป็นส่วนนึงสำคัญที่สามารถช่วยมอนิเตอรนะ
00:07:58 → 00:08:00 ครับหรือว่าช่วยติดตามได้ว่าเฮ้ยจริงๆ
00:08:00 → 00:08:02 แล้วเนี่ยไอ้ที่เราบอกไม่เครียดเนี่ยร่าง
00:08:02 → 00:08:04 กายของเราเนี่ยต้องรับภาระหรือว่าต้องตอบ
00:08:04 → 00:08:07 สนองความเครียดมากแค่ไหนนะครับอครับที่
00:08:07 → 00:08:09 จริงเรื่องเรื่องของฮอร์โมนที่เราสามารถ
00:08:09 → 00:08:11 จรวจตาะเอ่อเจาะตรวจได้ถูกมั้ครับเนาะก็
00:08:11 → 00:08:14 คอิลเนี่ยส่วนมากเราก็จะดูกันตอนเช้าเนาะ
00:08:14 → 00:08:15 เพราะมันเหมือนกับธรรมชาติมากที่สุดเพราะ
00:08:15 → 00:08:17 คอร์ติโซนจะสูงตอนเช้าที่เราตื่นขึ้นมา
00:08:17 → 00:08:19 ถูกมั้ยครับเนาะอีกฮอร์โมนตัวนึงที่เรา
00:08:19 → 00:08:22 สามารถดูได้เหมือนกันมันเรียกว่าฮอร์โมน
00:08:22 → 00:08:25 dhea ซึ่งฮอร์โมนคอร์ติกับ dha เนี่ยมัน
00:08:25 → 00:08:28 ไปด้วยกันนะครับเนาะเมื่อไหร่เนี่ยที่เรา
00:08:28 → 00:08:31 ใช้คอร์ติโซนตลอดเวลาเราเครียดตลอดเวลา
00:08:31 → 00:08:33 มันผลิตออกมาเยอะๆเนี่ยสักวันมันจะหมด
00:08:33 → 00:08:36 คราวนี้ร่างกายฉลาดครับถ้าร่างกายบอกว่า
00:08:36 → 00:08:40 เฮ้ยคิซจะหมดแล้วทำไงดีเดี๋ยวร่างกายจะ
00:08:40 → 00:08:42 สู้กับความเครียดไม่ได้นั้นขอยยื้ม
00:08:42 → 00:08:45 ฮอร์โมน dhea หน่อยอันนี้อีกอันนึงที่
00:08:45 → 00:08:47 ร่างเป็นเป็นธรรมชาติของร่างกายนะครับ
00:08:47 → 00:08:49 เนาะคือเมื่อไหร่ที่คอร์ติโซนเริ่มหมดไม่
00:08:49 → 00:08:52 เหลือแลร่างกายบอกว่าไม่ได้และยังมีความ
00:08:52 → 00:08:55 เครียดเยอะอยู่ฉันขอยืมฮอร์โมน dhea มา
00:08:55 → 00:08:58 หน่อยเอาฮมฮอร์โมน dhea เนี่ยเปลี่ยนมา
00:08:58 → 00:09:00 เป็นฮอร์โมนคอร์ติ
00:09:00 → 00:09:02 เพื่อไปสู้กับความเครียดอีกแล้วแต่สุด
00:09:02 → 00:09:05 ท้ายถ้าคุณทำอย่างเงี้ยไปตลอด dhe
00:09:05 → 00:09:08 เปลี่ยนเป็นคิซ dhe เปลี่ยนเป็นคอร์ติสุด
00:09:08 → 00:09:11 ท้าย dhea ก็จะหมดไปอันเนี้ยเราก็สามารถ
00:09:11 → 00:09:13 เอามาตรวจแล้วบอกได้โอ้คนไข้เริ่มมีความ
00:09:13 → 00:09:15 เครียดแล้วซึ่งฮอร์โมน DH เนี่ยเป็น
00:09:15 → 00:09:18 ฮอร์โมนที่ผลิตจากต่อมหมวกไตหน้าที่ของ
00:09:18 → 00:09:20 จริงๆมันมีหน้าที่เหมือนกันนะครับหน้าที่
00:09:20 → 00:09:23 ของฮอร์โมน dhe เนี่ย 1 ช่วยเครื่องของ
00:09:23 → 00:09:26 ระบบคุมคุ้มกันในร่างกายควบคุมระบบไขมัน
00:09:27 → 00:09:30 ในร่างกายและอันที่ 3 คือพูดถึงความสุขใน
00:09:30 → 00:09:32 ร่างกายของเราแต่นอกเหนือจากหน้าที่ของ
00:09:32 → 00:09:34 มันแล้วตัวมันเองสามารถเปลี่ยนเป็น
00:09:34 → 00:09:37 ฮอร์โมนเพศเพศหญิงเพศชายหรือเปลี่ยนกลับ
00:09:37 → 00:09:39 มาเป็นคอร์ติซอลก็ได้อย่างเมื่อกี้ที่
00:09:39 → 00:09:42 อธิบายไปถ้าเรามีเจอแต่ความเครียดของความ
00:09:42 → 00:09:45 เครียดตลอดเวลาคอร์ติซอลเราเริ่มหมดหมด
00:09:45 → 00:09:47 แล้วหมดอีกหมดไปเรื่อยๆร่างกายก็บอกว่า
00:09:47 → 00:09:51 เอ้อยังมี dhea นี่ขอยืมมาหน่อยได้มยเอา
00:09:51 → 00:09:54 dhea เนี่ยมาเปลี่ยนเป็นคอร์ติซอลนะแต่
00:09:54 → 00:09:57 การที่ dhea เปลี่ยนมาคอิลมันหมายความว่า
00:09:57 → 00:09:59 ตัวมันเองก็จะไม่เปลี่ยนเป็นฮอร์โมนเพศ
00:09:59 → 00:10:02 ชายหรือฮอร์โมนเพศหญิงคราวนี้ถ้ามันไม่
00:10:02 → 00:10:04 เปลี่ยนสมมติเป็นผู้หญิงมันไม่เปลี่ยน
00:10:04 → 00:10:06 เป็นฮอร์โมนเพศหญิงความเครียดมากๆในผู้
00:10:06 → 00:10:09 หญิงประจำเดือนเลื่อนเพราะมันกระทบก่อ
00:10:09 → 00:10:11 ฮอร์โมนเพศหญิงฮอร์โมนเพศชายเหมือนกัน
00:10:11 → 00:10:14 ครับเครียดมากๆไม่เปลี่ยนเป็นฮอร์โมนเพศ
00:10:14 → 00:10:17 ชายความต้องการทางเพศลดลงอือวัยวะเพศไม่
00:10:17 → 00:10:20 แข็งตัวหรือไม่รู้สึกสดชื่นเพราะฮอร์โมน
00:10:20 → 00:10:23 เพศชายลดลงเรื่อยๆแล้วตัว dhea ค่าของมัน
00:10:23 → 00:10:26 ก็เอาจะโดนเปลี่ยนเป็นแต่คิซตลอดเวลาคราว
00:10:26 → 00:10:30 นี้ถ้าเราดูแค่ค่าของ dhea ถ้าใครต่ำมากๆ
00:10:30 → 00:10:32 เนี่ยมันบอกได้เลยว่าคุณน่ะไม่มีความสุข
00:10:32 → 00:10:35 นะโอเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆนะครับเพราะ
00:10:35 → 00:10:38 งั้นโอจากที่ฟังมันทำให้เราเห็นว่าร่าง
00:10:38 → 00:10:41 กายจิตใจอารมณ์ความรู้สึกหรือแม้กระทั่ง
00:10:41 → 00:10:43 สุขภาพต่างๆเนี่ยมันมีความเชื่อมโยงกัน
00:10:43 → 00:10:45 อย่างที่มันซับซ้อนแล้วก็ละเอียดออกมากๆ
00:10:45 → 00:10:48 นะครับผมใชทุกคนมักจะเข้าใจว่าความเครียด
00:10:48 → 00:10:50 เป็นสิ่งที่ไม่ดีเป็นเกาีแต่จริงๆความ
00:10:50 → 00:10:53 เครียดมี 2 แง่เครียดไปก็ไม่ดีเครียดน้อย
00:10:53 → 00:10:56 ไปก็ไม่ดีเพราะจะทำให้เฉื่อยเปื่อยและไม่
00:10:57 → 00:10:59 มีแรงบันดาลใจคราวนี้เนี่ยพี่ิวมีความคิด
00:11:00 → 00:11:02 ยังไงบ้างครับอ่าจริงๆกับเรื่องนี้นะครับ
00:11:02 → 00:11:05 ผมเราจะมีทฤษฎีนะครับเราเรียกว่าทฤษฎีิอก
00:11:05 → 00:11:07 เป็นตัวอธิบายนะครับว่าเพราะอะไรเนี่ย
00:11:07 → 00:11:10 ระดับความเครียดเนาะนะครับมีผลกับการตอบ
00:11:10 → 00:11:12 สนองของร่างกายโดยทฤษฎีนี้เนี่ยนะครับเรา
00:11:12 → 00:11:16 จะแบ่งโซนออกเป็น 3 โซนโซนแรกเนี่ยคือการ
00:11:16 → 00:11:18 คือโซนที่ความเครียดน้อยซึ่งจะทำให้เรา
00:11:18 → 00:11:21 เนี่ยอ่าขาดแรงบันดาลใจหรือขาดแรงที่จะ
00:11:21 → 00:11:24 ฮึดสู้บางอย่างนะครับเนาะในโซนที่ 2 นะ
00:11:24 → 00:11:26 ครับจะเป็นโซนที่ความเครียดหนอยู่ในระดับ
00:11:26 → 00:11:29 ที่เหมาะสมนะครับจะเป็นตัวกระตุ้นนะครับ
00:11:29 → 00:11:33 ให้เราหาทางนะครับมองหาเ่อความ productive
00:11:33 → 00:11:36 ต่างๆนะครับหรือมามองหาทางแก้ไขปัญหา
00:11:36 → 00:11:39 เพื่อให้เราเผชิญแล้วก็แก้ไขแล้วก็ E ไป
00:11:39 → 00:11:42 ข้างหน้าได้นะครับแต่ในอีกโซนนึงคือโซน
00:11:42 → 00:11:44 ที่ความเครียดเนี่ยอยู่ในระดับที่สูงมาก
00:11:44 → 00:11:48 นะครับสูงมากซะจนเรารู้สึกว่ามันท้อแท้
00:11:48 → 00:11:51 ห่อเหี่ยวแล้วก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหา
00:11:51 → 00:11:53 ต่างๆได้เนาะนะครับเพราะฉะนั้นเนี่ยการ
00:11:53 → 00:11:56 ที่มีความเครียดเกิดขึ้นนะครับและความ
00:11:56 → 00:11:58 เครียดเนี่ยอยู่ในโซนหรือในอยู่ระดับที่
00:11:58 → 00:12:01 เหมาะสมสมเราเชื่อว่ามันเป็นตัวที่คอยขับ
00:12:01 → 00:12:03 เคลื่อนเราเหมือนกันนะครับเพราะฉะนั้น
00:12:03 → 00:12:06 เนี่ยในชีวิตประจำวันต่างๆเนาะนะครับเรา
00:12:06 → 00:12:09 อาจจะต้องคอยติดตามนะครับว่าระดับความ
00:12:09 → 00:12:12 เครียดเนาะนะครับระดับไหนที่สำหรับเรา
00:12:12 → 00:12:15 เนี่ยมันเหมาะสมและทำให้เราอยู่ในโซนเนาะ
00:12:15 → 00:12:18 นะครับที่มัน motivate เราอ่าโซนที่เป็น
00:12:18 → 00:12:23 คอยตัวกระตุ้นเราในจากทฤษฎีของลออ่าใช่ผม
00:12:23 → 00:12:25 ก็เคยได้ยินเรื่องของทฤษฎีนี้มานะครับที่
00:12:25 → 00:12:28 จริงมันเป็นเรื่องของนิยายเด็กดีกว่าเา
00:12:28 → 00:12:31 เล่าว่ามันมีหมี 3 ตัวนะครับเนาะแล้วหมี 3
00:12:31 → 00:12:35 ตัวเนี้ยเหมือนเลือกโจ๊กนะครับว่าแล้ว 3
00:12:35 → 00:12:38 ตัวเนี้ยมีโจ๊ก 3 แบบ 1 ร้อนมาก 2 ร้อน
00:12:38 → 00:12:41 แบบอุ่นๆกลางๆและอันสุดท้ายคือเย็นเลย
00:12:41 → 00:12:43 แล้วเขาก็เลยบอกว่าทฤษฎีเนี้ยก็คือมีแค่
00:12:43 → 00:12:46 หมีตัวเดียวคือตัวกลางที่ยอมกินโจ๊กเพราะ
00:12:46 → 00:12:48 มันอุ่นมันพอเหมาะพอดีมันก็เหมือนกับที่
00:12:48 → 00:12:51 พี่ดิวพูดมาเรื่องของความเครียดมันต้องพอ
00:12:51 → 00:12:52 เหมาะคราวนี้เราจะรู้ได้ไงว่าเอ้ย
00:12:52 → 00:12:55 สถานการณ์เนี้ยมันพอเหมาะกับเราคราวนี้ผม
00:12:55 → 00:12:58 ก็เลยไปดูมาว่าเาบอกว่าถ้าเรามีความ
00:12:58 → 00:13:00 เครียดแต่เป็นเป็นความเคร็ดที่ทำให้เรา
00:13:00 → 00:13:03 แก้ปัญหาได้เราตื่นเต้นเราตื่นขึ้นมาเฮ้ย
00:13:03 → 00:13:07 ฉันอยากทำฉันรู้สึกมันมีมันต้องจดนะมัน
00:13:07 → 00:13:10 ต้องมีการการแก้ไขมันเราสามารถควบคุมมัน
00:13:10 → 00:13:12 ได้อันเนี้ยเป็นแปลว่าเป็นความเครียดที่
00:13:12 → 00:13:14 เหมาะสมสำหรับเราแต่ถ้ามันเป็นความเครียด
00:13:14 → 00:13:18 ที่งานเยอะมากไม่เห็นสนุกอะไรเลยรู้สึก
00:13:18 → 00:13:21 เฉื่อยรู้สึกแบบทำไปทำไมอันนี้อาจจะน้อย
00:13:21 → 00:13:25 เกินไปหรืออีกอันนึงที่มันแบบเยอะมากจนเ
00:13:25 → 00:13:27 กระทบต่อสุขภาพของเราดีกว่าพูดง่ายๆนอน
00:13:27 → 00:13:31 ไม่หลับเลยอใช่ไม่ได้น้ำหนักเพิ่มมากขึ้น
00:13:31 → 00:13:33 อันนี้มันอาจจะเป็นความเครียดที่มากจน
00:13:33 → 00:13:36 เกินไปที่ร่างกายเราจะรับไว้ใช่เลยครับผม
00:13:36 → 00:13:38 เพราะฉะนั้นเนี่ยจำเป็นมากๆนะครับถ้าเรา
00:13:38 → 00:13:40 หยิบเอาทฤษฎีนี้มาใช้มันก็จะช่วยให้เรา
00:13:40 → 00:13:44 อ่าเลือกได้ว่าความเครียดระดับไหนที่มัน
00:13:44 → 00:13:46 เป็นชามโจ๊กที่อุ่นกำลังพอดีแล้วมันมี
00:13:46 → 00:13:48 ส่วนช่วยเนาะนะครับที่ทำให้เราเนี่ยมี
00:13:48 → 00:13:51 ความ productive ในชีวิตต่างๆมากขึ้นเนา
00:13:51 → 00:13:53 นะครับอันนี้เป็นทฤษฎีที่น่าสนใจมากๆเลย
00:13:53 → 00:13:56 ครับอ่าในส่วนเรื่องของความเครียดนะครับ
00:13:56 → 00:13:58 เรามาขยายความอีกสักนิดนึงนะครับถ้าเรา
00:13:58 → 00:14:00 เคยได้ยินนะครับมันจะมีคำที่เราได้ยินกัน
00:14:00 → 00:14:03 บ่อยๆนะครับก็คือคำว่า Life crisis ซึ่ง
00:14:03 → 00:14:06 จริงๆแล้วเนี่ยค Life crisis เนี่ยไม่
00:14:06 → 00:14:08 ได้มีแค่ mid Life อย่างเดียวนะครับหรือ
00:14:08 → 00:14:10 ว่าจริงๆแล้วเนี่ย Life cris อธิบายคำ
00:14:10 → 00:14:12 ว่า Life crisis คืออะไรก่อนแล้วกันนะ
00:14:12 → 00:14:14 ครับ Life crisis เนี่ยคือการที่ชีวิต
00:14:14 → 00:14:17 ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเนาะ
00:14:17 → 00:14:19 นะครับไม่ว่าจะเป็นการปรับตัวการเผชิญ
00:14:19 → 00:14:22 ปัญหาใหญ่ๆในชีวิตที่ทำให้เราต้องตัดสิน
00:14:22 → 00:14:24 ใจอันนี้เราเรียกว่า Life crisis ซึ่ง
00:14:24 → 00:14:27 จริงๆแล้วเนี่ยในในมุมที่กว้างขึ้นเราจะ
00:14:27 → 00:14:29 เห็นว่าลักษณะของ Life crisis เนี่ย
00:14:29 → 00:14:32 สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกๆช่วงวัยนะครับอ่ะ
00:14:32 → 00:14:34 ถ้าจะค่อยๆไล่ไปตั้งแต่วัยเด็กวัยเด็กเอง
00:14:34 → 00:14:36 เนี่ยเด็กๆจะต้องมีการมีไล crit ยังไง
00:14:36 → 00:14:39 เนาะนะครับไม่ว่าจะเป็นการย้ายโรงเรียนนะ
00:14:39 → 00:14:42 ครับเปลี่ยนชั้นเรียนอ่าการสอบนะครับสอบ
00:14:42 → 00:14:45 เลื่อนขั้นสอบเข้ามหาวิทยาลัยต่างๆเนาะนะ
00:14:45 → 00:14:48 ครับพอย้ายมาในส่วนของวัยรุ่นนะครับเราก็
00:14:48 → 00:14:50 ต้องเผชิญกับเรื่องของความรักความ
00:14:50 → 00:14:53 สัมพันธ์นะครับหรือแม้กระทั่งการเลือกงาน
00:14:53 → 00:14:56 การสมัครงานอนาคตการทำงานต่างๆอันนี้ก็
00:14:56 → 00:14:59 เป็นไิที่เข้ามาเหมือนกันพออายุมากขึ้น
00:14:59 → 00:15:02 มันก็จะเป็นเรื่องของการเ่อครอบครัวความ
00:15:02 → 00:15:04 มั่นคงในชีวิตเนาะนะครับเ่ออันนั้นก็เป็น
00:15:04 → 00:15:06 ไครสิทอย่างนึงที่ถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว
00:15:06 → 00:15:08 เนี่ยเราก็คงต้องทำให้มันเกิดความเครียด
00:15:08 → 00:15:12 ต่างๆขึ้นมาและในผู้สูงอายุเองปัญหาต่างๆ
00:15:12 → 00:15:15 เมื่อร่างกายเริ่มเสื่อมถอยลงตามอายุนะ
00:15:15 → 00:15:17 ครับไครสิของผู้สูงอายุเองก็จะเป็นเรื่อง
00:15:18 → 00:15:20 ปัญหาสุขภาพที่จะตามมานั่นก็อาจจะเป็น
00:15:20 → 00:15:22 ความเครียดที่ทำให้เราเห็นว่าความเครียด
00:15:23 → 00:15:25 เนี่ยสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกๆช่วงวัยแล้ว
00:15:25 → 00:15:29 ก็มีความสัมพันธ์ตลอดเลยตั้งแต่เราเด็กป
00:15:29 → 00:15:31 ถึงเราอายุมากขึ้นถ้าเราจะโทษว่าเฮ้ยมัน
00:15:31 → 00:15:35 เป็นเบญจเพศได้ไมครับอือันนี้ก็จริงๆมัน
00:15:35 → 00:15:38 ก็มีคำอธิบายเนาะนะครับว่าในช่วงเบญจเพศ
00:15:38 → 00:15:41 หรือตรงอายุ 24-25 เนี่ยเนาะนะครับมัน
00:15:41 → 00:15:44 เป็นมันเป็นจุดที่จะเป็นจุดเปลี่ยนเนาะนะ
00:15:44 → 00:15:47 ครับของชีวิตของเราว่าเราจะไปในทิศทางไหน
00:15:47 → 00:15:49 นะครับเพราะฉะนั้นเนี่ยในมันก็จะเป็นส่วน
00:15:49 → 00:15:52 ผสมของทั้งวิทยาศาสตร์แลก็ความเชื่อเนาะ
00:15:52 → 00:15:54 นะครับแต่ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจนะครับ
00:15:54 → 00:15:56 ครับเมื่อกี้ที่เราพูดไปอ่ะพี่ดิวว่า
00:15:57 → 00:15:59 เครียดมากไปก็ไม่ดีเครียดน้อยไปก็ไม่ดี
00:15:59 → 00:16:01 แต่คราวนี้เนี่ยถ้าเรามีความเครียดสะสม
00:16:01 → 00:16:04 มากเกินไปเราก็เกิดภาวะหมดไฟได้คน
00:16:04 → 00:16:07 กรุงเทพฯเนี่ย 10 คนหมดไฟไปแล้ว 7 โอเรา
00:16:07 → 00:16:09 จะรู้ได้ไงว่าเราเป็นภาวะหมดไฟอ่ะครับใน
00:16:09 → 00:16:12 ภาวะหมดไฟุอธิบายเพิ่มเติมให้นะครับว่า
00:16:12 → 00:16:15 จริงๆแล้วเนี่ยภาวะหมดไฟมันจะเกิดการ
00:16:15 → 00:16:17 เปลี่ยนแปลงบางอย่างนะครับในไม่ว่าจะเป็น
00:16:18 → 00:16:20 ด้านอารมณ์ความรู้สึกด้านความคิดหรือแม้
00:16:20 → 00:16:22 กระทั่งร่างกายนะครับเดี๋ยวพี่ค่อยๆขยาย
00:16:22 → 00:16:25 ความให้ในด้านอารมณ์ความรู้สึกเราจะเรียก
00:16:25 → 00:16:29 มันว่าอ่าภาวะ mentally exhausted เนาะ
00:16:29 → 00:16:31 นะครับมันจะทำให้เรารู้สึกว่าเหนื่อยล้า
00:16:31 → 00:16:33 เนาะนะครับหรือว่ามีอารมณ์ sensitive
00:16:33 → 00:16:35 ง่ายขึ้นเนาะนะครับเช่นรู้สึกหงุดหงิด
00:16:35 → 00:16:38 ง่ายเนาะนะครับรู้สึกฉุนเฉียวง่ายอะไรก็
00:16:38 → 00:16:40 ขวางหูขวางตาไปหมดนะครับหรือบางครั้ง
00:16:40 → 00:16:42 เนี่ยเรารู้สึกว่า Energy ในร่างกายเนี่ย
00:16:42 → 00:16:45 มันดรอปลงเนาะนะครับ motivation ต่างๆก็
00:16:45 → 00:16:47 แย่ลงเนาะนะครับหรือแม้กระทั่งเนี่ยถ้า
00:16:47 → 00:16:50 มันรุนแรงมากจริงๆเนี่ยมันอาจจะอ่อทำให้
00:16:50 → 00:16:52 พัฒนากลายไปเป็นภาวะซึมเศร้าหรือว่า
00:16:52 → 00:16:55 depression ได้เลยนะครับนนี้คือในเรื่อง
00:16:55 → 00:16:57 ของอารมณ์ที่เกิดขึ้นถ้าเรามีภาวะ burn
00:16:57 → 00:16:59 Out นะครับทีนี้ในเรื่องของความคิดนะ
00:16:59 → 00:17:02 ครับเป็นอีกอันนึงที่เป็นจุดสังเกตได้ดี
00:17:02 → 00:17:04 มากเวลาที่เราเกิดภาวะ burn Out นะครับ
00:17:04 → 00:17:07 เราจะเริ่มมีคำถามนะครับคำถามที่เป็นคำ
00:17:07 → 00:17:10 ถามด้าน Negative หรือว่าด้านลบกับตัวเรา
00:17:10 → 00:17:13 เองนะครับไม่ว่าจะเป็นเอ่อเราดีพอหรือยัง
00:17:13 → 00:17:16 เราไม่ดีพอหรือเปล่านะครับหรือว่าเราเกิด
00:17:16 → 00:17:19 ข้อผิดพลาดตรงไหนรู้สึกมันไปกระทบกับความ
00:17:19 → 00:17:22 รู้สึกมีคุณค่าในตัวเองนะครับเรารู้สึก
00:17:22 → 00:17:24 ว่าเราเกิดคำถามมากขึ้นว่าเราจะทำไปทำไม
00:17:24 → 00:17:27 เนาะนะครับอสิ่งต่างๆเหล่านี้จะวนเวียน
00:17:27 → 00:17:30 เป็นคำถามด้านลบนะครับที่เข้ามานะครับ
00:17:30 → 00:17:32 หรือแม้กระทั่งบางครั้งการที่เราไม่
00:17:32 → 00:17:34 สามารถดึงตัวเองดึงความคิดตัวเราเองออกมา
00:17:34 → 00:17:37 จากงานได้เรื่องงานวนเวียนอยู่ในความคิด
00:17:37 → 00:17:39 ของเราตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ตอน
00:17:39 → 00:17:42 ตื่นตอนทำงานหรือทั้งหรือแม้กระทั่งตอนจะ
00:17:42 → 00:17:44 หลับหรือว่าตอนเข้านอนเรื่องงานก็ยังเข้า
00:17:44 → 00:17:46 มาวนเวียนเนาะนะครับอยู่ในหัวเราตลอดเวลา
00:17:46 → 00:17:48 อันนี้ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบนึงนะ
00:17:48 → 00:17:51 ครับทางด้านความคิดถ้าเรามีภาวะเบิรนเอา
00:17:51 → 00:17:53 เกิดขึ้นนะครับและอีกอย่างนึงคือเรื่อง
00:17:53 → 00:17:55 ทางด้านร่างกายนะครับแน่นอนที่เราเคยได้
00:17:55 → 00:17:59 ยินบ่อยๆมันก็จะมีทั้งอาการปวดศีรษะอเีะ
00:17:59 → 00:18:02 นะครับผมหรือแม้กระการปวดเมื่อยตามร่าง
00:18:02 → 00:18:04 กายต่างๆเวลาที่เราทำงานหนักนะครับความ
00:18:04 → 00:18:07 เหนื่อยล้านนะครับความไม่สดชื่นนะครับ
00:18:07 → 00:18:09 หรือแม้กระทั่งนะครับเรื่องของความจำ
00:18:09 → 00:18:12 เรื่องของสมาธิต่างๆก็จะแย่ลงไปด้วยอัน
00:18:12 → 00:18:14 นี้การเปลี่ยนแปลงของทางร่างกายนะครับ
00:18:15 → 00:18:17 เมื่อเราเอาทั้ง 3 3 การเปลี่ยนแปลงนะ
00:18:17 → 00:18:20 ครับอารมณ์ความคิดและร่างกายมาประกอบกัน
00:18:20 → 00:18:24 เนานะครับเราก็จะสามารถที่จะอย่างน้อยบอก
00:18:25 → 00:18:27 ได้ว่าเรากำลังมีภาวะ burn Out เนี่ย
00:18:27 → 00:18:29 เกิดขึ้นอยู่หรือเปล่าโดยเฉพาะในปัจจุบัน
00:18:29 → 00:18:32 เนี่ยการทำงานตั้งแต่โควิดเนาะมันเปลี่ยน
00:18:32 → 00:18:34 ไปมากหลายๆคนอาจจะ work from home คราว
00:18:34 → 00:18:36 นี้บางคนออกเอ้ยฉันก็ไม่เห็นมีภาวะเน Out
00:18:37 → 00:18:39 หรือภาวะหมดไฟเลยนี่เพราะว่าฉันก็เอางาน
00:18:39 → 00:18:41 กลับไปทำด้วยแต่คุณรู้ไหมมว่าการที่คุณ
00:18:41 → 00:18:44 เนี่ยทำงานเก่งขยันอยากทำงานให้มันดีที่
00:18:44 → 00:18:47 สุดแล้วเอากลับไปทำที่บ้านด้วยคิดงานคิด
00:18:47 → 00:18:51 ตลอดเวลาแต่จริงๆแล้วเนี่ยการคิดงานทำงาน
00:18:51 → 00:18:54 มากๆจนเกินไปมันก็เลยไปส่งผลกระทบต่อร่าง
00:18:54 → 00:18:57 กายของเราบางคนบอกอุ๊ยฉันทำได้ตลอดแต่
00:18:57 → 00:18:59 จริงๆแล้วการทำงานมากเกินไปมันอาจจะทำให้
00:18:59 → 00:19:02 เราเกิดภาวะหมดไฟได้ใช่ครับผมเพราะว่าบาง
00:19:02 → 00:19:04 ครั้งเนี่ยเรารู้สึกว่าเราเราไม่ได้ห่อ
00:19:04 → 00:19:07 เหี่ยวนะเรายังไปทำงานทุกวันเรายังขยัน
00:19:07 → 00:19:10 ขันแข็งสามารถไปทำงานได้เนาะนะครับแต่
00:19:10 → 00:19:12 จริงๆแล้วเนี่ยมันมีลักษณะของ burn Out
00:19:12 → 00:19:15 นี่อีกรูปแบบนึงที่เราเรารู้สึกว่าโอ้เรา
00:19:15 → 00:19:19 ไม่สามารถดึงตัวเองเนาะนะครับออกมาจากอ่า
00:19:19 → 00:19:22 งานได้เลยนะครับแล้วมันจะค่อยๆเนานะครับ
00:19:22 → 00:19:26 ค่อยๆเกิดค่อยๆใช้ใช้ Energy นะครับพลัง
00:19:26 → 00:19:28 งานต่างๆเนี่ยเพิ่มมากขึ้นมากขึ้้นไปเรยๆ
00:19:28 → 00:19:30 เรื่ออันนี้ก็เป็นภาวะที่หรือว่าเป็น
00:19:30 → 00:19:33 อาการแบบนึงที่เราสังเกตได้เหมือนกันแล้ว
00:19:33 → 00:19:35 คราวนี้ถ้าอ่าอย่างผมดูหนังดูละครอย่าง
00:19:35 → 00:19:38 เงี้ยเราเห็นว่านางเอดสเวลาเศร้าเนี่ยก็
00:19:38 → 00:19:40 จะกินไอติมหรือกินของหวานหรือบางคนที่
00:19:40 → 00:19:43 เครียดมากๆก็จะเอาของหวานมากินกินมากกิน
00:19:43 → 00:19:45 มากคราวนี้เนี่ยมันเชื่อมโยงยังไงครับกับ
00:19:45 → 00:19:48 ความเครียดหรือขนมหวานของหวานพวกเครับอ่า
00:19:48 → 00:19:50 ได้เลยจริงๆเนี่ยจะขออนุญาตยกตัวอย่างเคส
00:19:50 → 00:19:52 แล้วกันเพื่อให้เราเห็นภาพมากขึ้นว่าความ
00:19:53 → 00:19:56 เครียดกับพฤติกรรมการกินเนี่ยมันเชื่อม
00:19:56 → 00:19:59 โยงกันยังไงนะครับจริงๆเนี่ยการเ่อการรับ
00:19:59 → 00:20:01 ประทานนะครับอ่าที่ผิดปกติเวลาที่เรามี
00:20:01 → 00:20:05 ความเครียดเกิดขึ้นแน่นอนโดยปกติเราทั่วๆ
00:20:05 → 00:20:07 ไปก็จะรับประทานอาหารอยู่แล้วเวลามีความ
00:20:07 → 00:20:08 เครียดแต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเริ่ม
00:20:08 → 00:20:11 สังเกตตัวเองว่าปริมาณนะครับในการที่เรา
00:20:11 → 00:20:14 ทานเนี่ยอ่าแต่ละคนอาจจะทานกินจุกินมาก
00:20:14 → 00:20:16 กินน้อยไม่เท่ากันแต่ให้สังเกตว่าเมื่อ
00:20:16 → 00:20:18 ไหร่ก็ตามเนี่ยที่ปริมาณที่เรากินเข้าไป
00:20:18 → 00:20:21 เนี่ยมันสูงขึ้นกว่าเบสไลน์ปกติเนาะนะ
00:20:21 → 00:20:24 ครับอ่า 3-5 เท่านะครับยกตัวอย่างให้เห็น
00:20:24 → 00:20:27 ภาพเช่นบางทีบางครั้งเราเครียดเรากินเค้ก
00:20:27 → 00:20:30 1 ชิ้นอ่ะเราสบายฟินละแต่ตอนที่มันมี
00:20:30 → 00:20:33 ความผิดปกติเกิดขึ้นการที่ 1 ชิ้นก็ไม่พอ
00:20:33 → 00:20:36 2 ชิ้น 3 ชิ้น 5 ชิ้นจนเราเริ่มรู้สึก
00:20:36 → 00:20:39 ว่ามันหยุดไม่ได้และเกิดเป็นความเอ่อความ
00:20:39 → 00:20:41 กี้ความรู้สึกผิดว่าโอ้ยทำไมฉันหยุดกิน
00:20:41 → 00:20:44 ไม่ได้ฉันกินไปแล้วทำไมมันทำให้เรารู้สึก
00:20:44 → 00:20:46 กลับไปแย่ลงมากกว่าเดิมเนาะนะครับซึ่ง
00:20:46 → 00:20:49 ภาวะเหล่านี้เนี่ยเราจะเรียกว่าภาวะ B
00:20:49 → 00:20:52 eating บางครั้งเนี่ยครับการรับประทาน
00:20:52 → 00:20:54 มันคือการที่ช่วยเพิ่มเนาะนะครับเพิ่ม
00:20:54 → 00:20:56 ความรู้สึกมีความสุขความเพลิดเพลินบาง
00:20:57 → 00:21:00 อย่างทำให้เราต้องอ่อเ่อนำนำเอาความสุข
00:21:00 → 00:21:02 เหล่าเนี้จากการกินความ enjoy eating
00:21:02 → 00:21:04 ต่างๆเนี่ยไป Balance อ่า Balance กับ
00:21:04 → 00:21:06 ความเครียดที่ที่มาที่มาส่งผ่านมาจากงาน
00:21:07 → 00:21:09 นะครับั้นหรือบางทีเนี่ยนางเอกในละครมัน
00:21:09 → 00:21:12 มีความเครียดเนาะนะครับความผิดหวังความ
00:21:12 → 00:21:15 ต่างๆแล้วก็ต้องกินๆๆต่างๆเนี่ยมันก็จะ
00:21:15 → 00:21:18 เป็นลักษณะของการที่อช่วยเพิ่มนะเรากิน
00:21:18 → 00:21:20 เพื่อให้เรารู้สึกอย่างน้อยมันมีความ
00:21:20 → 00:21:23 Enjoy ต่างๆความสุขต่างๆเติมเข้ามาใน
00:21:23 → 00:21:25 ร่างกายด้วยฉะนั้นแล้วเนี่ยเรื่องของความ
00:21:25 → 00:21:28 เครียดกับเรื่องของการกินอาหารต่างๆมันก็
00:21:28 → 00:21:31 สพันกันเนาะเลยอยากให้ทุกคนลองไปสังเกตดู
00:21:31 → 00:21:33 แล้วกันว่าถ้าเรามีความเครียดในระดับนึง
00:21:33 → 00:21:35 เนี่ยเราก็คือควรผ่อนคลายกับความเครียด
00:21:35 → 00:21:37 ด้วยไม่งั้นเนี่ยต่อไปถ้าเรายังมีความ
00:21:37 → 00:21:40 เครียดมากและเก็บไปเรื่อยๆเนี่ยมันอาจจะ
00:21:40 → 00:21:42 ส่งผลกระทบต่อเรื่องอาหารการกินอ่ะน้ำ
00:21:42 → 00:21:44 หนักตัวด้วยเนาะยิ่งกินกินมากคุณน้ำหนัก
00:21:45 → 00:21:46 ตัวก็ยิ่งมากขึ้นด้วยแล้วกันครับใช่ครับ
00:21:46 → 00:21:49 ผมแต่อีกอย่างนึงคือเครียดลงกับเพราะอัน
00:21:49 → 00:21:51 นี้เคยได้ยินป่ะอเคยได้ยินอยู่บ่อยๆ
00:21:51 → 00:21:53 เหมือนกันผมอความเครียดลงกระเพาะหมายความ
00:21:53 → 00:21:55 ว่าคือเวลาที่เราเจอกับความเครียดที่เรา
00:21:55 → 00:21:57 บอกไปตั้งแต่แรก acute stress chronic
00:21:57 → 00:21:59 stress อ่ะครับความเครียดอย่างเช่นตอน
00:21:59 → 00:22:01 acute stress ก่อนึงความเครียดแบบเฉียบ
00:22:01 → 00:22:04 พันธช่วงนั้นเนี่ยไม่มีใครมานั่งกินถูกม
00:22:04 → 00:22:07 ไม่มีใครจะมาแบบรถชนแล้วยังกินไอติมอยู่
00:22:07 → 00:22:09 ไม่มีคือความเครียดตอนแบบเฉียบพันธุ์
00:22:09 → 00:22:12 เนี่ยกระเพาะอาหารมันจะบีบคือทางเดือน
00:22:12 → 00:22:15 อาหารมันจะบีบรัดมาตัวมากขึ้นร่างกายจะ
00:22:15 → 00:22:18 เพิ่มกรดในะในกระเพาะอาหารมากยิ่งขึ้นนะ
00:22:18 → 00:22:21 ครับเนาะแต่ถ้าคุณเจอกับความเครียดอย่าง
00:22:21 → 00:22:25 เงี้ยทุกครั้งบ่อยๆตลอดเวลาจากเพราะที่
00:22:25 → 00:22:28 ผลิตกดตลอดเวลามันจะไปทำลายร่างกายทำให้
00:22:28 → 00:22:31 แผแผลเป็นแผลในกระเพาะอาหารอีกนะครับเนาะ
00:22:31 → 00:22:34 แล้วสิ่งสำคัญคือความเครียดมากๆมันทำให้
00:22:34 → 00:22:38 ความสมดุลของจุลินซีเปลี่ยนไปในทางเดิน
00:22:38 → 00:22:41 อาหารนะครับอย่างที่ EP หลาย EP เราเคย
00:22:41 → 00:22:43 พูดแล้วเรื่องเกี่ยวกับกัด Brain
00:22:43 → 00:22:45 Connection เนี่ยครับเนาะคือความเครียด
00:22:45 → 00:22:47 ที่มากเกินไปไปเปลี่ยนจุลินทรีย์แล้วสิ่ง
00:22:47 → 00:22:50 ที่สำคัญคือจุลินทรีย์เป็นแหล่งผลิตสาร
00:22:50 → 00:22:52 สื่อประสาทในสมองเหมือนกันทำให้ยิ่งคุณมี
00:22:52 → 00:22:54 ความเครียดมากเท่าไหร่สารสื่อประสาทอาจจะ
00:22:54 → 00:22:57 เปลี่ยนแปลงก็ได้เหมือนกันแล้วก็พอสาร
00:22:57 → 00:22:59 สื่อประสาทเปลี่ยนแปลงไปคุณก็รับกับความ
00:22:59 → 00:23:02 เครียดนั้นไม่ได้อ่าปัจจุบันน่ะครับมีคน
00:23:02 → 00:23:04 เป็นโรคซึมเศร้าถึง 5% บนโลกของเราถือว่า
00:23:04 → 00:23:07 เยอะมากแต่การวินิจฉัยเนี่ยอาจจะยากนิด
00:23:07 → 00:23:08 นึงเพราะว่าถ้าเราเปรียบเทียบกับโรคอื่น
00:23:08 → 00:23:12 เบาหวานไขมันความดันเราสามารถตรวจเซเรย์
00:23:12 → 00:23:14 เจาะเลือดและวินิจฉัยโรคได้แต่ถ้าเป็นโรค
00:23:14 → 00:23:16 ซึมเศร้าอ่ะครับเราสามารถวินิจฉัยมันได้
00:23:16 → 00:23:18 ยังไงอ่ะครับอ่าในการวินิจฉัยโรคซึมเศร้า
00:23:18 → 00:23:21 เราจะอาศัยเกณฑ์ทั้งหมด 9 ข้อนะครับโดย
00:23:21 → 00:23:24 พี่จะค่อยๆแบ่งให้เห็นภาพมากขึ้นมันจะ
00:23:24 → 00:23:26 เป็น 2 ข้อนะครับที่เป็นความผิดปกติทาง
00:23:26 → 00:23:29 ด้านอารมณ์นะครับ 2 ข้อที่เป็นความผิด
00:23:29 → 00:23:31 ปกติเรื่องทางด้านของความคิดนะครับแล้วก็
00:23:31 → 00:23:34 อีก 5 ข้อนะครับเป็นความผิดปกติของทาง
00:23:34 → 00:23:37 ร่างกายนะครับมาเริ่มที่ในด้านของอารมณ์
00:23:37 → 00:23:39 เนาะนะครับหลักๆเลยเนี่ยอันที่ 1 นะครับ
00:23:39 → 00:23:42 เราจะมีลักษณะอารมณ์ที่เปลี่ยนไปนะครับ
00:23:42 → 00:23:44 ไม่ว่าจะเป็นความโศกเศร้าที่มากขึ้นนะ
00:23:44 → 00:23:47 ครับความรู้สึกเสียใจนะครับร้องไห้ต่างๆ
00:23:47 → 00:23:50 ขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุอันนั้นคืออารมณ์ที่
00:23:50 → 00:23:52 1 อารมณ์ที่ 2 นะครับซึ่งอันเนี้ยอ่า
00:23:52 → 00:23:54 หลายๆคนอาจจะมองข้ามไปมันคืออารมณ์ความ
00:23:54 → 00:23:57 เบื่อหน่ายครับเบื่อหน่ายกับทุกๆสิ่ง
00:23:57 → 00:23:59 เบื่อหน่ายกับทุกๆอย่างรู้สึกว่าความสน
00:23:59 → 00:24:02 ใจจกับสิ่งที่เราเคยสนใจเนี่ยมันลดน้อย
00:24:02 → 00:24:05 ถอยลงเช่นเพื่อนเคยอ่อชวนออกไปเที่ยวออก
00:24:05 → 00:24:08 ไปอ่าทานอาหารต่างๆเราก็รู้สึกว่าไม่อยาก
00:24:08 → 00:24:12 ไปรายการซีรียส์ต่างๆที่เราเคยดูเราก็ไม่
00:24:12 → 00:24:14 อยากดูนะครับอันนี้ก็เป็นอีกอารมณ์นึงคือ
00:24:14 → 00:24:17 ความเบื่อหน่ายนะครับอในลำดับถัดมาใน
00:24:17 → 00:24:20 เรื่องของความคิดความคิดก็จะเปลี่ยนไปโทน
00:24:20 → 00:24:22 ของความคิดเนี่ยมันก็จะมีความเป็นด้านลบ
00:24:22 → 00:24:25 และเาีมากขึ้นอันที่ 1 เราจะรู้สึกใน
00:24:25 → 00:24:29 เรื่องของคุณค่าในตัวเองลดน้อยลงมาบาง
00:24:29 → 00:24:32 ครั้งเราก็จะมีความคิดตำหนิติโทษตัวเรา
00:24:32 → 00:24:36 เองเราไม่ดีพอบ้างเป็นภาระของคนอื่นบ้าง
00:24:36 → 00:24:38 หรือแม้กระทั่งความรู้สึกมีความหวังใน
00:24:38 → 00:24:41 ชีวิตก็ค่อยๆหลี่ลิบหรี่หายลงไปเรื่อยๆนะ
00:24:41 → 00:24:44 ครับหรือแม้กระทั่งในบางคนนะครับความคิด
00:24:44 → 00:24:47 ก็จะรุนแรงขึ้นนะครับเป็นในแง่ของมีความ
00:24:47 → 00:24:50 คิดที่อยากทำร้ายตัวเองนะครับหรือความคิด
00:24:50 → 00:24:52 ที่ไม่อยากมีชีวิตอยู่อยากจบตัวเองหรือ
00:24:52 → 00:24:54 ว่าอยากฆ่าตัวตายนะครับอันเนี้ยเป็นการ
00:24:54 → 00:24:57 เปลี่ยนแปลงทางด้านความคิดนะครับลำดับถัด
00:24:57 → 00:24:59 มานะครับก็จะเป็นลักษณะของอาการการ
00:24:59 → 00:25:01 เปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายนะครับเราจะ
00:25:01 → 00:25:05 สังเกตว่าสมาธิการจวดจาะของเราเนี่ยแย่ลง
00:25:05 → 00:25:08 นะครับความจำต่างๆก็แย่ลงไปด้วยนะครับ
00:25:08 → 00:25:10 อันดับถัดมาก็จะเป็นเรื่องของการกินนะ
00:25:10 → 00:25:13 ครับเนาะว่าบางครั้งความอยากอาหารก็ลด
00:25:13 → 00:25:15 น้อยลงหรือในบางเคสอย่างที่เราพูดไปก่อน
00:25:15 → 00:25:17 หน้านี้นะครับก็บางคนก็จะกินเยอะมากขึ้น
00:25:17 → 00:25:19 อันนั้นก็เป็นความผิดปกติอย่างนึงเหมือน
00:25:19 → 00:25:22 กันนะครับถัดมาคือเรื่องของการนอนนะครับ
00:25:22 → 00:25:25 เราจะรู้สึกว่าอ่ากลไกนะครับเนาะหรือว่า
00:25:25 → 00:25:27 เวลานอนของเราเนี่ยเปลี่ยนไปจากเดิมบางคน
00:25:27 → 00:25:30 เนี่ยจะนอนหลับยากบางคนรู้สึกว่าหลับๆ
00:25:30 → 00:25:32 ตื่นๆนะครับหรือบางคนรู้สึกว่าอยากนอน
00:25:32 → 00:25:34 ทั้งวันเลยนะครับเนาะอันนี้ก็เป็นการ
00:25:34 → 00:25:37 เปลี่ยนแปลงนึงสุดท้ายนะครับเราจะรู้สึก
00:25:37 → 00:25:39 ว่าร่างกายของเราเนี่ยมีความเหนื่อยล้า
00:25:39 → 00:25:41 เนาะเหนื่อยล้าเพิ่มมากขึ้นไม่มีเรี่ยว
00:25:41 → 00:25:44 แรงนะครับหรือแม้กระทั่งมีการที่เราขยับ
00:25:44 → 00:25:47 เคลื่อนไหวความแอคทีฟต่างๆเนี่ยมันลดน้อย
00:25:47 → 00:25:51 ลงละกลายเปลี่ยนจากคนที่เคยกระฉับกระเฉง
00:25:51 → 00:25:55 มากกลายเป็นคนอ่าแยกตัวห่อเหี่ยวเนาะนะ
00:25:55 → 00:25:59 ครับเปื่อยๆเนื่อยๆมากขึ้นจนบางครั้ง
00:25:59 → 00:26:01 เนี่ยคนที่สังเกตได้อาจจะเป็นคนรอบข้าง
00:26:01 → 00:26:05 เนาะนะครับอืงั้นเหล่านี้เนี่ยคืออาการนะ
00:26:05 → 00:26:07 ครับที่เราใช้เป็นเกณฑ์ในการวินิจฉัยโรค
00:26:07 → 00:26:10 ซึมเศร้าซึ่งถ้าเกิดว่าอ่าใครที่มีอาการ
00:26:10 → 00:26:13 เหล่านี้นะครับมากกว่า 5 ข้อขึ้นไปมาก
00:26:13 → 00:26:15 กว่า 5 ข้อขึ้นไปใช่ครับผมมากกว่า 5 ข้อ
00:26:15 → 00:26:18 ขึ้นไปเนี่ยก็แสดงว่ามีความเสี่ยงนะครับ
00:26:18 → 00:26:21 ที่จะกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้ซึ่งผมแนะนำ
00:26:21 → 00:26:24 ว่าอ่าการที่มาพบจิตแพทย์นะครับเพื่อเป็น
00:26:24 → 00:26:27 การเอ่อยืนยันนะครับหรือว่าเป็นเป็นการ
00:26:27 → 00:26:29 ประเมินนะครับครับที่แน่นอนนะครับก็จะ
00:26:29 → 00:26:32 เป็นตัวช่วยอ่าคอนเฟิร์มนะครับว่าโอ้เรา
00:26:33 → 00:26:35 มีโรคซึมเศร้าอยู่ในความรุนแรงระดับไหน
00:26:35 → 00:26:39 รุนแรงมากรุนแรงน้อยหรือว่าจะต้องวางแผน
00:26:39 → 00:26:41 การรักษาต่อไปยังไงนะครับอืคราวนี้เนี่ย
00:26:41 → 00:26:43 เรื่องของโรคซึมเศร้าอ่ะอันเนี้ยเคสผมเคย
00:26:44 → 00:26:46 เจอมาเองนะครับเนาคือพอเราไปเจาะเลือดของ
00:26:46 → 00:26:48 คนไข้อ่ะปรากฏว่าเรื่องของโฮร์โมน
00:26:48 → 00:26:51 ไทรรอยด์ก็ส่งผลกระทบต่อภาวะโรคซึมเศร้า
00:26:51 → 00:26:54 ได้เช่นเดียวกันโดยเฉพาะเขาเรียกว่าโรค
00:26:54 → 00:26:56 ไทรรอยด์ต่ำหรือไม่คือร่างกายไม่สามารถ
00:26:56 → 00:26:59 ผลิตฮอร์โมนไทรรอยด์ได้ไม่ว่าจะเป็นจาก
00:26:59 → 00:27:01 การไปกลืนแร่นะครับคนที่เป็นไทรรอยด์เป็น
00:27:01 → 00:27:03 พิษแล้วกลืนแร่แล้วทำให้ฮอร์โมนไทรรอยด์
00:27:03 → 00:27:06 ต่ำหรือว่าสารอาหารที่ไปผลิตฮอร์โมน
00:27:06 → 00:27:09 ไทรรอยด์ไม่เพียงพอเนี่ยก็อาจจะทำให้คนคน
00:27:09 → 00:27:12 ไข้เนี่ยมีภาวะไทรรอยด์ต่ำได้คนที่มีภาวะ
00:27:12 → 00:27:14 ไทรรอยด์ต่ำเนี่ยก็อาจตอนแรกอาจจะมีความ
00:27:14 → 00:27:17 รู้สึกอย่างเช่นท้องผูกแน่นท้องขี้เกียจ
00:27:17 → 00:27:21 อาหารไม่ย่อยผมร่วงผิวแห้งเป็นต้นนะครับ
00:27:21 → 00:27:23 เนาะแต่ถ้าเป็นหนักมากขึ้นเรื่อยๆนะครับ
00:27:24 → 00:27:27 เนาะขืนกขั่งกับบางคนอาจจะเป็นโรคซึมซ้ม
00:27:27 → 00:27:28 ได้เลยทีเดียวฉะนั้นนั้นเนี่ยการที่เป็น
00:27:28 → 00:27:30 โรคซึมเศร้าอาจจะต้องดูหลากหลายปัจจัยนะ
00:27:30 → 00:27:32 ครับว่าอาจจะเป็นเรื่องของจิตใจจริงๆหรือ
00:27:32 → 00:27:34 เป็นเรื่องของฮอร์โมนได้ก็เหมือนกันนะ
00:27:34 → 00:27:37 ครับเพราะเขาพบว่าคนที่เป็นโรคซึมเศร้า
00:27:37 → 00:27:40 20% เนี่ยมีภาวะไทรอยด์ต่ำนั่นเองจริงๆ
00:27:40 → 00:27:42 นอกเหนือจากฮอร์โมนไทรอยด์แล้วเนี่ยมัน
00:27:42 → 00:27:45 ยังมีสารสื่อประสาทอื่นๆเนาะนะครับที่มี
00:27:45 → 00:27:48 บทบาทนะครับในการที่เ่อคอย regulate หรือ
00:27:48 → 00:27:51 ว่าควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของเรานะครับ 3
00:27:51 → 00:27:54 3 เป็น 3 ตัวนี้เนี่ยอ่าก็จะมีตัวนอนฟิน
00:27:54 → 00:27:58 นะครับโดปามีนแล้วก็ซีโรโทนินอซึ่งตัวนอย
00:27:58 → 00:28:01 Pin เองเนี่ยก็จะทำอ่อการควบคุมนะครับ
00:28:01 → 00:28:04 ลักษณะของการที่การเคลื่อนไหวความกระฉับ
00:28:04 → 00:28:07 กระเฉงต่างๆของร่างกายนะครับตัวโดปามีนนะ
00:28:07 → 00:28:09 ครับก็จะเป็นลักษณะของการที่อ่าสารที่ทำ
00:28:10 → 00:28:12 ให้เราเกิดความรู้สึก Enjoy นะครับหรือ
00:28:12 → 00:28:14 ว่าความรู้สึกมีความสุขต่างๆนะครับหรือ
00:28:14 → 00:28:17 แม้กระทั่งเรื่องของสมาธิการจดจ่อกับความ
00:28:17 → 00:28:20 คิดต่างๆนะครับส่วนซีโรโทนินนะครับก็จะทำ
00:28:20 → 00:28:23 หน้าที่และมีบทบาทนะครับในการที่เราเ่อ
00:28:23 → 00:28:26 บานนะครับในเรื่องของอารมณ์ความรู้สึก
00:28:26 → 00:28:28 เศร้าเสียใจนะครับหรือแม้กระทั่งความรู้
00:28:28 → 00:28:31 สึกผิดต่างๆนะครับก็ความรู้สึกในในมุมที่
00:28:31 → 00:28:35 เป็น Negative นะครับหรือว่าอเ่อการบาน
00:28:35 → 00:28:37 ระหว่างอารมณ์ด้านรบก็จะเป็นตัวซีโรโทนิน
00:28:37 → 00:28:40 เนี่ยเป็นตัวที่มีบทบาทหลักเพราะฉะนั้น
00:28:40 → 00:28:43 เนี่ยเวลาที่มีความผิดปกติของสารนะครับ
00:28:43 → 00:28:45 อ่าสารสื่อประสาท 3 ตัวเนี้ยครับมันก็จะ
00:28:45 → 00:28:48 ไปส่งผลด้วยเหมือนกันนะครับที่ทำให้เรา
00:28:48 → 00:28:51 เกิดภาวะซึมเศร้าหรือว่าโรคซึมเศร้าตามมา
00:28:51 → 00:28:53 ได้ที่จริงศารสื่อประสาท 3 ตัวนั้นนะครับ
00:28:53 → 00:28:55 เราปัจจุบันเนี่ยเราสามารถตรวจได้แล้วนะ
00:28:55 → 00:28:58 ครับเนาะหลักๆเนี่ยเราตรวจจากการใช้
00:28:58 → 00:29:01 ปัสสาวะของคนไข้นั่นเองไปตรวจว่าสารซื้อ
00:29:01 → 00:29:03 ประสาท 3 ตัวเนี้ยมันสมดุลกันหรือเปล่าใน
00:29:03 → 00:29:06 ความคิดของพี่ดิวเนี่ย 3 ตัวเนี้มันต้อง
00:29:06 → 00:29:08 เท่ากันมั้ยหรือว่าห้ามมีตัวนึงขาดไปอ่ะ
00:29:08 → 00:29:10 คนไข้จะเป็นโรคหรือเปล่าครับอ่าจริงๆแล้ว
00:29:10 → 00:29:14 เนี่ยเอ่ออธิบายว่าพอสาร 3 ตัวนี้เนาะนะ
00:29:14 → 00:29:17 ครับจริงมันจะทำงานสอดประสานกันนะครับแต่
00:29:17 → 00:29:19 ในบางครั้งเนี่ยสัดส่วนแล้วกันครับสัด
00:29:19 → 00:29:22 ส่วนที่แต่ละตัวมีบทบาทนะครับก็อาจจะไม่
00:29:22 → 00:29:25 เท่ากันเพราะฉะนั้นบางครั้งซีโรโทนินอาจ
00:29:25 → 00:29:27 จะลดต่ำลงมากกว่าตัวอื่นๆก็สามารถทำให้
00:29:27 → 00:29:30 เราเกิดอารมณ์ซึมเศร้าได้หรือบางครั้ง
00:29:30 → 00:29:33 เนี่ยเอ่อในในตัวอ่ะยกตัวอย่างเช่นนน
00:29:33 → 00:29:36 อินฟินหรือว่าโดพามีนลดต่ำลงมันก็จะเป็น
00:29:36 → 00:29:38 ลักษณะของการที่ทำให้เราเบื่อหน่ายไปหมด
00:29:38 → 00:29:40 เลยเพราะฉะนั้นเนี่ยมาไม่ว่าตัวใดตัวนึง
00:29:40 → 00:29:43 ถ้ามันลดระดับต่ำกว่าปกติหรือบางในบางเคส
00:29:43 → 00:29:46 ที่มีอาการรุนแรงมากจริงๆทั้ง 3 ตัวก็อาจ
00:29:46 → 00:29:49 จะลดลงนะครับแล้วก็ต่ำกว่าระดับปกติก็ทำ
00:29:49 → 00:29:51 ให้เกิดอาการเหล่านี้ขึ้นมาได้ซึ่งจะ
00:29:51 → 00:29:53 อธิบายจริงๆเนี่ยมันก็เป็นคำอธิบายนึงที่
00:29:53 → 00:29:56 อ่ายาในเรื่องของการใช้ยาปรับอารมณ์ต่างๆ
00:29:56 → 00:29:59 เนี่ยก็จะมีผลนะครับในการออกฤทธิ์ต่อสาร
00:29:59 → 00:30:02 สื่อประสาททั้ง 3 ตัวเนี้ยในรูปแบบที่แตก
00:30:02 → 00:30:04 ต่างกันนะครับเพราะฉะนั้นการรักษาที่เรา
00:30:04 → 00:30:07 สามารถเลือกนะครับหรือว่าเข้าใจว่าร่าง
00:30:07 → 00:30:10 กายของเราเองเนี่ยขาดนะครับสารตัวไหนมาก
00:30:10 → 00:30:12 น้อยยังไงก็จะทำให้เราเนี่ยสามารถเลือก
00:30:12 → 00:30:16 ใช้นะครับอ่ายาหรือว่าสารเอ่อตัวปรับ
00:30:16 → 00:30:19 อารมณ์เนี่ยได้เหมาะสมกับตัวเรามากขึ้น
00:30:19 → 00:30:22 ครับผมคราวนี้พี่ดิวหลายคนน่ะพูดแต่ถึง
00:30:22 → 00:30:24 โรคซึมเศร้าแต่มีโรคนึงที่เป็นเยอะไม่แพ้
00:30:24 → 00:30:28 กันคือโรคแพนิคนั่นเองที่หัวใจเต้นเร็ว
00:30:28 → 00:30:30 มากขึ้นแล้วแต่ลคนนึกว่าเป็นโรคหัวใจแต่
00:30:30 → 00:30:32 จริงๆแล้วอ่ะเป็นแพนิคโรคแพนิคมันเป็นยัง
00:30:32 → 00:30:34 ไงอ่ะครับอ่าถ้าจะเราจะทำความเข้าใจกับ
00:30:34 → 00:30:36 โรคแพนนิคซึ่งจริงๆเนี่ยโรคแพนิคเองเนี่ย
00:30:36 → 00:30:40 เป็นโรคอ่าจริงๆเป็นโรคที่คนเกิดขึ้นเยอะ
00:30:40 → 00:30:43 นะครับเนาะไม่ได้น้อยไปกว่าโรคซึมเศร้า
00:30:43 → 00:30:45 เลยนะครับแต่การที่เราจะทำความคทำความ
00:30:45 → 00:30:47 เข้าใจโรคแพนิคเนี่ยเราอธิบายก่อนว่าอ่อ
00:30:47 → 00:30:51 แพนิคนะครับคือการที่ร่างกายนะครับมีการ
00:30:51 → 00:30:54 ตอบสนองต่อระบบต่างๆของร่างกายนะครับไม่
00:30:54 → 00:30:57 ว่าจะเป็นระบบหัวใจการหายใจนะครับหรือแม้
00:30:57 → 00:31:00 กระทั่งระบบอ่าการเคลื่อนไหวต่างๆนะครับ
00:31:00 → 00:31:03 เช่นบางคนเจะมีอาการใจสั่นนะครับใจสั่น
00:31:03 → 00:31:05 รู้สึกว่าใจเต้นเร็วนะครับหรือเหมือนใจจะ
00:31:05 → 00:31:07 ขาดเลยเหมือนหัวใจจะหยุดเต้นนะครับหรือ
00:31:08 → 00:31:10 ว่าบางคนรู้สึกว่าหายใจไม่โล่งหายใจไม่
00:31:10 → 00:31:13 อิ่มหายใจไม่สุดปอดนะครับหรือหรือบางคนมี
00:31:13 → 00:31:16 อาการรู้สึกว่าเหมือนจะเป็นลมเหมือนจะวูบ
00:31:16 → 00:31:18 หน้ามืดเหงื่อออกตามมือเท้าชาตามร่างกาย
00:31:19 → 00:31:22 ต่างๆซึ่งอาการเหล่านี้เนี่ยอ่าแน่นอนใน
00:31:22 → 00:31:24 ความผิดปกติทางร่างกายเราก็สามารถพบได้
00:31:24 → 00:31:27 ว่าเป็นความผิดปกติของทางร่างกายซึ่งอ่อ
00:31:27 → 00:31:30 คำแนะนำแรกเราคงต้องตรวจเช็คเนาะนะครับ
00:31:30 → 00:31:32 กับทางร่างกายให้เรียบร้อยแต่ถ้าเมื่อ
00:31:32 → 00:31:35 ไหร่ก็ตามเรารู้สึกว่าทางร่างกายตรวจแล้ว
00:31:35 → 00:31:37 ไม่เจอความผิดปกติอะไรที่สามารถอธิบาย
00:31:37 → 00:31:39 ภาวะเหล่านี้ได้และภาวะเหล่านี้เนี่ย
00:31:39 → 00:31:42 เมื่อมันเกิดขึ้นเนาะนะครับมันจะกระตุ้น
00:31:42 → 00:31:44 ความกลัวและความกังวลเป็นอย่างมากมันจะ
00:31:44 → 00:31:46 เกิดคำถามขึ้นตามไปหมดเลยว่าเฮ้ยเราจะ
00:31:46 → 00:31:49 เป็นอะไรมั้ยเราจะถึงชีวิตหรือเปล่าเราจะ
00:31:49 → 00:31:51 ตายหรือเปล่าเราจะทำยังไงดีมันจะมีความ
00:31:51 → 00:31:54 กระสับกระส่ายกระวนกระวายใจเต็มไปหมดเลย
00:31:54 → 00:31:57 และมันเกิดขึ้นเนี่ยอยู่บ่อยครั้งเนาะนะ
00:31:57 → 00:32:01 ครับจนเราไม่สามารถที่จะควบคุมนะครับหรือ
00:32:01 → 00:32:03 ว่าจนเรารู้สึกว่ามีพฤติกรรมบางอย่างที่
00:32:03 → 00:32:06 เราต้องหลบเลี่ยงบางสถานการณ์นะครับที่ทำ
00:32:06 → 00:32:08 ให้เราเกิดแพนิคนะครับบางคนเนี่ยเกิดขึ้น
00:32:08 → 00:32:12 ในเวลาทำงานนะครับเวลาที่ต้องเจอคนเยอะๆ
00:32:12 → 00:32:15 เวลาที่ต้องอ่อมีความประม่าในการทำงาน
00:32:15 → 00:32:18 ต่างๆหรือบางคนเนี่ยก็จะเจอในภาวะที่อ่า
00:32:18 → 00:32:20 อยู่บนเครื่องบินนะครับก่อนขึ้นเครื่อง
00:32:20 → 00:32:22 เนานะครับหรือว่าตอนระหว่างอยู่บนเืองบิน
00:32:22 → 00:32:24 ตกหลุมอากาศต่างๆนะครับหรือบางคนเนี่ยก็
00:32:24 → 00:32:27 เกิดขึ้นในขณะที่อยู่ที่แคบในลิฟต์เนาะนะ
00:32:27 → 00:32:29 ครับหรือว่าระหว่างดำน้ำต่างๆก็มีอาการ
00:32:29 → 00:32:31 เหล่าเนี้ยเกิดขึ้นมานะครับเขาก็จะเริ่ม
00:32:32 → 00:32:34 มีพฤติกรรมที่พยายามหลบเลี่ยงสถานการณ์
00:32:34 → 00:32:37 ที่ทำให้เคเกิดภาวะแพนิคขึ้นเพราะว่ามัน
00:32:37 → 00:32:39 น่ากลัวมากจริงๆครับเวลาที่เกิดแพนิคขึ้น
00:32:39 → 00:32:42 มาเพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าเกิดว่าอ่อคนไข้เอง
00:32:42 → 00:32:44 มีอาการเหล่านี้นะครับและได้ปรึกษาทั้ง
00:32:44 → 00:32:47 แพทย์ที่ดูแลทางเรื่องร่างกายนะครับและ
00:32:47 → 00:32:50 ยืนยันและว่าความผิดปกติต่างๆเหล่าเนี้ย
00:32:50 → 00:32:52 ไม่ได้มีวที่ผิดปกติหรือเป็นอันตรายก็
00:32:52 → 00:32:55 สามารถมาปรึกษานะครับหรือว่าประเมินกับ
00:32:55 → 00:32:57 จิตแพทย์ได้เช่นเดียวกันว่าจริงๆแล้ว
00:32:57 → 00:32:59 เนี่ยเนี่ยที่ไปที่มาของอาการทางกายที่
00:32:59 → 00:33:01 อธิบายไม่ได้เหล่านี้เนี่ยเป็นโรคแพนิค
00:33:01 → 00:33:04 จริงๆมั้ยแล้วมันสามารถรักษาได้มั้ยออ่า
00:33:04 → 00:33:06 จริงๆตัวแพนิคเองนะครับก็เป็นโรคที่ต้อง
00:33:06 → 00:33:10 บอกว่ารักษาได้นะครับเพราะว่าเอ่ออาการ
00:33:10 → 00:33:12 ต่างๆเหล่านี้เนี่ยมันเกิดจากการที่บางที
00:33:12 → 00:33:14 สารสื่อประสาทตัวต่างๆที่เราได้พูดไปนะ
00:33:14 → 00:33:17 ครับมันทำงานเสียสมดุลนะครับมันทำให้
00:33:17 → 00:33:20 อาการทางกายต่างๆเนี่ยถูกขยายมากขึ้นหรือ
00:33:20 → 00:33:23 เรารู้สึกไวหรือว่า sensitive กับการ
00:33:23 → 00:33:25 เปลี่ยนแปลงของทางร่างกายเนี่ยมากขึ้นนะ
00:33:25 → 00:33:29 ครับอ่าการรักษาหลักๆก็มีทั้ง 2 วิธีนะ
00:33:29 → 00:33:32 ครับวิธีแรกก็คือการอ่าปรับนะครับใน
00:33:32 → 00:33:35 เรื่องของเทคนิคต่างๆเพื่อให้เกิดความ
00:33:35 → 00:33:38 ผ่อนคลายมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการหาย
00:33:38 → 00:33:41 ใจนะครับหรือการ Meditation การทำสมาธิ
00:33:41 → 00:33:43 ต่างๆนะครับหรือว่าเทคนิคในการที่ช่วยให้
00:33:43 → 00:33:46 เรารู้สึกผ่อนคลายในแต่ละคนฟังเพลงบ้าง
00:33:46 → 00:33:48 ก่อนที่จะเจอสถานการณ์ที่ทำให้เราเกิด
00:33:48 → 00:33:52 ภาวะอ่ากังวลหรือว่าตื่นตระหนกนะครับแต่
00:33:52 → 00:33:55 ว่าอาการรุนแรงมากจริงๆนะครับยาในการที่
00:33:55 → 00:33:59 จะช่วยปรับเคมีต่างๆก็คงเป็นบทบาทสำคัญ
00:33:59 → 00:34:01 อย่างนึงที่ช่วยทำให้อาการแพนิคเนี่ย
00:34:01 → 00:34:04 สามารถลดลงทั้งในแง่ของความรุนแรงแล้วก็
00:34:05 → 00:34:07 ความถี่ในการเกิดอาการนะครับก็จะช่วยให้
00:34:07 → 00:34:10 เราสามารถกลับไปใช้ชีวิตนะครับในเอ่อ
00:34:10 → 00:34:12 กิจวัตรประจำวันต่างๆหรือกิจกรรมที่เรา
00:34:13 → 00:34:15 ชอบเนี่ยได้อย่างปกติไม่ต้องมาคอยกังวล
00:34:15 → 00:34:17 หรือว่าตื่นตระหนกอยู่ตลอดเวลานะครับคราว
00:34:17 → 00:34:20 นี้มันมีคนหลายคนเข้าใจว่าเฮ้ยโรคแพนิค
00:34:20 → 00:34:23 กับวิตกกังวลมันคล้ายกันมากหรือมันต่าง
00:34:23 → 00:34:26 กันยังไงอ่ะครับ 2 โรกนี้อ้าจริงๆก็จริงๆ
00:34:26 → 00:34:29 เอ่อเป็นโรคโในกลุ่มคล้ายคลึงกันและกันนะ
00:34:30 → 00:34:32 ครับแพนิคเนี่ยจะมุ่งเน้นไปที่อาการทาง
00:34:32 → 00:34:35 กายนะครับทำให้เราเกิดความวิตกกังวลและ
00:34:35 → 00:34:37 ความกลัวเกิดขึ้นอ่าใช่มั้ครับแต่ในโรค
00:34:37 → 00:34:40 วิตกกังวลเนี่ยหลักๆเลยเนี่ยคนไข้จะมี
00:34:40 → 00:34:44 ความกังวลนะครับกับเรื่องราวต่างๆที่อยู่
00:34:44 → 00:34:46 รอบตัวจะไม่ได้แค่จำเพาะเจาะจงไปที่อาการ
00:34:47 → 00:34:49 ทางกายผมยกตัวอย่างเช่นกังวลว่าอุ้ยวัน
00:34:49 → 00:34:53 นี้จะไปทำงานทันมยเดี๋ยวทำงานจะเกิดข้อ
00:34:53 → 00:34:55 ผิดพลาดอะไรหรือเปล่าหรือว่ากังวลว่าเอ้ย
00:34:55 → 00:34:58 วันนี้เรายังเอ่อเอ่อไม่สามารถที่จะ
00:34:58 → 00:35:00 productive ได้เลยเนาะนะครับหรือมี
00:35:00 → 00:35:03 เรื่องกังวลต่างๆเรื่องๆที่มันกระจายทั่ว
00:35:03 → 00:35:06 ๆไปนะครับเนาะนะและแน่นอนบางครั้งก็มี
00:35:06 → 00:35:09 อาการนอนไม่หลับเนาะนะครับนอนไม่หลับหรือ
00:35:09 → 00:35:11 ว่ามีความตึงเครียดมีความเปลี่ยนแปลงทาง
00:35:11 → 00:35:14 ร่างกายต่างๆอาการปวดอาการปวดศีรษะเวียน
00:35:14 → 00:35:17 ศีรษะต่างๆร่วมขึ้นตามมาด้วยแต่ว่าอาการ
00:35:17 → 00:35:19 ทางกายเนี่ยอาจจะไม่ได้รุนแรงเท่าโรค
00:35:19 → 00:35:22 แพนิคใช่ครับผมแล้วทีวนี้มีคำแนะนำั้ครับ
00:35:22 → 00:35:24 ถ้าเราแบบเจอคนรอบตัวของเราหรือผู้ฟัง
00:35:24 → 00:35:27 เนี่ยว่าคนในครอบครัวมีอาการแพนิคขึ้นเรา
00:35:27 → 00:35:31 มีวิธีการผ่อนคลายเยังไงก่อนที่จะไปหาหมอ
00:35:31 → 00:35:34 อ้าได้เลยครับอันที่ 1 เนาะนะครับเอ่อใน
00:35:34 → 00:35:37 ในแง่ของการที่จะคนรอบตัวจะซัพพอร์ตคนไข้
00:35:37 → 00:35:39 ที่อาจจะมีอาการคล้ายคลืแพนิคอ่ะอันดับ
00:35:39 → 00:35:43 แรกเนี่ยเราคงอ่อใช้การที่เราพูดคุยนะ
00:35:43 → 00:35:47 ครับพูดคุยให้ให้ให้เขารู้สึกว่าเปลอดภัย
00:35:47 → 00:35:49 เนาะนะครับแน่นอนเพราะว่าหัวใจสำคัญของ
00:35:49 → 00:35:51 แพนิคคือฉันจะตายมยนะครับก็คือรู้สึกว่า
00:35:51 → 00:35:54 อ่ะเราอยู่ข้างๆนะอ่าแล้วก็เดี๋ยวจะไปโรง
00:35:54 → 00:35:57 พยาบาลกันนะครับหรือว่าพูดคุยให้เขาครู้
00:35:57 → 00:36:00 สึกว่าปปลอดภัยอ่ะมานั่งพักก่อนมยดื่มน้ำ
00:36:00 → 00:36:02 ก่อนหรือว่าอะไรต่างๆเพื่อช่วยให้เขาอ่า
00:36:02 → 00:36:05 รู้สึกสงบขึ้นและรู้สึกปลอดภัยขึ้นอันนี้
00:36:05 → 00:36:08 ก็เป็นวิธีนึงที่อ่าคนรอบข้างสามารถช่วย
00:36:08 → 00:36:12 เหลือนะครับคนคนที่มีอาการแพนิคได้นะครับ
00:36:12 → 00:36:15 อันนี้ต้องบอกว่าเคยเจอกับตัวเองมาก่อนนะ
00:36:15 → 00:36:17 ครับเนาะคือคือผมมันไม่ใช่หมอจิตแพทย์
00:36:17 → 00:36:19 เนาะเพราะฉะนั้นการพูดคุยอาจจะไม่ได้เก่ง
00:36:19 → 00:36:22 ซักขนาดนั้นแต่ตอนนั้นน่ะบินไปต่างประเทศ
00:36:22 → 00:36:25 แล้วคราวนี้เนี่ยเครืองเครื่องเครื่องบิน
00:36:25 → 00:36:28 น่ะมันขึ้นเรียบร้อยแล้วแต่พาผ่านไปแค่ 30
00:36:28 → 00:36:30 นาทีเท่านั้นเองอยู่ดีๆมันมีเสียงผู้หญิง
00:36:30 → 00:36:33 กรีดร้องในเครื่องบินเลยใช่แล้วผมอ่ะนั่ง
00:36:33 → 00:36:35 อยู่ด้านหน้าพออยู่ดีๆมันมีคนเสียงกี่
00:36:35 → 00:36:37 ร้อนก็มีคนเข้าไปรุมเอ๊ะเกิดอะไรขึ้น
00:36:37 → 00:36:41 ปรากฏเขามีภาวะเหมือนแพนิคเลยก็คือแบบน้ำ
00:36:41 → 00:36:45 ลายไหลน้ำโมกไหลแล้วก็ตีดร้องคือผู้หญิง
00:36:45 → 00:36:47 คนเนี้ยตอนที่ซักประวัติอ่ะครับเขาบอกว่า
00:36:47 → 00:36:50 เขาเคยกลัวเรื่องของการนั่งเครื่องบินมา
00:36:50 → 00:36:52 ก่อนแต่เขาไม่ได้นั่งเครื่องบินมา 8 ปี
00:36:52 → 00:36:56 แล้วเนึกว่าเขาหายแล้วคราวนี้กลับมาแล้ว
00:36:56 → 00:36:58 ไม่ได้เอายามาด้วยเพราะคิดว่าว่าตัวเอง
00:36:58 → 00:37:01 หายก็เลยเกิดอาการบนเครื่องบินคราวนี้ตอน
00:37:01 → 00:37:04 นั้นไปต่างประเทศครับไม่มีผู้หญิงเป็นคน
00:37:04 → 00:37:07 จีนพูดได้ภาษาอังกฤษภาษาจีนและภาษา
00:37:07 → 00:37:10 ฝรั่งเศส 3 ภาษาคราวนี้คนอื่นในเครื่อง
00:37:10 → 00:37:14 บินไม่มีใครพูดได้เข้าไปคุยกับคนไข้คราว
00:37:14 → 00:37:18 นี้คนไข้ตอนนั้นน่ะตอนที่เขาเป็นแพนิคเา
00:37:18 → 00:37:20 อาจจะเคควบคุมตัวเองไม่ได้พูดอย่างงนี้ดี
00:37:20 → 00:37:24 กว่าอเขพูด 3 ภาษาเลยอ๋อรัวเลยผมฟังได้
00:37:24 → 00:37:27 แค่ 2 ภาษาออ่ะก็แปลอ่าแล้วก็นั่งคามเขด
00:37:27 → 00:37:29 เอ่อยูปลอดภัยเพราะตัวเขาบอกเองว่าเขารู้
00:37:29 → 00:37:33 สึกเหมือนจมน้ำตายเขาบอกว่าเอาผ้ามาเช็ด
00:37:33 → 00:37:36 น้ำมูกเขาหน่อยตลอดเวลา 5 มีน้ำมูกหลาย
00:37:36 → 00:37:38 เด็ดขาดเพราะเขารู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก
00:37:38 → 00:37:41 ครับและอันที่ 2 ก็คือต้องนวดขาเขาด้วย
00:37:41 → 00:37:45 มือนึงเช็ดจมูกมือนึงนวดขาเพราะเขาบอกว่า
00:37:45 → 00:37:48 ถ้าไม่จับขาเขาเขาเหมือนร่องรอยในอากาศอ
00:37:48 → 00:37:52 ก็เลยต้องเช็ดและนวด 4 ชมครับ
00:37:52 → 00:37:56 โอ 4 ชมนั่งอยู่บนเครื่องบินพอลงที่ตอน
00:37:56 → 00:37:58 นั้นบินไปฟินแลนด์นะครับครับไปลงที่ฟินน์
00:37:58 → 00:38:02 เสร็จปุ๊บมีผู้ช่วยเอ่อพวกหน่วยต่างๆมา
00:38:02 → 00:38:05 และผมก็เลยบอกว่าผมไม่ไหวแล้วมือเมื่อย
00:38:05 → 00:38:08 มากช่วยทาไป้วยครับไม่ไหวแล้วช่วยมาดูแลเ
00:38:08 → 00:38:11 ต่อช่วยดแลต่อครับผมซึ่งจริงๆจริงๆสิ่ง
00:38:11 → 00:38:13 ที่น้องจิมมี่เป็นประสบการณ์ที่เค้าเรียก
00:38:13 → 00:38:17 ที่ที่จะบอกว่าเรารับมือได้ดีมากๆนะครับ
00:38:17 → 00:38:19 แน่นอนนอกเหนือจากคำพูดเพราะเวลาที่เรา
00:38:19 → 00:38:21 ตื่นตระหนกเป็นแพนิคเบางทีเนี่ยสิ่งที่
00:38:21 → 00:38:23 เราพูดไปเนี่ยเาเด้วยอารมณ์ความรู้สึกเ
00:38:24 → 00:38:28 อาจจะรับไม่ได้แต่การที่เราใช้เ่อการอ่า
00:38:28 → 00:38:30 ให้เขารู้สึกทาง Body Sensation หรือการ
00:38:30 → 00:38:32 สัมผัสทางร่างกายนะครับให้เขารู้สึกผ่อน
00:38:32 → 00:38:35 คลายขึ้นหรือให้เขารู้สึกปลอดภัยขึ้นคือ
00:38:35 → 00:38:38 หัวใจสำคัญเนาะนะครับที่จะช่วยให้เรา
00:38:38 → 00:38:40 เนี่ยสามารถดูแลคนไข้หรือว่าถ้าเราเจอ
00:38:40 → 00:38:42 ข้างนอกนะครับเรารู้สึก้ยคนนี้เนี่มี
00:38:42 → 00:38:44 อาการที่มันเป็นแพนิคเนี่ยก็สามารถทำวิธี
00:38:44 → 00:38:46 อย่างที่น้องจี่ได้อธิบายเนี่ยเป็นวิธี
00:38:46 → 00:38:49 ที่รับมือที่ที่ดีมากๆเลยคราวนี้อยากถาม
00:38:49 → 00:38:51 พี่ดิวนะครับมันมีคำถามมากมายเกี่ยวกับ
00:38:51 → 00:38:54 โรคทางด้านจิตเวชอันแรกเลยสมองของผู้ป่วย
00:38:54 → 00:38:57 เป็นโรคซึมเศร้าคิดอะไรรู้สึกอะไรและแล
00:38:57 → 00:38:59 เศร้าตลอดเวลาหรือเปล่าครับก็จริงๆแล้ว
00:38:59 → 00:39:02 เนี่ยเวลาที่เอ่อคนไข้หรือว่าผู้ป่วย
00:39:02 → 00:39:04 เนี่ยมีภาวะซึมเศร้านะครับอย่างที่บอกไป
00:39:04 → 00:39:08 ว่าจริงๆเนี่ยในในระบบความคิดแล้วะกันนะ
00:39:08 → 00:39:10 ครับจริงๆความคิดต่างๆเนี่ยก็จะเป็นความ
00:39:10 → 00:39:13 คิดที่เ่อเหมือนกับคนปกติทั่วๆไปเลยนะ
00:39:14 → 00:39:16 ครับแต่ว่าถ้าจะอีบให้เห็นภาพความคิด
00:39:16 → 00:39:19 เหล่านั้นเนี่ยมันจะถูกดึงเนาะนะครับถูก
00:39:19 → 00:39:22 ดึงเหมือนมีแรงด้านลบบางอย่างที่ดึงให้
00:39:22 → 00:39:24 ทิศทางของความคิดเนี่ยครับมันไปในแง่ลบ
00:39:24 → 00:39:27 อยู่เสมอเช่นไม่ว่าจะเป็นคิดในเรื่องของ
00:39:27 → 00:39:30 ของเอ่อเ่อกรณีที่แย่ที่สุดที่อาจจะเกิด
00:39:30 → 00:39:33 ขึ้นความคิดที่บางครั้งเนี่ยก็ทำให้เรา
00:39:33 → 00:39:37 สูญเสียคุณค่าสูญเสียความมั่นใจนะครับ
00:39:37 → 00:39:39 ความคิดที่รู้สึกว่าอ่าเขาอาจจะไม่เป็น
00:39:39 → 00:39:41 ที่ต้องการอ่าความคิดที่รู้สึกว่าตัวเอง
00:39:41 → 00:39:44 เนี่ยอ่าไม่ดีพอต่างๆความคิดเหล่านี้
00:39:44 → 00:39:47 เนี่ยจะวนเวียนเข้ามาเป็นคำถามเนี่ยที่
00:39:47 → 00:39:50 อยู่ในหัวของเ่อเคสที่เป็นโรคซึมเศร้า
00:39:50 → 00:39:53 อันเนี้ยอยู่ตลอดเวลาซึ่งในขณะเดียวกัน
00:39:53 → 00:39:56 ความคิดเองก็จะไปกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึก
00:39:56 → 00:39:59 นะครับที่เมื่อไหร่ก็ตามที่ความคิดเกิด
00:39:59 → 00:40:01 ขึ้นจิตใจเนี่ยก็จะปลดปล่อยความรู้สึกบาง
00:40:01 → 00:40:04 อย่างนะครับที่อาจทำให้เรารู้สึกแย่รู้
00:40:04 → 00:40:08 สึกเศร้าเสียใจโกรธเคืองเนาะหรือว่าความ
00:40:08 → 00:40:11 มวลความรู้สึกแย่ต่างๆเนี่ยมันก็จะสอด
00:40:11 → 00:40:14 คล้องนะครับไปกันกับตัวความคิดแต่ว่าใน
00:40:14 → 00:40:17 บางครั้งนะครับเวลาที่เราอยู่ร่วมกับคน
00:40:17 → 00:40:20 อื่นเนาะนะครับเราก็ยังพอสามารถที่จะดึง
00:40:20 → 00:40:23 ตัวเองมาได้เนาะนะครับเราจะเห็นในบางเคส
00:40:23 → 00:40:26 ที่โอ้ทำไมเวลาที่อยู่กับเพื่อนเวลาที่
00:40:26 → 00:40:28 อยู่กับคนต่างๆเนี่ยทำไมเ้าดูไม่ได้มี
00:40:28 → 00:40:31 ความเศร้าหรือว่าไม่ได้มีอะไรอ่าความคิด
00:40:31 → 00:40:33 ด้านลบต่างๆแสดงออกมาเลยเนาะนะครับเพราะ
00:40:33 → 00:40:36 ว่าเค้าสามารถที่จะจดเจาะหรือว่าโฟกัส
00:40:36 → 00:40:39 ต่างๆกับคนรอบตัวได้แต่ช่วงเวลาที่สำคัญ
00:40:39 → 00:40:42 ที่สุดที่คนมักจะมีความเศร้าเกิดขึ้น
00:40:42 → 00:40:45 เนี่ยพีคมากที่สุดก็คือจะเป็นช่วงเวลาที่
00:40:45 → 00:40:48 เขาต้องอยู่คนเดียวใช่ครับเช่นเวลาที่เขา
00:40:48 → 00:40:51 เอ่อทุกคนกลับไปหมดแล้วเวลาที่เขาเปิด
00:40:51 → 00:40:54 ประตูห้องนะครับเข้ามานั่งในห้องทุกอย่าง
00:40:54 → 00:40:57 เงียบสนิทเอยู่กับตัวเองความคิดและความ
00:40:57 → 00:40:59 รู้สึกเศร้าต่างๆมันก็จะถาโถมเข้ามาเพราะ
00:41:00 → 00:41:03 ฉะนั้นเนี่ยเ่อในบางเคสอาจจะไม่ได้เศร้า
00:41:03 → 00:41:05 อยู่เกือบตลอดเวลานะครับแต่ความพี้ของ
00:41:05 → 00:41:08 ความเศร้ามักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เขา
00:41:08 → 00:41:10 ต้องอยู่กับตัวเองครับผมคำถามที่ 2 พี่
00:41:10 → 00:41:12 ดิวทำไมเด็กถึงมีความเสี่ยงเป็นโรคทาง
00:41:12 → 00:41:14 ด้านจิตเวทพอๆกับผู้ใหญ่เลยทั้งๆที่ไม่มี
00:41:14 → 00:41:16 ความเครียดเรื่องการงานหรือทางด้าน
00:41:16 → 00:41:18 เศรษฐกิจอ่ะครับอันนี้เป็นคำถามที่น่าสน
00:41:18 → 00:41:20 ใจครับเอ่ออันแรกอันดับแรกเนี่ยคงต้องบอก
00:41:20 → 00:41:23 ก่อนว่าจริงๆแล้วเนี่ยอ่าโรคของทางด้าน
00:41:23 → 00:41:26 จิตใจเนี่ยมันจะมีอ่าพารทที่เป็นของเ่อ
00:41:26 → 00:41:28 โรคที่พบเฉพาะเพาะในเด็กและวัยรุ่นอย่าง
00:41:28 → 00:41:31 เดียวเนาะนะครับด้วยเช่นผมยกตัวอย่างก่อน
00:41:31 → 00:41:34 เช่นโรคสมาธิสั้นนะครับหรือว่าเรื่องของ
00:41:34 → 00:41:37 อ่าภาวะการเรียนรู้พัฒนาการต่างๆซึ่งอัน
00:41:37 → 00:41:39 นี้ก็จะมีความจำเพาะกับช่วงวัยนะครับแต่
00:41:39 → 00:41:41 ว่าถ้าช่วยตอบคำถามอ่ากับน้องของน้อง
00:41:41 → 00:41:43 จิมมี่เนี่ยว่าเพราะอะไรเด็กๆเองถึงมี
00:41:44 → 00:41:45 ความเสี่ยงโรคจิตเวทได้เหมือนกันเพราะว่า
00:41:45 → 00:41:49 อย่างที่ได้พูดไปนะครับว่าแต่ละคนแต่ละ
00:41:49 → 00:41:53 ช่วงวัยก็จะมีใครสิทธิ์ในชีวิตอ่าที่มัน
00:41:53 → 00:41:56 สามารถเ่อเกิดขึ้นได้อยู่เกือบตลอดนะครับ
00:41:56 → 00:41:59 ถ้าเป็นเด็กๆเองเนี่ยเอ่อสถานการณ์นะครับ
00:41:59 → 00:42:02 อาจจะแตกต่างจากผู้ใหญ่แต่ว่าสิ่งที่เขา
00:42:02 → 00:42:05 ต้องเผชิญนะครับคือความเครียดเหมือนกันน
00:42:05 → 00:42:08 นะแน่นอนกลไกต่างๆภายในร่างกายไม่ว่าจะ
00:42:08 → 00:42:10 เป็นเด็กหรือผู้ใหญ่มันก็จะมีความใกล้
00:42:10 → 00:42:12 เคียงกันเพราะฉะนั้นเนี่ยเมื่อเขาคเจออ่อ
00:42:12 → 00:42:15 ปัญหาหรือว่าเจอใครสิทธิ์บางอย่างในช่วง
00:42:15 → 00:42:18 วัยของเา้าไม่ว่าจะเป็นการเตรียมสอบอ่า
00:42:18 → 00:42:21 เรื่องของอ่าการเข้าเรียนการปรับตัวนะ
00:42:21 → 00:42:23 ครับปัญหาเรื่องเพื่อนต่างๆก็ทำให้ร่าง
00:42:23 → 00:42:26 กายและสมองเค้าเนี่ยตอบสนองกับความเครียด
00:42:26 → 00:42:28 ได้นะครับเพราะเพราะฉะนั้นเนี่ยเอ่อไม่
00:42:28 → 00:42:30 ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่เองเนี่ยก็เลยจะ
00:42:30 → 00:42:33 สามารถนะครับที่จะเกิดโรคต่างๆที่เป็นโรค
00:42:33 → 00:42:37 ทางด้านของจิตใจความเครียดนะครับได้พอๆ
00:42:37 → 00:42:40 กันนะครับแต่ว่าจะแตกต่างกันไปในบริบท
00:42:40 → 00:42:43 สถานการณ์สิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวเขาใช่
00:42:43 → 00:42:46 ครับอโอเคเข้าใจแล้วแล้วอีกคำถามที่ 3
00:42:46 → 00:42:49 ครับห้ามพูดคำว่าสู้ๆกับผู้ป่วยเพราะจะทำ
00:42:49 → 00:42:52 ให้เขาป่วยมากยิ่งขึ้นอันนี้จริงหรือ
00:42:52 → 00:42:55 เปล่าครับโอเคจริงๆต้องบอกว่าการการพูด
00:42:55 → 00:42:58 อ่าว่าสู้ๆนะครับเนาะคือการให้กำลังใจใน
00:42:58 → 00:43:02 รูปแบบนึเนาะนะครับซึ่งการให้กำลังใจเป็น
00:43:02 → 00:43:06 สิ่งที่แน่นอนเป็นสิ่งที่เราสามารถที่จะ
00:43:06 → 00:43:09 ใช้นะครับเป็นการที่เราเชียร์ up ให้กับ
00:43:09 → 00:43:11 ใครก็ได้ทุกๆคนอาจจะไม่ได้จำเพาะกับคนที่
00:43:11 → 00:43:14 เป็นโรคซึมเศร้านะครับแต่ว่าสิ่งสำคัญเลย
00:43:14 → 00:43:17 เนี่ยอ่ามันอยู่ที่อาจจะอยู่ที่ 2 ส่วนนะ
00:43:17 → 00:43:20 ครับก็คือจังหวะในการที่เราเลือกใช้คำพูด
00:43:20 → 00:43:24 นะครับเนาะกับอันที่ 2 การที่เราเ่อภาษา
00:43:24 → 00:43:26 กายของเรานะครับว่าเราแสดงออกอย่างไรนะ
00:43:26 → 00:43:29 ครับงั้นการให้กำลังใจไม่ว่ามันจะเป็นอ่า
00:43:29 → 00:43:32 คำว่าสู้ๆก็ตามหรือเป็นคำอื่นต่างๆถ้ามัน
00:43:32 → 00:43:36 เกิดขึ้นหลังจากที่เราได้รับฟังรับฟัง
00:43:36 → 00:43:40 อย่างตั้งใจนะครับแล้วก็มีทั้งเ่อภาษากาย
00:43:40 → 00:43:43 นะครับไม่ว่าจะเป็นการเอ่อปลอบโยนนะครับ
00:43:43 → 00:43:47 การสัมผัสเนาะนะครับแววตาสีหน้าต่างๆที่
00:43:47 → 00:43:51 ทำให้คนที่ฟังเนี่ยเขารู้สึกว่าเราเข้าใจ
00:43:51 → 00:43:53 เขาจริงๆเนาะนะครับไม่ว่ามันจะเป็นคำไหน
00:43:53 → 00:43:57 เนาะนะครับมันก็สามารถที่จะเป็นคำที่อ่า
00:43:57 → 00:44:01 เป็นกำลังใจนะครับและทำให้เขารู้สึกว่าคน
00:44:01 → 00:44:04 ที่พูดเนาะนะครับรู้สึกจริงใจกับเขาแน่
00:44:04 → 00:44:07 นอนเนาะนะครับเพราะฉะนั้นเนี่ยจะสู้ๆหรือ
00:44:07 → 00:44:09 ว่าจะเป็นคำไหนต่างๆก็แล้วแต่เนาะนะครับ
00:44:09 → 00:44:13 การให้กำลังใจอย่างตั้งใจและจริงใจนะครับ
00:44:13 → 00:44:16 สามารถทำได้เมื่อโอเเวลาที่เราเจอกับคน
00:44:16 → 00:44:18 ไข้ที่มีความเครียดหรือมีภาวะซึมเศร้านะ
00:44:18 → 00:44:20 ครับผมคราวนี้หลายคนมีพร้อมทุกอย่างทั้ง
00:44:20 → 00:44:23 หน้าตาการเงินชื่อเสียงแต่ก็ยังเป็นโรค
00:44:23 → 00:44:26 ซึมเศร้าอันนี้เป็นเพราะอะไรอ่ะครับอ่า
00:44:26 → 00:44:29 จริงๆเอ่อกับการกับคำตอบของปัญหานี้เนาะ
00:44:29 → 00:44:31 นะครับจะค่อนข้างมีความซับซ้อนนะครับแต่
00:44:31 → 00:44:34 ว่าจะอ่าพยายามอธิบายให้เราเห็นภาพนะครับ
00:44:34 → 00:44:36 จริงๆแล้วเนี่ยสิ่งต่างๆไม่ว่าจะเป็น
00:44:36 → 00:44:38 เรื่องของหน้าตาอ่าเรื่องของความสำเร็จ
00:44:38 → 00:44:41 ชื่อเสียงนะครับเรื่องของเงินทองต่างๆนะ
00:44:41 → 00:44:45 ครับมันเป็นเอ่อเค้าเรียดีมันเป็นแค่ส่วน
00:44:45 → 00:44:48 นึงของความสุขนะครับแต่ยังมีอีกหลายๆส่วน
00:44:48 → 00:44:51 ที่แน่นอนเวลาที่เเราใช้ชีวิตหรือดำเนิน
00:44:51 → 00:44:55 ชีวิตไปอ่อความสุขที่เราตามหามันอาจจะมา
00:44:55 → 00:44:59 จากอ่าทั้งความความรักนะครับความสัมพันธ์
00:44:59 → 00:45:01 ต่างๆหรือแม้กระทั่งความรู้สึกว่าอ่าการ
00:45:01 → 00:45:04 มีความหมายเนาะนะครับทีนี้เนี่ยบางครั้ง
00:45:04 → 00:45:08 เรามีพร้อมในด้านนึงนะครับแต่อีกด้านนึง
00:45:08 → 00:45:11 มันก็อดไม่ได้ที่โอเคล่ะไม่ว่ากันเอ่อ
00:45:11 → 00:45:15 ความผิดหวังในเรื่องราวต่างๆหรือการที่
00:45:15 → 00:45:18 ยิ่งอยู่ในจุดที่สูงนะครับแน่นอนยิ่งสูง
00:45:18 → 00:45:21 ยิ่งหนาวนะครับความคาดหวังต่างๆเพชเชอร์
00:45:21 → 00:45:25 ต่างๆภาระหน้าที่ต่างๆมันก็มาพร้อมกับ
00:45:25 → 00:45:28 สิ่งที่เขาแน่นอนความสำเร็จเงินทองต่างๆ
00:45:28 → 00:45:31 ที่มากมันก็จำเป็นต้องรักษาไว้ต้องมีความ
00:45:31 → 00:45:34 กดดันความรับผิดชอบลูกน้องนะครับหรือแม้
00:45:34 → 00:45:36 กระทั่งความไม่สมหวังต่างๆในชีวิตเนี่ย
00:45:36 → 00:45:38 มันมีเข้ามาได้ตลอดเวลานะครับเพราะฉะนั้น
00:45:38 → 00:45:43 เนี่ยในแต่ละคนนะครับก็จะมีเบอกว่าโรคซึม
00:45:43 → 00:45:46 เศร้าเกณฑ์การวินิจฉัยอาจจะมีเหมือนกันนะ
00:45:46 → 00:45:49 ครับเนาะแต่ว่าที่ไปที่มาหรือสาเหตุของ
00:45:49 → 00:45:53 โรคซึมเศร้าจะมีความจำเพาะเนาะนะครับกับ
00:45:53 → 00:45:57 ชีวิตของแต่ละคนที่เขาได้พบเจอมานะครับ
00:45:57 → 00:46:00 เพราะฉะนั้นเนี่ยไม่ว่าอ่าคุณอาจจะมีบาง
00:46:00 → 00:46:03 เรื่องบางอย่างที่มันเพียบพร้อมแต่แน่นอน
00:46:03 → 00:46:06 หลายๆครั้งเนาะนะครับเรามักจะมีบางด้าน
00:46:06 → 00:46:09 ที่เป็นด้านที่อาจจะเป็นด้านที่เราอ่าตาม
00:46:09 → 00:46:11 หาหรือเป็นด้านที่มันเกิดปัญหาขึ้นใน
00:46:11 → 00:46:13 ชีวิตเพราะฉะนั้นเนี่ยทุกๆคนก็สามารถที่
00:46:13 → 00:46:16 จะมีโอกาสที่จะเกิดภาวะความเครียดหรือว่า
00:46:16 → 00:46:20 อ่าภาวะซึมเศร้าขึ้นได้เท่าๆกันครับผมอ่า
00:46:20 → 00:46:22 อันนี้คำถามสุดท้ายแล้วครับครับคนที่อก
00:46:22 → 00:46:26 หักอยากฆ่าตัวตายเป็นซึมเศร้ามยครับอ่า
00:46:26 → 00:46:28 อันอันนี้น่าสนใจแล้วผมก็เชื่อว่าใครหลาย
00:46:28 → 00:46:32 คนน่าจะเคยเจอสถานการณ์แบบนี้นะครับจริงๆ
00:46:32 → 00:46:35 เวลาที่เราอกหักเราต้องอธิบายก่อนว่าการ
00:46:35 → 00:46:39 อกหักคือการที่เราสูญเสียความรักไปนะครับ
00:46:39 → 00:46:41 เนาะเพราะฉะนั้นเนี่ยการอกหักมันเลยมี
00:46:41 → 00:46:41 ความ
00:46:41 → 00:46:45 อ่อเป็นเป็นใช่มีความเจ็บช้ำมีความเจ็บ
00:46:45 → 00:46:49 ปวดบางครั้งถ้าในคนที่ให้ความสำคัญกับ
00:46:49 → 00:46:51 เรื่องของความรักหรือความรักเองเนี่ยมัน
00:46:51 → 00:46:54 เป็นเหมือนโกบางอย่างมันเป็นเหมือนโอจุด
00:46:54 → 00:46:57 ยึดเหนี่ยวทางความรู้สึกของเขาเมื่อเขา
00:46:57 → 00:47:00 หักนั่นเท่ากับเขาสูญเสียเนาะนะครับสิ่ง
00:47:00 → 00:47:02 สำคัญในชีวิตของเขาไปแน่นอนพอมันเป็นการ
00:47:02 → 00:47:05 สูญเสียสิ่งสำคัญในชีวิตของเขาไปความคิด
00:47:05 → 00:47:09 ต่างๆเนี่ยมันก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงบาง
00:47:09 → 00:47:12 อย่างเกิดขึ้นทำให้บางครั้งมันมีการรู้
00:47:12 → 00:47:16 สึกที่เราเ่อชีวิตรักจบลงงั้นชีวิตเราจบ
00:47:16 → 00:47:18 ตามไปด้วยดีกว่ามเนาะนะครับเพราะฉะนั้น
00:47:19 → 00:47:21 เนี่ยในบางครั้งมันอาจจะเกิดจากแค่เป็น
00:47:21 → 00:47:24 acute stress เป็นความเครียดเฉยๆที่
00:47:24 → 00:47:26 เกิดขึ้นฉับพันทันทีเพราะว่าแน่นอนจู่ๆ
00:47:26 → 00:47:28 โดนบอกเลิกขึ้นมาก็จะเป็นลักษณะของความ
00:47:28 → 00:47:30 ที่มันเกิดเฉียบพันธทันทีเราไม่ทันได้
00:47:30 → 00:47:33 ตั้งตัวนะครับอ่ะเป็นในลักษณะแบบนั้นก็
00:47:33 → 00:47:36 ได้หรือว่าในบางครั้งนะครับเ่อการสูญเสีย
00:47:36 → 00:47:40 คนที่เรารักไปหรือว่าการอกหักมันเกิดขึ้น
00:47:40 → 00:47:43 ต่อเนื่องยาวนานและมันส่งผลกระทบเนาะนะ
00:47:43 → 00:47:45 ครับต่อการใช้ชีวิตต่อการจัดการอารมณ์
00:47:45 → 00:47:49 ต่างๆอ่าแล้วก็เกิดทำให้คนไข้เนี่ยมีมี
00:47:49 → 00:47:51 เรื่องของอาการซึมเศร้าเกิดขึ้นมาแล้วก็
00:47:51 → 00:47:54 มีความคิดเนาะที่ไม่อยากอยู่หรือว่าอยาก
00:47:54 → 00:47:56 ฆ่าตัวตายจุดนึงที่เป็นข้อสังเกตได้เนี่ย
00:47:56 → 00:48:00 เนี่ยเอ่อเมื่อไหร่ก็ตามที่ความคิดที่อ่า
00:48:00 → 00:48:03 ไม่อยากอยู่หรือว่าอยากฆ่าตัวตายเนี่ยมัน
00:48:03 → 00:48:06 มีการวางแผนมันมีแพลนมันมีภาพที่จะลงมือ
00:48:06 → 00:48:09 ทำที่ชัดเจนอ่ะอันเนี้ยครับอาจจะเป็นจุด
00:48:09 → 00:48:12 นึงเป็นจุดสำคัญนะครับที่เป็นตัวสังเกต
00:48:12 → 00:48:15 และเป็นตัวบอกได้ว่าคนไข้มีความเสี่ยงสูง
00:48:15 → 00:48:19 มากๆกับการอกหักเนี้ยที่จะนำไปสู่โรคซึม
00:48:19 → 00:48:21 เศร้านะครับผมอาละ้ามมีคำแนะนำอย่างเช่น
00:48:21 → 00:48:23 วัยรุ่นอกหักเนี่ยแล้วอยากคิดค่าตัวตาย
00:48:23 → 00:48:25 ปลอบเค้ายังไงดีครับจริงอยากจะบอกเคว่า
00:48:25 → 00:48:30 เอ่อสิ่งที่เา้าอ่าจะต้องตั้งหลักนะครับ
00:48:30 → 00:48:33 เค้าอาจจะมองว่าตัวความรักเนี่ยอาจจะเป็น
00:48:33 → 00:48:37 ไม่ได้มาจากแค่ใครคนใดคนนึงเนาะนะครับอ่า
00:48:37 → 00:48:41 หลายๆคนรอบๆตัวเมื่อเขาผิดหวังหรือว่าอก
00:48:41 → 00:48:43 หักจากใครสักคนเนาะนะครับเรายังมีคนที่
00:48:43 → 00:48:47 อ่ะอันดับแรกก่อนคนที่อยู่ข้างๆเรานะครับ
00:48:47 → 00:48:50 ที่เราสามารถที่จะซึมซับแล้วก็รับความรัก
00:48:50 → 00:48:53 ความห่วงใยมันอาจจะไม่สามารถแทนที่ความ
00:48:53 → 00:48:57 รักที่มาจากคนรักได้ 100% แต่แต่อย่าง
00:48:57 → 00:49:00 น้อยมันก็เป็นตัวช่วยนะครับที่ทำให้เรา
00:49:00 → 00:49:02 รู้สึกว่าเราไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวและไม่
00:49:02 → 00:49:04 ได้อยู่คนเดียวเานะครับอันนั้นคืออันที่ 1
00:49:04 → 00:49:07 อันที่ 2 อันนี้เป็นคำที่คนไข้เองเนี่ย
00:49:07 → 00:49:09 เ่อบอกกับพี่เนาะนะครับแล้วก็รู้สึกว่า
00:49:09 → 00:49:11 ประทับใจมากก็เลยอยากจะเอามาแชร์นะครับ
00:49:11 → 00:49:14 เอ่อเป็นเคสที่เขาเนี่ยครับมาด้วยปัญหาอก
00:49:14 → 00:49:17 หักและผิดหวังจากความรักแล้วเมื่อดูแลกัน
00:49:17 → 00:49:20 ไปสักระยะนึงคนวันนึงคนไข้เดินเข้ามาแล้ว
00:49:20 → 00:49:23 บอกว่าหมอคะวันเนี้ยหนูอยากจะขอบคุณหมอ
00:49:23 → 00:49:27 มากๆที่วันนั้นอ่าช่วยให้หนูสามารถผ่าน
00:49:27 → 00:49:30 อ่าช่วงเวลาที่มันเป็นการอกหักมาได้เพราะ
00:49:30 → 00:49:34 ว่าตอนเนี้ยหนูเจอคนที่ดีกว่าคนๆนั้นแล้ว
00:49:34 → 00:49:37 และชีวิตหนูเนี่ยมีความสุขขึ้นเยอะเลยบาง
00:49:37 → 00:49:39 ครั้งการที่เราผิดหวังจากใครสักคนมันก็
00:49:39 → 00:49:43 เป็นการที่ทำให้เราเนี่ยสามารถเจอคนที่
00:49:43 → 00:49:46 เข้ากับเราได้มากกว่าหมอหนูขอบคุณหมอมาก
00:49:46 → 00:49:48 จริงๆนะคะอ่าอันนี้ก็เป็นหนึ่งในความ
00:49:48 → 00:49:51 ประทับใจที่เรารู้สึกว่ามันทำให้มุมมองนะ
00:49:51 → 00:49:53 ครับในเรื่องของการผิดหวังจากความรัก
00:49:53 → 00:49:55 เนี่ยของเราเนี่ยมันก็เปลี่ยนไปแล้วมอง
00:49:56 → 00:49:58 เป็นในมุมที่ที่มันเป็น Positive มากขึ้น
00:49:58 → 00:50:01 ได้ใช่ครับผมขขอบคุณมากนะครับพี่อ้อยอ่า
00:50:01 → 00:50:02 ขอบคุณพี่สอดด้วยเช่นกันครับผมแลนี่ราย
00:50:02 → 00:50:06 การขับไฟเแล้วไม่ใช่หลังจากที่เราเข้าใจ
00:50:06 → 00:50:08 เรื่องของภาวะต่างๆไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่
00:50:08 → 00:50:11 เรื่องของความเครียดนะครับโรคซึมเศร้าโรค
00:50:11 → 00:50:14 แพนิคหรือภาวะหมดไฟคราวนี้เนี่ยเราจะรู้
00:50:14 → 00:50:16 ได้ไงว่าเราควรไปพบจิตแพทย์ตอนไหนอ่ะครับ
00:50:16 → 00:50:20 อ่าจริงๆเป็นคำถามที่อ่าจิตแพทย์เองก็
00:50:20 → 00:50:22 อยากสื่อสาไปให้ทุกคนเข้าใจนะครับว่าจริง
00:50:22 → 00:50:25 ๆแล้วการมาพบจิตแพทย์คงแยกเป็น 2 ส่วนนะ
00:50:25 → 00:50:30 ครับอ่าขอแค่อในระดับที่เป็นสสเป็นความ
00:50:30 → 00:50:32 เครียดบางอย่างหรือเรารู้สึกว่าเรา
00:50:32 → 00:50:35 ต้องการใครสักคนที่รับฟังนะครับต้องการ
00:50:35 → 00:50:38 ใครสักคนที่เข้าใจและเรารู้สึกว่าเราผ่าน
00:50:38 → 00:50:40 กับปัญหาต่างๆที่เราเผชิญเนี่ยได้ยากจริง
00:50:40 → 00:50:43 ๆเนี่ยในแง่ของการให้คำปรึกษาก็สามารถตัด
00:50:43 → 00:50:46 สินใจมาพบจิตแพทย์ได้นะครับหรือในขณะ
00:50:46 → 00:50:48 เดียวกันถ้าจากที่เราได้ฟังมาทั้งหมดเรา
00:50:48 → 00:50:52 เริ่มรู้สึกว่าเอ๊มันมีบางภาวะบางโรคบาง
00:50:52 → 00:50:55 อย่างที่เข้ากันกับเราจังเลยนะครับอยาก
00:50:55 → 00:50:57 ที่จะพบจิตจิตแพทย์เพื่ออย่างน้อยเนี่ย
00:50:58 → 00:51:00 ช่วยประเมินนะครับหรือเป็นช่วยยืนยันนะ
00:51:00 → 00:51:03 ครับว่าเรามีภาวะเหล่าเนี้ยเกิดขึ้นมไม่
00:51:03 → 00:51:06 ว่าจะเป็นภาวะซึมเศร้าเองก็ตามภาวะวิตก
00:51:06 → 00:51:08 กังวลหรือแม้กระทั่งภาวะที่เป็นอ่าโรค
00:51:08 → 00:51:11 แพนิคนะครับแล้วก็สามารถที่จะเข้ามานะ
00:51:11 → 00:51:14 ครับพบจิตแพทย์ได้นะครับเพื่อให้มันเกิด
00:51:14 → 00:51:17 การที่จะวางแผนการรักษาหรือว่าเราได้รับ
00:51:17 → 00:51:20 คำแนะนำต่างๆที่สามารถที่จะไปปรับใช้แล้ว
00:51:20 → 00:51:23 ก็ทำให้เราเองเนี่ยข้ามผ่านนะครับภาวะ
00:51:23 → 00:51:26 ต่างๆทางด้านจิตใจเนี่ยขึ้นมาได้นะครับผม
00:51:26 → 00:51:29 อืก็ถ้าสมมุติเอ่อใครที่คิดว่าตัวเองมี
00:51:29 → 00:51:32 เข้ามีความเสี่ยงะกันนะครับเนาะก็อยากจะ
00:51:32 → 00:51:35 ให้ไปเจอจิตแพทย์ที่อยู่ใกล้บ้านคุณมาก
00:51:35 → 00:51:37 ที่สุดนะครับเนาะคราวนี้สำหรับบางคนที่
00:51:37 → 00:51:39 อาจจะยังไม่ถึงระดับนั้นที่ต้องไปเจอ
00:51:39 → 00:51:42 จิตแพทย์แต่เราอาจจะมีความเครียดเล็กๆ
00:51:42 → 00:51:44 น้อยๆอยู่ที่บ้านแล้วะกันแล้วเรามันเรา
00:51:45 → 00:51:47 ยังจัดการกับมันเองได้เนี่ยที่จริงก็ถ้า
00:51:48 → 00:51:49 อยากจะกินอาหารเสริมที่ช่วยเรื่องของการ
00:51:49 → 00:51:52 ผ่อนคลายและความเครียดหมอก็จะแนะนำมี 3
00:51:52 → 00:51:55 ตัวด้วยกันตัวแรกเลยเนี่ยก็คือแมกนีเซียม
00:51:55 → 00:51:57 ซึ่งตัวแมกนีเซียมเนี่ยเป็นเป็นร่ธาตุที่
00:51:57 → 00:52:00 สำคัญมากในการช่วยทำให้คุณผ่อนคลายนอน
00:52:00 → 00:52:02 หลับฝันดีมากขึ้นผ่อนคลายทั้งกล้ามเนื้อ
00:52:02 → 00:52:06 ทั้งสมองและรวมไปถึงการออกกำลังกายด้วยนะ
00:52:06 → 00:52:07 ครับเนาะเพราะฉะนั้นเนี่ยแมกนีเซียมมี
00:52:07 → 00:52:10 เยอะมากมายแต่ตัวที่หมออยากแนะนำมากที่
00:52:10 → 00:52:13 สุดคือแมกนีเซียมไซตนะครับเนาะเพราะแนม
00:52:13 → 00:52:16 ไซตเนี่ยทำให้ตอนที่คุณนอนเนี่ยสารสื่อ
00:52:16 → 00:52:19 ประสาทผลิตออกมาได้ดีมากขึ้นและร่างกาย
00:52:19 → 00:52:22 ผ่อนคลายตัวที่ 2 เป็นสมุนไพระกันตัวที่ 2
00:52:23 → 00:52:26 เรียกว่าชว ganda หรือภาษาไทยเรียกว่าโม
00:52:26 → 00:52:29 อินอินเดียซึ่งโสมอินเดียนี่โสมอินเดีย
00:52:29 → 00:52:32 เนี่ยมีเขาเรียกว่ามันไปช่วยลดคอร์ติโซน
00:52:32 → 00:52:34 พูดมาแล้วคอร์ติที่มันสูงจากความเครียด
00:52:34 → 00:52:39 คิซมันสูงจากคเดตัวชวาไปควบคุมฮอร์โมนคิซ
00:52:39 → 00:52:42 ให้มันอยู่ในระดับที่เหมาะสมและจัดการกับ
00:52:42 → 00:52:45 ความเครียดแต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือด้วย
00:52:45 → 00:52:47 ความว่ามันเป็นสมุนไพรเพราะฉะนั้นมันอาจ
00:52:47 → 00:52:50 จะเกิดปฏิกิริยากับยาบางตัวได้โดยเฉพาะยา
00:52:50 → 00:52:52 ทางด้านจิตเวทเนาะเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:52:52 → 00:52:54 สมุนไพรต้องระมัดระวังนะครับเนาะและตัว
00:52:54 → 00:52:57 สุดท้ายเป็นกดอะมิโนเรียกว่าแีนนะครับ
00:52:57 → 00:53:01 เนาะแีนหลายคนก็เอามาใช้เพื่อทำให้เรา
00:53:01 → 00:53:03 ผ่อนคลายนอนหลับลึกได้ดีมากขึ้นนะครับ
00:53:03 → 00:53:06 เนาะเพราะตัวมันเนี่ยทำไปทำให้สารสื่อ
00:53:06 → 00:53:08 ประสาทที่เราพูดมา 3 ตัวเมื่อกี้นะครับ
00:53:08 → 00:53:11 เนาะมันทำงานได้ดีมากขึ้นแล้วทำให้มัน
00:53:11 → 00:53:14 สมดุลมากขึ้นะกันตอนที่เรานอนนั่นเองนะ
00:53:14 → 00:53:17 ครับนอกจากอาหารเสริมแล้วที่พูดมา 3 ตัว
00:53:17 → 00:53:19 ครับพี่ดิวมีเทคนิคอะไรบ้างที่ไปช่วย
00:53:19 → 00:53:22 เรื่องของลดความเครียดในร่างกายของเราอ่ะ
00:53:22 → 00:53:24 ครับอ่าโอเคก็จริงๆในแง่เทคนิคนะครับ
00:53:25 → 00:53:27 เพื่อที่ว่าเราทุกคนจะได้จำง่ายๆนะครับ
00:53:27 → 00:53:30 มันจะมี 3 อานะครับอันที่ 1 คือเรส Rest
00:53:30 → 00:53:33 อ่าใช่ครับผมอันที่ 2 คือรีกเนาะนะครับ
00:53:33 → 00:53:36 อันที่ 3 คือรีชาร์จเนาะนะครับโอเคแน่นอน
00:53:36 → 00:53:39 เรสคือการพักผ่อนนะครับเราคงจะต้องหาเวลา
00:53:39 → 00:53:42 ที่จะพักผ่อนจากภาระหน้าที่นะครับหรือว่า
00:53:42 → 00:53:45 เอ่อความเครียดความรับผิดชอบต่างๆนะครับ
00:53:45 → 00:53:47 หรือเป็นการ Take a Break นะครับให้กับ
00:53:47 → 00:53:50 ตัวเราเองในระหว่างวันระหว่างสัปดาห์หรือ
00:53:50 → 00:53:53 ว่าในระหว่างเดือนระหว่างปีต่างๆก็ได้
00:53:53 → 00:53:55 เนาะนะครับการ Balance ระหว่างการที่เรา
00:53:55 → 00:53:58 ทำงานและการการพักคงเป็นจุดสมดุลถ้าเรา
00:53:58 → 00:54:00 ได้ยินบ่อยๆคือ work Life Balance นะ
00:54:00 → 00:54:02 ครับอันนี้คือหัวใจสำคัญของการที่เรา Rest
00:54:02 → 00:54:05 นะครับ relx relax คือการมองหานะครับ
00:54:05 → 00:54:08 เนาะสิ่งต่างๆนะครับไม่ว่าจะเป็นกิจกรรม
00:54:08 → 00:54:12 นะครับหรือว่าโอเคล่ะหนังสือทีวีซีรีย์
00:54:12 → 00:54:15 ต่างๆนะครับหรือว่าเอ่อคนที่สามารถพูดคุย
00:54:15 → 00:54:17 ด้วยได้เพื่อนฝูงพ่อแม่ครอบครัวต่างๆที่
00:54:18 → 00:54:20 ทำช่ที่ทำให้เราช่วยรู้สึกว่าท่ามกลาง
00:54:20 → 00:54:23 สถานการณ์ที่มันตึงเครียดเนี่ยมันมีเอ่อ
00:54:23 → 00:54:26 พื้นที่ที่ทำให้เราได้รีกะผ่อนได้อย่าง
00:54:26 → 00:54:29 เต็มที่หรือแม้กระทั่งการไปนวดนะครับเนาะ
00:54:29 → 00:54:32 การที่เราไปทำเ่อออกกำลังกายต่างๆนะครับ
00:54:32 → 00:54:34 มันก็เป็นการที่เราทำให้เกิดร่างกายเนี่ย
00:54:34 → 00:54:37 มันรีกขึ้นนะครับเนาะทีนี้ส่วนรีชาร์จ
00:54:37 → 00:54:40 เนาะนะครับรีชาร์จมันคือการที่เราเติมนะ
00:54:40 → 00:54:44 ครับเติมสิ่งที่เป็นบวกนะครับให้กับทั้ง
00:54:44 → 00:54:46 ร่างกายและจิตใจของเราเองเหมือนเป็นการ
00:54:46 → 00:54:48 ชาร์จพลังเข้ามาเหมือนเวลาที่เราเ่อ
00:54:48 → 00:54:51 เหนื่อยล้าต่างๆการที่เราได้อ่าออกไปทำนะ
00:54:51 → 00:54:54 ครับในสิ่งใหม่ๆออกไปท่องเที่ยวนะครับออก
00:54:54 → 00:54:57 ไปได้เห็นประสบการณ์ต่างต่างๆไปเห็นสิ่ง
00:54:57 → 00:55:00 สวยงามไปอยู่กับธรรมชาตินะครับหรือแม้
00:55:00 → 00:55:02 กระทั่งการที่เราได้รู้สึกว่าได้ให้ได้
00:55:02 → 00:55:05 กิฟเนาะนะครับสิ่งต่างๆเหล่านี้เนี่ยมัน
00:55:05 → 00:55:08 ก็เป็นการที่เหมือนรีชาร์จนะครับ Positive
00:55:08 → 00:55:10 พลังงานด้านบวกต่างๆให้กับเราได้เหมือน
00:55:10 → 00:55:13 กันนะครับก็จะเป็นเทคนิค 3r นะครับที่
00:55:13 → 00:55:17 เป็นเทคนิคที่สามารถนะครับเอาไปอ่าลองนะ
00:55:17 → 00:55:20 ครับปรับใช้นะครับกับการใช้ชีวิตประจำวัน
00:55:20 → 00:55:22 ต่างๆของเราทำให้เราสามารถเผชิญและรับมือ
00:55:22 → 00:55:25 กับความเครียดเนี่ยได้ดีมากขึ้นครับผมอ
00:55:25 → 00:55:28 คราวนี้บางคนยังติดภาพเรื่องของจิตแพทย์
00:55:28 → 00:55:30 อยู่ฉันไม่ได้เป็นบ้าทำไมฉันต้องไปหา
00:55:30 → 00:55:32 จิตแพทย์ขั้นตอนการพบจิตแพทย์และขั้นตอน
00:55:32 → 00:55:34 การรักษามันเป็นยังไงบ้างอ่ะครับอ่าจริงๆ
00:55:35 → 00:55:38 เนี่ยก็หลายๆคนนะครับค่อนข้างมี
00:55:38 → 00:55:41 เอ่อการรับข้อมูลต่างๆนะครับที่โอ้รู้สึก
00:55:41 → 00:55:44 ว่ามันการไปเจอจิตแพทย์เป็นเรื่องที่อาจ
00:55:44 → 00:55:47 จะเป็นความรู้สึกอ่าไม่สบายใจบางอย่าง
00:55:47 → 00:55:49 หรือว่าความรู้สึกที่มันเป็นคนอื่นจะมอง
00:55:49 → 00:55:52 เรายังไงหรือว่าคนอื่นจะอ่าคิดกับเรายัง
00:55:52 → 00:55:55 ไงแต่จริงๆอยากจะบอกว่าการมาพบจิตแพทย์
00:55:55 → 00:55:58 อ่าไม่ได้แตกต่างจากการที่เรามีอาการเจ็บ
00:55:58 → 00:56:01 ป่วยแล้วเดินไปที่โรงพยาบาลนะครับเนาะ
00:56:01 → 00:56:03 อยากให้รู้สึกว่าจริงๆอ่าจิตแพทย์เอง
00:56:03 → 00:56:08 เนี่ยเป็นเอ่อคนที่นะครับอ่าทำหน้าที่นะ
00:56:08 → 00:56:11 ครับช่วยแล้วก็ดูแลนะครับหรือเป็นคนที่
00:56:11 → 00:56:14 สามารถที่จะทำให้เขาเนี่ยอย่างน้อยเป็น
00:56:14 → 00:56:17 ผู้ฟังที่ดีให้กับเขาได้อ่อหรือว่าเป็นคน
00:56:17 → 00:56:19 ที่คอยอ่ะให้กำลังใจต่างๆนะครับแล้วก็
00:56:19 → 00:56:22 เป็นคนช่วยประเมินในบทบาทของคุณหมอด้วยนะ
00:56:22 → 00:56:25 ครับทำให้เขาเนี่ยสามารถที่จะแน่นอนรับ
00:56:25 → 00:56:29 มือแล้วก็รู้ตัวเองนะครับว่าณณตอนเนี้ยเา
00:56:29 → 00:56:33 เผชิญอยู่กับอะไรเพื่อที่ว่าเขาจะได้อืม
00:56:33 → 00:56:36 มีทางแก้ไขและมีทางออกกับสภาวะหรือปัญหา
00:56:36 → 00:56:39 ที่เขาเจอเพราะฉะนั้นจริงๆจิตแพทย์ทุกๆคน
00:56:39 → 00:56:41 เนี่ยนะครับแน่นอนทุกคนใจดีมากนะครับแล้ว
00:56:41 → 00:56:45 เราก็พร้อมและก็ยินดีเสมอที่อ่าที่จะทำ
00:56:45 → 00:56:48 หน้าที่นะครับที่จะดูแลทั้งสุขภาพอ่า
00:56:48 → 00:56:50 เรื่องของอารมณ์ความคิดความรู้สึกต่างๆ
00:56:50 → 00:56:53 ให้ทุกๆคนเนี่ยผ่านนะครับเรื่องยากและซับ
00:56:53 → 00:56:56 ซ้อนทางด้านจิตใจไปได้แล้วหลายคนก็บอกว่า
00:56:56 → 00:56:59 อุ๊ยไปหาจิตแพทย์ต้องโดนกินยาแน่นอนยานอน
00:56:59 → 00:57:01 หลับยาซึมเศร้าอันนี้จริงหรือเปล่าครับอ
00:57:01 → 00:57:03 จริงๆต้องบอกว่าอ่าอาจจะไม่ได้จริงแบบ
00:57:03 → 00:57:06 นั้นนะครับเพราะว่าขึ้นอยู่กับความรุนแรง
00:57:06 → 00:57:08 นะครับขึ้นอยู่กับความรุความรุนแรงของแต่
00:57:08 → 00:57:11 ละคนเพราะว่าที่เราพูดกันมาเนี่ยมันก็มี
00:57:11 → 00:57:13 หลากหลายระดับความรุนแรงของตัวโรคและ
00:57:13 → 00:57:16 อาการนะครับเนาะแล้วก็แน่นอนซึ่งอันนึง
00:57:16 → 00:57:20 ที่อาจจะเป็นสิ่งที่ทุกๆคนกังวลคือผลข้าง
00:57:20 → 00:57:23 เคียงนะครับจากเรื่องของการรักษาการใช้ยา
00:57:23 → 00:57:26 ทางจิตเวทในปัจจุบันเนี่ยครับเอ่อค่อข้าง
00:57:26 → 00:57:30 เอ่อมียาชนิดใหม่ๆที่เ่อผลข้างเคียงน้อย
00:57:30 → 00:57:34 ประสิทธิภาพดีนะครับแล้วก็แตกต่างไปจากยา
00:57:34 → 00:57:36 ในยุคเก่าๆเก่าๆใช่ครับผมเพราะฉะนั้น
00:57:36 → 00:57:38 เนี่ยการที่มาเจอจิตแพทย์หรือว่าพบ
00:57:38 → 00:57:41 จิตแพทย์หากอาการรุนแรงและจำเป็นต้องใช้
00:57:41 → 00:57:44 ยานะครับสามารถแจ้งกับคุณหมอได้เลยว่าเ่อ
00:57:44 → 00:57:46 ผลข้างเคียงอะไรที่เราเป็นกังวลหรือไม่
00:57:46 → 00:57:50 สบายใจนะครับอยากให้คุณหมอเนี่ยช่วยที่จะ
00:57:50 → 00:57:53 ปรับหรือว่าอ่าให้อ่าทางเลือกนะครับอชใน
00:57:53 → 00:57:56 การรักษาต่างๆสามารถพูดคุยกับคุณได้เพราะ
00:57:56 → 00:57:58 ในปัจจุบันเนี่ยการรักษาแน่นอนเทคโนโลยี
00:57:58 → 00:58:01 หรือว่าต่างๆก็พัฒนามากขึ้นผลข้างเคียง
00:58:01 → 00:58:04 ต่างๆก็ลดน้อยลงตามไปด้วยครับผมอ่าก็ให้
00:58:04 → 00:58:06 พูดง่ายๆว่าให้คิดว่ามันเป็นโรคๆชนิดนึง
00:58:06 → 00:58:09 เหมือนเราเป็นหวัดหรือเราเป็นโควิดที่เรา
00:58:09 → 00:58:11 ต้องไปโรงพยาบาลแล้วเราไปรักษาถ้าคุณเป็น
00:58:11 → 00:58:14 หนักมากอ่ะคุณอาจจะต้องได้ยามาช่วยในการ
00:58:14 → 00:58:16 รักษาแต่ถ้าคุณไม่ได้เป็นหนักมากอาจจะได้
00:58:16 → 00:58:19 คำแนะนำและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือทาง
00:58:19 → 00:58:22 ด้านมุมมองต่างๆคุณจะได้เอาไปแก้แล้วก็
00:58:22 → 00:58:26 ไม่เป็นโรคที่พัฒนามากยิ่งขึึ้นในอนาคต
00:58:26 → 00:58:29 ใช่ครับผมใช่เลยครับผมพี่ดิวครับจิตแพทย์
00:58:29 → 00:58:31 เนี่ยเจอคนไข้ไม่กี่ชั่วโมงแต่ครอบครัว
00:58:31 → 00:58:33 กับเขาเนี่ยต้องอยู่กับเขาตลอดเวลาพี่ดิว
00:58:33 → 00:58:35 มีคำแนะนำอะไรบ้างสำหรับคนในครอบครัวคน
00:58:35 → 00:58:37 รอบข้างหรือคนรักของคนไข้อ่ะครับต้อง
00:58:37 → 00:58:42 ปฏิบัติตัวยังไงอ่าก็จริงๆเ่อเป็นเป็น
00:58:42 → 00:58:44 ปัจจัยสำคัญมากๆนะครับผมคนใกล้ตัวหรือว่า
00:58:44 → 00:58:48 คนรอบข้างเนี่ยที่จะช่วยทำให้เอ่อคนไข้
00:58:48 → 00:58:51 เองเนี่ยสามารถที่จะมีอาการที่ดีขึ้นได้
00:58:51 → 00:58:54 นะครับนะงั้นในการปฏิบัติตัวนะครับมันจะ
00:58:54 → 00:58:57 มีหลักการที่ว่าอันที่ 1 เราคงต้องเป็น
00:58:57 → 00:59:00 ผู้ฟังที่ดีให้กับเค้านะครับฟังแบบไหนถึง
00:59:00 → 00:59:02 จะเรียกว่าเป็นผู้ฟังที่ดีนะครับมันคือ
00:59:02 → 00:59:05 การที่เรารับฟังอย่างตั้งใจและอาจจะไม่
00:59:05 → 00:59:08 ได้รีบนะครับรีบเข้าไปตัดสินหรือว่ารีบ
00:59:08 → 00:59:11 เข้าไปเสนอแนะวิธีแก้ไขหรือว่าวิธีแก้
00:59:11 → 00:59:14 ปัญหานะครับแล้วก็การที่เราเ่อสามารถที่
00:59:15 → 00:59:18 จะฟังเค้าแล้วก็ทำความเข้าใจนะครับกับ
00:59:18 → 00:59:21 สิ่งที่เขาเผชิญนะครับหรือว่าเราจะเรียก
00:59:21 → 00:59:23 คำว่าใช้คำว่ามี empathy กับเขาเวลาที่
00:59:23 → 00:59:27 ฟังนะครับอ่ะอันนี้เป็นอันอ่าอันดับแรกนะ
00:59:27 → 00:59:30 ครับที่อ่าครอบครัวสามารถช่วยแล้วก็ทำให้
00:59:30 → 00:59:33 เกิดสภาวะแบบนี้ขึ้นเกิด empathy นะครับ
00:59:33 → 00:59:36 เนาะเข้าใจเข้าอกเข้าใจและรับฟังอย่าง
00:59:36 → 00:59:38 ตั้งใจนะครับอันถัดมาเนี่ยมันคือการที่
00:59:38 → 00:59:43 เราเลือกวิธีสื่อสารนะครับเวลาที่อ่าเรา
00:59:43 → 00:59:46 ต้องรับมือหรือสื่อสารพูดคุยกับคนที่อาจ
00:59:46 → 00:59:48 จะมีเรื่องของความเครียดสูงหรือมีเรื่อง
00:59:48 → 00:59:51 ของภาวะซึมเศร้าวิตกกังวลต่างๆการสื่อสาร
00:59:51 → 00:59:55 อย่างนุ่มนวลนะครับการสื่อสารที่เรารู้
00:59:55 → 00:59:58 สึกว่าเปิดโอกาสให้เขาได้พูดการที่มีการ
00:59:58 → 01:00:00 สื่อสารในในใน 2 ทิศทาง Two Way
01:00:00 → 01:00:03 Communication นะครับและเป็นไปอย่างที่
01:00:03 → 01:00:06 อ่านุ่มนวลนะครับก็หรือว่าประนีประนอมนะ
01:00:06 → 01:00:08 ครับอันเนี้ยก็เป็นปัจจัยนึงที่ทำให้คน
01:00:09 → 01:00:11 ไข้เนี่ยรู้สึกอ่าได้ผ่อนคลายจากความตึง
01:00:11 → 01:00:14 เครียดและความกดดันได้นะครับเนาะอันดับ
01:00:14 → 01:00:17 ถัดมานะครับมาคือการที่เรารู้สึกว่าพอ
01:00:17 → 01:00:20 เป็นคนใกล้ตัวหรือว่าคนใกล้ชิดนะครับอยู่
01:00:20 → 01:00:23 ด้วยกันนะครับการที่ทำให้เค้ารู้สึกว่า
01:00:23 → 01:00:28 เราไม่ได้อ่ามมองเในด้านลบมีอคติหรือมอง
01:00:28 → 01:00:32 ด้วยสายตาที่รู้สึกว่าเา้าอ่าไม่ดีหรือ
01:00:32 → 01:00:35 มองด้วยขวายตาที่รู้สึกโอ๊ยทำไมต้องมา
01:00:35 → 01:00:36 เป็นแบบนี้หรือว่าอะไรต่างๆแบบนี้เนี่ย
01:00:36 → 01:00:39 อันเนี้ยเราอาจจะต้องเป็นสิ่งที่คนใกล้
01:00:39 → 01:00:41 ตัวเองอาจจะต้องระมัดระวังนะครับเราอาจจะ
01:00:41 → 01:00:44 มองเ้าว่าโอเคเาคือคนสำคัญของเรามองเด้วย
01:00:44 → 01:00:48 สายตาแบบนั้นเวลาที่เราเ่ออยู่ใกล้ๆเขา
01:00:48 → 01:00:51 มันก็จะช่วยให้เขารู้สึกอ่าเค้าดีๆเป็น
01:00:51 → 01:00:54 ครอบครัวจะกลายเป็นเซฟโซนนะครับให้กับเ่อ
01:00:54 → 01:00:57 คนที่มีความคหรือคนที่มีภาวะซึมเศร้านะ
01:00:57 → 01:01:00 ครับแต่ว่านิดนึงนะครับมันจะมีในบางกรณี
01:01:00 → 01:01:03 ที่คนใกล้ตัวเองเนี่ยกลายเป็นปัญหาซะเอง
01:01:03 → 01:01:06 เนาะนะครับอันนี้เนี่ยก็เป็นอะไรที่
01:01:06 → 01:01:10 อ่าถ้าเรารู้สึกว่าปัญหาอยู่ตรงไหนเนาะนะ
01:01:10 → 01:01:14 ครับตัดเขไปได้บ้างก็เป็นทางออกที่ดีนะ
01:01:14 → 01:01:17 ครับผมโอเคขอบคุณมากพี่ขอบคุณพี่ดิวมาก
01:01:17 → 01:01:20 เลยนะครับอีได้ความรู้เยอะจริงๆเกี่ยวกับ
01:01:20 → 01:01:23 เรื่องของภาวะโรคซึมเศร้าเรื่องของเ่า
01:01:23 → 01:01:25 ความเครียดต่างๆนะครับแล้วเราจะปฏิบัติ
01:01:25 → 01:01:28 ตัวตัวยังไงสุดท้ายแล้วพี่ดิวอยากจะทิ้ง
01:01:28 → 01:01:30 ไ้หรือให้คำแนะนำอะไรบ้างครับเกี่ยวกับ
01:01:30 → 01:01:33 เรื่องของเราจะจัดการกับความเครียดยังไง
01:01:33 → 01:01:35 หรือเราต้องดูแลรักษาสุขภาพเราทางด้านนี้
01:01:35 → 01:01:38 ยังไงบ้าง่ะครับอ่าครับผมก็สุดท้ายสิ่ง
01:01:38 → 01:01:41 ที่อยากจะฝากไว้ก็คงเป็นคำว่าเอ่อสุขภาพ
01:01:41 → 01:01:44 เ่อสุขภาพจิตใจที่ดีมันคงไม่ได้หมายความ
01:01:45 → 01:01:47 ว่าเราจะต้องมีความสุขอยู่ตลอดเวลานะครับ
01:01:47 → 01:01:51 แต่ว่าการที่เรามีสุขภาพจิตใจที่ดีนั่น
01:01:51 → 01:01:54 หมายถึงการที่เราสามารถที่จะรับมือเผชิญ
01:01:54 → 01:01:58 ปัญหานะครับและสามารถที่จะผ่านเนาะนะครับ
01:01:58 → 01:02:01 ก้าวข้ามผ่านปัญหาต่างๆที่เข้ามาในชีวิต
01:02:01 → 01:02:04 ได้เนาะนะครับอือันนั้นคือสิ่งที่อยากจะ
01:02:04 → 01:02:07 ฝากไว้แล้วก็อยากให้ทุกคนเนี่ยมีสุขภาพ
01:02:07 → 01:02:10 จิตใจที่แข็งแรงนะครับผมแล้วก็สามารถที่
01:02:10 → 01:02:11 จะ
01:02:11 → 01:02:15 เอ่อมีความสุขนะครับร่วมด้วยนะครับผม
01:02:15 → 01:02:17 ขอบคุณมากครับพี่ดิวครับผมและนี่คือราย
01:02:17 → 01:02:20 การ doct Talk podcast ที่หมอและผู้
01:02:20 → 01:02:22 เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพจะมาพูดคุยประเด็น
01:02:22 → 01:02:25 เรื่องสุขภาพต่างๆฝากกด Like Subscribe
01:02:25 → 01:02:27 และเป็นกำลังใจให้หมอด้วยนะครับสวัสดี
01:02:27 → 01:02:31 ครับสวัสดีครับ