00:00:09 → 00:00:16 [เพลง]
00:00:18 → 00:00:20 สวัสดีค่ะแพทย์หญิงศิริลักษณ์กาญจนะ
00:00:20 → 00:00:23 ธีรพงษ์นะคะกุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญภูมิ
00:00:23 → 00:00:25 แพ้ภูมิคุ้มกันวิทยาโรงพยาบาลนวเวชศูนย์
00:00:25 → 00:00:28 สุขภาพเด็กค่ะเราอยากจะรู้จักในเรื่องของ
00:00:28 → 00:00:32 โรคคางทูมนะค่ะโรคคางทูมเนี่ยมันเกิดจาก
00:00:32 → 00:00:35 อะไรอ่ะคะตัวโรคคาทูมนะคะก็คือเป็นโรคที่
00:00:35 → 00:00:37 เกิดจากการติดเชื้อไวรัสค่ะก็คือมมไวรัส
00:00:37 → 00:00:40 นั่นเองนะคะซึ่งไวรัสชนิดเนี้ยเป็นกลุ่ม
00:00:40 → 00:00:43 ทางเดินหายใจค่ะเป็นไวรัสในกลุ่มพามิโ
00:00:43 → 00:00:45 ไวรัสค่ะซึ่งจริงๆก็คือเป็นที่รู้จักกัน
00:00:45 → 00:00:47 ว่าเป็นไวรัสในกลุ่เดียวกับโรคหัดกับหัด
00:00:47 → 00:00:50 เยอรมันนั่นเองค่ะก็จริงๆเนื่องจากเป็น
00:00:50 → 00:00:52 กลุ่มไวรัสทางเดินหายใจค่ะการติดเนี่ย
00:00:52 → 00:00:55 คล้ายๆกับพวกกลุ่มโรคก็พวกโควิดณปัจจุบัน
00:00:55 → 00:00:58 หรือ rsv หรือไข้หวัดใหญ่เลยค่ะก็คือติด
00:00:58 → 00:01:01 ผ่านทั้งสารคัดหลังนะคะคะสันคัดหลังก็คือ
00:01:01 → 00:01:03 กลุ่มน้ำมูกน้ำลายค่ะคือการติดกันก็คือ
00:01:04 → 00:01:06 เกิดจากการไอจามติดกันเพราะว่าเชื้ออยู่
00:01:06 → 00:01:09 ในน้ำลายอยู่แล้วนะคะนอกจากการไอจามติด
00:01:09 → 00:01:12 กันเนี่ยการใช้พวกสิ่งของค่ะร่วมกับหรือ
00:01:12 → 00:01:14 ต่อกันกับผู้ป่วยหรือคนที่มีเชื้ออยู่ใน
00:01:14 → 00:01:18 ระยะฟักตัวค่ะก็สามารถติดโรคนี้ได้คุณหมอ
00:01:18 → 00:01:21 คะแล้วเอ่อประชากรกลุ่มไหนคะที่เสี่ยงต่อ
00:01:21 → 00:01:23 การเกิดโรคคางทูมากที่สุดคะจริงๆแล้วโรค
00:01:23 → 00:01:26 คางูงเนี่ยค่ะติดได้ในทุกช่วงวัยเลยที
00:01:26 → 00:01:29 เดียวค่ะแต่เราจะพบว่าติดเยอะในช่วงเด็ก
00:01:29 → 00:01:31 ที่อายุต่ำกว่า 15 ปีนะคะโดยเฉพาะกลุ่ม
00:01:31 → 00:01:34 ที่เป็นอายุ 5-9 ปีค่ะแล้วก็ในกลุ่มผู้
00:01:35 → 00:01:37 ใหญ่เนี่ยก็คืออายุ 40 ปีขึ้นไปแต่โดย
00:01:37 → 00:01:39 เฉพาะเจาะจงเนี่ยกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน
00:01:39 → 00:01:42 มากกว่าค่ะที่เกิดจะเราเจอว่าพบการติด
00:01:42 → 00:01:44 เชื้อตัวนี้มากขึ้นนะคะเพราะเนื่องจากว่า
00:01:44 → 00:01:48 โรคคางทูมเองเนี่ยอ่ากระทรวงสาธารณสุขของ
00:01:48 → 00:01:50 ไทยเนี่ยแนะนำให้ฉีดวัคซีนอยู่แล้วแล้วก็
00:01:50 → 00:01:52 เลยมีภูมิคุ้มกันโรคนะคะเพราะฉะนั้นใน
00:01:52 → 00:01:54 กลุ่มที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเลยพบเจอ
00:01:54 → 00:01:57 ว่าติดเชื้อโรคนี้บ่อยกว่าค่ะคุณหมอคะ
00:01:57 → 00:02:00 แล้วผู้ป่วยโรคคางทูมเนี่ยมีอาการอย่างไร
00:02:00 → 00:02:03 บ้างอ่ะคะคือจริงๆก็ต้องบอกว่าเป็นโรคติด
00:02:03 → 00:02:06 เชื้อกลุ่มทางเดินหายใจนะคะแล้วก็เป็นโรค
00:02:06 → 00:02:08 ไวรัสเพราะฉะนั้นอันที่ 1 ที่เจอเลยก็คือ
00:02:08 → 00:02:11 ไข้ค่ะนะคะก็บางคนก็จะมีไข้ต่ำในกลุ่มที่
00:02:11 → 00:02:14 ภูมิคุ้มกันค่อนข้างดีหรืออาจจะมีไข้สูง
00:02:14 → 00:02:16 ได้ในกลุ่มที่เป็นเด็กเล็กนะคะไข้สูงนี้
00:02:16 → 00:02:20 ก็คือเกิน 38 องศเซซค่ะแล้วก็มักจะพบร่วม
00:02:20 → 00:02:22 กับอาการเบื่ออาหารค่ะแล้วก็กลุ่มอาการ
00:02:22 → 00:02:25 คล้ายๆไวรัสชนิดอื่นๆเลยก็คือปวดเมื่อย
00:02:25 → 00:02:29 ตามตัวปวดเมื่อยกล้ามเหนือปวดข้อค่ะแล้ว
00:02:29 → 00:02:31 ก็ที่สำคัญเลยก็ชื่อโรคคางทูมอยู่แล้วก็
00:02:31 → 00:02:34 คือการที่มีการบวมที่คางค่ะนั่นก็คือเกิด
00:02:34 → 00:02:36 จากการที่เชื้อไวรัสเนี่ยไปสะสมอยู่ที่
00:02:36 → 00:02:39 ต่อมน้ำลายนะคะอาจจะเป็นบริเวณข้างกกหู
00:02:39 → 00:02:42 แต่บริเวณใต้คางค่ะเพราะฉะนั้นคางก็จะบวม
00:02:42 → 00:02:47 ออกมาเราก็เลยเรียกโรคคางูมค่ะนะคะอ่านอก
00:02:47 → 00:02:49 จากนั้นเนี่ยก็คือจะเป็นอาการในกลุ่ม
00:02:49 → 00:02:51 อาการแทรกซ้อนค่ะซึ่งก็คือเป็นอาการที่
00:02:51 → 00:02:54 ตามมาหลังจากนั้นนะแต่ส่วนใหญ่แล้วอ่ะค่ะ
00:02:54 → 00:02:56 เ่อกลุ่มอาการโรคคางทูมเนี่ยเราพูดถึง
00:02:56 → 00:02:59 เรื่องไข้กันก่อนเราก็จะเจอเรื่องไข้ใน
00:02:59 → 00:03:01 ช่วงของ 2-3 วันแรกร่วมกับอาการเบื่อ
00:03:01 → 00:03:03 อาหารซึ่งจริงๆแล้วอาการคล้ายๆไข้วัดทั่ว
00:03:03 → 00:03:07 ๆไปนะคะส่วนอาการคางทูมหรือคางวมเนี่ยจะ
00:03:07 → 00:03:10 เกิดตามหลังภายใน 3-4 วันค่ะส่วนอาการ
00:03:10 → 00:03:12 อื่นๆที่เป็นร่วมกันแล้วแต่คนไข้ในแต่ละ
00:03:12 → 00:03:16 คนค่ะคุณหมอคะแล้วผู้ป่วยโรคคางทูมเนี่ย
00:03:16 → 00:03:18 ค่ะเ่อพอเราเป็นแล้วเนี่ยมันมีโอกาสที่จะ
00:03:18 → 00:03:21 เกิดภาวะหรือโรคอื่นๆแทรกซ้อนอะไรยังไง
00:03:21 → 00:03:24 ได้บ้างอ่ะคะก็คือต้องใช้การสังเกตค่ะ
00:03:24 → 00:03:26 เนื่องจากว่าอาการแทรกซ้อนเนี่ยพบได้
00:03:26 → 00:03:28 10-20 per เพราะฉะนั้นเมื่อไหร่เนี่ย
00:03:28 → 00:03:31 ที่มีอาการของโรคคาทูมก็คือมีไข้ที่ยาว
00:03:31 → 00:03:34 นานกว่า 1-2 สัปดาห์ต้องรีบพบแพทย์ทันที
00:03:35 → 00:03:37 ค่ะนะคะถ้าเกิดว่าเชื้อยังไม่แพร่กระจาย
00:03:37 → 00:03:40 ไปก็สามารถรักษาที่มากกว่าอาการประคับ
00:03:40 → 00:03:42 ประคองได้ค่ะเนื่องจากว่าเป็นโรคเป็น
00:03:42 → 00:03:45 เชื้อไวรัสนะคะที่ผ่านทางระบบทางเดินหาย
00:03:45 → 00:03:47 ใจก่อนแล้วก็เข้าไปในน้ำลายของผู้ป่วย
00:03:48 → 00:03:50 เพราะฉะนั้นก็จะเป็นเชื้อที่ไปอยู่ตามน้ำ
00:03:50 → 00:03:52 ลายนะคะแล้วก็เข้าระบบน้ำเหลืองได้แล้วก็
00:03:52 → 00:03:55 เข้าระบบเลือดได้นั่นก็คือเข้ากระแสเลือด
00:03:55 → 00:03:57 ได้เพราะฉะนั้นอาการแทรกซ้อนส่วนใหญ่ที่
00:03:57 → 00:04:00 เราพบค่ะอันที่ 1 ก็คือเรื่องของไข้สมอง
00:04:00 → 00:04:02 อักเสบที่จะเป็นตามมาซึ่งอันนี้เราพบใน
00:04:02 → 00:04:05 10% ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ป่วยเด็กนะคะ
00:04:05 → 00:04:08 ส่วนอาการสมองอักเสบหรือสมองบวมก็พบได้
00:04:08 → 00:04:10 เช่นกันค่ะแต่เราพบเพียงแค่ 1% เท่านั้น
00:04:10 → 00:04:13 เองนะคะซึ่งอันนี้ก็พบในผู้ป่วยเด็ก
00:04:13 → 00:04:15 เหมือนกันกลุ่มอาการไข้สมองอักเสบเนี่ย
00:04:15 → 00:04:17 อาการจะค่อนข้างน้อยกว่ากลุ่มที่เป็นสมอง
00:04:17 → 00:04:20 อักเสบนะคะกลุ่มเนี้ยเนี่ยส่วนใหญ่อาการ
00:04:20 → 00:04:23 แทรกซ้อนเนี่ยจะตามหลังภายใน 2-3 สัปดาห์
00:04:23 → 00:04:25 หลังติดเชื้อคางทูมไปแล้วเพราะฉะนั้น
00:04:25 → 00:04:28 อาการเนี่ยยังต้องเฝ้าระวังต่อไปนะคะ
00:04:28 → 00:04:30 กลุ่มนี้ก็คือมักจะมีค่าแล้วก็มีการปวด
00:04:30 → 00:04:32 ศีรษะที่ค่อนข้างมากหรือมีการพฤติกรรมที่
00:04:32 → 00:04:35 เปลี่ยนไปของเด็กและผู้ใหญ่นะคะนอกจากนี้
00:04:35 → 00:04:38 เนี่ยอาการแทรกซ้อนอื่นๆก็คือจะเป็นอาการ
00:04:38 → 00:04:40 แทรกซ้อนในระบบสืบพันธุ์ค่ะอย่างเช่นถ้า
00:04:40 → 00:04:42 เป็นผู้หญิงเนี่ยก็จะมีเต้านมอักเสบได้
00:04:43 → 00:04:46 เช่นมีไข้แล้วก็ปวดคัดแน่นเต้านมค่ะหรือ
00:04:46 → 00:04:48 มีเต้านมที่ร้อนกว่าบริเวณอื่นๆค่ะหรือ
00:04:48 → 00:04:51 ว่าวงข้างใดข้างหนึ่งหรือจะจะเป็นรังไข่
00:04:51 → 00:04:53 อักเสบตัวนี้ก็จะเป็นไข้แล้วก็ปวดท้อง
00:04:53 → 00:04:56 น้อยค่ะส่วนในผู้ชายเองก็จะมีเรื่องของ
00:04:56 → 00:04:59 ถุงอันทะอักเสบได้นะคะอันนี้ก็จะมีไข้ค่ะ
00:04:59 → 00:05:02 แล้วแล้วก็มีถุงอันทะข้างใดข้างหนึ่งบวม
00:05:02 → 00:05:04 ซึ่งการที่มีภาวะแทรกซ้อนของระบบสืบ
00:05:04 → 00:05:07 พันธุ์เนี่ยทำให้อ่าจริงๆแล้วต้องบอกว่า
00:05:07 → 00:05:09 ทั้งผู้ชายและผู้หญิงเนี่ยมีโอกาสที่จะมี
00:05:09 → 00:05:11 ปัญหาเรื่องการสืบพันธุ์ได้หรือเป็นหมได้
00:05:11 → 00:05:14 ในอนาคตนั่นเองนะคะนอกจากนี้เนี่ยเนื่อง
00:05:14 → 00:05:16 จากว่าเป็นไวรัสที่เข้าไปในน้ำลายแล้ว
00:05:16 → 00:05:19 อยู่บริเวณกกหูค่ะเราก็เลยพบว่ามีรายงาน
00:05:19 → 00:05:22 ของอาการแทรกซ้อนในกลุ่มหูหนวกค่อนข้าง
00:05:22 → 00:05:24 เยอะค่ะแต่ก็จะเป็นแบบกลุ่มที่เป็นหูหนวก
00:05:24 → 00:05:28 ชั่วคราวได้เยอะกว่าหัวหนวกถาวรค่ะคุณหมอ
00:05:28 → 00:05:31 คะอ่ออย่างที่คุณหมอแจ้งไปเมื่อสักครู่
00:05:31 → 00:05:34 ว่าโรคคาทูมเนี่ยสามารถที่จะแพร่เชื้อได้
00:05:34 → 00:05:37 ใช่ไหมมคะตรงนี้แพร่ผ่านทางไหนยังไงได้
00:05:37 → 00:05:39 บ้างนะคะแล้วควรจะต้องมีวิธีการระมัด
00:05:39 → 00:05:41 ระวังยังไงบ้างค่ะก็เป็นโรคที่แพร่ผ่าน
00:05:41 → 00:05:44 ทางน้ำลายนะคะหรือสารขัดหลังที่เราเรียก
00:05:44 → 00:05:46 Drop Pet Transmission ซึ่งจริงๆก็คือ
00:05:46 → 00:05:49 คล้ายๆกับโรคโควิดคล้ายๆกับ rsv และไข้
00:05:49 → 00:05:52 หวัดใหญ่ค่ะก็คือติดผ่านทางสารคัดหลัง
00:05:52 → 00:05:55 ซึ่งก็คือน้ำมูกน้ำลายติดผ่านทางการไอจาม
00:05:55 → 00:05:58 ค่ะเพราะฉะนั้นจริงๆแล้วเป็นโรคที่มีระยะ
00:05:58 → 00:06:00 ฟักตัวในช่วงแรกก่อนที่จะมีอาการคางทูม
00:06:00 → 00:06:02 ขึ้นมาค่ะเพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ที่เราทราบ
00:06:03 → 00:06:05 ว่าเรามีผู้ป่วยค่ะเราก็แนะนำให้แยกโรค
00:06:05 → 00:06:08 ก่อนเลยนะคะแล้วก็รักษาระยะห่างคล้ายๆกับ
00:06:08 → 00:06:11 โรคโควิดเลยทีเดียวค่ะเพื่อป้องกันการติด
00:06:11 → 00:06:13 ต่อของสาตคัดหลังก็คือห่างกันอย่างน้อย
00:06:13 → 00:06:16 2-3 เมตรเราหลีกเลี่ยงเรื่องของการใช้
00:06:16 → 00:06:19 อ่าเค้าเรียกใช้ของใช้ร่วมกับคนที่มีความ
00:06:19 → 00:06:22 เสี่ยงหรือว่ามีการติดโรคไปแล้วอย่างนี้
00:06:22 → 00:06:24 ค่ะซึ่งเราจะต้องหลีกเลี่ยงการใช้ของหรือ
00:06:24 → 00:06:27 ว่าทำความสะอาดเนี่ย 5-9 วันขึ้นไปเลยที
00:06:27 → 00:06:30 เดียวค่ะนอกเหนือจากคนที่ติดเชื้อแล้วคน
00:06:30 → 00:06:32 ที่อยู่ใกล้ผู้ติดเชื้อก็ควรจะต้องมีข้อ
00:06:33 → 00:06:35 ปฏิบัติยังไงบ้าง่ะคะก็คือเนื่องจากว่า
00:06:35 → 00:06:38 เป็นโรคที่มีการติดกันค่อนข้างง่ายนะคะก็
00:06:38 → 00:06:41 แนะนำให้มีการแยกโรคของคนไข้ค่ะคนไข้ที่
00:06:41 → 00:06:44 อ่าอยู่ในระยะกักตัวระยะฟักตัวหรือว่ามี
00:06:44 → 00:06:47 อาการแล้วค่ะเราแนะนำให้แยกโรคค่ะอย่าง
00:06:47 → 00:06:50 น้อยเนี่ย 5-9 วันขึ้นไปนะคะโดยเฉพาะถ้า
00:06:50 → 00:06:52 เป็นนักเรียนค่ะเราอยากให้นักเรียนหยุด
00:06:52 → 00:06:54 เรียนไปเลยหรือว่าถ้าเราทำงานอยู่เราก็
00:06:54 → 00:06:56 อยากให้หยุดงานไปเลยเพื่อป้องกันการไป
00:06:56 → 00:07:00 แพร่เชื้อในสังคมค่ะคุณหมอคะพอพูดใน
00:07:00 → 00:07:02 เรื่องของการข้อปฏิบัติไปแล้วทีนี้อยากจะ
00:07:02 → 00:07:05 ทราบในเรื่องของการรักษาค่ะการรักษาโรค
00:07:05 → 00:07:09 คางทูมทำได้กี่วิธีคะจริงๆก็ต้องบอกว่า
00:07:09 → 00:07:12 เป็นโรคที่ยังไม่มีการรักษาเฉพาะเจาะจมนะ
00:07:12 → 00:07:14 คะเพราะฉะนั้นจริงๆการรักษาก็แบ่งเป็น 3
00:07:14 → 00:07:17 วิธีค่ะอันที่ 1 ก็คือรักษาแบบประคับ
00:07:17 → 00:07:19 ประคองค่ะเพราะเป็นโรคที่เน้นการประคับ
00:07:19 → 00:07:22 ประคองอยู่แล้วเพราะฉะนั้นก็คือถ้ามีไข้
00:07:22 → 00:07:25 ก็แนะนำให้กินยาลดไข้เช่นพาราเซตามอลค่ะ
00:07:25 → 00:07:28 ซึ่งสามารถกินได้ทุก 4-6 ชมงสามารถกินยา
00:07:28 → 00:07:32 ลดไข้สูงบรรเทาปวดได้ค่ะกลุ่มบูเฟนค่ะแต่
00:07:32 → 00:07:35 เราไม่แนะนำการกินยากลุ่มแอสไพลินนะคะ
00:07:35 → 00:07:37 เพราะว่าโดยเฉพาะเด็กที่อายุต่ำกว่า 15
00:07:37 → 00:07:40 ปีเนี่ยยากลุ่มแอสไพลินเนี่ยในโรคคางทูม
00:07:40 → 00:07:42 เองเนี่ยทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนที่เกี่ยว
00:07:42 → 00:07:45 กับสมองปวมเกี่ยวกับอาการชักจนหมดสติได้
00:07:45 → 00:07:48 ค่อนข้างสูงค่ะค่ะส่วนการประคอประคองอื่น
00:07:48 → 00:07:51 ๆก็คือการรักษาตามอาการเช่นเราพักผ่อนให้
00:07:51 → 00:07:54 เพียงพอค่ะดื่มน้ำสะอาดมากๆถ้าเกิดว่าเรา
00:07:54 → 00:07:57 มีอาการปวดบวมบริเวณคางที่มีอาการคางทูม
00:07:57 → 00:08:00 นะค่ะแนะนำให้ประคบอุ่นๆหรือประคบร้อน
00:08:00 → 00:08:02 เพื่อบรรเทาอาการค่ะยกเว้นแต่ว่าถ้าเรา
00:08:02 → 00:08:05 ปวดมากๆเลยค่ะเราเปลี่ยนมาเป็นประคบเย็น
00:08:05 → 00:08:08 แทนเพื่อลดอาการปวดค่ะนะคะนอกนั้นจะเป็น
00:08:08 → 00:08:12 เรื่องของการอ่าบำรุงร่างกายอื่นๆค่ะอ่า
00:08:12 → 00:08:14 เราสามารถบำรุงร่างกายอื่นๆให้เราแข็งแรง
00:08:14 → 00:08:17 ได้เพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทานค่ะเ่อเรา
00:08:17 → 00:08:19 สามารถบ้วนปากด้วยน้ำเกลือได้ค่ะเพื่อ
00:08:19 → 00:08:21 รักษาความสะอาดในช่องปากจะได้ลดการแพร่
00:08:21 → 00:08:25 กระจายเชื้อค่ะแล้วก็ดื่มน้ำสะอาดมากๆค่ะ
00:08:25 → 00:08:27 สำหรับอาหารเองเนี่ยเราไม่แนะนำให้กิน
00:08:27 → 00:08:29 อาหารลดเปรี้ยวหรือลดจัดค่ะเพราจะทำให้
00:08:29 → 00:08:32 เกิดความไม่สบายช่องปากและทำให้น้ำลายเอง
00:08:32 → 00:08:34 ต้องทำงานหนักขึ้นค่ะจริงๆเรื่องของการ
00:08:34 → 00:08:36 รักษาประคับประคองในเด็กเล็กเนี่ยเราก็
00:08:36 → 00:08:39 เน้นเรื่องของการใช้ยาลดไข้ยาลดไข้สูง
00:08:39 → 00:08:41 แล้วก็ประคับประคองโดยการให้สาดน้ำค่ะ
00:08:41 → 00:08:44 เพราะฉะนั้นคุณแม่เองที่จะต้องสัมผัสเด็ก
00:08:44 → 00:08:47 ค่ะก็แนะนำเรื่องของการอ่าดูแลทำความ
00:08:47 → 00:08:50 สะอาดมือค่ะการใส่หน้ากากอนามัยค่ะลดการ
00:08:50 → 00:08:53 สัมผัสสารคัดหลังหลังจากเราสัมผัสสารคัด
00:08:53 → 00:08:55 หล่งหรือเช็ดตัวรดไข้ให้ลูกแล้วเราก็ควร
00:08:55 → 00:08:58 จะอาบน้ำทำความสะอาดหรือสระผมนะคะและ
00:08:58 → 00:09:00 เนื่องจากว่าโรคนี้เนี่ยการรักษาแบบที่ 2
00:09:00 → 00:09:03 เนี่ยก็คือต้องบอกว่าเราไม่มียารักษาที่
00:09:03 → 00:09:05 เฉพาะเจาะจงค่ะเพราะฉะนั้นการยาต้าน
00:09:05 → 00:09:08 จุลชีพยาแก้อักเสบหรือยาฆ่าเชื้อก็ไม่
00:09:08 → 00:09:11 สามารถใช้ได้ผลในโรคของคาทูปได้ยกเว้นต่อ
00:09:11 → 00:09:14 ว่าจริงๆแล้วการที่มีคาทูปเเป็นการติด
00:09:14 → 00:09:17 เชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนหรือว่าเป็นเมดิ
00:09:17 → 00:09:20 ถึงจะมียาปฏิชีวนะที่ใช้รักษาเฉพาะเจาะจง
00:09:20 → 00:09:23 ค่ะนะคะสุดท้ายการรักษาก็คือการแยกโรค
00:09:23 → 00:09:25 นั่นเองค่ะเพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดใน
00:09:25 → 00:09:27 สังคมและโรงเรียนค่ะค่ะปัจจุบันนี้ค่ะขอ
00:09:27 → 00:09:30 อนุญาตอัปเดตนิดนึงคะอยากทราบว่าในเรื่อง
00:09:30 → 00:09:34 ของการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคคางทูมอ่ะ
00:09:34 → 00:09:37 ค่ะตอนนี้นะคะคนกลุ่มไหนที่ควรฉีดนะคะ
00:09:37 → 00:09:40 แล้วก็ควรฉีดกี่ครั้งแล้วก็การฉีดวัคซีน
00:09:40 → 00:09:42 เนี่ยสามารถที่จะป้องกันการเกิดโรคได้มาก
00:09:42 → 00:09:45 น้อยแค่ไหนคะในในปัจจุบันนะคะไม่ว่าจะ
00:09:45 → 00:09:47 เป็นโรคไหนก็ตามหรือโรคคางทูปเนี่ยการฉีด
00:09:47 → 00:09:49 วัคซีนเนี่ยเป็นการป้องกันโรคที่มี
00:09:49 → 00:09:52 ประสิทธิภาพสูงสุดค่ะปัจจุบันเนี่ย
00:09:52 → 00:09:55 สาธารณสุขไทยค่ะก็แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้อง
00:09:55 → 00:09:58 กันโรคคางูมนะคะซึ่งออกมาในรูปแบบวัคซีน
00:09:58 → 00:10:01 รวมค่ะก็คือวัคซีนรวมหัดหัดเยอรมันระฆัง
00:10:01 → 00:10:04 ทูมหรือ mmr วัคซีนนั่นเองนะคะหรือในผู้
00:10:04 → 00:10:06 ใหญ่เนี่ยอาจจะรวมกับวัคซีนป้องกันอีสุก
00:10:06 → 00:10:09 อีสัยค่ะอ่าเข้าไปด้วยเป็น 4 โรคแบบนั้น
00:10:09 → 00:10:13 ค่ะก็แนะนำให้ฉีดนะคะที่ 2 ครั้งค่ะครั้ง
00:10:13 → 00:10:16 แรกเนี่ยที่อายุ 9-12 เดือนค่ะแล้วครั้ง
00:10:16 → 00:10:19 ที่ 2 ที่อายุ 18 เดือนนะคะซึ่งจะแตกต่าง
00:10:19 → 00:10:21 จากของเดิมเพึ่งมีการเปลี่ยนแปลงใน 1-2
00:10:21 → 00:10:24 ปีมานี้ค่ะเนื่องจากว่าการตกของภูมิค่ะ
00:10:24 → 00:10:27 จึงทำให้เราฉีดวัคซีนครั้งที่ 2 เร็วขึ้น
00:10:27 → 00:10:30 นะคะการฉีดวัคซีนครั้งแรกเนี่ยสามารถป้อง
00:10:30 → 00:10:33 กันโรคได้ 80% แล้วค่ะค่ะแล้วการฉีดครั้ง
00:10:33 → 00:10:35 ที่ 2 เองก็ทำให้ภูมิสูงขึ้นและมีภูมิ
00:10:35 → 00:10:38 ตลอดชีวิตค่ะจริงๆแล้ววัคซีนเนี่ยเนื่อง
00:10:38 → 00:10:40 จากเป็นวัคซีนเชื้อเป็นค่ะก็คือฉีดเมื่อ
00:10:40 → 00:10:43 ไหร่ก็ได้ค่ะก็คือถ้าเราทราบว่าอ้าวเรา
00:10:43 → 00:10:45 ยังไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันหัดหัดเยอรมัน
00:10:45 → 00:10:48 คางทุมมาก่อนเลยหรือถ้าไม่สมัยก่อนเค่ะ
00:10:48 → 00:10:51 อ่ารุ่น 30 ปีที่แล้วอาจจะฉีดวัคซีนหัดมา
00:10:51 → 00:10:53 อย่างเดียวเราสามารถเริ่มฉีดวัคซีนหัดหัด
00:10:53 → 00:10:56 เยอรมันคางูเมื่อไหร่ก็ได้ค่ะคุณหมอคะ
00:10:56 → 00:10:59 อยากทราบในส่วนของวิธีการป้องกันค่ะที่
00:10:59 → 00:11:02 เราจะไม่เกิดโรคคางทูมค่ะสำหรับวิธีการ
00:11:03 → 00:11:05 ป้องกันโรคคางทูมนะคะเนื่องจากว่าเป็นโรค
00:11:05 → 00:11:08 ที่มีการติดต่อผ่านทางสารขัดหลังค่ะการ
00:11:08 → 00:11:11 เฝ้าระวังหรือการป้องกันทั่วๆไปอันที่ 1
00:11:11 → 00:11:13 ก็คือเรื่องของการใส่หน้ากากอนามัยค่ะ
00:11:13 → 00:11:16 แล้วก็อันที่ 2 ค่ะรดการอยู่ในที่ที่มี
00:11:16 → 00:11:18 การแออัดหรือมีการระบาดของโรคค่ะเพราะ
00:11:18 → 00:11:21 ฉะนั้นถ้าบุตรหลานเราเป็นก็ให้หยุดโรง
00:11:21 → 00:11:24 เรียนค่ะถ้ามีการแพร่ระบาดของโรคก็อาจจะ
00:11:24 → 00:11:26 ต้องปิดโรงเรียนหรือว่าทำความสะอาดห้อง
00:11:26 → 00:11:29 ค่ะแล้วก็สุดท้ายก็คือทำให้ระบบภุมคุ้ม
00:11:29 → 00:11:31 กันเราแข็งแรงเป็นการป้องกันโรคที่ดีที่
00:11:31 → 00:11:34 สุดนะคะดื่มน้ำสะอาดค่ะกินอาหารที่มี
00:11:34 → 00:11:37 ประโยชน์ค่ะแล้วก็พักผ่อนให้เพียงพอค่ะคำ
00:11:37 → 00:11:39 ถามข้อสุดท้ายค่ะคุณหมอตัวนี้ก็คืออยาก
00:11:39 → 00:11:42 ให้คุณหมอค่ะอ่าขอคำแนะนำจากคุณหมอหน่อย
00:11:42 → 00:11:45 ค่ะว่าอ่าเราจะต้องมีการดูแลตัวเองหรือ
00:11:45 → 00:11:49 ว่าบุตรหลานอย่างไรค่ะให้แข็งแรงปลอดภัย
00:11:49 → 00:11:51 จากโรคค่ะอันที่ 1 ก็ต้องเน้นเรื่องของ
00:11:51 → 00:11:53 การฉีดวัคซีนก่อนค่ะเนื่องจากว่าเป็น
00:11:53 → 00:11:55 วัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการป้อง
00:11:55 → 00:11:58 กันโรคค่ะก็ขอแนะนำให้ฉีดวัคซีนนะคะที่
00:11:58 → 00:12:01 เป็นเข็มรวมหัดหัดเยอรมันคังทุมหรือ mmr
00:12:01 → 00:12:03 วัคซีนค่ะให้บุตรหลานนะคะทุกคนที่อายุ
00:12:04 → 00:12:06 ครั้งแรกค่ะ 9-12 เดือนและครั้งที่ 2
00:12:06 → 00:12:10 อายุ 18 เดือนขึ้นไปนะคะส่วนการดูแลทั่วๆ
00:12:10 → 00:12:12 ไปให้พ้นจากโรคคาทูมเองหรือโรคติดเชื้อ
00:12:12 → 00:12:15 อื่นๆที่เป็นระบบทางเดินหายใจนะคะก็คือ
00:12:15 → 00:12:19 อันที่ 1 เลยก็คืออ่ารักษาสุขภาพค่ะทำให้
00:12:19 → 00:12:21 ระบบภุมคุ้มกันของเราเนี่ยแข็งแรงอยู่
00:12:21 → 00:12:23 ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นกินการกินอาหารที่มี
00:12:23 → 00:12:26 ประโยชน์กินน้ำสะอาดมากๆพักผ่อนให้เพียง
00:12:26 → 00:12:29 พอค่ะอันที่ 2 ก็คือถ้าเราจำเป็นต้องอยู่
00:12:29 → 00:12:32 ในที่ที่มีคนเยอะๆแอรอัดหรือไปโรงเรียน
00:12:32 → 00:12:35 ค่ะก็อยากจะให้หนก็ยังอยากให้สวมหน้ากาก
00:12:35 → 00:12:37 อนามัยค่ะเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของ
00:12:37 → 00:12:39 เชื้อค่ะอันที่ 2 ก็คือยังอยากให้รักษา
00:12:39 → 00:12:43 ระยะห่างค่ะถ้ามีการแอร์อัดอยู่ค่ะคะสุด
00:12:43 → 00:12:46 ท้ายทำจิตใจให้ผ่องใสค่ะเราก็จะห่างไกล
00:12:46 → 00:12:48 โลกนะ
00:12:48 → 00:12:51 [เพลง]
00:12:51 → 00:12:55 คะ & Health เราจะรวบรวมความรู้ทางด้าน
00:12:55 → 00:12:59 สุขภาพจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือพร้อม
00:12:59 → 00:13:02 ก่อติดความเคลื่อนไหวจากทุกประเด็นสุขภาพ
00:13:02 → 00:13:06 รอบโลกสะท้อนผ่านความคิดมุมมองของแพทย์
00:13:06 → 00:13:09 ผู้เชี่ยวชาญและองค์ความรู้ทางด้านต่างๆ
00:13:09 → 00:13:13 TNN Health เข้าถึงทุกสาระสุขภาพเสริม
00:13:13 → 00:13:15 ภูมิคุ้มกันรู้ทัน
00:13:15 → 00:13:27 [เพลง]
00:13:27 → 00:13:38 โลก
00:13:38 → 00:13:43 [เพลง]
00:13:43 → 00:13:46 e